ตอนที่ 1
ญาดาไม่ได้เคลิ้มตามคำหวานของชาคริต แต่เขมิกากลับมองเป็นมุมน่ารักของเขา
“คุณคริตเขากลัวเขมไม่ยอมแต่งงานด้วยน่ะสิก็เลยต้องขู่เขม เขาทำตัวดุๆเหมือนพระเอกตบจูบในละครไงคะ”
“ไม่ตลกเลยนะเขม แน่ใจนะว่าเขาดีพอที่เขมจะแต่งงานด้วย”
“เขมไม่ชอบอยู่แค่เรื่องเดียว”
ญาดานิ่วหน้า รีบถาม “เรื่องอะไร”
“คุณคริตเขาไม่ยอมคุกเข่าขอแต่งงาน”
น้ำเสียงงอนๆของน้องสาว ทำให้ญาดาถึงกับถอนใจยาวในความโลกสวยของอีกฝ่าย
“เขม...มีเรื่องที่สำคัญกว่านั้น ถึงเขาเป็นเพื่อนคุณทัศนะเจ้าของบริษัทที่เราเป็นคู่ค้าด้วย ไม่ได้รับรองว่าเขาเป็นคนดี คุณพ่อตามใจเขมมากไปแล้ว อย่าเพิ่งตัดสินใจทำอะไรจนกว่าพี่จะกลับไป พี่ขอแค่สองอาทิตย์”
เขมิกาไม่ได้รับปาก และญาดาก็เตรียมใจไว้แล้ว เลยได้แต่ปล่อยให้น้องสาวทำตามใจ แต่ไม่วายขอดูหน้าตาของชาคริตว่าที่น้องเขย แต่ก็คลาดกันไปมาจนเขมิกาต้องบอกให้รอมาดูหน้าเขาตอนงานแต่งแทน
ooooooo
ไม่ใช่แค่เขมิกาที่ย้อนอดีตถึงวันวานแสนหวาน ญาดาที่ห่วงน้องสาวมากก็เป็นกังวลจนฝันไม่ค่อยดี เหมือนจะได้ยินเสียงเขมิการ้องเรียกให้ช่วย
ชาคริตมาถึงโรงพยาบาลกลางดึกของคืนเดียวกัน มุ่งหน้าไปหาญาดาถึงหน้าห้องไอซียูที่ดิลกรักษาตัว แต่แสร้งทำทีเป็นเรื่องบังเอิญ ญาดาระแวงที่เจอผู้ชายในลิฟต์ของโรงแรมอีกครั้ง ยิ่งเขาพยายามยื่นไมตรี ซื้อกาแฟมาให้ ยิ่งไม่ไว้ใจ จนเขาต้องแกล้งพูดขำๆว่าคงลักพาตัวเธอไปไม่ง่าย เพราะโรงพยาบาลมีกล้องวงจรปิด
คำพูดดักคอเหมือนรู้ทันของเขาทำให้ญาดาผ่อนท่าทีหวาดระแวง ก่อนจะรับมุกเขาอย่างเท่าทันกัน
“ก่อนอื่นคุณต้องปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล จับฉันเปลี่ยนเป็นชุดคนไข้ ยัดใส่รถเข็น แล้วเข็นไปทางห้องซักรีดด้านหลัง ก็เรียบร้อยแล้ว”
“คุณยังมีอารมณ์ขันอยู่ แสดงว่าคนป่วยไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“ค่ะ...คุณหมอบอกว่าคุณพ่อพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ฉันอยากอยู่ใกล้ๆคุณพ่อ ตอนนี้ฉันวางใจอะไรไม่ได้เลย คุณล่ะคะมาเฝ้าไข้ใคร”
ชาคริตยิ้มเย็น ตอบหน้าตาย “คุณอาผมครับ...ไม่ใช่อาแท้ๆหรอกนะครับ คุณอาเป็นเพื่อนสนิทของพ่อ สนิทจนตายแทนกันได้เลยล่ะครับ คุณอาท่านพ้นขีดอันตรายแล้วเหมือนกัน”
สีหน้าจริงจังทำให้ญาดาเชื่อสนิท ไม่รู้เลยว่าชาคริตตีบทแตก ไม่ได้โกหกแต่ก็ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด
ขณะที่ชาคริตหยั่งเชิงท่าทีของญาดา...เขมิกาดึงตัวจากอดีตแสนหวาน ตัดใจถอดแหวนแต่งงานและเขวี้ยงลงแม่น้ำ แต่กระนั้นภาพความทรงจำเก่าๆก็ตามหลอกหลอน จนเธอตัดสินใจชั่ววูบจะฆ่าตัวตาย!
จังหวะที่เขมิกาจะกระโจนลงแม่น้ำ ทัศนะที่ขับรถมาตามคำแนะนำของเพ็ญขวัญผู้เป็นน้องสาวก็มาถึง เขาตกใจมาก รีบตะโกนบอกเขมิกาให้ตั้งสติ
“อย่าคิดสั้นแบบนี้คุณเขม!”
“เขมไม่มีค่าสำหรับใครอีกแล้ว”
ท่าทีลังเลของเขมิกาทำให้ทัศนะกล้าพอจะขยับไปเกลี้ยกล่อมใกล้ๆ
“ครอบครัวคุณไง คุณมีค่าที่สุดสำหรับครอบครัวคุณ”
คำว่าครอบครัวทำให้เขมิกาใจอ่อนยวบ ทัศนะได้โอกาสเสนอตัว
“ผมสัญญาว่าผมจะพาชาคริตมาเคลียร์กับคุณให้ได้”
ทุกอย่างทำท่าจะไปด้วยดี แต่ชื่อของชาคริตก็ทำให้เขมิกาเตลิดอีกรอบ ภาพเหตุการณ์เขาขอแต่งงานทำให้เธอประสาทเสียและตัดสินใจชั่ววินาทีจะพุ่งตัวให้รถชน!
โชคดีที่รถเบรกทัน ทัศนะวิ่งตามมาคว้าตัวไว้ เขมิกาทิ้งตัวร้องไห้อย่างหมดอาย พลางขอร้องไม่ให้ส่งเธอกลับบ้าน ทัศนะถึงกับพูดไม่ออก ความสงสารแท้ๆทำให้ยอมรับปากจะไม่บอกใครเรื่องเธอ...
ooooooo
ชาคริตยังสวมบทบาทชายหนุ่มแปลกหน้าที่แสนดีนั่งคุยกับญาดาที่หน้าห้องไอซียู ท่าทางเหมือนเป็นสุภาพบุรุษของเขาทำให้ญาดาลดความระแวง ยอมจิบกาแฟที่เขาซื้อมาให้
ไตรทศโทร.บอกว่ายังหาตัวเขมิกาไม่พบ ญาดาผิดหวังแต่ฝืนทำเข้มแข็ง บอกให้เขากลับไปพักที่บ้าน ค่อยคิดหาทางใหม่ตอนเช้า ชาคริตเฝ้ารออย่างใจเย็น จนเธอวางสายจึงพูดเหมือนให้กำลังใจ
“การรอคอยเป็นเรื่องที่ทรมานใจที่สุด”
“ค่ะ...ทรมานที่สุด ไม่ว่ารอคอยข่าวดีหรือข่าวร้าย”
“แต่เมื่อการรอคอยสิ้นสุดลง คุณจะรู้สึกว่าคุ้มค่าที่รอ ถ้าหากแผนการเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ”
“แต่วันนี้แผนการล้มเหลวไม่เป็นท่า”
ญาดาหลุดปากแล้วชะงัก รู้ตัวว่าพูดมากเกินไปแล้ว ชาคริตต้องข่มรอยยิ้มสะใจแทบแย่ ก่อนจะตีหน้าตกใจเมื่อเธอเล่าอย่างอัดอั้นว่าเจ้าบ่าวของน้องสาวเธอหนีงานแต่งงาน
“แล้วคุณพ่อคุณก็ล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลอีก ผมเสียใจด้วยจริงๆ แล้วทำไม...”
“ทำไมฉันถึงบอกคุณงั้นเหรอคะ ข่าวฉาวๆแบบนี้ปิดไม่มิดหรอกค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง ถ้าฉันไม่มัวห่วงงาน ฉันคงกลับมาห้ามน้องสาวทัน ยัยเขมรับปากฉันแล้วว่าจะรอ แต่ปุ๊บปั๊บก็จัดงานแต่งงาน ฉันหาตั๋วบินกลับแทบไม่ทัน นายนั่นคิดทำอะไร...ทำตัวลึกลับซับซ้อน เล่นสนุกกับชีวิตคนอื่น”
เมื่อได้ระบายอารมณ์ญาดาก็เบรกแตก ระเบิดทุกอย่างใส่ชายหนุ่มแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันแบบไม่รู้ตัว
“นายชาคริตต้องเป็นโรคจิต!”
ชาคริตกลั้นยิ้มแทบแย่ แกล้งถามเสียงซื่อ
“ผมก็ว่างั้น แล้วถ้าเจอเขา...คุณจะทำยังไง”
“ฉันจะจับเขามาคุกเข่าต่อหน้าน้องสาวฉัน ต่อหน้าครอบครัวฉัน แล้วให้กราบขอโทษ!”
“ผมขอเอาใจช่วยนะครับ ขอให้ตามตัวนายชาคริตเจอ”
จบคำก็ขอตัว ทิ้งญาดาให้มองตามยิ้มๆ แอบประทับใจที่เขาเป็นเพื่อนคุยที่ดี
ชาคริตสะใจมากที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน และย่ามใจพอจะแอบเข้าไปหาดิลกในห้องไอซียู สายออกซิเจนและสายระโยงระยางรอบตัวไม่ได้ทำให้เขานึกสงสาร รอคอยอย่างใจเย็นจนอีกฝ่ายรู้สึกตัว
ดิลกเพ่งมองชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะตัวสั่นด้วยความโกรธ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือใคร
“ทำไม...แก...ทำกับเขมแบบนี้”
“รู้แล้วใช่ไหมว่าความรู้สึกที่ตายทั้งเป็น...มันทรมานยังไง”
ชาคริตสบตาคนบนเตียงอย่างไม่กลัว ท่าทางเหมือนจะประกาศศึกและเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ดิลกเริ่มหอบแรง หายใจติดขัด ความดันสูงขึ้นเรื่อยๆและชีพจรเต้นผิดจังหวะ เสียงสัญญาณเตือนดังลั่น เรียกหมอและพยาบาลให้วิ่งมาดู ชาคริตเลยฉวยจังหวะนี้แอบออกจากห้องไอซียู
ooooooo
ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรในห้องไอซียู ดิลกก็ไม่แน่ใจและคิดว่าตัวเองฝันร้ายเลยเห็นภาพหลอน ญาดาไม่อยากให้พ่อสะเทือนใจจึงขอร้องพยาบาลไม่ให้พ่อดูข่าวทีวีหรืออ่านหนังสือพิมพ์
ญาดามัวคิดมากเรื่องพ่อ ไม่ทันสังเกตมือถือตัวเองว่ามีสายเรียกเข้า สายจากทัศนะนั่นเอง แต่เป็นเพ็ญขวัญที่บังคับและกดดันให้เขาโทร.บอกญาดาเรื่องเขมิกามาพักที่บ้าน
เพ็ญขวัญกลัวเขมิกาจะคิดสั้น อยากให้คนในครอบครัวดูแล เลยจะโทร.ตามญาดามารับตัว แต่เมื่อได้สบตาเศร้าๆของเขมิกาเวลาต่อมา เพ็ญขวัญก็ต้องใจอ่อนยอมให้อยู่ด้วย
ทัศนะถอนใจยาวเมื่อน้องสาวยอมให้เขมิกาพักด้วย ก่อนจะหน้าเครียดใหม่เมื่อญาดาโทร.กลับมา เขาจำต้องรับสายและแก้ตัวแบบขอไปทีว่าโทร.ไปย้ำว่าหากได้ข่าวเขมิกา จะโทร.บอกเธอเป็นคนแรก
ญาดายังไม่วางใจเรื่องทัศนะกับชญานี เชื่อว่าทั้งสองต้องรู้เรื่องชาคริตแต่พยายามปิดบังไว้ หญิงสาวตัดสินใจจะจ้างนักสืบเอกชน แต่ไม่ทันหาข้อมูลชายหนุ่มแปลกหน้าคนเดิมก็โผล่มาเสียก่อน
ชาคริตเดินเกมรุกเต็มที่ ตีหน้าเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญอีกรอบที่เจอเธอในห้องอาหารของโรงพยาบาล แถมถือวิสาสะสั่งชุดอาหารเช้าเผื่อเธอ
“คุณมัวแต่ห่วงคนอื่นจนลืมห่วงตัวเอง เป็นพี่สาวคนโตก็ต้องแบกภาระหน้าที่หนักๆแบบนี้”
“คุณรู้ได้ไง...คุณอ่านจากข่าวน้องสาวฉันล่ะสิ”
“ผมไม่ชอบอ่านข่าวซุบซิบ ผมดูคนเป็น...รองจากคุณพ่อคุณก็มีคุณนี่แหละเป็นเสาหลักของครอบครัว”
ญาดาทึ่งมากที่เขาพูดเหมือนรู้จักเธอ และนึกสนุกลองทายเรื่องของเขาบ้าง
“คุณต้องเป็นลูกชายคนเล็ก ท่าทางคุณชอบเอาชนะคน”
“ผมเป็นลูกชายคนเดียว...ผมเป็นความหวังเดียวของพ่อ”
“เออ...จริงสิ ทำไมคุณพ่อคุณไม่มาเยี่ยมเพื่อนเองล่ะคะ”
“พ่อผมมาไม่ได้ครับ ผมก็เลยต้องมาสะสางทุกอย่างแทนท่าน พวกท่านไม่ได้พบกันหลายปีแล้วครับ ถ้าเจอกันคงเซอร์ไพรส์น่าดู คุณชอบเรื่องเซอร์ไพรส์ไหมครับคุณญาดา”
ญาดาอึ้งไปอึดใจที่เขารู้จักชื่อเธอ แต่ไม่ทันถาม ไตรทศก็ส่งเสียงทักมาเสียก่อน ชาคริตที่นั่งหันหลังให้เกร็งตัวเล็กน้อย สีหน้ายังนิ่งสงบ แต่ในหัวกำลังคิดหาทาง ไม่ให้ไตรทศเห็นหน้า...เพราะเขายังเซอร์ไพรส์ครอบครัวนี้ไม่จบ!
ooooooo
ชาคริตหาทางปลีกตัวจนได้ คลาดกับไตรทศแบบหวุดหวิด ญาดามองตามหลังชายแปลกหน้าที่เธอถูกชะตาด้วยสีหน้างุนงง แต่ไม่ทันรั้งไว้ ไตรทศก็ถลาตามเขาไปแล้ว
ไตรทศมั่นใจแม้เห็นแค่ด้านหลังว่าชายหนุ่มที่นั่งคุยกับญาดาต้องเป็นชาคริต แต่ก็ตามไม่ทัน ต้องกลับไปยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยง โวยวายกับพี่สาวถึงความปลิ้นปล้อนของชาคริต...อดีตว่าที่พี่เขย
“มันไม่ใช่แค่ทำร้ายพี่เขม แต่มันทำร้ายพวกเราทุกคน ผมคิดว่ามันตั้งใจ...มันตั้งใจทำให้พวกเราร้อนรนทุรนทุราย อยู่ไม่เป็นสุขแม้แต่นาทีเดียว”