ตอนที่ 16
เตชิตเดินคอตกกลับห้องตัวเอง แล้วต้องตกใจสุดๆเมื่อพบว่ารตีเข้ามานอนอยู่บนเตียงของเขา พอถูกเขาไล่ รตีอ้างว่ายังหัวค่ำ ปาร์ตี้ยังไม่เลิก อยากฉลองกับเขาต่อ
"สำหรับฉัน ทุกอย่างมันจบแล้ว คืนนี้พอแค่นี้เถอะ เธอกลับไปนอนได้แล้ว" เตชิตเดินไปเปิดประตูให้ รตีลุกจากเตียงตีหน้าเศร้าทันที
"รตีเข้าใจนะคะว่าคุณรู้สึกยังไง รตีก็รู้สึกไม่ต่างจากคุณหรอกค่ะ ถ้าคนที่เรารักกลับไปรักคนอื่น รตีมีใจให้คุณ แต่คุณก็มองแต่ข้าวหอม ทั้งที่ข้าวหอมเขารักคุณนาวาคนเดียวเท่านั้น" รตีแกล้งตอกย้ำ เตชิตยิ่งเจ็บ...รตีเดินมาหยิบแก้วเหล้าที่รินไว้แล้วมาส่งให้เตชิต "นี่เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เราลืมความเจ็บปวดจากความรักได้...ดื่มเป็น เพื่อนรตีนะคะ แล้วรตีสัญญาว่ารตีจะกลับออกไป โดยที่คุณไม่ต้องไล่ซ้ำเลย"
เตชิตตัดสินใจรับแก้วเหล้าจากรตีไปดื่มรวดเดียวหมด แล้วมองหน้ารตีเป็นเชิงไล่
"ก็ได้ค่ะ รตีจะกลับห้องแล้ว...คุณลืมเรื่องข้าวหอมกับคุณนาวาให้ได้นะคะ" รตีหันหลังให้เตชิต แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์เดินออกจากห้อง โดยไม่ลืมปิดประตู แต่ไม่ยอมล็อกให้
เตชิตนั่งคิดน้อยใจเสียใจข้าวหอมอยู่พักเดียว ยาที่รตีใส่ในแก้วเหล้าก็ออกฤทธิ์ เตชิตมึน หนักหัวจนประคองตัวไม่ได้ ต้องลงนอนบนเตียง...แล้วจากนั้นเขาก็ไม่รู้อะไรอีกเลย จนเช้าข้าวหอมมาเคาะประตูห้องเรียกให้ลงไปทานอาหาร ปรากฏว่าคนที่เปิดประตูกลายเป็นรตี ที่น่าตกใจก็คือรตีนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว ท่าทางยังงัวเงีย
"อะไรกันนักกันหนานะข้าวหอม เรียกทำไมแต่เช้า คนจะหลับจะนอน"
"นี่มัน...มันห้องคุณเตชิตไม่ใช่เหรอ"
"ใช่...แล้วเขาก็นอนอยู่นั่นไง" รตีเบี่ยงตัวให้ข้าวหอมมองเห็นเตชิตบนเตียงชัดๆ เตชิตเพิ่งรู้สึกตัว ลุกขึ้นนั่งเผยให้เห็นว่าท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า พอเห็นข้าวหอม เขาทำท่าจะลุกออกมาหา รตีรีบร้องห้ามเสียงหลง
"ว้าย...อย่านะคะคุณเตชิต อย่าลุกออกมาทั้งอย่างนั้น เดี๋ยวข้าวหอมตกใจหมด"
ข้าวหอมน้ำตาเอ่อ มองรตีสลับกับเตชิต แล้วเห็นนาฬิกาที่ข้อมือรตี มันเป็นเรือนที่เตชิตเอามาให้เธอเมื่อคืน ซึ่งรตีจงใจใส่ให้ข้าวหอมเห็น
"ฉันกับคุณเตคงยังกินอะไรไม่ลงหรอก ยังสำลักความรักกันอยู่เลย เธอไปกินคนเดียวเถอะ"
ขาดคำของรตี...ข้าวหอมวิ่งร้องไห้ออกไปทันที เตชิต ตามมาทันตรงหน้าบ้าน ยืนยันไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น
ฉาด! ข้าวหอมฟาดหน้าเขาเต็มแรง
"อย่ามาพูดเหมือนคนไม่มีความรับผิดชอบอย่างนั้นนะ"
"ฉันเมามาก...ฉัน..."
"ไม่ต้องบอกฉันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง รู้แค่ว่าผลลัพธ์ที่มันเกิดขึ้นมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว"
ทันใดนั้นเอง นาวาขับรถเข้ามาจอด เห็นสภาพเตชิตไม่ใส่เสื้อ ข้าวหอมยืนร้องไห้ก็เข้าใจผิด ตรงเข้าไปกระชากเตชิตแล้วต่อยคว่ำลงไปทันที รตีถลาออกมาประคองเตชิต ข้าวหอมเห็นแล้วยิ่งสะเทือนใจ หันหลังจะวิ่งหนี แต่ถูกนาวาฉวยข้อมือไว้
"มันเรื่องอะไรกันแน่ ข้าวหอม"
"พาฉันไปจากที่นี่เถอะค่ะคุณนาวา"
นาวาทำตามที่ข้าวหอมขอร้อง เตชิตได้แต่มองตามคนทั้งคู่ไปอย่างเจ็บปวด...แล่นรถไปได้ไม่ไกลนัก นาวาจอดริมถนน แล้วตามข้าวหอมลงไป ข้าวหอมยังร้องไห้ไม่หยุด
"เตชิตมันไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม" ข้าวหอมส่ายหน้าแทนคำตอบ "ถ้าอย่างนั้นเธอร้องไห้ทำไม"
ข้าวหอมไม่มีคำตอบ...ได้แต่ก้มหน้าสะอึกสะอื้น
"เธอรักเตชิตใช่ไหม" นาวาโพล่งออกไปทั้งที่เจ็บร้าวในใจตน
"ฉันพยายามแล้ว...พยายามแล้วที่จะไม่รักเขา แต่ฉันก็ทำไม่ได้"
นาวาสงสารข้าวหอม ดึงเธอเข้ามาซบกับอกของเขา
"หัวใจเรา บางครั้งมันก็เหมือนไม่ใช่ของเรา เราไม่เคยสั่งมันได้หรอกว่าให้รัก หรือไม่ให้รักใคร"
"ฉันทำให้คุณผิดหวังมากใช่ไหมคะ"
"เปล่าเลยข้าวหอม...ฉันไม่ได้หวังอะไร เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันขอแค่ได้รักได้ดูแลเธอก็พอแล้ว ฉันเข้าใจว่าเธอทำใจให้รักฉันไม่ได้ เพราะฉันเองก็ห้ามใจไม่ให้รักเธอไม่ได้เหมือนกัน เรื่องแบบนี้ไม่มีใครบังคับใจกันได้หรอก ฉันเข้าใจเธอไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะ จำไว้นะว่าหัวใจของเธอจะเข้มแข็งขึ้น แค่ต้องทนแล้วผ่านวันนี้ไปให้ได้"
"คุณนาวา...คุณดีกับฉันจริงๆ"
"ก็ฉันเป็นเพื่อนเธอนี่...เพิ่งสังเกตว่าถนนแถวนี้สวยดีเหมือนกัน เธออยากเดินเล่นก่อนไหม หรือว่าอยากกลับไปเก็บของเลย"
"ฉันอยากกลับไปหาน้ารัญค่ะ"
"งั้นฉันจะพาเธอกลับไปเก็บของ" นาวาหันหลังจะกลับไปที่รถ ข้าวหอมตัดสินใจคว้ามือเขาไว้
"คุณนาวา คุณจะยังให้เวลาฉันอีกไหมคะ คุณบอกว่าคุณจะรอฉัน...ฉันอยากให้คุณรออีกหน่อย...ฉันจะรักคุณค่ะ"
นาวาดีใจ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินเช่นนี้ ดึงข้าวหอมมากอด พร้อมบอกหนักแน่นว่าเขาจะรอ รอจนกว่าเธอจะรักเขา...เตชิตนั่งในรถมองมาจากมุมหนึ่ง หน้าเศร้าสลดเสียใจ จำต้องเคลื่อนรถออกไปจากตรงนั้น
เมื่อถึงบ้าน ข้าวหอมให้นาวารอข้างนอก เธอมีกระเป๋าใบเดียว เก็บของไม่นาน แต่พอเดินผ่านครัว เห็นรตีกำลังปอกผลไม้ รตีรีบมาดักหน้า จงใจเย้ยยั่วข้าวหอมว่าเธอปอกผลไม้ไว้ให้เตชิต ข้าวหอมทำไม่ใส่ใจ ขอทางจะไปเก็บของ รตีกลับไม่ยอม พยายามจะเย้ยให้ข้าวหอมเจ็บช้ำ นาวาตามเข้ามาเห็น เขาทนไม่ได้ ตรงดิ่งเข้ามาดึงมือรตีที่ถือมีดปอกผลไม้ อย่างรวดเร็ว ทำให้มีดปาดนิ้วมือรตีจนถึงเลือด รตีร้องลั่น หาว่านาวาจงใจแกล้งเธอ ข้าวหอมคว้าทิชชูมากดห้ามเลือดให้รตีที่ยังด่านาวาไม่หยุด
รตีโกรธแสนโกรธ ไล่ทั้งคู่กลับไปเดี๋ยวนี้ ว่าแล้วเดินหนีขึ้นห้อง ทิ้งทิชชูหล่นไว้ที่พื้น พอข้าวหอมผละไปเก็บของในห้อง นาวาจึงหยิบทิชชูเปื้อนเลือดรตีขึ้นมา แล้วเดินออกไปที่รถ เอาทิชชูนั้นใส่ซองพลาสติกก่อนโทร.บอกยุวรินทร์ว่า
"น้าฝนครับ...สำเร็จแล้วนะครับ"
ขณะข้าวหอมกับนาวากำลังจะขึ้นรถ เตชิตขับรถเข้ามาจอด นาวาจึงย้ำกับเตชิตว่า
"หวังว่าแกจะรับผิดชอบสิ่งที่ทำกับรตีนะ"
เตชิตไม่ตอบ แต่เหลือบมองข้าวหอมหน้าเศร้า ข้าวหอมไม่มีอะไรจะพูดกับเขา นอกจากฝากเขาดูแลรตีด้วย พูดจบก็ขึ้นรถทันที...
รตีทำแผลให้ตัวเองเสร็จแล้ว หน้าตาดูไม่เดือดร้อน แต่พอเห็นเตชิตเปิดประตูเข้ามาก็ออดอ้อนราวกับเจ็บหนัก กลับถูกเตชิตถามว่า เธอเจ็บเป็นด้วยเหรอ?
"พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงคะ คุณไม่เชื่อว่ารตีเจ็บใช่ไหมคะ...ได้ค่ะ รตีจะพิสูจน์ให้คุณเห็น" รตีกดผ้าพันแผลจนเลือดซึมออกมา "นี่ไงคะ รตีก็มีเลือดเนื้อ รตีก็เจ็บเป็นเหมือนกัน"
"พอเถอะน่ะรตี" เตชิตเข้าประชิดตัวรตีเพื่อห้ามไม่ให้รตีทำร้ายตัวเอง
"ปล่อยรตีค่ะ คุณจะได้เห็นไงคะว่ารตีก็รู้สึกรู้สาอย่างคนอื่นเหมือนกัน"
"คิดหรือว่าสิ่งที่เธอทำมันจะทำให้ฉันสงสารเธอ อย่าทำให้ฉันรำคาญเธอมากไปกว่านี้เลย"
"หมายความว่ายังไง คุณรำคาญรตี...รตีเป็นเมียคุณนะ"
เตชิตเหนื่อยใจทำท่าจะเดินหนี รตีโผเข้ากอดเขาแน่น บีบเสียงสั่นเครือขอความรักความเห็นใจ
"อย่านะคะ คุณเตอย่าทิ้งรตี...รตีเป็นของคุณแล้ว คุณจะทิ้งรตีไม่ได้นะคะ"
"ไม่ ต้องห่วงหรอกรตี ฉันมีความรับผิดชอบพอ แต่ รู้ไว้นะ ว่าไม่มีวันที่ฉันจะลืมข้าวหอมได้"
รตีหน้าซีดเจื่อน แล้วยิ่งเจ็บจี๊ดที่ใจหนักขึ้นไปอีก เมื่อเตชิตถอดนาฬิกาที่ข้อมือของเธอออก
"ฉัน ยังไม่ได้ให้เธอ อย่าวิสาสะเอาไปใส่" พูดเสร็จเตชิตเดินจากไปทันที รตีแค้นแสนแค้น ถึงกับกรีดร้องออกมา...
ooooooo
แจงดีใจ ยกใหญ่ที่เห็นยุวรินทร์เยี่ยมหน้ากลับมาหารัญญา นึกว่าจะกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม เลยจะไปจัดเตรียมห้องเอาไว้ ซึ่งรัญญาเองก็ไม่ได้ถือสาอะไรเพื่อนรัก อยากให้กลับมา บ้านนี้จะได้ไม่เหงา แต่ ปรากฏว่ายุวรินทร์ยังไม่ตกลง เธอขอจัดการเรื่องบางเรื่องให้หายคาใจเสียก่อน จะได้กลับมาอยู่ที่นี่อย่างสบายใจกว่านี้
แล้วรัญญาก็ต้องชะงัก หนักใจ ที่ยุวรินทร์ยังไม่เลิกอคติกับรตี
"ฉันรู้นะว่ามันเป็นเรื่อง ที่ยากจะทำใจ คนเป็นแม่ที่พยายามตามหาลูกมาตลอดชีวิต แล้วอยู่ๆมีใครคนหนึ่งมาบอกว่าเด็กคนนั้นอาจไม่ใช่ลูกของเธอ ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอนะรัญ"
"เธอเข้าใจแต่กลับจะมาทำให้ฉันไม่ มั่นใจในตัวรตี เธอทำเพื่ออะไร"
"ความจริงไงรัญ...ฉันกลับไปนั่งคิด นอนคิดถึงตอนที่เราเจอรตีใหม่ๆ ตอนนั้นความดีใจทำให้เราลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แค่สร้อยเส้นหนึ่งกับเรื่องที่รตีพูดถึงมงคลเราก็เชื่อกันแล้วว่ารตีคือ ลูกเธอ ตอนนั้นเราลืมทำในสิ่งที่เราควรจะต้องทำมากที่สุด ถึงตอนนี้มันก็ได้เวลาแล้ว"
"แล้วถ้ารตีไม่ใช่..."
"เราก็ ต้องตามหากันต่อไป เพราะฉันเชื่อว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา อาจจะมีเด็กผู้หญิงอีกคนที่กำลังตามหาแม่ของเขาอยู่เหมือนกัน"
"เอา ล่ะ เพื่อให้เธอหายสงสัยในตัวรตี ฉันจะยอมไปตรวจดีเอ็นเอกับรตีตามที่เธอต้องการ แต่เธอต้องสัญญานะว่ารตีจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เพราะฉันไม่ต้องการทำร้ายจิตใจรตี"
"ได้สิ ฉันสัญญา ฉันจะไม่ให้รตีรู้เรื่องนี้เด็ดขาด"
ขณะเดียวกันนั้น ข้าวหอมที่ยอมกลับกรุงเทพฯพร้อมนาวา ข้าวหอมดูสดชื่นขึ้นบ้าง เพราะนาวาสรรหาเรื่องมาคุยให้เธอได้ยิ้มได้หัวเราะแทบจะตลอดทาง พอตกเย็นส่งถึงบ้านรัญญา ข้าวหอมยังกังวลเรื่องไม่งามระหว่างรตีกับเตชิต เธอไม่รู้จะบอกกับรัญญาอย่างไรดี นาวาแนะนำให้ข้าวหอมนิ่งไว้ รอให้รตีมาอธิบายเองจะดีกว่า
เมื่อรัญญาซักถามจึงยังไม่ได้คำตอบจาก ทั้งคู่ จนกระทั่งนาวากลับไป และเตชิตมาส่งรตีในตอนค่ำ เตชิตไม่ยอมเข้าบ้านไปขอโทษรัญญาตามที่รตีต้องการ ยังไงเขาก็รับผิดชอบรตี การแต่งงานต้องเกิดขึ้นแน่นอน แต่ต้องหลังจากบ้านทอฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว...รตีฟังแล้วแทบเต้น กลัวเตชิตถ่วงเวลาเพื่อจะเปลี่ยนใจ พอเข้าบ้านเจอหน้าแม่ รตีจึงเล่นละครร้องไห้โฮ พลางก็เล่าเรื่องเตชิตเมาแล้วปล้ำเธอ แล้วก็เร่งรัดให้แม่จัดการเรื่องนี้โดยเร็ว
รัญญาทั้งตกใจทั้งโกรธ รุ่งขึ้นจึงหนีบเอารตีไปพบโตมรถึงบ้าน โตมรซึ่งอยากได้รตีเป็นลูกสะใภ้ตัวซีดตัวสั่นอยู่แล้ว จึงตกปากรับคำเรื่องตบแต่งอย่างไม่ต้องตรึกตรอง และจะลากคอเตชิตมากราบเท้าขอโทษรัญญาให้ได้
หลังจากสองแม่ลูกพากัน กลับไป โตมรก็บึ่งรถไปหาเตชิตถึงไซต์งานที่เพชรบูรณ์...สั่งให้เตชิตวางมือจากบ้าน ทอฟ้า แล้วรีบจัดการเรื่องแต่งงานกับรตีโดยเร็ว
"ผมรับผิดชอบรตี อยู่แล้ว แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ผมต้องทำบ้านทอฟ้าให้เสร็จก่อน แล้วหลังจากนั้นพ่อจะให้ผมไปตกนรกที่ไหนก็สั่งมาได้เลย"
"ฉันคิด อยู่แล้วว่าแกต้องต่อรองฉันแบบนี้ ฉันห้ามแกไม่ได้ งั้นแกก็ไปคุยกับเจ้าของโครงการเขาเองก็แล้วกัน ดูซิว่าเขาจะยอมให้แกทำต่อมั้ย"
เตชิตหน้าเครียดขึ้นมาทันที...อีก ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา เตชิตก็กลับมานั่งเผชิญหน้ากับลุงภูผาที่ห้องทำงานในบริษัท เตชิตพยายามขอร้องลุงภูผา ขอเวลาสานต่อบ้านทอฟ้าให้เสร็จก่อน อีกไม่กี่เดือนเอง
"แล้วคิดบ้างไหม ว่าคนที่เขารอให้แกมารับผิดชอบจะรู้สึกยังไง"
"ลุงเห็นผมมานาน ลุงก็รู้ว่าผมเป็นคนยังไง เรื่องรตีผมรับผิดชอบอยู่แล้ว มันแค่ไม่ใช่ตอนนี้"
"แต่ฉันคิดว่ารตีคงรอไม่ได้...แกต้องวางมือจาก บ้านทอฟ้า แล้วมารับผิดชอบรตี เพราะนั่นเป็นสิ่งที่แกสมควรทำที่สุด ส่วนที่แกเคยบอกว่าจะทำเพื่อข้าวหอม ถึงตอนนี้มันก็คงไม่มีความหมายสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว แกก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอ"
เตชิตฟังแล้วอึ้งงันไปทันที...แล้วพอค่ำ มาที่บ้านรัญญา ได้เห็นนาวากับข้าวหอมใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น เตชิตยิ่งรู้สึกท้อแท้หมดหวัง พูดคำว่าแพ้กับนาวาอย่างเต็มปาก และฝากนาวาดูแลข้าวหอมด้วย
ข้าวหอมเองก็สะเทือนใจ แม้ก่อนหน้านี้ไม่เท่าไหร่ เธอเพิ่งรับแหวนจากนาวามาใส่นิ้วนางข้างซ้าย ตอบรับยอมให้เขาเป็นคนดูแลหัวใจของเธอตลอดไป แต่พอเห็นหน้าเตชิต ข้าวหอมก็ทำใจไม่ได้ ปลีกตัวหลบเข้าห้องร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ooooooo
แล้ว อีกสองวันต่อมา รตีก็ยิ้มหน้าบานที่ได้หมั้นกับเตชิตอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางสักขีพยานทั้งญาติๆ และนักข่าว โตมรเองก็ชื่นมื่นดีใจไม่น้อยไปกว่ารตี เสร็จพิธียังรีบแถลงต่อด้วยว่า งานแต่งจะมีขึ้นภายในเดือนหน้า แล้วตนจะยืนยันเรื่องเวลาและสถานที่อีกครั้ง
เต ชิตเศร้าอย่างบอกไม่ถูก เดินเรื่อยออกไปเจอข้าวหอมนั่งเด็ดกลีบดอกไม้เหมือนกำลังเล่นเกมทายใจว่ารัก หรือไม่รัก เตชิตเลยพูดโพล่งขึ้นมาว่า "ฉันรักเธอ" ทั้งยืนยันอีกครั้งว่า เขาพูดจริง แต่ข้าวหอมไม่เชื่อ ต่อว่าเขาไม่จริงใจ เพิ่งจะหมั้นไปหยกๆ แต่มาบอกรักผู้หญิงคนอื่น
"ฉันรู้ว่าฉันมันทุเรศ ฉันรู้ว่ามันสายไป แต่ฉันก็ยังอยากบอกสิ่งที่ฉันรู้สึกกับเธอ"
"แต่คุณได้เลือกคนที่ดี ที่สุดสำหรับคุณแล้ว ส่วนฉัน... ฉันก็เลือกแล้วเหมือนกัน"
"เธอเลือกคนถูกแล้ว ฉันขอให้เธอมีความสุขในสิ่งที่เลือก"
"เช่นกันค่ะ" ข้าวหอมกลั้นน้ำตาเดินหนีเขาไปทันที
เกือบจะค่ำ คณะของรัญญาก็ออกจากโรงแรมที่จัดงานหมั้น พอกลับถึงบ้านรตีแปลกใจที่เห็นยุวรินทร์มารออยู่ รตีทักทายยุวรินทร์ไม่ดีนัก ยุวรินทร์โกรธแต่ไม่อยากมีเรื่อง เธอมาเพื่อกำชับธุระสำคัญที่ได้คุยกับรัญญาเอาไว้ รตีแปลกใจทำไมยุวรินทร์ต้องพาแม่รัญญาของเธอไปหาหมอ พอเธอขอไปด้วยก็ไม่ยอม ขนาดข้าวหอมที่ติดแจกับรัญญาจะตาย ยุวรินทร์ก็ยังไม่ยอมให้ไป
รัญญาอ้างกับรตีว่าหมอนัดแม่ไปตรวจแผลผ่าตัด แต่ รตีสงสัยว่าน่าจะต้องมีอะไรมากกว่านั้นทั้งคู่ถึงไม่ยอมให้ทั้งตนและข้าวหอมไปด้วย พอเช้าตรู่ยุวรินทร์มารับรัญญา รตีจึงสะกดรอยตามไป พร้อมกันนี้ก็โทร.เช็กกับทางโรงพยาบาลจนรู้ว่าวันนี้ไม่มีการนัดตรวจคุณรัญญา
รตีตามขึ้นไปบนตึกจนไปถึงห้องตรวจดีเอ็นเอ รตีสะดุ้งวาบวิตกกังวลว่าคราวนี้ความแตกแน่ เพราะนังฝนคนเดียว... พอรัญญากลับออกจากห้องตรวจ พยาบาลตามเอาใบนัดฟังผลมาให้ รตีใจระทึก แอบดูแอบฟังยุวรินทร์กับรัญญาคุยกัน
"อีกสองวันเราค่อยมารับผลตรวจ คราวนี้เธอจะได้หมดข้อสงสัยซะทีนะฝนว่ารตีเป็นลูกฉันจริงไหม"
"ฉันน่ะหมดข้อสงสัยแน่ แต่เธอเองก็ต้องเตรียมใจไว้บ้างนะ เพราะบางทีเด็กผู้หญิงที่เธอเลี้ยงไว้ข้างกายอาจจะไม่ใช่ลูกจริงๆของเธอก็ได้...อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดนะรัญ ถ้ารตีไม่ใช่ลูกของเธอจริงๆเธอก็ต้องยอมรับให้ได้"
"แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เธอต้องไม่ลืมนะว่าเรื่องนี้ต้องรู้กันแค่เราสองคนเท่านั้น เพราะถ้ารู้ถึงหูรตี รตีต้องน้อยใจแย่แน่"
"เธอจะห่วงเรื่องนั้นอะไรนักหนา ยังไงรตีเขาก็มีเตชิตอยู่ทั้งคน บางทีถ้าลูกเธอรู้ก็อาจจะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเราทำอะไรกันอยู่ ลูกสาวเธอน่ะไม่ได้อ่อนไหวขนาดนั้นหรอกนะ"
รัญญาสีหน้าเหนื่อยใจก้าวนำยุวรินทร์เข้าไปในลิฟต์... ทันทีที่ลิฟต์ปิดสนิท รตีโผล่ออกจากที่ซ่อน บอกกับตัวเองว่า อีกสองวันเท่านั้น เราต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว...
ooooooo
หลังงานหมั้นแค่วันเดียว โตมรก็เร่งเตชิตให้ไปดำเนินการเรื่องงานแต่งให้เรียบร้อย ทั้งพารตีไปลองชุด เรื่องการ์ดและของชำร่วย เตชิตไม่มีกะจิตกะใจแต่ก็ต้องรับปากอย่างไม่มีทางเลือก...
นาวากับยุวรินทร์นัดพบกันด้วยเรื่องการตรวจดีเอ็นเอของรัญญากับรตีซึ่งผลจะออกพรุ่งนี้แล้ว ยุวรินทร์ขอบใจนาวาที่ช่วยเหลือ ถ้าไม่ได้นาวาก็คงไม่สำเร็จง่ายๆแบบนี้
"ไม่ใช่เพราะผมหรอกครับ น้ารัญต่างหากที่กล้าหาญที่สุด เพราะถ้ารตีไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริง ตัวน้ารัญเองคงต้องเจ็บปวดมาก"
"น้าเองก็ห่วงความรู้สึกของรัญเหมือนกัน แต่การตรวจครั้งนี้มันจะช่วยให้เราหายสงสัยกันซักที น้าว่าให้มันจบๆกันไปตอนนี้ดีกว่าปล่อยให้คลางแคลงใจกันไปตลอดชีวิต"
"แล้วอะไรที่ทำให้น้ารัญคิดว่ารตีเป็นลูกสาวตั้งแต่ทีแรกครับ"
"รัญเขามีสร้อยอยู่เส้นนึงที่ติดไปกับลูกสาวเขาตั้งแต่แบเบาะ ตอนนั้นน้ากับรัญเห็นว่ารตีมีสร้อยเส้นนี้ก็เลยปักใจว่ารตีเป็นลูกสาวรัญที่หายตัวไป"
"สร้อยนั่นมันพิเศษยังไงเหรอครับ"
"มันเป็นจี้ชื่อรัญญาที่มงคลแฟนรัญเขาสั่งทำให้ แต่ตอนนี้นาวาคงไม่ได้เห็นรตีใส่หรอก เพราะมันเป็นของถูกๆไม่มีราคาค่างวดอะไร"
"แต่มันก็มีคุณค่าทางใจกับน้ารัญ...น่าแปลกนะครับ ที่รตีกลับไม่ให้ความสำคัญเท่ากับเครื่องประดับหรูหราที่เขาชอบใส่"
"เด็กคนนั้นชอบทำอะไรให้เราแปลกใจเสมอแหละ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ผลตรวจดีเอ็นเอออกมาจะทำให้ต้องแปลกใจด้วยหรือเปล่า"
ขณะที่ยุวรินทร์รอคอยผลการตรวจดีเอ็นเออย่างใจจด ใจจ่อ...รตีกำลังเครียดจัด พยายามหาทางออกให้ตัวเอง ระหว่างนี้แจงมาเคาะประตูห้องรายงานว่าคุณเตชิตมาหา รตีเลยปรับสีหน้าออกไปต้อนรับ พอรู้ว่าเขาจะพาไปลองชุด รตีหน้าบาน จีบปากจีบคอคุยอวดข้าวหอมกับนาวาที่ระยะหลังแวะมาหาข้าวหอมบ่อยๆ ข้าวหอมต้องเก็บกลั้นความเจ็บช้ำอย่างที่สุด ซึ่งนาวามองออก หลังรตีออกจากบ้านไปพร้อมเตชิต นาวาจึงขออนุญาตรัญญาพาข้าวหอมออกไปใช้ชีวิตวัยรุ่นเหมือนคนอื่นๆบ้าง
ไปถึงร้านเวดดิ้ง เตชิตแสดงอาการเบื่อหน่ายจนรตีไม่พอใจ เตชิตไม่เต็มใจลองชุดจะให้รตีลองคนเดียว รตีเลยวีนแตกว่างานนี้ไม่ใช่งานของเธอคนเดียว จะให้แต่งตัวแบบเจ้าสาวไปทาง เจ้าบ่าวไปทางได้ยังไง...ว่าแล้วสั่งพนักงานไปเอาชุดของเตชิตมาให้ดู พอพนักงานผละไป เตชิตขยับมาใกล้รตี พูดไม่ดังนัก
"ฉันบอกแล้วไงว่าไม่จำเป็น เราสองคนไม่มีอะไรที่เข้ากันได้อยู่แล้ว ต่อให้แต่งตัวเหมือนกันมันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก... ฉันไปรอที่รถนะ"
รตีสะอึกอึ้ง กำมือแน่นด้วยความแค้น...แต่ต้องสะกดอารมณ์ไม่โวยวายอะไรอีก แล้วพอเขาไปส่งถึงบ้าน รตีแสร้งตีหน้าเศร้า ขอโทษที่วันนี้เธอทำตัวไม่น่ารัก เธออาจจะเครียดเรื่องงานแต่งไปหน่อย แต่ก็หวังว่าเราจะมีความสุขด้วยกันเร็วๆนี้
"ฉันสัญญาไม่ได้หรอกว่าเธอจะต้องมีความสุข แต่เธอไม่ต้องห่วง ฉันจะรับผิดชอบหน้าที่ของฉันในวันแต่งงาน"
"แค่นี้รตีก็ดีใจแล้วค่ะ...ไปนะคะ" รตีเอื้อมมือจะแตะแก้มเตชิต เขารีบเบี่ยงหน้าหลบ รตีชะงักแต่เก็บอารมณ์ไว้แล้วเปิดประตูลงไปยืนยิ้มโบกมือให้เขา พอจะหันกลับเข้าบ้านเห็นรถยุวรินทร์จอดอยู่ รตีหน้าเครียดขึ้นมาทันที บ่นงึมงำ "นังฝน แกจะมาวุ่นวายอะไรกับฉันอีก"
พอจะก้าวเดิน รตีสะดุดตากับอะไรบางอย่างข้างรถรัญญา หยิบมันขึ้นมาพิจารณา ก่อนมั่นใจว่าต้องเป็นคีย์การ์ดห้องพักในโรงแรมของยุวรินทร์แน่นอน
เดินเข้ามาได้ยินยุวรินทร์กำชับรัญญาว่าพรุ่งนี้เที่ยงเธอจะมารับ รตีจึงถามว่าจะไปไหนกันอีกคะ...รัญญาอึกอักว่าน้าฝนกลัวแม่อยู่บ้านจะเหงาเลยชวนแม่ไปดูตลาดหุ้น รตีหันไปทางยุวรินทร์ถามเรื่องหุ้น ยุวรินทร์ไม่อยากคุยด้วย พยักหน้าส่งเดชไป รตีซ่อนความไม่พอใจและจับความอึดอัดของรัญญาได้ เลยแกล้งชวนคุยต่อ
"ถ้าน้าฝนจะชวนคุณแม่เล่นหุ้น รตีขอห้ามเลยนะคะ รตีไม่อยากให้คุณแม่ไปทำอะไรแบบนั้น ให้น้าฝนเล่นไปคนเดียว หมดตัวไปคนเดียวดีกว่า"
"พูดอะไรอย่างนั้นจ้ะรตี ไม่ดีเลยนะลูก" รัญญาปราม แต่ดูท่าจะไม่เป็นผล เพราะยุวรินทร์เองหมดความอดทนกับรตีแล้วเหมือนกัน สองคนจึงเถียงกันไปมา
"ฉันมันพวกกล้าได้กล้าเสียมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ จะให้ทำตัวหงิมๆไม่กล้าเล่นกล้าเสี่ยงอะไรเลยคงไม่ได้ บางเรื่องถ้าต้องเสี่ยงบ้างแต่ได้ผลคุ้มค่า มันก็น่าลองไม่ใช่เหรอ"
"แต่บางเรื่องมันก็ไม่ควรแม้แต่จะคิดนะคะ เพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย"
รัญญากับยุวรินทร์มองหน้ากัน รู้สึกได้ทันทีว่ารตีพูดแปลกๆ ทำให้ยิ่งกังวลว่ารตีจะรู้เรื่อง
"รตีขอตัวก่อนนะคะคุณแม่"
รตีผละไปแล้ว รัญญาบ่นกับยุวรินทร์ว่าตนอึดอัดใจจังเลย กลัวรตีจะรู้เรื่อง ยุวรินทร์กลับไม่แคร์บอกว่ารู้ก็ช่างเขา ถ้าเขาเป็นลูกเธอจริงก็คงจะงอนแม่ได้ไม่นาน ยังไงสายสัมพันธ์ แม่ลูกก็ตัดไม่ขาด แต่ถ้าเขาไม่ใช่ลูกเธอ เราค่อยมาคิดกันว่าจะทำยังไงต่อไป...
ค่ำแล้ว รตีย่องออกจากห้องลงไปที่รถ กะว่าไม่มีใครเห็น ปรากฏว่ารัญญาตามลงมาเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูนึกว่าข้าวหอมกลับมา พอเห็นเป็นรตีจึงถามลูกว่าจะออกไปไหนอีก รตีโกหกว่าเตชิตนัดทานข้าว
"รตีนัดกับเตชิต แล้วทำไมเตชิตเขาไม่มารับรตีล่ะ ปล่อยให้ไปเองอย่างนี้ได้ยังไง"
"เอ่อ...รตีบอกคุณเตว่าไม่ต้องมารับเองล่ะค่ะ เพราะรตีอยากแวะซื้อของไปเซอร์ไพรส์เขาก่อน คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะคะ ยังหัวค่ำอยู่เลย ไม่น่ากลัวหรอกค่ะ รตีไปนะคะ" รตีรวบรัดจุ๊บแก้มรัญญาแล้วเดินไปขึ้นรถทันที
ขณะเดียวกันนั้น นาวากับข้าวหอมกำลังออกจากโรงหนัง ซึ่งก่อนหน้านี้นาวาพาข้าวหอมไปหัดโยนโบว์ลิ่งมาแล้ว พอเขาขับรถไปส่งเธอถึงบ้าน ยังแถมโทรศัพท์มือถือให้เครื่องหนึ่ง เอาไว้โทร.คุยกัน เขาเกรงใจที่ต้องโทร.เข้าบ้านน้ารัญญาบ่อยๆ
ด้านรตีที่บอกรัญญาว่าออกไปทานข้าวกับเตชิต ความจริงแล้วรตีไปหายุวรินทร์ที่ห้องพัก รตีใช้คีย์การ์ดที่เก็บได้เปิดเข้าไปโดยที่ยุวรินทร์ไม่ทันตั้งหลัก แต่พอนึกออกว่าคีย์การ์ดที่ทำหายจนตอนกลับมาต้องให้พนักงานใช้อันสำรองมาเปิดให้ ยุวรินทร์จึงแน่ใจว่ารตีเป็นคนเก็บได้
รตีเริ่มบีบน้ำตาเล่นละครทั้งที่ซ่อนมีดปลายแหลมไว้ข้างหลัง
"น้าฝนคะ รตีรู้เรื่องหมดแล้วค่ะ ที่น้าฝนให้คุณแม่ตรวจดีเอ็นเอกับรตี น้าฝนทำอย่างนั้นได้ยังไงคะ"
"ก็เพราะฉันไม่เชื่อน่ะสิ ว่าเธอจะเป็นลูกของรัญ"
"ทำไมคะ ทำไมน้าฝนต้องตามจองเวรจองกรรมรตี รตีก็แค่เด็กกำพร้าคนนึงที่ต้องการจะมีแม่ ทำไมน้าฝนต้องมาทำลายความฝันของรตีด้วย"
"นี่เธอยอมรับแล้วใช่ไหม ว่าเธอสวมรอยมาเป็นลูกของรัญเขาจริงๆ"
"น้าฝนยกโทษให้รตีนะคะ รตีจะไม่ทำไม่ดีกับน้าฝนอีกแล้ว...ยกโทษให้รตีเถอะนะคะ"
ยุวรินทร์ตกใจอึ้งอยู่พักหนึ่ง แล้วหางตาเหลือบมองไปที่กระจก เห็นรตีกดมีดพกในมือ ยุวรินทร์ตกใจผลักรตีจนล้มมีดหลุดมือแล้วขึ้นคร่อมกดร่างรตีเอาไว้
"นี่แกคิดจะฆ่าฉันเลยเหรอ นังรตี นังงูพิษ ทีนี้แกรู้หรือยังว่ามันไม่ง่ายอย่างที่แกคิด"
ยุวรินทร์จิกหัวรตีกระแทกกับพื้นจนรตีมึน แล้วผละออกไปหยิบมีดที่พื้น...แล้วเกิดการแย่งมีดกันจนยุวรินทร์เป็นฝ่าย เพลี่ยงพล้ำ ต้องวิ่งหนีไปหลบในห้องน้ำ รตียังตามล่า ผลักยุวรินทร์หงายลงไปในอ่างอาบน้ำ แล้วเสียบปลั๊กไดร์เป่าผมกดสวิตช์อย่างรวดเร็วก่อนโยนลงไปในอ่าง ปลิดชีพยุวรินทร์ อย่างโหดเหี้ยม เลือดเย็น!
นาวาโทร.เข้ามือถือที่เขาซื้อให้ข้าวหอม ขณะข้าวหอมยืนคุยตรงระเบียง เธอมองลงไปเห็นรตีขับรถเข้ามาจอด แต่เป็นนานก็ยังไม่ลงจากรถ ครั้นนาวาวางสาย ข้าวหอมจึงลงมาดู รตี รีบเก็บใบนัดรับผลตรวจดีเอ็นเอที่เอามาจากยุวรินทร์ใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว แล้วพูดกับข้าวหอมไม่กี่คำก็เดินหน้าบูดเข้าบ้าน ข้าวหอมก้าวตามและสังเกตเห็นรอยช้ำที่หน้าผากรตี อยากรู้ว่าไปโดนอะไรมา รตีอึกๆอักๆว่าเธอทะเลาะกับเตชิตเรื่องงานแต่ง นิดหน่อย
"แล้วเขาลงไม้ลงมือกับเธอเหรอ"
"จะบ้าเหรอ คุณเตเขาเป็นสุภาพบุรุษ เขาไม่ทำอะไรฉันหรอก ฉันซุ่มซ่ามเองต่างหาก...แล้วเธอก็อย่าปากโป้งไปพูดกับใครล่ะ ฉันทะเลาะกับเขามากพอแล้ว ไม่อยากให้มีเรื่องอีก เข้าใจไหม"
ข้าวหอมจำใจพยักหน้า รตีเดินจ้ำขึ้นห้อง แล้วนั่งหน้าเครียดคิดเรื่องยุวรินทร์ แต่พยายามเข้าข้างตัวเองว่า "นังฝน...แกทำตัวเองนะ อย่ามาโทษฉัน!"