ตอนที่ 1
ณ โรงแรมหรูใจกลางเมือง ชาคริต พิชากร นักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรงค่อยๆถอดชุดเจ้าบ่าวอย่างใจเย็น สายตาพุ่งไปทางกระจกตรงหน้า เหยียดยิ้มเบาๆอย่างสมใจที่แผนทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี...
เขมิกา เมธาสิทธิ์ ลูกสาวสุดรักสุดหวงของดิลก เมธาสิทธิ์ นักธุรกิจหนุ่มใหญ่เจ้าของกิจการใหญ่โต ก้มมองชุดเจ้าสาวแสนสวยของตนด้วยสายตาภาคภูมิใจ...อีกไม่กี่นาทีงานแต่งงานของเธอก็จะเริ่ม
ครอบครัวเมธาสิทธิ์ ประกอบด้วย เขมิกา เจ้าสาวดาวเด่นของงาน ดิลกและไตรทศ ผู้เป็นพ่อและน้องชาย รวมไปถึงกมลพรรณและปาริฉัตร แม่เลี้ยงและลูกติด ทำหน้าที่ต้อนรับแขกเหรื่อมากหน้าหลายตาด้วยสีหน้าแช่มชื่น ก่อนจะเริ่มนั่งกันไม่ติด เมื่อเลยเวลาฤกษ์...เจ้าบ่าวก็ไม่ปรากฏตัว!
แขกเหรื่อเริ่มสงสัย กระซิบกระซาบถามกัน เขมิกายืนหน้าเสียตรงซุ้มดอกไม้หน้างาน โดยมีดิลกคอยปลอบ กมลพรรณกับปาริฉัตรลอบยิ้มให้กันด้วยความสะใจ ก่อนจะตีหน้าซื่อทำเป็นเห็นอกเห็นใจเจ้าสาวต่อหน้าคนอื่น
ไตรทศวิ่งพล่านตามหาชาคริตหรือเจ้าบ่าวของงานทั่วโรงแรมแต่ไม่พบแม้แต่เงา เช่นเดียวกับทัศนะ เพื่อนสนิทคนเดียวของเจ้าบ่าว ที่อึกๆอักๆแก้ตัวแทนชาคริตว่าอาจมีธุระด่วนเลยมาช้า
ชญานีน้องสาวบุญธรรมของชาคริตเฝ้ามองเหตุการณ์กระสับกระส่ายตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย เธอรู้แผนการทุกอย่างของพี่ชายบุญธรรมดี เช่นเดียวกับทัศนะ แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อ้างว่าติดต่อพี่ชายไม่ได้
ทัศนะรู้สึกผิดไม่น้อย แม้จะรู้ตื้นลึกหนาบางแผนของชาคริต แต่ท่าทางเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลาของเขมิกาก็ทำให้เขาใจไม่ดี ตัดสินใจไม่ลากลับเหมือนแขกคนอื่น แต่ช่วยไตรทศตามหาตัวชาคริตแทน
ชาคริตไม่ยี่หระว่าใครจะตามหาตัว นั่งรอในล็อบบี้ด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน เฝ้ามองไปทางประตูโรงแรมหรูราวกับต้องการรอใครบางคน...
ญาดา เมธาสิทธิ์ สาวสวยดีกรีนักเรียนนอก ลูกสาวคนโตของดิลก เพิ่งกลับจากต่างประเทศ เธอรีบร้อนลงรถเพื่อไปร่วมงานแต่งของเขมิกาน้องสาวสุดที่รัก
ชาคริตรออยู่แล้ว รีบไปดักรอที่ลิฟต์เพื่อทำตามแผนการ
ด้วยความรีบ ญาดาเลยไม่ลังเลจะตะโกนบอกคนในลิฟต์ให้รอ ชาคริตลอบยิ้มด้วยความสมใจ ก่อนแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษ เปิดประตูลิฟต์รอเธอ
“ผมว่าลิฟต์ตัวนี้รอคุณอยู่นะครับ”
“บังเอิญว่าคุณเปิดลิฟต์ให้ฉันต่างหากค่ะ”
“โลกใบนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญหรอกครับ”
ท่าทางและคำพูดแปลกๆของเขาทำให้ญาดานิ่วหน้า ชาคริตไม่อยากให้แผนแตกเร็วไปเลยเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มบางๆและชวนคุยอย่างเป็นมิตร
“คืนนี้คุณคงมางานสำคัญ”
“ค่ะ...งานแต่งน้องสาวฉัน”
ลิฟต์เปิดตรงชั้นจัดงานพอดี ญาดาจึงบอกลา
ชาคริตพยักหน้าให้ก่อนทิ้งท้ายยิ้มๆ
“หวังว่าคุณคงไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญที่สุดในชีวิตน้องสาวคุณนะครับ...ยินดีที่ได้พบกันครับ”
ooooooo
ชาคริตปิดมือถือ ไม่มีใครติดต่อได้แม้แต่ชญานีกับทัศนะ น้องสาวบุญธรรมและเพื่อนสนิท ไตรทศโกรธมาก แหวลั่นอย่างเหลืออดที่ชาคริตทำให้เขมิกาและทุกคนในครอบครัวเสียหน้า
ชญานีได้ยินไตรทศด่าพี่ชายบุญธรรมก็อดไม่ได้ตอบโต้บ้าง
“พี่คริตตั้งใจหนีงานแต่งงานต่างหาก พี่คริตคงคิดได้ในนาทีสุดท้าย”
เขมิกาหันขวับ ถามเสียงสั่น “คิดได้ว่าอะไร”
ชญานีที่หมั่นไส้อีกฝ่ายมานานได้ที ตอกกลับไม่ไว้หน้า “คิดได้ว่าไม่ควรแต่งงานกับคุณน่ะสิ พูดตรงๆนะคุณเขม แต่งงานกันแล้วก็ต้องอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต...กับคุณเนี่ยนะ...ไม่ไหวมั้ง”
คำพูดของชญานีทำให้เขมิกาน้ำตาร่วง หัวใจสลายแต่ยังหลอกตัวเองว่าชาคริตคงมีเหตุผล ทัศนะมองมาด้วยความสงสาร เขาส่งสายตาปรามไปทางชญานี แต่ไม่ทันพูดอะไร ชาคริตก็โทร.เข้ามือถือเขาเสียก่อน
ชญานีแย่งมือถือทัศนะมากดเปิดลำโพงให้ได้ยินกันทั่ว เขมิกายิ้มทั้งน้ำตา คาดคั้นถามเหตุผลที่เขาไม่มาร่วมงานแต่ง ชาคริตไม่ตอบ แต่บ่ายเบี่ยงบอกว่ายังไม่ถึงเวลานั้น ไตรทศโมโหแทนพี่สาวมาก ตั้งท่าจะด่าให้หายแค้น แต่ก็ต้องตกใจหน้าซีดแทนเมื่อเขมิกาเกิดช็อก เป็นลมไปต่อหน้าต่อตา!
ญาดามาถึงงานทันเห็นน้องสาวเป็นลม เธอรีบสวมบทพี่สาวคนโตจัดการทุกอย่างและให้คนพาเขมิกาไปพักในห้องพักของโรงแรม เมื่อเขมิกาฟื้นก็ร้องไห้ฟูมฟาย ยังทำใจไม่ได้ที่งานแต่งล่มไม่เป็นท่า
สภาพน้องสาวทำให้ญาดาสงสาร แต่ต้องแข็งใจกล่อมให้ตั้งสติและถอดแหวนแต่งงาน เขมิกาสะเทือนใจมาก ลูบคลำแหวนบนนิ้วนางอย่างอาลัย ยังทำใจไม่ได้จนคนเป็นพี่สาวต้องย้ำ
“ถอดออกเถอะเขม...เขมยังมีแหวนพี่อยู่นะ”
เขมิกาเลื่อนสายตามองแหวนนิ้วก้อยที่พี่สาวเคยให้ด้วยท่าทางเลื่อนลอย ญาดาใจไม่ดี ปลอบเสียงอ่อน
“เขมมีพี่ มีคุณพ่อ มีนายไตรก็พอแล้ว ผู้ชายคนนั้นเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ผ่านมาเท่านั้น คิดซะว่าเป็นฝันร้าย”
“เขมไม่อยากเชื่อ ทำไม...ทำไมเขาทำกับเขมได้”
“แล้วพี่จะหาคำตอบให้เขมเอง”
ooooooo
ญาดาทำตามที่รับปากเขมิกาจริงๆหลังจากนั้น เริ่มด้วยการให้ไตรทศไปเจรจากับโรงแรมเพื่อปิดข่าว ส่งปาริฉัตรไปเฝ้าน้องสาว และให้กมลพรรณพาดิลกที่มีโรคประจำตัวคือความดันสูงไปพัก
ทัศนะอาสาอยู่ช่วย แต่ญาดาไม่เห็นด้วย อยากจัดการกันเองมากกว่า และคนแรกที่เธอต้องการคุยด้วยก็คือชญานีน้องสาวบุญธรรมของชาคริต!
ชญานีไม่ให้ความร่วมมือ บ่ายเบี่ยงเลี่ยงไม่ตอบคำถามจนไตรทศเหลืออด ตั้งท่าจะอาละวาด แต่ชญานีก็ผลุนผลันออกจากโรงแรมเสียก่อน ญาดาสั่งไตรทศตามประกบ เพราะเชื่อว่าชญานีต้องปิดบังบางอย่างเพื่อช่วยพี่ชาย
ระหว่างที่ญาดากับไตรทศตามหาตัวชาคริต...กมลพรรณกับปาริฉัตรพูดคุยกันในห้องพักเรื่องงานแต่งของเขมิกาล่มอย่างสนุกปาก โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าของห้องที่นอนพักรู้สึกตัวและแอบฟังทุกอย่างด้วยสีหน้าซีดเผือด
“ผู้ชายไม่ได้รักก็เลยหนีงานแต่งงาน ฉัตรล่ะอายแทนจริงๆ ฉัตรเป็นนังเขมนะ ฉัตรหนีไปโดดน้ำตายดีกว่า”
“โดดน้ำตายมันยากไป แล้วจะยิ่งฉาวกันไปใหญ่ เป็นแม่จะหนีไปตายที่ไหนเงียบๆ ไม่ให้ครอบครัวต้องเดือดร้อน ไม่ทำให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลต้องป่นปี้มากไปกว่านี้”
“มันไม่กล้าหรอกแม่ ถูกเลี้ยงมาเหมือนเจ้าหญิง ตีนไม่เคยแตะดินก็เงี้ยแหละ เจ้าหญิงโลกสวยมาโลกแตกเอาวันแต่งงาน น่าสงสาร”
“พูดให้ถูก น่าสมเพชต่างหาก”
เสียงหัวเราะของสองแม่ลูกเสียดแทงใจเขมิกามาก สุดท้ายก็ทนไม่ได้ต้องผละจากห้องด้วยหัวใจแตกสลาย...
ทัศนะยืนกรานไม่ยอมกลับ อยากช่วยพวกญาดาตามหาตัวชาคริตด้วย ญาดาเลยขอรูปถ่ายของชาคริตเพื่อตรวจจากกล้องวงจรปิดโรงแรม แต่เขาไม่มีให้เพราะเพื่อนรักไม่ชอบถ่ายรูป
ญาดาประสาทเสียมากเพราะหาข้อมูลเกี่ยวกับชาคริตไม่ได้สักทาง แต่ไม่ทันทำอะไรมากกว่านั้น เธอก็ต้องรีบกลับไปที่ห้องพักเมื่อปาริฉัตรโทร.บอกว่าเขมิกาหายตัวไปแล้ว!
ooooooo
กมลพรรณกับปาริฉัตรช่วยกันกลบเกลื่อนความสะเพร่าของกันและกันที่มัวเม้าท์แตกจนเขมิกาหายตัวไป ญาดาโกรธมากและยิ่งเครียดเมื่อพบว่าน้องสาวไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปเลยแม้แต่กระเป๋าสตางค์และมือถือ
สองแม่ลูกเกรงฤทธิ์เดชญาดาไม่น้อย รู้ดีว่าลูกสาวคนโตของดิลกฉลาด ทันคนและเด็ดขาด ไม่เหมือนน้องชายและน้องสาว แต่กระนั้นก็อดไม่ได้ แกล้งหลุดปากว่ากลัวใจเขมิกาจะฆ่าตัวตาย!
คำพูดพล่อยๆของกมลพรรณกับปาริฉัตรทำให้ดิลกอาการทรุด เขาโผล่มาทันได้ยินสองแม่ลูกแก้ตัวกับญาดาเรื่องเขมิกาหายตัวไปพอดี ญาดาเลยต้องพักเรื่องน้องสาวและพาพ่อส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
ไตรทศยังไม่รู้เรื่องพ่อต้องเข้าโรงพยาบาล มัวหัวเสียชญานีที่จงใจกวนประสาท แกล้งขับรถวนรอบเมือง ก่อนจะมาจอดหน้าโรงแรมที่จัดงานตามเดิม ชายหนุ่มไม่รอช้า ขับไปจอดปาดหน้าและลงไปเอาเรื่อง
“เล่นสนุกพอหรือยัง”
“แล้วคุณล่ะ ตามรังควานฉันพอหรือยัง”
“รู้ตัวว่าถูกตาม...คุณกำลังไปหาพี่ชายคุณล่ะสิ ก็เลยไม่ไปไหนสักที สุดท้ายก็กลับมาที่โรงแรม”
ชญานียักไหล่ สวนกวนๆ “เปล๊า...ฉันเพิ่งนึกได้ว่าฝ่ายเจ้าสาวเปิดห้องพักไว้ทั้งฟลอร์ ก็เลยวนรถกลับมา กะว่าลองนอนโรงแรมห้าดาวสักคืน ไม่งั้นทางคุณจะเสียน้ำใจแย่”
ไตรทศเจ็บใจมาก แต่ไม่ทันโต้ก็ต้องรีบตามญาดาไปเฝ้าดิลกที่โรงพยาบาล ทิ้งชญานีให้มองตามด้วยแววตาสะใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เมื่อคิดได้ว่าสถานการณ์ทำท่าจะลุกลามและกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นทุกที
ชาคริตเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง สาแก่ใจมากเมื่อคิดว่าแผนล้างแค้นครอบครัวเมธาสิทธิ์ โดยเฉพาะดิลก อดีตหุ้นส่วนของเก่งกาจ พ่อแท้ๆของเขาที่ถูกดิลกใส่ร้ายจนล้มละลายและติดคุก เปิดฉากอย่างสวยงามและทำท่าจะไปได้ดี จนไม่ยินดียินร้ายแม้แต่น้อยเมื่อชญานีโทร.บอกว่าดิลกอาการทรุดต้องเข้าโรงพยาบาล
โชคดีที่ดิลกถึงมือหมอทันเวลา รอดพ้นขีดอันตรายหวุดหวิด ญาดาเลยหันมาเอาเรื่องกมลพรรณกับปาริฉัตรที่ปากเสียจนได้เรื่อง สองแม่ลูกแค้นใจมากแต่ต้องข่มใจไม่ตอบโต้ โดยเฉพาะกมลพรรณที่ต้องปั้นหน้าเหมือนสำนึกผิดเพราะตัวเองไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับดิลก เลยไม่อยากมีเรื่องให้ถูกเฉดหัวจากบ้านเมธาสิทธิ์
ปาริฉัตรเสนอให้แจ้งความและแชร์เรื่องเขมิกาบนโลกโซเชียลให้เพื่อนๆช่วยตามหา แต่ถูกญาดาดักคอและตอกกลับหน้าหงาย พร้อมประกาศกร้าว
“เรื่องนี้ต้องรู้แค่ภายในครอบครัวเท่านั้น ใครคิดทำลายชื่อเสียงเขมอยู่ร่วมโลกกับดาไม่ได้ เข้าใจตรงกันนะ!”
ooooooo
ไตรทศแยกตัวไปหาเขมิกาต่อ เช่นเดียวกับทัศนะที่ขับวนรอบกรุงเทพฯแต่ไม่พบแม้แต่เงาของเธอ เพ็ญขวัญ น้องสาวคนเดียวของเขาโทร.ตามด้วยความเป็นห่วง เลยได้รู้เรื่องเขมิกาและอดเห็นใจปนเวทนาไม่ได้
เพ็ญขวัญสงสารพี่ชายที่ต้องลำบากเพราะเรื่องของชาคริต เลยช่วยคิดว่าเขมิกาน่าจะไปที่ที่เคยมีความทรงจำดีๆ ทัศนะเห็นด้วย รีบไล่น้องสาวไปนอนและขับรถไปที่แห่งหนึ่งทันที...
เวลาเดียวกันที่สะพานข้ามแม่น้ำกลางกรุง...เขมิกาในชุดเจ้าสาวเดินเหม่อลอยตามทาง ก่อนไปหยุดมองที่สวนสวยไม่ไกลกันนั้น...สถานที่ที่ชาคริตขอเธอแต่งงาน
เขมิกาหลับตาช้าๆนึกถึงอดีตเมื่อเดือนก่อน ตอนที่ชาคริตพาเธอมาสวนสวยนี้เพื่อเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน เวลาไม่กี่เดือนที่รู้จักกัน เขาทำให้คุณหนูคนสวยอย่างเธอเหมือนอยู่ในความฝัน ทำให้เธอรักและหลงใหลเขาชั่วข้ามคืน และไม่ลังเลใจจะตอบรับคำขอแต่งงานของเขา
เมื่อญาดารู้เรื่องวันต่อมาก็วีดิโอคอลมาคุยกับเธอจากเมืองนอก พยายามทักท้วง เขมิกายังจำน้ำเสียงดุๆของพี่สาวได้ตอนเธอเล่าว่ายอมรับปากแต่งงานเพราะชาคริตหยอดด้วยคำขู่แสนหวาน
“แต่งหรือไม่ต้องแต่งตลอดไป”