ตอนที่ 9
พันธกานต์กลัวพระพายจะหนีไปหาทองเอกก็เลยมานั่งเฝ้าให้รู้แล้วรู้รอด จังหวะหนึ่งพระพายติดขัดเรื่องคำแปลภาษาอังกฤษ เขาจึงเข้ามาอธิบายให้ฟัง เธอมองเหล่ เพิ่งนึกได้ว่าเขาจบจากเมืองนอก แล้วด้วยเหตุใดถึงเอางานนี้มาให้เธอแปล เขาอ้างมีงานอื่นต้องทำ ในเมื่อเธอเป็นนักศึกษาฝึกงาน เขาสั่งอะไรก็ต้องทำตาม
พระพายเบ้ปากใส่ การได้คุยกับพันธกานต์ครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่าเขาเรียนจบด้านการแสดง เธอมองสงสัย ในเมื่อเขาเป็นลูกคนเดียวของอาแสนที่ต้องมาบริหารที่นี่ต่อแต่ดันจบการแสดงมา แบบนี้จะบริหารที่นี่ต่อได้อย่างไร พันธกานต์ไม่อยากตอบก็เลยแกล้งโวยวาย
“อย่าถามมากได้ไหม รีบทำงานของเธอไป” พันธกานต์หันไปเล่นมือถือต่อ
พลันท้องของพระพายส่งเสียงประท้วง พันธกานต์ทำเหมือนไม่สนใจลุกออกไปจากตรงนั้น สักพักกลับมาพร้อมกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปควันหอมกรุ่นถ้วยใหญ่หนึ่งถ้วย เขาหาจากห้องครัวของบริษัทได้มาแค่นี้ แล้ววางไว้ตรงหน้าพระพาย บอกให้กินก่อนที่มันจะอืด
“แล้วไม่ต้องมาขอบคุณฉันหรอกนะ ที่ฉันเอามาให้เพราะฉันกลัวว่าเธอจะไม่มีแรงทำงานให้ฉันซะก่อน”
พระพายจัดการกับบะหมี่ตรงหน้า กลิ่นหอมของมันกระตุ้นต่อมหิวของพันธกานต์ให้ทำงาน ท้องเจ้ากรรมร้องจ๊อกๆ เขาแกล้งส่งเสียงกลบเสียงท้องร้องแต่ไม่พ้นหูหาเรื่องของพระพายซึ่งหันขวับมามอง
“มองอะไร รีบกินซะจะได้รีบทำงานให้เสร็จๆ” พูดจบพันธกานต์ลุกออกไปเดินหารอบๆบริษัทไม่พบของขายแม้แต่เจ้าเดียว หิวจนไส้กิ่วแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
สักพักพระพายตามมาพร้อมกับยื่นถ้วยบะหมี่ให้ ชวนเขากินด้วยกัน เธอรู้ว่าเขาเองก็หิวเหมือนกัน ไม่ต้องมาเก๊ก เขาอ้างไม่หิว ท้องร้องสวนขึ้นทันที
“กินไปเถอะ อย่างนายไม่เหมาะจะเล่นเป็นบทพระเอกหรอก”
“ได้...ถ้าอย่างนั้นอย่าหาว่าฉันร้ายก็แล้วกัน”
พันธกานต์ดึงถ้วยบะหมี่มากินไปแค่คำเดียวก็เลื่อนคืนให้พระพายกินบ้าง เธอคีบบะหมี่ใส่ปากยังเคี้ยวไม่หมด บอกว่าเขาไม่เหมาะจะเป็นนักแสดงเพราะตอนบ่ายที่เขาบอกรักบุษบาบรรณไม่เหมือนคนที่รักกันเลย เขายอมรับว่าใช่ เพราะเขาไม่ได้ชอบเธอ
“แล้วไม่มีคนอื่นที่นายชอบอีกแล้ว”
“ก็เธอไง” พันธกานต์พูดออกไปเองแล้วก็อึ้งเอง พระพายก็อึ้งไม่แพ้เขาเช่นกัน
ความเงียบปกคลุมไปทั่ว พลันมีเสียง รปภ.ตะโกนโหวกเหวกว่านั่นใคร พอเห็นพันธกานต์ ท่าทีของเขาเปลี่ยนเป็นนอบน้อมถามว่ายังไม่กลับกันอีกหรือ พันธกานต์อยู่อีกสักพักก็จะกลับ ไม่ต้องห่วงตนจะปิดไฟให้เอง รปภ.รับคำแล้วเดินออกไป