ตอนที่ 1
หลังจาก “หิน” นักเลงประจำถิ่นถูกกล่าวหาว่ายิงพายุ ลูกชายกำนันลอย แต่เขาสู้คดีจนพ้นผิดเพราะไม่ได้ยิง ครูช่วงจึงขอให้หินไปบวชในที่ห่างไกลเพื่อที่คนพวกนี้จะได้ตามหาไม่เจอ แต่กำนันลอย และลม น้องชายของพายุไม่ยอมเลิกรา ทั้งคู่ยังฝังใจว่าหินเป็นคนยิงพายุตาย
5 ปีต่อมา...ดิน พี่ชายของหินถูกฆ่ายกครัว เนื่องจากไปขัดผลประโยชน์การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีของเรือง น้องชายกำนันลอย ซึ่งมีเสี่ยสมเกียรติเจ้าของห้างสรรพสินค้าใหญ่ในตัวจังหวัดให้การสนับสนุน แต่คนที่หนุนหลังเสี่ยสมเกียรติตัวจริงคือท่านตะวันซึ่งไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง
ท่านตะวันส่งนายเคร่งพร้อมลูกน้องมาฆ่าดินยกครัว แต่หนึ่งกับทราย ลูกชายและน้องสาวของดินรอดตายอย่างหวุดหวิด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของดินทำให้หินต้องสึกจากพระเพื่อมาดูแลหลานและน้องสาว โดยไม่คิดที่จะแก้แค้นและจองเวรกันอีกต่อไป
การตายของดินกับเมีย หลายคนพุ่งเป้ามาที่กำนันลอยเพราะดินเพิ่งมีปากเสียงกับเขาเมื่อวันก่อนขณะหาเสียงในตลาด แต่กำนันลอยก็พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองด้วยการยินดีให้ตำรวจสอบปากคำ
หินสึกจากพระก็มุ่งหน้ากลับบ้านด้วยรถไฟ ระหว่างทางพวกนายเคร่งรับคำสั่งจากเสี่ยสมเกียรติ มาดักเล่นงานหิน แต่ไม่สำเร็จเพราะได้ “ฝน” สาวสวยเข้าช่วยเหลือ แถมมีตำรวจรถไฟมาระงับเหตุ ทำให้พวกเคร่งต้องโดดรถไฟหนีไป
หินขอบคุณสาวสวยเก่งวิชาหมัดมวยพร้อมกับแนะนำตัวเองว่าชื่อหิน เมื่อรู้ว่าเธอจะไปลงสถานีห้วยทับทรายเหมือนกัน เขาอยากรู้ว่าเธอไปทำอะไรที่นั่น
“ไปสอนหนังสือค่ะ”
“เป็นครู ทำไมชกเก่งจัง”
“พอดีฉันเป็นครูพละน่ะค่ะ ขอตัวนะคะ”
ฝนขอตัวลุกไปนั่งที่ของตน หินยังไม่รู้จักชื่อเธอ ร้องถามไล่หลังแต่ไม่ได้คำตอบกลับมา...แอบบ่นพึมพำกับตัวเอง
“หยิ่งชะมัด เอ...หรือว่าบวชซะนานเลยจีบหญิงไม่เป็นแล้วหว่า”
ooooooo
ทรายกับครูช่วงตั้งใจไปรอรับหินที่สถานีห้วยทับทราย โดยนั่งรถสองแถวประจำหมู่บ้านของอ่างกับหล้าไป ระหว่างทางหล้ารู้จากทรายว่าหินสึกแล้ว และจะกลับมาอยู่บ้านก็ดีใจยกใหญ่
สองคนถึงสถานีฯได้ไม่นาน ขบวนรถไฟวิ่งมาแต่ไกล ทรายบอกครูช่วงด้วยความตื่นเต้นว่า
“พี่หินบอกว่าจะมาขบวนนี้แหละค่ะ”
“อืม...ห้าปีแล้วสินะที่ไม่ได้เจอกันเลย”
“ไม่รู้พี่หินจะเป็นยังไงบ้างนะคะ”
“ก็หวังว่าคงจะเย็นลงกว่าเก่า”
ทรายพยักหน้า มองรถไฟวิ่งเข้ามาเทียบสถานีอย่างลุ้นๆ
เมื่อหินเตรียมตัวลง เขามองหาสาวสวยตรงโบกี้ของเธอ แต่ไม่เห็นเสียแล้ว...หินเดินตามผู้โดยสารอื่นๆ
ลงมายืนบนชานชาลา ครู่เดียวทรายกับครูช่วงก็ตรงดิ่งมาหาด้วยรอยยิ้ม
“พี่หิน ดีใจจังเลย”
หินสวมกอดน้องสาวแล้วสวัสดีครูช่วง จากนั้นซักถามเรื่องการตายของพี่ชาย แต่ครูช่วงบอกให้กลับไปคุยกันที่บ้าน หินออกเดินแต่ยังละล้าละลังเหลียวซ้ายแลขวามองหาสาวสวยที่สร้างความประทับใจเอาไว้
เมื่ออ่างกับหล้าได้เจอหินตรงหน้าสถานีรถไฟก็ทักทายด้วยความดีใจ
“พี่หิน โอ้โห ดูผิวพรรณอย่างกับเทวดาแน่ะ ผิวเนียนเชียว”
“ตอนบวชก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ ท่องแต่หนังสืออยู่แต่ในวัด แต่กลับมาคราวนี้คงดำเหมือนเดิม เพราะตั้งใจจะมาทำไร่”
“ทำไร่...แม่เจ้าโว้ย หินนักเลงเก่าจะถอดเขี้ยวเล็บมาทำไร่”
“พี่หินพูดจริงๆเหรอ”
“จริงสิหล้า พี่อยากกลับมาดูแลน้องกับหลาน และก็ขออยู่อย่างสงบ ไม่อยากจะจองเวรกันอีก”
“ดีแล้วล่ะหินเอ๊ย” ครูช่วงตบไหล่หินเบาๆ
“แล้วนี่ตาหนึ่งไม่มาด้วยหรือ ตอนนี้คงโตมากแล้วสินะ”
“เรียกตาหนึ่งไม่ได้แล้ว เพราะท่านเป็นเณรหนึ่งแล้วนะพี่”
หินยิ้มดีใจ แล้วหันไปเห็นสาวสวยที่เจอบนรถไฟเดินอยู่ไกลๆ เขาตั้งใจจะไปทัก แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเธอสวมกอดกำนันลอย
“นึกว่าใคร ที่แท้ก็เมียใหม่กำนันลอยนี่เอง” หินแอบบ่นด้วยความผิดหวัง
ooooooo
ที่แท้ฝนไม่ใช่เมียใหม่ของกำนันลอย แต่เป็นลูกสาวที่ไปเรียนต่อกรุงเทพฯเสียนาน และเพิ่งจบครูกลับมาบ้านเกิด
“ฝนกำลังจะมาเป็นครูที่บ้านเรา ฝนสอบบรรจุครูได้แล้วเลือกมาสอนที่นี่ค่ะ เพราะฝนจะได้มีโอกาสมาดูแลพ่อไง แล้วนี่พี่ลมไปไหนเสียล่ะ”
“โอ๊ย! มันก็ไปตามฤทธิ์ตามเดชของมัน อย่าไปสนใจมันเลย ไปบ้านกันดีกว่า”
กำนันลอยดีใจ จูงลูกสาวไปขึ้นรถ...
เวลาเดียวกันนั้น เสี่ยสมเกียรติเข้ามาที่ห้างสรรพสินค้าของตน แต่ไม่เห็นชาดาจึงถามพนักงานว่าลูกสาวตนยังไม่มาทำงานอีกหรือ
“ยังค่ะ แต่คุณชาดาโทร.มาบอกว่าจะเข้าสายหน่อยค่ะ”
เสี่ยสมเกียรติส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน อีกครู่พนักงานก็พานวลนิดที่สมัครตำแหน่งเลขานุการเข้ามาให้เสี่ยสัมภาษณ์ เสี่ยพอใจรูปร่างหน้าตาของนวลนิด ตกลงรับเข้าทำงานในวันพรุ่งนี้เลย
นวลนิดกลับออกมา สวนกับเคร่งที่จะเข้าไปพบสมเกียรติ เคร่งมองเธอด้วยความสนใจก่อนเดินผ่าน
ทันทีที่เห็นเคร่ง สมเกียรติถามว่างานเรียบร้อยดีไหม แต่แล้วคำตอบก็ทำให้เขาผิดหวังจนหน้าเครียด
ขณะนั้นชาดาลูกสาวของสมเกียรติกำลังหงุดหงิดอยู่กลางถนน รถของเธอเสียและยังหาช่างซ่อมไม่ได้ พอดีลมพี่ชายของฝนผ่านมาจึงช่วยเหลือ แต่พอรถสตาร์ตติด ชาดาก็ทิ้งให้ลมยืนหน้าดำปี๋ไปด้วยเขม่าอยู่ตรงนั้น