• แนวโน้มไทยหลังปลดล็อกกัญชา จะก่อผลกระทบอย่างหนักต่อสังคม หากไม่อุดช่องโหว่ของกฎหมาย แม้แคนาดาจะเปิดกัญชาเสรีให้ประชาชนเสพกัญชาเพื่อนันทนาการได้ แต่ก็อนุญาตให้ปลูกในบ้านได้ไม่เกิน 4 ต้น และต้องปลูกในที่ไม่เห็นจากที่สาธารณะนอกบ้าน

  • แคนาดา ควบคุมการพกพากัญชาในพื้นที่สาธารณะ เพื่อป้องกันการนำไปจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้พกพากัญชาสดไม่เกิน 4 ต้น แบบแห้ง เพียง 30 กรัม

  • ไทยต้องเร่งอุดช่องโหว่ของกฎหมาย โดยการชะลอการปลดล็อก พร้อมกับเปิดเวทีสาธารณะหาแนวทางแก้ไขสร้างความสมดุล คาดอีก 3 เดือนจะเกิดปัญหาสังคมรุนแรง หลังผลผลิตกัญชาเริ่มออกช่อดอก

ประเทศแคนาดาใช้เวลา 17 ปี นับจากมีนโยบายกัญชาทางการแพทย์ ก่อนจะประกาศให้ใช้กัญชาเสรี ในเชิงสันทนาการ โดยภาครัฐได้ออกมาตรการควบคุมการปลูกไปจนถึงการขาย เพราะห่วงใยการใช้กัญชาในทางที่ผิดมากเกินไป และเปิดให้มีการอภิปรายเรื่องนโยบายกัญชาอย่างกว้างขวาง โดยมีพรรคการเมืองใหญ่ๆ ชูนโยบายกัญชาที่ไม่เหมือนกัน ตั้งแต่กัญชาเสรีน้อยไปจนเสรีมาก

ตัวอย่างเช่น การชูนโยชายลดทอนความเป็นอาชญากรรมของกัญชา แต่พรรคการเมืองที่ชูนโยบายกัญชาเสรี ได้รับชัยชนะ รัฐบาลจึงเดินหน้านโยบายนี้ เพราะหมายความว่าเสียงส่วนใหญ่ต้องการนโยบายกัญชาเสรี ผิดกับประเทศไทยที่ไม่ได้มีการถกเถียงในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยกว้างขวางว่าประชาชนต้องการนโยบายกัญชาอย่างไร

แคนาดา ตั้งกฎเหล็ก ปลูกในบ้านได้ 4 ต้น

“นพ.บัณฑิต ศรไพศาล” อดีตผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ซึ่งปัจจุบันพำนักในประเทศแคนาดา กล่าวว่า หลังไทยปลดล็อกกัญชา พบผลกระทบจากการใช้กัญชาในปริมาณเกินขนาด มีแนวโน้มว่าจะควบคุมไม่ได้ จนทำให้เกิดปัญหาสังคม โดยเฉพาะการใช้กัญชาของเยาวชนเพื่อสันทนาการ และคาดว่าอีก 3 เดือนข้างหน้า จะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เพราะผลผลิตกัญชาที่ปลูกหลังปลดล็อกเริ่มออกช่อดอก

...

ประเทศไทยหลังปลดล็อกกัญชา ทำให้เกิดสุญญากาศในการควบคุม เพราะเกิดตลาดเสรีของผลิตภัณฑ์จากกัญชา ทั้งการเพาะปลูกและแปรรูปเป็นสินค้าในลักษณะอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยผู้ทำธุรกิจรายใหญ่ และอุตสาหกรรมขนาดเล็กภายในชุมชน ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในอนาคตได้ทั้งสองลักษณะ คือ แบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จะเกิดการจำหน่ายและการโฆษณาอย่างกว้างขวาง แบบอุตสาหกรรมขนาดเล็ก จะเกิดการใช้กัญชาปนเปื้อน และอาจไม่บอกผู้บริโภคว่าใส่กัญชาหรือไม่ในปริมาณเท่าใด

แม้แคนาดาจะเปิดเสรีกัญชา แต่ยังมีกรอบควบคุมการปลูก โดยเฉพาะการปลูกไว้ใช้เองภายในบ้าน กำหนดให้ปลูกได้บ้านละไม่เกิน 4 ต้น ส่วนการปลูกต้องอยู่ไกลจากรั้วบ้านและไม่อยู่ใกล้หน้าต่าง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่สัญจรไปมาเห็น การปลูกในบ้านไม่สามารถจำหน่ายได้ เพราะรัฐบาลอนุญาตให้ปลูกได้เพื่อใช้สำหรับตนเองเท่านั้น

ควบคุมการขาย ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ ห้ามมีสีสัน-ระบุยี่ห้อ

“นพ.บัณฑิต” กล่าวว่า ทางหน่วยงานรัฐของแคนาดา จะเป็นผู้ผูกขาดการขายส่งแต่เพียงผู้เดียว ผู้ผลิตต้องขายให้รัฐเท่านั้น ผู้ขายรายย่อยก็ต้องซื้อจากรัฐเท่านั้น และร้านขายต้องมีใบอนุญาตขายกัญชา โดยร้านค้าต้องทำตามข้อกำหนด ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ต้องเป็นไปตามรูปแบบที่กำหนด และให้ระบุปริมาณสาร THC และต้องเสียภาษีกัญชา ส่วนการครอบครองมีข้อกำหนดว่าในพื้นที่สาธารณะ ห้ามครอบครองกัญชาแห้งเกิน 30 กรัม ถ้าเป็นกัญชาสด ต้องไม่เกิน 4 ต้น ถ้าแบบมีดอก ห้ามเกิน 1 ต้น

นอกจากจะดำเนินการตามมาตรการควบคุมที่ประเทศแคนาดาใช้แล้ว ประเทศไทยยังเพิ่มมาตรการเหล่านี้ได้ เช่น ร้านอาหารที่ต้องการขายอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมจะต้องขออนุญาต โดยร้านที่ได้รับอนุญาตนี้จะต้องห้ามเยาวชนเข้าไปในร้าน และต้องมีป้ายบอกที่ชัดเจนบริเวณหน้าร้านว่าไม่ให้เยาวชนเข้า หากมีการฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีและยึดใบอนุญาต ผู้ประกอบการร้านอาหาร หากต้องกายขายอาหารผสมกัญชา ต้องแลกกับเงื่อนไขนี้ คือจะไม่มีเด็กหรือครอบครัวที่มีเด็กเข้ามาในร้านอาหาร

นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดจำกัดจำนวนใบอนุญาตร้านที่จำหน่ายกัญชา ต้องมีจำนวนที่สอดคล้องกับประชากรในพื้นที่ และห้ามวางจำหน่ายกัญชาหรือผลิตภัณฑ์ผสมกัญชาใกล้กับสถานศึกษา

อีกมาตรการสำคัญที่ประเทศไทยทำได้ คือ การเก็บภาษีกัญชาในอัตราที่สูง เพราะจะทำให้มีคนที่ซื้อไปใช้เพื่อสันทนาการลดลง และสามารถนำเงินภาษีส่วนนี้ไปสนับสนุนกองทุนที่ดูแลผลกระทบจากการใช้กัญชา รวมถึงส่งเสริมความเข้าใจถึงผลกระทบให้กับเยาวชน

ไทยต้องอุดช่องโหว่ ชะลอกฎหมายปลดล็อกกัญชา

...

การปลดล็อกกัญชาของไทยขณะนี้เข้าสู่ภาวะสุญญากาศ ในมุมของ “นพ.บัณฑิต” วิเคราะห์ว่า ฝั่งการเมืองมีความเร่งรีบในการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพื่อปลดล็อกกัญชา โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายที่จะเข้ามาควบคุม จนทำให้มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง การจะแก้ปัญหาได้จะต้องอุดช่องโหว่ที่เกิดขึ้นด้วยการชะลอกฎหมายปลดล็อกกัญชา และเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเปิดเผย เพื่อหามาตรการแก้ไข และออกกฎหมายลูกเพื่อเข้ามาควบคุม

ที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐพยายามทำให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ แต่เมื่อมีการเปิดเสรีที่ทุกบ้านสามารถปลูกได้ จะเกิดภาวะกัญชาล้นตลาด ทำให้ราคาตก และเกิดการใช้ดอกกัญชาไปเพื่อนันทนาการอย่างกว้างขวาง ดังนั้นจะต้องหาแนวทางควบคุมอย่างรอบด้าน แม้แต่พรรคการเมืองเองก็ต้องทบทวนนโยบายของตนเอง เพราะอาจส่งผลต่อคะแนนเสียงสนับสนุนพรรคการเมืองที่ผลักดันนโยบายนี้ จะทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย

“แคนาดา ต้องใช้เวลากว่า 17 ปี ก่อนจะประกาศให้ใช้กัญชาเสรีในเชิงสันทนาการ โดยมีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีการออกกฎต่างๆ ที่เข้ามาควบคุมทั้งระบบ สำหรับประเทศไทยกลุ่มที่คัดค้าน ไม่ได้ต่อต้านให้เปิดกัญชาทางการแพทย์ แต่พยายามหาทางออกที่เหมาะสม และลดผลกระทบของสังคมให้ได้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยยังไม่ถึงเวลาของกัญชาเสรี” นพ.บัณฑิต สรุปถึงทางออก.

ผู้เขียน : ปักหมุด