ตอนที่ 12
หญิงเล็กกับขิมเข้าใจว่าผู้หญิงที่พวกตนเกือบจับได้เมื่อวันก่อนเป็นเมียของรุจน์ ไม่ใช่คนงานใหม่อย่างที่บอก เหตุนี้ทำให้รุจน์โดนชายใหญ่เรียกมาพบในวันถัดมา
ชายใหญ่ไม่ได้ตำหนิแต่เตือนด้วยความปรารถนาดีว่าถ้าจะอยู่กินกับใครควรทำให้ถูกธรรมเนียม ไม่ใช่หลบๆซ่อนๆ รุจน์เป็นถึงผู้จัดการไร่เดี๋ยวคนงานจะหมดความนับถือ หากรักใคร่ชอบพอกันจริงตนจะจัดการตบแต่งให้ รุจน์ฟังแล้วอึ้งงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนบอกว่าเธอหนีไปแล้วเพราะกลัวคุณหญิงเล็ก เอาไว้ตนจะไปตามเธอมาพบคุณชาย
รุจน์โล่งใจที่ชายใหญ่ไม่สงสัยอะไรมากกว่านี้ แต่ไม่ทันข้ามคืนชายใหญ่เกือบเจอภรรยาของเขาตรงท้ายไร่ นวลหลบหลีกและซ่อนตัวอยู่สักพักกว่าจะหนีรอด ส่วนชายใหญ่กลับมาบอกทุกคนที่บ้านพักว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในไร่ กำชับพวกหญิงเล็กให้อยู่แต่ในบ้าน ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น ตนกับรุจน์จะออกไปช่วยคนงานตามหา
เมื่อรู้ว่ามีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ดาริกาหวาดกลัวจนไม่อยากอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อน ชวนหญิงเล็กกลับพระนคร แต่รายนั้นไม่ยินยอม ส่วนรุจน์ที่ทราบดีว่า
ผู้บุกรุกคือใคร เขาหาทางแยกตัวจากกลุ่มของชายใหญ่มาที่บ้านพักบอกคุณผึ้งให้ซ่อนตัวดีๆ เสร็จแล้วก็ย้อนกลับไปกล่อมเจ้านายให้เลิกตามหา แต่กว่าชายใหญ่จะยอมก็ล่วงเลยไปดึกดื่นค่อนคืน
ทางภุมวารีหรือผึ้งตัวจริงที่พระนคร วันนี้เธออารมณ์เสียขึ้นมาอีกเมื่อเห็นขวัญเรือนพาภานุโรจน์ออกไปนั่งเล่นที่สนาม นึกว่าเธอจะเข็ดหลาบจนไม่กล้าโผล่หน้ามา เลยกระหน่ำด่าไปอีกชุด แต่คราวนี้ขวัญเรือนไม่นิ่งเฉย ด่ามาด่ากลับ ตบมาก็ตบกลับเหมือนกัน
ภุมวารีคาดไม่ถึง ร่ำร้องจะฟ้องภาสกรว่าขวัญเรือนทำร้ายตน แต่ขวัญเรือนท้าอย่าลืมฟ้องด้วยว่าเธอทำอะไรกับตนบ้าง ภุมวารีแทบกรี๊ดโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่อีกฝ่ายไม่เกรงใจ
ภานุโรจน์เห็นแก้มขวัญเรือนเป็นรอยแดง เดาว่าเธอโดนพี่สะใภ้ของตนทำร้าย เขาอยากจะบอกภาสกรแต่ขวัญเรือนห้ามไว้เพราะไม่ต้องการมีปัญหามากไปกว่านี้ อยากอยู่ดูแลเขาในบ้านนี้อย่างสงบสุข ภานุโรจน์ฟังแล้วคลายความร้อนใจลง ยิ้มมีความสุขบอกว่าตนอยากให้ขวัญเรือนอยู่กับพวกเราตลอดไป
ooooooo
เมื่อคืนพวกชายใหญ่ตามจับตัวผู้บุกรุกไร่ไม่ได้ เช้านี้ดาริกาแอบโทร.หาแม่ที่พระนครบอกให้ส่งคนมารับกลับ พร้อมกันนี้ได้เขียนจดหมายลาออกจากงานในไร่ไว้ด้วย แต่ไม่ทันได้กลับไปหญิงเล็กมาเจอเสียก่อนก็เลยเป็นเรื่อง
หญิงเล็กไม่ยอมให้ดาริกากลับพระนคร ฉีกจดหมายลาออกและมีปากเสียงกับเพื่อนรักอยู่พักหนึ่งก่อนจะไปคุยกับขิมวางแผนผูกมัดขั้นเด็ดขาดให้ดาริกาไม่ไปจากชายใหญ่
ทางด้านภุมวารีที่นับวันยิ่งเกลียดชังขวัญเรือน วันนี้เธอไปจ้างนักเลงสองคนให้มาข่มขืนขวัญเรือนถึงหอพัก ซึ่งนักเลงพวกนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนทวงหนี้จากบ่อนนายแสวงที่เคยเจอกันหลายครั้งตอนมาทวงทินกรพ่อของภาสกรนั่นเอง
หลังจากว่าจ้างกันดิบดีแล้วภุมวารีกลับเข้าบ้านทำตัวปกติเหมือนเดิม ทำอาหารมื้อเย็นไว้เอาอกเอาใจภาสกร แถมยังจะพาภานุโรจน์ออกมานั่งกินข้าวที่สนามเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แต่สองพี่น้องไม่สนใจ ทิ้งให้หญิงสาวเก้อจนกลายเป็นโกรธที่ไม่มีใครเห็นน้ำใจตนเลย
ตกค่ำเธอนั่งรอภาสกรในห้องด้วยความอดทน จนกระทั่งเขาเข้ามาเอาของใช้ส่วนตัวแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนเธอไม่มีตัวตน ความอดทนของภุมวารีจึงหมดลง ถามเขาว่าจะโกรธตนไปถึงเมื่อไร
“ผมไม่ได้โกรธอะไรนี่ครับ”
“ไม่จริง คุณทำหมางเมินกับผึ้งขนาดนี้ จะให้เชื่อหรือคะว่าคุณไม่ได้เป็นอะไร”
ภาสกรไม่ตอบแต่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ภุมวารีตามไปตอแยแล้วเห็นแผลแดงที่หน้าผาก ถามเสียงอ่อนลงว่าเจ็บไหม
“ไม่ครับ” ตอบแล้วเขาเบี่ยงหน้าหลบ เดินหนีไปหยิบของอีกทาง ภุมวารีตามมากอดรัดและเริ่มฟูมฟาย
“คุณภาสอย่าทำแบบนี้ได้ไหมคะ อย่าทำเหมือนผึ้งไม่ได้อยู่ในสายตาของคุณ ผึ้งทนไม่ได้ ถ้าคุณโกรธเกลียดผึ้ง ก็ลงโทษผึ้งมาเถอะค่ะ แล้วก็ให้มันจบสิ้นแค่นั้น ขอให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหมคะ”