ตอนที่ 14
ในเมื่อยังหาภานุโรจน์ไม่พบ ภาสกรจึงไม่ยอมกลับบ้าน ภุมวารีไม่พอใจ คะยั้นคะยอเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล จึงต้องบอกเรื่องนวลรักษาตัวอยู่ที่นี่ ถ้าคนรอบข้างของนวลเจอเราต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
“ถ้าพวกเขาเจอผมคนเดียวก็คงไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่หรือครับ คุณผึ้งนั่นแหละกลับไปเถอะ”
“คุณห่วงแต่น้องชายของคุณ ไม่เคยห่วงผึ้งเลย”
“คุณผึ้ง! ตอนนี้นายโรจน์อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ร่างกายเขาไม่แข็งแรง ดูแลตัวเองแทบไม่ได้ คุณจะให้ผมเลิกคิดถึงน้อง แล้วมาช่วยคุณคิดว่าจะหลบหลีกพ่อแม่พี่น้องของคุณยังไงอีกเหรอครับ ถ้าคุณกลัวว่าความลับของคุณจะถูกเปิดเผยที่นี่ คุณก็รีบกลับบ้านไปซะ ปัญหาของคุณมันเล็กน้อยมาก ถ้าเทียบกับของนายโรจน์”
“ใช่สิ เรื่องของผึ้งมันเป็นเรื่องเล็กน้อยไปแล้ว เพราะผึ้งไม่มีประโยชน์สำหรับคุณแล้วนี่”
“ถ้าคุณคิดแต่จะชวนทะเลาะ แทนที่จะเป็นที่พึ่งทางใจให้ผมในช่วงเวลาแบบนี้ ผมว่าเราอยู่ห่างๆกันบ้างก็ดี”
ภาสกรเหลือบมองภุมวารีอย่างเบื่อหน่ายแล้วลุกหนีไปโดยไม่ฟังเสียงเรียกของเธอ
ค่ำแล้วฝนยังคงตกกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา ภานุโรจน์เดินอยู่ริมถนนในสภาพหนาวสั่นใกล้หมดแรง ที่สุดก็ต้องพักที่ศาลาไม่ไกลจากวังอภัยรัตน์นัก
คืนเดียวกัน พวกเสือเมฆตัดสินใจไปช่วยจักรออกจากคุกมาได้ เช้าขึ้นชายใหญ่กับภัทรยศมาที่โรงพักจึงไม่พบ รีบกลับมาบอกข่าวนวลที่โรงพยาบาลว่าจักรแหกคุก
“ผมกับคุณชายแวะไปที่โรงพักมา ถึงได้รู้ว่าเมื่อคืนตำรวจในโรงพักโดนรมยาจนหลับกันหมด ตอนเช้าถึงเห็นกิ่งสะบ้าแห้งสุมไฟอยู่ด้านนอก คงเป็นผลงานของพวกเดียวกันที่ตามมาช่วยครับ”
“ตำรวจบอกว่ายารมควันแบบนี้มีแต่พวกโจรใช้เวลาจะบุกเข้าปล้นทรัพย์ชาวบ้าน แสดงว่าพวกมันไม่ใช่คนดีหรอกครับคุณผึ้ง”
“ไม่จริง พี่จักรไม่ใช่โจร”
“คุณผึ้งขา...คุณผึ้งเชื่อคุณชายนะคะ ตอนนี้คุณผึ้งคงกำลังสับสน”
“ฉันไม่ได้สับสนนะพี่เอื้อย ทุกคนต่างหากที่เข้าใจพี่จักรผิด คุณชายไม่ได้โกหกฉันใช่ไหมคะ”
“ถ้าผมจะโกหก ผมควรบอกคุณว่ามันตายไปแล้วไม่ดีกว่าหรือ คุณจะได้เลิกว้าวุ่นถึงผู้ชายคนอื่นซักที”
ชายใหญ่หลุดความโมโห แต่พอเห็นเอื้อยส่งสัญญาณไม่ให้ขัดใจตามที่หมอบอก เขาได้สติแต่อดน้อยใจไม่ได้ ผลุนผลันออกจากห้องโดยมีภัทรยศตามออกมาปลอบ
“ผมไม่นึกเลยว่าคุณผึ้งจะอาการเป็นแบบนี้ คุณชายต้องเข้มแข็งไว้นะครับ”
ชายใหญ่ฮึดฮัด แต่เหลือบเห็นเอื้อยตามออกมาก็พูดอย่างรู้สึกผิด “ฉันขอโทษนะเอื้อย แต่ฉันทนไม่ไหวจริงๆ ฉันยอมให้คุณผึ้งจำอะไรไม่ได้ยังดีกว่าที่จะให้เธอพร่ำเพ้อถึงผู้ชายคนอื่นแบบนี้”
“จำที่คุณหมอบอกไม่ได้หรือคะ ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา คุณชายต้องใจเย็นๆนะคะ คุณชายคงจะเหนื่อยที่ต้องเฝ้าคุณผึ้งหลายวัน กลับไปพักผ่อนที่วังก่อนไหมคะ สบายใจแล้วค่อยกลับมา เอื้อยดูแลคุณผึ้งเอง”
“ก็ดีนะครับ ผมอยากจะปรึกษาคุณชายเรื่องงานหมั้นด้วย คุณชายเบรกไปคิดเรื่องอื่นบ้างจะได้หายเครียดนะครับ”
ชายใหญ่ตกลงตามนั้น ในขณะเดียวกันขวัญเรือนกำลังพยายามกล่อมภาสกรที่ไม่ยอมกลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืน
“คุณภาสน่าจะกลับไปพักผ่อนบ้างนะคะ ไม่กินไม่นอนแบบนี้เดี๋ยวจะเจ็บป่วยเอา”
“ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้น ถ้ายังไม่เห็นนายโรจน์”
“แต่ร่างกายคนเราต้องได้พักบ้าง ไม่งั้นคุณอาจจะไม่มีแรงเหลือตอนที่คุณโรจน์กลับมา”
“คุณขวัญเชื่อว่านายโรจน์จะกลับมาใช่ไหมครับ”
“ค่ะ ฉันเชื่อว่าคุณโรจน์ต้องกลับมาเพราะเขารู้ว่าคนที่รักเขารออยู่ที่นี่ คุณภาสต้องดูแลตัวเองเพื่อรอคุณโรจน์นะคะ”
ภาสกรสบตาขวัญเรือนด้วยความตื้นตัน หญิงสาวลุกขึ้นยื่นมือให้จับ
“ไปทานข้าวก่อนนะคะ คุณภาสไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน แล้วถ้ายังไม่อยากกลับบ้าน ฉันจะหาที่นอนพักให้”
ภาสกรยอมให้ขวัญเรือนจูงไปเหมือนเด็กเพราะไม่มีกะจิตกะใจจะคิดอะไรทั้งนั้น จังหวะนี้ภุมวารีเดินเข้ามาในโรงพยาบาลพอดี มองสองคนจูงมือเดินไปด้วยกันอย่างคั่งแค้น
ooooooo