การตามล่ากำจัดปลาหมอคางดำ เอเลี่ยนสปีชีส์ สัตว์สายพันธุ์ต่างถิ่นกำลังทำลายสัตว์น้ำถิ่นกำเนิดในไทย อาจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หลังมีการแพร่ระบาดขยายวงกว้างในพื้นที่ 16 จังหวัดของไทย หรืออาจมากกว่านี้ เพราะปลาหมอคางดำอาศัยอยู่ได้เกือบทุกสภาพน้ำ ตั้งท้องเพียง 22 วัน ก็วางไข่ 50-300 ฟอง แพร่พันธุ์ได้เร็วมาก และในอนาคตอาจสร้างปัญหาระดับภูมิภาค ทำให้กรมประมงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าออกมาตรการควบคุมและกำจัดในทุกแหล่งน้ำ ด้วยการปล่อยปลากะพงขาว และปลาอีกง ซึ่งเป็นปลานักล่า "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" พร้อมกับตั้งจุดรับซื้อปลาหมอคางดำ กิโลกรัมละ 15 บาท
หนึ่งในวิธีกำจัดปลาหมอคางดำ มีลักษณะคล้ายปลาหมอเทศ และปลานิล แตกต่างตรงที่ใต้คางมีสีดำ และส่วนใหญ่มีขนาดเล็กไม่ใหญ่มาก นอกจากไปทำปลาป่น ทำปุ๋ย ทำอาหารสัตว์แล้ว ยังสามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู จนหลายคนบอกว่าอร่อยมากๆ
กลิ่นคาวปลาหมอคางดำ ทำให้หายได้ ก่อนมาทำเมนูเด็ด
แต่กลิ่นคาวของปลาหมอคางดำ อาจทำให้ถูกเมินไม่เป็นที่นิยมนำมารับประทานก็ได้ ซึ่งมีกรรมวิธีทำให้หายคาวๆ ได้ไม่ยาก จากคำแนะนำของ "ผศ.จุฑามาศ มูลวงศ์" อาจารย์สาขาคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา บอกว่า โดยหลักๆ ต้องล้างด้วยน้ำให้มากที่สุด เพื่อให้หมดกลิ่นคาว หรือล้างด้วยสมุนไพร เช่น ตะไคร้ บริเวณหนังปลา หรือล้างด้วยเกลือ ก่อนนำมาปรุงด้วยน้ำร้อนเดือด ให้หายคาว
...
นอกจากนี้ด้วยความที่ปลาหมอคางดำ มีหนังหนา ขณะนี้ทางอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา อยู่ระหว่างการทำวิจัยแปรรูปปลาหมอคางดำ ให้เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อพลิกวิกฤติสร้างรายได้ให้กับผู้เลี้ยงสัตว์น้ำใน จ.สมุทรสงคราม และพื้นที่ใกล้เคียงอีกด้วย
แสร้งว่าปลาหมอคางดำ อร่อยดี เอาไปทำแกงรสจัด ก็เข้าท่า
ขณะที่ "จารึก ศรีอรุณ" อาจารย์หลักสูตรอุตสาหกรรมการประกอบอาหาร โรงเรียนการเรือน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ออกมาการันตีว่า ใครๆ ที่บอกปลาหมอคางดำไม่อร่อย ต้องขอบอกว่าเนื้อปลาหมอคางดำอร่อยมาก ไม่เหม็นกลิ่นโคลน อร่อยมากกว่าปลานิลเสียอีก และเท่าที่เจอปลาหมอคางดำมีขนาดเล็ก หากไม่เกินฝ่ามือ สามารถนำไปแล่ก่อนล้างด้วยเกลือ ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาทีไม่เกินนั้น จากนั้นนำมาล้างน้ำ ซับให้แห้งแล้วนำมาทอดในน้ำมันที่ท่วมกระทะให้กรอบ เหมือนปลาแดดเดียว
ที่ผ่านมาไม่เคยเจอปลาหมอคางดำขนาดใหญ่มาก่อน มีการรับซื้อมานานแล้ว ประมาณกิโลกรัมละ 4-6 บาท เพื่อนำไปเป็นอาหารให้ปูในกระชัง และยังสามารถทำเมนูอาหารไทยได้หลากหลาย โดยเฉพาะในตระกูลแกงปลารสจัด เช่น แกงเผ็ด แกงป่า แกงเหลือง หรือแกงส้มใต้ และนำไปทอดกระเทียม ใช้แทนปลานิลที่เหม็นโคลน และคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยกินปลานิล ส่วนการจะนำปลาหมอคางดำมาขูดเอาเฉพาะเนื้อปลา ต้องมีเนื้อเยอะมากพอจนสามารถขูดได้ ซึ่งน่าสนใจ เพราะปลาชนิดนี้มีก้างน้อย
"ปลาหมอคางดำนำมาทอดเป็นปลาแดดเดียว หรือแสร้งว่า ราดด้วยน้ำยำใส่มะม่วง ก็อร่อย และปลาชนิดนี้เป็นปลาเกร็ด ไม่มีเหมือก ไม่มีกลิ่นเหม็นโคลนเหมือนปลานิล หากมีขนาดใหญ่ ก็น่าลองไปทำกลุ่มอาหารฝรั่ง แต่ปกติแล้วปลาราคาถูก อย่างปลานิล ปลาทับทิม มักไม่นำไปทำกัน แต่ก็ไม่ลำบากที่จะลองทำสเต๊กปลาหมอคางดำ ราดด้วยซอสขาว หรือพาสต้าครีมซอส หากมีขนาดใหญ่เท่ากับปลาหมอบัตเตอร์ ก็เป็นเอเลี่ยนสปีชีส์เหมือนกัน ต้องช่วยกันทำลายให้สิ้นซาก และสร้างมูลค่านำไปทำเมนูอาหารที่น่าสนใจ ไม่ให้ไปทำลายปลาในฟาร์ม ซึ่งเป็นปัญหามานานแล้ว”.
...