ตอนที่ 12
“เขมกลับบ้านล่ะ ไตรอยู่ไอซียู ยังไงก็นอนเฝ้าไม่ได้”
พูดจบก็ผละไป ทิ้งญาดาให้มองตามเซ็งๆที่น้องสาวเอาแต่อารมณ์
ญาดาเฝ้าอาการของไตรทศตามลำพัง ชญานีอยากเยี่ยมเขาใจแทบขาดแต่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับญาดา แต่โชคไม่ดีเพราะเธอถูกคนที่พยายามหลบหน้าเจอเข้าเสียก่อน
ชญานีหน้าเสีย กลัวถูกญาดากีดกัน แต่ผิดคาด นอกจากไม่ห้ามแต่ขอร้องด้วยท่าทีนิ่งสงบ
“ฉันขอร้อง...อย่ามายุ่งกับน้องชายฉัน ฉันไม่รู้ว่าคราวหน้าไตรจะโชคดีถึงมือหมอทันไหม”
“ไม่มีคราวหน้า เราสองคนเข้าใจกันแล้ว”
“แต่พี่ชายคุณไม่เข้าใจด้วยหรอก ฉันจะไม่ยอมให้ไตรต้องเฉียดตายเพราะคุณอีก ความรักไม่ได้จบด้วยความสมหวังเสมอนะคะคุณนี อย่าเอาแต่ได้...เหมือนพี่ชายคุณ!”
ooooooo
เพ็ญขวัญใจหายที่ต้องย้ายจากเมืองไทย สีหน้าและท่าทางซังกะตายจนทัศนะสัมผัสได้ แต่เลือกไม่พูดอะไร นอกจากเร่งให้เก็บของไปบริจาค และตัดสินใจบอกความจริงเรื่องทีมาร์ทคือบริษัทฟอกเงินกาสิโนของมิสเตอร์หว่อง
“พี่ไม่ใช่คนดีอย่างที่ขวัญคิด”
“ขวัญเข้าใจ พี่นะจำเป็นต้องทำงานหาเงินเยอะๆเพื่อดูแลขวัญ”
“เราไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในโลกที่ไม่มีใครรู้จักเราดีกว่า”
“แล้วพี่คริตกับพี่นีจะเป็นไงต่อไป”
“สองคนนั้นคงกลับไปทำงานให้คุณป๋าที่ฮ่องกง เปิดบริษัทฟอกเงินให้กาสิโนใหม่...เป็นวังวนอุบาทว์ไม่มีสิ้นสุด”
“พี่คริตไม่มีวันมีชีวิตเป็นของตัวเอง”
“มันเลือกเอง...ตั้งแต่วันที่มันตัดสินใจหนีไปฮ่องกง มันรู้ดีว่าชีวิตมันจะไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรก”
แม้จะเข้าใจเหตุผลและความรู้สึกพี่ชาย แต่เพ็ญขวัญยังคาใจเรื่องเขมิกาและยังไม่อยากย้ายออก พยายามหว่านล้อมให้เปลี่ยนใจ แต่ทัศนะไม่ยอมจนเธอต้องโพล่งอย่างเหลืออด
“พี่นะรู้ได้ไง นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับขวัญ พี่นะไม่ถามความเห็นของขวัญสักคำ”
“ไม่ว่าพี่จะตัดสินใจเรื่องอะไร พี่นึกถึงขวัญก่อนเสมอ เชื่อพี่...พี่คิดดีแล้ว นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรา”
อาการวิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลียระหว่างวันและประจำเดือนขาดทำให้ญาดาสังหรณ์ใจ แอบเอาอุปกรณ์ตรวจครรภ์ไปทดสอบในห้องน้ำ แล้วก็ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อผลออกมาว่าเธอตั้งท้อง!
เขมิกาแปลกใจที่พี่สาวไม่ลงมากินข้าวเช้าจึงไปเคาะประตูเรียกในห้องพักแขก ญาดาหน้าซีด รีบเอาชุดตรวจครรภ์ไปซ่อนในโถชักโครกและมารับหน้าน้องสาว แต่ท่าทางพิรุธก็ทำให้คุณหนูคนสวยสงสัย แอบไปสำรวจห้องน้ำจนพบความลับของพี่สาวว่าตั้งท้องกับชาคริต!
ความจริงเรื่องตั้งท้องทำให้ญาดาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว เขมิกาลอบสังเกตอาการพี่สาวอย่างใจเย็น ไม่กระโตกกระตากให้อีกฝ่ายไหวตัวเพราะคิดแผนจะใช้เรื่องลูกเอาคืนชาคริต
ชาคริตไม่รู้เรื่องด้วย แต่ก็ผิดสังเกตญาดาที่มีท่าทางเหม่อลอยจนเกือบถูกเด็กชนล้ม
“ใจลอยไปไหน เจ็บตรงไหนเหรอ”
“ไม่เป็นไร นี่คุณจะตามฉันไปถึงไหน”
“ไม่ตามเมียแล้วจะให้ผมไปตามใคร ผมเห็นคุณเดินใจไม่อยู่กับตัวตั้งนานแล้ว น้องชายดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ใช่! ไตรจะหายเป็นปกติในไม่ช้า แล้วถ้าคุณทำน้องฉันเจ็บอีก...คุณจะเจ็บยิ่งกว่า”
ญาดามองหาบอดี้การ์ดส่วนตัว ชาคริตดักคออย่างรู้ทันว่าให้ปิงพาไปกินกาแฟแล้ว เพราะตัวเธอจะต้องไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดกับเขา ญาดาขืนตัวเต็มที่แต่ก็ถูกลากตัวเข้าแผนกสูตินรีเวชจนได้
ชาคริตเอะใจอาการแปลกๆของภรรยาตั้งแต่เมื่อวาน และวันนี้เขาก็อยากพิสูจน์ความจริงบางอย่างจึงพาเธอมาตรวจที่แผนกสูตินรีเวช ญาดาหน้าซีด เหงื่อเริ่มแตกจนเขาต้องดึงมือมากุม
“ไม่ต้องกลัวหรอกดา พยาบาลบอกว่าตรวจเเมมโมแกรมยุคนี้ไม่เจ็บแล้ว นี่เราตรวจคู่เลยดีไหม มีโปรแกรมตรวจร่างกายสำหรับคู่สมรส โปรแกรมสำหรับคุณแม่...”
“คุณนี่พูดมากตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย พูดไปเรื่อย รู้เหรอว่าเครื่องแมมโมแกรมไว้ตรวจอะไร”
ญาดาแหวกลับอย่างหัวเสีย ชาคริตไม่ถือสาย้อนถามเสียงอ่อนถึงเรื่องที่เธอเหวี่ยงไม่หยุด
“หงุดหงิดที่เห็นหน้าคุณไง ฉันไม่ต้องตรวจอะไรหรอก คุณอยู่ห่างๆฉันก็พอ ความดันขึ้นเพราะคุณนี่แหละ”
พูดจบก็จะผละไป แต่ชาคริตรั้งตัวไว้และสั่งเสียงเข้ม
“วันนี้คุณต้องตรวจ! ตรวจทุกอย่างที่ผู้หญิงตรวจกัน...รออยู่นี่นะ”
ชาคริตลุกไปเอาเรื่องเด็กๆที่วิ่งเล่นจนเกือบชนญาดาล้ม แม่ของเด็กรีบมาขอโทษเพราะเข้าใจว่าภรรยาของเขาตั้งท้อง ชาคริตจะปฏิเสธแต่ไม่ทันขยับปากก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าญาดาหายตัวไปแล้ว...
ooooooo