ตอนที่ 11
ระหว่างที่เขมิกาช็อกกับการตัดสินใจของทัศนะ ชาคริตก็ต้องหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อรู้จากผู้คุมเรือนจำว่าเก่งกาจมีคนมาเยี่ยม ญาดานั่นเองที่แวะมาหาความจริงเกี่ยวกับคดีเมื่อยี่สิบปีก่อน
เก่งกาจมีสีหน้านิ่งสงบเมื่อเห็นหน้าลูกสะใภ้ ไม่ยินดียินร้าย
“ชาคริตเป็นไงบ้าง อดทนกับลูกชายลุงหน่อยนะ เขาผ่านเรื่องหนักหนาสาหัสมามาก...ที่สุดเขาจะคิดได้เอง”
ญาดากลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ ก่อนบอกว่าเธอกับชาคริตเลิกกันแล้ว และเธอมาเยี่ยมวันนี้เพราะเรื่องดิลก
“ทำไมคะ...ทำไมคุณคริตถึงได้แค้นคุณพ่อดานัก”
“ลุงเลือกจะไม่จำ...จำไปทำไมเรื่องร้ายๆ ในเมื่อเรามีเรื่องดีๆให้จดจำ”
เก่งกาจเฉไฉไม่ยอมเล่า ญาดาต้องยื่นภาพถ่ายเก่าๆที่เพิ่งค้นเจอให้ดู
“รูปนี้อาจจะเตือนความจำได้ คุณลุงกับคุณพ่อเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน แล้วทำไมเราไม่เคยรู้จักคุณลุง ทำไม...”
“รู้มากก็ทุกข์มาก ไม่รู้ก็ไม่ทุกข์ เรื่องมันจบไปแล้ว...”
ooooooo
จนแล้วจนรอด ญาดาก็ไม่ได้อะไรจากการคุยกับเก่งกาจ แถมต้องเผชิญหน้ากับชาคริตที่มาดักรอหน้าเรือนจำ
“คุณจะตามรังควาญฉันไปถึงไหน”
“คุณต่างหากที่ตามมาดักเจอผม ผมมาเยี่ยมพ่อเวลานี้ประจำ ใช้นักสืบเจ้าไหน ผมจะได้จ้างให้ตามคุณบ้าง”
“ถ้าคิดเข้าข้างตัวเองแล้วสบายใจก็เชิญ”
“ไม่ได้คำตอบที่ต้องการล่ะสิ”
“คุณพ่อคุณบอกว่าท่านได้รับโทษตามกรรมแล้ว ท่านไม่มีอะไรจะพูด”
“แต่ยังมีคนไม่ได้รับโทษที่ทำเรื่องชั่วๆไว้”
“คุณมีแต่คำกล่าวหาลอยๆ ไหนล่ะพยาน ไหนล่ะหลักฐาน”
“คุณอยากฟังเรื่องที่เหลือไหมล่ะ เรื่องที่ไอ้นะไม่เล่าให้จบ เรื่องที่พ่อผมปิดปากเงียบมาตลอดยี่สิบปี”
“ก็เล่ามาสิ...ฉันกล้าที่จะสู้กับความจริง แล้วคุณล่ะกล้าพูดไหม”
ชาคริตพาญาดาไปอีกทาง แต่ยังไม่ยอมเล่าเรื่องคดี โยกโย้กวนประสาทจนเธอโมโห
“ตอนที่พ่อคุณโดนจับ คุณอายุเท่าไหร่...แน่ใจนะว่าคุณเข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างถูกต้อง คุณรู้เรื่องกฎหมายดีแค่ไหน พ่อคุณโดนทั้งคดีแพ่งทั้งคดีอาญา”
“แล้วบริษัทที่โกงเงินเป็นร้อยล้าน ทำไมมีคนรับโทษแค่คนเดียว”
“แล้วทำไมพ่อคุณไม่ซัดทอดคนที่ร่วมโกงล่ะ หรือว่าพ่อคุณทำคนเดียว”
“พ่อผมเป็นคนดี เป็นคนดีที่หาไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้ เรื่องที่จะไปโกงใคร ลืมไปได้เลย!”
“ถ้าพ่อคุณบริสุทธิ์ แล้วทำไมไม่เคยขออุทธรณ์แต่ยอมรับโทษ แล้วท่านก็ไม่พูดถึงคุณพ่อฉันแม้แต่คำเดียว”
“พ่อผมไม่เคยหักหลังเพื่อน...แม้แต่กับเพื่อนชั่วๆ”
“คุณอยู่แต่ในโลกมืด เห็นคนอื่นชั่วร้ายไปหมด บอกให้นะ...ถึงคุณพ่อจะทำธุรกิจขายตรง แต่ไม่ใช่ธุรกิจผิดกฎหมายแบบที่พ่อคุณทำ!”
“คุณก็คอยดูต่อไป คนสันดานชั่วฝังลึก...อีกไม่นาน หางก็จะงอกออกมาอีก!”
ญาดาโกรธมาก เงื้อมือจะตบแต่ถูกเขาคว้ามือไว้และดึงมากอด
“ตอบคำถามผม แล้วผมจะปล่อยคุณ...คุณอยากให้ผมตายจริงๆหรือ”
“ตอบไม่ได้...ตอนนี้ไม่มีปืนอยู่ในมือฉัน”
ชาคริตช้ำใจมาก เดินคอตกไปเยี่ยมพ่อ เก่งกาจเข้าใจดี แต่อดเตือนสติไม่ได้
“แล้วแกก็ทำผู้หญิงที่แกรักหลุดมือไปจนได้”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญแล้ว”
“ไม่มีเรื่องไหนสำคัญเท่าครอบครัวอีกแล้ว”
“พ่อทำอะไรเพื่อผมบ้าง พ่อไม่สู้คดี พ่อปล่อยให้ผมสู้อยู่คนเดียว!”
“พ่อไม่เคยบอกให้แกสู้ ไม่เคยบอกให้แกแก้แค้น”
“ตอนนี้พ่อกลายเป็นไอ้ขี้โกงไปแล้ว ส่วนไอ้ผู้ร้ายตัวจริงมันหนีไปเสวยสุขที่ไหนแล้วก็ไม่รู้”
“ความทุกข์ความสุข...มันไม่มีจริง”
“พอเลยพ่อ ผมไม่ได้มาฟังธรรมะ ยังไงผมก็ต้องให้มันชดใช้ความผิด คนอย่างไอ้ดิลกติดคุกยี่สิบปียังน้อยไป มันต้องติดคุกตลอดชีวิต!”
“การติดคุกไม่มีประโยชน์ ถ้าคนรับโทษไม่สำนึกผิด แต่การแก้ไขในสิ่งผิดมันสำคัญกว่าการลงโทษซะอีก แล้วที่ดิลกต้องหนีแกหัวซุกหัวซุน...คิดว่ามันมีความสุขงั้นเหรอ”
“มันมีความสุขกับตัวเลขที่ไหลเข้าบัญชีมันอยู่ไง มันเปิดบริษัทใหม่...บริษัทหลอกต้มตุ๋นคนอย่างที่มันถนัด ถ้าคราวนี้มีคนตายเพราะถูกโกงอีก...เราจะโทษใครดีครับพ่อ!”
ชาคริตหอบความผิดหวังไปหาชญานีที่ออฟฟิศทีมาร์ท หวังจะหาคนปลอบ แต่นอกจากชญานีจะไม่เห็นด้วยกับการหนีความจริงของเขาที่ทำเหมือนไม่แคร์ญาดา
ยังตอกย้ำให้แพ้หมดท่าว่าเขายังตัดญาดาจากใจไม่ได้
ไตรทศฝ่าพวกบอดี้การ์ดของญาดาออกจากบ้านจนได้ และมุ่งหน้าไปหาชญานีเพื่อขอโทษจากใจจริง แต่เจอหน้าจริงๆกลับไม่กล้าเผชิญหน้า ได้แต่เอาดอกไม้และตุ๊กตาไปวางหน้ารถ
ชญานีสังหรณ์ใจว่าถูกสะกดรอย และแน่ใจว่าเป็นไตรทศเมื่อเห็นดอกไม้และตุ๊กตาหน้ารถ หญิงสาวแกล้งขับรถทับทั้งตุ๊กตาและดอกไม้ ไตรทศทนไม่ได้และยอมปรากฏตัว
“ขอบใจสำหรับดอกไม้ กลับไปได้แล้ว”
“ผมรู้ว่าคุณไม่มีวันยกโทษให้ผม”
“รู้ก็ดีแล้ว!”
สภาพหน้าบวมเต็มไปด้วยรอยช้ำของไตรทศทำให้ชญานีใจอ่อนยวบ แต่ยังใจแข็งไม่พูดดีด้วย
“ผมจะชดใช้ให้คุณยังไง ชื่อเสียงของคุณ...”
“ฉันไม่แคร์...ยิ่งฉาวยิ่งดัง เดินไปไหนก็มีแต่คนแอบถ่ายรูป รู้เปล่า...มีคนแชร์รูปหวิวของเราเป็นแสนครั้ง”
ooooooo