icon member

นิยายแปล

  • SHARE
แฟนเพจนิยายไทยรัฐ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 117 ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น (117)

ตอนที่ 117 ไม่กลัวอีกแล้ว

วันรุ่งขึ้นเมื่อถึงเวลาไปโรงเรียน อู่เหมยไม่วางใจที่จะปล่อยให้เจ้าฉิวฉิวอยู่ที่บ้าน แต่จะพาไปโรงเรียนด้วยก็ใช่เรื่อง ถ้าเกิดใครมาเจอเข้าแล้วไปบอกคุณครู คุณครูจะต้องยึดเจ้าฉิวฉิวไปแน่นอน แถมยังจะแจ้งให้ผู้ปกครองทราบด้วย เธอต้องหนีไม่พ้นถูกเหอปี้อวิ๋นตีอย่างแน่นอน

“ฉิวฉิว เป็นเด็กดีกินถั่วลิสงอยู่ที่บ้านนะ พี่สาวไปโรงเรียนละนะ อย่าวิ่งเพ่นพ่านไปทั่วล่ะ ข้างนอกมีแมวเยอะแยะ เดี๋ยวพวกมันจะจับแกไปกินเป็นของว่าง ห้ามแอบหนีออกไปเชียวนะ!”

อู่เหมยพูดกำชับกระรอกน้อยเสียงเบา สองขาหน้าของฉิวฉิวถือถั่วลิสงและแทะกินอย่างเอร็ดอร่อยมาก เปลือกถั่วลิสงหล่นเกลื่อนเต็มพื้น สักพักมันก็กินถั่วลิสงที่แทะจนกลมเกลี้ยงอย่างมีความสุข อีกทั้งยังส่งเสียงร้องกูกูให้อู่เหมยสามสี่ที ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเข้าใจที่เจ้านายพูดหรือเปล่า

“เสียงอะไรในห้องน่ะ” อู่เยวี่ยล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้วก็กลับเข้ามาในห้อง พอได้ยินเสียงแกรกๆ เธอก็อดเดินเข้ามาดูไม่ได้

อู่เหมยตกใจแล้วรีบยัดเจ้าฉิวฉิวเข้าไปใต้เตียง เธอพูดเสียงเรียบว่า “เสียงเสิงที่ไหนกัน หูฝาดแล้วล่ะ”

อู่เยวี่ยมองสำรวจไปทั่ว แต่ก็ไม่พบอะไรที่น่าสงสัย อย่างไรก็ตามเธอยังคงไม่ปักใจเชื่ออยู่ดี เมื่อกี้มีเสียงดังแกรกๆ อยู่ชัดๆ แล้วอู่เยวี่ยก็ถามว่า “เมื่อกี้เธอไม่ได้ยินเสียงเหรอ แต่ทำไมฉันได้ยินเสียงแกรกๆ ล่ะ!”

“ฉันไม่เห็นจะได้ยินเลย หูพี่มีปัญหาแล้วล่ะ!”

เดิมทีอู่เหมยกังวลว่าฉิวฉิวจะส่งเสียงที่ใต้เตียง แต่ตอนนี้ผ่านมาได้สักพักเจ้าฉิวฉิวก็นิ่งเงียบตลอด เธอก็เลยเบาใจลง แล้วพูดตอกกลับไปอย่างไม่เกรงใจ อู่เหมยไม่สนใจอู่เยวี่ยและเดินออกจากห้องไปเลย

อู่เยวี่ยมีสีหน้าเคร่งขรึม แล้วเช็คดูที่นอนของอู่เหมยอีกที เธอยังคงไม่เจออะไรเหมือนเดิม จึงได้แต่กลับมาที่โซนของตัวเอง เธอตั้งใจว่าจะหาเวลาว่างไปถามเจินหวานหว่านดู ดูสิว่าช่วงนี้มีการสอบหรือเปล่า ทีนี้พอเอาผลสอบของเจ้าน้องโง่ไปบอกพ่อแม่ พวกท่านจะต้องสั่งสอนอู่เหมยชุดใหญ่แน่นอน

อู่เหมยกินข้าวเช้าอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปหยิบกล่องเก็บความร้อนบนตู้ลิ้นชักก่อนอู่เยวี่ย กล่องใบหนึ่งสีแดง อีกใบหนึ่งสีเขียว เหอปี้อวิ๋นซื้อมาใหม่ทั้งสองใบ กล่องเก็บความร้อนใบเก่าใบที่อู่เยวี่ยเคยใช้ก่อนหน้านี้ประสิทธิภาพไม่ค่อยดีแล้ว เดิมเหอปี้อวิ๋นตั้งใจจะเอาให้อู่เหมยใช้ แต่แน่นอนว่าอู่เหมยไม่ยอม พอเธอไปฟ้องอู่เจิ้งซือ เธอก็ได้กล่องใบใหม่มา

ใบสีแดงเป็นของอู่เยวี่ย ส่วนใบสีเขียวเป็นของเธอ อู่เหมยกวาดตามองไปรอบๆ จากนั้นเขย่งปลายเท้าขึ้นไปหยิบใบสีแดงและยัดใส่ในกระเป๋าเป้ เธอกำลังจะเดินไป แต่เหอปี้อวิ๋นตวาดเสียงดัง “แกหยิบของพี่แกไปทำไม เบลอแต่เช้าเหรอไง!”

“ของอู่เยวี่ยมีเนื้อ แต่ของหนูไม่มีเนื้อ หนูก็เลยแลกกับของพี่เขา”

ตอนนี้อู่เหมยไม่กลัวเหอปี้อวิ๋นอีกแล้ว คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น อย่างมากก็แค่โดนตีหนึ่งยก อย่างไรเสียเธอจะเสียเปรียบไม่ได้ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังก็ตาม

เธอพูดพลางเปิดกล่องเก็บความร้อนทั้งสองใบออก ในกล่องใบสีแดงมีเนื้อผัดซอสแดงชุ่มฉ่ำโปะอยู่บนข้าว แล้วก็ยังมีไข่ดาวสีเหลืองอร่ามหนึ่งใบ ส่วนในใบสีเขียวมีแค่ผักกวางตุ้งสีเขียวไม่กี่ชิ้น อย่าว่าแต่เนื้อเลย ไข่ดาวสักใบก็ไม่มี

พออู่เจิ้งซือเอ่ยปาก เหอปี้อวิ๋นก็ไม่กล้าโต้เถียงใดๆ ทั้งสิ้น จึงได้แต่ไปซื้อกล่องเก็บความร้อนมา แต่ลับหลังเธอกลับเล่นลูกไม้ไม่น้อย ส่วนใหญ่ในข้าวกล่องของอู่เยวี่ยมักจะมีเนื้อสัตว์ อย่างแย่ที่สุดก็ยังมีไข่ดาว แต่ของอู่เหมยถ้าไม่ใช่ผักกวางตุ้งก็เป็นผักดอง อย่างดีที่สุดก็แค่ผักดองผัดเต้าหู้แห้ง

หลังจากกินแบบนี้ติดต่อกันสามสี่วัน อู่เหมยก็รู้สึกทะแม่งๆ เธอก็เลยมีความคิดที่จะหยิบกล่องผิดใบ เธอเจตนาหยิบผิดใบ เหอปี้อวิ๋นไม่เห็น เธอก็หยิบผิดต่อไปเรื่อยๆ แต่พอเหอปี้อวิ๋นเห็น เธอก็ถือโอกาสโวยวายได้พอดี ให้อู่เจิ้งซือได้เห็นแบบต่อหน้าต่อตา

อู่เจิ้งซือมองดูอาหารสองชุดตรงหน้าที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แล้วเขาก็ทำหน้าขรึมและขมวดคิ้วมุ่น เหอปี้อวิ๋นรู้สึกตึงเครียดและรีบพูดว่า “ก็มันมีเนื้อสัตว์ไม่เยอะ แล้วช่วงนี้เยวี่ยเยวี่ยก็เรียนหนักมาก ฉันอยากจะให้เธอบำรุงสักหน่อย ก็แค่วันนี้วันเดียวแหละ เมื่อก่อนก็ทำอาหารให้เหมือนๆ กัน”

นิยายแนะนำ

บันเทิงไทยรัฐ

“ใบเฟิร์น” แต้มบุญทำงาน ขึ้นหิ้งคนโปรด “แอ้ม” ผู้กุมอำนาจบาร์ตัวจริง ใน ทองประกายแสด

“ใบเฟิร์น” แต้มบุญทำงาน ขึ้นหิ้งคนโปรด “แอ้ม” ผู้กุมอำนาจบาร์ตัวจริง ใน ทองประกายแสด
10 ก.ย. 2567

09:01 น.