คดีพ่อโหดฆ่าลูก ยิ่งสาวยิ่งช็อก จนคนด่าสาปแช่ง "ไอ้เอ็ม" ทำกับลูกแท้ๆได้อย่างไร เพราะไม่ได้ฆ่าโบกปูนลูกสาววัย 2 ขวบแค่คนเดียว ยังมีลูกวัยทารกอีก 4 คนเสียชีวิตถูกนำไปทิ้ง เมื่อตำรวจค้นหาได้พบชิ้นส่วนกระดูกทารก 2 ศพบริเวณถนนกำแพงเพชร 3 ย่านบางซื่อ และผลตรวจดีเอ็นเอตรงกับไอ้เอ็ม ยังเหลืออีก 2 ศพ พบในพื้นที่สายไหม อยู่ระหว่างการตรวจดีเอ็นเอ หากตรงกับไอ้เอ็ม อาจเข้าข่ายพฤติการณ์ฆาตกรต่อเนื่อง และไม่รอดเจอโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต
การขยายผลการสืบสวนยังพบว่าไอ้เอ็มกับเมีย ทำร้ายลูกสาววัย 4 ขวบ จนปากแหว่ง จมูกขาด และตาบอด แล้วถ่ายภาพลูกในสภาพน่าเวทนาโพสต์ลงเฟซบุ๊กเรียกความสงสารเพื่อขอรับบริจาคเงินจากผู้ใจบุญ คงไม่พ้นถูกดำเนินคดีค้ามนุษย์ นอกเหนือจากทำร้ายร่างกายลูก และฆ่าลูกรวม 5 ศพ
ปมในใจไอ้เอ็ม พ่อโหดทำไมต้องฆ่าลูก 5 ศพ
พฤติการณ์ไอ้เอ็มเหี้ยมเกินมนุษย์ จนคนเรียกร้องต้องประหารสถานเดียวเท่านั้น แล้วมูลเหตุที่ทำให้ไอ้เอ็มกล้ากระทำเช่นนี้เกิดจากอะไร? “ผศ.ดร.ฐนันดรศักดิ์ บวรนันทกุล” ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยา ระบุว่าปมในวัยเด็กโดยพื้นฐานไม่รู้มีปัญหาตั้งแต่เด็กหรือไม่ และที่อ้างว่าเป็นโรคจิต ทางตำรวจนำตัวไปตรวจแล้วก็ไม่เจอ อาจเป็นการตรวจโดยแพทย์ทั่วไป แต่ต้องตรวจโดยจิตแพทย์เพื่อทำการวิเคราะห์ ซึ่งเรื่องในลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ในต่างประเทศ เพราะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากกรณีพ่อฆ่าลูก มีการทำเป็นสารคดี โดยโปรดิวเซอร์ได้ไปศึกษาค้นหาข้อมูลจนพบว่ามีหลายสาเหตุ
...
สาเหตุที่ 1 เกิดจากพฤติกรรมที่เห็นแก่ผู้อื่น ไม่อยากให้ลูกเผชิญความยากลำบากแสนเข็ญ จึงตัดสินใจให้ลูกตายดีกว่า เป็นอาการหลงผิดเป็นความปกติของความคิด ส่วนสาเหตุที่ 2 เป็นโรคจิตแบบเฉียบพลัน ซึ่งไปด้วยกันกับสาเหตุที่ 3 คือไม่ต้องการลูก หรือ Unwanted child เพราะคิดว่าลูกเป็นอุปสรรคในการทำมาหากิน เป็นภาระต้องดูแลลูก
“เพราะฉะนั้นตราบใดที่เห็นเด็กบางกลุ่มร้องไห้โยเย ก็จะมองว่าเป็นอุปสรรคต่อชีวิต ทำอะไรก็ไม่ได้ หาเงินก็ไม่ได้ อาจมองว่ามันไม่ใช่ ก็เลยฆ่าซะจะได้จบ เชื่อว่าเกิดจากสาเหตุที่ 2 และ 3 เป็นโรคจิตแฝงเร้นในตัว ส่วนเรื่องการพลั้งมือ ทำร้ายทารุณกรรมเด็กจนเด็กตาย อาจจะใช่หรือไม่ก็ได้ แต่คิดว่าไม่ใช่”
อีกสาเหตุเป็นการแก้แค้นคู่สมรส แต่เคสนี้ดูแล้วไม่ใช่ เพราะในแง่ความคิด สถานภาพในแง่สังคมของผู้ต้องหามีความกดดันจากสังคม อาจเติบโตจากครอบครัวที่ไม่สมบรูณ์ เช่น ครอบครัวยากจนอยู่แล้ว และทำมาหากินไม่ค่อยได้ มีรายได้น้อย มีความลำบากขัดสน และเมื่อเห็นจากสื่อว่าคนไทยขี้สงสาร ก็เลยนำเด็กมาใช้ประโยชน์จากความสงสาร แต่โดยหลักแล้วอาจเติบโตมาจากครอบครัวที่ไม่สมบรูณ์ และไม่มีทักษะในการแก้ปัญหาชีวิต ก็เลยเลือกที่จะแก้ไขในลักษณะนี้ เมื่อไม่มีเงินโทรไปขอที่บ้านก็ไม่ได้
หากมองในแง่จิตใจของผู้ต้องหาเกิดจากสาเหตุที่ 2 และ 3 มีการเติบโตในครอบครัวไม่สมบรูณ์ มีการใช้ชีวิตยากลำบาก ความรู้ก็น้อย ต้องเช่าห้องอยู่ และยังมีลูกเป็นอุปสรรคอีก คงมองว่าถ้าดูแลลูก จะต้องมีภาระหาเงินเลยฆ่าเด็กดีกว่า ซึ่งในเมืองไทยไม่ค่อยเกิดเรื่องในลักษณะนี้ จนรู้สึกหดหู่ใจ ไม่นึกว่าสถานการณ์แบบนี้จะเกิดในไทย ไม่เหมือนในต่างประเทศส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ และในเอเชียก็เคยมี
ไอ้เอ็ม โรคจิตแฝงเร้นเรื้อรัง ต้องโดนโทษประหาร
การกระทำที่เกิดขึ้นโดนโทษประหารอยู่แล้ว แต่ถ้ารับสารภาพอาจจะลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต อยู่ที่ศาลพิจารณา ทั้งฆ่าลูก อำพรางศพ และค้ามนุษย์ หากเป็นประเด็นฆาตกรต่อเนื่องก็ต้องดูวิธีคิด ไม่สามารถบอกได้ และตามหลักจิตวิทยา ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าป่วยทางจิตหรือไม่ การอ้างว่าป่วยทางจิต ก็อาจไปขอศาลต่อสู้ และศาลอาจให้ไปตรวจพิสูจน์ แต่ดูแล้วมีอาการทางจิตแบบเฉียบพลัน จะซึมเศร้า และเมื่อเจออะไรมากระตุ้น จากความเครียดในเรื่องทำมาหากิน ก็จะมีอาการขึ้นมา
“เป็นโรคจิตแบบแฝงเร้นเรื้อรังมานาน และมองเด็กเป็นอุปสรรคขัดขวางการใช้ชีวิต แต่คนพวกนี้ก็คิดจะมีเซ็กซ์อย่างเดียว เพราะไม่มีทักษะแก้ปัญหาชีวิต และในเมืองไทยอาจมีแบบนี้แต่ไม่มีใครรู้ อาจซุกอยู่ใต้พรม จะเหมือนกับต่างประเทศ เริ่มจากมีฆาตกรต่อเนื่องผู้ชาย จนเกิดฆาตรกรต่อเนื่องผู้หญิง และฆาตกรต่อเนื่องวัยรุ่น ซึ่งในไทยก็มีกรณีสมคิด พุ่มพวง จนมาเกิดกรณีแอม ไซยาไนต์ เริ่มมาสู่ผู้หญิงแล้ว”
...
ต่อไปในสังคมไทยก็จะปรากฏเคสฆาตกรต่อเนื่องวัยรุ่น หรืออาจมีแล้วก็ได้ อาจซุกอยู่ใต้พรม เพราะปัจจุบันผู้คนในสังคมอยู่ด้วยความยากลำบากมากขึ้น จะเริ่มเหมือนกับสังคมในสหรัฐฯ จนวิธีคิดของคนบางคนเปลี่ยนไปอย่างมาก มีความเห็นแก่ตัวมากขึ้น มองว่าเงินที่หามาทำไมจะต้องเลี้ยงดูให้ลูก จึงไม่คิดจะมีลูกให้เป็นภาระ เพราะกลัวความยากลำบากในอนาคต.