ตอนที่ 13
ทัศนะมีท่าทีหมางเมินจนเขมิกาใจเสีย เจ็บแปลบหัวใจอย่างบอกไม่ถูกที่เขาทำเหมือนไม่เหลือเยื่อใย เพ็ญขวัญเดินมาหาและโอบปลอบ คุณหนูคนสวยเลยปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น
“เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วใช่ไหม”
“พี่เขมยังอยากเจอเราอีกเหรอคะ”
“บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่อบอุ่นที่สุด...พี่จะไม่มีวันลืม ขอบคุณขวัญสำหรับทุกๆอย่างนะ”
“พี่เขมไม่ต้องขอบคุณ ขอแค่ยกโทษให้พี่นะก็พอ... ได้ไหมคะ ที่ผ่านมา...พี่นะไม่รู้ว่าพี่คริตมีแผนอะไร
แล้วพี่นะก็พูดอะไรไม่ได้เพราะความเป็นเพื่อน”
“พี่รู้ๆ...พี่ยกโทษให้เขานานแล้ว แต่สำหรับคุณนะ... พี่ไม่รู้ เขาโกรธเกลียดพี่ไปแล้ว”
“พี่เขมยังรักพี่นะอยู่ใช่ไหม”
คำถามตรงประเด็นทำให้เขมิกาไปไม่ถูก เพ็ญขวัญมั่นใจว่ามาถูกทางเลยคิดหาทางให้อีกฝ่ายคืนดีกับพี่ชาย...
เช้าวันเดียวกันที่สถานพยาบาล...ชาคริตตื่นมาแล้วไม่เห็นญาดาก็ตกใจ วิ่งพล่านป่วนไปทั่วจนบรรดาเจ้าหน้าที่หัวหมุน จนกระทั่งเจอว่าญาดาไม่ได้หายตัวไปไหน แต่ไปเข้าคอร์สบำบัดกับว่าที่คุณแม่คนอื่น
ชาคริตกอดภรรยาแน่นด้วยความรักและโล่งอก หมดมาดมาเฟียหนุ่มเลือดร้อนจากฮ่องกง ญาดายืนอึ้งแต่ก็ปลื้มใจไม่น้อยที่เขาร้อนรนด้วยความเป็นห่วง แล้วก็ถึงกับน้ำตารื้นเมื่อเห็นเขาดีใจที่รู้ผลจากหมอว่าเธอตั้งท้องจริงๆ
ญาดายอมให้ชาคริตดูแลเพื่อตัดรำคาญ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีที่มีเขาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ ชาคริตทำตัวเป็นว่าที่คุณพ่อและสามีที่ดี ดูแลเธอดีทุกเรื่อง จะมีแค่เรื่องอาหารที่เขาบังคับให้เธอกินแต่อาหารรสจืดๆ
ชาคริตเห็นเธอจ้องจานสเต๊กของเขาตาละห้อยก็สงสาร แต่ยังใจแข็งไม่ยอมให้เธอคว้าขวดเครื่องปรุง
“คนท้องห้ามกินเค็ม”
“ก็มันจืดมาก ถ้าฉันอยู่ต่ออีกวัน ฉันตายแน่”
“คุณท้องอยู่...คนท้องอย่าพูดคำไม่เป็นมงคล”
ญาดาหงุดหงิดมาก โวยอย่างเหลืออด “ฉันอยู่ที่นี่ไม่ไหวแล้วนะ ฉันจะไม่กินน้ำผักปั่นทุกวัน ฉันจะไม่ตื่นตีห้าเพื่อสัมผัสแสงอาทิตย์ทุกเช้า หรือว่านั่งสมาธิวันละสามชั่วโมง”
ชาคริตเข้าใจความรู้สึกเธอดี ตัดสินใจป้อนสเต๊กในจานตัวเองให้เพื่อปลอบใจ
“ได้...คุณไปจากที่นี่ได้ทุกเมื่อ ผมตามใจคุณทุกอย่าง”
“แน่นะ...คุณจะตามใจทุกอย่าง”
ญาดาได้ใจมาก ลากสามีไปออกกำลังอย่างที่ชอบ ชาคริตหัวใจจะวายกับสารพัดท่าผาดโผนของภรรยา ห้ามเธอเสียงเข้มทุกอย่างจนญาดาทนไม่ไหว แหวลั่น
“คนท้องไม่ใช่คนป่วยนะ ฉันทำการบ้านมาเหมือนกัน ตอนนี้ร่างกายฉันทำงานเพิ่มเป็นสองเท่า...ฉันต้องเตรียมตัวให้แข็งแรง ฉันทำเพื่อลูกเรานะ”
ชาคริตยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำว่าลูกของเราจาก
ปากภรรยา
“ผมก็ดูแลคุณเพื่อลูกเราเหมือนกัน”
ญาดายิ้มเจื่อนที่เผลอหลุดปาก แก้เก้อด้วยการโต้งอนๆ
“คนท้องอยากออกกำลังกาย!”
ชาคริตต้องยอมให้ภรรยาเล่นโยคะสำหรับคนท้อง โดยมีตัวเองตามประกบ แต่สุดท้ายก็ทนหวาดเสียวแทนไม่ไหว ต้องลากเธอออกจากห้องโยคะกลางคัน!
ญาดาขำระคนอ่อนใจกับความกังวลเกินกว่าเหตุของชาคริต แม้จะชอบใจที่เขาประคบประหงมเธออย่างดีตลอดเวลา แต่ก็อดขำไม่ได้ที่เขาทำท่าเหมือนคุณพ่อจอมเฮี้ยบที่กลัวทุกอย่างจนหมดมาดมาเฟีย
ชาคริตเห็นภรรยาหัวเราะก็นิ่วหน้างอนๆ ก่อนจะยิ้มกว้างด้วยความสุขใจอย่างบอกไม่ถูก
“ผมยอมเป็นตัวตลกให้คุณ ถ้าทำให้คุณหัวเราะ... แล้วก็ยิ้มให้ผมทุกวันแบบนี้”
ooooooo
ไตรทศมีนัดกับชญานีแต่ถูกบอดี้การ์ดของญาดากันทุกทางไม่ให้เจอกัน ชายหนุ่มนักซิ่งฉวยจังหวะตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล แอบหนีไปจนได้
ชญานีก็ถูกปิงที่ได้รับคำสั่งจากชาคริตให้ตามประกบจนกระดิกตัวแทบไม่ได้ แต่กระนั้นก็ไม่ยากเกินความสามารถอดีตเด็กสาวข้างถนน หลอกล่อจนบอดี้การ์ดหนุ่มคลาดสายตาจากเธอ!
สองหนุ่มสาวนัดเจอกันหน้าโรงพยาบาล ชญานีเห็นสภาพไตรทศแล้วอดขำไม่ได้ เพราะทั้งเขากับเธอดูไม่ได้ไม่ต่างกัน ต้องปลอมตัวและสวมเสื้อผ้าของคนอื่นเพื่อหนีออกมา
“อยากขำนะ แต่ขำไม่ออก”
“อย่างนี้ชีวิตถึงจะมีสีสัน”
“ขอให้ได้เจอกัน...ผมสู้”
“แต่ตอนนี้คงต้องถอยก่อน แล้วค่อยสู้ทีหลัง”
ชญานีเอ่ยเสียงเรียบเมื่อเห็นปิงเดินมาพร้อมบอดี้การ์ดของญาดา ไตรทศหน้าเครียด ก่อนจะส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ จับมือเธอและวิ่งหนีไปด้วยกัน...
ชาคริตไม่ได้นึกถึงเรื่องชญานีกับไตรทศเลย มัวใช้เวลาอย่างคุ้มค่ากับญาดาในฐานะว่าที่คุณพ่อ ญาดา
ยอมให้เขานอนกอดจนพอใจ แล้วค่อยๆขยับตัวออก แต่ก็ถูกเขาดึงกลับไปกอดอีกครั้ง
“จะหนีไปไหน”
“ไม่ได้หนี ดา...เอ่อ...ฉันอยากให้คุณนอนสบายๆ”
ท่าทางเหมือนจะอ่อนลงของภรรยาทำให้ชาคริตได้ใจ อ้อนเสียงหวาน
“กลับมาเป็นดาคนเดิมของผมได้ไหม ทุกครั้งที่ผมมีคุณอยู่ข้างๆ...ผมหลับได้ยาว ไม่ฝันร้ายเลย...คุณรู้ไหมว่าทำไมเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดแม่ถึงได้หลับสนิท”
“ไม่รู้ค่ะ”