เปิดอกคุยกับ "ไชยา มิตรชัย" กับครั้งหนึ่งในฐานะเด็กวัด โอกาสทางการศึกษาในรั้วไทยรัฐวิทยา กับการส่งต่อโอกาสให้กับเด็ก ด้วยการอุปการะเด็ก 1 คน และจะส่งให้เรียนสูงสุด...

“ผมเรียนมาน้อย ต้องทำมาหากินตั้งแต่เด็ก พอมีฐานะขึ้นมาอย่างนี้ จึงอยากสนับสนุนทางการศึกษา ช่วยให้เด็กยากจนได้มีโอกาส” 

คำพูดดังกล่าวมาจาก นายกำพล วัชรพล ผู้ก่อตั้ง นสพ.ไทยรัฐ และถึงวันนี้ได้มีการ “สานต่อ” เจตนารมณ์ กับ “โอกาสทางการศึกษา” กับโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ด้วยการก่อตั้งโรงเรียนไทยรัฐวิทยาแล้วกว่า 111 แห่ง เป็นหนึ่งในสถานศึกษาที่สรรสร้างบุคลากรระดับประเทศมาแล้วมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ “ลิเก” อันดับ 1 “ไชยา มิตรชัย”

เอ-ไชยา ย้อนภาพวันวานในสมัยอดีตที่เคยเรียนอยู่ที่ “ไทยรัฐวิทยา 6” (ฉบับราษฎร์อุปถัมภ์) อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ซึ่งตั้งอยู่ที่ วัดสระแก้ว ซึ่งเปรียบเสมือนสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้า และเด็กยากจน

...

“จำได้ว่าตอนนั้นที่บ้านฐานะยากจนมาก พ่อจึงนำมาฝากเรียนที่วัด ได้เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 การเรียนที่นั่นมีเป้าหมายคือ การศึกษาเล่าเรียน และใช้เวลาในการฝึกเล่นลิเก โดยโรงเรียนมีนักเรียนทั้งสิ้นราว 2,000 คน และส่วนมากก็คือเด็กกำพร้า และเด็กที่มาจากครอบครัวยากจนไม่ต่างกับปัจจุบัน”  

ชีวิตจริง ไชยา มิตรชัย ภายในรอบรั้วโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 : 

“ผมรู้สึกอบอุ่นใจมากๆ เลยครับ ผมจำได้เลยว่านอกจากโอกาสทางการศึกษาที่ได้รับแล้ว คุณครูทุกท่านยังให้ความเมตตากับเด็กมากๆ โดยเฉพาะกับผมซึ่งต้องฝึกหัดเล่นลิเกเพื่อหารายได้ช่วยเหลือค่าอาหารให้กับเด็กๆ กำพร้าวัดสระแก้ว คุณครูท่านเลยเมตตาให้ผมและเพื่อนๆ ได้ใช้อาคารของโรงเรียนสำหรับการฝึกฝนการเล่นลิเกในทุกๆ วันหลังเลิกเรียน 

รวมถึงยังอนุญาตให้เด็กๆ จากวัดสระแก้วสามารถเข้ามาใช้อาคารของโรงเรียนนอนหลับพักผ่อนในเวลากลางคืนได้ด้วย เนื่องจากในเวลานั้นพื้นที่อาคารของวัดไม่เพียงพอสำหรับการรองรับเด็กแล้ว”

โรงเรียนไทยรัฐวิทยา กับ การให้โอกาสทางการศึกษาเด็กยากจน : 

เอ ไชยา เล่าว่า การมาศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ถือเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับบรรดาผู้ปกครองที่มีฐานะยากจนในพื้นที่ใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะมีการแจกอุปกรณ์การเรียน เช่น ปากกา หนังสือ และสมุดฟรี ให้กับเด็กนักเรียนทุกคนแล้ว ยังมีการสนับสนุนอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียนด้วย

“ต้องยอมรับว่า โรงเรียนไทยรัฐวิทยา สามารถช่วยเหลือผู้ขาดโอกาสในการศึกษาได้จริงๆ เพราะเด็กๆ ที่เข้ามาเรียนนั้นมีทั้งเด็กกำพร้าที่อยู่ภายใต้การดูแลของวัดสระแก้ว และเด็กๆ ที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะทางบ้านยากจน 

หากใครนึกภาพไม่ออกว่าเด็กๆ เหล่านั้นประสบปัญหามากมายขนาดไหน เอาเป็นแบบนี้แล้วกันนะครับ ผมเองในช่วงเวลานั้นจำได้เลยว่า ต้องออกไปเล่นลิเกเพื่อหารายได้มาสนับสนุนเป็นทุนทรัพย์สำหรับการซื้อข้าวสาร และเสื้อผ้า ให้กับบรรดาเด็กๆ กำพร้าวัดสระแก้วอยู่เลยครับ 

เพราะฉะนั้นหากไม่มีโรงเรียนไทยรัฐวิทยาเข้ามา ทางวัดสระแก้วก็ต้องอุปการะเด็กๆ เหล่านั้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องที่อยู่ที่กิน และการศึกษา ซึ่งแน่นอนว่าทุนทรัพย์ที่ได้รับบริจาคจากประชาชนไม่มีทางเพียงพออย่างแน่นอน เพราะเอาแค่บางวันแม้กระทั่งข้าวจะกิน เด็กๆ วัดสระแก้วก็ยังแทบไม่พอกินเลยครับ”

...

โอกาสที่ได้รับ กับ อนาคตใหม่หลังเรียนจบโรงเรียนไทยรัฐวิทยา : 

“สำหรับผมเอง การได้รับการศึกษาจากโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ทำให้มีโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิงจนมีชื่อเสียงได้สำเร็จ ส่วนบรรดาเพื่อนๆ ที่เรียนโรงเรียนไทยรัฐวิทยามาด้วยกัน มีจำนวนมากเลยครับที่สามารถเปลี่ยนชีวิตตัวเองจากเด็กยากจนไปสู่การเป็นครูบาอาจารย์ และข้าราชการในตำแหน่งสูงๆ ได้เป็นผลสำเร็จ เพราะการศึกษาถือเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการก้าวไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นได้ 

หากในตอนนั้นไม่มี โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ผมก็วาดภาพอนาคตตัวเองไม่ออกเหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร? บางทีคงอาจได้เป็นเพียงแค่พระเอกลิเกคนหนึ่งที่ไม่มีการศึกษาเลย ส่วนบรรดาเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกันก็คงไปประกอบอาชีพเป็นเกษตรกรที่ไม่จบแม้กระทั่งระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ก็เป็นได้” 

การศึกษา = ใบเบิกทางสู่อนาคตที่ดีขึ้น :

พระเอกลิเกคนดัง กล่าวกับ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ในประเด็นนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า อยากเน้นย้ำกับบรรดาน้องๆ ในเวลานี้ว่า การศึกษาเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะมันจะเป็นทางเลือกสำหรับการดำรงชีวิตต่อไปในอนาคต เพราะคนที่มีการศึกษาย่อมมีทางเลือกมากกว่าคนที่ไร้การศึกษา อีกทั้งในปัจจุบันหากคิดอยากจะมีรายได้เพิ่มขึ้น การศึกษาก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญสำหรับการเป็นใบเบิกทางสำคัญที่จะไปสู่เป้าหมายที่ว่านั้นได้ด้วยเช่นกัน 

...

“บางคนอาจรู้สึกว่า วุฒิการศึกษาที่ได้รับเป็นเพียงกระดาษใบหนึ่ง แต่ส่วนตัวผมมองว่า สังคมในเวลานี้เขามองเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการเข้าทำงานเป็นข้าราชการ หรือแม้กระทั่งการเลื่อนตำแหน่งในบริษัทเอกชน เพราะฉะนั้นจึงอยากฝากถึงบรรดาน้องๆ ว่า ควรให้ความสำคัญกับการศึกษาให้มากที่สุด”

เอ ไชยา บอกว่า คุณพ่อจะกำชับผมอยู่เสมอว่า...ต่อให้โด่งดังมากแค่ไหน หรือจะมีงานลิเกเข้ามาทุกวันๆ จนต้องเลิกดึกๆ ดื่นๆ แค่ไหนก็ตาม ผมจะต้องตื่นเช้าไปโรงเรียนทุกวัน และจะต้องเรียนให้จบและเอาใบปริญญามาให้ได้ จนในที่สุดผมก็สามารถเอาใบปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มาฝากคุณพ่อได้สำเร็จ 

เมื่อโอกาสไม่ได้มีสำหรับทุกคน ฉะนั้นมีโอกาสต้องทำให้สำเร็จ : 

“เมื่อผมมีโอกาสทำรายการเกมต่อชีวิตให้กับไทยรัฐทีวี มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมมักพบเจออยู่เสมอๆ คือ เด็กบางคนอยากจะมีโอกาสเรียนแทบตาย แต่เพราะฐานะทางบ้านยากจน จึงต้องออกไปทำงานเพื่อหาเงินเรียนกันเอง หรืออย่างบางคนถึงกับต้องร้องไห้ในรายการ เพราะอยากจะมีโอกาสได้เรียนเหมือนกับคนอื่นๆ เขาบ้าง แต่เพราะที่บ้านยากจน จึงไม่มีเงินจะส่งเสีย 

...

ซึ่งกรณีนี้...ทำให้ผมรู้สึกสงสารน้องคนนี้มากๆ จึงยินดีอุปการะให้น้องเขาได้เรียนต่อตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนตอนนี้เรียนอยู่ระดับมัธยมปลายแล้ว และน้องก็ตั้งใจเรียนมากๆ ได้เกรดเฉลี่ยเกือบ 4.00 ทุกเทอม ผมเลยบอกกับน้องไปว่า หนูเรียนไปเลยลูก หนูอยากเรียนถึงแค่ไหนหนูเรียนไปเลย หนูจะได้เอาการศึกษาที่ได้รับนี้ไปต่อยอดเพื่อเลี้ยงครอบครัวต่อไป และที่ผ่านมาน้องเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผมเลย เป็นเด็กดีจริงๆ ผมรู้สึกชื่นใจมากๆ ว่า เราส่งคนไม่ผิด   

เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวจนมีโอกาสในการศึกษาเล่าเรียน แต่กลับเกเร ไม่ยอมไปโรงเรียน ผมบอกตรงๆว่า รู้สึกสะท้อนใจจริงๆ กับการไม่รักษาโอกาสที่ดีเหล่านั้นเอาไว้”.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านบทความที่น่าสนใจ