จับสัญญาณก่อนศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล 7 ส.ค.นี้ “สุพิศาล” ชี้ พรรคก้าวไกล เดินเกม “ฆ่าไม่ตาย” เตรียมพรรคสำรอง ประเมินกระแส “สส.งูเห่า” เช็กวงใน สส.กว่า 30 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเดินหน้าต่อ เผยส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ไม่หวั่นไหว “พลังดูด”

‘สิงหาคม’ เดือนการเมืองร้อนปรอทแตก เพราะมีหลายคดีที่เป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองไทย โดยวันที่ 7 สิงหาคม นี้ ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีที่ กกต.ยื่นคำร้อง กรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรค เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค

แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แกนนำ “พรรคก้าวไกล” กำลังเผชิญ แต่ก่อนหน้านี้ก็ถูกยุบ “พรรคอนาคตใหม่” มาแล้ว จึงทำให้มีกระแสข่าวการเตรียมพรรคสำรองอย่าง “พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล” พร้อมผลักดัน “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง

...

แต่ถ้าวิเคราะห์แล้ว วิบากกรรม “พรรคก้าวไกล” รอบนี้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ยังเล่นบท “ฆ่าไม่ตาย” แต่สิ่งที่ดูจะสั่นคลอนขุมกำลังได้ อาจเป็นการดูด สส.งูเห่า ซึ่งมีกระแสข่าวหนาหูว่า ถ้าเกิดมีคำสั่งยุบพรรค สส.บางส่วนอาจถูกดึงไปอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาล

พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล มองเรื่องปมของ สส.งูเห่า ที่อาจถูกดึงไปพรรคอื่น หากมีคำตัดสินกรณียุบพรรคว่า ที่ผ่านมามีกระแสเหล่านี้มาตลอด เบื้องต้นได้คุยกับผู้ใหญ่ภายในพรรค ประเมินสถานการณ์พบว่า สส.ส่วนใหญ่ยังมุ่งมั่นทำงานตามแนวทางเดิม พร้อมทำงานร่วมกันต่อ ซึ่งทางผู้ใหญ่ก็มีการประเมินว่า สส.ในระบบบัญชีรายชื่อ และผู้สมัครในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล กว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ยังจับมือกันเดินต่ออย่างเหนียวแน่น ตนเชื่อว่า สส.ในพื้นที่อื่น ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ต่างก็มีแนวคิดการทำงานที่ชัดเจน

4 แนวทางต่อสู้คดี หากรอดยุบพรรคก้าวไกล

“พล.ต.ต.สุพิศาล” มองว่า ข้อมูลที่ใช้ในการต่อสู้ของพรรคก้าวไกล กรณี กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะมีผลต่อคำตัดสินไม่ให้มีการยุบพรรคในประเด็นต่อไปนี้

หากยึดตามหลัก คณะกรรมาธิการ (กมธ.) เวนิช (Venice Commission) หรือคณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรปเพื่อประชาธิปไตยโดยกฎหมาย ซึ่งมีบทบาทจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญในยุโรป ที่นำมาใช้ประกอบการเขียนคำร้องชี้แจง ถึงบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญ ในการดำเนินบทบาทที่เหมาะสมกับหลักประชาธิปไตย

ส่วนการต่อสู้ในเรื่องของกฎกติกาที่ กกต.ได้ใช้อำนาจข้ามเส้นหน้าที่ของตนเอง กำหนดในข้อบังคับในการสอบผู้ถูกร้อง ซึ่งเป็นเรื่องสิทธิของระบบคุณธรรม ที่ผู้ถูกร้องควรได้รับสิทธิ

ด้านคำสั่งของศาล ให้ผู้ที่ถูกร้องทั้ง 2 ท่านหยุดการกระทำ ก็ได้หยุดแล้ว แต่สิ่งที่มีการโต้เถียงต่อจากนั้น ความเกี่ยวพันในคดีนี้น่าจะมีแค่ 2 คน คือ ผู้ร้อง ซึ่งเป็น กกต. และผู้ถูกร้องที่เป็นรายบุคคล อันไม่เกี่ยวกับพรรค

การกระทำที่เกิดขึ้น เป็นของบุคคลที่ไม่ได้มีระบุไว้ในรัฐธรรมนูญว่าเป็นการกระทำของพรรคการเมือง ด้านสถานภาพของสมาชิกพรรคบางคน ขณะกระทำพฤติกรรมดังกล่าว ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค

...

คาดเหตุผลสำคัญหากมีการยุบพรรคก้าวไกล

ในอีกแนวทางนึง หากมีคำตัดสินให้ยุบพรรคก้าวไกล “พล.ต.ต.สุพิศาล” วิเคราะห์ว่า น่าจะมีเหตุผลในการยืนยัน โดยระบุว่าหน่วยงานที่ตัดสินมีอำนาจในการตัดสินยุบพรรค เพราะเคยวินิจฉัยไปแล้ว ส่วนกรณี กกต. ก็จะมีการตีความว่ามีอำนาจครอบคลุมทั้งหมด

หากมีการตัดสินยุบพรรคก้าวไกล เรามีการเตรียมพรรคสำรองไว้แล้ว เพราะทุกคนเคยมีประสบการณ์มาตั้งแต่ครั้งที่แล้ว และพร้อมเดินหน้าทำงานต่อ แม้เมื่อถึงเวลานั้น จะมีกระแสของ สส.งูเห่า เกิดขึ้น.