icon member

เงารักลวงใจ

ตอนที่ 17

เช้าแล้ว รัญญาแต่งตัวรอยุวรินทร์มารับไปฟังผลตรวจดีเอ็นเอ แต่ผิดเวลานัดไปมากก็ยังไม่เห็นแม้เงาของยุวรินทร์ ลองโทร.ไปหาก็ไม่รับสาย...ขณะรัญญา กำลังกระวนกระวายไม่รู้จะติดต่อยุวรินทร์ยังไง รตีก็ ดอดไปเซ็นรับผลตรวจดีเอ็นเอ โดยมีใบนัดฟังผลและแจ้งชื่อว่าเป็นลูกสาวของคุณรัญญา อัศวธานนท์

เมื่อได้ผลตรวจซึ่งรตีรู้แก่ใจอยู่แล้วว่ามันจะออกมา ยังไง รตีรีบแก้ไขข้อความที่ระบุว่าเธอไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดกับรัญญา โดยการใช้ลิควิดเปเปอร์ลบคำว่า "ไม่" ออก แล้วนำไปถ่ายเอกสารใหม่ เท่านี้ผลตรวจก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เกือบบ่ายโมงแล้ว ข้าวหอมเริ่มบ่นถึงน้าฝนที่ยังไม่มา ส่วนรัญญาก็กระสับกระส่ายหนัก จนกระทั่งแจงหน้าตาตื่นเข้ามาบอกรัญญาว่าตำรวจมาขอพบ ทั้งรัญญาและข้าวหอมแปลกใจ แล้วอีกครู่ก็ต้องตกใจแทบช็อก เมื่อตำรวจแจ้งว่ายุวรินทร์เสียชีวิตแล้ว

ทั้งคู่ตามตำรวจไปดูศพยุวรินทร์ที่โรงพยาบาล รัญญาทำใจไม่ได้ร้องไห้จนเป็นลม ข้าวหอมต้องร้องเรียกพยาบาลมาช่วย พอรัญญาฟื้น ตำรวจก็เริ่มสอบถาม

"ทางเราทราบมาว่าคุณรัญญาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของคุณยุวรินทร์ ถูกต้องไหมครับ"

ข้าวหอมเหลือบมองรัญญาซึ่งเศร้าซึมอย่างที่สุด ไม่มีทีท่าจะตอบคำถามตำรวจ

"มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณตำรวจ" ข้าวหอมถามขึ้นมา

"เมื่อตอนเที่ยงแม่บ้านเข้าไปในห้องคุณยุวรินทร์เพื่อทำความสะอาด แต่พบเธอเสียชีวิตอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้ว เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุนะครับ เธอคงกำลังเป่าผม แต่ลื่นล้มลงไปที่อ่างอาบน้ำ ไฟก็เลยช็อต...ยังไงก็ตาม ทางเราอยากสอบถามคุณรัญญาเพิ่มเติม"

"ขอให้คุณน้าทำใจสักพักก่อนได้ไหมคะ"

"ครับ พร้อมเมื่อไรก็ติดต่อผมได้เลยนะครับ"

ข้าวหอมรับนามบัตรมาจากตำรวจ แล้วหันกลับมาปลอบประโลมรัญญาที่ร้องไห้รำพึงรำพันถึงยุวรินทร์อย่างยากที่ จะทำใจ

คืนแรกของงานศพยุวรินทร์...รัญญาเป็นเจ้าภาพ แขกเหรื่อไม่มากนัก รตีกับข้าวหอมช่วยกันคนละไม้ละมือ รวมทั้งแจงอีกคนก็ช่วยงานเต็มที่ รตีเล่นละครได้แนบเนียนตีหน้าเศร้าเสียใจกับการจากการไปของน้าฝน และช่วยปลุกปลอบแม่รัญญา

"คุณแม่ทำใจบ้างนะคะ ถึงแม้น้าฝนจะจากไปแล้ว แต่ตั้งแต่นี้ไป รตีจะเป็นทั้งลูกสาว แล้วก็เพื่อนสนิทของคุณแม่แทนน้าฝนเองค่ะ"

"ขอบใจมากนะ รตีลูกแม่"

"คุณแม่คะ วันนี้ตอนที่คุณแม่ออกมาที่วัด ตำรวจมาที่บ้าน  ฝากให้เอาเอกสารนี้ให้คุณแม่ค่ะ  เขาพบที่กระเป๋าของ น้าฝน คิดว่าน้าฝนน่าจะต้องการนำมาให้คุณแม่ค่ะ"

รัญญาเห็นว่าเป็นซองของโรงพยาบาล รับมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น และอดไม่ได้ที่จะถามรตีว่า เปิดดูหรือยัง?

"เอกสารของคุณแม่ รตีไม่เสียมารยาทหรอกค่ะ"

รัญญามองมองซองเอกสารอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจเปิดซอง รตีทำเป็นขยับออกห่างไม่อยากรู้อยากเห็น รัญญาดึงแผ่นกระดาษใบแจ้งผลตรวจดีเอ็นเอออกมา ซึ่งข้อความในเอกสารระบุชัดเจนว่า   นางสาวรัญญา   อัศวธานนท์ และนางสาวรตี อัศวธานนท์ มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด...รัญญาน้ำตารื้นขึ้นมา รตีเหลือบมองอาการของรัญญาแล้วแอบยิ้ม ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้

"คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ตกลงเอกสารนั่นคืออะไรเหรอคะ"

"ไม่มีอะไรลูก...มันเป็นสิ่งที่น้าฝนเขาสงสัย อยากพิสูจน์ แต่ตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้ว"

รัญญาสะเทือนใจร้องไห้ รตีกอดปลอบ แต่สายตามองไปยังรูปยุวรินทร์ที่ตั้งหน้าโลงศพ แล้วแอบยิ้มร้ายออกมา

ภูผา โตมร นาวา และเตชิตมาฟังสวดศพยุวรินทร์ โตมรแอบบ่นกับเตชิต กลัวรัญญาจะเลื่อนงานแต่งงานของลูกสาวออกไป เพราะเพื่อนรักตายทั้งคน เตชิตรู้ทันความคิดพ่อ จึงประชดว่าพ่อไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงโอกาสที่จะได้เกี่ยวดองกับบ้านน้ารัญก็คงไม่หลุดมือไปแน่ โตมรไม่พอใจลูกชาย แต่ ไม่กล้าทำอะไร นอกจากจ้องหน้าดุๆ

ภูผาแสดงความเสียใจกับรัญญาที่สูญเสียเพื่อนรักคนเดียวไปอย่างไม่มีวันกลับ รัญญาอดโทษตัวเองไม่ได้ที่ทะเลาะกับยุวรินทร์ ทำให้ยุวรินทร์ต้องออกไปอยู่ข้างนอกแล้วเกิดเรื่องแบบนี้ ภูผาให้คิดเสียว่ามันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น

"อีกอย่างนะครับ   น้าฝนก็ไม่ได้โกรธอะไรน้ารัญแล้ว น้าฝนบอกผมเองว่าต้องการพิสูจน์เรื่องดีเอ็นเอให้จบเรื่องก่อน ถึงจะกลับไปอยู่ที่บ้าน"

"นาวารู้เรื่องด้วยเหรอ" รัญญาแปลกใจ...ภูผาสงสัยว่า เรื่องอะไร   ดีเอ็นเออะไรกัน?   "ฝนสงสัยว่า   รตีไม่ใช่ลูกฉัน ก็เลยแอบพาฉันไปตรวจดีเอ็นเอกับรตี   แต่ฝนก็ได้รู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด"

"หมายความว่าไงครับ" นาวาซัก

"ตำรวจเขาเจอผลตรวจดีเอ็นเอในกระเป๋าของฝน...รตี เป็นลูกสาวน้าจริงๆ หลับให้สบายเถอะนะฝน...ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว" รัญญาเศร้าสะเทือนใจน้ำตาไหลออกมาอีก ภูผาลูบหลังปลอบใจ...

นาวายังข้องใจบางอย่าง เช้าวันรุ่งขึ้นเขาไปคุยกับตำรวจเจ้าของคดียุวรินทร์ ทราบว่าผลการชันสูตรยุวรินทร์น่าจะเสียชีวิตก่อนที่จะมีคนมาพบศพประมาณ 12 ชั่วโมง ก็น่าจะประมาณสามทุ่มถึงเที่ยงคืนของเมื่อสองวันก่อน

ได้ข้อมูลนี้แล้ว นาวาไปต่อที่โรงพยาบาล ตรงไปยังห้องตรวจดีเอ็นเอ สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าใครมารับผลตรวจของคุณรัญญา พอรู้ว่าเป็นรตี นาวาจึงรีบโทร.หารัญญาทันที

"อะไรนะ รตีเป็นคนไปรับผลตรวจดีเอ็นเอเองเหรอ ถ้างั้นทำไมรตีต้องโกหกว่าตำรวจเจอผลตรวจในกระเป๋าของฝนด้วย"

"เพราะคงมีอะไรบางอย่างที่รตีต้องการจะปิดบังน้ารัญน่ะสิครับ"

รัญญานิ่งอึ้ง ค่อยๆวางโทรศัพท์...แล้วจึงรีบลุกไปเปิดลิ้นชักหน้าตู้กระจก หยิบซองเอกสารออกมาเปิดดูอีกครั้งเพื่อหาพิรุธ แล้วก็สะดุดตรงคำว่ามี ซึ่งเป็นรอยเส้นจางๆ

"รอยอะไร...หรือว่า...ไม่..." รัญญาส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ แต่แล้วตัดสินใจออกจากห้อง   เจอรตีเดินขึ้นบันไดมาพอดี "รตี หนูทำอะไรกับเอกสารนี่"

รตีชะงักนิ่งอึ้งไป ก่อนจะแสร้งไม่รู้ไม่ชี้ ถามว่าเอกสารอะไร?

"หนูลบคำว่าไม่ออกไปใช่ไหม จริงๆแล้วเราไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันใช่ไหม"

"รตีไม่รู้เรื่องนะคะคุณแม่"

"ก็ได้...ถ้าหนูไม่ยอมรับ แม่ไปขอเอกสารฉบับใหม่ที่โรงพยาบาลเองก็ได้"

"อย่านะคะคุณแม่   คุณแม่อย่าไป"   รตีดึงรั้งรัญญาสุดแรง

"เพื่อนที่แสนดีต้องไม่โกหกหลอกลวงกันไม่ใช่เหรอ เธอจะมาเป็นเพื่อนสนิทของฉันแทนฝนได้ยังไง ในเมื่อเธอเอาแต่โกหกหลอกลวงฉัน"

"บางครั้งคนเราก็ต้องโกหกเพื่อความอยู่รอด บางคนโกหกเพราะความจำเป็น ทำไมคุณแม่ไม่มองที่เจตนาล่ะคะ"

"แล้วเธอมีเจตนาอะไรถึงต้องมาสวมรอยเป็นลูกสาวฉัน เธออธิบายเจตนาดีของเธอให้ฉันฟังซักข้อได้ไหม นอกจากเรื่องที่ต้องการสมบัติของฉันแล้ว เธอยังจะมีเจตนาอะไรอีก"

"ค่ะ หนูอยากได้สมบัติของคุณ แต่นั่นมันก็แค่ส่วนนึง จริงๆแล้วคุณเป็นแม่ที่วิเศษที่สุด เด็กกำพร้าที่ไม่รู้จักพ่อแม่ ที่แท้จริงอย่างหนูก็ต้องการคนที่จะเป็นแม่เหมือนกันนะคะ อย่าให้เรื่องนี้ทำลายความสัมพันธ์ของเราเลยนะคะ คุณต้องการมีลูก   ส่วนหนูก็ต้องการมีแม่...หนูรักคุณแม่นะคะ   เราเป็นแม่ลูกกันเหมือนเดิมนะคะ...นะคะคุณแม่"

รัญญาร้องไห้อย่างสะเทือนใจ ค่อยๆแกะมือรตีออก

"แล้วลูกสาวฉันล่ะ เขาก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน สิ่งที่เธอทำคือแย่งแม่ของเขาไปทั้งคนนะรตี บอกฉันได้ไหมว่าเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน รับรองว่าฉันจะไม่ทอดทิ้งเธอ เธอยังจะได้อยู่ที่นี่ต่อไป"

"ได้อยู่ที่นี่ ทั้งๆที่คุณไม่ต้องการหนูแล้วอย่างนั้นน่ะเหรอคะ"

"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ"

"ทำไมจะไม่ใช่ ถ้าคุณต้องการหนู แล้วคุณจะหาลูกสาวตัวจริงของคุณอีกทำไม  หนูนี่ไงคะลูกสาวคุณ  คุณไม่จำเป็นต้อง ตามหาใครอีกแล้ว"

"แต่เธอไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของฉัน...ฉันแค่ต้องการได้เจอลูกแท้ๆของฉัน ...ลูกที่มีสายเลือดฉัน คนที่ฉันตามหามาตลอดสิบแปดปี เธอคืนเขาให้ฉันเถอะนะรตี ฉันขอร้อง"

"แปลว่าเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ไช่ไหมคะ"

"ลูกสาวฉันทั้งคนนะรตี เธอจะให้ฉันนิ่งดูดายไม่ตามหาได้ยังไง เธอบอกฉันมาเถอะว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน"

รตีจ้องมองรัญญาอย่างเคียดแค้นขมขื่น น้ำเสียงเยือกเย็น "ถ้าฉันต้องสูญเสียทั้งคุณแล้วก็สมบัติของคุณ...ฉันเลือกสูญเสียคุณคนเดียว ดีกว่า"

"รตี...เธอจะทำอะไร" รัญญาผงะหวาดกลัว

"ลูกสาวคุณมันตายไปแล้ว ถ้าอยากไปตามหามันในนรก ฉันก็จะสงเคราะห์ให้" ว่าแล้วรตีก็ผลักรัญญาสุดแรง หวังให้ ตกบันได รัญญาคว้าจับราวไว้ได้ รตีสุดอำมหิตผลักรัญญาอีกครั้งจนรัญญากลิ้งหลุนๆตกลงมาสลบแน่นิ่ง...รตีหยิบ ใบแจ้งผลตรวจดีเอ็นเออย่างใจเย็น แล้วกลับเข้าห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้าวหอมกับแจงไปจ่ายตลาดกลับมาเจอรัญญานอนเลือดอาบศีรษะ ทั้งคู่แตกตื่นตกใจ ลนลานโทร.ไปเรียกรถพยาบาลมาโดยเร็ว

ooooooo

หน้าห้องฉุกเฉิน ข้าวหอมยืนรอหมอด้วยความกระวนกระวายใจ  รตีเองก็ลุ้นว่ารัญญาจะตายไหม  ถ้า ไม่ตายแล้วฟื้นขึ้นมาเล่าความจริงให้ใครต่อใครฟัง เธอจะทำยังไงดี...เห็นนาวารีบร้อนเข้ามา รตีก็ยิ่งเครียด ถามเขาว่า มาได้ยังไง?

"ข้าวหอมโทร.บอกฉันน่ะสิ ทำไมเหรอ ดูเธอจะตกใจมากนะที่ฉันมา"

"เปล่า ฉันแค่ไม่เห็นว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้"

"แม่เธอตกบันไดมาทั้งคนนะรตี เป็นตายร้ายดีก็ยังไม่รู้ นี่ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกเหรอ"

รตีแก้ตัวไม่ถูก เมินมองไปทางอื่นไม่อยากสบตานาวา แต่ยังสนใจฟังนาวาที่ซักถามข้าวหอมว่าน้ารัญตกบันไดลงมา ได้ยังไง ข้าวหอมบอกไม่รู้ ตอนนั้นเธออยู่ข้างนอกกับพี่แจง... นาวาหันมองรตีอย่างจับผิด รตีชักร้อนๆหนาวๆ แต่พยายามไม่แสดงพิรุธ

"งั้นตอนนั้นเธอก็อยู่กับน้ารัญสองคนน่ะสิ รตี"

"แต่ฉันก็ไม่ได้ตัวติดกับคุณแม่สักหน่อย จะไปรู้ได้ไงล่ะว่าคุณแม่ตกลงมาได้ยังไง"

หมอออกจากห้องฉุกเฉิน รตีผวาไปถามอาการคุณแม่ แล้วคำตอบของหมอก็ทำให้รตีต้องซ่อนแววตากังวล

"คนเจ็บยังไม่ฟื้น แต่ถ้าร่างกายพร้อมก็อาจจะฟื้นใน คืนนี้พรุ่งนี้ หมอคิดว่าไม่มีอะไรน่าห่วง"

จากนั้นรัญญาก็ถูกย้ายจากห้องฉุกเฉินไปห้องพักฟื้น ทั้งสามคนตามเข้าไป...แล้วอีกครู่นาวาก็ขอตัวกลับ ข้าวหอมจึงเดินออกมาส่งเขาที่หน้าลิฟต์ นาวารู้ว่าข้าวหอมเป็นห่วงรัญญามาก  เขาปลอบและให้กำลังใจเธอว่า  ไม่ต้องกลัว  น้ารัญ ต้องไม่เป็นอะไร

"ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นค่ะ แต่ก็อดห่วงไม่ได้ เพราะเกิดเรื่องไม่ดีกับคุณน้าบ่อยเหลือเกิน"

"ฉันเองก็อยากรู้ว่าน้ารัญตกบันไดมาได้ยังไง พรุ่งนี้น้ารัญฟื้นขึ้นมาก็คงมีโอกาสได้รู้ เธอต้องดูแลน้ารัญให้ดีนะ อย่าให้น้ารัญเป็นอะไรได้อีก"

"แน่นอนค่ะ ฉันจะอยู่เฝ้าคุณน้า ไม่ไปไหนเด็ดขาด"

"งั้นรีบกลับไปเฝ้าน้ารัญเถอะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน"

ข้าวหอมพยักหน้า แล้วเดินกลับห้องรัญญา นั่งเฝ้าติดขอบเตียง รตีซึ่งเฝ้าอยู่ด้วยกันพยายามคิดอ่านหาทางกำจัดรัญญาไม่ให้ฟื้นขึ้นมาเล่า ความจริงได้ แล้วรตีก็ออกอุบายให้ข้าวหอมออกไปซื้อกาแฟกับเค้กหน้าโรงพยาบาล อยู่ทางนี้ รตีเตรียมจะฆ่ารัญญาด้วยการใช้หมอนกดที่หน้า แต่โชคไม่เข้าข้างคนเลว พยาบาลเข้ามาขัดจังหวะอย่างไม่ตั้งใจ รตีเลยต้องชะงักงันไป

ครั้นพยาบาลกลับออกไปแล้ว รตีทำท่าจะลงมือต่อ รัญญากลับรู้สึกตัวเรียกหาลูก รตีกลัวแทบตายว่ารัญญาจะจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ แต่ปรากฏว่ารัญญาจำไม่ได้เลย เอาแต่ บ่นว่าปวดหัว ไม่รู้ว่าตัวเองตกบันไดได้ยังไง รตีลอบยิ้ม รีบบอกรัญญาว่า แม่คงจะคิดถึงน้าฝนมาก จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก็เลยพลัดตกบันไดลงมา

ได้ยินชื่อฝนหรือยุวรินทร์เพื่อนรัก รัญญาจำไม่ได้ว่าเพื่อนตายแล้ว นั่นยิ่งทำให้รตีมั่นใจว่ารัญญาต้องความจำเสื่อมแน่...ยิ่งนึกรัญญาก็ยิ่ง ปวดหัวหนัก จนรตีต้องเรียกหมอและพยาบาลมาดูอาการ

หมอสแกนสมองรัญญาแล้วปรากฏว่ารัญญามีอาการหลงลืมในระยะสั้น เกิดจากการที่สมองได้รับความกระทบกระเทือน และอาจจะมีเรื่องกระทบกระเทือนใจหรือตกใจอย่างรุนแรงจนสมองสั่งปิดการรับรู้

"แล้วคุณแม่จะเป็นแบบนี้ไปอีกนานไหมคะ"

"ก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของคนไข้เองน่ะครับว่าพร้อมจะเปิดรับความทรงจำที่หายไป เมื่อไหร่ แต่หมออยากให้เตรียมใจไว้ด้วย เพราะอาจต้องใช้เวลา"

ข้าวหอมรับฟังด้วยความเป็นห่วง ขณะที่รตียิ้มอย่างพอใจ และแอบคิดในใจว่า

"ถือเป็นโชคดีของเราสองคน คุณไม่ต้องมาตายเพราะฝีมือฉัน ส่วนฉันก็ได้อยู่เป็นลูกคุณต่อไป...ตราบใดที่คุณยังเห็นว่าฉันเป็นลูกสาวของ คุณ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายคุณอีก"

ooooooo

นาวาตกใจหลังรู้ข่าวของรัญญาจากข้าวหอมในเช้าวันรุ่งขึ้น ภูผาพอรู้เรื่องก็สงสารและเป็นห่วงรัญญาเหลือเกิน

"หมอบอกว่าเป็นแค่ความทรงจำในระยะสั้น น้ารัญยังจำทุกคนได้ เพียงแต่จำเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะตกบันไดไม่ได้เท่านั้น"

"โธ่รัญ...นี่มันอะไรกันนักกันหนานะ ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องเจอเรื่องร้ายๆอยู่เรื่อยเลย"

"แต่ที่ผมเสียดายคือน้ารัญจำไม่ได้ว่าใครเป็นต้นเหตุให้ตกบันได"

"แกหมายความว่าไงนาวา"

นาวานิ่งไป รู้สึกว่ายังไม่ควรพูดจึงรีบกลบเกลื่อนว่าไม่มีอะไร ตนแค่สงสัยว่าน้ารัญตกบันไดมาได้ยังไง...พูดเสร็จก็เปลี่ยนเรื่อง ชวนพ่อไปเยี่ยมรัญญากันดีกว่า

เมื่อสองพ่อลูกไปถึง   ก็พยายามซักถามรัญญาเรื่องตกบันได รตีหวั่นระแวงจึงขอร้องทุกคนอย่ารื้อฟื้นเรื่องวันนี้ อีกเลย  เพราะเธอไม่อยากให้แม่ต้องทรมาน  แม่นึกทีไรก็ปวดหัวทุกที

"จำไม่ได้ตอนนี้ก็ไม่เป็นไรหรอกนะรัญ   อีกหน่อยก็คงจำอะไรได้เอง"

"จริงด้วยครับน้ารัญ   ผมเชื่อว่าสักวันน้ารัญจะจำ

ทุกอย่างได้" พูดจบนาวาเหลือบมองรตีเหมือนมีนัยบางอย่าง รตีหน้าชา สงสัยว่านาวารู้อะไร?

เตชิตเพิ่งรู้ข่าวร้ายของรัญญาจากแจงก็ตอนแวะมาหาที่บ้าน เตชิตจึงมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล เป็นเวลาที่ข้าวหอมกำลังออกมาชำระเงินก่อนจะพารัญญากลับบ้าน โดยรตีคอยดูแลรัญญาอยู่ในห้อง เตชิตมองข้าวหอมด้วยความรัก ถามเธอว่าเป็นยังไงบ้าง ข้าวหอมรู้แต่แกล้งทำไม่สนใจ

"คุณน่าจะถามว่าน้ารัญเป็นยังไง ไม่ใช่ฉัน"

"ฉันเห็นเธอมาจ่ายเงิน แสดงว่าน้ารัญดีขึ้นมากแล้วถึงได้ออกจากโรงพยาบาลได้"

"จะว่าไปคุณก็ยังพอมีน้ำใจอยู่บ้างนะคะ อุตส่าห์มาเอาวันที่คุณน้าจะกลับพอดี"

"ฉันเพิ่งรู้เรื่องจากพี่แจงแล้วก็รีบมาที่นี่เลย   โชคดีที่มาเจอเธอพอดี"

ข้าวหอมรับใบเสร็จ ได้ยินที่เตชิตพูดแล้วชะงักไปนิด ก่อนจะทำสีหน้าเฉยชาหันมองเตชิต

"คุณน่าจะอยากเจอรตีมากกว่านะคะ เพราะเขาเป็นคู่หมั้นคุณ ไม่ใช่ฉัน"

"ใช่ ฉันเป็นคู่หมั้นของรตี และก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่ถึงยังไงความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอมันก็คงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเหมือน กัน...ฉันยังเป็นห่วงเธอนะข้าวหอม"

"ขอบคุณนะคะ แต่ฉันคิดว่าความห่วงใยของคุณคงไม่จำเป็นสำหรับฉัน" ข้าวหอมผละไป เตชิตได้แต่ยืนมองตามอย่างเจ็บปวด

ooooooo

รตีกับข้าวหอมประคองรัญญาเข้าบ้าน แจงดีใจมากรีบเข้ามาช่วยเหลือ จากนั้นแจงตั้งท่าจะบีบนวดคลายความเมื่อยล้าให้รัญญาด้วย

"โอย...ไม่ต้องแล้วล่ะ ดูซิเนี่ย ช่วยกันประคบประหงมซะจนฉันไม่ต้องทำอะไรเองแล้ว"

"ถ้าคุณน้าแข็งแรงขึ้นกว่านี้อีกหน่อย ข้าวหอมจะพาคุณน้าไปทำบุญนะคะ เรื่องร้ายๆจะได้หมดไปเสียที"

"นั่นสิคะ คราวนี้ต้องไปทำสังฆทานอุทิศส่วนกุศลให้ เจ้ากรรมนายเวรชุดใหญ่เลยนะคะ"

"เจ้ากรรมนายเวรอะไรกันยัยแจง งมงายไร้สาระทั้งนั้น"

"งมงายอะไรกันคะคุณรตี ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ากรรมนายเวรแล้วจะเป็นเพราะอะไรล่ะคะที่ทำให้คุณรัญต้อง เทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาลแบบนี้"

"หุบปากแล้วก็ไปเอายาหลังอาหารมาให้คุณแม่เถอะยัยแจง ไม่ต้องมาสอพลอ"

แจงหน้าตูม ลุกเดินบ่นอุบอิบออกไป

"แม่ว่าไปทำบุญเสียบ้างอย่างที่หนูข้าวหอมว่าก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ทำบุญให้ฝนด้วย"

"คุณแม่เพิ่งหายแล้วจะพูดเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจทำไมล่ะคะ คุยเรื่องดีๆกันดีกว่า...อย่างเรื่องงานแต่งงานของรตีกับคุณเต"

"อะไรนะ หนูจะแต่งงานกับเตชิตหรือจ๊ะ"

"ใช่ค่ะคุณแม่   รตีกับคุณเตรักกันมาก   คุณแม่เลยอนุญาตให้เราแต่งงานกัน  คุณแม่อนุญาตแล้วห้ามเปลี่ยนใจนะคะ คุณแม่ไม่รู้หรอกค่ะว่าคุณเตรักแล้วก็อยากแต่งงานกับรตีขนาดไหน" รตีแกล้งพูดกระแทกใจข้าวหอมซึ่งได้ผล ข้าวหอม ถึงกับก้มหน้าซ่อนความช้ำใจ

แล้วเช้าวันใหม่ รตีก็นัดเตชิตมารับไปลองชุดแต่งงาน โดยรตียังหนีบเอาข้าวหอมไปเป็นเพื่อนด้วย อ้างว่าข้าวหอมจะได้ช่วยดูช่วยเลือก ถ้าเธอตัดสินใจไม่ถูก เตชิตอดห่วงความรู้สึกของข้าวหอมไม่ได้ ยิ่งเห็นรตีแสดงอำนาจบาตรใหญ่หลังจากไปถึงร้านเวดดิ้งได้สักพัก รตีจะให้ข้าวหอมนวดเท้าให้ เตชิตไม่ยอม ดึงข้าวหอมลุกขึ้น แล้วย้ำเสียงขุ่นกับรตีว่า

"ข้าวหอมเป็นเพื่อนเธอนะ ไม่ใช่คนใช้ อย่าให้เขาทำอะไรแบบนี้อีก"

"ปกป้องกันเหลือเกินนะคะ ทำไมคะ แค่รตีให้ข้าวหอมนวดให้เนี่ย มันผิดมากเหรอ"

"อย่าทะเลาะกันเลยนะรตี ฉันไม่ถือหรอก ฉันนวดให้รตีได้" ข้าวหอมแทรกขึ้นมา...จังหวะนี้เสียงมือถือข้าวหอมดังขึ้น ข้าวหอมหยิบมันออกมาดูก่อนครางชื่อนาวา...เตชิตถึงชะงัก
ขณะที่รตียิ้มสะใจ แกล้งพูดไล่หลังข้าวหอมที่ขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก

"แหม...คุณเตอุตส่าห์ออกโรงปกป้องข้าวหอมเพราะกลัวรตีจะเหยียดหยาม ที่ไหนได้ ข้าวหอมกลับไม่เห็นคุณค่า ออกไปคุยมือถือกับคุณนาวาซะงั้น"

เตชิตหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที...นาวาพอรู้ว่าข้าวหอมอยู่ร้านเวดดิ้งกับรตีและเตชิต เขาไม่พอใจอย่างมาก เพราะรู้เจตนาของรตี จึงบ่นมาตามสายว่า

"ทำไมรตีจะต้องให้เธอไปช่วยด้วย ในเมื่อพนักงานที่เวดดิ้งก็เยอะอยู่แล้ว"

"รตีกลัวจะออกมาไม่ดีน่ะค่ะ เลยมาให้ฉันช่วยดูอีกคน"

"แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ ฉันจะได้ไปรับ มีเรื่องอยากจะคุยกับเธอหน่อยน่ะ"

"เรื่องอะไรเหรอคะ...ค่ะๆ งั้นก็ได้ค่ะ คุยกันตอนทานข้าวก็ได้...แค่นี้นะคะ" ข้าวหอมวางสายแล้วหันกลับมาเห็นเตชิตยืนมองเธออยู่

"นาวาซื้อมือถือให้เหรอ"

"ค่ะ" เธอตอบเสร็จจะเดินหนี เตชิตไม่ชอบใจ ตัดพ้อหน้าเศร้า

"ท่าทางเธอดูจะมีความสุขกว่าคนที่กำลังแต่งงานอย่างฉันซะอีกนะ"

"เราควรจะมีความสุขกับคนที่เราเลือกแล้วไม่ใช่เหรอคะ" พูดจบข้าวหอมเดินหนีกลับเข้าในร้านทันที เตชิตยิ่งเศร้า กลับเข้ามาจึงไม่มีอารมณ์จะถ่ายภาพกับรตี จนช่างภาพแปลกใจถามว่าเจ้าบ่าวเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่ยิ้มเลย...รตีเริ่มไม่พอใจเตชิต วีนใส่เขาหลายคำ เตชิตรำคาญเลยให้รตีถ่ายไปคนเดียว เขาจะออกไปรอข้างนอก แต่รตีไม่ยอม บังคับเตชิตให้กลับเข้ามาถ่ายรูปต่อ

"ขอร้องเถอะนะรตี เธออย่าหาเรื่องทะเลาะกับฉันอีกเลย ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าเธออยากถ่ายก็ถ่ายไปคนเดียว ฉันจะออกไปรอข้างนอก"

"อยากรอข้างนอก หรือว่าอยากอยู่กับข้าวหอมกันแน่คะ นี่รตีคิดถูกหรือคิดผิดที่พาข้าวหอมมาด้วย เลยทำให้คุณไขว้เขวแบบนี้"

"อย่าพาลได้ไหมรตี ข้าวหอมเขาไม่เกี่ยว"

"อ๋อ...แตะต้องไม่ได้"

"พอเถอะนะรตี อย่ามาทะเลาะกันที่นี่เลย ถ้าฉันเป็นตัวปัญหา ฉันกลับเดี๋ยวนี้ก็ได้" ข้าวหอมแทรกขึ้นมา

"แต่ฉันคงปล่อยให้เธอกลับเองไม่ได้ ฉันเป็นคนพาเธอออกมา ก็ต้องพาเธอไปส่ง"

"คงไม่จำเป็นหรอก" เสียงนาวาดังขึ้น...ทุกคนหันมอง รตีได้ทีบอกกับเตชิตว่า

"เห็นหรือยังว่าข้าวหอมเขามีคนห่วงใยอยู่แล้ว คุณน่ะไม่จำเป็นสำหรับเขาหรอก"

เตชิตหน้าเครียดจัด...ข้าวหอมตัดบทบอกลารตีทันที รตีกลับถามข้าวหอมว่า ไม่อยู่ถ่ายรูปด้วยกันซะเลยล่ะ จะได้เป็นสองคู่สี่คน แล้วสำหรับเธอก็จะได้เป็นการจองคุณนาวาไว้ล่วงหน้าด้วย

"ฉันต่างหากที่จองข้าวหอมไว้ล่วงหน้าแล้ว" พูดจบนาวาจับมือข้าวหอมยกแหวนให้ดู เตชิตเห็นแล้วอึ้งงัน ขณะที่รตีแสยะยิ้มสมใจ กรีดเสียงว่า

"แหม...เพิ่งสังเกต นี่หมั้นหมายกันเองแล้วเหรอเนี่ย ดีใจด้วยนะ"

"ขอบใจ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันพาข้าวหอมไปนะ...ไปเถอะข้าวหอม" นาวาจูงมือข้าวหอมออกไป เตชิตมองตามนิ่งค้างอย่างคนใจสลาย...

นาวาพาข้าวหอมไปกินข้าว และต้องการรู้เรื่องรตีกับรัญญา จึงเกริ่นถามข้าวหอมขึ้นว่า น้ารัญจำอะไรได้บ้างหรือยัง?

"ยังหรอกค่ะ แต่ฉันคิดว่าบางทีอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ ที่คุณน่าลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้น"

"แล้วถ้าหากว่ามันอะไรที่น้ารัญควรรู้ แต่ตัวเองกลับจำไม่ได้ล่ะ"

"คุณหมายความว่าอะไรคะ"

"ฉันแปลกใจที่น้ารัญอยู่บ้านนั้นมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้เลย เลยรู้สึกว่า...เหมือนมีคนจงใจให้น้ารัญตกบันได"

"อะไรนะคะ...แต่ตอนนั้นไม่มีคนอื่นอยู่ที่บ้านเลยนี่คะ มีแค่คุณน้ากับรตีเท่านั้น...หรือว่าคุณสงสัยรตี"

"รตีเป็นคนโมโหร้ายไม่ใช่เหรอ เขาเคยลงมือกับเธอตั้งหลายครั้ง"

"แต่คุณน้าเป็นแม่แท้ๆของรตีนะคะ ฉันไม่คิดว่ารตีจะกล้าทำขนาดนั้นหรอกค่ะ"

"บางทีฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ แล้วช่วงนี้รตีดูแลน้ารัญดีใช่ไหม"

"เขาอาจจะไม่มีเวลานักหรอกค่ะ เพราะต้องเตรียมตัวเรื่องงานแต่ง"

"ถ้างั้นคนที่ใกล้ชิดกับรตีที่สุดก็คงเป็นเตชิตสินะ"

"ก็คงเป็นอย่างนั้นน่ะค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมวันนี้คุณพูดอะไรแปลกๆ"

"ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คิดว่ารตีคงสมใจที่ได้ใกล้ชิดกับนายเตอย่างที่ฝันหวานมานาน...กินข้าวเถอะ"

นาวายิ้มกลบเกลื่อน ตักกับข้าวให้ข้าวหอมที่ยังมองเขาอย่างไม่เข้าใจนัก...แล้วค่ำนั้นเอง หลังส่งข้าวหอมถึงบ้านรัญญาแล้ว นาวาก็มุ่งหน้าไปหาเตชิตที่บ้าน บอกว่ามีเรื่องสำคัญอยากปรึกษา และต้องการให้เขาช่วยจริงๆ

เตชิตตกใจ และไม่เชื่อว่ารตีผลักรัญญาตกบันได ถึงรตีเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ไม่น่าลงมือกับแม่ตัวเองแบบนั้นได้

"แล้วถ้าเขาไม่ใช่แม่ลูกกันจริงๆล่ะ"

"นายว่าอะไรนะ..."

"ฉันเคยวางแผนกับน้าฝนเอาเลือดของรตีไปตรวจดีเอ็นเอ และปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้รตีรู้ แต่กลับเป็นว่าความลับรั่วไปได้ยังไงก็ไม่รู้ รตีเลยเป็นคนไปรับผลตรวจดีเอ็นเอเอง...นั่นทำให้ฉันเชื่อว่ารตีร้อนตัว"

"แล้วน้ารัญรู้ผลตรวจหรือยัง"

"ฉันคุยกับน้ารัญก่อนที่น้ารัญจะตกบันได น้ารัญบอกว่าผลตรวจแจ้งว่ามีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่ฉันคิดว่าเอกสารนั่นอาจจะไม่ใช่ของจริง ฉันอยากให้นายช่วยหาทางสืบจากรตีและเอาเอกสารนั่นมาพิสูจน์"

"นายก็รู้ว่าฉันกำลังจะแต่งงานกับรตี ทำไมถึงไว้ใจให้ฉันช่วย ไม่กลัวเรื่องจะรู้ถึงหูรตีเหรอ"

"ฉันว่าฉันรู้จักนายดีพอ นายเองก็ต้องการความถูกต้องไม่ใช่เหรอ...ฉันอยากให้เราสงบศึกเรื่องหัวใจเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้ชีวิตของน้ารัญสำคัญกว่า"

"ฉันไม่มีศึกรักศึกหัวใจอะไรกับนายแล้ว...ก็ฉันแพ้นายไปแล้วไง"

"ตกลงนายจะร่วมมือใช่ไหม"

เตชิตไม่ตอบ แต่ยื่นมือให้นาวา...ทั้งคู่จับมือสัญญากัน

ooooooo

แล้วเช้าวันใหม่ เตชิตก็นำเอกสารแพลนงานโครงการรีสอร์ตที่นครนายกมาให้พ่อ และบอกพ่อว่าเขาจะกลับมารับผิดชอบโครงการเหมือนเดิม โตมรดีใจแทบตาย นำเอกสารไปให้รัญญาดูในเย็นวันนี้ทันที เตชิตก็ไปด้วย เขาเปลี่ยนท่าทีหมางเมินที่เคยทำกับรตีอย่างสิ้นเชิง ขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา และเอ่ยปากขอเธอแต่งงานด้วย

รตีดีใจจนเนื้อเต้น โผกอดเตชิตแล้วพากันเข้ามาในบ้านซึ่งโตมรกับรัญญากำลังคุยกันเรื่องงาน

"นี่คือแพลนงานที่เตชิตวางไว้คร่าวๆ เขาจะกลับมารับผิดชอบโครงการเหมือนเดิมแล้วนะครับ ไม่ทราบว่าคุณรัญพร้อมจะเซ็นเป็นหุ้นส่วนผมได้หรือยัง"

"ฉันจำได้ว่าเตชิตอยากทำบ้านทอฟ้าไม่ใช่เหรอ แล้วจะมีเวลามาคุมงานรีสอร์ตเหรอจ๊ะ"

"ในเมื่อตอนนี้รตีอยากให้ผมมาช่วยทำรีสอร์ตที่น้ารัญจะร่วมลงทุน ผมก็คงทำให้รตีผิดหวังไม่ได้หรอกครับ" เตชิตรับรองแข็งขัน รตีมองท่าทีที่เปลี่ยนไปของเตชิตด้วยความชื่นใจ

"คุณแม่ขา คุณแม่เซ็นเถอะนะคะ ไหนๆบ้านเรากับบ้านลุงโตมรก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว จะได้ช่วยธุรกิจกันนะคะ...นะคะคุณแม่ ถือว่าเป็นของขวัญแต่งงานของรตีกับคุณเตก็ได้"

"ก็ได้จ้ะ เพื่อลูกสาวคนเดียวของแม่" รัญญาเซ็นชื่อเสร็จก็ส่งเอกสารคืนให้โตมร...ทุกคนยิ้มชื่นมื่นมีความสุข ยกเว้นเตชิตที่ต้องซ่อนความอึดอัดไว้ ข้าวหอมเพิ่งออกมาจากครัว รตีผละจากรัญญามากอดเตชิตโชว์ความหวานทันที

"ขอบคุณมากนะคะคุณเต ที่วางมือจากบ้านทอฟ้ามาช่วยโปรเจกต์ร่วมทุนของคุณแม่"

"ถือเป็นของขวัญแต่งงานของเราสองคนไง"

รตียิ่งดีใจที่เตชิตพูดเช่นนั้นต่อหน้าข้าวหอม...ข้าวหอมซ่อนความช้ำใจไว้ บอกรัญญาว่าอาหารเย็นพร้อมแล้ว รัญญาจึงเชิญทุกคนทานข้าวด้วยกัน โตมรปฏิเสธ ขอกลับไปเตรียมงานต่อ จะได้ไม่เสียเวลา ส่วนเตชิตเต็มใจอย่างยิ่ง รตีถึงกับยิ้มหน้าบาน ชมเตชิตน่ารักที่สุด...เตชิตเหลือบมองข้าวหอม พอเห็นเธอมองมาพอดี เขาแกล้งทำเย็นชาหันหน้าไปทางอื่น ข้าวหอมยิ่งเศร้า รู้สึกประหลาดใจที่เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ

ooooooo

เงารักลวงใจ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด