ตอนที่ 16
เพลินจิตดุด่าไม่พอใจแม่บ้านที่เชื่อฟังคำสั่งของจอมใจที่ให้งดน้ำส้มคั้น สำหรับประกิต จากนั้นเพลินจิตก็นำน้ำส้มคั้นไปกรอกปากประกิตด้วยตัวเอง โดยที่ประกิตไม่มีทางขัดขืน...
รุ่งขึ้นเป็นวันจัดงานเลี้ยงขอบคุณ สื่อมวลชน และคุณยุบลตั้งใจเปิดตัวอัศวินในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประชุมของสยามธารา อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ คุณยุบลยังประกาศหมั้นระหว่างอัศวินกับอุไรริสาด้วย ทำให้หลายคนตกใจ โดยเฉพาะกุลนั้นแทบช็อกถึงกับวิ่งร้องไห้ออกจากงานทันที จอมใจกับแก้วใสต้องรีบตามมาปลอบ อัศวินตามมาเพื่อจะอธิบาย แต่กุลไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น จอมใจจึงขวางอัศวินเต็มที่ ก่อนจะพากุลไปส่งที่บ้าน
กุลขอโทษแม่ทั้งน้ำตาที่ไม่เชื่อฟัง ถึงได้ถูกอัศวินหลอกลวงให้เสียใจแบบนี้ เพ็ญไม่ซ้ำเติมใดๆ ใช้ความรักปลุกปลอบลูกสาวด้วยความสงสาร ส่วนแก้วใส ขณะนั่งรถกลับออกไปกับจอมใจ เธอครุ่นคิดแต่เรื่องตัวเองกับชัชวิน ที่สุดน้ำตาก็เอ่อออกมาอย่างไม่ตั้งใจ จอมใจเหลือบเห็นซักด้วยความสงสัย แก้วใสจึงเปิดปากว่า สุดท้ายแล้วตนกับกุลก็คงมีสภาพไม่ต่างกัน จอมใจพยายามปลอบเพื่อนอย่าคิดมาก มันอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้
"จอม คิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ" เจอคำถามนี้ จอมใจถึงกับพูดไม่ออก "แก้วไม่อยากโกหกตัวเอง คุณชัชกับคุณวินมาจากครอบครัวเดียวกัน เส้นทางที่พวกเขาเดินมันจะต่างกันได้ยังไง พูดไปจอมก็คงไม่เข้าใจเพราะจอมเป็นคนเดียวในกลุ่มที่พวกอัครศิริยินดี ต้อนรับ"
"แก้วอย่าพูดแบบนี้สิ มันทำให้พวกเราห่างเหินจากกัน"
"ยอมรับ ความจริงเถอะจอม ยังไงแก้วกับกุลก็ต่างกับจอม"
คราวนี้จอมใจนิ่ง งัน ไปอย่างไม่รู้จะช่วยยังไงดี...
ส่วนที่สยามธารา ลลิลแสดงความยินดีกับอุไรริสาที่กำลังจะได้หมั้นกับอัศวินเร็วๆนี้ แต่พอเห็นสีหน้าอุไรริสาเหมือนไม่ยินดียินร้ายสักเท่าไหร่ ลลิลจึงออกปาก ซึ่งอุไรริสา ก็ยอมรับว่าเป็นเช่นนั้น คนอย่างตนถ้าจะหมั้นกับอัครศิริทั้งที ไม่น่าจะเป็นอัศวิน เพราะอัศวินด้อยที่สุดในสามหนุ่มหลานท่านประธาน คนอย่างตนน่าจะได้คนที่เด่นที่สุดเท่านั้น ซึ่ง ก็คือทศวินนั่นเอง
"แล้ว พี่ริสาจะทำยังไงล่ะคะ ในเมื่อทุกคนรู้แล้วว่าพี่ริสาจะหมั้นกับคุณวิน"
"ก็ หมั้นไปก่อนก็ได้ค่ะ แต่พอถึงวันแต่งงานพี่จะเป็นคนเลือกเจ้าบ่าวเอง"
"ลิ ลนึกว่าพี่ริสารักคุณวินซะอีก"
"ความรักสมัยนี้เขาใช้สมองรักค่ะ น้อง ลิล มีแต่พวกอ่อนแอเหลาะแหละเท่านั้นที่ยังใช้หัวใจอยู่" อุไรริสากล่าว อย่างมั่นใจ พร้อมๆกับมองลู่ทางให้ตัวเองไว้อย่างสวยงาม
ooooooo
เพลินจิต กับวิชายังจ้องเล่นงานทศวินไม่เลิก วันนี้สบโอกาสเรื่องลูกค้าวีไอพีกลุ่มใหญ่ที่เข้ามาพัก ทั้งคู่รวมหัวกันทำให้ทศวินทำงานผิดพลาดรับผิดชอบลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้ โดยใช้ชัชวินเป็นเครื่องมือ ลูกค้ากลุ่มนี้โกรธมาก ประกาศจะไม่มาใช้บริการที่นี่อีก และ ยังจะบอกต่อๆให้ลูกค้าอื่นรู้ด้วย พวกเขาจะต้องแอนตี้สยามธารากันหมดแน่
จากความผิดพลาดครั้งนี้ เพลินจิตบีบทศวินต้องรับผิดชอบ เมื่อถูกคุณยุบลเรียกเข้าพบพร้อมกันทั้งทศวินและชัชวิน จึงเกิดการไล่เรียงกันขึ้น ที่สุดทศวินก็ยืดอกรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่คุณยุบลไม่อนุมัติ เพราะเธอไม่ชอบคนหนีปัญหา ให้ทศวินไปคิดอ่านว่าจะทำอย่างไรให้แขกกลุ่มนี้พอใจและกลับมาใช้บริการของ เราอีก
แล้วทศวินก็ทำสำเร็จในเวลาชั่วข้ามคืน เขาลงมือทำขนมไทย โดยมีจอมใจ กุล และแก้วใสมาช่วยอย่างเต็มที่ บวกกับลูกค้าได้สิทธิพิเศษในการพักฟรี ลูกค้ากลุ่มนี้จึงพออกพอใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะฝีมือทำขนมไทยของทศวิน ทุกคนได้ชิมถึงกับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมากๆ
เพลินจิตสุด เจ็บใจที่ทศวินรอดไปได้ พอทศวินกลับถึงบ้านในตอนค่ำ เพลินจิตยังไม่วายพูดแขวะเขาอีก
"เธอทำได้ดีนี่ ดีจนไม่น่าเชื่อว่าจะรอดมาได้ ต้องถือว่าโชคดี"
"ถ้าผมทำดีแล้วรอด ไม่ถือว่าโชคดีหรอกครับ ต้องคนบางคนที่ทำไม่ดีแต่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้สิครับ ที่สมควรเรียกว่าโชคดี"
"ทศวิน เธอว่าใคร" เพลินจิตขึ้นเสียง
"คุณ อาจะตื่นเต้นทำไม เคยทำอะไรไว้เหรอครับ"
"เธอพูดให้ดีๆนะ จะมาปรักปรำฉันส่งเดชไม่ได้"
"ใจเย็นๆครับคุณอา ผมยังไม่ได้ว่าอะไรใครเลยนะครับ"
เพลินจิตโมโหสะบัดพรืดออกจากห้องไป ทศวินหยิบกุญแจที่ได้จากกรอบรูปพ่อมาดูอีกครั้ง ค่อนข้างมั่นใจว่ามันต้องไขปมต่างๆได้ ส่วนเพลินจิตแจ้นไปหาวิชาเพราะหวาดระแวง คำพูดทศวินที่เหมือนมีหลักฐานอะไร ถึงได้กล้าพูดกับเธอแบบนี้
"เป็นไปไม่ได้ มันจะมีหลักฐานอะไร ผมว่ามันขู่คุณมากกว่า ถ้ามันมีจริงมันคงเล่นงานเราไปแล้ว"
"ประมาท ไม่ได้นะวิชา ถ้ามันไม่เจออะไรบ้างมันคงไม่กล้าขู่ฉัน"
"ถ้าอย่าง นั้นมันเจออะไร" วิชาครุ่นคิดสงสัยหนัก...
ooooooo
เช้านี้ ชัชวินเดินดักหน้าดักหลังแก้วใส และตัดพ้อเธอว่า แฟนเขาหาย หาที่ไหนก็ไม่เจอ โทร.ไปก็ไม่รับ...แก้วใสอึกอักเล็กน้อย อ้างว่าช่วงนี้ยุ่งๆ แท้ที่จริงเธอต้องการหลบเขามากกว่า เพราะไม่อยากเจอปัญหาเดียวกับกุล
"ไม่ใช่เพราะแก้วคอยหลบผมหรอกเหรอ"
"แก้วไม่มีเหตุผลที่ต้องหลบคุณ"
"ก็นั่นน่ะสิครับ แต่ถ้าน้องแก้วยุ่งจนไม่มีเวลารับโทรศัพท์ผมจริงๆ ทำไมถึงมีเวลาไปคุยกับนายทศ" แก้วใสอึ้งตอบไม่ถูก "ตอนนั้นก็ไปซื้อขนมกัน วันที่นายทศทำขนมให้ลูกค้า แก้วก็ไปช่วย วันรุ่งขึ้นแก้วก็ไปแจกขนมอีก"
"คุณ ชัช คุณกำลังไม่มีเหตุผลนะคะ คุณทศเป็นเหมือนอาจารย์ของพวกเรา แล้วที่พวกเราทำทุกอย่างก็เพื่อสยามธารา คุณต่างหากไปอยู่ไหนมา"
"น้อง แก้ว ทำไมต้องโกรธผมขนาดนี้ล่ะครับ โอ๋ๆ ผมขอโทษก็ได้ที่ไม่มีเหตุผล ก็ผมคิดถึงน้องแก้วนี่นา เอายังงี้ วันนี้เราไปทานข้าวกันดีกว่านะครับ ชวนจอมกับกุลไปด้วยก็ได้นะครับ"
"อย่าดีกว่าค่ะ แก้วต้องกลับไปทำขนม" พูดจบเธอเดินหนีเขาทันที ชัชวินหน้าจ๋อยผิดหวัง ลลิลที่แอบฟังอยู่รีบเดินยิ้มเข้ามาเสนอตัว
"ยายแก้วเขาต้องไปทำขนม แต่ลิลว่างนะคะ เย็นนี้ถ้าคุณชัชอยากหาเพื่อนไปทานข้าวด้วย"
"เปล่า นี่ครับ ไม่ได้อยากไปไหน คุณลิลอย่าลืมเอารายงานสรุปฟังก์ชันงานอาทิตย์หน้าให้ผมด้วย" ชัชวินทำให้ลลิลหน้าแตกยับเยิน แทบจะร้องกรี๊ดออกมา...
จากนั้นในตอน กลางวัน ลลิลไปฟ้องแม่ของเธอที่นัดช็อปปิ้งกับเพลินจิตและอุไรริสาที่ห้างสรรพสินค้า หาว่าชัชวินไม่ให้เกียรติเธอสักนิด เธอชักจะทนไม่ไหวแล้ว ลลิตาเองก็เข้าข้างลูก ถามเพลินจิตว่าลูกของตนมีอะไรเสียหาย ทำไมชัชวินถึงทำอย่างนี้
"ตาชัชนะตาชัช ทำไมถึงดื้อแบบนี้ น้านึกว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ"
"งานนี้ถ้าเราห้ามคุณชัชไม่ได้ ก็เปลี่ยนเป้าหมายสิคะ"
"หนูริสาหมายความว่ายังไงจ๊ะ"
"เรา ต้องบีบให้นังเด็กแก้วใสนั่นเดินออกไปจากคุณชัชเอง"
"มันจะเป็นไปได้ ยังไงคะ จนเป็นหนูข้างถนนอย่างมันไม่มีวันปล่อยถังข้าวสารอย่างตาชัชไปง่ายๆหรอก"
"ไม่ ง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินไปหรอกค่ะ เราแค่ต้องรู้จุดอ่อนมัน แล้วเล่นงานมันให้ถูกที่เท่านั้นเอง"
อุไรริสายิ้มพรายอย่างมี แผน...แล้วหลังจากนั้นกลับเข้าสยามธารา เพลินจิตก็ตามตัวแก้วใสมาพบในห้องทำงาน โดยมีอุไรริสากับลลิลสุมหัวอยู่ด้วย
"ตอน แรกฉันยอมรับว่าไม่ชอบเธอ แต่ตาชัชน่ะสิเล่าเรื่องเธอให้ฟังทุกวันๆ ฉันก็เลยคิดว่าน่าจะลองให้โอกาสเธอบ้าง บางทีฉันอาจจะมองเธอผิดไป"
"พี่ เองพอได้คุยกับน้องแก้วแล้วก็ถูกชะตาม้ากมาก รู้เลยว่าทำไมคุณชัชถึงเลือกน้องแก้ว ก็เลยอยากให้ทุกคนมองน้องแก้วซะใหม่ ที่ผ่านมาหวังว่าน้องแก้วคงไม่โกรธพวกเรานะคะ"
"แก้วไม่เคยโกรธใคร เลยค่ะ ต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่ทุกคนให้โอกาสแก้ว"
"อู๊ย...แม่พระจริงๆ เด็กคนนี้" ว่าแล้วเพลินจิตหันมายิ้มสบตากับอุไรริสาอย่างรู้กัน
"งั้น ดีเลย วันหยุดนี้พี่จะเลี้ยงดินเนอร์น้องๆของพี่ทุกคน พี่อยากให้แก้วมาด้วย"
"เอ่อ...แก้ว...แก้วคิดว่างานนี้คงไม่เหมาะ กับแก้วหรอกค่ะ"
"ไปเถอะจ้ะ งานนี้หนูจะได้เพื่อนใหม่อีกเยอะ เป็นงานเลี้ยงเฉพาะพวกผู้หญิงวัยรุ่นในแวดวงสังคมชั้นสูง"
"ถ้าเธอ ปฏิเสธแสดงว่ายังไม่ยอมรับพวกเรา"
"ไม่ใช่นะคะ แต่สภาพแก้วคงไม่เหมาะที่จะไปงานพวกนั้นหรอกค่ะ"
"ถ้าหนูอยากจะเดิน คู่กับชัชวินจริงๆ หนูก็ต้องหัดเข้าสังคมเอาไว้นะจ๊ะ"
"ไม่ต้องห่วง นะ พี่จะดูแลแก้วเอง ไม่ยอมให้น้อยหน้าใครเด็ดขาด"
แก้วใสเคลิ้มไป เหมือนกันกับคำพูดหวานๆ จนไม่เห็นสายตาชั่วร้ายของทั้งสามคนที่ส่งให้กันเบื้องหลัง...แล้วบ่ายนี้ เอง อุไรริสากับลลิลก็พาแก้วใสไปซื้อเสื้อผ้า รองเท้า แล้วพรุ่งนี้บ่ายสามจะไปรับมาแต่งตัวที่บ้านอุไรริสา เอาให้สวยปิ๊งเข้ากลุ่มกับลูกคุณหนูไฮโซได้อย่างไม่เคอะเขิน แต่มีข้อแม้นิดหนึ่งว่าห้ามแก้วใสบอกเรื่องนี้กับจอมใจและกุล
"อ้าว ทำไมล่ะคะพี่ริสา"
"ก็อยากเซอร์ไพรส์คุณชัชน่ะจ้ะ นะจ๊ะแก้ว อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะสนิทแค่ไหนก็ตาม แล้วพอถึงเวลา เราจะเปิดตัวแก้วในฐานะคนรักของคุณชัชอย่างสวยงามเลย"
"แม้แต่ จอมกับกุลเหรอคะ ว้า...แก้วว่าจะขออนุญาตชวนจอมกับกุลไปด้วย"
"ไว้ งานหน้าดีกว่านะคะ งานพรุ่งนี้เป็นซิทดาวน์ดินเนอร์ จำกัดจำนวนคนไว้แน่นอน น้องแก้วเป็นแขกคนสุดท้ายพอดี คนอื่นมาก็ไม่มีที่ให้นั่งแล้วจ้ะ พี่ว่าทางที่ดี แก้วอย่าเพิ่งบอกใครเลยจะดีกว่านะ"
"แก้วชักจะกลัวๆ ซะแล้วสิคะ"
"ไม่ต้องกลัวหรอกแก้ว คิดซะว่ามันก็แค่เป็นการทานอาหารธรรมดาๆ เพียงแต่เป็นอาหารยุโรปแบบ Full Course เขาวางอะไรให้ทานก็ทานแค่นั้น...จบ"
"Full Course เหรอ" แก้วใสทวนคำอย่างหวั่นๆ
พอรุ่งขึ้น แก้วใสจึงโทร.ไปหาจอมใจอยากให้สอนวิธีกินอาหารแบบยุโรป จอมใจกำลังมีปาร์ตี้กับที่บ้านเลยไม่ สะดวกสอนให้ จึงแนะนำให้ไปฝึกจากเชฟเต่า แต่ก็อดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ว่าแก้วใสจะเรียนไปทำไม แก้วใสพูดอึกๆอักๆว่าแค่อยากเรียนรู้เฉยๆ จากนั้นขอตัวไปโรงแรมก่อน
ปรากฏ ว่าเชฟเต่าก็งานล้นมือ แก้วใสเลยจ๋อยนั่งหน้าเหี่ยว ทศวินผ่านมาเห็น พอรู้ว่าแก้วใสต้องการอะไร ซึ่งไม่เหลือบ่า กว่าแรงของเขา จึงเปิดห้องอาหารสอนให้ทันที ชัชวินแอบเห็นความใกล้ชิดสนิทสนมของทั้งคู่ เฝ้ามองอย่างไม่ชอบใจ
เมื่อถึงเวลาไปงานปาร์ตี้ไฮโซ แก้วใสแต่งตัวสวยหรูไม่แตกต่างจากคุณหนูทั้งหลาย แถมเรื่องการกินอาหารที่ว่ายาก แก้วใสก็ทำได้เนียนจนน่าทึ่ง แต่แล้วอุไรริสากับลลิลก็หาทางฉีกหน้าแก้วใสจนได้ เผยข้อมูลของแก้วใสว่าเป็นแม่ค้าขายขนมอยู่กับยายจนๆ ที่สติไม่ค่อยดี ทุกคนได้ฟังถึงกับหัวเราะเยาะกันใหญ่ แก้วใสโกรธมากลุกพรวดขึ้นต่อว่าอุไรริสากับลลิลทันที
"นี่มันเป็นแผน ของเธอสองคนใช่ไหม เธอสองคนต้องการจะฉีกหน้าฉันยังงั้นเหรอ"
"เข้าใจ อะไรผิดรึเปล่าจ๊ะ คนระดับเธอมีหน้าให้พวกฉันฉีกเล่นด้วยเหรอ สำคัญตัวผิดไปรึเปล่า แค่คุณชัชเขาให้ความสำคัญกับเธอนิดหน่อยก็ไม่ได้แปลว่ามันจะเปลี่ยนกำพืดเธอ ได้หรอกนะ" ลลิลตอกย้ำ ส่วนคุณหนูอีกคนในกลุ่มก็ชี้หน้าว่าแก้วใส
"ที่แท้ เธอก็แอบแฝงมาเข้ากลุ่มกับพวกเรางั้นเหรอ"
"ฉันไม่ได้อยากมางานนี้ ฉันโดนสองคนนี้หลอกมา แล้วฉันก็ไม่เคยลืมว่าฉันเป็นใครมาจากไหน ใช่ ยายฉันทำขนมขาย แต่ยายฉันก็ไม่ได้น่ารังเกียจอย่างพวกผู้ดีจอมปลอมที่เอาแต่ดูถูกคนอื่น หรอก"
"ระวังกิริยาและคำพูดไว้หน่อยนะจ๊ะแก้วใส" อุไรริสายิ้มเย็น "คนที่นี่เขาไม่คุ้นกับท่าทางข้างถนนของเธอหรอกนะจ๊ะ แล้วก็อย่าพูดว่าเธอไม่อยากมางานนี้ เพราะไม่มีใครเขาบังคับเธอมาได้ แค่ที่เธอพยายามจับคุณชัช มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเธออยากยกระดับตัวเองขึ้นมาใจจะขาด นี่ฉันก็สงเคราะห์ ให้ไง มาให้เห็นจะได้รู้ว่าแม่ค้าขนมอย่างเธอไม่คู่ควรกับสังคมชั้นสูงเลยซักนิดเดียว"
หลังจากตุลย์ส่งไอ้โชคกับไอ้ชัยไปดักเล่นงานปวีร์ถึงพัทยา แต่มันทั้งสองกลับตกอยู่ในอาการร่อแร่ ต้องเข้าไปนอนไอซียูโรงพยาบาล...นายปวีร์ก็ได้รับบาดเจ็บด้วย แต่เสี่ยปรีชากลับซักตุลย์ด้วยความเป็นห่วงว่า ลูกน้องมือปืนจะซัดทอดเข้าให้ ตุลย์รับรองมันทั้งสองซื่อสัตย์ ไม่เปิดปากแน่ เสี่ยเตือนตุลย์ว่าควรจะพอแล้ว ปล่อยนายวีร์กับผู้หญิงคนนั้นไปดีกว่า
"ปล่อยได้ไงป๊ะป๋า คนอย่างผมจะเอาอะไรต้องได้"
"ป๋าไม่ได้สนับสนุนนะ แต่จะทำอะไร ก็ทำให้รอบคอบ อย่าให้ต้องเดือดร้อนมาถึงบ้านเรา"
"ครับ ป๊ะป๋า...มันคงถึงเวลาที่ผมจะต้องจัดการมันด้วยมือของผมเองแล้วล่ะ"
มือ ถือเสี่ยดังขึ้น เสียงผู้พันปยุตคำรามใส่ ปรีชารีบทักทายสบายดีหรือ?
"ผม สบายดี แต่ลูกชายผมยังเจ็บอยู่นิดหน่อย" พอเสี่ยทำเป็นซักว่า ลูกชายผู้พันเป็นอะไร จึงถูกว้ากเพ้ย
"อยากรู้ไปถามลูกชายเสี่ยดู สิ"
เสี่ยหันมายิ้มกับตุลย์ บอกให้รู้ว่างานเข้าแล้ว...เสี่ยหันไปพูดว่า ไม่รู้เรื่องเลย
"ฟังนะ เสี่ย ถึงลูกน้องจะให้การสารภาพตัดตอนว่าเสี่ยไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่ผมรู้นะว่าใครบงการ"
"เดี๋ยวผู้พัน เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า...มีหลักฐานอะไรมาว่าลูกชายผมแบบนี้ ผมฟ้องผู้พันได้นะ"
"เสี่ยจะทำอะไรก็ตามใจ ฟังให้ดีนะ ผมทหารเก่า รักสงบ แต่ไม่แปลว่าจะไม่ตอบโต้คนที่มาทำร้ายครอบครัวผมก่อน"
"นี่ ผู้พันขู่ผมเหรอ" เสี่ยปรีชาเริ่มจะออกงิ้ว
"ถ้าเสี่ยกับลูกชายมา วุ่นวายลูกชายผมอีก ผมก็จะทำให้ รู้ว่า ผมแค่ขู่ หรือว่า...เอาจริง" ว่าแล้วปยุตปิดมือถือ แต่พอหันไปเห็นคุณหญิงเดินย้ายบั้นท้ายมา จึงทำหน้าปกติ ฟังเมียรายงาน
"ไอ้สองคนที่โดนจับมันสารภาพว่ามันยิง ตาปวีร์เพื่อจะฉุดยายไอไปทำมิดีมิร้าย...แล้วทำไมผู้พันยังมั่นใจว่าเป็น ลูกชายเสี่ยปรีชาล่ะ"
"ก็เพราะผมกับไอ้ปวีร์มันไม่โง่น่ะสิ" ปยุตกระแทกเสียงใส่แล้วเดินหนี คุณหญิงมองตามงงๆ
ส่วนเสี่ยปรีชา เครียดจัด หันไปสั่งลูกชาย
"ช่วงนี้ตุลย์ต้องเก็บตัวอยู่เงียบๆก่อน หลบหน้าลูกชายผู้พันไว้...เข้าใจไหม"
ตุลย์เห็นท่าทีเครียดของป๊ะป๋า แล้วแค้น จำต้องรับคำเอาตัวรอดไว้ก่อน...
ooooooo
ปวีร์นั่ง เหยียดขาที่ถูกยิงพาดตั่งเล็กๆ มีไม้ค้ำยันวางอยู่ใกล้ๆ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มาตติกากับรุจน์ ที่มาเยี่ยมฟัง...บอกว่าอาการของไอ้สองคนนั่นก็สาหัส ดีที่หมอช่วยชีวิตไว้ทัน ทั้งสองหนุ่มสาวชมว่าปวีร์เก่ง สู้ปืนด้วยมือเปล่า ปวีร์ได้ทีโม้เพื่อชาติไปเลย
"คิดดู...มันมีปืน ผมมีมือเปล่าเป็นกำปั้น มีเลือดนักสู้ ข้นคลั่ก ผมลุยไม่กลัวตาย ขนาดถูกยิงขา ผมยังซัดมันหมอบ กระแต แน่นิ่งไปเลย"
"ปวีร์ขาาาา..." เสียงเมษาดังมา แล้วลากเสียงยาวเป็น กิโลห้าขีด...ผวาไปหาปวีร์ เขาต้องรีบเบี่ยงขาที่เจ็บหนี "คุณถูกยิงทำไมไม่บอกษาล่ะคะ ใจร้ายแท้...นี่ถ้าเมษาไม่โทร.เข้าบ้านคุณก็ไม่รู้เรื่องใช่ไหม"
จาก นั้นเมษาก็เล่นบทห่วงใยไล่ดูแผล ซักจนปากแฉะแล้วแช่งไอ้คนที่มันทำให้มันวอดวายตายโหง ทั้งตัวมันญาติมัน อย่าได้ไปผุดไปเกิดเป็นลิงเป็นค่างอีกต่อไป...ปวีร์อ้าปากแต่พูดไม่ทัน ได้แต่นั่งหุบ...มาตติกากับรุจน์ยิ้มออกมาได้ เมื่อธราดลหอบกระเช้าผักผลไม้และหนังสือธรรมะมาเยี่ยมคนไข้ ทักทายมาตติกา รุจน์ และเมษาเป็นคนสุดท้าย...เขาสั่งปวีร์ให้กินผลไม้ กินผัก แล้วอ่านหนังสือธรรมะเสียบ้าง รุจน์กับมาตติกาเห็นเป็นจังหวะดี จึงถือ
โอกาสลากลับ...
ธราดลมองตามทั้งสองไป รีบหันไปบอกปวีร์ว่า เห็นทั้งสองเกี่ยวก้อยเดินกันไปอย่างไม่ขัดเขิน จึงให้ปวีร์ดู แล้วหาวิธีให้เมษาออกไปซื้อยาที่จำเป็นมาให้ปวีร์...เมื่อเมษาไปแล้ว ธราดลจึงเปิดปากข้องใจว่า ปวีร์ชอบมาตติกา เหตุไฉนมาตติกาจึงเกี่ยวก้อยร้อยหัวใจกับนายรุจน์ล่ะ ปวีร์ไม่รู้สึกอะไร
"นี่ แกถูกยิงที่ขา มันกระเทือนถึงสมองรึไงวะ จึงไม่รู้สึกรู้สา" แต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้ ร้องลั่น "อ๋อ...ข้าว่าแล้ว นี่แกไม่ได้รักคุณมาตแล้ว...โธ่เอ๊ย...ตาเถรกับยายชี...มิน่า...เพราะแก อุตริเริ่มรักเมียตัวเองขึ้นมาแล้วไง แกรักคุณไอจริงๆด้วยว่ะ" ธราดลจ้องตาปวีร์เขม็ง ปวีร์พูดไม่ออก ได้แต่กลอกลูกตา...
ปวีร์ถูก ธราดลดักคอว่า เกิดอุตริมาหลงรักเมียตัวเองขึ้นมา จะบ้าบอยังไงกันเนี่ย...แล้วไม่รู้ว่าตัวเองรักใคร มันบ้าไหม...
เมื่อ ปวีร์นั่งคิดนอนคิดคนเดียว มองไปเห็นโบรชัวร์แจก แจงว่าศูนย์ฮอตไลน์เขาทำอะไรน่าสนใจ สายตาปวีร์มาหยุดที่การปรึกษาปัญหาชีวิต จึงนั่งนิ่งขึงตะลึงงัน...
"เรา จะโทร.ไปปรึกษาปัญหาชีวิตดีไหมหวา?"
ooooooo
ไอรดาไปหาปุ๊ กกี้ที่ศูนย์ฮอตไลน์...ด้วยความที่ไม่ได้มาช่วยงานปรึกษาปัญหาชีวิตให้กับ ศูนย์ของปุ๊กกี้นานแล้ว ไอรดาจึงสวมหูฟัง นั่งรับสายให้เพื่อน จนกระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมงจึงขอตัวกลับ ปุ๊กกี้จึงกระเซ้าว่าสามีโทร.ตาม จะรีบกลับไปดูแลสามีละสิ ไอรดารีบปัดทันทีว่า รายนั้นนอกจากไม่โทร.แล้ว เธอจะไปไหนมาไหนไม่เคยรับรู้ ยิ่งมาทำงานที่นี่ ไม่มีวันสนเลย...