หลังจากยุบสภา 20 มีนาคม เวลานี้จึงเข้าสู่หมวดโหมโรงหาเสียงเลือกตั้ง 2566 โดยหลายพรรคใหญ่เริ่มเดินเครื่องปราศรัยหาเสียง เปิดวิสัยทัศน์ โชว์นโยบาย ทั้งการเมือง และเศรษฐกิจ ที่เกี่ยวกับปากท้องของประชาชน
วันนี้ถึงคิวของ “ชาติไทยพัฒนา” ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้พูดคุยกับ ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค ที่ดูแลแผนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเด็นกลุ่มฐานรากของประเทศ
ศ.ดร.กนก บอกว่า เศรษฐกิจส่วนใหญ่ของประเทศมาจากประชาชนฐานราก โดยเฉพาะเกษตรกรก็มีจำนวนครึ่งหนึ่งของประเทศ โดยมีปัญหารายได้น้อย มีหนี้สินมาก ค่าครองชีพสูง 3 ข้อดังกล่าวคือ ปัจจัยที่คนไทยจำนวนมากกำลังเผชิญ ชาติไทยพัฒนา มองว่าการแก้ปัญหาให้คนกลุ่มนี้ต้องเป็นเรื่อง “เร่งด่วน” ที่สุด และต้องทำให้ได้ โดยต้องทำให้คนกลุ่มนี้มีรายได้เพิ่มขึ้น หนี้สินน้อยลง ก็จะทำให้เขาสามารถรับ “ค่าครองชีพ” ที่เป็นอยู่ได้ ดังนั้นเมื่อคนกลุ่มนี้ดีขึ้นก็จะส่งผลต่อ SMEs โรงงานผลิตสินค้าต่างๆ สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศก็จะดีขึ้น นี่คือพื้นฐานแผนเศรษฐกิจของชาติไทยพัฒนา
...
คำถามต่อมา คือ ทำอย่างไรจะเพิ่มรายได้ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ ชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า สำหรับการเพิ่มเงินให้เกษตรกรจะเกี่ยวข้องกับ 4-5 ปัจจัย
ดิน : กว่า 50-60 ปีที่ผ่านมา มีการทำนา ทำสวน บางส่วนก็ทำให้ดินไม่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะภาคอีสาน ดินจะมีความเป็นกรด ดินเค็ม สิ่งสำคัญในการปรับปรุงดิน คือ ต้องลดการเผาวัสดุทางการเกษตร เช่น เผานา ไร่อ้อย ข้าวโพด ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ปล่อยก๊าซเรือนกระจก PM 2.5 เราจึงต้องปรับปรุงดินด้วยการไม่เผา ใช้วิธีการไถกลบ เติมจุลินทรีย์ในดิน ยกตัวอย่าง “ซังข้าว” ใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ก็สามารถย่อยสลายได้ การย่อยสลายซังข้าวจะส่งผลให้เกิดไนโตรเจน ถือว่าเป็นปุ๋ย สามารถลดการใช้ปุ๋ย นี่คือการปรับปรุงดิน สิ่งที่จะทำ คือ การเพิ่มแรงจูงใจให้กับชาวนา ด้วยการให้เงินสำหรับไถกลบ จำนวน 1,000 บาท/ไร่
“เราทำแบบนี้ (ฝังกลบ) ที่สุพรรณฯ แล้ว 5,000 ไร่ ชาวนาที่เห็นเขาก็เริ่มตระหนักมากขึ้นว่าไม่ก่อมลพิษ ดังนั้นเราจึงอยากจะเริ่มสนับสนุนให้ชาวนาและเกษตรกรทำแบบนี้สัก 2-3 ไร่ หากมีการเริ่มทำจริงจัง เชื่อว่าชาวนาและเกษตรกรจะเริ่มเห็นโมเดล และปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยมีภาครัฐเข้ามาให้ความรู้ด้านวิชาการในการสนับสนุน”
น้ำ : หากเกษตรกรอยู่นอกเขตชลประทาน สิ่งที่ทำได้ คือ รอน้ำฝนอย่างเดียว ฉะนั้น ชาติไทยพัฒนา จึงมีแนวคิดที่จะ ขุดบาดาล เราจะมีน้ำบาดาลใช้ในการเกษตรทุกตำบล โดยจะทำน้ำบาดาลให้เป็นน้ำสะอาดเหมาะแก่การอุปโภค บริโภค ด้วย
ไฟฟ้า : เมื่อมีน้ำแล้วก็จำเป็นต้องมีเครื่องมือสูบ ฉะนั้นจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า จึงมีแนวคิด “ขยายเขตไฟฟ้าเพื่อการเกษตร” โดยเราจะให้ใช้ไฟฟ้าหน่วยละ 2 บาท
เมื่อถึงตรงนี้ ทีมข่าวฯ ถามว่า ราคานี้คำนวณมาจากอะไร ศ.ดร.กนก กล่าวว่า คำนวณจากไฟฟ้าในส่วนที่ยังไม่ได้ผลิต และส่วนหนึ่งมาจาก โซลาร์เซลล์ หากทำได้ก็จะทำให้เกษตรกรใช้ไฟฟ้าในราคาถูกได้
เมล็ดพันธุ์ : สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับเกษตร คือ เมล็ดพันธุ์ ต้องมีเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ ฉะนั้นสิ่งที่ ชาติไทยพัฒนา จะทำ คือ การเริ่มต้นแจกพันธุ์ข้าวคุณภาพให้กับชาวนา จำนวน 60 ล้านไร่ เพื่อยกระดับคุณภาพของข้าวให้สูงขึ้น
“เมื่อดินดี น้ำดี ไฟฟ้าดี เมล็ดพันธุ์ดี สุดท้าย คือ กระบวนการปลูกต้องดีด้วย เราคิดว่าต้องใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์เข้ามาพัฒนาให้ดีขึ้น โดยอาจจะมีคำแนะนำในการปรับที่นาให้ได้ระนาบ เพื่อใช้น้ำน้อยลง เมื่อดินได้ระนาบแล้ว ก็สูบน้ำเข้า จากนั้นก็ปล่อยให้แห้ง เมื่อถึงข้าวจะแตกกอ เราค่อยสูบน้ำเข้าไปใหม่ ข้าวก็จะโตเร็วขึ้น เพราะช่วงที่ข้าวกำลังจะโต ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมาก เมื่อจะแตกรวงก็ค่อยสูบน้ำเข้าไปใหม่อีก จากนั้นก็รอให้แห้ง ทำแบบนี้ 3 รอบ แบบนี้ข้าวจะโตเร็ว ใช้น้ำน้อย วิธีการแบบนี้ผ่านการทดลองที่สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา เราพบว่าสามารถลดการใช้น้ำได้ครึ่งหนึ่ง แล้วได้ผลผลิตมากขึ้น 20-25% และการปล่อยก๊าซมีเทนลดลงครึ่งหนึ่ง”
...
การปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งถือเป็นก๊าซที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกอย่างหนึ่ง หากปล่อยมาก เราต้องจ่ายเงินค่า “คาร์บอนเครดิต” ซึ่งถ้าเราปล่อยน้อย เราจะขายคาร์บอนเครดิตได้ หากคิดคำนวณเป็นไร่ เราสามารถขายได้ไร่ละ 500-1,000 บาท/ไร่/ปี
ศ.ดร.กนก กล่าวว่า ที่ยกตัวอย่างเพียงข้าวอย่างเดียว แต่ความจริงยังมีพืชอีกหลายอย่าง รวมไปถึงการทำปศุสัตว์ หรือประมง ซึ่งความจริง มีสารออกฤทธิ์บางตัวที่อยู่ในพืชและสัตว์ ที่เราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น “จิ้งหรีด” ประเทศไทยเรามีการขายและเลี้ยงจิ้งหรีด
ใน “จิ้งหรีด” มีโปรตีน อะมิโน แอซิด (Amino acids) สามารถเอาไปเป็นเวย์โปรตีนช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อให้คนแข็งแรง หรือ “ปลาทู” ของไทยมีโปรตีนที่ essential amino acid ที่จำเป็นถึง 8 ตัว มีน้ำหนัก 20-25% ของน้ำหนักปลา ซึ่งตรงนี้เราไม่เคยนำข้อมูลมาขายเลย ขายแต่เพียง “ปลาทู” กินอร่อยแค่นั้น
"ฉะนั้น พรรคชาติไทยพัฒนา จะเอาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์แบบนี้มาบอกว่า ผลผลิตทางการเกษตรมีมากกว่าที่เราคิด เราจะขายของอย่างมีคุณค่า เราจะทำให้เกษตรกรทำการเกษตรอย่างถูกต้อง นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาประกอบเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า.."
...
ยกฐานร่าง ลดเหลื่อมล้ำ เร่งจัดการหนี้นอกระบบ
ศ.ดร.กนก ย้ำว่า สิ่งที่ ชาติไทยพัฒนา พยายามเสนอเป้าหมายที่สำคัญ คือ การลดความเหลื่อมล้ำ เพราะเวลาเราจะพัฒนาอะไร หากเป็นเอกชน กลุ่มด้านบนของประเทศจะเดินไปข้างหน้าเร็วมาก ขณะเดียวกัน กลุ่มที่เป็นฐานราก จะเดินตามไม่ทัน ฉะนั้นเราจึงมุ่งเน้น พัฒนากลุ่มฐานรากให้มีความแข็งแกร่ง โดยเราต้องสนับสนุนเกษตรแบบผสมผสาน เช่น ปลูกข้าวส่วนหนึ่ง เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงจิ้งหรีด ปลูกกล้วย ปลูกผัก ซึ่งการทำแบบนี้ เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มเดือนละ 10,000 บาทได้ ซึ่งมีการทดลองกันมาแล้ว
เงิน 10,000 บาท ถ้าเป็น 1 ปี ก็จะได้เงิน 120,000 บาท หากทำแบบนี้ 10 ล้านคน จะได้เงิน 1.2 ล้านล้าน เท่ากับ 8% ของ GDP ซึ่งเป็นเงินที่สูงมาก รัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าพูดว่าจะทำให้เศรษฐกิจโตได้ถึง 8% ฉะนั้นหากเอาแนวคิดนี้ไปใช้ก็มีโอกาสเป็นไปได้...หากทำได้ ช่องว่างการเหลื่อมล้ำก็ลดลง เพราะคนจนรวยขึ้น...
หากได้เป็นรัฐบาล สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกคือ คือ การจัดการปัญหา “หนี้ครัวเรือน” โดยเฉพาะ “หนี้นอกระบบ” ตำรวจและฝ่ายปกครอง ต้องเร่งจัดการให้ความเป็นธรรม ส่วนหนี้ในระบบก็ต้องมีการพูดคุยกันระหว่างสถาบันการเงิน
...
หลักการที่สำคัญ เราจะปล่อยให้คนเป็นหนี้ตายไม่ได้ เช่น หากปล่อยให้ SMEs ตาย นี่เศรษฐกิจไปไม่ได้ ทุกอย่างจบเลย... ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำ คือ การเจรจา พักต้น หรือลดดอก แต่เราจะออกนโยบายแบบเสื้อโหล ประกาศลดต้น ลดดอกเท่านั้น เท่านี้มันไม่ได้ เพราะรายละเอียดหนี้แต่ละคนไม่เหมือนกัน ฉะนั้นจึงต้องเข้ามาคุยกัน แต่สิ่งสำคัญคือปล่อยให้เขาธุรกิจเขาตายไม่ได้ เขาต้องเดินต่อไปได้ เศรษฐกิจถึงจะเดินหน้าไปได้ ถ้าธุรกิจเขาตาย เขาอาจจะเลือกเดินทางผิด ทำธุรกิจผิดกฎหมาย การช่วยเหลือธุรกิจเหล่านี้เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถออกมาตรการช่วยเหลือได้ และเราก็มี ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้เข้ามาช่วยดูแลทีมเศรษฐกิจของเรา การทำเรื่องหนี้ เราต้องยอมเหนื่อย เพราะชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน การจะแก้ปัญหาต้องลงมือไปทำจริงๆ เพราะชีวิตคน หนี้สิน มีความแตกต่างกัน
“เชื่อว่าจากนโยบายทั้งหมดนี้อาจจะต้องใช้เวลา 2-3 ปี จากนั้นภาพรวมประเทศเราจะดีขึ้น เพราะนอกจากการแก้หนี้แล้ว เรายังสนับสนุนให้ประชาชนมีรายได้ด้วยการใช้เกษตรขั้นสูง เราจะได้ SMEs ที่มีประสิทธิภาพ และขีดความสามารถสูงขึ้น เพียงเท่านี้ทุกคนก็สามารถจ่ายภาษีได้ เมื่อจ่ายภาษีได้ รัฐบาลก็มีรายได้มากขึ้น ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เพราะเราไม่เชื่อนโยบายประชานิยม ลด แลก แจก แถม (ยกเว้นเกิดภัยพิบัติ) เพราะเราทำมาแล้วกว่า 10 ปี ประเทศไม่ได้ดีขึ้นเลย เราต้องกลับมาเผชิญกับความเป็นจริง แก้ด้วยความรู้ และทำงานหนัก.
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านบทความที่น่าสนใจ