ตอนที่ 15
มิสเตอร์โจวมาหาชาคริตพร้อมยื่นคำขาดให้จัดการดิลก จบเรื่องความแค้นที่เมืองไทยและกลับฮ่องกงทันที ชาคริตต้องคิดหนักเพราะการฆ่าดิลกอาจไม่ใช่ทางออกอีกต่อไป แต่อาจเป็นการสร้างรอยร้าวมากกว่าเดิม
คำสั่งของมิสเตอร์โจวกดดันให้ชาคริตต้องตัดสินใจ บากหน้าไปหาทัศนะเพื่อขอความช่วยเหลือ
“เรื่องที่ผ่านมาแล้วถือว่าจบกันไป แต่ต่อไปนี้ไม่มีแล้วนะเว้ย ฉันจะไม่เกี่ยวข้องกับงานของแกอีก”
“แกต้องช่วยฉัน”
“เพิ่งบอกว่าไม่...ลูกน้องแกมีเป็นโขยง”
“ไม่ใช่เรื่องงาน...เรื่องพ่อกับนายดิลกจะต้องจบวันนี้ แกคนเดียวที่จะช่วยฉันได้”
“ฉันจะช่วยก็ต่อเมื่อฉันรู้ว่าแกตัดสินใจจะจบยังไง...นายดิลกจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต หรือแกจะยอมเชื่อลุงกาจ”
ชาคริตไม่ยอมบอกแผนที่วางไว้ แต่ย้ำให้ทัศนะไปรับตัวญาดาไปพบเก่งกาจที่เรือนจำวันรุ่งขึ้นเพราะเป็นกำหนดพ้นโทษ หลังจากนั้นจึงมุ่งหน้าไปเชียงรายเพื่อจับตัวดิลกพร้อมกับปิง
ทัศนะอยากเชื่อใจเพื่อนรักอย่างชาคริตอีกครั้ง ยอมไปรับญาดาถึงบ้าน หญิงสาวเพิ่งช็อกจากความจริงที่รู้จากไตรทศว่าพ่อเป็นตัวการทุกอย่างและเป็นเจ้าของบริษัทโกริชตัวจริง อารมณ์เสียมากและพาลเหวี่ยงใส่ทัศนะ
“นายคริตให้ผมมารับคุณ”
“ถ้าเป็นเรื่องลูก...บอกให้เขาเลิกพยายามได้แล้ว ยังไงลูกก็ต้องเป็นของฉันคนเดียว”
ญาดาประกาศกร้าว ก่อนจะตัวชาเมื่อทัศนะบอกว่ามารับเธอไปเรือนจำเพราะชาคริตเจอตัวดิลกแล้ว
“คุณเชื่อเพื่อนคุณได้แค่ไหน ฉันจะได้เจอคุณพ่อจริงๆ หรือได้เจอแต่ศพ!”
ความกลัวของญาดาไม่ได้เกินจริงเลย เพราะเวลาเดียวกันนั่นเอง ชาคริตที่บุกไปจับตัวดิลกถึงห้องพักหรูในเชียงราย กำลังบีบบังคับให้พ่อตาโอนเงินเข้าบัญชีที่เตรียมไว้ ดิลกโวยลั่นตามประสาคนโลภมาก
“โอนหมด...ฉันก็ไม่เหลืออะไรสิ ไม่มีเงินทุนสำรอง บริษัทฉันได้เจ๊งแน่”
“บริษัทแกเจ๊งไปแล้ว เลือกเอา...เงินหรือชีวิตแก!”
ชาคริตยกปืนขู่ ดิลกกลัวจนลนลาน รีบกดโอนมือไม้สั่น แต่กระนั้นก็ไม่วายด่าใส่หน้าลูกเขย
“แก...แกก็เลวไม่ต่างกับฉันล่ะวะ”
“ฉันเลวได้ยิ่งกว่า เพราะฉันไม่ได้แค่ต้องการเงิน ...แต่ต้องการชีวิตแกด้วย!”
ดิลกถึงกับผงะ ร่ำร้องขอชีวิตเสียงหลง ชาคริตได้แต่ยิ้มร้าย ก่อนส่งสัญญาณให้ปิงเอาผ้ามาคลุมหัวดิลก
“ที่นี่ดีเกินกว่าจะเป็นที่ตายของแก!”
ooooooo
ชาคริตพาดิลกบินกลับกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่โกดังเก่าของบริษัทแชร์ลูกโซ่ของดิลกเมื่อยี่สิบปีก่อน...สถานที่เกิดเหตุที่สมชัยหุ้นส่วนและเพื่อนรักอีกคนของดิลกกับเก่งกาจต้องตายเพราะโดนลูกหลง
ดิลกถูกดึงผ้าคลุมหัวออก หน้าซีดตัวสั่นเมื่อชาคริตประกาศว่าที่ที่เขายืนคือที่ที่สมชัยนอนตาย
“จำได้แล้วใช่ไหมว่าที่นี่ที่ไหน”
“มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันไม่ได้ฆ่ามัน แล้วคนก็ตายไปแล้ว แกจะเอาอะไรอีกวะ!”
“แต่ยังมีคนต้องตายทั้งเป็นมายี่สิบปี ทั้งๆที่ไม่ได้ทำผิดอะไรนอกจากหลงเชื่อคนเลวๆอย่างแก”
“กาจ...แกเป็นอะไรกับกาจ”
“ฉันเป็นลูกชายของเพื่อนรักแก!”
ความจริงจากปากชาคริตทำให้ดิลกหน้าเสีย ตระหนักได้นาทีนั้นเองว่าชาคริตทำทุกอย่างเพื่ออะไร และเวลานี้เขาคงไม่รอดจากความตายเพราะความผิดเมื่อยี่สิบปีก่อน แต่กระนั้นก็ยังแถแก้ตัว
“แกจะให้ฉันทำไง ไม่มันก็ฉันที่ต้องติดคุก ฉันมีลูกตั้งสามคนต้องเลี้ยง พ่อแกสารภาพรับผิดคนเดียว ฉันไม่ได้บังคับ โลกนี้ก็เป็นอย่างนี้ คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด!”
ชาคริตโกรธมากที่ดิลกไม่สำนึก ยิงปืนเฉียดหูจนอีกฝ่ายผวา
“งั้นคราวนี้ลองมาเป็นเหยื่อบ้าง...แกจะไม่ตายทันทีหรอก”
ขาดคำก็ตั้งท่าจะยิงซ้ำ แต่ต้องชะงักเมื่อทัศนะพาญาดาเข้ามา ชาคริตตกใจที่เห็นภรรยา แต่ไม่ยอมล้มเลิกแผนการจะทรมานดิลกให้สารภาพความจริง และตัดสินใจพาทุกคนไปที่เรือนจำเพื่อพบพ่อ
เก่งกาจไม่มีท่าทีตกใจที่ได้เห็นหน้าดิลกอีกครั้ง ชาคริตจะลากพ่อตาไปกราบขอโทษพ่อ แต่เก่งกาจกลับยกมือห้ามและเป็นฝ่ายเดินไปหาเองเพราะเป็นห่วงสภาพเหมือนถูกซ้อมมาก่อนของดิลก
“กาจ...ยกโทษให้ฉันด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉันสำนึกผิดแล้ว สำนึกผิดแล้วจริงๆ...สาบานก็ได้”
ชาคริตขบกรามแน่นเมื่อพ่อไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนหรืออยากเอาคืนดิลกเลย แถมยกโทษให้อีกต่างหาก
“มันพูดเพราะกลัวตาย มันไม่ได้รู้สึกผิดสักนิด!”
ดิลกยกมือไหว้เก่งกาจด้วยความกลัวสุดขีด ขอโทษถึงทุกเรื่องที่ผ่านมา ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของญาดาที่เพิ่งได้ความกระจ่างสำหรับเรื่องทุกอย่าง เช่นเดียวกับเขมิกากับไตรทศที่มาถึงทันเห็นสภาพไร้เกียรติของพ่อ
ชาคริตโมโหมากที่พ่อไม่ล้างแค้นตามหวัง โวยลั่น
“พ่อต้องติดคุกแทนมันมายี่สิบปี จะยกโทษให้ง่ายๆอย่างนี้เหรอ ผมไม่ยอม...มันต้องชดใช้ให้เรา!”
“ฉันจะบวชตลอดชีวิตเพื่อชดใช้ความผิด”
ดิลกโพล่งออกไปเพราะอับอายกับความจริงที่ถูกแฉต่อหน้าลูกทั้งสาม เก่งกาจรู้ดีและเอ่ยเตือนสติอย่างจริงใจ
“อย่าเลย...ถ้าบวชเพราะหนีปัญหาหรือคิดว่านั่นเป็นทางออก แต่ความรู้ผิดชอบชั่วดีต่างหากที่ทำให้ชีวิตคนเราเดินต่อได้ เรียนรู้...แล้วกลับไปหาครอบครัวของแกซะ”
คำตัดสินของพ่อทำให้ชาคริตหัวเสียมาก แต่คงไม่เท่าญาดาที่ต้องรู้ความจริงในเวลาแบบนี้ แต่สติก็สั่งให้เธอต้องเข้มแข็ง เข้าประคองพ่อกลับบ้าน โดยมีเขมิกากับไตรทศซึ่งผิดหวังกับการกระทำของพ่อตามติด ทิ้งชาคริตให้เคลียร์กับเก่งกาจตามลำพัง...
ooooooo
ญาดาพาดิลกกับน้องทั้งสองกลับบ้านด้วยความยากลำบาก กองทัพนักข่าวที่ชาคริตเรียกตัวมาเพื่อแฉวีรกรรมเมื่อยี่สิบปีก่อนของดิลกล้อมหน้า ล้อมหลังตลอดทางเดิน เก่งกาจเห็นสายตาอาฆาตของลูกชายก็ถอนใจยาว
“หยุดได้แล้วชาคริต”
“พ่อ! พ่อเลิกเป็นคนดีซะทีได้ไหม ผมยอมสละชีวิตทั้งชีวิตเพื่อวันนี้ แล้วพ่อก็ทำลายมันทิ้ง!”
“แล้วแกล่ะ...เลิกเป็นคนเลวซะทีได้ไหม”
“ถ้าเจอศัตรูที่เลว เราก็ต้องเลวยิ่งกว่า”
“ทำไมแกไม่รู้จักชนะความเลวด้วยความดี”
“นี่พ่อไปติดคุกหรือไปบวช...อำนาจกับเงินเท่านั้นที่ชนะความเลวได้...ถ้าผมยังไม่ตาย ไอ้ดิลกไม่มีวันอยู่เป็นสุข”
ทัศนะเห็นท่าไม่ดี ปรามให้เพื่อนรักหยุดคิดล้างแค้น
“พอเถอะไอ้คริต! คดีฉ้อโกงคราวนี้คุณดิลกคงติดคุกไม่ต่ำกว่าสิบปี”
“แต่พ่อฉันติดคุกยี่สิบปี!”
“พ่ออยู่ในคุกยังมีอิสระมากกว่าแก แกขังตัวเองอยู่กับความโกรธความแค้น ปล่อยตัวเองออกมาซะทีชาคริต”
พูดจบ เก่งกาจก็ขอให้ทัศนะไปส่ง ทิ้งชาคริตให้ยืนฮึดฮัดคนเดียวที่ทุกอย่างผิดแผน...
แม้จะผิดหวังกับการกระทำของพ่อ แต่ญาดาก็เดินหน้าหาทนายและอาสาจะจัดการพยานปากเอกอย่างกสิณเอง ดิลกรู้สึกผิดมากที่ทำให้ลูกๆเดือดร้อนและอับอาย
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย พ่อทำผิดก็ว่าไปตามผิด พ่อขอโทษที่ทำให้ลูกๆผิดหวัง”
“ดาต้องช่วยคุณพ่อ...อย่างน้อยก็ให้รับโทษเบาที่สุด”
เขมิกากับไตรทศเห็นพ่อยอมรับผิดก็ใจอ่อนยวบ ยอมให้อภัยและจะอยู่เป็นกำลังใจจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
สถานการณ์ของครอบครัวเมธาสิทธิ์จบลงอย่างอบอุ่น ทุกคนในครอบครัวเข้าใจและช่วยเหลือกันดี
ต่างจากสถานการณ์ของชาคริตกับเก่งกาจที่ยังต้องปรับความเข้าใจ และเช้านี้ชาคริตก็บุกไปหาพ่อถึงวัด
“ทุกอย่างที่ผมทำไปก็เพื่อแก้แค้นให้พ่อ มันไม่มีความหมายอะไรเลยใช่ไหม”
“แล้วที่พ่อพูดกับแกมาเป็นสิบปี แกเคยฟังบ้างไหม พ่อไม่ต้องการการแก้แค้น ที่พ่อติดคุกเพราะพ่อก็มีส่วนผิดที่ช่วยก่อตั้งบริษัทฉ้อฉลคนอื่น คนที่ต้องการแก้แค้น...มีคนเดียวก็คือแก...ชาคริต!”
“ไม่จริง...ผมทำเพื่อพ่อ”
“แกเลือกทางผิดตั้งแต่หนีไปอยู่ฮ่องกงแล้วแกหลุดเข้าไปในด้านมืด พ่อเตือนสติเท่าไหร่แกก็ไม่เคยเชื่อ แกหาทางตั้งตัวทางลัดเพื่อกลับมาทำลายดิลก...แล้วเป็นไง”
“ผมไม่มีทางเลือก”
“แกไม่มีความสุขมาตลอดชีวิตเพราะมัวแต่คิดแค้นคนอื่น ถ้าแกฆ่าดิลก แล้วลูกเมียแกล่ะ...คิดให้ได้ชาคริต แกทำตัวเป็นคนไร้บ้าน แล้วต้องการไร้ครอบครัวด้วยหรือเปล่า...”
ooooooo