ตอนที่ 11
เมื่อดำเกิงกินข้าวต้มที่บัวทำมาเสร็จ บัวขอคุยด้วย กนกวิภาร้อนตัวให้คุยกันตรงนี้ ชยุติปรามน้องสาว ปล่อยพี่น้องคุยกันไม่ต้องกังวล
ดำเกิงสารภาพกับบัวว่าจับตัวกนกวิภามาแก้แค้น เพราะเธอใช้ตนเป็นเครื่องมือทำลายความรักและชื่อเสียงบัว บัวย้อนถามว่าทำสำเร็จไหม เขาชะงักเถียงไม่ออก
บัวจึงร่ายยาวว่า การที่เขาพากนกวิภามาลำบากแถมยังเสี่ยงอันตราย มันสมควรแล้วหรือ และยังทำให้ป๊ากับหลอเป็นห่วง เขาเคยคิดบ้างไหม ต่อไปเขาจะทำอย่างไรคิดไว้หรือยัง บัวย้ำว่าเขาควรมีความรับผิดชอบต่อ
การกระทำของตัวเอง ดำเกิงหน้าเจื่อนแก้ตัวไปว่าขอเวลาคิดสักนิด ตนมีความรับผิดชอบแน่
“แล้วบัวล่ะ มาอยู่ที่นี่กับไอ้ตี๋มีความสุขดีใช่ไหม” ดำเกิงชิงถามบ้าง
“อืม...เรามีความสุขตามสภาพ”
“ไม่หรอก บัวกับไอ้ตี๋มีความสุขมากต่างหาก ดูจากแววตา สีหน้าแล้วก็รอยยิ้มของบัว มันเป็นรอยยิ้มที่เกิ่งไม่เคยเห็นมาก่อน” บัวฉงน “ความจริงเกิ่งก็คอยแอบดูบัวกับไอ้ตี๋อยู่บ่อยๆ เกิ่งดีใจกับบัวด้วยนะ ที่ในที่สุดบัวกับไอ้ตี๋ก็เข้าใจกันได้ เกิ่งดีใจที่เห็นบัวมีความสุขซะที ดีใจที่การกระทำของคนโง่อย่างเกิ่งไม่ทำลายชีวิตบัวจนพังไปซะก่อน”
บัวสบตาดำเกิงที่ดูแน่วแน่ เขาจับมือเธอมากุม สัญญาจะไม่ทำให้เดือดร้อนอีก บัวยิ้มรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมาก
กนกวิภาจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายและค่ายาในการรักษาดำเกิง ชยุติมองน้องสาวขำๆ เธอเสชะเง้อมองว่าทำไมบัวกับดำเกิงยังไม่กลับเข้ามา ขาดคำบัวเดินเข้ามากับดำเกิง กนกวิภารีบถามว่าคุยอะไรกันนานสองนาน ชยุติตัดบทให้กลับไปคุยต่อที่บ้าน กนกวิภาเข้าประคองดำเกิงให้เดิน ชยุติบุ้ยใบ้ให้บัวดูทำนองเห็นไหม บัวยิ้มอย่างเข้าใจแล้ว
มีชาวบ้านสองคนเดินสวนมา ทั้งสองมองหน้าชยุติแล้วก้มมองหนังสือพิมพ์ในมือ คุยกันว่าใช่แน่ ชยุติแปลกใจถามว่ามีอะไร ทั้งสองจึงส่งหนังสือพิมพ์ให้ดูกรอบข่าว พาดหัวตัวโต
“เศรษฐิณีเจ้าของโรงงานน้ำปลาตรอมใจหนัก ลูกชายคนเดียวหายตัวไป...นางวลี เกียรติกำจร เจ้าของโรงงานน้ำปลาชื่อดังตรอมใจ นายชยุติลูกชายหายไปจากบ้าน จนอาการทรุดหนัก วอนลูกชายกลับมาดูใจแม่เป็นครั้งสุดท้าย...หากผู้ใดพบเห็นบุคคลในรูปขอให้แจ้งข่าวมาที่บ้านเกียรติกำจรด่วน จะได้รับรางวัลเป็นเงินจำนวนหนึ่งหมื่นบาท” ชยุติกับบัวช็อกเมื่ออ่านข่าว... ทางบ้านเกียรติกำจร ไชโยเห็นข่าวแล้วทึ่งที่ภรรยาทำถึงขนาดนี้ เธออ้าง เขาบอกว่าการหาคนเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ตนจึงใช้วิธีล่อเสือออกจากถ้ำ วลัยฟังแล้วพลั้งปาก
“แล้วตาติจะเชื่อเหรอคะคุณพี่ ตาติเป็นคนนะคะไม่ใช่โคกระบือ จะได้โดนคุณพี่หลอกได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“วลัย! มือไม่พายอย่าเอาปากราน้ำได้มั้ย ฉันเป็นม้าตาติ เป็นคนอุ้มท้องแล้วก็เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออก ยังไงซะตาติก็ต้องสำนึกบุญคุณฉันบ้าง ห่วงฉันบ้าง ไม่ใช่ในหัวจะมีแต่นังบัวเน่า”
ไชโยและวลัยมองวลีที่สายตาหมายมาดว่าลูกจะต้องกลับมา
ooooooo
กนกวิภาและชยุติไม่เชื่อข่าว ดำเกิงเสริมก็ไม่ต้องกลับ แต่บัวไม่เห็นด้วย คนเป็นแม่ ลูกหายไปครึ่งเดือนไม่รู้ข่าวก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา ป๊ากับหลอก็คงกำลังเป็นห่วงตนกับดำเกิง
เมื่อบัวคิดแบบนี้ ทุกคนก็ยอมกลับ ดำเกิงกับกนกวิภามาเก็บของในบ้านเช่า ดำเกิงเก็บไปบ่นไปว่าบ้านเกียรติกำจรไม่ใช่บ้านคน บ้านผีชัดๆ กนกวิภาปรามให้เกรงใจบ้างเพราะนั่นคือครอบครัวตน เขาสวน เธอก็เป็นหนึ่งในฝูงผีที่นั่น หญิงสาวแทรกทันที
“เคยเป็นย่ะ...ตอนนี้ฉันคงไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว” ดำเกิงแปลกใจถามทำไม หญิงสาวอึกอัก “เอ่อ...ก็... นายช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันก็เลยจะทำดีกับคนที่นายรักเป็นการตอบแทน”
“เหรอ...คิดแค่นั้นจริงๆเหรอ”
“เห็นฉันเป็นคนกลับกลอกขนาดนั้นหรือ”
กนกวิภาเริ่มเคือง
“แน่นอน! ฉันยังจำได้ดีที่เธอหลอกใช้ฉันเป็นเครื่องมือทำร้ายบัวกับไอ้ตี๋”
กนกวิภาสลดลง ค่อยๆเงยหน้าสบตาดำเกิงน้ำตารื้น “ฉันขอโทษนะ ฉันขอโทษที่ทำอย่างนั้น ฉันเสียใจ”
ดำเกิงเห็นอย่างนั้นอึ้ง แต่ยังกวน “เสียใจ? ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้ยินคำนี้จากเธอยัยหมวย ต่อมคนดีทำงานแล้วหรือไง”
กนกวิภาเสียงเศร้าบอกประชดไปเถอะไม่เป็นอะไร แล้วก้มหน้าเก็บเสื้อผ้าที่ดำเกิงซื้อให้ใส่กระเป๋า เขามองแล้วบอกให้เธอทิ้งไป แต่หญิงสาวอยากเก็บเป็นที่ระลึก ชายหนุ่มหลุดปากว่าตนก็คงคิดถึงที่นี่เหมือนกัน แต่พอรู้สึกตัวก็เสบอกว่า คิดถึงเพราะบ๊ะจ่างขายดี กนกวิภาเบ้หน้าพับผ้าต่อไป ดำเกิงแอบยิ้มมีความสุขในหัวใจ
ที่บ้านริมทะเล บัวกับชยุติช่วยกันเก็บบ้านให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวกลับ ชยุติลังเลว่าตนควรกลับจริงหรือ ไม่รู้ว่าอาม้าจะมาไม้ไหน และจะเกิดอะไรขึ้นอีก
บัวยิ้มเข้ามากุมมือ
“มันจะไม่เกิดอะไรขึ้นอีกแล้วค่ะ เพราะเราเข้าใจกันและจะจับมือผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน เหมือนที่เราเคยผ่านมา ป๊าสอนว่า ชีวิตคู่ต้องร่วมทั้งทุกข์ร่วมทั้งสุข เราผ่านเรื่องร้ายๆด้วยกันมามากมาย บัวเชื่อว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้จะหนักหนาอีกแค่ไหน เราก็จะผ่านมันไปได้ค่ะ ฉันจะอยู่ข้างคุณเหมือนที่คุณอยู่ข้างฉัน”
ชยุติกุมมือตอบ “ขอบคุณมากนะบัว คุณคือหัวใจของผม...ผมจะไม่มีวันปล่อยมือคุณ”
บัวซาบซึ้งโผกอดด้วยความรัก
ooooooo
วันต่อมา วลัยตั้งใจจะไปเยี่ยมมาลัย แต่วลีสั่งห้ามไปจนกว่าชยุติจะกลับมาก่อน วลัยถามเสียงอ่อยว่าถ้าหลานไม่กลับ เราต้องทิ้งอาม้าไม่ไปดูดำดูดีเลยหรืออย่างไร วลีสวนอย่างอัดอั้น
“อาม้าจะได้เข้าใจไงว่าการถูกลูกทอดทิ้งมันเป็นยังไงเหมือนที่อาม้าทำให้ตาติทิ้งฉันไป”
ทั้งวลัยและไชโยรู้สึกว่าวลีเหมือนคนจิตหลุดน่ากลัวขึ้นทุกที ทันใดชูดวงพรวดพราดเข้ามาด้วยความดีใจจนพูดไม่ออก ตามด้วยชยุติกับกนกวิภาเข้ามา วลีดีใจมากแต่พอนึกได้ก็แกล้งเป็นลมล้มพับ ทำให้ทุกคนตกใจรีบเข้าประคอง
ขณะที่เจียงกับหลอช่วยกันจัดเก็บชุดงิ้วเพราะไม่มีคนจ้างเล่นมานาน บัวกับดำเกิงเข้ามากราบ เจียงถึงกับน้ำตารินด้วยความดีใจ...พอได้นั่งคุยกัน เจียงกับหลอทึ่งที่โลกกลมจริงๆ ดำเกิงถึงหนีไปอยู่ที่เดียวกับชยุติและบัว บัวเป็นห่วงถามไถ่ถึงสุขภาพของเจียง หลอไม่อยากโกหกเพราะเจียงนอนไม่หลับเลยตั้งแต่สองคนหายกันไป ดำเกิงสัญญาจะไม่ทิ้งไปไหน จะไม่ก่อเรื่องอีก เจียงไม่อยากเชื่อ บัวรับรองว่าครั้งนี้เชื่อได้เพราะเขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
เจียงหันมองไปรอบๆก่อนจะถามหาชยุติ บัวบอกว่าเขากลับไปดูอาการวลี เจียงเห็นข่าวนึกเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน บัวคิดว่าอาการเธอน่าจะดีขึ้นเมื่อชยุติกลับไป แต่ดำเกิงเหน็บ
“หรืออาจจะทรุดหนักกว่าเดิมก็ได้ ถ้าได้ยินเรื่องที่ไอ้ตี๋มันจะคุยด้วย”
บัวส่งสายตาปราม เจียงกับหลอมองหน้ากันอย่างสงสัย...เวลาผ่านไป ในห้องนอนวลี ชยุติ กนกวิภาและไชโยนั่งอยู่ล้อมเตียง วลีลืมตาขึ้นมาทำทีน้ำตาไหลพรากดีใจที่เห็นหน้าลูกชาย โดยลืมสนใจลูกสาวสักนิด พร่ำรำพันว่าเขาอย่าทิ้งไปอีก ตนเป็นห่วงและคิดถึงมาก ชยุติแววตาเครียดลงเพราะมีเรื่องที่จะมาบอกพ่อและแม่
พอวลีรู้ว่าชยุติต้องการที่จะอยู่บ้านบัวห้าวันและกลับมาอยู่บ้านพ่อแม่สองวันก็หน้าเครียดพยายามระงับความไม่พอใจ ชยุติอ้างว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อความสบายใจของป๊า
ชยุติหาทางออกเพื่อความสบายใจของป๊ากับม้า ให้ทุกคนได้อยู่พร้อมหน้าในวันหยุด ส่วนโรงงานตนยินดีจะไปทำงานต่อถ้ายังวางใจตน
วลีหลุดแว้ดออกมาว่า...ไม่ได้...ลูกชายจะออกไปอยู่บ้านคนอื่นได้อย่างไร ชยุติยืนกรานว่าตนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีบัว วลีสวนด้วยความโกรธแล้วนึกได้กลับลำทัน
“ม้าก็อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีติเหมือนกัน...เอาอย่างนี้ ม้ามีทางออกที่ดีกว่านั้น ถ้าติเชื่อม้า...”
ชยุติสบตากนกวิภาทำนองแม่จะมาไม้ไหนอีก...
เย็นวันนั้น ชยุติมาหาบัวที่บ้านเจียง บอกความประสงค์ของวลี อยากให้บัวกลับไปอยู่ด้วย ถ้าบัวไม่เชื่อ ยินดีจะมาขอโทษบัวกับเจียงที่นี่ ทั้งบัวและเจียงไม่เห็นด้วย ชยุติกับบัวต่างหากที่ต้องเข้าไปขอขมาวลี บัวสบตาชยุติบอกตนจะกลับไปอยู่ที่บ้านเขา ชายหนุ่มดีใจกุมมือแทนคำขอบคุณจากใจ
เย็นวันนั้น บัวกับชยุติเข้ามากราบวลีกับไชโย วลีปั้นหน้ายิ้มรับ จี๊ด จ๊าดและชูดวงเห็นแล้วไม่อยากเชื่อ วลีเอ่ยปากว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพราะตนที่ผิด
“ผิดที่ตาบอด มองไม่เห็นความดีงามของดอกบัวดอกนี้ ต่อไปนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ ม้าสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายจิตใจหนูอีก ให้โอกาสม้าได้ไหม”
บัวอึ้งน้ำตารื้นรับคำ วลีขอให้บัวเรียกตนว่าอาม้า ไชโยงงที่ภรรยาจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ วลียิ้มแย้มจับหน้าบัวอย่างเอ็นดู ดีใจที่ครอบครัวเราจะอยู่กันพร้อมหน้า...
บัวทำหน้าไม่ถูกไม่คิดว่าอะไรๆจะเปลี่ยนไปได้
สามคนรับใช้สุมหัวคุยกันในครัว ไม่มีใครอยากเชื่อว่าวลีจะเปลี่ยนไปในทางดีอย่างนั้น ทันใดชยุติก้าวเข้ามาถามหามาลัย ทั้งสามหน้าเจื่อนมองกันไปมาว่าใครจะตอบ
ในขณะที่มาลัยเห็นข่าวหน้าหนังสือพิมพ์แล้วกลุ้มใจ รู้ว่าวลีจะต้องมีแผนร้ายอีกแน่ ได้แต่พึมพำ...ป่วยกายกินยาก็หาย แต่ถ้าจิตใจป่วย มาลัยถอนใจ ทำอย่างไรวลีถึงจะหาย
ooooooo
วันต่อมา วลีเป็นคนบอกชยุติว่า มาลัยไปทัวร์ไหว้พระกับเพื่อนๆ เห็นว่าไปหลายวันหลายจังหวัด ชยุติแปลกใจว่าเพื่อนกลุ่มไหน วลีสบตาไชโยให้ช่วย เขาจึงบอกลูกว่า เพื่อนเก่าที่ชมรมไทเก๊ก ชยุติติงทำไมไม่ให้จี๊ดหรือวลัยตามไปดูแล วลัยรีบบอกว่าอยากไป วลีแทรก
“อาม่าน่ะสิไม่ยอม บอกอยากจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ไม่ชอบให้มีใครไปคุม แกก็รู้นี่ว่าอาม่าแกน่ะขี้รำคาญจะตายไป โดยเฉพาะกับม้าแล้วก็อาอี๊ของแก”
ระหว่างนั้นบัวยกอาหารมาวางแล้วจะกลับเข้าไปในครัว วลีทำทีเรียกให้บัวนั่งร่วมโต๊ะ ชยุติยิ้มพยักหน้าให้เธอนั่งข้างๆ จี๊ดยิ่งแปลกใจแต่ก็กุลีกุจอจัดจานช้อนส้อมมาวาง
เสร็จจากอาหารเช้า ชยุติอิดออดล่ำลาบัวจนวลีแอบหมั่นไส้ พยายามเก็บอาการไล่ให้เขารีบไป บัวขอตัวไปช่วยงานในครัว...ไชโยทนไม่ไหวถามวลีคิดจะทำอะไรถึงยอมรับบัวเป็นสะใภ้ วลียิ้มหยันเผยแผนหลอกให้ตายใจแล้วค่อยเชือดทีหลัง ไชโยตบเข่าฉาด
“ผมว่าแล้ว ว่าคุณไม่น่าจะเปลี่ยนใจ เปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อเมียไอ้ตี๋ได้ง่ายๆ”
“คุณรู้ใจฉันเสมอเลยคุณไชโย คนอย่างฉันจะไม่ลามือง่ายๆ ถ้ายังไม่ได้สิ่งที่ฉันต้องการ”
ไชโยเห็นแววตาภรรยาแล้วขยาด เริ่มรู้สึกสับสนว่าสิ่งที่ทำมันถูกหรือผิดกันแน่...บ่ายวันเดียวกัน ไชโยนั่งทานอาหารกับล้วน แสงเดือนและยิ่งจันทร์ที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง ยิ่งจันทร์รู้ว่าชยุติกลับมาก็แสร้งทำดีใจน้ำตาร่วง แสงเดือนได้ฟังว่าชยุติหนีไปอยู่กับบัวที่บ้านเก่าของมาลัยก็รู้ทันทีว่าโดนตรึงจิตหลอก แต่ข้องใจเรื่องที่วลียินดีต้อนรับบัวเข้ามาอยู่ในบ้านแบบนี้ หมายความว่าอย่างไร ไชโยรีบอธิบายว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนหลอกให้เหยื่อตายใจแล้วเชือดทีหลัง
สามพ่อแม่ลูกร้องอ๋อ...พร้อมกัน แสงเดือนถามย้ำว่ามั่นใจหรือว่าครั้งนี้จะสำเร็จ ไชโยย้ำให้ยิ่งจันทร์เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวได้เลย พร้อมกันนี้ก็มอบเช็คเงินสดงวดที่สามให้ล้วนเป็นการเพิ่มทุนตามที่เขาขอ ทั้งสามตาโตยิ้มอย่างมีเลศนัย
พอแยกกับไชโย แสงเดือนก็คุยกับสามีและลูกว่าไม่อยากเชื่อขี้ปากไชโยอีก คราวนี้ตนจะจัดการกำจัดบัวเอง ยิ่งจันทร์อยากรู้ว่าแม่จะทำอะไร แสงเดือนไม่บอกแต่ยิ้มกับแผนของตน
ด้านบัวดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ยผักที่มาลัยปลูกทิ้งไว้
จี๊ดคันปากยิบๆอยากจะบอกว่ามาลัยอยู่ไหน วลีรู้ทันเข้ามาขัด ไล่จี๊ดไปซื้อของที่ตลาด พูดเป็นนัยๆว่าให้ไปซื้อเข็มกับด้าย ตนจะเย็บปาก...กระเป๋าให้สนิท จี๊ดกลืนน้ำลายเอื๊อกรีบล่าถอย จากนั้นวลีก็ทำเป็นห่วงใยให้บัวพักผ่อนบ้าง ไม่ต้องทำงานอะไรในบ้านมาก จะได้มีหลานให้ตนไวๆ กนกวิภายืนมองอย่างไม่ไว้วางใจ
วลีก้าวเข้ามาในห้องนอน เจอกนกวิภานั่งรออยู่ก็ยิ้มบอกมีเรื่องอยากคุยด้วยพอดี หญิงสาวชิงถามก่อนว่า เรื่องบัวใช่ไหม มีแผนอะไร วลีชมว่าลูกช่างรู้ใจ ไม่ทันจะพูดต่อเธอก็สวน
“ไม่ว่าอาม้ากำลังจะคิดทำอะไร หนกว่าหยุดเถอะนะคะ”
“แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ม้าไม่เบื่อเหรอคะ ที่ครอบครัวเราไม่สงบสุขเลย พอเถอะค่ะม้า บัวเองก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ม้าเลิกคิดที่จะกำจัดบัวเถอะค่ะ”
“นี่แกบ้าไปแล้วหรือไงยัยหนก ถึงมาพูดกับม้าแบบนี้!”
กนกวิภาพยายามบอกวลีว่าตนตาสว่างเห็นผิดเห็นชอบแล้ว วลีโกรธมากหาว่าไปโดนใครล้างสมอง หรือพวกงิ้วชั้นต่ำขู่ทำร้าย หญิงสาวส่ายหน้าบอกทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเป็นผลจากการกระทำที่ผ่านมาของพวกเรา วลีกราดเกรี้ยวไม่อยากฟัง และตนจะไม่ยอมหยุด ทุกอย่างที่ตนทำจะต้องไม่สูญเปล่า แล้วก็ไล่กนกวิภาออกไปจากห้อง เจ็บใจที่ใครๆหันไปเข้าข้างบัว...
ดำเกิงตั้งโต๊ะอาหารเย็นให้เจียงกับหลอเสร็จก็จะไปขายบะหมี่ ทั้งสองให้กินข้าวก่อนจะได้มีแรงทำงาน ไม่ทันไรกนกวิภาหน้าเศร้าเข้ามายกมือไหว้เจียงกับหลอ สองผู้เฒ่าประหลาดใจ
กนกวิภามาช่วยดำเกิงตั้งร้านขายบะหมี่และระบายความทุกข์ให้ฟัง ยอมรับว่าไม่ไว้ใจแม่ตัวเอง ดำเกิงก็คิดอย่างนั้น เพราะการที่ทะเลสงบหมายถึงจะมีพายุใหญ่ หญิงสาวถอนใจช่วยงานเสร็จจะกลับ ดำเกิงไม่อยากให้เธอกลับจึงอ้างว่าทำบะหมี่ให้กินฟรี ตอบแทนที่คาบข่าวมาบอก
“นี่! ฉันเป็นคนนะไม่ใช่หมา...”
“เธอเป็นยัยหมวยของฉันต่างหาก” ดำเกิงทำหน้าทะเล้น กนกวิภาหน้าแดงแอบเขิน
คืนนั้นดำเกิงมาแอบคุยกับบัวข้างรั้วบ้านหลังจากส่งกนกวิภา เตือนให้ระวังวลีไว้บ้าง แต่บัวไม่อยากเชื่อแต่ก็รับคำจะระวัง...ในคืนนั้น ชยุติในชุดนอนเข้ามาโอบกอดบัวที่นั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก ถามอย่างห่วงใยว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง บัวย้อนถามตนต่างหากที่ต้องถามว่าเขาไปทำงานเหนื่อยไหม ต่างคนต่างห่วงใยกันและกัน ชยุติบอกว่าไม่เหนื่อยแค่งานเอกสาร
บัวบอกไม่เหมือนอยู่ที่บ้านริมทะเลต้องทำงานหนัก ชยุติรับว่าเหนื่อยแต่มีความสุขกว่าตอนนี้ บัวเองก็รู้สึกเช่นนั้น ชยุติคิดไปไกลว่าต่อไปตนจะพาลูกๆไปเที่ยวที่นั่นบ่อยๆ บัวเขิน เขายิ่งเย้าแหย่ว่าเธอเห็นความน่ารักของเขาแล้ว บัวเคลิ้มปล่อยตัวให้เขาจูบ แต่ไม่ทันจะได้จูบ วลีโผล่เข้ามาขัดจังหวะ เธอแกล้งมาขอยืมตัวบัวไปนวด อ้างว่าจ๊าดหลับไปก่อน ชยุติทำหน้าเซ็งๆ
วลีพึมพำกับตัวเอง “แกอย่าคิดว่าจะมีโอกาสได้อยู่กับตาติสองต่อสองอีกเลยนังบัว”
ooooooo