ตอนที่ 14
ชญานีสับสน ไม่เข้าใจสิ่งที่ไตรทศกับชาคริตคุยกันแม้แต่น้อย แต่ไม่ทันซักไซ้ให้รู้เรื่อง ทัศนะกับเขมิกาก็โทร.บอกข่าวเรื่องเพ็ญขวัญถูกส่งโรงพยาบาลโดยด่วนเสียก่อน
ทัศนะหัวใจแทบสลายเมื่อเห็นสภาพน้องสาวที่เขากับเขมิกาไปเจอตัวในสวนสาธารณะไม่ไกลจากบ้าน และยิ่งใจไม่ดีเมื่อหมอประจำตัวเพ็ญขวัญแจ้งว่าอาการของเธอยังน่าเป็นห่วง
สีหน้าเคร่งเครียดของทัศนะทำให้เขมิกาที่มารอหน้าห้องไอซียูด้วยความเป็นห่วง แต่เพียรถามเท่าไหร่ เขาก็ไม่ปริปาก
“คุณนะ...อย่าเห็นเขมเป็นคนอื่นได้ไหม ขวัญก็เป็นน้องของเขมเหมือนกัน”
ทัศนะถอนใจยาว ตั้งสติอยู่นานกว่าจะพูดออกไปได้ “หมอบอกว่ายาที่เคยใช้ไม่ได้ผล ต้องเปลี่ยนยาแรงขึ้น แล้วก็เสี่ยงมากขึ้น หมอไม่รับรอง ผมจำไม่ได้แล้วว่าหมอพูดอะไรอีก ได้ยินแต่คำว่า...ให้ติดต่อญาติคนอื่นไว้เผื่อ”
ไตรทศกับชญานีที่เพิ่งมาถึงและรู้อาการเพ็ญขวัญช่วยกันปลอบทัศนะ ให้เชื่อมั่นในความสามารถของหมอที่โรงพยาบาลและความเข้มแข็งของเพ็ญขวัญที่น่าจะกำลังต่อสู้เพื่อมีชีวิตต่อเช่นกัน
เขมิกาอาสาเฝ้าหน้าห้องไอซียูเป็นเพื่อนทัศนะ ไตรทศกับชญานีเลยไปนั่งคุยกันในล็อบบี้โรงพยาบาล บทสนทนาก็หนีไม่พ้นความรุนแรงของโรคภูมิแพ้ที่เพ็ญขวัญต้องเผชิญ ก่อนที่ชญานีจะเปลี่ยนเรื่องดื้อๆ พูดถึงญาดาที่เดินทางไปทำแท้งถึงเมืองนอกว่าอาจไม่ใช่เรื่องจริง แต่เป็นแผนเอาคืนชาคริตมากกว่า
“แค่ฟังที่คุณพูดกับพี่คริต ฉันก็เดาได้แล้ว”
ไตรทศหน้าเสีย แก้ตัวไม่ออก ได้แต่เฉไฉ
“ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้”
“แล้วไม่อยากพูดถึงเรื่องอะไรอีก ฉันรู้ว่าคุณมีความลับที่บอกใครไม่ได้ คิดให้ดีแล้วกัน...การที่คุณปิดปาก เงียบ มันไม่ได้ทำร้ายแค่คนอื่น แต่มันกัดกินตัวคุณเองด้วย”
“คุณมีคุณชาคริตเป็นผู้มีพระคุณ ผมก็มีคนที่ต้องตอบแทนบุญคุณเหมือนกัน”
“นี่คุณพูดถึงพ่อคุณอยู่ใช่ไหม...”
ไตรทศพูดไม่ออก ไม่กล้าและไม่พร้อมจะสารภาพเรื่องคดโกงของพ่อให้ใครฟัง...แม้แต่ชญานี
ชญานีมั่นใจว่าไตรทศต้องปิดบังบางอย่าง แต่จำต้องพักเรื่องนั้นไว้ก่อน เพราะมีเรื่องของญาดาเป็นภาพแอบถ่ายจากเว็บเพจชื่อดังที่บ่งบอกว่าพี่สะใภ้ของเธออยู่ที่นิวยอร์กแล้วต้องบอกให้ชาคริตรู้
ชาคริตได้รับภาพนั้นจากชญานีในอึดใจต่อมา สีหน้าเคร่งเครียดเจียนคลั่ง เมื่อคิดตามคำพูดไตรทศที่ว่าญาดานัดหมอที่นิวยอร์กไว้แล้ว และจะทำแท้งลูกของเขา!
ooooooo
ชาคริตไม่ใช่คนเดียวที่ต้องเจ็บปวด ทัศนะก็แทบยืนไม่อยู่กับการรอคอยให้น้องสาวฟื้นตัว เขมิกาเป็นห่วงเขามาก พลอยสะเทือนใจที่ต้องเห็นเขาสติแตกแบบนี้
“เขมขอให้ขวัญปลอดภัย ถ้าขวัญหายเป็นปกติกลับบ้านได้ เขมจะเปลี่ยนตัวเอง เขมจะทำให้ได้ ถึงจะเป็นคำขอแบบคนเห็นแก่ตัวก็ตาม”
“ไม่หรอกครับ...การเปลี่ยนตัวเองเป็นเรื่องที่ยากที่สุด”
“เขมจะพยายามเป็นคนดีขึ้น เขมจะให้เรื่องที่ผ่านมาเป็นอดีตไปซะ เขมเกลียดคุณคริต เขมพยายามทำร้ายเขา แต่พอเห็นขวัญอยู่ระหว่างความเป็นความตายแล้ว...เรื่องอื่นกลายเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว... ไม่สำคัญเลยสักนิด”
การรอคอยผ่านไปอย่างช้าๆในความรู้สึกของทัศนะกับเขมิกา แต่การได้ใช้เวลาด้วยกัน ความเห็นอกเห็นใจที่มีให้กันตลอดทั้งคืนทำให้ทั้งสองเข้าใจกันมากขึ้น แม้เพ็ญขวัญจะยังไม่รู้สึกตัวในวันต่อมา แต่ทั้งสองก็มีกำลังใจรอ จนกระทั่งสิ่งที่รอคอยก็มาถึง... เพ็ญขวัญรู้สึกตัวในเช้าวันหนึ่ง!
แม้จะรู้สึกตัวแล้ว แต่อาการของเพ็ญขวัญยังไม่น่าไว้ใจ เช่นเดียวกับสถานการณ์ของบริษัทโกริช... บริษัทแชร์ลูกโซ่ของดิลกที่ให้กสิณ ปาริฉัตรและกมลพรรณดูแล ยอดตกและถูกร้องเรียนอย่างหนักจนพนักงานแทบรับมือไม่ไหว
ปาริฉัตรกับกมลพรรณกลัวถูกเอาเรื่อง หลบหน้าหลบตาไม่ยอมเข้าออฟฟิศ และผลักภาระความรับผิดชอบทุกอย่างให้กสิณในฐานะประธานจัดการแทน
แต่ที่สองแม่ลูกคาดไม่ถึง คือเรื่องไม่จบแค่เงินชดเชย กสิณหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เช่นเดียวกับเงินในบัญชีบริษัทที่ถูกถ่ายโอนไปให้ใครไม่รู้ เรื่องทั้งหมดเลยรู้ถึงหูตำรวจที่บุกมาจับกุมพวกเธอถึงออฟฟิศ!
ปาริฉัตรเห็นหมายค้นบริษัทก็แทบลมจับ แต่ยังวางมาดไฮโซ เถียงอย่างไม่ยอมแพ้
“เราทำผิดอะไร ผลิตภัณฑ์ของเราผ่าน อย. ได้มาตรฐานสากลโลก เราทำธุรกิจซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา มีแต่คนอยากมาเป็นชาวริช คนอยากรวยจะกลายเป็นคนรวยจริงๆเพราะ...”
เจ้าหน้าที่รับผิดชอบคดีนี้คร้านจะฟังข้อแก้ตัว ตัดบทเสียงเรียบ
“รับฟังข้อหาสั้นๆไปก่อนนะครับ...พวกคุณทำผิดข้อหาฉ้อโกง”
สองแม่ลูกถูกควบคุมตัวไปสอบปากคำหลังจากนั้น ปาริฉัตรโวยวายราวคนบ้าจนกมลพรรณต้องปรามให้หยุดทำให้ขายหน้า เหตุการณ์อลหม่านวุ่นวายเพราะนอกจากจะมีการจับกุมตัวผู้รับผิดชอบอย่างสองแม่ลูก เหล่าผู้เสียหายยังบุกมาร้องเรียนด้วย กสิณแอบมองทุกอย่างจากมุมลับตา กำแฟ้มเอกสารในมือแน่น
“ฉันไม่มีทางให้ตำรวจสาวมาถึงตัวฉันได้หรอก!”
กสิณพึมพำทั้งที่ไม่แน่ใจว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ แล้วก็ถึงกับผงะเมื่อเห็นชาคริตกับปิงบุกมาถึงตัว
“ฉันอุตส่าห์ให้เวลาเป็นเดือน ยังทำลายหลักฐานไม่หมดอีก สำเนาใบเบิกเงินเป็นปึก...คงได้ไปเป็นสิบล้าน โอนเงินที่โกงไปกลับคืนบริษัทให้หมด แล้วห้ามแกออกนอกประเทศ”
“ทำไมฉันต้องทำตามแกด้วย”
“ฉันจะกันแกเป็นพยานคดีนี้ หรือแกอยากจะเป็นจำเลยแทน หลักฐานนี่...ฉันจะเก็บไว้ให้”
“อย่างนี้มันช่วยที่ไหนวะ นี่มันแบล็กเมล์กันชัดๆ”
“แกร่วมมือกับคนชั่ว มันก็ชั่วไม่ต่างกันหรอก แกไม่ต้องติดคุกก็ดีแค่ไหนแล้ว เพราะฉะนั้น...ทำตามที่ฉันบอก”
พูดจบก็โยนแฟ้มเอกสารให้และเดินจากไปพร้อมปิง ทิ้งกสิณให้ฮึดฮัดคนเดียว
“อะไรวะ! เหนื่อยมาเป็นเดือน บาทเดียวก็ไม่ได้...โธ่โว้ย!”
ooooooo
กสิณไม่มีทางเลือกต้องทำตามข้อเสนอของชาคริต ยอมรับผิดทุกอย่างและเอาหลักฐานที่มีแฉต่อหน้านักข่าวเพื่อเอาผิดดิลก...เจ้าของบริษัทโกริชตัวจริง!
ชาคริตสะใจมากที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน สั่งลูกน้องให้แชร์คลิปของกสิณเพื่อล่อให้ดิลกออกมาเต้น แต่กลับต้องเซอร์ไพรส์แทนเมื่อญาดาตัดสินใจบินกลับจากเมืองนอกเพื่อมาแถลงข่าวปกป้องพ่อ
เหล่านักข่าวไม่รอช้า เปิดฉากยิงคำถามใส่ญาดาทันทีที่เธอปรากฏตัว
“คุณกสิณยืนยันว่าคุณดิลกเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท มีหลักฐานการจดทะเบียนบริษัท”
“ดิฉันไม่ทราบว่ามีการตรวจสอบหลักฐานหรือยัง เชื่อได้หรือเปล่า”
“นี่เป็นเรื่องธุรกิจหรือเรื่องส่วนตัวคะ คุณกสิณกับคุณคบกันมาหลายปี...แล้วมาเลิกกัน”
“ไม่ทราบสิคะ...คงต้องถามคุณกสิณเอง ส่วนดิฉันอโหสิกรรมให้เขานานแล้ว ดิฉันขอยืนยันอีกครั้งนะคะว่าคุณพ่อเป็นคนซื่อตรง...ไม่มีวันที่จะทำธุรกิจสกปรก”
ชาคริตทนฟังภรรยาให้สัมภาษณ์ต่อไม่ไหว โพล่งถามถึงดิลกแบบไม่ไว้หน้า ญาดาอึ้งไปอึดใจ ก่อนตั้งสติได้ ประกาศกร้าวต่อหน้านักข่าวจากทุกสำนักว่าดิลกไม่ได้หนี เป็นผู้บริสุทธิ์และอยู่ในที่ที่ปลอดภัย
เรื่องแถลงการณ์ปกป้องดิลกของญาดาทำให้ชาคริตหัวเสียไม่น้อย แต่คงไม่มากเท่าความจริงที่เพิ่งค้นพบว่าเธอไม่ได้ทำแท้ง แต่แกล้งปั่นหัวเขาให้แทบคลั่ง แถมหอบของขวัญเป็นภาพถ่ายอัลตราซาวนด์ลูกในท้องมาเย้ยเขาด้วย
“นี่ไม่ใช่เรื่องตลก!”
“แต่ฉันขำ...ที่ผ่านมาคุณเป็นไงบ้าง คงฝันร้ายยิ่งกว่าเดิม...ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้อย่างนั้น”
“ผมต้องการลูก”
“ถ้าอยากได้ก็ฟ้องเอาแล้วกัน”
“ผมฟ้องแน่ ลูกต้องเป็นของผม...รวมทั้งคุณด้วย”
จบคำก็เข้าประชิดตัวจนญาดาได้กลิ่นน้ำยาโกนหนวด เธอนิ่วหน้าเพราะแพ้กลิ่น ชาคริตยิ่งแกล้งโน้มตัวไปจูบด้วยความรักและคิดถึงเต็มหัวใจ แต่เฉไฉบอกว่าเป็นจูบของลูก...ไม่ใช่ของเธอ!
ไตรทศนั่งฟังการแถลงการณ์ของพี่สาวเพื่อปกป้องพ่อด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก แม้จะเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่าง แต่ความรู้สึกผิดที่กัดกร่อนใจเขามานานทำให้อดไม่ได้ ตัดสินใจบอกความจริงกับญาดา
“เราช่วยอะไรคุณพ่อไม่ได้หรอกครับ...คุณพ่อผิดทุกข้อกล่าวหา!”
ญาดาถึงกับพูดไม่ออกเมื่อรู้เรื่องราวของพ่อจากปากน้องชาย ต่างจากชาคริตในเวลาเดียวกันลิบลับ นั่งยิ้มคนเดียวราวกับคนบ้าที่ได้เห็นภาพอัลตราซาวนด์ของลูกในท้องญาดา แต่เพียงไม่นานบรรยากาศอ่อนโยนก็แตกสลาย กลายเป็นความตึงเครียด เมื่อมิสเตอร์โจวคนสนิทของมิสเตอร์หว่องพ่อบุญธรรมของเขาปรากฏตัว!
ooooooo