ตอนที่ 1
ณ ผับหรูกลางกรุงเทพฯ ในยามราตรี...ในบริเวณบาร์ บรรดานักเที่ยวเหยี่ยวราตรีทั้งเซเลบ ไฮโซ ไฮแซ่บ ไฮแสบ ไฮเลว แออัดยัดทะนานทั้งเต้น ดื่มกินกันวุ่นวาย
พนักงานที่บาร์เอาอาหารมาตั้ง ตะโกนบอกบุญสิตาหรือซิน
“ซิน เสิร์ฟโต๊ะสิบด้วย”
“ค่ะ ได้ค่ะ”
บุญสิตาซึ่งแปลว่า “ผู้อยู่ด้วยความดี” เป็นหญิงสาวเรียบร้อย ใส่แว่นตา ผมฟูหยิก ใส่เสื้อเชิ้ตติดกระดุมถึงคอ กระโปรงยาวถึงเข่า ดูเชย เฉิ่ม เบ๊อะ บุคลิกสวนกับบรรยากาศในผับราวกับหลงยุคมา รีบไปหยิบเครื่องดื่มที่บาร์ด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ จนพนักงานด้วยกันมองแล้วส่ายหน้าหงุดหงิด แต่ต่างก็เอาเครื่องดื่มมายัดใส่มือให้ซินไปเสิร์ฟแทน
“โต๊ะนี้ด้วย”, “ฝากโต๊ะนี้ด้วย”, “ฝากด้วยนะซิน”
“ได้ค่ะ...ได้ค่ะ...ได้ค่ะ” ซินรับปากด้วยความเคยชิน รับของแล้วเดินเบียดนักเที่ยวที่กำลังเต้นกันสนุกสนานลืมโลก นำเครื่องดื่มไปเสิร์ฟอย่างยากลำบากราวกับฝ่านรก!
ซินรู้สึกมีสายตาใครบางคนมองตามตนไปจากด้านหลัง สังหรณ์ใจหันไปดู แต่ไม่เห็นใคร??!!
ooooooo
ซินนำอาหารและเครื่องดื่มที่เพื่อนพนักงานรุมกันฝากมา ไปเสิร์ฟที่โต๊ะหนึ่งซึ่งมีแต่ชายหนุ่มเพลย์บอยหน้าตาท่าทางเจ้าชู้ประตูดินทั้งโต๊ะ
“น้องชื่ออะไรจ๊ะ...มานั่งกับพี่ไหม” หนุ่มหนึ่งท่าทางหื่นเอ่ยขึ้น
ซินรู้สึกกลัว แต่กลัวตกงานมากกว่าเลยยิ้มแห้งๆ พยายามจะเดินเลี่ยงไป ถูกหนุ่มคนนั้นดึงมือไปนั่งที่ตักพยายามจะหอมแก้ม ซินตกใจลืมตัวเอาถาดที่ถืออยู่ตีหัวหนุ่มคนนั้นโป๊ก!
“โอ๊ย...ทำอะไรของเธอ”
“ขอโทษนะคะ...ขอโทษค่ะ” ซินรีบลุกเดินหนีไป หนุ่มกลัดมันมองตาม บอกเพื่อนว่าขอไปจัดคืนซะหน่อย แล้วลุกเดินตามซินไปแค้นๆ
แต่ข้างหลังซิน สายตาลึกลับคู่หนึ่งยังคงมองตามเธอไปไม่วางตา!!
ซินเดินน้ำตาซึมกลับไปที่ครัวในผับ เพื่อนพนักงานชายเหมือนรอซินอยู่แล้ว โยนถุงขยะใบโตใส่ทันที
“เอาขยะไปทิ้งด้วย” ซินมองขยะกองโตถามว่าหมดนี่เลยหรือ “ใช่ แล้วก็แยกขยะด้วยนะ กองข้างหลังร้าน แยกให้หมด”
“ค่ะๆได้ค่ะ”
ซินรู้สึกมีสายตาที่จ้องตนจากด้านหลังอีก หันขวับไปดูแต่ไม่เห็นใคร เธอรู้สึกกลัวมากกับสังหรณ์ที่หลายครั้งในคืนนี้...
ซินลากถังขยะใบโตสองใบออกไปทางหลังร้านอย่างทุลักทุเล บรรยากาศที่มุมทิ้งขยะทั้งเหม็นและมืดน่ากลัว ซินรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามตนมา เธอขนลุกซู่นึกถึงคำพูดของหมอดูขึ้นมาทันที...
“ปีนี้เธอปีชง ดวงตก เธอจะเจอแต่โชคร้าย จะมีวิญญาณอาฆาตตามตัวเธอไปทุกที่ วิญญาณนั้นจะมาเอาร่างของเธอ เธอต้องระวังตัวให้ดี”
นึกถึงคำเตือนของหมอดูแนนซี่แล้ว ซินยิ่งกลัว รีบจ้ำหนีจากกองขยะไป แต่ในความรู้สึกสายตาใครบางคนยังตามเธอไปติดๆ ซินพูดเสียงสั่นด้วยความกลัวว่า...
“ไม่นะ ไปให้พ้น อย่ามาตามฉันนะ อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันจะทำบุญไปให้”
ซินกลัวจนวิ่งหนีไปอีกทาง แต่ขณะวิ่งเตลิดมาด้วยความกลัวก็แทบช็อกเมื่อถูกหนุ่มกลัดมันคนนั้น
พรวดย่างสามขุมเข้าหา
“ไปให้พ้น ไป...ไป!” ซินร้องสุดเสียงสะบัดหลุดวิ่งเตลิดไป
หนุ่มคนนั้นตามไปกระชากกลับ แต่แล้วเขาก็ตกใจสุดขีดร้องเฮ้ย! เมื่อเห็นเงาดำน่ากลัวอยู่ข้างหลังซิน เขาผลักซินล้มลงกระแทกพื้นสลบไป เงาดำพุ่งเข้าใส่ร่างซินทันที พอบุญสิตาหรือซินลุกขึ้นอีกครั้ง แววตาก็กลายเป็นสีแดง มั่นใจ ร้ายกาจ ก่อนกลับเป็นสีดำจ้องชายหนุ่มคนนั้นเขม็ง
ชายหนุ่มหายหื่นวิ่งเตลิดไปสุดชีวิต ซินมองแสยะยิ้มร้ายกาจปนหื่น เดินมาที่ทางเข้าผับ ถอดแว่นตาโยนทิ้ง ฉีกกระโปรงให้สั้น ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกโชว์เนินอก สลัดผมให้ยุ่งดูเซ็กซี่ แล้วเดินเข้าผับด้วยท่าทางมั่นใจ เซ็กซี่ ผ่านชายหนุ่มนักเที่ยวที่ต่างมองกันตาเป็นมัน ซินเดินกรีดกรายอ่อยชายหนุ่มเหล่านั้นอย่างยั่วยวน
เพื่อนของหนุ่มที่บอกว่าจะไปจัดการซิน เห็นซินเดินกลับมาก็สงสัยว่าเพื่อนตนหายไปไหน
พนักงานชายเดินมาเห็นซินที่ดูเซ็กซี่ก็แปลกใจ ถามว่าแยกขยะเสร็จแล้วหรือ มาทำอะไรตรงนี้
“แยกแล้ว แล้วก็ขอลาออก ลาแล้วลาลับ จากงานโลว์ๆ
ที่มีเพื่อนร่วมงานกากๆแบบแก!”
ซินชี้หน้าพนักงานชายคนนั้นแล้วเดินเชิด
ออกไปเลย
พนักงานชายคนนั้นเดินไปที่กองขยะ เห็นขยะถูกทิ้งเกลื่อนอย่างจงใจแกล้ง พลันก็ได้ยินเสียงอู้อี้จากกองขยะ “ช่วยด้วย...” เขาเดินไปตามเสียง เห็นเหมือนอะไรเคลื่อนไหวอยู่ในกองขยะ พอย่องเข้าไปดู เห็นชายหนุ่มนักเที่ยวคนนั้นถูกซ้อมสะบักสะบอมซ้ำถูกจับแก้ผ้ามัดไว้กับขยะน่าขยะแขยง มีลิปสติกสีแดงเขียนไว้ที่ตัวล่อนจ้อนของหนุ่มคนนั้นว่า
“ขยะสังคม”
ฝ่ายบุญสิตาในลุคเซ็กซี่ เดินเชิดออกจากผับ แสยะยิ้มที่ได้แก้เผ็ดหนุ่มซ่าอย่างสะใจ แต่ขณะเดินผ่านกระจก ภาพสะท้อนในกระจกกลับไม่ใช่บุญสิตาหรือซิน แต่กลับเป็นณฤทธิ์ ที่สิงร่างเธออยู่...
“ชั่วโมงต้องมนต์”
เริ่มขึ้นแล้ว!!
ooooooo
พุฒิเมธหรือเมธ เป็นบุตรบุญธรรมของสมบัติ เจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังและเป็นน้องชายบุญธรรมของณฤทธิ์หรือมาร์ค ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันแต่พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก สมบัติเลยรับเป็นลูกบุญธรรม
พุฒิเมธรักและสนิทกันเหมือนพี่น้องแท้ๆกับมาร์ค เมธเป็นคนรักครอบครัวมาก เป็นดาราดัง หล่อเท่ รวย และเจ้าเสน่ห์ หลังจากณฤทธิ์เสียชีวิต พุฒิเมธพยายามสืบหาสาเหตุการตายของณฤทธิ์
วันนี้ในชุดพรีเซ็นเตอร์บริษัทประกันชีวิต เมธบรรยายประกอบเรื่องราวต่างๆ คิดถึงชีวิตที่เหลือของตัวเอง เป็นปี เป็นเดือน เป็นสัปดาห์ กระทั่งเป็นวัน เมธพูดถึงชีวิตที่เหลือว่า...
“เวลาที่เหลือ ผมหาความสุขใส่ตัวเองไปวันๆ จนไม่มีเวลาให้ครอบครัว ถ้าผมเล่นหนังเรื่องนี้จบ ผมจะพักงานแล้วพาพ่อไปเที่ยวรอบโลกเลย” เมธถามพ่อว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน พ่อบอกว่าที่ไหนก็ได้ แค่ได้อยู่กับเมธก็พอ “งั้นไปทะเล ไปกินอาหารทะเลที่พ่อชอบดีไหม งานผมยังไม่เสร็จเลย เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมเคลียร์งานเสร็จผมจะพาพ่อไปเที่ยวทะเลนะ”
เมธพูดถึงตัวเองว่าชอบพูดคำว่าเดี๋ยว เขาบอกว่าวันนี้ตนมีเงิน มีเวลาให้กับคนที่ตนรัก แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เพราะตัวเองเป็นมะเร็ง เมธสิ้นหวังเมื่อคิดว่าตัวเองมีเวลาอีกไม่กี่วัน...เขาจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย...
เมธสูดลมหายใจสุดท้ายเต็มปอดก่อนตัดสินใจจะกระโดด!!
ที่แท้เมธกำลังถ่ายภาพเปิดตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของบริษัทประกันชีวิต...ถ่ายเสร็จ เมธได้รับดอกไม้จากแฟนคลับพร้อมเสียงกรี๊ด เมธส่งยิ้มโบกมือทักทายแฟนคลับด้วยมาดมั่นใจในความหล่อของตน เสร็จจากงานถ่ายโฆษณาของบริษัทประกันชีวิต เมธเดินมาหาโหน่งกะเทยครูสอนแอ็กติ้งที่ยืนรออยู่ที่มุมหนึ่งบ่นกับโหน่งเบาๆว่า
“ตาผมจะปิดแล้ว เมื่อคืนกว่าจะเสร็จงานถึงบ้านก็ตีสอง” พอหันไปเห็นเจ้าของสินค้าก็ปั้นหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเข้าไปทักทายอย่างมืออาชีพ “ขอบคุณมากนะครับที่ให้โอกาสผมรับงานดีๆแบบนี้ เพราะงานนี้เลย ทำให้ผมย้อนกลับมามองชีวิตตัวเองแล้วใช้เวลาอย่างคุ้มค่าจริงๆ”
“ทางเราอยากได้คุณเมธมานานแล้ว แต่ได้ยินว่าบริษัทคุณมาร์คไม่ค่อยรับงานในไทย เราเลยไม่ได้ติดต่อไป”
โหน่งบอกว่าใช่ ปกติบริษัทเรารับแต่งานจากเมืองนอกเท่านั้น ลูกค้าขอบคุณแล้วเดินแยกไป
พอเจ้าของสินค้าไป โหน่งถามเมธแซวๆว่า กลับมามองตัวเองแล้วใช้เวลาคุ้มค่าอย่างที่ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เมธบอกว่าตนก็ต้องพูดเอาใจลูกค้าหน่อย ถูกโหน่งด่าว่า
“สตอแหล เหมือนคุณมาร์ค พี่ชายเธอจริงๆ...” เมธยอว่าเพราะครูโหน่งสอนแอ็กติ้งตนดีต่างหาก “รีบไปเถอะ เรามีแคสงานใหญ่ ไปสาย คุณมาร์คจะบ่นเอา”
เมธพยักหน้าแล้วรีบไปกัน
ooooooo
มาร์คหรือ ณฤทธิ์ มีบริษัท Mark Entertainment ตั้งอยู่ที่บ้านกึ่งโฮมออฟฟิศขนาดใหญ่ ดีไซน์เก๋ ที่หน้าบ้านมีสระว่ายน้ำ ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกเด็กในสังกัดครบวงจร
มาร์คลงจากรถสปอร์ตหรู เขาแต่งกายนำแฟชั่นเดินฉับๆเข้าไปในออฟฟิศ ที่ห้องกลางมีนาฬิกาแขวนขนาดใหญ่ และทุกห้องมีนาฬิกาแขวนดูสะดุดตา
09.00 น.เป๊ะ เป็นเวลาที่มาร์คก้าวเข้าบริษัท มีเสียงตะโกนของเอบอกเพื่อนในออฟฟิศทันทีว่า
“คุณมาร์คมาแล้ว” พลางวิ่งเอาแฟ้มรูปนางแบบนายแบบมาวางเรียงรายเป็นแถวยาวที่โต๊ะ ทุกอย่างที่โต๊ะเนี้ยบเรียบร้อยในพริบตา มาร์คเดินเข้ามาพลางคุยโทรศัพท์ว่า
“ตอนนี้น้องเคนเนท น้องสก็อตไปเดินแฟชั่นวีก
อยู่ที่ปารีสครับ...งั้นเดี๋ยวมาร์คส่งเด็กคนอื่นไปให้เลือกแทนนะครับ เด็ดๆเหมือนกัน” พอวางสายก็ยื่นมือถือให้เอ เอรู้งานรับมือถือแล้วรีบส่งกาแฟให้ทันที มาร์คชี้ไปที่รูปนายแบบนางแบบที่วางเรียงรายบนโต๊ะ “นี่ใช่ไหม เด็กที่จะส่งไปถ่ายแบบกับแคสงานที่ฮ่องกง”
“ใช่ค่ะ รอคุณมาร์คเลือกค่ะว่าจะส่งใครไปดี” เอที่แต่งตัวห้าวๆแมนๆบอก
มาร์คมองปราดแล้วชี้รูปเด็กทีละคนพร้อม
คำวิจารณ์และเอานิ้วเขี่ยออกทีละคนบอกว่าหุ่นไม่เฟิร์มบ้าง ดั้งบี้ นมเล็ก พูดไม่ชัด ภาษาง่อยด้อยประสบการณ์คัดออก แล้วชี้ให้เอาสามคนที่เหลือ ในนั้นมีดนุดล
อยู่ด้วย ถามเอว่าวันนี้มีงานอะไรอีก
“มี VDO conference กับโอปป้าที่เกาหลีเรื่อง project exchange model กับ DK entertainment ค่ะ” เอรายงานคล่องพอนึกได้ก็รีบบอก “วันนี้เมธ
มีแคสต์งานหนังของฮอลลีวูดค่ะ”
“โทร.ย้ำกับโหน่งด้วย งานนี้โนพลาดเด็ดขาด งานดีๆโอกาสแบบนี้ไม่ได้เข้ามาง่ายๆ มาร์กไว้เลยนะ” มาร์คสั่งไม่ทันขาดคำพนักงานก็เข้ามารายงานว่าคุณเมธยังมาไม่ถึง มาร์คถามเอทันทีว่า “เมธอยู่ที่ไหนแล้ว ต่อสายหาเมธซิ”
เอรีบต่อสายตามคำสั่งทันที
ooooooo
ที่ลานจอดรถ พุฒิเมธกำลังเดินไปที่รถ มีโหน่งถือเสื้อสูทและข้าวของให้ เดินประกบมาด้วย
“แกอยู่ไหน ทำไมยังมาไม่ถึงอีก ขี่ช้างมารึไง ลูกค้านัดสี่โมงเย็นนะไม่ใช่สี่ทุ่ม” มาร์คโวยเมื่อต่อสายติด
“รู้แล้วพี่ ผมกำลังรีบไปอยู่ เล่นจัดตารางคิวให้ผมซะแน่นยังจะมาบ่นอีก”
มาร์คพูดรัวไม่หายใจว่าช่วยไม่ได้ ก็หลวมตัวเซ็นสัญญาเข้าสังกัดตนเอง ย้ำเข้มว่า
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าบริษัทฉันพลาดงานนี้ขึ้นมา ถึงแกจะเป็นน้องชายฉันก็ไม่ให้อภัย แล้วก็มาร์กเอาไว้ด้วยนะว่างานนี้จะทำให้ทั้งแกและบริษัทฉันแจ้งเกิดระดับอินเตอร์อย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นห้ามพลาดเด็ดขาด”
มาร์คถามเอว่ามีอะไรอีกว่ามาให้หมด เอพูดเร็วปรื๋อว่า
“จัสตินเครื่องบินดีเลย์ติดหิมะอยู่ที่โซล ซาร่าอกหักให้น้ำเกลืออยู่โรงพยาบาล ส่วนกิ๊ฟซี่ไปโบทอกซ์มาแล้วหน้าเบี้ยว ลูกค้าขอคืนงาน เจนนี่บอกว่าน้ำหนักขึ้นสองขีด หน้าบวม ไม่ยอมรับงานจนกว่าน้ำหนักจะลด”
“จัสตินให้นางนั่ง KTX ไปขึ้นเครื่องที่ปูซาน ส่งดลไปทำงานแทนจัสติน ให้แพนเค้กไปแทนกิ๊ฟซี่ แล้วรีบจับนางไปโมหน้าใหม่ซะ ส่วนเจนนี่ยัดยาถ่ายให้นางกินซะ” มาร์คสั่งแทบไม่หายใจ หยุดหายใจหอบ
ถาม “มีปัญหาอะไรอีกว่ามา”
เอถามเรื่องพาพนักงานไปพักร้อนยกออฟฟิศ มาร์คตอบทันทีว่าเรื่องนี้บอกกี่รอบแล้วว่าเดี๋ยว...เดี๋ยว... เดี๋ยวค่อยไป อะไรพูดไปแล้วก็จำด้วย ขอร้องอย่าให้พูดเยอะ เปลืองน้ำลาย เอจ๋อย รีบขอโทษ
ขณะนั้นเอง กันต์หุ้นส่วนของมาร์คเดินมาโอบไหล่อย่างสนิทสนมบอกให้ใจเย็นๆ เขาจัดการทุกอย่างในบริษัทเราหมดแบบนี้ก็ต้องเหนื่อย แบ่งๆให้คนอื่นไปดูบ้างก็ได้ มาร์คบอกว่าตนไม่ไว้ใจใคร บริษัทนี้ตนสร้างมากับมือ อยากดูแลทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด
“แต่บางทีมันก็ไม่ไหวนะ รวมหุ้นกับบริษัทอื่นไม่ดีเหรอ”
มาร์คพูดทีเล่นทีจริงว่า ถ้าจะยกให้คนอื่นคงต้องรอให้ตนตายสถานเดียว แล้วแก้ทันทีว่า
“ไม่สิ ถ้าฉันตายฉันก็จะเป็นวิญญาณตามมาดูแลบริษัทไม่ไปไหนเลย คอยดู”
“นี่ขนาดยังไม่ตายนะ ยังเฮี้ยนขนาดนี้ ถ้าตายคงเฮี้ยนไม่มีใครกล้าทำงานที่นี่หรอกมั้ง”
“จริงค่ะ” เด็กๆในบริษัทพยักหน้าพูดพร้อมกัน ณฤทธิ์หรือมาร์คหันขวับไปมองดุๆ