ตอนที่ 15
อุไรริสายังคงราวีพูดจาเสียดสีกุลไม่หยุดหย่อน จนกุลไม่อยากเข้าใกล้อัศวินให้เกิดปัญหา ได้แต่หลบไปร้องไห้คนเดียวอย่างเจ็บใจและเสียใจ
ส่วนทศวินที่ขะมักเขม้นในการทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากคุณย่า เย็นวันนี้เขาตรวจสอบเจอความไม่ชอบ มาพากลในการสั่งซื้อรถเข็นกระเป๋าของปีที่แล้วกับปีก่อน แล้วปีนี้ยังสั่งเพิ่มอีก รวมสามปีเป็นเงินหกแสน ทศวินสงสัยว่าทำไมต้องซื้อทุกปี จึงเชิญอาสุมนามาสอบถามฐานะอยู่ฝ่ายบัญชี ปรากฏว่าสุมนาเองก็รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกัน แต่เคยซักเพลินจิตที่เป็นคนจัดซื้อ เพลินจิตกลับหาว่าสุมนาก้าวก่ายงานของเธอ
ทศวินกัดไม่ปล่อย เขาลงไปซักถามหัวหน้าเบลบอย จึงรู้ว่ารถเข็นกระเป๋ามีสี่คัน แต่ใช้ได้แค่สองคัน อีกสองคันล้อหักใช้งานไม่ได้ พอทศวินท้วงว่า มันใช้งานแค่ปีเดียว หมอนั่นถึงกับหน้าจ๋อยไม่กล้าสบตา แล้วทศวินก็ให้เขาพาไปยังห้องเก็บของ พบว่าล้อรถเข็นกระเป๋าหักจริง แต่สภาพมันเหมือนมีการจงใจให้พังมากกว่าใช้งานจนพัง
ถูกทศวินไล่บี้เข้าแบบนี้ หัวหน้าเบลบอยถึงกับพูดอะไรไม่ออก นอกจากคำขอโทษ และสารภาพว่าตนผิดไปแล้ว
"ถ้าคุณพูดความจริง ผมจะลงโทษคุณแค่พักงานและ ตัดเงินเดือน" ทศวินขึงขังเอาจริง จนหมอนั่นหน้าซีดเหงื่อตก...
เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานทำให้ทศวินลืมนัดจอมใจเสียสนิท ปล่อยให้จอมใจไปรอเก้อที่ร้านอาหาร โทร.เข้ามือถือเขาหลายครั้งก็ไม่รับ ที่สุดจอมใจก็ตัดสินใจกลับบ้านด้วยความหงุดหงิดโมโห ทศวินกลับมาที่ห้องทำงานเห็นมือถือที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะมีห้าสายไม่ได้รับ เป็นของจอมใจ จึงรีบโทร.ออกทันที แต่จอมใจไม่ยอมรับ เลยบึ่งรถไปที่ร้านอาหาร ก่อนจะลองโทร.ใหม่อีกครั้ง ปรากฏว่าจอมใจปิดเครื่องไปแล้ว
จอมใจถึงบ้านก็โซ้ยเอาๆ เพราะหิวจัด จนพ่อแม่ซักถามอย่างแปลกใจ จอมใจไม่ยอมเล่าอะไรทั้งนั้น พูดแต่ว่าอยากย้ายไปฝึกงานแผนกอื่น แม่เลยเดาว่าทะเลาะกับทศวิน จอมใจบอกว่าเวลาจะคุยกันยังแทบไม่มี จะเอาเรื่องอะไรมาทะเลาะกัน พูดจบก็ขอ
ตัวขึ้นห้องนอนทันที ทิ้งให้พ่อแม่ได้แต่นั่งมองหน้ากันงงๆ
ด้านอัศวินตั้งใจจะง้อไปส่งกุล แต่ก็ถูกอุไรริสาเข้ามาขัดขวางและหลอกพาเขาไปกินข้าวกับลูกค้า อัศวินพอรู้ว่าโดนหลอกก็ไม่พอใจ ขากลับจึงไม่ยอมไปส่งอุไรริสา อ้างว่ามีธุระ อุไรริสาโกรธแทบเต้น แน่ใจเขาต้องไปหากุลแน่ๆ อัศวิน ขับรถไปบ้านกุลจริงๆ แต่ไม่กล้ากดออดเรียก ได้แต่แขวนช่อดอกไม้ไว้กับประตูรั้ว กุลแอบมองเขาอยู่ในบ้าน เดินหน้าเศร้าออกมาหยิบดอกไม้ทิ้งลงถังขยะอย่างตัดใจ
จอมใจนอนกระสับกระส่ายหลับไม่ลง คิดวนเวียนแต่เรื่องทศวินเบี้ยวนัด และบอกตัวเองว่า ความผิดครั้งนี้เธอจะไม่ให้อภัยเขาแน่ๆ หารู้ไม่ว่า ทศวินมายืนชะเง้ออยู่หน้าบ้าน พยายามโทร.เข้ามือถือของเธอ แต่เครื่องยังปิดอยู่เช่นเดิม ทศวินถึงกับอมยิ้มส่ายหน้ากับความขี้งอนเป็นเด็กๆของจอมใจ
รุ่งเช้าไปทำงาน จอมใจทำเมินไม่มองทศวินที่เดินเข้ามาส่งเอกสารงานให้ ทศวินเลยต้องหมุนเก้าอี้จอมใจให้หันมาเผชิญหน้า แล้วขอโทษเรื่องเมื่อวาน แต่จอมใจก็ยังหน้าง้ำ ยิ่งได้ยินเขาพูดว่าไม่ชอบทะเลาะกับคนที่มีนิสัยเด็กๆ จอมใจยิ่งฉุน สวนทันควันว่าใครกันแน่ที่เด็ก นัดแล้วก็ผิดนัด
"ฉันก็ไม่อยากผิดนัด แต่มันมีงานด่วนที่ต้องตรวจสอบ ฉันขอโทษเธออีกครั้งที่ไม่ได้บอกก่อน"
"ถ้าคุณพูดจบแล้วฉันจะทำงาน"
"ยังไม่จบ ฉันอยากจะขอแก้ตัววันนี้ ฉันจองโต๊ะไว้ที่..." ทศวินพูดไม่ทันจบ เลขาฯเข้ามาแทรก รายงานว่าคุณเพลินจิตมาแล้ว ทศวินจึงผละไปอย่างเร่งรีบ ทำให้จอมใจเซ็งหนักขึ้นไปอีก เพราะแค่คุยยังไม่มีเวลา แล้วยังจะมีหน้ามาขอแก้ตัว...
ทศวินนำเอกสารจัดซื้อรถเข็นกระเป๋าไปพบเพลินจิตที่ห้องทำงาน เพลินจิตดูเอกสารนั้นเสร็จก็โยนลงบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์
"นี่เธอขอพบอา กะอีแค่เรื่องรถเข็นกระเป๋าเนี่ยเหรอ"
"ใช่ครับ"
วัวสันหลังหวะอย่างเพลินจิตกับวิชามองหน้ากันหวั่นๆ แต่พยายามทำใจดีสู้เสือ วิชาอธิบายว่าทุกอย่างทำถูกต้องตามขั้นตอน ทางแผนกฟร้อนท์ทำเรื่องมา ทางเราก็จัดซื้อให้ พอทศวินท้วงว่า ปีก่อนเราเพิ่งสั่งซื้อไปสองคัน วิชาก็ว่ารถสองคันนั้นเสียไป
แล้ว
"ผมเห็นกับตาแล้วว่ารถที่ใช้เพียงปีเดียวเสียทั้งสองคัน ซึ่งคงไม่เกิดขึ้นกับโรงแรมอื่น และผมก็รู้มาว่ารถอีกสองคันที่ใช้อยู่ก็กำลังจะเสีย ทั้งๆที่สภาพมันยังดีอยู่มาก"
วิชาจ๋อยเถียงไม่ออก เพลินจิตพยายามโบ้ยเอาตัวรอด ให้ทศวินไปคุยกับแผนกเบลที่ไม่รักษาของ
"ผมจัดการทุกอย่างไปแล้วครับ แต่ที่ผมสงสัยคือทำไมเราไม่เปลี่ยนเป็นรถยี่ห้ออื่นแบบอื่น ทำไมต้องซื้อกับบริษัทเดิม รุ่นเดิม ถ้าผมคุมแผนกจัดซื้อผมคงจะเปิดให้บริษัทอื่น มาเสนอราคา"
"เธอกำลังก้าวก่ายงานของอานะ" เพลินจิตเริ่มเสียงดัง
"ผมกำลังทำหน้าที่จีเอ็มที่ดีต่างหากครับ ผมสืบทราบมาว่าบริษัทนี้เป็นของเพื่อนคุณอา เคาน์เตอร์เบลได้รับแจกเงินจากบริษัทนี้คนละสองพันบาทเพื่อทำให้รถพังแล้วจะ ได้สั่งซื้อใหม่ เพียงแต่ผมยังหาหลักฐานไม่ได้ว่าคนในคนไหนที่เป็นไส้ศึกแนะนำให้เขาทำแบบนี้ ถ้าผมรู้ผมไม่เอาไว้แน่"
เพลินจิตโกรธแทบกระอัก ถามตัดบทว่าหมดธุระของเธอแล้วใช่ไหม?
"ผมหวังว่าจากนี้ไปแผนกจัดซื้อของคุณอาจะทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของสยาม ธารามากกว่าที่เคยนะครับ" ทศวินทิ้งท้ายก่อนลุกเดินออกไป เพลินจิตมองตามด้วยสายตาอาฆาตแค้น วิชาเองก็โกรธจนกำมือแน่น เมื่อเพลินจิตตั้งคำถามกับวิชาว่าเมื่อ
ไหร่จะจัดการมัน วิชาให้ใจเย็นๆ เพราะกำจัดไอ้นี่คงไม่ง่ายเหมือนพ่อมัน แต่ไม่ว่ามันจะจากเป็นหรือจากตาย มันจะต้องแบกความอับอายไปนรกเหมือนพ่อมัน...
ตอนกลางวัน คุณยุบลไปเป็นลมในห้องน้ำ โชคดีที่จอมใจเข้ามาเห็นก่อนท่านจะล้ม จอมใจรีบแจ้งห้องพยาบาล ครู่เดียวหมอมาตรวจอาการท่านถึงห้อง ไล่เลี่ยกันนั้น ชัชวิน อัศวิน และทศวินก็ตรงดิ่งมาด้วยความเป็นห่วงคุณย่า
คุณยุบลทานอาหารไม่ตรงเวลาเลยมีอาการหวิวๆวิงเวียน พอสั่งอาหารเข้ามาแล้วจึงชวนจอมใจทานด้วยกัน พร้อมกันนี้ก็ถามชื่อแซ่จอมใจจนรู้จากชัชวินว่าที่แท้จอมใจก็คือลูกของบดี กับนงนุชลูกค้าวีไอพีของโรงแรม และทั้งคู่ยังเป็นคนคุ้นเคยของคุณยุบลด้วย
ทศวินมองชัชวินกับจอมใจพูดคุยหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างถูกคอ เกิดความรู้สึกน้อยใจเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน จึงขอตัวกลับไปทำงาน อีกครู่ต่อมาจอมใจนำเอกสารมาส่ง ทศวินทำเป็นไม่สนใจ ทำให้ความน้อยใจของจอมใจแล่นขึ้นมาอีก นึกว่าเขาจะแก้ตัวชวนไปกินข้าวเย็นนี้ กลายเป็นว่าเขากลับตำหนิเรื่องการทำงานของเธอ พอชัชวินเอาช็อกโกแลตมาให้สองคนชิม บอกว่าเพื่อนของตนเอามาฝาก ซื้อจากร้านที่เปิดใหม่แถวสุขุมวิท เย็นนี้เลยจะชวนสองคนไปที่ร้าน เผื่อจะช่วยกันขโมยสูตรมาได้บ้าง ทศวินปฏิเสธทันที อ้างต้องรอรับแขกที่จะมาตอนสองทุ่ม จอมใจโมโหจึงตอบตกลงเป็นการประชดทศวิน
เมื่อชัชวินไปชวนแก้วใสอีกคน แก้วใสพอรู้ว่าชัชวินชวนจอมใจก่อนก็แอบน้อยใจเล็กๆ บอกให้เขาไปกับจอมใจ เพราะเธอไม่ว่าง ต้องกลับไปทำขนม อีกอย่างจอมใจกับเขาก็ชอบขนมฝรั่งเหมือนกัน คงจะช่วยกันได้ ถ้าเธอไปคงช่วยอะไรไม่ได้
"เสียดายจัง งั้นผมกับน้องจอมจะทานเผื่อนะครับ" ชัชวินไม่พูดเปล่า จับมือแก้วใสพร้อมส่งสายตาอ้อน ทันใดเสียงเพลินจิตดังแหวกอากาศขึ้นมา แก้วใสตกใจรีบดึงมือออก เพลินจิตไม่พูดอะไร นอกจากจ้องแก้วใสตาขวาง แล้วลากชัชวิน ออกไปทันที ลลิลกับนิลรัตน์แอบดูอยู่ไม่ไกลสะใจเป็นบ้าที่แผนขัดขวางสองคนนั้นสำเร็จ แต่ข้าวปุ้นที่ยืนอยู่ข้างๆสองสาวไม่ได้สนุกไปด้วยสักนิด กลับรู้สึกสงสารแก้วใสมากกว่า
เพลินจิตลากชัชวินไปต่อว่าไม่สนใจการงานมัวแต่ไปป้อเด็กฝึกงาน แบบนี้ได้แพ้ทศวินแน่
"แม่ครับ ไอ้เรื่องแข่งกันเนี่ยมันเป็นความคิดของคุณย่า พวกผมไม่เคยคิดจะแข่งอะไรกันเลย"
"หมายความว่ายังไง"
"พวกผมจะร่วมมือกัน ไม่มีใครคิดจะมาแข่งกันหรอกครับ นายทศเหมาะแล้วที่จะเป็นประธาน ผมกับวินก็คอยช่วย"
"นี่ลูกรู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา จะบ้าไปแล้วเหรอ นี่ไอ้ทศวินมันมาเป่าหูอะไรลูก ถึงได้มีความคิดโง่ๆอย่างนี้ ที่แม่ทำมาทั้งหมดนี่ลูกจะโยนทิ้งไปง่ายๆเหรอ แล้วที่แม่กับวิชาทำมาทั้งหมดนี่ล่ะ"
"อาวิชามาเกี่ยวอะไรด้วยครับ"
เพลินจิตชะงัก รู้ตัวว่าพูดมากไป จึงพยายามสงบสติอารมณ์
"เอาเถอะครับ ผมกับคุณแม่คงมองคนละอย่าง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณแม่ถึงเกลียดทศวินนัก ทั้งๆที่เขาก็เป็นพี่ผม"
"แล้วแกแน่ใจเหรอว่ามันเห็นแกเป็นน้อง ระวังเถอะสักวันมันจะแย่งทุกอย่างของแกไป"
"ผมว่าคุณแม่คิดมากไป ผมขอตัวไปทำงานนะครับ" ชัชวินจะเดินหนีด้วยความรำคาญ เพลินจิตเรียกไว้อีก สั่งให้เขาเลิกยุ่งกับนึกศึกษาฝึกงานคนนั้น ชัชวินไม่พอใจ แต่เถียงนิ่มๆว่า "คุณแม่ครับ นี่มันเรื่องส่วนตัวนะครับ แก้วใสเป็นคนดี คุณแม่ น่าจะ
ให้โอกาสน้องแก้วบ้าง"
"ลูกขอแม่หลายอย่างเกินไปแล้วชัชวิน" เพลินจิตจ้องหน้าลูกชายเขม็ง ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินจากไป ชัชวินเซ็งสุดๆ แต่ไม่รู้ว่าแก้วใสยืนหน้าซีดอยู่อีกมุม
แก้วใสกลับไปที่ห้องล็อกเกอร์ เจอลลิลยืนรอหาเรื่องอยู่ ลลิลเยาะหยันว่าแผนจับชัชวินของแก้วใสแตกแล้ว แก้วใสโกรธตอบโต้ทันทีว่าตนไม่ได้มีแผนอะไรทั้งนั้น
"แหม เห็นหน้าใสๆยังงี้ ไม่น่าเชื่อนะว่าจะจับผู้ชายเก่งเป็นมืออาชีพ ระวังจะเหนื่อยเปล่านะจ๊ะ เพราะฐานะอย่างเธอน่ะได้เต็มที่ก็คงไปเป็นแม่ครัวให้คุณชัชเขาเท่านั้นแหละ นี่ฉันหวังดีนะถึงได้มาเตือนเธอไว้ก่อน"
"เตือนฉันเพื่ออะไร"
"ก็จะเตือนให้เธอรู้ตัวไง จะได้ไปหาเหยื่อรายอื่น"
"เหรอ ฉันนึกว่าที่เธอบากหน้ามาเป็นเพราะคุณชัชเขาไม่สนใจเลยต้องมาขอร้องฉันให้หลบ ฉันว่าเธอเอาเวลาไปสร้างความดีดีกว่านะ เผื่อจะมีผู้ชายหันมาเดินตามเธอบ้าง" พูดจบแก้วใสหันกลับออกไปทันที ลลิลโกรธจัดจนทำอะไรไม่ถูก แล้วหันมาพึ่ง
อุไรริสาที่ปรากฏตัวหลังได้ยินการตอบโต้ ของสองสาว อุไรริสาแนะนำวิธีเอาชนะที่ง่ายมากๆ ถ้าเราเอาชนะมันไม่ได้ เราก็ต้องไปเป็นพวกเดียวกับมัน
"อะไรนะคะ ไปเป็นพวกยายแก้ว?" ลลิลทวนคำอย่างไม่เข้าใจ ขณะที่อุไรริสายิ้มเจ้าเล่ห์ ร้ายลึก
ooooooo
แก้วใสเสียใจเดินเหม่อคิดมากเรื่องเพลินจิตสั่งห้ามชัชวินคบกับเธอ จึงไม่ทันระวังเกือบถูกรถคันหนึ่งเฉี่ยวชน ถ้าทศวินไม่เข้ามาฉุดดึงเธอออกมาทันเวลา แล้วพอรู้ว่าแก้วใสกำลังจะไปซื้อของทำขนม ทศวินจึงอาสาพาเธอไป
ขณะนั้นจอมใจอยู่กับชัชวินที่ร้านเบเกอรี่หรู ชัชวินกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่จอมใจดูเหม่อลอย จนถูกชัชวินแซวว่า ใจลอยถึงใคร สงสัยจะเป็นคนที่กำลังฝึกงานจีเอ็ม จอมใจหน้างอบ่นอย่างงอนๆ ว่าทศวินผิดนัดเธอหลายครั้ง ชัชวินเลยว่าแบบนี้แหละทำให้เขาไม่อยากฝึกเป็นจีเอ็ม ยอมรับว่ากลัวไม่มีเวลาให้แก้วใส อีกอย่างตั้งแต่แก้วใสต้องส่งขนมให้โรงแรม เราสองคนก็แทบไม่ได้ไปไหนด้วยกันเลย ถ้าเขายุ่งอีกคน สงสัยแก้วใสคงลืมหน้าเขาแน่ๆ
แต่จอมใจเชื่อว่าฝีมือระดับชัชวินต้องบริหารเวลาได้ ชัชวินหัวเราะชอบใจ บอกจอมใจให้รีบฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับคนเก่งอย่างเขา จอมใจถามว่ามีบทเรียนตัวอย่างให้ลูกศิษย์ไหมล่ะ ชัชวินจึงให้เริ่มด้วยการนำขนมคนละกล่องกลับไปทานกับคนที่เรา
อยากทานด้วย
"ตกลงฉันต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเขาอีกแล้วเหรอ" จอมใจบ่นเสียงอ่อย
"อีกร้อยครั้งคุณก็ควรทำ ถ้าทุกครั้งที่คุณอยู่ใกล้เขาแล้วมีความสุข"
จอมใจครุ่นคิดอย่างลังเล...เวลาเดียวกันนั้น ทศวินยัง อยู่กับแก้วใสที่ตลาด ทศวินสังเกตได้ถึงความซึมเศร้าเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจของแก้วใส ขนาดเขาพูดตลก เธอก็ไม่ขำ พอ เขาถามตรงๆว่ามีอะไรในใจใช่ไหม เธอก็ปฏิเสธอีก คราวนี้เขาเลยต้อง
คาดคั้น และย้ำว่าปัญหามีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้เก็บ
"คือ...แก้วแค่รู้สึกว่าการที่แก้วเกิดมาจนมันทำให้แก้วไม่มีศักดิ์ศรีเท่าคนอื่น ใครๆก็ดูถูกแก้วเพียงเพราะแก้วจน"
"ไม่จริงหรอกแก้ว สำหรับผมแล้วคนทุกคนล้วนมีค่าเท่ากัน"
"ถ้าทุกคนคิดเหมือนคุณทศหมดก็คงดีนะคะ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่"
"ใครจะคิดยังไงมันไม่สำคัญเท่ากับคุณอย่าดูถูกศักดิ์ศรี ของตัวเองก็พอ"
"ถ้าฉันไม่อยากดูถูกตัวเอง ฉันก็ไม่ควรคาดหวังอะไรที่สูงเกินเอื้อมใช่ไหมคะ"
ทศวินอึ้งไปอย่างเห็นใจแก้วใส ครั้นขับรถไปส่งเธอ ที่หน้าบ้าน สองคนยืนคุยกันโดยไม่รู้ว่าถูกชัชวินจับตามองและ ไม่ชอบใจนักที่เห็นทศวินจับไหล่แก้วใส แต่ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน ที่สุดชัชวินก็ตัดสินใจขับรถกลับไป ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะเอาขนมมาฝากแก้วใส
ส่วนจอมใจที่ได้ขนมมาหนึ่งกล่องเช่นเดียวกับชัชวิน เธอตั้งใจเอามาให้ทศวิน แต่ปรากฏว่ามาถึงห้องทำงาน ทราบ จากเลขาฯของเขาที่กำลังจะกลับว่า ทศวินออกไปตั้งแต่เย็น จอมใจทั้งเศร้าทั้งโกรธ ทิ้งกล่องขนมลงถังขยะก่อนกลับออกไป... ฝ่ายกุลที่พยายามตัดใจจากอัศวิน ไม่ว่าอัศวินจะส่งดอกไม้มากี่ช่อ กุลก็เอาทิ้งถังขยะหมด
มีแต่ชัชวินที่ไม่ยอมทิ้งกล่องขนม รุ่งขึ้นไปทำงานเขา หิ้วมันมาด้วย แวะเอาไปให้แก้วใสที่เบเกอรี่ พร้อมบอกเธอ ด้วยว่า ความจริงเมื่อวานตั้งใจเอาไปให้ที่บ้าน แต่ไม่อยากขัดจังหวะ แก้วใสฟังแล้วงง ย้อนถามเขาว่าขัดจังหวะอะไร
"ตอนที่แก้วกลับจากไปเที่ยวกับทศไง"
"แก้วไม่ได้ไปเที่ยวนะคะ แก้วเจอกับคุณทศโดยบังเอิญ คุณทศก็เลยไปส่ง"
"แล้วทำไมกลับค่ำ"
"ก็แก้วต้องแวะซื้อของไปทำขนม คุณทศก็เลยช่วยแก้วเลือกวัตถุดิบ"
"แต่ที่ผมเห็น..." ชัชวินชะงักไม่เอ่ยถึง ตัดบทว่าช่างมันเถอะ แล้วเดินจากไปทันที แก้วใสยังงงไม่หาย หันมาเจอนิลรัตน์ยืนจ้องอยู่ จะเดินหลีกไปแต่นิลรัตน์แกล้งยื่นขามาขัด แก้วใสรู้ทันจึงเหยียบเข้าเต็มเท้า นิลรัตน์ถึงร้องจ๊ากเจ็บใจ
จากนั้นในตอนกลางวันนิลรัตน์ไปพาลลิลกับข้าวปุ้นมาหาเรื่องพวกแก้วใสที่พักกินข้าวกันอยู่
"ตกลงพวกเธอจะจับใครกันแน่ พวกฉันงงไปหมดแล้ว" นิลรัตน์เปิดฉากอย่างกวนๆ
"เธอพูดอะไรของเธอ" จอมใจสวนด้วยท่าทีฉุนๆ ข้าวปุ้นเลยจีบปากแจกแจงว่า
"คืองี้นะ นิลรัตน์เขามาฟ้องว่าเมื่อวานยัยแก้วไปเดตกับคุณทศ คุณชัชจับได้ก็มาถามเค้นความจริง แต่ยัยแก้วเอาตัวรอดไปได้ ส่วนลลิลเขาก็เห็นว่าเมื่อวานคุณชัชนั่งรถไฟฟ้า ไปทานเค้กกับจอมแถวสุขุมวิท พวกเราก็เลยงงว่าตกลงใครคู่ใคร พวกเราจะ
ได้แย่งถูก"
จอมใจและแก้วใสอึ้งที่ความจริงปรากฏ มีแต่กุลที่ไม่เข้าใจ ถามพวกนิลรัตน์ว่าเพ้อเจ้ออะไรกัน บ้านเป็นโรงน้ำแข็งเหรอถึงได้ปั้นน้ำเป็นตัวขนาดนี้
"ก่อนจะว่าพวกฉันน่ะ ไม่ถามเพื่อนที่แสนดีทั้งสอง ของเธอก่อนเหรอ"
กุลหันมองหน้าเพื่อนทั้งสอง หวังว่าจะต้องปฏิเสธ แต่ทั้งสองกลับเงียบไม่มองหน้ากัน กุลนิ่ง ลลิลกับนิลรัตน์ยิ้มสะใจ เดินเด้งตามกันออกไป...จอมใจและแก้วใสยังนั่งนิ่งไม่กินข้าว กุลเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ พอตั้งคำถามก็ไม่มีใครตอบ หนำซ้ำจอมใจยังแยกตัวออกไป
แก้วใสตัดสินใจต้องคุยกับจอมใจ โดยมีกุลรีบร้อนตามมาด้วย แก้วใสดักหน้าจอมใจที่อ้างจะกลับไปทำงาน กุลเห็นท่าไม่ดี คาดคั้นทั้งคู่ว่าเป็นอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น จอมใจกลับโบ้ยให้กุลถามแก้วใสดีกว่า ใครทำอะไรย่อมรู้อยู่แก่ใจ
"จอม...ถ้ายังเห็นแก่ความเป็นเพื่อน จอมควรจะฟังฉันนะ" แก้วใสขอร้อง กุลเองก็ไกล่เกลี่ยให้สองคนค่อยๆพูดกัน ยังไงพวกเราก็เพื่อนกัน จอมใจจึงหยุดนิ่งให้แก้วใสได้อธิบาย "เมื่อวานนี้ฉันเกิดอุบัติเหตุ คุณทศเป็นคนมาช่วยไว้ เขาเลยพาไปส่ง แต่คุณชัชคงมาเห็นก็เลยไม่พอใจ ส่วนเรื่องคุณชัช กับจอมฉันไม่ติดใจ"
"ฉันกับคุณชัชก็ไม่มีอะไรกันนะ ที่ฉันไปทานเค้กก็เพราะคิดว่าแก้วจะไปด้วย แต่พอไม่เห็นมาคุณชัชก็เลยขอกลับเพื่อเอาเค้กไปให้แก้วทานที่บ้าน"
"จอม แก้ว พวกเราไม่เคยคิดร้ายกัน เรื่องเมื่อวานพวกลลิลจะคิดยังไงก็ช่างเขา แต่พวกเราต้องไม่แตกกันนะ ต่อไปนี้พวกเราจะไม่ทะเลาะกันอีกนะ" กุลเน้นย้ำ...แล้วสามสาวก็จับมือกันแทนคำสัญญา
หลังจากเคลียร์ปัญหาคาใจให้เพื่อนได้แล้ว กุลกลับ ไปทำงานที่ศูนย์ประชุม เจออัศวินดักหน้าดักหลังอยากคุยด้วย แต่กุลปฏิเสธทุกทาง...อัศวินไม่ท้อ ตกเย็นเลิกงานก็ยังขับรถ เอาดอกไม้ไปแขวนไว้หน้าบ้าน และบอกตัวเองว่าจะแขวนไว้ ทุกวันจนกว่า
กุลจะทิ้งมันไม่ลง
ooooooo
รุ่งขึ้น จอมใจไปเป็นเพื่อนแก้วใสที่พายายไปเช็กร่างกาย ที่โรงพยาบาลนี่เอง จอมใจกับแก้วใสบังเอิญเห็นเพลินจิตพาประกิตมาหาหมอที่ห้องตรวจโรคไต
ครั้นตอนกลางวันพ่อแม่ของจอมใจถูกคุณยุบลเชิญไปทานอาหารที่บ้าน จอมใจที่มากับพ่อแม่ด้วยจึงได้เห็นอาหารที่แม่บ้านเตรียมขึ้นไปให้ประกิต ซึ่งทำตามคำสั่งของเพลินจิตทั้งสิ้น จอมใจมีความรู้เรื่องโภชนาการอยู่แล้ว จึงแปลกใจทำไมมีแต่อาหารต้องห้ามสำหรับคนเป็นโรคโต แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้
เมื่อไปทำงานในวันถัดมา จอมใจเล่าให้แก้วใสและกุลฟัง พอดีทศวินเข้ามาได้ยิน จึงคาดคั้นจอมใจว่าไปรู้อะไรมา... หลังฟังเรื่องราวจากปากจอมใจ ทศวินยังไม่ปักใจเชื่อ คิดว่า เรื่องนี้ต้องพิสูจน์ แต่ห้ามทุกคนอย่าเพิ่งบอกกับชัชวิน
ทศวินวางแผนให้จอมใจเข้ามาดูแลเรื่องอาหารให้ ประกิต โดยบอกผ่านมาทางคุณยุบล ซึ่งท่านก็ตกลงในทันที แต่เพลินจิตพอรู้กลับโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
"นี่มันอะไรกันน่ะทศ ทำไมต้องให้เด็กนี่มาดูแลคุณประกิต มันไม่ข้ามหน้าข้ามตาอาไปหน่อยเหรอ"
"ผมถึงพามาเรียนปรึกษาคุณย่ากับคุณเพลินจิตก่อนไงครับ จอมใจเพิ่งสอบใบโภชนาการมาได้ แล้วผมว่าการที่คุณอาประกิตจะมีคนมาดูแลเรื่องอาหารให้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร"
"จริงๆย่าว่าก็ดีนะ มีคนที่มีความรู้มาดูแล ยิ่งเป็นคนกันเองอย่างหนูจอมด้วยยิ่งดีใหญ่เลย"
"แต่เพลินว่าจะยุ่งวุ่นวายซะเปล่าๆ คุณประกิตน่ะเพลินก็ดูแลอย่างดีอยู่แล้ว อาหารทุกอย่างก็มีประโยชน์"
"แต่อาหารที่มีประโยชน์ก็ไม่ได้เหมาะกับคนป่วยทุกโรคนะคะ"
เพลินจิตหันขวับมาจ้อง...จอมใจเสียววาบ หน้าแหยอย่างกลัวๆ
"นั่นน่ะสิครับ ไม่ทราบว่าคุณอาประกิตนี่มีโรคอะไรแทรกซ้อนบ้างรึเปล่าครับ"
"ไม่มี...คุณแม่คะ นี่มันเป็นการดูถูกเพลินนะคะ"
"เอาล่ะๆ ฉันเข้าใจว่าทุกคนเป็นห่วงประกิต เอายังงี้ ลองให้หนูจอมเขาเข้ามาดูแลซักพัก ช่วงนี้เธอเองก็บ่นว่ายุ่งนักยุ่งหนา เดี๋ยวอีกไม่กี่อาทิตย์ตาชัชก็ต้องเข้ามาเป็นจีเอ็ม เธอก็ต้องคอยดูแล ถือซะว่าหนูจอมเขามาช่วยดูแลเฉพาะหน้าไปก่อนก็แล้วกัน"
เพลินจิตโกรธจัดแต่เถียงไม่ออก ทศวินแอบมองเก็บทุกกิริยา พอกลับไปยังห้องทำงานตัวเองพร้อมจอมใจ ทศวินยังอดคิดไม่ได้ว่าอาประกิตของเขาเป็นโรคไตจริงหรือเปล่า จอมใจหน้าตึงทันที ท้าให้เขาโทร.ไปถามหมอ ถ้าไม่เชื่อเธอ
"ฉันโทร.ไปแล้ว แต่คุณหมอมีธุระบินไปออสเตรเลียด่วน ต้องรออาทิตย์หน้า"
"สำหรับคุณ ฉันเชื่อไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ"
"จอมใจ...นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ ฉันต้องพิสูจน์ทุกอย่างให้แน่นอนก่อนจะตัดสินใจอะไรลงไป แล้วที่ฉันขอให้เธอมาช่วยดูแลอาประกิตก็เพราะฉันไว้ใจเธอมากที่สุด"
จอมใจค่อยเย็นลง สองคนสบตากันนิ่ง...ทันใดเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมๆกับที่ชัชวินเปิดประตูผลัวะเข้ามา
"อยู่นี่เอง ทั้งสองคนเลย คุณย่าบอกว่าจอมจะมาดูแลเรื่องอาหารให้พ่อผมเหรอครับ ดีจัง ผมจะได้มีเพื่อนคุยเวลาอยู่บ้านด้วย"
ทศวินได้ยินแล้วอดน้อยใจไม่ได้ จึงทำเมินๆไม่สน จอมใจเห็นดังนั้นจึงประชดด้วยการรับปากชัชวินอย่างเริงร่าก่อนขอตัวออกไป พอเธอลับกาย ชัชวินที่เข้าใจว่าทศวินอยากใกล้ชิดจอมใจถึงได้เลือกเธอมาดูแลเรื่องอาหารให้พ่อของเขา จึงแซวขึ้นทันทีว่า
"แผนสูงนะคุณทศวิน"
"พูดอะไรของแก"
"แหมๆ ไม่ต้องเขินหรอกน่า ไม่ล้อก็ได้ เออนี่ ว่าแต่นายเห็นน้องแก้วของฉันมั่งไหม"
เวลานี้เอง แก้วใสกำลังเผชิญหน้ากับอุไรริสาที่มาในมาดใหม่ยิ้มแย้มเข้ามาผูกมิตร แต่แฝงไว้ด้วยแผนอันแยบยลจนแก้วใสตามไม่ทัน ลลิลเข้ามาเห็นก็ยังแทบไม่เชื่อสายตา...ส่วนกุลที่พยายามเลี่ยงหลบอัศวินตลอดเวลาที่ทำงาน แต่อัศวินก็ยังอุตส่าห์เอาวามเป็นหัวหน้ามาบังคับจนได้พูดคุยกับกุลตามลำพังในลักษณะใกล้ชิดกันมาก
แต่แล้วอัศวินต้องรีบดึงกุลหลบไปมุมหนึ่งเมื่อเห็นอุไรริสาเดินผ่านมา กุลไม่ค่อยพอใจการกระทำของเขา จึงประชดด้วยการขอบคุณเขาที่ให้เกียรติเธอมาก
"ผมไม่ได้จะหลบใครทั้งนั้น แต่ผมอยากคุยกับคุณให้รู้เรื่อง ไม่อยากให้ใครเข้ามาแทรกอีกแล้ว"
"คงไม่มีที่ให้ใครแทรกอีกแล้วล่ะ นี่คุณ เราออกไปคุยกันข้างนอกไม่ได้เหรอ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าเขาจะเข้าใจผิด"
"ไม่ คุยกันตรงนี้แหละดี วันนี้ถ้าไม่รู้เรื่องก็อยู่มันตรงนี้ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น" สีหน้าอัศวินเอาจริงจนกุลไม่กล้าเถียง "กุล...ตกลงว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หรือไง ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธผม"
"ฉันไม่ได้โกรธคุณเลยนะคะคุณวิน คุณก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทางที่ดีเราอย่าอยู่ใกล้กันโดยไม่จำเป็นเลยนะคะ"
"คุณกลัวอะไรน่ะกุล"
"ฉันไม่ได้กลัวอะไร ฉันแค่..."
กุลพูดไม่ออก อัศวินเดาทันทีว่ากุลกลัวใจตัวเอง เพราะจริงๆแล้วกุลก็ไม่ได้รู้สึกต่างไปจากเขาเลย
"แต่คุณกำลังจะหมั้นกับคุณริสา"
"กำลังจะหมั้นแต่ยังไม่ได้หมั้น แล้วผมก็จะไม่มีวันหมั้นกับริสา ถ้าคุณยอมรับว่าคุณก็รู้สึกกับผมเหมือนที่ผมรู้สึกกับคุณ"
"ฉันไม่อยากทำผิดกับใคร"
"คุณจะทำผิดกับใครล่ะกุล ผมยังโสด คุณก็ยังไม่มีใคร การหมั้นครั้งนี้มันไม่ได้มาจากความต้องการของผมหรือริสา ผมจะพูดกับคุณยายอีกครั้ง ผมเชื่อว่าคุณยายต้องเข้าใจผม เข้าใจเราสองคน"
กุลสีหน้าท่าทียังสับสน อัศวินดึงมือเธอมากุมไว้ กล่าวอย่างวิงวอน
"ขอให้กุลเชื่อผมก็แล้วกัน ผมจะจัดการยกเลิกการหมั้นระหว่างผมกับริสาให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมต้องการใคร"
รอยยิ้มกุลผุดขึ้นมาด้วยความดีใจและประทับใจ ขณะที่อัศวินน่าจะสุขยิ่งกว่า ทั้งโล่งทั้งสบายใจอย่างบอกไม่ถูกที่สามารถเคลียร์กับกุลได้เสียที แต่เขายังต้องไปคุยกับคุณยายอีกคน ซึ่งขณะเดียวกันนี้คุณยายของเขากำลังจะไปหาเขาที่ห้องทำงาน โดยมีเพลินจิตเดินตามประจ๋อประแจ๋เอาใจ พอใกล้จะถึง ทั้งคู่เจออุไรริสาที่เดินหาอัศวินให้พล่าน เธอจึงบ่นกับทั้งคู่ว่าตามหาอัศวินจนทั่วแต่ไม่เจอ
"เอ...ไม่น่าจะไปไหนนะ เมื่อกี้ยายให้เลขาฯเช็กมาที่ออฟฟิศตาวิน เขาก็บอกว่าตาวินอยู่ที่นี่ ไม่ได้ออกไปไหน"
เพลินจิตตาไวเหลือบไปเห็นอัศวินจูงมือกุลหน้าระรื่นออกมาจากมุมหนึ่ง จึงบุ้ยใบ้ชี้ให้คุณยุบลกับอุไรริสาดู คุณยุบลหน้าตึงไม่พอใจที่เห็นหลานชายสนิทสนมกับหญิงอื่น ทั้งที่มีว่าที่คู่หมั้นอยู่แล้ว ส่วนเพลินจิตก็ได้ทีเติมเชื้อไฟ เพราะครอบครัวร้าวฉาน
คืองานถนัดของเธอ
"ตายจริง ไม่คิดเลยนะคะว่าตาวินจะกล้า เห็นหงิมๆ"
"ริสารับไม่ได้นะคะคุณยาย เรื่องงานหมั้นริสาคงต้องขอคิดใหม่"
"ไม่ได้...ยายไม่ยอมให้ตาวินทำกับหนูริสาอย่างนี้ เพลินจิต เด็กผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นใคร"
"นักศึกษาฝึกงานค่ะ เขาลือกันทั้งโรงแรมแล้วว่าเด็กคนนี้คิดจะจับอัศวินให้ได้ นี่สงสัยตาวินจะเริ่มใจอ่อนซะแล้วล่ะค่ะ"
ยุบลฟังเพลินจิตรายงานฉอดๆด้วยสีหน้าเคร่งเครียด... จากนั้นไม่นานเมื่ออัศวินเข้ามาพบคุณยายในห้องเพื่อเจรจาเรื่องหมั้นกับอุไรริสาอีกครั้ง คุณยุบลกลับเบรกหลานชายว่าอย่าเพิ่งคิดเรื่องหมั้น ยายมีเรื่องสำคัญกว่านั้นจะคุยด้วยพอดี
"เรื่องอะไรครับคุณยาย"
"ยายกำลังคิดว่างานขอบคุณสื่อปีนี้จะจัดพ่วงกับการแถลงข่าวเปิดตัวตาวินของยายเป็นผู้อำนวยการศูนย์ประชุมอย่างเป็นทางการไปด้วย คนจะได้รับรู้ว่ามีทายาทอัครศิริเข้ามาสานต่องานของยายแล้ว ดีไหมลูก"
"แล้วแต่คุณยายครับ"
"ดี...พรุ่งนี้จะได้ให้ฝ่ายพีอาร์ส่งข่าวเลย"
"แล้วเรื่องหมั้น..."
"เอางานตรงนี้ให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันนะลูกนะ"
อัศวินยิ้มสบายใจกลับออกไป หารู้ไม่ว่าลับหลังเขา คุณยายรีบต่อสายถึงอุไรริสาทันที
"หนูริสาเหรอจ๊ะ วันงานเลี้ยงขอบคุณสื่อฉันอยากให้หนูมาช่วยตาวินรับแขก อ้อ แล้วยายจะส่งการ์ดเชิญให้คุณพ่อคุณแม่ของหนูด้วยนะจ๊ะ"
ส่วนอัศวินที่หลงดีใจ ค่ำนั้นกลับถึงบ้านจึงรีบโทร. ส่งข่าวกุลให้ดีใจไปกับเขาด้วย
"เท่าที่ผมดูนะ คุณยายห่วงงานมากกว่าเรื่องหมั้นของผมซะอีก"
"ท่านอาจจะเห็นว่ายังไงคุณก็ต้องหมั้นแน่ๆอยู่แล้ว"
"ไม่หรอก ผมว่าดีไม่ดีท่านอาจจะไม่สนใจเรื่องนี้แล้วก็ได้ ว่าแต่กุลเถอะ คุณจัดดอกไม้ให้สวยๆแล้วกัน เพราะผมจะได้เอาไว้โชว์คุณยายได้ว่าเป็นฝีมือของ...ของคนที่ผมชอบ"
"งั้นกุลจะจัดดอกไม้ในงานอย่างสุดฝีมือเลย"
หลังคุยโทรศัพท์เสร็จ กุลจะเข้านอนหันมาเห็นแม่ยืนมองอยู่ เธอหน้าเสียไปนิดก่อนจะมานั่งกอดแม่บนเตียง
"แม่ขา แม่อย่าว่ากุลเลยนะคะ ขอให้กุลได้ลองทำตามหัวใจตัวเองซักครั้งนะคะแม่"
"กุล...ความรักมันมักจะดูสวยงามเสมอตอนที่เรายังไม่รู้จักมันดี หนูต้องมีสตินะลูก อย่าหลงเพ้อไปกับความหอมหวานของมัน ทุกอย่างมันมีสองด้านเสมอ ถ้ากุลตัดสินใจแล้ว แม่ก็ได้แต่ขอให้ด้านที่สวยงามของมันอยู่กับลูกแม่ให้นานที่สุดนะลูก"
สองแม่ลูกโอบกอดกันด้วยความรักและเข้าใจ
ooooooo
รุ่งขึ้นทศวินพาจอมใจมารายงานตัวต่อคุณยุบลเพื่อเริ่มงานดูแลเรื่องอาหารการกินให้ประกิต แต่จู่ๆเพลินจิตก็พานักโภชนากรคนหนึ่งเข้ามาแนะนำ และจะให้เริ่มงานวันนี้เลย แต่ทศวินไม่ยอม ยืนกรานว่าต้องเป็นจอมใจเท่านั้น
"ทศวิน...อายอมไม่ได้หรอกนะ จะให้นักศึกษาฝึกงานมารับผิดชอบชีวิตคุณประกิตเหรอ นี่เธอนึกว่าเล่นขายของหรือไง"
"ก็เพราะเป็นเรื่องสำคัญน่ะสิครับ ผมถึงต้องการคนที่ไว้ใจได้ คุณย่าไม่ต้องห่วงนะครับ จากวันนี้ไปผมกับจอมใจจะดูแลเรื่องอาหารของอาประกิตอย่างดีที่สุด"
เพลินจิตฉุนขาดตวาดแว้ดใส่ทศวิน แต่แล้วเพลินจิตก็ต้องเงียบเสียงลง เมื่อคุณยุบลจึงต้องตัดสินใจเองว่า ตนขอมอบหมายหน้าที่นี้ให้ทศวินกับหนูจอมใจดูแล
แยกจากเพลินจิตมาแล้ว จอมใจยังสยองไม่หาย บอกทศวินว่าคุณเพลินจิตต้องไม่พอใจเขาแน่ๆเลย ทศวินไม่สน เพราะเขาเองก็ไม่ไว้ใจเพลินจิต ถึงต้องให้เธอมาช่วย จอมใจดีใจ กระเซ้าเขาว่าหายงอนเธอแล้วใช่ไหม ทศวินเขินวางหน้าไม่ถูก จังหวะนี้เองชัชวินก็โผล่มาทำลายบรรยากาศ ทศวินเห็นชัชวินดี๊ด๊าขอเป็นลูกมือจอมใจทำอาหารให้พ่อ เกิดน้อยใจขึ้นมาอีกจนได้
ครั้นจอมใจแยกไปทางห้องครัว ไม่นึกว่าจะเจอเพลินจิตตามมาพูดจาข่มขู่บังคับให้เลิกมาทำอาหารที่นี่ เอาความโกรธเกลียดที่มีต่อพ่อแม่ของจอมใจมาอ้าง พอจอมใจยืนยันยังไงก็จะทำหน้าที่ต่อ เพลินจิตโกรธจนระงับโทสะไม่อยู่ ตบหน้าจอมใจก่อนจะขู่ซ้ำ ทศวินเข้ามาเห็นพอดี จึงพาจอมใจไปประคบแก้มที่เป็นรอยแดงด้วยน้ำอุ่น ทศวินขอโทษจอมใจ และไม่คิดว่าอาเพลินจิตจะเล่นแรงขนาดนี้ จอมใจกลัวซะที่ไหน สงสัยอีกว่าเรื่องของประกิตต้องมีอะไรมากกว่าที่เราเห็น ทศวินชักกลัวว่าจอมใจรู้มากจะเป็นอันตราย จึงเปลี่ยนใจไม่ให้เธอมาที่นี่อีก จอมใจทำท่าจะไม่ยอม เพราะเธอทิ้งเขาไม่ได้เหมือนกัน
ตกเย็น ทศวินเข้าไปยืนดูรูปพ่อที่แขวนติดผนัง ภาวนาขอให้ตนได้เจออะไรที่จะช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพ่อบ้าง แล้วจู่ๆทศวินก็ปลดรูปพ่อลงมาลูบคลำและรู้สึกว่าข้างกรอบรูปมีอะไรนูนผิดสังเกต ปรากฏว่าเป็นกุญแจดอกหนึ่งซ่อนอยู่ เขาดีใจมากรีบเอาไปไขตามตู้เอกสารและลิ้นชักต่างๆ แต่ไม่สามารถไขได้สักที่ จึงกลับมายืนตรงหน้ารูปพ่ออีกครั้ง
"คุณพ่อครับ ผมหวังว่ากุญแจดอกนี้จะช่วยให้ผมล้างมลทินให้คุณพ่อนะครับ"
ooooooo