“มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ชื่อนี้ถูกพูดถึงในฐานะ “มือเศรษฐกิจ” และมีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด แม้การเลือกตั้งที่ผ่านมา กับพรรคเศรษฐกิจใหม่ เคยลั่นวาจาไว้ว่า จะไม่ร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ที่ทำรัฐประหาร และครองตำแหน่งนายกฯ ยาวนาน 8 ปี เป็นผู้นำ

แต่มาครั้งนี้ "ลุงมิ่ง" ย้ายฟาก มาอยู่พลังประชารัฐ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จรลีออกจาก "พลังประชารัฐ" แล้ว เหลือเพียง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “ลุงมิ่ง” จึงตัดสินใจเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ ตามคำชวนร่วมทีมเศรษฐกิจ ในตำแหน่ง “ผู้เชี่ยวชาญยุทธศาสตร์เฉพาะทาง” และเปิดตัวนโยบายฮือฮา ลดราคาน้ำมันเบนซิน 18 บาท ดีเซล 6 บาท

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ผู้เชี่ยวชาญยุทธศาสตร์เฉพาะทาง เปิดใจกับ ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ว่า ด้วยที่เรามีไมตรี กับคุณประวิตร มาตลอด ท่านคุยกับผมว่า อยากให้ผมเข้ามาช่วยเรื่องเศรษฐกิจ เพราะ “ประชาชน” เดือดร้อน และคุณเหมาะที่จะช่วยเหลือประชาชน เราจึงถามท่านตรงๆ ว่า พลังประชารัฐ มี พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ไหม “ลุงป้อม” ตอบว่า เขามาลากับผมแล้ว

“ที่ถามเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้สำคัญกับผม” ลุงมิ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

...

แจงละเอียดยิบ แผนกระชาก ลดราคาน้ำมัน

นายมิ่งขวัญ เล่าแนวคิดลดราคาน้ำมันว่า เพื่อความเข้าใจง่ายๆ จะขอใช้ราคาน้ำมัน เบนซิน 95 (อ้างอิงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566) ราคาน้ำมัน เบนซิน 44.06 บาท หากลดลง 18.07 บาท จะเหลือ 25.99 บาท และหากน้ำมันโลกลดลง ราคาก็จะลงกว่านี้... ในส่วนของราคาน้ำมันดีเซล ราคา 34.44 บาท ลดได้ 6.37 บาท คงเหลือ 28.07 บาท ทั้งนี้ราคาลดลงได้ต่างกัน เพราะโครงสร้างราคาแตกต่างกัน (ตามราคาโรงกลั่นสิงคโปร์ ที่กระทรวงพลังงานใช้อยู่)

การลดราคาน้ำมันขนาดนี้ มันลดเยอะมาก คนก็สงสัยว่า ทำได้ยังไง.. “ลุงมิ่ง” รู้ว่าสิ่งที่เอ่ยถึงนั้น เป็นไปได้ยาก แต่ก็มีวิธีการ โดยอธิบายว่า ความจริง โรงกลั่นน้ำมันของเรามีอยู่ที่ “ศรีราชา” แล้วทำไม เราจึงต้องใช้ราคาของสิงคโปร์ ฉะนั้น ส่วนต่างที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจาก “ค่าขนส่ง” และ “ค่าประกันภัย” ซึ่งถือว่าไม่ใช่ของจริงเลย ทั้งที่โรงกลั่นอยู่ศรีราชา - ระยอง แต่ไปสมมติว่าอยู่สิงคโปร์ ทำให้ต้นทุนที่เกิดขึ้น “แพงกว่าความเป็นจริง ฉะนั้น มีโอกาสที่ราคาน้ำมันลดลงเพิ่มขึ้นอีก 4 บาท

ลุงมิ่ง อธิบายต่อว่า ในส่วน ภาษีสรรพสามิต ภาษีมหาดไทย กองทุนน้ำมัน และ กองทุนอนุรักษ์พลังงาน สิ่งที่อยากจะชี้ให้เห็นคือ สรรพสามิต เก็บเงิน 6.50 บาท ต่อลิตร ถือว่าเก็บเยอะมาก ในขณะที่ “กองทุนน้ำมัน” เก็บลิตรละ 8.50 บาท แค่ภาษี 2 ตัวนี้ก็เป็นเงิน 15 บาทแล้ว คำถามคือ ต้องเสียภาษีตรงนี้เพื่ออะไร เวลานี้คนจนแทบไม่มีจะกินแล้ว ด้วยเหตุนี้ จะขอต่อสู้ ตัดทิ้งทั้ง 4 รายการ

ส่วนค่า “การตลาด” รัฐบาลก่อน ได้ลดค่าการตลาด จาก 3.11 บาท เหลือ 2 บาท ก็เอาเลขนี้มาคำนวณ ตามมติ กบง. (14 ก.พ.66) ทุกครั้งที่อธิบาย หรือ คิดยุทธศาสตร์ ทุกอย่างมันต้องชัดเจนแบบนี้ ไม่ใช่บอกแบบไม่มีที่มาที่ไป

ลุงมิ่ง ยืนยันว่า หากมี “โอกาส” เข้ามาเป็นรัฐบาล จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ โดยจะให้ “ความยุติธรรม” กับคนไทยทั้งประเทศ ว่าอาจจะลดราคา 22-23 บาท แบบนี้เข้าใจหรือยังว่า “เราทำเพื่อใคร..”

ภาษี และงบประมาณแผ่นดิน และแนวคิดการเพิ่มรายได้

นายมิ่งขวัญ อธิบายว่า เรากำลังทำงบประมาณแผ่นดิน มีหลักอยู่ 3 ประเภท
1. ภาษีงบประมาณขาดดุล
2. ภาษีงบประมาณสมดุล
3. ภาษีงบประมาณเกินดุล

นายมิ่งขวัญ ได้ยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจง่ายว่า ภาษีงบประมาณขาดดุล แปลภาษาบ้านๆ ยกตัวอย่าง ตั้งใจเก็บงบประมาณ 3 ล้านล้าน แต่ตั้งงบไว้ที่ 3.3 ล้านล้าน แปลว่า ใช้เงินเกินตัว 3 แสนล้าน

“ด้วยเหตุนี้ จึงมีการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ ในสภาว่า ท่านทำงบขาดดุล ไม่รู้กี่ล้านล้าน บาทแล้ว ท่านใช้เงินเกินตัว มีโอกาสทำให้ประเทศล้มละลาย ขณะที่ “หนี้สาธารณะ” ก็ถล่มทลายสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ แบบนี้ จะเรียกว่า ผู้นำที่แข็งแรง อย่าว่าแต่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเลย

ปี 2563 : เก็บภาษีน้ำมัน 2.24 แสนล้าน, ปี 64 เก็บได้ 2.03 แสนล้าน ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศลดภาษีน้ำมัน ทำให้เก็บรายได้เหลือ 1.67 แสนล้าน ในปี 2565 แปลว่า รายได้หายไปประมาณ 3.6 หมื่นล้าน

...

“เมื่อภาษีตรงนี้หาย แปลว่า ภาษีมูลค่าเพิ่มก็ต้องเก็บน้อยลงสิ...แต่ในปี 2565 กลับเก็บได้เพิ่มขึ้น คือ ปี 2563 เก็บได้ 7.4 แสนล้าน ปี 2564 เก็บ 7.9 แสนล้าน ปี 65 เก็บได้ 9.3 แสนล้าน แปลว่า ประชาชนมีเงินเหลือในกระเป๋ามากขึ้น ทำให้มีการใช้จ่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะใช้จ่ายซื้ออะไร ล้วนมีภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว ทุกคนต้องเสีย VAT เพราะเก็บมาตั้งแต่โรงงาน”

ผู้เชี่ยวชาญยุทธศาสตร์เฉพาะทาง กล่าวว่า ตัวเลข 9.3 แสนล้าน ถือเป็นตัวเลขมหัศจรรย์ เพราะเราได้เงิน 1.36 แสนล้าน เพิ่มขึ้น ตัวเลขตรงนี้ถือว่า “ชดเชย” ส่วนที่หายไปแล้ว 3.6 หมื่นล้าน นี่คือการคืนเงินเข้าไปในกระเป๋า ปรัชญา คือ 1. การเก็บภาษีมาเพื่อให้ประชาชนมีความสุข 2. เท่าเทียมกันหมด คนรวยจน จ่ายภาษีเท่ากัน และ 3. โปร่งใส นี่คือการคืนให้

ส่วนภาษี นิติบุคคล : คือ บริษัทห้างร้าน บางบริษัทใช้น้ำมันเยอะ นับพันล้าน แต่เมื่อมาดูตัวเลข เงินภาษีนิติบุคคล เก็บได้ รายปี 63 จำนวน 6 แสนล้าน ปี 64 เก็บได้ 6.2 แสนล้าน ปี 65 เก็บได้ 7.2 แสนล้าน ตรงนี้เพิ่มขึ้นอีก 1.03 แสนล้าน

...

“ถ้ารวมตัวเลข 2 ตัว นี้ เรียกว่ากำไร 2 แสนล้าน สิ่งที่อยากจะสื่อสาร ก็คือ การประกาศลดราคาน้ำมัน มันมีเหตุผลในการคิด ทุกอย่างมีตรรกะและเหตุผลรองรับ ทุกอย่างตอบโจทย์ด้วยชาร์ตแผ่นเดียว”

ที่ผ่านมา มีคำถามเกี่ยวมาตลอดว่า ทำไมเราต้องใช้ “ราคาน้ำมันสิงคโปร์” หากเราจะกลับมาใช้ตัวเลขของไทย ได้จริงหรือไม่ จะมีปัญหาอะไรตามมา นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ที่ผ่านมา ผมก็มีความรู้สึกเหมือนประชาชนทั่วไป หากจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ ก็ต้องเอา “อำนาจมาให้ผม”

ลดราคาน้ำมัน เงินในกระเป๋าเยอะขึ้น ไม่จำเป็นต้องแจกเงิน

นอกจากประเด็นเรื่องภาษีแล้ว นายมิ่งขวัญ ยังชวนดูตัวเลขผู้ใช้รถ ซึ่งถือเป็นผู้ใช้น้ำมันตัวจริงว่า ปัจจุบันมีรถจักรยานยนต์ ใช้น้ำมันเบนซิน มากกว่า 22 ล้านคัน หากลดราคาลง ลิตรละ 18 บาท จะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งมีข่าวว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่ใช้ จยย. มากที่สุดในโลก มากกว่า จีน หรือ อินเดีย ที่มีประชากรจำนวนมาก วิน จยย. ที่วันหนึ่งเติมน้ำมันหลายรอบ ราคาลดลงไป 1 ใน 3 เขาจะเหลือเงินเก็บมากขึ้นแค่ไหน

...

“หากเราเป็นรัฐบาลจริงๆ การประชุม ครม. วาระแรก ต้องเป็นการประชุมเรื่องลดราคาน้ำมัน ตามที่สัญญาไว้กับประชาชน จากนั้นก็จะตามด้วยมาตรการอีกกลุ่มใหญ่อีก 8-9 ข้อ ซึ่งมันจะตอบโจทย์ทั้งหมด หากทำได้จริง เงินในกระเป๋าประชาชนจะมีมากขึ้น การแจกเงินก็ไม่จำเป็น เพราะประชาชนมีเงินเหลืออยู่แล้ว" 

นายมิ่งขวัญ ทิ้งท้ายว่า เรื่องประกาศลดราคาน้ำมัน จะต้องทำทันที แต่...เราจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี หากครบ 1 ปี ราคาก็จะไม่เพิ่มขึ้น เพราะจะมีการตั้งคณะกรรมการในการศึกษาราคาน้ำมัน เช่น การอ้างอิงราคาน้ำมันจะอยู่ที่ไหน ไทยหรือสิงคโปร์ ต้องมีเหตุผลรองรับ โดยจะมีการพิจารณาราคาหน้าโรงกลั่น, มีการทบทวนการซื้อน้ำมันดิบ, ปริมาณน้ำมันต้องมีเพียงพอในการใช้ในประเทศ และสิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุด คือ การตั้งคณะกรรมการในการให้ความเป็นธรรมและช่วยเหลือเกษตรกร ปลูกพืชพลังงาน สิ่งสำคัญคือ คณะกรรมการเหล่านี้ จะต้องเสร็จภายใน 3 เดือน เราไม่ได้บอกว่าคนไทยใจร้อน...แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นประเทศชาติ รอไม่ได้

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

อ่านบทความที่น่าสนใจ