ตอนที่ 14
ทศวินกับชัชวินต้องเตรียมพร้อมสำหรับงานดูแลโรงแรมแทนมิสเตอร์สมิทธิ์ที่กำลังจะลาพักผ่อน โดยต้องพยายามเรียนรู้งานด้านต่างๆจากมิสเตอร์-สมิทธิ์ให้ครบถ้วน ทศวินนั้นตั้งใจเอาจริงเอาจังมากๆ ขณะที่ชัชวินก็ตั้งใจเช่นกัน แต่นานเข้าก็แอบหลบไปโอดโอยกับแก้วใสว่าเหนื่อย ทำไมต้องเทรนอะไรนักหนาสาหัสขนาดนี้ อยากจะยกตำแหน่งนี้ให้ทศวินไปเลย
"อดทนหน่อยสิคะ ต่อให้ไม่ต้องแข่งกับคุณทศ คุณก็ควรจะต้องเรียนรู้ไว้ ยังไงมันก็เป็นธุรกิจของที่บ้านคุณนะคะ"
"แต่ผมไม่เห็นอยากได้อะไรเลย ผมอยากอยู่กับน้องแก้วเฉยๆ"
"แต่แก้วไม่อยากอยู่กับคนไม่ทำงาน"
"ไม่ทำงานแต่ก็มีตังค์เลี้ยงน้องแก้วนะครับ"
"ตังค์มีเยอะแค่ไหน เอาแต่ใช้ไม่หาเพิ่มก็มีวันหมดค่ะ แล้วถ้าแก้วจะอยู่กับใครมันไม่ใช่แค่เขาจะเลี้ยงแก้วได้แค่นั้น แต่แก้วต้องศรัทธาเขาด้วย แก้วไม่ชอบคนขี้เกียจ"
"โอเค โอเคครับ น้องแก้วครับ ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะพยายามครับ แต่วันนี้ขอพักก่อน...เหนื่อยมาก" ว่าแล้วชัชวินฟุบลงกับโต๊ะแกล้งหลับ แก้วใสอดยิ้มขำเขาไม่ได้...
หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับหน้าที่ของตัวเอง ตกบ่ายมีเวลาว่าง ทศวิน ชัชวิน จอมใจและแก้วใสจึงมาเบรกกินขนมกับกาแฟ กินไปคุยไปเรื่องขนมแสนอร่อย ชัชวินกับจอมใจคุยกันเข้าขามากๆ เพราะต่างก็เคยไปเมืองนอกหลายแห่ง ซึ่งแต่ละแห่งมีสุดยอดขนมแตกต่างกันไป ทศวินเองก็คุ้นเคยกับเมืองต่างๆ บางครั้งจึงออกความเห็นไปกับสองคนนั้นด้วย จึงมีแต่แก้วใสที่นั่งฟังไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว เกิดความรู้สึกแปลกแยก ทศวินสังเกตเห็น พอถึงเวลาแยกย้าย ทศวินจึงแอบถามแก้วใสว่า คิดมากเหรอ?
"อ๋อ เปล่าหรอกค่ะคุณทศ ก็แค่...แก้วไม่เคยไปเมืองนอก เลยไม่รู้จัก ไม่รู้จะคุยอะไร"
"ไม่เป็นไรหรอก คนอื่นที่เขาเคยไปก็ไม่เคยตระเวนกินขนาดสองคนนั้นอยู่ดี ลองไปถามเรื่องเมืองหรือประวัติศาสตร์สิ ก็คงไม่รู้เรื่องเหมือนกัน มัวแต่กิน"
"ขอบคุณนะคะคุณทศ แก้วไม่เป็นไรหรอกค่ะ"
"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เอายังงี้ ไว้ฉันจะหาหนังสือมาให้ ร้านดังๆในเมืองนอกน่ะเขาจะออกหนังสือสูตรอาหารมา เอาไปอ่านแล้วก็ลองทำดู ฉันเชื่อว่าแก้วทำได้"
แก้วใสค่อยยิ้มได้ เอ่ยขอบคุณทศวินสำหรับกำลังใจ...
เมื่อตอนบ่ายได้คุยเรื่องขนม ตกค่ำกลับถึงบ้านจอมใจจึงลงมือทำคัพเค้กอย่างสุดฝีมือ ยิ่งพอแม่ได้ชิมแล้วชมว่าฝีมือใกล้เคียงกับคัพเค้กที่นิวยอร์ก จอมใจถึงกับยิ้มหน้าบาน บอกว่าพรุ่งนี้จะเอาไปฝากเชฟทศ เพราะเขามาจากนิวยอร์กต้องอยากทานแน่ๆ นงนุชฟังลูกและเห็นท่าทีดี๊ด๊า ก็รู้สึกทะแม่ง แล้วเลยลองแย็บเรื่องไปเรียนต่อเมืองนอก จอมใจชะงัก ถ้าไปเรียนต้องไม่ได้เจอเพื่อนและทศวิน จึงเฉไฉว่ายังยุ่งๆฝึกงานที่โรงแรม เลยลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป
"ยังไม่ต้องรีบมากก็ได้จ้ะ แต่ก็ลองแพลนไว้บ้าง พอเรียนจบจะได้ไม่ฉุกละหุกนะลูก"
จอมใจฝืนยิ้ม รับคำเสียงอ่อย...
รุ่งขึ้นนำขนมที่ทำให้ไปฝากหลายคนชิม ปรากฏว่าเชฟเต่าชมเปาะว่าทั้งหอมทั้งนุ่ม อร่อยจริงๆ แต่พอเอาไปให้ทศวินชิม จอมใจก็ต้องล่าถอยกลับมาด้วยความน้อยใจ เพราะเขาชิมแค่นิดเดียว ซ้ำยังบอกว่าชอบขนมไทยมากกว่า
แก้วใสและกุลแปลกใจที่เห็นจอมใจเซ็งกลับมา แต่จากคำพูดประชดประชันก็ทำให้สองสาวจับความรู้สึกได้ว่าเพื่อนน้อยใจทศวินที่ช่วงนี้เอาแต่เทรนงาน เพราะอาทิตย์หน้าเขาต้องเริ่มงานจีเอ็มแทนมิสเตอร์สมิทธิ์แล้ว...พูดไปแล้วกุลนึกได้ ถามแก้วใสว่า คุณชัชวินก็ยุ่งเหมือนกันใช่ไหม
"ยุ่งอะไร เดี๋ยวก็หนีมาหลับ เดี๋ยวก็หนีมากิน ไม่ไหว สู้คุณทศก็ไม่ได้"
"ไม่จริงหรอก ฉันว่าคุณชัชน่ะรู้จักแบ่งเวลาบ้าง ดีกว่าตั้งเยอะ" จอมใจชื่นชม...แต่แก้วใสสวนทันควัน
"ขี้เกียจล่ะสิไม่ว่า"
"น่าจะเอามาปั่นรวมกันแล้วหารสองนะสองคนนี้ อ๋อ ฉันรู้แล้ว ปั่นออกมาเป็นคุณอัศวินไง กำลังดี"
แก้วใสตีแขนจอมใจเป็นการเตือน เพราะเห็นกุลหน้าเสียไปนิด จอมใจรู้สึกตัวจึงขอโทษกุลยกใหญ่ กุลรีบปั้นหน้าสดใส ท้วงว่าขอโทษทำไม ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเธอสักหน่อย
"นี่กุล ฉันถามจริงๆเหอะ ยายหน้างิ้วนั่นมาระรานอะไรเธออีกรึเปล่า"
"ไม่แล้วล่ะ ก็ฉันไม่ได้ไปวุ่นวายกับคนของเขาแล้วนี่"
"แล้วทำยังไงล่ะ ในเมื่อทำงานเจอหน้ากันอยู่ทุกวัน"
กุลอึ้งไม่ตอบ จอมใจและแก้วใสมองหน้ากันอย่างเข้าใจ และรู้สึกสงสารเพื่อน จากนั้นกุลแยกกลับไปทำงานที่ศูนย์ประชุม กุลเข้ามาเจออัศวินในลิฟต์ ซึ่งมีคนแน่นมาก สองคนยืนเบียดแนบชิด ขณะเดียวกันนั้น อุไรริสาที่ผิดหวังจากทศวิน เธอตั้งใจจะไปชวนเขาทานกลางวัน แต่ไม่เจอตัว เพลินจิตเดินสวนมาเห็น จึงชวนอุไรริสาไปทานด้วยกัน และให้ไปชวนอัศวินมาด้วย
บังเอิญอุไรริสามาเจออัศวินกับกุลยืนแนบชิดกันในลิฟต์ อุไรริสาไม่พอใจอย่างแรง แทบจะเข้ามากระชากแขนกุลออก แต่เธอต้องรักษามารยาทเพราะมีแขกชายหญิงของอัศวินยืนอยู่ด้วย กระทั่งพวกเขาก้าวออกมา อุไรริสาฉีกยิ้มเข้าไปคล้องแขน อัศวินและแสดงตัวว่าเป็นว่าที่คู่หมั้นของเขา พูดพลางชำเลืองไปทางแขกของอัศวิน ทำให้อัศวินต้องแนะนำอย่างเลี่ยงไม่ได้
"ริสา นี่คุณนิธิกับคุณปารวี จะมาจัดงานแต่งงานที่โรงแรมเรา นี่คุณอุไรริสาครับ ว่าที่คู่หมั้นผม"
กุลหน้าซีดเจื่อน รีบเดินออกไปเพราะทนฟังไม่ไหว อัศวินมองตามอย่างอาทร ขณะที่อุไรริสาแสยะยิ้มสะใจ
ตกเย็นเลิกงาน จอมใจเดินออกมาเห็นทศวินเดินคู่ไปกับมิสเตอร์สมิทธิ์ ทศวินไม่แม้แต่จะทักเธอสักคำ จอมใจมองตามรู้สึกเหมือนทศวินจะห่างเหินออกไปทุกที เพลินจิตกับลลิลเดินออกมาอีกทาง มองตามสายตาจอมใจไปเห็นทศวินกับมิสเตอร์สมิทธิ์ เพลินจิตนิ่วหน้าแปลกใจว่าลูกชายของตนไปไหน ทำไมปล่อยให้ทศวินทำคะแนนนำอย่างนี้
ชัชวินพาแก้วใสไปส่งบ้าน แล้วยังพาทั้งยายหลานออกไปกินบัวลอยน้ำขิงเจ้าอร่อย ยายชอบมากกินไปหลายถ้วย พออิ่มหนำกันแล้วชัชวินก็บริการส่งยายหลานกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
ส่วนกุลที่หงอยเหงาเศร้าซึมกลับไปบ้าน แม่เห็นแล้วไม่สบายใจ คาดเดาว่าสาเหตุน่าจะเกี่ยวกับผู้ชายที่เป็นเจ้าของโรงแรม ที่ได้ยินกุลคุยโทรศัพท์กับเขาเมื่อคืน จึงซักถามลูกรักด้วยความเป็นห่วง
"แม่ขา...กุลไม่รู้เรื่องเลยว่าเขามีว่าที่คู่หมั้นอยู่แล้ว กุลไม่เคยคิดจะแย่งของๆใครนะคะแม่ กุลไม่รู้เรื่องจริงๆ
พอรู้กุลก็ไม่ได้คุยกับเขาแล้ว"
"แล้วกุลชอบเขารึเปล่าลูก" กุลนิ่งไม่ตอบ เท่ากับเป็นการยอมรับ แม่เห็นใจ ถามกุลว่า เขาพูดยังไงอีก
"เขาบอกว่าจะกลับมาใหม่ หลังจากที่เคลียร์เรื่องคู่หมั้นกับคุณยายเขาได้แล้ว"
"แล้วลูกเชื่อเขารึเปล่า" กุลอึ้งไปอีก แม่จึงเตือน "ไม่ว่าหนูจะเชื่อหรือไม่เชื่อเขาก็ตาม ขอให้ฟังแม่นะ แม่รู้ว่าเรื่องของหัวใจมันบังคับกันได้ยาก แต่ความรักที่ขาดคนสนับสนุน ก็แตกสลายได้ง่ายๆนะลูก แม่อยากให้ลูกมีสติมากๆ อย่าด่วนตัดสินใจ แม่ไม่อยากเห็นกุลไม่มีความสุข"
ขณะที่กุลยังคิดไม่ตก ฟากอัศวินก็พยายามหาทางออก เขาตัดสินใจเข้ามาขอกับคุณยายเรื่องหมั้นกับอุไรริสา อ้างยังไม่พร้อม ยังอยากทำงานและดูแลคุณยาย
"แต่งงานแล้วก็ยังทำงานได้ ดูแลยายได้ หนูริสาน่ะเหมาะสมกับวินทุกอย่าง ทั้งเรื่องฐานะ วงศ์ตระกูล เชื่อยาย สิลูก ถ้าสองคนแต่งงานกันไปก็จะเป็นปึกแผ่น ยายก็จะได้หมดห่วง นอนตายตาหลับ นะลูกนะ"
อัศวินเจอไม้นี้ถึงกับเงียบงัน ไม่กล้าขัดใจท่านอีก...
ooooooo
เมื่อคืนตอนไปส่งแก้วใสที่บ้าน ชัชวินได้ขนมฝีมือแก้วใสกลับมาหนึ่งกล่อง แต่เขายังไม่ทันได้ชิม เพลินจิตตื่นเช้ามาตัดหน้าเสียก่อน ปรากฏว่าเพลินจิตชื่นชอบในรสชาติและหน้าตาขนมฝรั่งที่นำมาประยุกต์ ผสมกับขนมไทยนี้มาก ถึงกับออกปากให้ชัชวินสั่งมาขายในเบเกอรี่ของโรงแรม โดยไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของแก้วใส
ขณะเดียวกัน แก้วใสก็นำขนมนี้ไปให้ทศวินชิมด้วยเช่นกัน ซึ่งเธอได้ไอเดียจากหนังสือที่ทศวินให้ยืมมา ทศวินชิมแล้วรู้สึกไม่ต่างจากเพลินจิต แก้วใสยิ้มรับคำชม และขอบคุณ ทศวินที่ทำให้เธอมีความหวังว่าขนมของเธอน่าจะได้นำมาขายในโรงแรม
ลลิลเห็นแก้วใสออกจากห้องทศวิน จึงตามไปแขวะแก้วใสว่าทำหน้าซื่อตาใสอ่อยทั้งชัชวินและทศวิน เพราะคิดจะจับคนรวยๆ แต่ขอบอกให้เอาบุญว่าแก้วใสคิดผิด สังคมไฮโซเขาหาเงินมาต่อเงิน รักแท้ในนิยายมีไว้หลอกเด็กเท่านั้น ก้นครัวเป็นที่ที่เหมาะสมกับแก้วใสที่สุด
แก้วใสสะเทือนใจจนน้ำตาคลอ จอมใจเดินสวนลลิลเข้ามาเห็นน้ำตาเพื่อน จึงหันกลับไปคาดคั้นลลิลว่าทำอะไรแก้วใส ลลิลปฏิเสธเสียงสูงว่าไม่ได้ทำอะไร แค่แวะมาคุยกับแก้วใสเฉยๆ จอมใจไม่เชื่อพยายามคาดคั้นลลิลอีก แต่แก้วใสไม่อยากต่อความยาวจึงขอร้องจอมใจว่าพอเถอะ ลลิลจึงเหยียดหยันทั้งคู่อีกเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดหน้าจากไป
เมื่อลลิลไปบ่นกับอุไรริสาเรื่องชัชวินชอบแก้วใส อุไรริสาจึงหาทางช่วยด้วยการไปบอกเพลินจิตที่พยายามจะจับคู่ลลิลกับชัชวิน อยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเพลินจิตต้องไม่พอใจที่ลูกชายไปชอบแค่เด็กฝึกงานต๊อกต๋อยอย่าง แก้วใส...
อีกวันถัดมา เพลินจิตกับชัชวินพาประกิตไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตามหมอนัด ปรากฏว่าครั้งนี้ประกิตมีอาการไตเสื่อม เพลินจิตไม่อยากให้ชัชวินหรือแม้แต่ประกิตรู้รายละเอียดใดๆทั้งสิ้น จึงขอคุยกับหมอเป็นการส่วนตัว แล้วไม่ว่าหมอจะห้ามเรื่องอาหารการกินของประกิตกี่ชนิดกี่อย่าง เพลินจิตที่อยากกำจัดประกิตอยู่แล้ว จึงสบโอกาสเหมาะ สั่งแม่บ้านทำอาหารเหล่านั้นให้ประกิตกิน โดยเฉพาะน้ำส้มซึ่งหมอบอกว่าอันตรายที่สุด เพลินจิตสั่งแม่บ้านคั้นให้ประกิต ดื่มทั้งเช้าและเย็น อย่าได้ขาด...
ทางด้านแก้วใส หลังจากนำขนมไปให้ใครต่อใครชิมได้ไม่กี่วัน เช้าวันนี้แก้วใสก็ได้รับข่าวดีจากทางโรงแรมที่โทร. มาสั่งขนมของเธอไปขายในเบเกอรี่ แก้วใสดีใจมากคิดว่าเป็น ทศวินที่ช่วย แต่เปล่าเลย คนที่สั่งการเรื่องนี้โดยตรงคือชัชวินต่างหาก
ooooooo
ย้ายเข้ามาอยู่ร่วมชายคากับคุณย่าได้สักพัก ทศวินที่ต้องการสืบความจริงเรื่องพ่อ จึงขออนุญาตคุณย่ามาใช้ห้องทำงานเก่าของพ่อ คุณยุบลไม่มีปัญหา แต่ต้องบอกเพลินจิตเสียหน่อย เพราะตั้งแต่พ่อทศวินจากไป เพลินจิตมักจะเข้าไปใช้ห้องนั้นบ่อยๆ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะใช้เป็นห้องทำงานของตัวเองถาวรเลยหรือเปล่า
เมื่อได้ฟังแม่ผัวมาขอห้องให้หลานชาย เพลินจิตไม่พอใจแต่ต้องเก็บกลั้นความรู้สึก อ้างว่าห้องทำงานเก่าของเธอเก็บเอกสารไม่พอ จึงแบ่งมาไว้ในห้องนั้นจำนวนไม่น้อย แล้วจะให้เธอย้ายไปเก็บไว้ที่ไหนได้
"คุณอาไม่ต้องย้ายเอกสารออกไปไหนก็ได้นะครับ ถ้าคุณอาอยากจะเข้ามาหยิบเมื่อไหร่ก็บอกผม ผมอนุญาตให้คุณอาเข้ามาได้"
"ทศวิน...ให้เกียรติอาบ้างนะ อย่าทำกับอาเหมือนเป็นขอทานสิ ในเมื่อเธอมาทีหลังก็น่าจะไปใช้ห้องอื่น"
"เพลินจิต..." คุณยุบลแทรกขึ้นมาเสียงเข้ม "ฉันไม่เห็นว่าหลานมันจะหมิ่นเกียรติเธอตรงไหน เธอต่างหากที่ถือวิสาสะมายึดห้องนี้เป็นของตัวเอง จะถามฉันสักคำก็ไม่เคย"
"เพลินขอโทษค่ะคุณแม่...งั้นอาขอเวลาในการย้ายของทั้งหมด"
"แล้วแต่คุณอาจะสะดวกครับ แต่ผมคงเริ่มมาใช้ห้องนี้ตั้งแต่วันนี้"
"เป็นอันว่าตกลงตามนี้" คุณยุบลสรุปรวบรัด เพลินจิตจึงไม่กล้าบิดพลิ้วอีก แต่ขอคุยกับหลานสักครู่ จะอธิบายกุญแจตู้ต่างๆ พอคุณยุบลลับกาย เพลินจิตก็ใส่ทศวินฉอดๆ
"เธอใช้ความเป็นหลานรักให้คุณแม่มาไล่ฉัน แบบนี้มันตั้งใจจะเป็นศัตรูกันนี่"
"ผมไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูกับใคร ผมแค่อยากใช้ห้องพ่อเป็นห้องทำงาน เพราะมันทำให้ผมเหมือนยังอยู่ใกล้ๆพ่อ"
"อย่าอ้างเรื่องพ่อของเธอดีกว่า จริงๆแล้วเธออยากกลับมาเอาสมบัติมากกว่าใช่ไหม"
"ถ้าผมคิดจะทำอย่างนั้นผมคงกลับมาตั้งนานแล้ว ไม่ปล่อยให้ผ่านมาตั้งยี่สิบปีหรอกครับ"
"ถ้างั้นเธอกลับมาทำไม เพิ่งจะกลับมาก็แสดงอำนาจ บาตรใหญ่ จริงๆแล้วการกลับมาของเธอก็ไม่พ้นเรื่องสมบัติ"
ทศวินคร้านที่จะพูดอะไรอีก แยกกลับห้องส่วนตัว นั่งครุ่นคิดถึงจดหมายของพ่อที่เขาเห็นโดยบังเอิญ พ่อเขียนเตือนแม่ให้พาเขาหนีไปเมืองนอก แล้วอย่ากลับมาเมืองไทย เพราะพ่อกำลังถูกจับตามอง พ่อเป็นห่วงลูกเมียจะมีอันตรายไปด้วย เพราะคนที่คิดร้ายกับอัครศิริกลัวว่าพ่อจะบอกความลับบางอย่าง
นั่นแสดงว่าพ่อรู้ตัวว่าโดนปองร้าย เหตุนี้เองทศวินจึงไม่ปักใจเชื่อที่ใครๆบอกว่าพ่อของเขาฆ่าตัวตาย...ทศวิน มองรูปครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกที่เอาติดตัวมาด้วย พลางก็วิงวอนขอพ่อช่วยให้ตนทำสิ่งที่ตั้งใจจนสำเร็จด้วย
ในขณะเดียวกันนั้น เพลินจิตไปปรึกษาหารือกับวิชาอย่างเคร่งเครียด วิชาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่เพลินจิตจะยกห้องนั้นให้ทศวิน เพราะเรายังหาเอกสารที่ปกรณ์ซ่อนไว้ไม่เจอ
"แล้วจะให้ฉันทำยังไง ก็มันมีอีแก่นั่นให้ท้ายอยู่"
"ว่าแต่คุณค้นห้องนั้นละเอียดแล้วแน่นะ"
"ฉันค้นมายี่สิบปีแล้วนะ ถ้ามันซ่อนไว้ที่นั่นเราก็ต้องเจอแล้วสิ ไอ้เด็กบ้านี่ก็ไม่รู้จะกลับมาทำไม รู้งี้ไม่น่าปล่อยมัน กับแม่ให้หนีไปได้เลย"
"เอาน่า ดูๆมันไปก่อน ถ้ามันสร้างปัญหาให้เราสามคน พ่อแม่ลูกเมื่อไหร่ ผมรับรองว่ามันได้ไปเจอพ่อมันแน่"
ooooooo
ถึงวันที่ทศวินต้องรับตำแหน่งจีเอ็มแทนมิสเตอร์ สมิทธิ์เป็นเวลาสองสัปดาห์ก่อนจะส่งต่อให้ชัชวินตามข้อตกลงของคุณยุบลที่ให้ สลับกัน...ทศวินมาแต่เช้า คุณยุบลกับสุมนาเป็นปลื้มชื่นชมหลานชาย สุมนาอวยพรทศวินให้ทำงานได้ราบรื่น แต่เพลินจิตกลับแขวะ ทศวินลับหลังคุณยุบลและสุมนาว่า
"อาคงไม่อวยพรนะ เพราะรู้ว่าเธอน่ะเป็นคนโชคดี ขนาดจบด้านอาหารยังสามารถมาเทียบกับตาชัชที่จบโทด้านบริหารได้"
ทศวินไม่พอใจแต่ไม่แสดงออก...แต่ยามนี้คนที่แสดงออกชัดเจนก็คือนิลรัตน์ เมื่อรู้ว่าขนมของแก้วใสถูกสั่งมาขายในเบเกอรี่ นิลรัตน์ทั้งอิจฉาและหมั่นไส้ ฟ้องชัชวินให้จัดการแก้วใสมั่วนิ่มเอาขนมตัวเองมาขายปนกับของโรงแรม ชัชวิน กลับย้อนถามว่าจะให้เขาจัดการอะไร เธอคงต้องไปหาตัวคนสั่งมา เขาจะได้สอบสวน แต่ถ้าหาไม่ได้แก้วใสก็ต้องขายต่อ นิลรัตน์ฟังแล้วโมโหผละไปด้วยท่าทีฮึดฮัด ส่วนชัชวินยังคงแกล้งอำแก้วใสต่อไป ไม่บอกให้เธอรู้ว่าเขานั่นเองที่เป็นคนสั่งการเรื่องขนม แก้วใสเลยปักใจว่าเป็นทศวิน
นิลรัตน์ไปบอกเล่าเรื่องขนมของแก้วใสให้ลลิลกับ
ข้าวปุ้นฟัง ข้าวปุ้นเผลอตัวชื่นชมแก้วใสเก่ง มาฝึกงานแป๊บเดียวทางโรงแรมถึงกับสั่งซื้อขนมมาขาย แต่แล้วนึกได้เมื่อถูกสองสาวตวาดใส่ ลลิลไม่สนว่าใครจะเป็นคนสั่ง แต่เจ็บใจทำไมชัชวินต้องไปยุ่งกับแก้วใสด้วย
"ฉันว่าคุณชัชไม่ได้ไปยุ่งหรอก เท่าที่ดูนังแก้วใสนี่นะ อ่อยตัวแม่เลย ดัดจริตทำเป็นหงิมๆ แต่แอบส่งสายตาสุดฤทธิ์นะ ฉันว่างานนี้มันใช้มารยาหมดห้าร้อยเล่มเกวียนแน่"
"กลัวอะไร้...หมดก็มายืมของพวกเราได้ ยังไงพวกเราก็มารยาเยอะกว่าพวกนั้นอยู่แล้วเนอะ"
"นี่นังข้าวปุ้น ถ้าหล่อนไม่พูดก็ไม่มีใครเขาว่าหล่อนโง่หรอก หุบปากได้แล้ว" นิลรัตน์แหวใส่จนข้าวปุ้นนิ่งง่อยจ๋อยสนิท...แล้วนิลรัตน์ก็ถามลลิลว่า พวกเราจะทำยังไงดี ลลิลตอบโดยไม่ต้องคิดว่า ก็ต้องขวางไม่ให้มันจับชัชวินได้!
ส่วนทศวินที่ขึ้นมาบริหารงานอย่างเต็มตัว พอรู้ว่าขนมของแก้วใสถูกสั่งมาขายในเบเกอรี่ เขาจึงให้เลขาฯแจ้งไปยังแผนกประชาสัมพันธ์ให้ขึ้นป้ายเป็นเมนูแนะนำประจำ เดือนของร้าน จังหวะนี้เอง แก้วใสเข้ามาพร้อมขนมหนึ่งกล่อง ทศวินจึงพยักหน้าให้เลขาฯออกไปก่อน
แก้วใสนำขนมมาให้ทศวินตอบแทนที่เขาให้โอกาสเธอ ทศวินสงสัยแต่ยังไม่ทันพูดอะไร ก็ต้องออกไปรอรับแขกวีไอพีชาวต่างชาติที่เลขาฯแจ้งว่ามาถึงแล้ว...
ที่ร้านเบเกอรี่ลูกค้าเยอะ แก้วใสยุ่งอยู่คนเดียว เพราะนิลรัตน์แอบหลบไปอู้ ส่วนพนักงานอีกคนไปอบรมการหนีไฟ ชัชวินรู้เข้าจึงแจ้งไปยังจอมใจและกุล ไม่นานสองสาวก็รีบมาช่วยแก้วใส รวมทั้งชัชวินที่ทั้งช่วยและให้กำลังใจแก้วใสอย่างเต็มที่
พอหมดลูกค้า สามสาวจึงปลีกตัวไปกินไอศกรีมในห้องอาหาร กินไปคุยไปด้วยเรื่องขนมของแก้วใส กุลเดาต้องเป็นชัชวินแน่ๆที่สั่งขนมของแก้วใสมาขาย แต่แก้วใสบอกไม่ใช่ ทศวินต่างหากที่สั่ง แถมเขายังให้แผนกพีอาร์ทำโฆษณาเป็นขนมแนะนำประจำเดือนด้วย จอมใจได้ยินถึงชะงักหน้าเจื่อนไปทันที
แล้วอีกพัก จอมใจต้องนำใบประเมินการทำงานประจำสัปดาห์ไปให้ทศวินเซ็น ทศวินกำลังยุ่งกับเอกสารตรงหน้าจำนวนมาก จึงรับมาเซ็นอย่างรวดเร็วแล้วส่งคืน ไม่ได้มองแม้แต่ หน้าคนที่ส่งมาให้เซ็นด้วยซ้ำ ทำให้หญิงสาวน้อยใจกระแทกใบประเมินลงตรงหน้าเขา พร้อมกับบ่นว่าเซ็นให้ใคร อ่านมั่งรึเปล่า สักแต่เซ็นๆ ทศวินสะดุ้งเงยหน้าเห็นจอมใจก็ร้องอ้าว ก่อนขอโทษที่เขาสนใจงานมากไปหน่อย จอมใจสุดเซ็งโวยอย่างหมดความอดทน ทศวินเลยต้องง้อ และนัดไปทานข้าวเย็นนี้ ความน้อยใจของจอมใจจึงค่อยทุเลา บอกเขาว่า เธอขอเลือกร้านเอง...
ooooooo