ตอนที่ 7
“งั้นม้าก็ต้องเตรียมตอบคำถามนักข่าวเรื่องเช็คค่าจ้างที่อาม้ากับอาป๊าโกงคณะงิ้วคราวก่อนด้วยนะครับ เพราะผมเองก็มีหลักฐานเหมือนกัน ลายเซ็นบนเช็คกับลายเซ็นในสัญญาเงินกู้ คือของอาม้าชัดๆ ผมคงไม่ต้องพูดอะไรมากกับตำรวจเลยด้วยซ้ำ”
วลีกับไชโยอกแทบแตกหาว่าชยุติเห็นผู้หญิงดีกว่าพ่อแม่ เขาแย้งว่าไม่เคยเห็นใครดีกว่าใคร ตนเห็นแต่ความถูกต้อง วลีเดือดดาล
“ความถูกต้องของแกก็คือนังบัวสินะ...แกถึงยอมทำทุกอย่างให้กับมันโดยไม่คิดสนว่าป๊ากับม้าจะรู้สึกยังไง”
“แล้วป๊าม้าเคยคิดถึงความรู้สึกของผมบ้างรึเปล่า คิดบ้างรึเปล่าว่าผมจะทุกข์แค่ไหนถ้าต้องแต่งงานกับคนที่ผมไม่ได้รักอย่างยิ่งจันทร์...ป๊าม้าก็ไม่เคยคิด ไม่เคยสนความรู้สึกผมเหมือนกันใช่ไหมครับ เพราะอย่างนี้ผมถึงต้องทำตามความรู้สึกตัวเองบ้าง”
“แต่ที่ป๊ากับม้าทำทุกอย่างก็เพื่อความสุขของแกนะไอ้ตี๋” ไชโยเสียงอ่อยลง
“แน่ใจเหรอครับว่าเพื่อความสุขของผม เอาเป็นว่า ถ้าป๊ากับม้ายังยืนยันจะให้ผมกับบัวหย่ากัน ผมก็ทำให้ได้ครับ แต่เราคงต้องแบ่งสมบัติให้บัวครึ่งหนึ่งนะครับ เพราะผมกับบัวจดทะเบียนสมรสกันแล้ว...ป๊าม้าจะตัดสินใจยังไงก็ว่ามา ผมรอฟังอยู่”
วลีร้องกรี๊ดด้วยความแค้นใจ ชยุติสบตาทั้งสองด้วยแววตาแน่วแน่...
ooooooo
พิธีการจัดขึ้น มีแขกเหรื่อนั่งร่วมพิธีพอประมาณรวมทั้งกลุ่มนักข่าว ชยุติกับบัวยกน้ำชาไหว้มาลัย เธออวยพรให้ทั้งสองรักกันมั่นคง อยู่ด้วยกันยืนยาวจนแก่เฒ่า และให้รีบมีเหลนให้ตน ชยุติรับคำทันที บัวมองหน้าเขาตึงอายๆ
พอยกน้ำชาให้วลีกับไชโย ทั้งสองจำต้องรับถ้วยชา แต่วลีก็ก้มหน้าไปพูดกับบัวเบาๆ
“ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าอาม้า...ฉันไม่รับแกเป็นสะใภ้รู้ไว้ด้วย ลูกสะใภ้ฉันคือหนูยิ่งจันทร์คนเดียวเท่านั้น!” วลีเทน้ำชาลงถาดแล้วกระแทกถ้วยลงบนถาดที่บัวถือ
บัวกล้ำกลืนอย่างอดกลั้น ชยุติประคองบัวลุกขึ้น พิธีกรประกาศเชิญบ่าวสาวขึ้นเวที เพื่อทุกคนจะได้รู้จักเจ้าสาวอย่างเป็นทางการ นักข่าวกรูมาที่หน้าเวที ทันใดนั้น ล้วน แสงเดือน และยิ่งจันทร์พรวดพราดเข้ามา ยิ่งจันทร์กรี๊ดลั่น
“นี่มันอะไรกันคะพี่ติ! เจ้าสาวของพี่ติต้องเป็นจันทร์สิคะ ไม่ใช่อีงิ้วนี่”
แสงเดือนมองหน้าวลีต้องการคำตอบ นักข่าวส่งเสียงว่าพวกเขาก็ต้องการคำอธิบายเหมือนกัน ทำไมยิ่งจันทร์ถึงมาในชุดเจ้าสาว มีอะไรผิดพลาด ยิ่งจันทร์ร้องลั่น
“อ๊าย...ไม่ผิดค่ะ จันทร์นี่แหละที่ต้องเป็นเจ้าสาวของพี่ติ ถ้าอีงิ้วนี่ไม่ทำตัวเป็นแมวมาขโมยพี่ติไปอย่างนี้”
ชยุติทนไม่ไหว ดึงไมโครโฟนมาประกาศ “ผิดแล้วยิ่งจันทร์ บัวไม่ใช่แมวขโมย แต่บัวคือผู้หญิงคนเดียวที่จะเป็นเจ้าสาวของผม เพราะผมรักบัว”
ยิ่งจันทร์ร้องกรี๊ดๆไม่ยอม ล้วนกับแสงเดือนโวยว่าชยุติทำเกินไป ยิ่งจันทร์ทนไม่ไหวจะพุ่งขึ้นไปบนเวที วลีต้องให้ชูดวง จี๊ดและจ๊าดช่วยกันพาสามคนพ่อแม่ลูกออกไปก่อน ไชโยขอร้องให้ไปคุยกันที่โรงงาน...มาลัยคว้าไมค์มาประกาศตัดบท
“เอาละๆแขกผู้มีเกียรติทุกคน งิ้วฉลองงานแต่งจบแล้ว เรามาเริ่มงานกันต่อเลยดีกว่านะ ตบมือให้อาบัวหลานสะใภ้ของอั๊วหน่อย”
แขกในงานปรบมือกราว บัวสบตาชยุติ เขากุมมือเธอแน่น ดำเกิงมองด้วยความอึดอัดใจ ทางด้านเจียงกับหลอเป็นห่วงบัว ไม่รู้ว่าจะเจอฤทธิ์เดชอะไรของวลีบ้าง ตรึงจิตเปรยว่าบัวได้ผัวรวย ชีวิตต้องดีกว่าเดิม หลอติงอย่าเข้าใจผิด บัวไม่ได้เห็นแก่เงินอย่างเธอ ตรึงจิตหน้าตึงเคืองๆ
ทางวลีกับไชโยพยายามอธิบายแสงเดือน ล้วนและยิ่งจันทร์ว่าพวกตนไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ตกใจเช่นกัน ไม่คิดว่าชยุติจะซ้อนแผนตลบหลังแบบนี้ แต่พวกตนจะหาทางแก้ไขแน่นอน อย่างไรเสียพวกตนก็ต้องการยิ่งจันทร์ เป็นสะใภ้ ขอให้อดทนรอสักนิด ล้วนกับแสงเดือนพูดทำนองเป็นความเสียหายของพวกเขา ไชโยเสนอเงินปลอบขวัญหนึ่งแสน ยิ่งจันทร์ชะงักแต่อยากได้เพิ่มจึงร้องไห้โฮออกมา วลีจึงเพิ่มให้เป็นสองแสน เธอสะอื้นเบาๆแอบพอใจ
ถึงเวลาส่งตัวบ่าวสาว มาลัยเห็นวลีกับไชโยยังไม่มาเกรงจะเลยฤกษ์ วลัยแกล้งเหน็บว่าคุณพี่ทั้งสองคงรอให้ผ่านเวลาไปแล้วถึงจะกลับ จ๊าดสนับสนุนว่าคงไม่อยากเห็นหน้าสะใภ้ ดำเกิงข่มความโกรธแทนบัว มาลัยเอ็ดให้ทั้งสองหุบปาก ตัดสินใจทำพิธีส่งตัวบ่าวสาวแทน ดำเกิงทนไม่ไหวขอตัวกลับ ชยุติขอบใจที่เขาช่วยงาน ดำเกิงนึกถึงที่ได้คุยกับชยุติก่อนหน้านี้
“ที่อาป๊ายอมให้บัวแต่งงานกับแกเพราะแกใช้หนี้เสี่ยธานีแทนพวกเราแค่นั้นใช่ไหม”
“แล้วถ้ามันไม่ใช่แค่นั้นล่ะ ถ้าฉันบอกว่าฉันรักบัว...”
“ฉันไม่เชื่อ คนรวยอย่างแกจะมารักมาชอบผู้หญิงอย่างบัวได้ยังไง”
“ผู้หญิงที่ดีทั้งกายและใจอย่างบัว ใครก็รักได้ทั้งนั้น”
“แต่แกไม่มีสิทธิ์! ฉันขอเตือนแกไว้นะ ถึงแม้ว่า แกจะแต่งงานกับบัวแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าแกจะมีสิทธิ์แตะต้องบัวได้ ถ้าแกเอาตัวบัวมาเพื่อชดใช้หนี้ ฉันก็ขอบอกแกตรงนี้เลยนะไอ้ตี๋ ว่าฉันจะทำทุกทางเพื่อหาเงินมาใช้คืนแกกับครอบครัวของแกให้เร็วที่สุด และเมื่อถึงวันนั้น แกจะต้องคืนอิสระภาพให้กับบัว”
“ฉันไม่รับปาก แต่ถ้าถึงวันที่บัวอยากไปจากฉันจากใจของเขา ฉันก็จะยอม...”
“บัวต้องอยากไปจากแกแน่ เพราะแค่ก้าวเข้ามาอยู่ในครอบครัวของแกวันแรก ก็เห็นแล้วว่าบ้านแกมันคือนรกสำหรับบัวชัดๆ”
“ฉันจะปกป้องบัวเอง นายไม่ต้องห่วง”
“แกก็ลองไม่ปกป้องบัวสิ ถ้าแกหรือคนในครอบครัวแกทำให้บัวต้องเจ็บช้ำล่ะก็ ฉันจะไม่รอถึงปลดหนี้หรอกนะ ขอเตือน” ดำเกิงจ้องหน้าชยุติ เขาจ้องกลับไม่หลบตาเช่นกัน...
ในขณะที่ธานีนั่งนับเงินเซ็งๆ แม้ไม่ได้ตัวบัวแต่ก็ได้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย ไม่ทันไรไหมฟ้าปีนหน้าต่างขึ้นมาแอบมอง พอเห็นธานีเดินเข้าห้องน้ำก็ย่องเข้ามาขโมยเงินทั้งหมด ขวดเข้ามาเจอร้องโวยวายพร้อมจับตัวไหมฟ้าไว้ ธานีออกมาจากห้องน้ำโกรธมากลากไหมฟ้าส่งตำรวจ
บัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนมิดชิด ยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง ครุ่นคิดเรื่องราวในวันนี้ ชยุติเข้ามายืนข้างๆ ชวนนอนเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน บัวหันมาขอคุยด้วยก่อน เขารู้ว่าคงเป็นเรื่องวันนี้ ผัดให้ไปคุยพรุ่งนี้แต่บัวไม่ยอม เธอถามทำไมเขาต้องโกหก เขาแย้งว่าเรื่องอะไร
“นับไม่ถ้วน จนไม่อยากจะนับ โกหกหมกเม็ด ปิดบัว สุดท้ายก็มัดมือชกทุกคนให้เดินตามแผนการของคุณทุกอย่าง คุณร้ายกาจกว่าที่ฉันรู้เยอะเลย”
“คุณพูดซะผมดูเลวไปเลย เอาล่ะ ผมยอมรับว่าผมร้าย ผมอาจจะร้ายจริงๆแต่ที่ผมร้ายก็เพราะ...ผมรักคุณ...ผมรักคุณจริงๆ รักทั้งหมดของหัวใจผม”
บัวอึ้ง พยายามไม่ใจอ่อน โต้ว่าเพราะเขาไม่อยาก แต่งงานกับยิ่งจันทร์มากกว่าถึงดึงตนเข้ามา เขาปฏิเสธบอกว่าอยากแต่งงานกับเธอ ยิ่งจันทร์ไม่ได้มีค่าในสายตาตน บัวพูดไม่ออก
“ผมขอโอกาสนะ ผมสัญญาว่าจะรักคุณคนเดียว จะไม่ทำให้คุณเสียใจเป็นอันขาด ผมจะ”
“หยุดก่อนค่ะ อย่าเพิ่งสัญญาอะไรมากมาย เอาเป็นว่าให้เวลาและการกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า”
ชยุติยินยอม บัวขออีกเรื่อง เขายังไม่มีสิทธิ์ในตัวเธอจนกว่าจะพิสูจน์ให้เห็น อาจจะนาน ชายหนุ่มตั้งมั่นจะไม่ท้อง่ายๆ บัวให้เขาปล่อยมือ เขาโอดโอยแค่จับมือก็ห้าม ทันใดเสียงกนกวิภาเคาะประตูเรียก ชยุติเดินไปเปิด เธอหอบหมอนเข้ามาบอกว่าจะนอนด้วยแล้วโดดขึ้นเตียง
“ถ้าพี่ติไม่พอใจจะพาเมียชั้นต่ำออกไปจากห้องหอตั้งแต่คืนแรกก็ได้นะ ลางร้ายจะได้มาเยือนเร็วๆหนกชอบ อ้อ แล้วหนกขอนะคะ ให้บนเตียงนี้เป็นพี่ติที่นอนข้างหนกไม่ใช่งิ้วสกปรก”
ชยุติอ่อนใจไม่รู้จะจัดการอย่างไร บัวแอบถอนใจที่ไม่ต้องนอนร่วมเตียงกับชยุติ...
ooooooo