ย้อนรอยเส้นทางการเมือง และนโยบายบางส่วนของ "เศรษฐา ทวีสิน" ก่อนปิดฉาก 358 วัน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย
14 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ
จากคำวินิจฉัยดังกล่าวถือเป็นการปิดฉาก 358 วัน บนเส้นทางนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของชายที่ชื่อว่า 'เศรษฐา ทวีสิน' วันนี้เราจะลองพาย้อนดูบางช่วงเวลาว่าที่ผ่านมา 'นายกฯ นิด' มีเส้นทางทางการเมือง หรือดำเนินนโยบายเรื่องใดบ้าง
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงนโยบายบางส่วน ยังคงมีอีกหลากนโยบายที่เราอาจไม่ได้กล่าวถึง
...
"ยืนยันชัดเจนว่าไม่จับมือกับ 2 พรรคนี้" :
ย้อนกลับไปเมื่อ 21 เมษายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน ครั้งยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ขึ้นกล่าวปราศรัย ณ โรงเรียนบ้านวังสะพุง อ.วังสะพุง จ.เลย ท่ามกลางประชาชนกว่า 3,000 คน ว่า
"มีคำถามตลอดว่าพรรคเพื่อไทยจะไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ พี่น้องอยากให้ไปร่วมหรือไม่ พอแล้ว 8 ปีที่ผ่านมา ยืนยันชัดเจนว่าไม่จับมือกับ 2 พรรคนี้ เพราะ 2 พรรคนี้มีส่วนร่วมในการทำรัฐประหาร ปล้นอำนาจ อธิปไตยประชาชน บอกว่าเราเป็นเรือใหญ่ เขาเป็นเรือเล็กพายอยู่ข้างๆ ไม่ต้องมาอยู่ข้างๆ ต่างคนต่างอยู่ ไม่ร่วมกันแน่นอน"
แต่หลังจากนั้นประมาณ 4 เดือน วันที่ 21 สิงหาคม 2566 สุดท้าย พรรคเพื่อไทย และพรรคของ 2 ลุง ก็ต้องมาจบดีลจับมือกันจนได้!
เวลาประมาณ 13.30 น. วันเดียวกันนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อ่านแถลงการณ์ว่า พรรคเพื่อไทย ในนาม 11 พรรคการเมือง จัดตั้งรัฐบาลรวม 314 เสียง โดยไม่มีการแก้ไขมาตรา 112 และไม่มี พรรคก้าวไกล ร่วมรัฐบาล มีมติร่วมกันเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ ในที่ประชุมรัฐสภา
ซึ่ง 11 พรรคดังกล่าว ได้แก่ พรรคเพื่อไทย, พรรคภูมิใจไทย, พรรคพลังประชารัฐ, พรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคชาติไทยพัฒนา, พรรคประชาชาติ, พรรคชาติพัฒนากล้า, พรรคเพื่อไทรวมพลัง, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคพลังสังคมใหม่, พรรคท้องที่ไทย และพรรคใหม่
ไม่เพียงเท่านั้น แม้ว่าก่อนเลือกตั้งจะดูประกาศชัดเจนว่า "ไม่เอาลุง" หรือ "ต่างคนต่างอยู่" แต่สุดท้ายเมื่อ 24 สิงหาคม 2566 ก็เกิดภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน ไหว้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังพูดคุยส่งไม้ต่อบริหารประเทศ ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
หลังจากนั้นภาพสวัสดีพี่ประยุทธ์ก็กลายเป็นไวรัล มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ หรือ X รายหนึ่ง เมนชั่นภาพดังกล่าวถึง นายเศรษฐา ทำให้เจ้าตัวต้องออกมาโควตตอบกลับว่า "การไหว้เป็นประเพณีไทยที่สืบทอดกันมายาวนานที่ผู้อ่อนวัยกว่าต้องแสดงออกต่อผู้อาวุโส คุณแม่ผมก็ตอกย้ำมาโดยตลอด ผมไปไหนไม่ว่าจะกับใคร ผมก็ไหว้ตลอดครับ"
เดินทางเยือนหลายประเทศ :
ตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน เดินทางไปเยือนต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง จนหลายคนถึงกับแซวว่าเขาคือ "เซลล์แมน"
...
ยกตัวอย่างเมื่อเดือนมีนาคม 2567 นายสมชาย แสวงการ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว รวมสถิติการเดินทางไปราชการต่างประเทศของ นายเศรษฐา หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อ 11 กันยายน 2566
สถิตินั้นเผยว่า เพียง 6 เดือน นายเศรษฐา บินนอก 15 ประเทศ 52 วัน ใน 176 วัน คิดเป็น 30% ของการทำงาน ตัวอย่างประเทศที่ไป เช่น บรูไนฯ สิงคโปร์ จีน ซาอุดีอาระเบีย ลาว สหรัฐอเมริกา ศรีลังกา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เป็นต้น
22 มิถุนายน 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าวในรายการ "คุยกับเศรษฐา" เทปแรกว่า เรื่องของการไปต่างประเทศ จริงๆ แล้วตนเองไปมา 15 ครั้ง กว่าครึ่งเป็นไฟลต์บังคับ เป็นเรื่องของการไปอาเซียน-เจแปน การลงนามเซ็นสัญญา FTA
"การเดินทางไปต่างประเทศ ไปเพื่อแนะนำตนเอง และที่สำคัญคือนำมาซึ่งความมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย จากการลงทุนที่ต่างชาติเขาจะมาขยายการลงทุนที่ประเทศไทย แต่ว่าทุกๆ อย่างใช้เวลา"
...
เดินหน้า Digital Wallet :
นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือ Digital Wallet ถือเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย ที่ใช้ในการหาเสียงมาตั้งแต่ต้น และเป็นนโยบายที่รัฐบาลภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน พยายามที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้ แม้จะเต็มไปด้วยเสียงค้านจากบรรดานักวิชาการ และอีกหลายฝ่าย
10 พฤศจิกายน 2566 ณ ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา แถลงผลสรุปการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 2/2566 ว่า ประเทศไทยต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลคือการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบ ให้เข้าถึงทุกพื้นที่ เพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยหมุนเวียนภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
โดยการอัดฉีดครั้งแรกมีระยะเวลา 6 เดือน เพื่อให้เงินมีการหมุนเวียน และสามารถใช้จับจ่ายต่อได้จนถึงเดือนเมษายน ปี 2570 เป็นการลงทุนที่มอบสิทธิและอำนาจให้กับประชาชนช่วยกันกอบกู้เศรษฐกิจ ซึ่งจะก่อให้เกิดการลงทุนในภาคประชาชน ทั้งการรวมเงินในครัวเรือนเพื่อประกอบอาชีพ การซื้อ-ขายสินค้าของพ่อค้าแม่ค้า ไปจนถึงการสั่งผลิตสินค้าในโรงงาน SME ไปจนถึงโรงงานขนาดใหญ่
...
จนกระทั่ง 15 กรกฎาคม 2567 ภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 4/2567 นายเศรษฐา ทวีสิน โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin ว่า "ดิจิทัลวอลเล็ต พร้อมเปิดลงทะเบียน 1 ส.ค.นี้ ครับ"
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (14 สิงหาคม 2567) ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ทำให้หลายคนเกิดคำถามขึ้นมาว่า โครงการนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
15.55 น. ของวันเดียวกันนั้น นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในประเด็นดังกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรักษาการนายกรัฐมนตรี หรือนายกฯ คนใหม่ที่จะขึ้นอยู่กับสภา ว่าจะเลือกได้เร็วขนาดไหน
เมื่อสื่อมวลชนถามต่อไปว่า นโยบายก่อนหน้าที่รัฐบาลประกาศไปแล้วจะทำต่อหรือไม่ "เรียนตรงๆ ตอบไม่ได้ ไม่ทราบว่าใครจะได้เป็นนายกฯ พรรคร่วมจะเป็นกันอย่างไร อันนี้ต้องให้เกียรติรักษาการนายกฯ ถ้าเปลี่ยนผู้นำไม่ว่าจะพรรคเพื่อไทย หรือพรรคร่วม เขาก็มีสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ตามที่เห็นสมควร ต้องยอมรับว่าเราหมดหน้าที่ตอน 15.30 น.วันนี้" นายเศรษฐา กล่าวตอบ
ชงแก้กฎหมายชาวต่างชาติเช่าที่ดิน-ถือครองคอนโด :
23 มิถุนายน 2567 ประมาณ 14.30 น. ณ ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) กล่าวถึงกรณีมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเร่งแก้กฎหมายให้ชาวต่างด้าวเช่าที่ดินเพิ่มเป็น 99 ปี-ซื้อคอนโดเพิ่มเป็น 75% ว่า
เป็นข้อเสนอแนะจากกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนหนึ่ง คือการให้ชาวต่างชาติเช่าระยะยาว ซึ่งปัจจุบันมีกฎหมายอยู่แล้วประมาณ 30 ปี หรือ 50+50 แต่เราคิดว่าถ้าเกิดจะให้เป็นธรรมไป 99 ปีจะดีกว่า ซึ่งไม่ได้เป็นการขายขาด หรือให้กับใคร และในทุกๆ ประเทศก็มีลักษณะเช่นนี้อยู่แล้ว ที่ให้ชาวต่างชาติเช่า 150 ปี แต่เราคิดว่า 99 ปีก็เหมาะสม
ส่วนเรื่องการถือครองคอนโดที่ให้ชาวต่างชาติถือครองจากร้อยละ 49 เป็นร้อย 75 ตรงนี้มีรายละเอียดว่าคนที่มีสิทธิโหวตได้อยู่ที่ร้อยละ 49 เท่ากับคนไทยก็ยังเป็นใหญ่อยู่คือร้อยละ 51 ซึ่งในส่วนที่ปรับขึ้นจากร้อยละ 49 ไปเป็น 75 นั้นตรงนี้ไม่มีสิทธิโหวต หรือออกเสียงใดๆ เพียงแต่เข้ามาอยู่อาศัยได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบางส่วนว่าเป็นนโยบายขายชาติ
จนกระทั่ง 25 มิถุนายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ตรงนี้ที่กระทรวงการคลังเสนอให้ไปศึกษา คือ เรื่องของการเช่าระยะยาว ไม่ได้เป็นการขายที่ดิน จึงไม่เกี่ยวอะไรกับการขายชาติ
ประกาศดันแลนด์บริดจ์ :
18 ธันวาคม 2566 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นประธานเปิดโรดโชว์โครงการแลนด์บริดจ์และโอกาสทางธุรกิจ มีบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นเกือบ 30 บริษัท 40 คน ให้ความสนใจร่วมรับฟัง
เขากล่าวขอบคุณทุกคนที่เข้าร่วมงาน Thailand Landbridge Roadshow ซึ่งรัฐบาลไทยริเริ่มโครงการจากศักยภาพที่เป็นศูนย์กลางการค้าและการขนส่งของภูมิภาค ในอนาคตอาจจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งอีกแห่งของโลก โดยทวีปเอเชียมีมูลค่าการส่งออกและนำเข้ามากที่สุดประมาณ 40% ของโลก
จากการคาดการณ์ในปี ค.ศ.2030 ปริมาณเรือจะเกินกว่าความจุของช่องแคบมะละกา ไทยเห็นโอกาสพัฒนาเส้นทางที่ช่วยบรรเทาผลกระทบ จึงเชื่อว่าโครงการแลนด์บริดจ์ จะเป็นทางเลือกที่สำคัญรองรับการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้ประหยัดและเร็วกว่า
ความต้องการจะผลักดันโครงการดังกล่าวชัดเจนขึ้น เห็นได้จากวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ช่วงหนึ่งในงาน SUBCON Thailand 2024 นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าวถึงโครงการแลนด์บริดจ์ หรือ โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเล อ่าวไทย-อันดามัน มูลค่าการลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาทว่า โครงการนี้มีความสำคัญกว่าซื้อเรือดำน้ำและเครื่องบินรบ โดยรัฐบาลพร้อมผลักดันเพื่อทำให้ไทยมั่นคงในเวทีการค้าโลก และก้าวขึ้นเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชียให้ได้
หนุนกาสิโนถูกกฎหมาย :
เวลาประมาณ 12.10 น. ของวันที่ 28 มีนาคม 2567 ณ โรงแรม พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์ความคิดเห็นถึงกรณี ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ....ซึ่งรวมถึงการที่จะมีกาสิโน หรือบ่อนพนันถูกกฎหมายในประเทศไทย กำลังเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรว่า
ไม่อยากให้มองว่าเป็นกฎหมายกาสิโน แต่อยากให้มองเป็นเรื่องของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะรวบรวมหลายส่วน ยกเศราฐกิจสีเทาขึ้นมาอยู่บนพื้น เพื่อจะได้ควบคุมเรื่องความปลอดภัยและเหมาะสม เก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะกลายเป็นการมอมเมาหรือไม่ เพราะเข้าถึงแหล่งพนันได้มากขึ้น เรื่องนี้จะชี้แจงยังไงไม่ให้สังคมมองเห็นเพียงด้านลบ นายเศรษฐา มองว่า ถึงเวลาที่สังคมจะต้องมาดูถึงเรื่องสังคมอีแอบ เพราะเรื่องนี้มีอยู่แล้ว
"มันมีอยู่แล้วทุกวันนี้ต้องยอมรับ และเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเราก็ต้องบริหารจัดการไปในระหว่างทาง ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ากฎหมายจะผ่านเมื่อไหร่ และจะมาเปิดได้เมื่อไหร่ ก็ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร แต่ระหว่างนี้ยังไงก็ต้องจัดการกับที่ผิดกฎหมายไป".
.........
อ่านบทความที่น่าสนใจ :