ตอนที่ 14
“ดาวทำให้คุณป๋ากับคุณแม่เสียหน้ามามากแล้ว ถ้าครั้งนี้ต้องทำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเรา ดาวก็คงไม่ขัดข้องค่ะ”
เป็นอันว่าสองพ่อลูกกลับออกมาด้วยความโล่งใจ แต่ภัทรยศยังไม่วายกังวลว่าในระหว่างหมั้นกันไว้กลัวดาริกาเปลี่ยนใจไม่แต่งงานด้วย
“นั่นก็แสดงว่าแกผูกใจหนูดาวไว้ไม่ได้ ก็ต้องยอมเสียเธอไป”
“โธ่พ่อ แต่ผมอยากแต่งงาน อยากมีเมียแล้ว”
“เจ้ายศ ชีวิตคู่มันต้องอยู่บนพื้นฐานของความรักและจริงใจต่อกัน แกจะสร้างครอบครัวได้ยังไงถ้าไม่มีซักอย่าง”
เวลาเดียวกันนั้นดาริกาคุยกับพ่อแม่อยู่ในบ้าน พ่อแม่ไม่ต้องการให้ลูกสาวฝืนใจ ถ้าไม่ได้รักภัทรยศก็ไม่จำเป็นต้องทำตามที่พูดเมื่อสักครู่
“ฝืนใจหรือเปล่าดาวไม่รู้ค่ะ ดาวตอบไม่ถูก”
“แล้วเรื่องคุณชายล่ะลูก”
“หนูไม่ได้รักพี่ชายใหญ่แบบนั้นหรอกค่ะ พอไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไร่แล้วถึงได้รู้ว่าหนูทนอยู่ที่นั่นไม่ได้ ทั้งสภาพแวดล้อมในไร่ และการถูกปฏิเสธจากพี่ชายใหญ่ แต่หนูไม่ได้โกรธนะคะ หนูกลับชื่นชมพี่ชายใหญ่ด้วยซ้ำที่มั่นคงกับภรรยาเขาคนเดียว”
“แล้วหนูคิดยังไงกับคุณภัทรยศ บอกป๋ากับแม่ได้ไหม”
“เขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ถึงแม้จะพูดจาไม่เข้าหู แต่ก็นับว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีด้วยซ้ำ ที่พยายามเตือนสติไม่ให้ดาวทำผิดศีลธรรม แต่จะให้ดาวพูดว่ารักเขา ดาวก็ยังไม่แน่ใจหรอกค่ะ มันไม่เคยไปถึงขั้นนั้น”
“แสดงว่าดาวให้อภัยเขาได้ใช่ไหมลูก”
“มันไม่ใช่ความผิดของเขาคนเดียวนี่คะ ผิดที่หญิงเล็ก และผิดที่ดาวเองที่เอาตัวไปเกี่ยวข้องกับพวกเทวฉัตรตั้งแต่แรก” ดาริกายอมรับความจริงหน้าเศร้า
ooooooo
จักรโดนภุมวารียิงบาดเจ็บนอนสลบไสลหลายวันกว่าจะรู้สึกตัว แต่เขาเข้าใจว่าคนยิงคือนวล สาเหตุก็เพราะเขาข่มเหงเธอ เมื่อจักรหลุดปากบอกมิ่งกับชาติเรื่องนี้ ทำให้สองคนสงสัยว่าคนเป็นผัวเมียกันจะเรียกว่าข่มเหงได้ยังไง
“นวลไม่ใช่เมียฉันหรอก พี่มิ่ง พี่ชาติ...ฉันเป็นเด็กกำพร้าที่แม่ของนวลรับมาเลี้ยง เมื่อเราหนีมานครปฐม ฉันตกลงกับนวลว่าจะบอกใครต่อใครว่าเราเป็นผัวเมียกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชายอื่นมาวอแวกับนวล จริงๆแล้วนวลนับถือฉันอย่างพี่ชาย แต่ฉันนี่แหละที่มันไม่รักดี อยากได้มากกว่าความนับถือจากนวลมาตลอด แม้กระทั่งวันนี้ที่รู้ว่านวลมีใจให้ชายอื่นไปแล้ว ฉันผิดเองที่รังแกนวล ถ้าฉันจะต้องเจ็บปางตายเพราะนวลมันก็สมควรแล้วล่ะพี่”
“ถึงอย่างนั้นแกก็ยิ่งไม่ควรจะผูกใจไว้กับมัน อโหสิให้กันไปเสียเถิดวะ”
“ฉันก็อยากทำอย่างนั้นนะ ฉันอยากจะขอโทษนวลอีกซักครั้ง”
จักรรู้สึกผิด มิ่งกับชาติเห็นใจจักรยิ่งกว่าเดิม แต่ทั้งหมดไม่รู้ว่าเพียงธารแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง
วันเดียวกัน ภุมวารีมาปรากฏตัวในเมืองนครปฐมแล้วเจอยายเฟื้อโดยบังเอิญ แต่เธอลนลานวิ่งหนีไปซ่อนตัวในร้านกาแฟ คว้าหนังสือพิมพ์บังหน้าทำให้เห็นข่าวภาสกรได้รับเงินรางวัลจากผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อเชิดชูความดีที่เขาเก็บกระเป๋าสตางค์ของเธอได้
ผู้จัดการโรงหนังที่ภาสกรทำงานนั่นเองที่นำภาพส่งสำนักพิมพ์จนเป็นข่าวหวังโปรโมตโรงหนังของตน โดยที่ภาสกรไม่รู้ตัว
ฝ่ายยายเฟื้อพอกลับถึงบ้านก็เล่าเรื่องเจอภุมวารีให้เอื้อยฟัง เอื้อยประหลาดใจและเถียงคอเป็นเอ็น
“จะเป็นไปได้ยังไงแม่ ฉันก็เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลเนี่ย คุณผึ้งยังนอนไม่รู้ตัวอยู่เลย”
“แต่ข้าเห็นจริงๆนะโว้ย พอคุณผึ้งเห็นข้าก็หน้าเผือดแล้วก็วิ่งหนีไปเลย เรียกเท่าไรก็ไม่หยุด”
“หรือว่าจะเป็นนังผู้หญิงคนนั้น”
“คนไหนวะ”
“ก็อีนังนวลเนียนอะไรนั่นน่ะสิ ที่มันก่อเรื่องวุ่นวายให้คุณผึ้งมานักต่อนักแล้วนี่ไง นังคนนี้มันทำให้ใครๆเข้าใจคุณผึ้งผิดตั้งหลายครั้ง ที่ใครๆเข้าใจว่าเห็นคุณผึ้งที่นั่นที่นี่ก็ไม่พ้นมันนี่แหละ”
“มันจะมีหรือวะ คนที่หน้าตาเหมือนกันขนาดนั้น แล้วมันจะปลอมตัวเป็นคุณผึ้งไปทำไม”
“ถามฉันแล้วฉันจะไปถามใครล่ะ เอาไว้ให้ฉันเจอมันกับตัวเองเถอะ ฉันจะคาดคั้นเอาคำตอบจากมันให้ได้ว่าทำไปทำไม” เอื้อยท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือ เจ็บแค้นแทนนายสาวของตน
ooooooo