icon member

ระเริงไฟ

ตอนที่ 15


คำพูดเตือนสติของพ่อทำให้ชาคริตได้คิด ทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วตัดสินใจจะไปง้อภรรยา ญาดาเพิ่งคุยกับทนายเรื่องดิลกจะมอบตัว เห็นหน้าสามีที่มาดักรอก็เดินหนีด้วยความละอายใจ

ชาคริตไม่ยอมให้หนีหน้า ตามไปคุยด้วยถึงรถ ญาดาเลยต้องเปิดอกกับเขา

“คุณคริต...ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว คำขอโทษคงไม่พอ แต่ยังไงฉันก็ขอโทษแทนคุณพ่อด้วย”

“งั้นเราก็กลับมาเริ่มต้นกันใหม่”

“คุณพ่อฉันทำเรื่องที่เลวร้าย แล้วเราจะกลับมา

อยู่ด้วยกันได้ยังไง...ฉันเป็นลูกของคนที่คุณเกลียดที่สุด”

“คุณกับพ่อคุณไม่เกี่ยวกัน”

“คุณแยกแยะได้แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันยอมรับได้ที่คุณอยากฆ่าคุณพ่อ แต่ฉันรับไม่ได้ที่คุณเล่นสนุกกับชีวิตครอบครัวเรา คุณทำให้บ้านเราทุกข์ทรมานเหมือนอยู่ในกองไฟทั้งๆที่คุณแค้นแค่คนคนเดียว...แต่คุณทำร้ายทุกคน”

“ดา...เรื่องนั้นผมขอโทษ”

“ฉันไม่ยกโทษให้ อีกไม่นานคุณพ่อก็จะรับโทษแล้ว เป็นอันว่าจบนะคะคุณชาคริต...คราวนี้เรื่องของเราจบจริง!”

ด้านเพ็ญขวัญ...อาการดีขึ้น รู้สึกตัวและลุกมาทำโน่นนี่ได้เหมือนเคย แต่กระนั้นหญิงสาวก็ไม่มีความสุข ซึมเศร้าเพราะไม่อยากย้ายบ้าน และหลุดปากสารภาพกับเขมิกาที่มาเฝ้าว่าไม่อยากอยู่เป็นภาระพี่ชาย

“พี่นะไปเที่ยวไหนไกลก็ไม่ได้ มีแฟนก็ต้องเลิกเพราะเบื่อที่พี่นะต้องคอยกลับบ้านมาดูแลขวัญ คนขี้แพ้...ที่แพ้ทุกอย่างในโลกนี้ พี่นะต้องเสียเงินค่ายา ค่าโน่นค่านี่เป็นล้านๆเลยมั้ง พี่นะเลยต้องทำงานสกปรกให้พี่คริต...ทุกอย่างเป็นเพราะขวัญ...ขวัญไม่น่าเกิดมาเลย”

ทัศนะมาถึงทันได้ยินทุกอย่างแต่แอบฟังหน้าประตู สะเทือนใจจนทนไม่ไหว โผล่ไปกอดน้องสาวทั้งน้ำตา

“ไม่จริงขวัญ...ไม่จริงสักนิด พี่เต็มใจดูแลขวัญ พี่ต้องดูแลน้องอยู่แล้ว ถ้าไม่มีขวัญ...พี่เองก็อยู่ไม่ได้ หัวใจของขวัญแข็งแรงกว่าใครๆ ขวัญยิ้มสู้กับชีวิต ทุกข์แค่ไหนก็ไม่เคยร้องไห้...ขวัญเป็นกำลังใจให้ได้เสมอ”

“ขวัญไม่ได้เข้มแข็ง...ขวัญกลัวไปหมด”

“ถ้าขวัญกลัวจะต้องไปเริ่มต้นใหม่ เราก็จะไม่ย้ายไปไหน”

“สัญญานะ...สัญญา ไม่ใช่ขวัญที่รักบ้านหลังนี้...พี่เขมก็รัก...รู้ไว้ด้วย!”

เพราะคำพูดของเพ็ญขวัญแท้ๆทำให้ทัศนะกับเขมิกาได้เปิดใจกัน และครั้งนี้คุณหนูคนสวยก็ไม่ลังเลจะเผยความในใจ โดยเฉพาะความรู้สึกที่มีต่อบ้านและครอบครัวของเขา

“เขมรักบ้านหลังนี้...ขวัญไม่รู้หรอกว่าขวัญเป็นคนคอยเติมเต็มให้บ้านนี้ แต่การมีคนคอยอยู่ที่บ้าน...เป็นความอบอุ่นที่เขมไม่เคยได้รับ”

“ผมเป็นคนคนนั้นได้นะ...คนที่คอยคุณอยู่ที่บ้านเสมอ...ไม่หนีไปไหน”

“แต่ก็คิดหนีมาแล้ว”

“ก็คุณไม่ยอมยกโทษให้ผม...นี่ผมไม่เข็ดจริงๆ ไม่รู้จะพูดให้ตัวเองเจ็บอีกทำไม”

“เขมขอโทษ...เขมเห็นแต่ความผิดคนอื่น แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองก็ผิด เขมหลงติดกับดักคุณคริตเอง ตอนนั้นถึงคุณจะบอกความจริง...เขมก็คงไม่ฟัง เขมไม่มีอะไรจะยกโทษให้”

“ผมก็รู้สึกผิดอยู่ดี”

“เราปล่อยให้อดีตผ่านไปเถอะนะคะ อย่าเป็นเหมือนคุณคริตเลย ในเมื่อเรามีโอกาสจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ก็ใช้ซะ...เขมมีอะไรจะบอก...นอกจากเขมจะรักบ้านหลังนี้...เขมรักเจ้าของบ้านด้วย”

ทัศนะปลื้มมาก ดึงตัวเขมิกามากอดแน่น ดีใจเหลือเกินที่เธอมีใจตรงกัน

ooooooo

ชาคริตเสียใจมากที่ญาดาไม่คืนดีด้วย ตัดสินใจไปพักใจที่บ้านเชิงเขา สถานที่ที่เขากับเธอเคยมีช่วงเวลาดีๆ และลงมือเผาทุกอย่างในอดีตที่เคยทำให้เขาเก็บกักความแค้นต่อดิลกไว้ถึงยี่สิบปี

ชญานีเห็นพี่ชายบุญธรรมทุกข์ทรมานใจเพราะความรัก เลยขอความร่วมมือจากไตรทศ ช่วยกันหลอกล่อญาดาให้ไปดูบ้านของชาคริตในกรุงเทพฯที่เตรียมไว้ให้ญาดากับลูก

ญาดาตามแผนชญานีไม่ทัน ตกหลุมพรางยอมออกจากบ้านเพราะไตรทศอ้างว่าจะแต่งงานกับชญานีปลายปีและอยากให้เธอช่วยดูบ้านที่จะใช้เป็นเรือนหอ

ไตรทศเห็นญาดาเข้าไปสำรวจบ้านแล้วจึงพาชญานีไปกินไอศกรีมข้างนอก พร้อมยืนยันว่าเรื่องแต่งงานเขาเอาจริง ชญานีเขินแต่เสถามเรื่องหางานของเขา ไตรทศย้อนเพราะรู้ดีว่าทีมาร์ทถูกปิด เธอคงตกงานเหมือนกัน

“ขอโทษ...ตอนนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ติดต่อมาห้าที่ อยู่ที่ฉันจะจิ้มเลือกทำงานกับบริษัทไหนเท่านั้นแหละ”

ชญานีโอ่ยิ้มๆ ก่อนจะหลุดขำเมื่อเห็นไตรทศทำท่าคอตก รีบปลอบขวัญคนคิดมาก

“อ่อนๆอย่างคุณนี่หางานยากหน่อย แต่ไม่เป็นไร...ฉันเลี้ยงคุณไหว”

ไตรทศได้ทียิ้มกว้าง “ยอม...ผมยอมเป็นพ่อบ้าน แล้วให้คุณหาเลี้ยง ตกลงตามนี้นะ...ปลายปีแต่ง”

พูดจบก็อุ้มเธอเหวี่ยงรอบๆ ชญานีกรีดร้องเสียงหลง แต่ก็มีความสุขมากที่เจอคนที่รักเสียที...

ญาดายังไม่รู้ตัวว่าถูกหลอก กวาดสายตามองรอบๆบ้าน ก่อนเอะใจเมื่อรู้สึกว่าบ้านเงียบผิดปกติ

แถมข้าวของกับเครื่องประดับบ้านก็ดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวใจเต้นรัว แล้วก็ถึงกับสติแตกเมื่อเห็นชาคริตที่นี่!

ชาคริตก็ไม่รู้เรื่องแผนการของชญานี ถึงกับอึ้งเมื่อเจอญาดา แถมถูกเธอแผดเสียงใส่อีกต่างหาก

“คุณหลอกฉันอีกแล้ว คุณให้นีหลอกฉันมาที่นี่เพื่ออะไร...เพื่อให้ฉันเห็นว่าคุณพร้อมเป็นพ่อที่ดีงั้นเหรอ ขอโทษนะ...ฉันเชื่อไม่ลง!”

จบคำก็ผลุนผลันจะกลับ แต่ด้วยความรีบเลยเกือบกลิ้งตกบันได โชคดีชาคริตที่ละมือจากการต่อเตียงเด็กถลามาช่วยประคองทัน พร้อมกับดึงตัวมาใกล้ให้สบตาเพื่อแสดงความจริงใจ

“ผมไม่ได้หลอกให้คุณมาที่นี่ ผมไม่ได้โกหก...มองตาผมสิดา”

“งั้นคุณก็ช่วยบอกน้องสาวคุณด้วยว่าแผนเธอไม่ได้ผล”

“ผมไม่คิดจะเปลี่ยนใจคุณแล้ว ผมหวังแค่วันนึงลูกอาจจะได้มาบ้านนี้ แต่คุณคงไม่ยอม ตอนนี้ผมก็ได้แต่หลอกตัวเองไปวันๆว่าบ้านนี้เป็นบ้านของเรา...สามคนพ่อแม่ลูก”

“คุณอยากมีบ้านมีครอบครัว แต่คุณเป็นคนดับอนาคตตัวเอง”

“คุณจะให้ผมทำยังไง”

“คุณลืมอดีตทุกอย่างแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ ใช้ชีวิตปกติ ไม่มีบอดี้การ์ดเดินตามหลัง ไม่รับใช้พวกอิทธิพลมืด และที่สำคัญ...ยกโทษให้คุณพ่อ”

“ผมทำตามที่คุณต้องการได้ทุกอย่าง...ยกเว้น...”

ชาคริตพูดไม่ออกเพราะยังดับแค้นในใจไม่สนิท ญาดาหมุนตัวหนี เขาเลยต้องโพล่งไล่หลัง “ให้เวลาผมบ้างดา...ได้! ผมจะทำให้ได้ ผมจะลืมอดีตให้หมด ผมจะเป็นชาคริตคนใหม่ ผมทำเพื่อคุณก็ได้ ดา...อย่าหนีผมไป”

ญาดายังไม่ยอมหันหน้ามา ชาคริตตามไปกอดจากด้านหลัง อ้อนวอนเสียงอ่อน

“ผมขออย่างเดียว...บอกลูกด้วยว่าพ่อชื่อชาคริต...แต่อย่าบอกว่าผมเป็นใคร”

สุดท้ายญาดาก็ใจอ่อน ยอมหันมากอดเขาแน่น กระซิบตอบ

“เราจะบอกลูกด้วยกันค่ะคุณคริต...คุณต้องพยายามนะ...คุณสัญญาแล้ว”

“ผมสัญญา...ผมไม่อยากอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว เราจะอยู่ด้วยกันที่นี่...ที่บ้านของเรา”

ญาดาผละตัวออกมา ก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์

“ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเราค่ะ...”

ระเริงไฟ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด