• ทวงคืนพลายศักดิ์สุรินทร์ ช้างไทยมอบให้ศรีลังกา อาการทรุดขาหน้าพิการเสี่ยงเสียการทรงตัว เร่งนำกลับมารักษาที่ไทยพบมีปัญหาสวัสดิภาพ ล่ามโซ่ราวนักโทษสุดเวทนา

  • สุขภาพช้างทรุดหนักเพราะต้องเดินในขบวนแห่ปีละ 30 ครั้ง หารายได้เลี้ยงวัด จนป่วยทรุด แต่ใช้หมอสมุนไพรมารักษา ซึ่งไม่พบประวัติการรักษาด้วยสัตวแพทย์อย่างถูกต้อง

  • ชี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควรเร่งดำเนินการนำกลับไทย เพราะถ้าปล่อยไว้ช้างจะเริ่มตกมันช่วงกลางเดือนธันวาคม และมีโอกาสสูงที่จะยื้อไม่ให้กลับประเทศแม่
ขณะอยู่ในความดูแลของวัดในศรีลังกา
ขณะอยู่ในความดูแลของวัดในศรีลังกา

“ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ยังคงเกาะติดการทวงคืน พลายศักดิ์สุรินทร์ ช้างที่ไทยมอบให้ศรีลังกา เมื่อปี 2544 แต่กลับถูกส่งไปอยู่วัดแห่งหนึ่ง นอกเมืองโคลัมโบ และมีการร้องเรียนเรื่องสวัสดิภาพว่า ถูกล่ามโซ่ขาหน้า-หลัง ตลอดเวลา มีรอยแผลหลายแห่งบนผิวหนัง ขาหน้าไม่สามารถงอได้ แต่ถูกให้เดินในขบวนแห่ของวัดกว่า 30 ครั้งต่อปี จนมีอาการทรุดหนัก

...

แม้ขณะนี้ถูกย้ายไปยังสวนสัตว์ในกรุงโคลัมโบ แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ทรุดโทรม เนื่องจากไม่ได้รับการรักษาจากสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ใช้การรักษาด้วยสมุนไพรพื้นบ้าน ทำให้ขาหลังที่ถูกล่ามโซ่เริ่มมีปัญหา ประกอบกับศรีลังกา ประสบปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ไม่มีเงินเลี้ยงดูช้าง จนสถานทูตไทยในกรุงโคลัมโบ ต้องออกค่าใช้จ่ายเดือนละ 5 หมื่นบาท และจ่ายค่าจ้างควาญไทย ที่เดินทางมาดูแล ดังนั้นการนำพลายศักดิ์สุรินทร์ กลับมารักษาที่ไทย จึงเป็นภารกิจเร่งด่วน

ก่อนหน้านี้ “ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ติดต่อสอบถามผู้เกี่ยวข้องถึงการนำพลายศักดิ์สุรินทร์ กลับมารักษาที่ไทย เนื่องจากโรงพยาบาลและสัตวแพทย์ในศรีลังกา ไม่มีความพร้อม แต่ยังต้องรอความชัดเจนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงสอบถามไปยัง “วราวุธ ศิลปอาชา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ได้ชี้แจงถึงระยะเวลาการนำกลับมา คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงต้นปีหน้า

แต่สำหรับควาญช้างคนไทยที่ขณะนี้ดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์ อยู่ที่ศรีลังกา แสดงความกังวลว่า หากล่าช้ากว่านี้อาจไม่สามารถนำกลับไทยได้ คาดว่ากลางเดือนธันวาคม จะมีอาการตกมัน ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายกลับมาไทยได้

โซ่ที่ล่ามไว้สั้น ทำให้ขยับตัวลำบากทั้งขาหน้าและหลัง
โซ่ที่ล่ามไว้สั้น ทำให้ขยับตัวลำบากทั้งขาหน้าและหลัง

เปิดใจควาญช้าง เผยต้องเร่งนำกลับไทย

ทีมข่าวสอบถามไปยังควาญช้างไทย ที่ดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์ ได้อัปเดตอาการป่วยว่า ขณะนี้ทางศรีลังกา ย้ายช้างมาอยู่ที่สวนสัตว์ แต่อาการป่วยยังน่าห่วง เพราะฝีบริเวณหลังทั้ง 2 ข้าง ต้องใช้การรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งเครื่องมือรักษา ยา และบุคลากรด้านสัตวแพทย์ยังขาดแคลน

อาการที่น่าห่วงคือ ขาหน้าด้านซ้าย ไม่สามารถงอเข่าได้ ทำให้ต้องเดินกะเผลก ขณะนี้ช้างกำลังมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ยิ่งทำให้น้ำหนักตัวกดทับขาหน้า จนมีอาการหนักขึ้น นอกจากนี้ขาข้างอื่นต้องรับน้ำหนักเพิ่ม ซึ่งอาจสูญเสียการทรงตัว ถ้าไม่รีบรักษา

ปัจจัยที่ทำให้พลายศักดิ์สุรินทร์ มีอาการบาดเจ็บบริเวณขาค่อนข้างหนัก เนื่องจากควาญศรีลังกา มัดโซ่ไว้ทั้งขาหน้าและหลัง โดยปล่อยโซ่ไว้สั้น ทำให้ช้างขยับตัวลำบาก ต่างจากไทยที่มีเวลาปล่อยให้ช้างเดินเล่นเป็นอิสระ

รอยฝีขนาดใหญ่ที่ขาดการดูแล
รอยฝีขนาดใหญ่ที่ขาดการดูแล

...

“ทางสถานทูตไทย ให้มาดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์ ประมาณครึ่งเดือน เห็นได้ชัดว่าทางสวนสัตว์ต้องการรั้งให้ช้างอยู่ที่นี่ต่อ เพราะเป็นช้างที่มีงายาวที่สุดในศรีลังกา เลยไม่อยากให้ส่งกลับไทย จึงให้กินอาหารมากๆ เพื่อเร่งให้ตกมัน จนไม่สามารถพาช้างกลับมารักษาได้”

ประกอบกับอุปนิสัยพลายศักดิ์สุรินทร์ ต้อนรับและทักทายผู้ที่มาเที่ยวชม แต่ด้วยก่อนหน้านี้ถูกใช้งานอย่างหนัก ทำให้ร่างกายช้างทรุดโทรมกว่าอายุจริง การนำกลับมารักษาที่ไทยจะช่วยทำให้ร่างกายของช้างดีขึ้น เพราะสัตวแพทย์ที่ศรีลังกา ไม่มีความพร้อม ตัวอย่างเช่น การดูแลรักษาขาหน้าที่มีอาการบาดเจ็บ หมอยังจ่ายยาหม่อง ที่ใช้นวดคนมาให้ควาญนวดช้าง

ที่น่าสงสารคือ ช่วงที่พลายศักดิ์สุรินทร์ ใช้ชีวิตอยู่ที่วัด นอกจากจะต้องเดินในขบวนแห่เพื่อหารายได้ให้กับวัด จนเจ็บป่วย แต่กลับไม่พบประวัติการรักษาด้วยสัตวแพทย์ แต่ใช้ยาสมุนไพรพื้นบ้านรักษา เลยทำให้อาการทรุดหนักขึ้น

ขณะนี้ศรีลังกาประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้ไม่มีเงินเพียงพอในการเลี้ยงช้าง ทุกวันนี้สถานทูตไทยในเมืองโคลัมโบ ต้องจ่ายค่าอาหารให้สวนสัตว์เดือนละ 5 หมื่นบาท และจ้างควาญคนไทยมาดูแล แต่ยังมีความกังวลว่า อนาคตสถานทูตอาจไม่มีเงินมาดูแล จนสุดท้ายพลายศักดิ์สุรินทร์ อาจต้องอดตาย

ยาหม่องที่ใช้ทารักษาขาช้าง
ยาหม่องที่ใช้ทารักษาขาช้าง

...

“ความเห็นผมควรนำพลายศักดิ์สุรินทร์ กลับมารักษาที่ไทย เพราะขณะนี้ต้องถูกล่ามโซ่เหมือนนักโทษ ถ้าทางการไทยดำเนินการนำกลับช้า อาจไม่ได้ช้างตัวนี้กลับไป จากการประเมินคาดว่าจะเริ่มตกมันกลางเดือนธันวาคม และกลับมาเป็นปกติเดือนมีนาคมปีหน้า ดังนั้นหน่วยงานรัฐไทยควรเร่งดำเนินการนำตัวกลับไป ถ้ารอการเคลื่อนย้ายช่วงต้นปีหน้ายิ่งทำได้ยากลำบากมากขึ้น”

ขณะเดียวกันจากการประเมินพบว่า พลายศักดิ์สุรินทร์ มีปัญหานอนหลับไม่สนิท เพราะถูกโซ่ล่ามไว้ทั้งขาหน้าและหลัง จนเคลื่อนไหวตัวลำบากในเวลานอน

“จึงอยากฝากหน่วยงานรัฐไทย ให้รีบช่วยช้างกลับไปรักษา เพราะอยู่เหมือนนักโทษถูกตีตรวนทั้งขาหน้าและหลัง ถ้าปล่อยให้อยู่อย่างนี้ต่อไป สภาพร่างกายยิ่งแย่ สุดท้ายพลายศักดิ์สุรินทร์ มีงายาว 50 ซม. ต้องป่วยจนล้มลง เมื่อถึงวันนั้นจะไปรักษาที่ไทยยิ่งสายเกินแก้” ควาญชาวไทย ย้ำถึงภาครัฐไทย

การทวงคืน พลายศักดิ์สุรินทร์ เพื่อนำกลับมารักษาที่ไทย เป็นสิ่งที่ต้องทำเร่งด่วน โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ให้ดำเนินการอย่างรอบคอบมากที่สุด.

ผู้เขียน : ปักหมุด