ตอนที่ 16
เข้ามาทำงานได้สักพัก บัวก็ถูกแม่เรียกไปพบที่ห้อง โดยแม่กับพ่อทำทีชวนลูกสาวมากินของว่างแล้วชวนคุยเรื่องงานหมั้นของเพชรกับรินลดา
“เจ้าเพชรมันบอกลูกรึยังว่าอาทิตย์นี้จะไปหมั้นผู้หญิง”
“บอกแล้วค่ะ”
“แล้วเตรียมตัดชุดรึยัง ถ้าไม่ทันแม่ว่าไปซื้อใส่ดีกว่า”
“ไอ้เจ้าเพชรก็มาบอกซะจวนตัว”
“ไม่ใช่อะไร เผอิญฝ่ายนู้นเขาต้องการใช้เงิน เห็นว่าเขาจะเอาเงินมาใช้ลูกเหรอ” นิภาพรรณแกล้งพูดเพื่อชง ดูท่าทีบัว แต่บัวตอบรับคำเดียวแล้ววางเฉย แม่จึงซักต่อ “นายรัญเป็นคนมาขอยืมลูกใช่ไหม”
“เปล่าค่ะ หนูให้เขายืมเอง”
“อ้าว แล้วทำไมตอนนี้ถึงจะเอาคืนล่ะลูก”
“ก็ตอนนั้นมัน...”
“มันทำไมลูก”
“ก็ตอนนั้นหนูชอบกับเขาอยู่”
“แล้วตอนนี้ไม่ชอบแล้วเหรอ”
“ไม่แล้วค่ะ”
“พ่อว่ามันก็ไม่ถูกนะ ไอ้ยามดีก็ให้เขายืม พอยามโกรธก็จะทวงคืน มันก็ยังไงอยู่นะลูก”
“ช่วยไม่ได้ค่ะ เขาอยากหาเรื่องหนูก่อน”
“แล้วมันเรื่องอะไรเล่าให้แม่ฟังได้มั้ย”
“หนูว่าแม่กับพ่อรู้จากพี่เพชรหมดแล้ว ไม่ต้องมาแกล้งถามหนูหรอก” บัวลุกหนีไปอย่างเคืองๆ พ่อกับแม่ได้แต่มองหน้ากันไปมา
“ไอ้ลูกคนนี้มันดื้อเหมือนใครวะ”
“ไม่ต้องมองผม ผมไม่ใช่คนดื้อ ผมเป็นคนซื่อ”
“คุณเนี่ยเหรอซื่อ ถ้าฉันจับไม่ได้ไล่ไม่ทันล่ะก็ไม่มียอมรับหรอก”
“อ้าว ไปๆมาๆพูดเรื่องลูกอยู่ดีๆกลับมาลงที่ผม กินเค้กดีกว่า”
นิภาพรรณค้อนสามี แล้วก็ครุ่นคิดหนักใจเรื่องความรักของบัวกับรัญ...ในขณะเดียวกัน รินลดาก็สงสารพี่ชายเหลือเกิน เธอเข้ามาเตือนเขาเรื่องงานหมั้น ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่ไปร่วมงานเพราะไม่อยากเจอหน้าบัว
“ไม่หรอก ถ้าเป็นตอนแรกที่เกิดเรื่องพี่อาจจะไม่ไป แต่ตอนนี้พี่ไม่รู้สึกอะไรแล้ว”
“รินสงสารพี่จังเลย”
“ไม่ต้องสงสารหรอก ความรักมันก็คงเป็นแบบนี้ คงไม่มีใครสมหวังกันทุกคน พี่ดีใจกับน้องนะ ที่ได้เจอคนที่รักน้องแล้วน้องก็รักเขา”
รินลดาน้ำตาซึมโผเข้ากอดพี่ชาย “รินรักพี่นะ”
“ร้องไห้ทำไม พรุ่งนี้เป็นวันมงคลของแกนะ เดี๋ยวก็ไม่สวยหรอก”
รัญเช็ดน้ำตาให้น้อง รมณีย์ยืนมองมาสีหน้าเศร้าสร้อย สงสารรัญเหมือนกัน
ooooooo
ถึงวันหมั้นของรินลดากับเพชรแล้ว ญาติของสองฝ่ายและแขกเหรื่อมากันไม่น้อย แต่ยังขาดบัวอีกคนที่การ์ตูนชะเง้อคอรอคอยและมองหาไปทั่วก่อนจะมากระซิบนิภาพรรณว่า
“คุณป้าคะ อีกไม่ถึงสิบนาทีจะได้ฤกษ์พิธีแล้วนะคะ”
“แล้วยัยบัวไปไหนทำไมไม่มา”
“นั่นน่ะสิ เมื่อวานแม่ก็ย้ำเรื่องเวลาแล้วนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าบัวมาไม่ทันเราก็เริ่มไปเลย บัวมันไม่ใช่คนสำคัญของงาน”
“ไม่ได้นะจ๊ะเพชร หนูบัวเป็นน้องสาวก็ควรจะอยู่ในพิธีด้วยใช่มั้ยรัญ”
“ผมยังไงก็ได้ครับ”
มงคลเหลือบสบตานิภาพรรณแล้วมองรัญที่นั่งหน้าเรียบเฉย แต่พอรัญหันมาเห็นพ่อแม่บัวมองตนอยู่ก็หลบตาอย่างละอายใจ
“ตกลงว่าไงคะจะรอหรือไม่รอ” การ์ตูนขอคำตอบ
“รินว่ารอซักหน่อยดีกว่าค่ะ เดี๋ยวบัวก็คงมา นะคะคุณเพชร”
“รอก็รอ ยังมีเวลาอีกเจ็ดนาที”
“รินจ๊ะช่วยส่งแหวนหมั้นให้แม่ดูหน่อยซิ ขอแม่ดูว่าน้ำงามมั้ย”
รินลดาชะงักกับคำพูดของแม่ ขณะที่รัญก็เหลือบมองแม่อย่างไม่เห็นด้วย
“ไม่ต้องเช็กหรอกค่ะคุณหญิง นี่เป็นเพชรเกรดดีน้ำงามที่สุดเท่าที่จะหาได้ค่ะ” นิภาพรรณชี้แจง รมณีย์ยิ้มพอใจ แต่ไม่วายถามซอกแซกอีกว่า
“ซักสามกะรัตได้ไหมคะ”
“ห้าค่ะ”
“ห้าจริงหรือคะ ทำไมดูเล็กๆ”
รินลดากับเพชรสบตาไปมาอย่างอึดอัด
“ก็คุณหญิงไม่ได้ใส่เพชรนานคงจำขนาดไม่ได้น่ะสิคะ”
ท่าทางจะเลยเถิด เดี๋ยวจะเกิดสงครามน้ำลายระหว่างนิภาพรรณกับรมณีย์ มงคลก็เลยต้องรวบรัดตัดความ
“พ่อว่าเราทำพิธีเลยดีกว่า ไม่ต้องรอไอ้บัวแล้ว เดี๋ยวจะเสียฤกษ์เปล่าๆ”
“นั่นสิครับพ่อ ผมว่าเริ่มเลยดีกว่า”
พลันเสียงโทรศัพท์มือถือการ์ตูนดังขึ้นมาจนทุกคนชะงัก การ์ตูนมองเบอร์แล้วบอกทุกคนว่าบัวโทร.มาพอดี...บัวยังอยู่ในชุดนอน โทร.มาบอกการ์ตูนว่าไม่ต้องรอตน ตนคงไปไม่ทัน
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ก็บอกว่าไปไม่ทัน แค่นี้นะ” บัวตัดสายฉับ การ์ตูนเรียกไม่ทัน ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ บอกทุกคนว่า “บัวบอกให้ทำพิธีไปเลยค่ะ เขามาไม่ทัน”
รัญสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ส่งยิ้มบางๆให้ฉัตรชัยที่มองมา
“มาเถอะครับ ผมว่าเราทำพิธีเลยดีกว่า”
ผู้ใหญ่สองฝ่ายยินยอมตามที่เพชรบอก พิธีหมั้นจึงผ่านไปอย่างราบรื่น ท่ามกลางความปลาบปลื้มยินดีของทุกคน
ถัดมาเป็นช่วงเวลากินเลี้ยง โดยจัดโต๊ะจีนสามโต๊ะใหญ่ในห้องหรูหรา ขณะทุกคนทยอยเข้าไป การ์ตูนได้แอบโทร.หาบัวอีกครั้ง ซึ่งเป็นเวลาที่บัวกำลังนอนอ่านนิตยสารอยู่กับบ้าน
“ฮัลโหล...มีอะไรตูน”
“บัว ฉันว่าแกควรจะมางานหน่อยนะ ทำแบบนี้มันน่าเกลียดนะ”
“น่าเกลียดอะไร ฉันไม่ได้เป็นคนสำคัญของงาน”
“แต่นี่มันงานพี่ชายแกนะ พี่เพชรโกรธนะที่แกไม่อยู่ตอนหมั้น แล้วคุณลุงคุณป้าก็ถามถึงแกตลอด”
“แกบอกเขาว่าฉันไม่สบายก็ได้”
“นี่ไอ้บัว แกอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องครอบครัวสิวะ ฉันว่าอย่างน้อยแกก็ควรจะมาร่วมกินข้าวกับเขา”
“ฉันไม่อยากเจอหน้าคน”
“ไหนแกบอกว่าแกไม่มีอะไรกับเขาแล้ว ทำไมต้องหลบหน้าเขา”
“ฉันไม่ได้หลบ ฉันรำคาญว่าเขาจะมาตามตื๊อฉันอีก”
“แต่ฉันว่าไม่นะ วันนี้ฉันว่าเขาดูเปลี่ยนไป”
“เปลี่ยนไปยังไง”
“เขาดูไม่ซึมเศร้า แล้วเขาก็ไม่ได้มองหาแกด้วย”
“จริงหรือ” บัวแอบผิดหวัง
“จริงสิ ฉันจะโกหกแกทำไม”
“ถ้าอย่างงั้นก็ได้ ฉันจะไปกินข้าวด้วยแล้วกัน”
“เออ ต้องอย่างงั้นสิ เร็วนะ” การ์ตูนวางสายแล้วบ่นอย่างรู้ทัน “ทำปากดี”
ข้างฝ่ายบัวก็ลุกพรวด สีหน้าท่าทางไม่สบอารมณ์นัก
“หนอย...ไม่มองหาฉันงั้นหรือ เดี๋ยวดูซิว่าพอเจอหน้าเราจะทำหน้ายังไง”
ภายในห้องจัดเลี้ยง มงคลกับนิภาพรรณนำพาทุกคนเข้ามาเลือกที่นั่งกันตามสบาย แต่สำหรับ
รินลดา นิภาพรรณต้องการให้มานั่งข้างๆตน
“หนูรินมานั่งข้างแม่มา”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
“ไม่ต้องพิธีมากลูก ตอนนี้หนูเป็นลูกสาวแม่อีกคนแล้วนะ”
“ก็แค่ลูกสะใภ้นะคะ เพราะแม่จริงเขาอยู่นี่” รมณีย์ท้วงยิ้มๆ
“นั่นสิครับ ผมเองก็ต้องฝากตัวเป็นลูกคุณแม่ด้วยอีกคนนะครับ”
“ยินดีมากจ้ะลูกเพชร”
นิภาพรรณกับรมณีย์มองค้อนกันไปมา รัญเดินเข้ามากับฉัตรชัยและการ์ตูน เพชรเรียกรัญมานั่งด้วยกัน แต่รัญบอกไม่เป็นไร ตนขอนั่งกับเพื่อนๆดีกว่า
“มานี่เถอะรัญ เราเป็นญาติมานั่งกับแม่”
“เชิญผู้ใหญ่กันเถอะครับ”
เมื่อรัญไม่มาแน่ เพชรจึงบอกเขาว่าอีกเดี๋ยวจะไปคุยด้วย รัญพยักหน้าเดินไปนั่งโต๊ะเดียวกับฉัตรชัยและการ์ตูน
“อ้าวยัยบัว มาทันเวลาอาหารพอดี” เสียงมงคลดังขึ้น ทำให้รัญเงยหน้ามองบัวที่ก้าวย่างเข้ามา แต่เพียงแวบเดียวที่บัวมองสบตา รัญก็เบือนหน้ากลับทันที
“บัว นั่งกับฉันมั้ย” การ์ตูนชวน แต่บัวเลือกที่จะไปนั่งกับแม่เมื่อถูกท่านเรียก แล้วยกมือไหว้รมณีย์
“สวัสดีค่ะคุณหญิง”
“หวัดดีจ้ะหนูบัว มานั่งข้างป้าดีกว่า”
บัวนั่งลงโดยหันหน้ามาทางรัญ เมื่อเพชรถามว่าทำไมถึงมาสาย บัวอ้างว่าท้องเสีย เพชรมองไม่พอใจ ทำท่าจะตำหนิ ก็พอดีการ์ตูนเรียกขัดจังหวะเรียกเพชรเสียก่อน
“พี่เพชรเพื่อนมา”
เพชรหันไปเห็นนพมากับสาวสวย นึกว่าเพื่อนควงแฟนใหม่มาอวด ที่ไหนได้กลายเป็นน้องสาวของนพต่างหาก
“ไอ้บ้า นี่น้องสาวโว้ย นุ่นไง จำไม่ได้เหรอ ที่ตอนนั้นไอ้รัญเคยจีบ”
บัวได้ยินชัด แอบชะงักหึงหวง
“แล้วไอ้รัญมารึเปล่า” นพถาม
“นี่ไง ไอ้รัญนั่งอยู่นี่ มาเลยน้องนุ่นนั่งข้างพี่รัญแฟนเก่าซะเลย เผื่อถ่านไฟเก่าจะลุก”
“หวัดดีค่ะพี่รัญ จำนุ่นได้ไหมคะ”
“จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้”
บัวแอบมองหมั่นไส้...ไม่ทันไร แนนเพื่อนรินลดาเดินเข้ามาอีกคน แนนทักทายรัญอย่างคุ้นเคย
“หวัดดีค่ะพี่รัญ ดีใจจังเลยค่ะ พี่รัญกลับมาจากเมืองนอกนานแล้วหรือคะ”
“นานแล้ว”
“มีใครนั่งมั้ยคะ”
“ไม่มีจ้ะ”
“งั้นแนนนั่งด้วยคนนะคะ”
บัวแอบมองรัญที่มีทั้งแนนและนุ่นนั่งขนาบซ้ายขวา...รินลดาลุกมาหาแนน ขอบใจแนนที่มางานและฝากรัญเทกแคร์แนนด้วย
“เฮ้ย พวกเรา ตอนนี้ไอ้รัญเจอสาวประกบเลย” เสียงเพื่อนชายแซวขึ้น อีกคนเสริมต่ออย่างอารมณ์ดีกว่า
“อะไรกัน พี่ก็ยังโสดนะ มีใครสนใจผมบ้าง”
“เขาไม่สนหนุ่มแบงก์อย่างเอ็งหรอก มันต้องเป็นนักการทูตอย่างไอ้รัญ”
นิภาพรรณจับสังเกตลูกสาวตลอดเวลาอย่างรู้ทัน ยิ่งถึงตอนสาวๆรุมล้อมมาขอถ่ายรูปกับรัญ บัวสีหน้าหึงหวงอย่างเห็นได้ชัด ขนาดการ์ตูนกับฉัตรชัยยังมองออก พลางจับจ้องรัญที่ยิ้มแย้มพูดคุยกับนุ่นและแนนอย่างอารมณ์ดี
“คุณว่าพี่รัญเขาแกล้งทำประชดไอ้บัวมั้ย” การ์ตูนกระซิบถามฉัตรชัย
“ผมว่าไม่นะ เขาคงตัดใจได้จริงๆ”
“ถ้าอย่างนี้ไอ้บัวก็ต้องหนาวสิ”
“หนาวทำไม ก็เขาบอกเองว่าเขาไม่รักคุณรัญแล้วนี่”
“ฉันไม่เชื่อมันหรอก”
จริงๆเสียด้วย บัวกินอาหารแทบไม่ลงคอ คอยแต่มองรัญกับสาวๆ แต่พอเหลือบเห็นทั้งพ่อแม่ พี่ชาย และรมณีย์กับรินลดามองมา บัวก็ทำเป็นฉีกยิ้มสดใส ชวนทุกคนกินอาหาร
หลังอาหารที่แสนจะฝืดคอสำหรับบัวมื้อนี้แล้ว บัวยังต้องมาเห็นภาพบาดตาบาดใจซ้ำอีก เมื่อแนนเดินควงแขนรัญออกไปทางห้องน้ำก่อนบัวเล็กน้อย
“พี่รัญคะ เห็นรินบอกว่าที่ปรากสวยมากหรือคะ ถ้าแนนไปเที่ยวไปพักบ้านพี่ได้ไหมคะ”
“ได้สิ”
“พี่รัญต้องเป็นไกด์พาเที่ยวด้วยนะคะ”
บัวยืนฟังด้วยความหึงหวง ก่อนจะเดินเลี้ยวหลบเข้าห้องน้ำ
“ขอเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะคะพี่รัญ” แนนผละไป รัญยืนคอยหน้าห้อง สักครู่บัวกลับออกมาและเกือบจะชนรัญ เธอร้องอุ๊ยเบาๆ ขณะที่รัญเอ่ยคำขอโทษและขยับตัวหลบทางให้อย่างไม่มีเยื่อใยใดๆ พอแนนโผล่ออกมาก็ควงแขนรัญออกเดิน บัวถึงกับยืนอึ้ง มองตามทั้งคู่ไปใจหายวาบ
ooooooo
เสร็จงานหมั้นของน้องสาวไปแล้ว วันรุ่งขึ้นรัญจึงเข้ามาบอกแม่ว่าตนมีเรื่องจะคุยด้วย
“มีอะไรจ๊ะ ลูกจะบอกว่าไม่ต้องย้ายบ้านแล้วใช่มั้ย”
“ผมจะบอกว่าอาทิตย์หน้าผมจะกลับไปทำงานแล้วนะครับ ส่วนเรื่องย้ายบ้านรินกับเพชรจะเอาคนมาช่วยย้าย”
“นี่แม่ต้องไปอยู่บ้านต่างจังหวัดจริงๆเหรอ”
“หรือแม่จะไปอยู่เมืองนอกกับผม”
“ไม่เอา แม่ไม่ชอบ ยิ่งเหงาใหญ่ ไม่มีเพื่อนด้วย”
“เดี๋ยวผมจะออกไปธุระข้างนอก แม่เอาอะไรมั้ย”
“ไม่ล่ะ เออ เดี๋ยวรัญ เมื่อวานแม่แอบสังเกตดูหนูบัว ตอนที่ลูกคุยกับผู้หญิงเธอแอบมองลูกนะ”
“ไม่หรอกครับแม่ แม่คิดไปเองมากกว่า”
“ไม่นะ แม่ว่าเธอยังแอบรักลูกอยู่ แม่เป็นผู้หญิง แม่รู้ ความรู้สึกผู้หญิงด้วยกันดี เชื่อแม่เถอะ ถ้าลูกไปง้ออีกซักครั้ง รับรองเธอต้องให้อภัยลูกแน่ นะลูกนะ ไปง้ออีกซักครั้ง เชื่อแม่”
“ผมขอคิดดูก่อนแล้วกันครับแม่”
พอรัญผละไป รมณีย์แทบจะยกมือท่วมหัวภาวนา
“เจ้าประคู้ณ ขอให้ตารัญไปง้อครั้งนี้สำเร็จด้วยเถอะ”
ooooooo
ส่วนที่บริษัทของเสี่ยมงคล ยามนี้บัวเอาแต่นั่งซึมเหม่อไม่มีกะจิตกะใจทำงาน แถมพอแม่เอาผลไม้สุด
โปรดมาปอกให้กิน เธอก็ปฏิเสธอีก
ครั้นลูกสาวกลับออกไปแล้วพร้อมแฟ้มเอกสาร
นิภาพรรณก็อดบ่นกับสามีไม่ได้ว่าตั้งแต่งานหมั้นของเพชร บัวดูซึมๆไป
“อืม...คงจะมีใจกับนายรัญอยู่”
“ฉันก็ว่าอย่างงั้น วันนั้นฉันแอบมองเห็นลุกนั่งไม่เป็นสุขเลย คอยเหลือบซ้ายเหลือบขวาไปโต๊ะผู้ชายตลอดเวลา แล้วยิ่งเห็นสาวๆไปรุมล้อมนายรัญยิ่งหงุดหงิดกินไม่ลง ปกติยัยบัวมันชอบกินโต๊ะจีนจะตายไป”
“อยากให้นายรัญมาง้ออีกซักครั้ง คราวนี้คงใจอ่อนแล้วล่ะ”
“ใช่ ฉันว่าจะบอกเจ้าเพชรให้ไปบอกนายรัญมาง้อยัยบัวซะหน่อย”
“แล้วจะช้าอยู่ทำไม” ว่าแล้วมงคลลุกนำหน้าภรรยาออกจากห้อง แต่ต้องชะงักเมื่อมองไปเห็นรัญเดินขึ้นบันไดมา การ์ตูนออกมาจากห้องตรงข้ามมองมงคลกับนิภาพรรณด้วยความแปลกใจ
“คุณลุงคุณป้ามองอะไรกันหรือคะ”
“แกดูนั่นสิ”
การ์ตูนมองไปเห็นรัญ ให้สงสัยว่าเขามาทำไมอีก นิภาพรรณฟันธงทันทีว่า
“จะมาทำไม เขาก็ต้องมาง้อยัยบัวน่ะสิ”
“ใช่ แล้วครั้งนี้ต้องสำเร็จ ยัยบัวต้องใจอ่อนยอมรับรักเขา”
ขาดคำของมงคล รัญตรงมาสวัสดีสองคุณอา และทักทายการ์ตูนคำสองคำ
“นี่มาหานายเพชรใช่ไหมจ๊ะ” นิภาพรรณหยั่งเชิง
“เปล่าครับ ผมมาหาคุณบัว”
ทั้งสามคนยิ้มแต้ แล้วนิภาพรรณก็เร่งการ์ตูนให้รีบไปบอกบัวว่ารัญมาหา การ์ตูนจึงกระตือรือร้นออกไป
“เชิญเลยจ้ะ คุยตามสบายเลยนะ” นิภาพรรณ
ไฟเขียวเต็มที่ รัญยิ้มรับแล้วออกเดินตามการ์ตูนไป
“ไม่น่าเชื่อ ถ้าแทงหวยแม่นอย่างนี้ก็ดีน่ะสิ” มงคลเอ่ยยิ้มๆ นิภาพรรณเองก็หวังว่าคราวนี้บัวจะได้หายเศร้าเสียที
บัวกำลังนั่งเหม่อในห้อง เสียงเคาะประตูทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย
“ขออนุญาตค่ะ” การ์ตูนเยี่ยมหน้าเข้ามา
“มีอะไร ทำพิธีรีตอง”
“ฉันจะมาเรียนให้ทราบว่ามีแขกสำคัญขอพบคุณรวินวรกานต์ ไม่ทราบว่าสะดวกให้พบไหมคะ”
บัวถามว่าใคร การ์ตูนยังไม่ตอบ แต่ย้อนถามว่า ถ้าบอกไปแล้วแกอย่าด่านะ
“เออ ฉันจะด่าแกทำไม...ใคร?”
“พี่รัญ...ฉันรู้นะว่าแกไม่อยากพบเขา แต่โดยมารยาทฉันปฏิเสธเขาไม่ได้ งั้นเดี๋ยวฉันจะออกไปบอกเขาว่าแกไม่สะดวก”
“เดี๋ยวตูน”
“มีอะไร”
“แล้วเขาบอกรึเปล่าว่าจะพบฉันเรื่องอะไร”
“ไม่ได้บอก บอกแค่ว่ามีธุระสำคัญจะคุยกับแก”
“ธุระสำคัญอะไร คงจะมาขอโทษ ขอคืนดีกับฉันล่ะสิ”
“แหมแก...เขารักแกนะ เมื่อไหร่แกจะใจอ่อน”
“คนอย่างฉันไม่มีวันใจอ่อนหรอก”
“งั้นฉันไปบอกให้เขากลับไปนะ”
“ไม่ต้อง...ให้เขาเข้ามา”
“เอางั้นหรือ”
“แกทำตามที่ฉันบอกแล้วกัน”
“ได้ค่ะเจ้านาย”
คล้อยหลังการ์ตูน บัวยิ้มมาดมั่น อยากรู้ว่าคราวนี้รัญจะมาง้อตนด้วยวิธีไหน?
ooooooo
“คุณบัวไม่ยอมพบผมใช่ไหมครับ” รัญเอ่ยปากทันทีที่การ์ตูนเดินตรงมาหา
“ไม่ใช่ค่ะ บัวบอกว่าเข้าไปได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
การ์ตูนยิ้มแป้น แอบภาวนาให้พระเอกกับนางเอกสมหวังกันเสียที...แต่ท่าจะยาก เพราะบัววางฟอร์มนิ่ง นั่งทำงานสีหน้าเย็นชา มองรัญที่ก้าวเข้ามาแวบหนึ่ง
“สวัสดีครับ ผมต้องขอโทษที่รบกวนเวลาคุณ”
“คุณมีอะไรก็พูดมา แต่ถ้าจะมาพูดเรื่องเก่าล่ะก็ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ”
“ผมไม่ได้มาพูดเรื่องเก่าหรอกครับ”
“ถ้างั้นคุณมาทำไม”
“ผมจะเอาเงินที่ค้างชำระมาคืนคุณ นี่คือเช็คเงินสดสิบแปดล้านบาทครับ”
บัวอึ้งไปด้วยความโกรธ หยิบเช็คที่รัญวางบนโต๊ะขึ้นมาดู
“ผมต้องขอบคุณในความกรุณาที่คุณช่วยเหลือครอบครัวผม แค่นี้แหละครับ ที่ผมมารบกวนเวลาคุณ”
“เดี๋ยว แล้วดอกเบี้ยล่ะ”
“ผมไม่ทราบว่าคุณคิดดอกเบี้ยด้วย”
“คุณคิดว่าฉันให้คุณยืมเงินสามสิบห้าล้านบาทฟรีๆเพื่ออะไร”
“ผมนึกว่าคุณช่วยเหลือผมเพราะว่าคุณรักผม ไม่เป็นไรครับ คุณให้เลขาฯโทร.ไปบอกผมแล้วกันว่าเท่าไหร่ ผมจะหามาชำระคุณ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับสิ่งดีๆที่คุณมีให้ผม”
เพียงรัญคล้อยหลัง บัวก็ทรุดลงอย่างคนใจสลาย นึกไม่ถึงว่าเขาจะหมดเยื่อใยแล้วจริงๆ ฝ่ายรัญเดินออกมาจากห้องได้นิดเดียวก็เจอพวกนิภาพรรณป้วนเปี้ยนรอลุ้นอยู่
“เรียบร้อยดีไหมจ๊ะรัญ”
“เรียบร้อยดีครับ”
“เฮ้อ...พ่อโล่งอกจริงๆ”
“ค่ะ ตูนก็หัวใจแทบหยุดเต้น”
“ผมลานะครับ ขอบคุณคุณอาทั้งสองแล้วก็คุณตูนด้วยนะครับ”
ทุกคนยิ้มแย้มยินดี โดยเฉพาะพ่อกับแม่ของบัวเอ่ยปากอยากให้รัญหมั่นมาบ่อยๆ รัญเพียงแต่ยิ้มรับแล้วเดินจากไป
“ไชโย ในที่สุดนางเอกก็ให้อภัยพระเอก” การ์ตูนดี๊ด๊า ขณะที่นิภาพรรณก็เริงร่ารีบชักแถวเข้าไปหาบัวในห้อง แต่แล้วทุกคนต้องชะงัก เมื่อเห็นบัวนั่งจมน้ำตา แต่บัวก็ยังอุตส่าห์โกหกว่าผงเข้าตา
“นายรัญเข้ามาขอโทษลูกอีกแล้วใช่มั้ย” นิภาพรรณเกริ่นถาม
“พ่อว่าให้อภัยเขาได้แล้วน่า เขาก็มาง้อหลายครั้งแล้ว”
“ใช่จ้ะ อย่าไปเล่นตัวมากเลยลูก เดี๋ยวเขาทนไม่ไหวเขาอาจจะไปจริงๆก็ได้นะ”
“แล้วเขาว่าไง คราวนี้เขามาแบบไหน คุกเข่าต่อหน้าแกเลยมั้ย”
“เปล่า...เขาไม่ได้มาขอโทษ”
“อ้าว แล้วเขามาทำไม”
“เขาเอาเงินที่เหลือมาใช้หนี้หนู”
“นี่เขาไม่ได้มาง้อลูกหรอกหรือ”
“เขาจะง้อทำไมคะ ในเมื่อตอนนี้เขามีผู้หญิงอื่นเยอะแยะ เอาล่ะค่ะ หนูขอทำงานต่อนะคะ”
ทั้งสามคนเหวอไปด้วยกัน ชักแถวกลับออกมาหน้าตาผิดหวัง
“ทำไมมันกลับตาลปัตรอย่างนี้” นิภาพรรณบ่นอุบ
“สงสัยพระเอกจะไปจากนางเอกจริงๆแล้วล่ะ”
“ถ้างั้นนางเอกก็ต้องร้องไห้ตายเลยนะคะ”
จริงอย่างการ์ตูนว่า...ภายในห้องนั้นบัวกำลังร่ำไห้เสียใจจนตัวสั่นสะท้าน!
ooooooo
รัญกลับไปเตรียมเก็บสัมภาระเพื่อออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ โดยได้ติดต่อไปยังท่านทูตให้ทราบล่วงหน้า แล้วค่อยมานั่งลบรูปถ่ายของตนกับบัวเมื่อครั้งรักกันหวานชื่นที่เก็บเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือทิ้งทั้งหมด
รมณีย์เดินเข้ามาเงียบๆ ถามลูกชายว่าทำอะไรอยู่
“ลบรูปเก่าทิ้งน่ะครับ”
“รูปหนูบัวหรือลูก”
“ครับ”
“ทำไมต้องลบทิ้งล่ะลูก เก็บไว้ดูยามเหงาก็ได้นี่”
“ไม่ดีกว่าครับ ยิ่งดูยิ่งทำให้เศร้าเปล่าๆ” รัญหันไปหยิบของในตู้เดินกลับมาเก็บใส่กระเป๋า รมณีย์มองลูกด้วยความสงสาร “เย็นนี้เราไปกินข้าวกันมั้ยครับ เพราะพรุ่งนี้ผมต้องไปแต่เช้า”
รมณีย์เงียบไม่ตอบ รัญจึงเงยหน้ามอง ปรากฏว่าแม่ร้องไห้น้ำตาริน
“อ้าว แม่ร้องไห้ทำไมครับ”
“รัญ...แม่ขอโทษ”
“ขอโทษผมเรื่องอะไร”
“เป็นเพราะแม่คนเดียว ที่ทำให้ชีวิตลูกพัง”
“ไม่ใช่หรอกครับแม่ เรื่องบัวกับผมมันเป็นเพราะผมเองมากกว่าที่ไม่หนักแน่น”
“แต่ถ้าแม่ไม่เป็นคนสร้างเรื่องขึ้น ป่านนี้ลูกกับบัวก็ต้องแต่งงานอยู่กันอย่างมีความสุข”
“อย่าไปคิดอะไรเลยครับแม่ เรื่องมันผ่านไปแล้ว วันนี้ผมเองก็คิดได้และเข้าใจมันดีแล้ว ผมถึงได้กลับไปทำงานแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ไงครับ ปีหน้าถ้าโชคดีผมอาจจะได้ขึ้นเป็นทูตนะครับ”
“แม่รู้สึกอายลูกจริงๆ ถ้าแม่ไม่เห็นแก่ความสุขของตัวเอง ป่านนี้ลูกคงไม่ลำบาก แม่ขอโทษนะรัญ แม่สัญญาจากนี้ไปแม่จะไม่เล่นการพนันอีกทั้งชีวิต แม่ให้สัญญาจริงๆ”
“ผมดีใจจริงๆที่ได้ยินแม่พูดแบบนี้”
“แม่ขอโทษ...”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ เพราะถึงยังไงแม่ก็ยังเป็นแม่ของผมอยู่วันยังค่ำ ผมยังรักแม่เหมือนเดิม”
“แม่ก็รักลูก...” สองแม่ลูกกอดกันกลม รินลดามองภาพนั้นอย่างซาบซึ้ง ก่อนเดินเข้าสวมกอดทั้งแม่และพี่ชายสุดที่รัก
ooooooo
ในขณะที่บ้านหนึ่งกำลังแสดงความรักความเข้าใจต่อกัน แต่อีกบ้านกลับมีแต่ความหมองหม่นไม่สบายใจ ยิ่งเห็นบัวซึมเซื่องไม่ยอมกินข้าวกินปลา เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง คนเป็นแม่ก็ทุกข์จนแทบไม่เป็นอันทำอะไร
“เห็นลูกเป็นอย่างนี้ฉันไม่ชอบเลย ทำไงดีเพชร ช่วยแม่คิดหน่อยซิ ทำยังไงน้องจะหายเศร้า”
“ก็อยู่ที่ตัวมัน ใครจะช่วยได้ มันแค่ยอมลดทิฐิให้อภัยรัญทุกอย่างก็จบ”
“นั่นน่ะสิ มันงัดกันอยู่แค่ว่าคุณไม่เห็นความดีของฉัน คุณเห็นว่าฉันเป็นผู้หญิงไม่ดี ฉันเลยต้องเกลียดคุณ เฮ้อ พูดแล้วยุ่ง” มงคลส่ายหน้าหนักใจ
“งั้นแม่จะไปพูดกับมันเอง ว่ามันจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไร ในเมื่อความสุขรอเราอยู่ข้างหน้า แค่เราก้าวข้ามไปหามันเท่านั้นเอง”
“อย่าไปพูดเลยแม่ ผมพูดไปตั้งเยอะแล้ว ไอ้ตูน คุณฉัตรชัย ใครๆก็ช่วยพูดไปหมดแล้ว”
“ถ้างั้นก็ต้องให้มันคิดเองว่าความสุขของมันคืออะไร” มงคลสรุป
เวลานั้น บัวกำลังนอนก่ายหน้าผากพลิกซ้ายพลิกขวาแล้วลุกนั่งกอดเข่าจมอยู่กับความคิดอันแสนว้าวุ่นสับสน
“นี่เราเป็นอะไร ทำไมเราไม่มีความสุขเลย นี่เรายังรักเขาอยู่หรือไง...ไม่ เราไม่ได้รักเขาแล้ว เราเกลียดเขา...เราหลอกตัวเอง เราไม่ได้เกลียดเขาหรอก เขาน่ารักจะตาย” คิดดังนั้นแล้วหันไปคว้าโทรศัพท์มือถือทำท่าจะโทร. แต่เกิดปลี่ยนใจอีก “แต่ถ้าเราโทร.ไปง้อก็อายเขาแย่สิ ใช่
เขาต้องมาง้อเราสิถึงจะถูก เพราะเราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด แต่เขาก็ง้อเราหลายหนแล้วนะ เราดันไม่ให้อภัยเขา เราจะทำยังไงดีเนี่ย ใครจะช่วยเราได้”
ความคิดของเธอหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู...เพชรนั่นเอง เขาจะขอเข้าไปข้างในหน่อย
“ไม่ได้ บัวนอนแล้ว มีอะไร” บัวร้องบอก
“พี่แค่จะบอกแกว่าเมื่อกี้รินโทร.หาพี่บอกว่าพรุ่งนี้รัญจะกลับแล้ว พี่จะไปส่งไอ้รัญ ก็เลยมาถามแกว่าจะไปด้วยกันมั้ย”
“ทำไมบัวต้องไปด้วย”
“ไม่รู้ ก็แค่มาบอกเฉยๆ เผื่อแกจะเปลี่ยนใจยับยั้งไม่ให้มันกลับไป”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับบัว”
“เฮ้ยบัว แต่ครั้งนี้ไอ้รัญมันไปแล้วไม่กลับเลยนะ เห็นมันบอกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเลย”
“เรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับบัว”
“ถ้าแกพูดอย่างนี้ก็แสดงว่าแกจบกับมันจริงๆ งั้นแค่นี้นะ พี่ขอโทษด้วย”
เสียงเพชรเงียบไปแล้ว บัวซึ่งทำปากแข็งถึงกับแอบน้ำตาร่วง คร่ำครวญกับตัวเองอย่างใจเสีย “นี่เขาจะไปจากเราจริงๆหรือ”
นิภาพรรณกับมงคลกระวนกระวายรอลูกชายอยู่ชั้นล่าง พอเห็นเพชรกลับลงมา นิภาพรรณก็ถลาเข้าใส่อย่างร้อนใจ
“น้องว่าไงลูก”
“มันคงตัดไอ้รัญได้จริงๆ มันบอกไม่เกี่ยวกับมัน”
“ถ้าตัดได้ทำไมไม่มีความสุข กินไม่ได้นอนไม่หลับ”
“ก็คงต้องปล่อยมันแล้วล่ะพ่อ เราก็พูดกับมันจนลิ้นจะเปื่อยแล้ว”
“จริงของเจ้าเพชร ก็คงต้องปล่อยมันไปนะแม่” มงคลเดินส่ายหน้าไปจากตรงนั้นอย่างปลดปลง แต่นิภาพรรณสีหน้าครุ่นคิดไม่ยอมรามือ
“ฉันเป็นแม่ ฉันคงปล่อยให้ลูกเป็นทุกข์ไม่ได้หรอก ฉันต้องหาทางช่วยมันให้ได้”
ooooooo
เช้าวันเดินทางของรัญ เพชรกับรินลดาตามไปส่งที่สนามบิน ทั้งคู่กำชับรัญให้กลับมางานแต่งของพวกตน แต่รัญไม่ขอรับปาก เพราะตนอาจมีงานที่ต้องสะสางอีกมาก
“พี่รัญ งานแต่งน้องทั้งทีนะ” รินลดาอ้อนวอน
“ไม่ใช่พี่ไม่รักแก แต่พี่เห็นว่าแกได้คนดีแล้วก็รักแก พี่ก็หมดห่วงแล้ว”
“ทีตอนนี้ล่ะมายอ” เพชรกระเซ้า
“ก็ตอนนี้แกดีจริงๆนี่หว่า ไม่เหมือนเมื่อก่อน”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงฉันก็อยากให้แกมานะ”
“ฉันจะพยายาม ฝากแม่ด้วยนะริน”
“ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ คุณเพชรบอกว่าถ้าแต่งงานแล้วจะให้แม่มาอยู่ที่เรือนหอเรา”
“เฮ้ย แต่แม่จะสร้างเรื่องวุ่นวายให้แกนะ”
“ไม่ต้องห่วง แม่แกต้องฉันคนเดียวถึงจะปราบอยู่”
“ถ้าแกคิดอย่างงั้นก็ช่วยไม่ได้ ฉันไปล่ะ แกกลับไปทำงานเถอะ”
“พี่รัญ...รินคิดถึงพี่นะ” รินโผเข้ากอดพี่ชายทั้งน้ำตาซึมๆ
“พี่ก็คิดถึงแก มีหลานให้พี่อุ้มเร็วๆนะ” รัญผละจากน้อง หันไปสวมกอดเพชรอีกคน “ฝากน้องกับแม่ฉันด้วยนะ ขอบใจแกอีกครั้งสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง”
“ฉันก็ขอบใจแก เทกแคร์นะเพื่อน”
รัญยิ้มรับแล้วผละไป เพชรเหมือนลังเลบางอย่างก่อนจะร้องเรียกรัญ ถามว่าไม่คิดจะง้อน้องสาวตนอีกสักครั้งหรือ?
“ไม่ไหวแล้วว่ะ เธอใจแข็งจริงๆ ไปล่ะ แกต้องรักน้องฉันมากๆนะโว้ย”
“เออ แต่งวันนี้ พรุ่งนี้จะมีเมียน้อยเลย”
รัญยิ้มบางๆ โบกมือให้ก่อนเดินจากไป เพชรหันกลับมาหารินลดา ปรากฏว่าเธอยืนหน้าบูดบึ้งแยกเขี้ยวใส่
“ก็ลองดูสิ ฉันไม่ใจแข็งเหมือนบัวหรอกนะ แต่ฉันจะเฉือนคุณเลย”
เพชรสะดุ้งไม่กล้าหือ ได้แต่ทำหน้าเสียวสยอง
ooooooo
บัวเพิ่งลงจากห้องมาที่โต๊ะอาหารซึ่งพ่อกับแม่นั่งกินข้าวต้มกันอยู่ เธอไม่เห็นพี่ชาย นึกว่าเขาออกไปทำงานแล้ว แต่คำตอบของแม่ก็ทำให้เธออึ้งไปอย่างใจหาย
“เขาไปส่งนายรัญไง ความจริงลูกน่าจะไปส่งเขาซะหน่อย”
“ทำไมหนูต้องไปด้วย หนูกับเขาไม่มีอะไรกันแล้ว”
“ก็ถือซะว่าครั้งนึงเคยรู้จักกัน เคยชอบกัน เคยรักกันอะไรอย่างเนี้ย”
“ใช่ มันไม่เสียหายหรอกถ้าลูกจะไป เหมือนหนังเรื่องอะไรนะ ครั้งหนึ่งเราเคยรักกันใช่มั้ยคุณ”
“ใช่ กว่าพระเอกนางเอกจะรักกันได้เลือดตาแทบ กระเด็น แต่อยู่ๆจะมาทำให้เรื่องเล็กน้อยแค่พระเอกใส่พริกไทยในชามก๋วยเตี๋ยว นางเอกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงกับทำให้เลิกกัน”
“นั่นน่ะสิ แค่พริกไทยเหยาะเดียว นางเอกเลยอยู่คนเดียวไปจนตาย”
“แม่หมายถึงหนูใช่มั้ย”
“เปล่า แม่ไม่ได้ถึงลูก ลูกน่ะทำถูกแล้ว เราโกรธเราก็ไม่ควรให้อภัยเขา มาดูถูกเราได้ยังไงว่าเป็นผู้หญิงหากิน ทั้งที่เราเป็นลูกมหาเศรษฐีมีดีกว่ามันตั้งเยอะรวยกว่ามันตั้งหลายร้อยเท่า”
“นี่ถ้าพ่อรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก พ่อจะชกปากไอ้รัญซะหน่อยเอาเลือดปากมันออก”
“พ่อคะ เขาไม่ได้ชั่วอย่างที่พ่อคิดหรอก เขาเพียงแต่ไม่รู้แล้วก็มีคนมาใส่ไฟหนู”
“แล้วทำไมมันถึงหูเบา ลูกแม่ออกสวยขนาดนี้ พูดแล้วน่าจะตบบ้องหูมันนะคุณ”
“แม่คะ อย่าไปโกรธเขาเลย จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดเขาหรอก เป็นเพราะหนูเองที่ปิดบังเขาตั้งแต่แรก”
“นี่หมายความว่าลูกยอมรับว่าเป็นความผิดของลูก” บัวพยักหน้าเศร้าๆ แม่ก็เลยร้อง “อ้าว...ถ้ายอมรับแล้วทำไมไม่บอกเขาล่ะ”
“หนูก็อยากจะบอกเขาเหมือนกัน แต่...แต่เขาไปแล้ว” บัวเริ่มหน้าเสีย ขอบตาแดงๆ พ่อกับแม่มองหน้ากันอย่างรู้ทันว่าลูกอ่อนลงแล้ว
“แต่พ่อว่ายังทันนะ เห็นเจ้าเพชรบอกว่ากว่าเครื่องจะออกก็เที่ยง”
“ถ้าลูกไม่รีบไปตอนนี้แม่ว่าไม่ทันแน่”
“แม่จะให้หนูไปง้อเขาเหรอคะ”
“อ้าว ก็เขาไม่ผิด เราก็ต้องง้อเขาสิ”
“ไปลูก ขืนช้าล่ะก็ ลูกจะต้องอยู่คนเดียวไปทั้งชีวิตนะ”
คำพูดประโยคนี้ของแม่ทำให้บัวได้คิด ลุกขึ้นกระวี กระวาด “หนูไปนะคะพ่อ ขอบคุณค่ะแม่ที่ช่วยให้หนูตาสว่าง”
พ่อกับแม่วิ่งตามไปส่งลูกสาวถึงรถ กำชับให้เธอขับรถดีๆ พอบัวออกรถพรืดไปแล้ว นิภาพรรณนึกได้คว้าโทรศัพท์รีบโทร.ไปดักเพชรที่ยังอยู่สนามบินกับรินลดา
“ครับแม่...อะไรนะครับ ยัยบัวมาหาไอ้รัญงั้นหรือ”
“ใช่...ให้รัญรอก่อน”
“ไม่ทันแล้วครับ ไอ้รัญเข้าไปแล้ว”
“ไม่ได้นะ แกต้องช่วยน้อง”
“โอเคแม่ งั้นแค่นี้ก่อนนะ” เพชรวางสาย ท่าทีร้อนรนจนรินลดาสงสัยว่ามีอะไร “บัวน่ะสิ มันยอมให้อภัยพี่ชายคุณแล้ว นี่มันกำลังตามมาหาไอ้รัญ”
“แต่พี่รัญเข้าไปแล้วนี่คะ”
“งั้นพี่จะโทร.บอกไอ้รัญก่อนว่าอย่าเพิ่งไป” เพชรรีบจัดการ แต่ปลายสายไม่มีสัญญาณ “มันไม่เปิดเครื่อง”ว่าแล้วเพชรกับรินลดาก็ยืนคว้างกลางสนามบิน จนเมื่อบัวกระหืด กระหอบมาถึง เธอแทบจะร้องไห้ รำพึงรำพันด้วยความเสียใจ
“แล้วบัวจะทำยังไงดีที่จะเจอพี่รัญ อย่างน้อยบัวอยากจะบอกเขาว่าบัวยังรักเขาอยู่ บัวรักเขา...”
“งั้นเราก็ให้สนามบินเขาประกาศบอกพี่รัญให้เปิดเครื่องดีมั้ย” รินลดาโพล่งขึ้นอย่างนึกได้ เพชรเห็นดีด้วย ทั้งหมดจึงพากันวิ่งไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
ooooooo
“คุณรัญ สิงหบวรเดช กรุณาเปิดโทรศัพท์มือถือด้วยมีญาติต้องการพูดสายด่วน” เสียงประกาศทำให้รัญที่กำลังจะขึ้นเครื่องหยุดชะงัก เขาฟังจนแน่ใจว่าเป็นชื่อตัวเอง แล้วก็นึกไปถึงแม่
“อย่าบอกนะว่าแม่เป็นอะไร” พูดขาดคำเขารีบเปิดโทรศัพท์มือถือ เป็นจังหวะที่บัวโทร.เข้ามาพอดี
“ฮัลโหล...พี่รัญเหรอคะ” เสียงนั้นทำให้เขานิ่งอึ้งไปทันที “พี่รัญ นี่บัวนะคะ”
“คุณมีอะไรหรือครับ”
“บัวจะบอกพี่รัญว่าบัวยกโทษให้พี่รัญแล้ว”
“ขอบคุณครับ”
“แล้วบัวก็ไม่โกรธพี่รัญแล้วด้วย”
“ครับ” รัญตอบแสนสั้น น้ำเสียงราบเรียบจนบัวหน้าเสีย หันมาบอกเพชรกับรินลดาว่า เขาดูเย็นชามาก รินลดาจึงยุให้บอกไปเลยว่าเธอยังรักเขาอยู่ แต่บัวลังเลเพราะเขินอาย
“ถ้าไม่บอกพี่รัญจะรู้ได้ยังไง เร็วนะบัว”
“ใช่ ถ้าแกขืนช้าไอ้รัญมันขึ้นเครื่องแกจบนะ”
แม้จะถูกเร่ง แต่บัวก็ยังอึกอักลังเล กระทั่งได้ยินเสียงรัญถามกลับมาว่า
“คุณยังมีอะไรกับผมอีกมั้ยครับ”
“เอ่อ...มีค่ะ บัวอยากจะบอกให้พี่รัญรู้ว่าบัวยังรักพี่รัญอยู่ค่ะ แล้วก็รักมากด้วยค่ะ”
“คุณบอกตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะครับ”
“ทำไมล่ะคะ พี่รัญโกรธบัวหรือคะ บัวขอโทษนะคะ”
“ผมไม่ได้โกรธคุณหรอกครับ เพียงแต่ว่าคุณมาสายไปแล้ว แค่นี้นะครับ” รัญตัดสาย บัวถึงกับน้ำตาร่วงพรู เพชรคว้าโทรศัพท์มากดใหม่ แต่ปรากฏว่ารัญปิดเครื่องไปเสียแล้ว
“เขาคงโกรธบัวจริงๆ เขาไม่รักบัวอีกแล้ว”
“ไม่จริงหรอกบัว พี่รัญยังรักบัวอยู่นะ”
“ไม่...น้ำเสียงเขาไม่มีเยื่อใยกับบัวเลย”
“อาจจะจริง ไอ้รัญมันคงหมดรักแกแล้ว”
“แต่รินว่าไม่นะ พี่รัญไม่มีวันหมดรักบัวหรอก”
“แต่คุณอย่าลืมนะ เมื่อวานมันบอกเราว่ามันจะกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครซักคน”
“ไม่ บัวไม่ยอมให้เขามีคนใหม่หรอก”
“แล้วแกจะทำไง”
“จะทำไง บัวก็จะบินตามเขาไปน่ะสิ บัวไปซื้อตั๋วก่อนนะ ขืนชักช้าเขาอาจจะไปเจอผู้หญิงอื่นบนเครื่องก็ได้” พูดจบบัววิ่งพรวดพราดออกไปทันที
“มันต้องอย่างนี้สิ ถึงจะเป็นบัวคนเดิม” ว่าแล้วรินลดาก็หันมายิ้มหวานกับเพชรที่หน้าตาแช่มชื่น คาดหวังว่าคราวนี้น้องสาวของตนกับเพื่อนรักคงลงเอยแฮปปี้เอนดิ้งกันแน่
ooooooo
ถึงปรากแล้วแต่มัวไปเดินปล่อยอารมณ์ทบทวนความรักความหลังตอนอยู่ด้วยกันกับบัวเสียเนิ่นนาน... กลับเข้าบ้านรัญได้กลิ่นอาหารหอมกรุ่นก็แปลกใจ เดินตรงเข้าไปในครัวเห็นอาหารหลายอย่างถูกจัดเตรียมเอาไว้ บนโต๊ะอาหารมีเทียนจัดวางไว้สวยงาม
“นี่ใครมาทำกับข้าว” เขารำพึง พลางหันมองไปรอบทิศ
“บัวเองค่ะ” หญิงสาวปรากฏตัวพร้อมรอยยิ้ม
“บัว...นี่คุณมาได้ยังไง”
“บัวก็บินตามมาน่ะสิคะ ไม่เห็นยากเลย”
“คุณมีธุระอะไรกับผม”
“บัวมาหาพี่รัญต้องมีธุระด้วยหรือคะ”
“ผมว่าคุณกลับไปดีกว่า เราไม่มีอะไรกันแล้ว”
บัวชะงักด้วยความน้อยใจ ตัดพ้อเขาว่าพูดแบบนี้ได้ยังไง ตนเป็นเมียของเขานะ
“คุณไม่ใช่เมียผม เพราะเมียผมคือบัวระวง ผู้หญิงที่รักผมด้วยความจริงใจ ไม่ใช่คุณรวินวรกานต์ลูกสาวเศรษฐีผู้เย่อหยิ่ง”
“แล้วใครบอกพี่รัญล่ะคะว่าวันนี้บัวคือรวินวรกานต์ บัวคือบัวระวง ผู้หญิงแสนซื่อที่มีรักเดียวให้กับพี่รัญ”
“ผมบอกคุณแล้วไงว่ามันสายไปแล้ว วันที่ผมไปขอร้องคุณอ้อนวอนคุณ คุณกลับไม่มีเยื่อใยให้ผม”
“ใครบอกว่าบัวไม่มีเยื่อใย บัวแค่อยากแกล้งให้พี่รัญเจ็บปวดบ้าง ก็เท่านั้น”
“มันก็สมใจคุณแล้วนี่ ผมว่าคุณกลับไปเถอะ” รัญเย็นชามากจนบัวเริ่มใจเสีย
“นี่พี่รัญไล่บัวอีกแล้วเหรอคะ ก็ได้ แสดงว่าวันนี้พี่รัญหมดรักบัวแล้วจริงๆ งั้นบัวก็จะไป” บัวหันหลัง แต่ไม่ทันจะก้าวเดินรัญก็ร้องเรียกเธอไว้
“เดี๋ยวบัว”
“เรียกบัวทำไมคะ”
“เอ่อ ไม่มีอะไร ผมนึกว่าคุณไปแล้ว”
“ไม่มีวันหรอกค่ะ ถึงพี่รัญไล่บัว บัวก็จะไม่มีวันไปจากพี่รัญ” บัวยิ้มเจ้าเล่ห์ รัญเองก็เลิกเก๊ก ถามเธอว่าพูดจริงนะ “จริงสิคะ ถ้าไม่จริงบัวจะตามมาหาพี่รัญทำไม”
“ผมรักคุณ...บัวระวง”
“บัวก็รักพี่รัญค่ะ”
ที่สุดสองฝ่ายก็ทนแรงปรารถนาของหัวใจไม่ได้ โผเข้ากอดจูบกันดูดดื่ม
“บัวรู้มั้ย พี่ดีใจจริงๆที่บัวกลับมาหาพี่”
“พี่รัญน่ะใจร้าย บัวอุตส่าห์ไปหาที่แอร์พอร์ตยังไม่ออกมาหาบัวอีก ถามจริง ตอนที่บัวโทร.หาทำไมไม่ออกมาหาบัว”
“ถ้าพี่ออกมาพี่จะรู้ได้ไงว่าบัวยังรักพี่อยู่จริงๆ”
“อ๋อ นี่หมายความว่าแกล้งหลอกให้บัวตีตั๋วเครื่องบินตามมางั้นหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“พี่รัญเนี่ยร้ายจริงๆเลย”
เสียงโทรศัพท์มือถือบัวดังขัดจังหวะ บัวดูเบอร์เห็นเป็นพี่ชายจึงกดรับก่อนจะตอบคำถามเขาว่าตนเจอพี่รัญแล้ว... เท่านั้นเอง เสียงเฮจากหลายๆคนก็ดังลั่นขึ้นมาจนบัวตกใจ
“นั่นเสียงอะไรกัน”
“ก็เสียงพวกเราทั้งหมด นี่พี่เปิดสปีกเกอร์ให้พวกเราฟัง”
“เป็นไงบ้างลูก พี่รัญเขาหายโกรธรึยัง” นิภาพรรณส่งเสียงแจ้วๆ บัวกับรัญช่วยกันตอบกลับ แสดงความยินดีและหยอกเย้ากระเซ้าแหย่กันสนุกสนาน ก่อนมงคลจะถามทั้งคู่ว่าจะกลับบ้านเมื่อไหร่
“พี่รัญเขาต้องทำงานที่นี่นะคะพ่อ”
“แต่พ่อว่ายังไงก็ต้องกลับมาแต่งงานกันตามประเพณีก่อนนะ”
“แต่งงานเหรอครับ”
“ใช่ อยู่ๆแกจะเอาน้องสาวฉันไปฟรีๆได้ไง ไอ้บัวมันมีพ่อมีแม่นะโว้ย”
“ใช่ พี่รัญกลับมาแต่งพร้อมกันเลยดีกว่า” รินลดาสนับสนุน...รัญจึงถามบัวจะเอาไง?
“ก็แล้วแต่พี่รัญสิคะ”
“แหม...บัวระวง ตอนนี้เอะอะอะไรก็แล้วแต่พี่รัญเลยนะ” การ์ตูนแซว
“อ้าว ก็พี่รัญเขามีงานที่นี่ ฉันก็ต้องถามเขาก่อนสิ”
“ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องจัดงานปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมกับคุณเพชร คุณรัญกับคุณบัวมาวันแต่งเลยก็ได้” ฉัตรชัยอาสา
“ว่าไงพี่รัญ” รินลดาเร่งอีก
“พี่ไม่ขัดข้องหรอก แต่มันติดอยู่ที่ว่า...”
“ติดขัดเรื่องอะไรอีกวะ” เพชรเริ่มจะหงุดหงิด
“ผมจะถามคุณพ่อคุณแม่ว่าจะเรียกสินสอดเท่าไหร่ครับ”
“นั่นสิคะแม่ อย่าเรียกเยอะนะคะ ถ้าขืนเรียกเยอะพี่รัญไม่แต่งนะ”
นิภาพรรณมองหน้ามงคลยิ้มๆ ก่อนตอบไปว่า “แม่พูดง่ายๆนะ แม่จ้างรัญสิบล้านแล้วเอาลูกสาวแม่ไป”
ทุกคนเฮลั่นชอบอกชอบใจ แต่บัวหน้าตูม ต่อว่าแม่พูดแบบนี้ได้ไง น่าเกลียดจริงๆ
“ไม่น่าเกลียดหรอกลูก ก็ตามพิธีแบบอินเดียไง”
เสียงหัวเราะดังอีกครืนใหญ่ ก่อนที่นิภาพรรณจะบอกลาลูกสาวและว่าที่ลูกเขย...จากนั้นมงคลก็รินเครื่องดื่มมาฉลองความสุขของลูกหลานทุกคนกันอย่างชื่นมื่น
ooooooo
เช้าวันใหม่ที่สดชื่นแจ่มใส รัญพาบัวออกไปเดินเล่นบนสะพานแสนสวย สองคนเดินมาหยุดกลางสะพานมองลำน้ำที่ทอดยาวกว้างไกล
“บัว...ส่งมือมาให้พี่หน่อย”
“พี่รัญจะทำไมคะ”
รัญยิ้มสดใส หยิบแหวนวงหนึ่งออกมา “ก่อนที่พี่จะมา แม่ให้แหวนวงนี้กับพี่บอกว่าเป็นแหวนแต่งงานที่พ่อให้แม่ไว้ แม่อยากให้พี่สวมให้กับบัว”
“จริงหรือคะ”
“จริงสิ”
“ทำไมคุณแม่ถึงเจาะจงว่าเป็นบัว”
“เพราะแม่บอกว่าบัวยังรักพี่อยู่ วันนึงบัวก็จะกลับมา ตอนนั้นพี่ยังไม่เชื่อ”
“แล้วตอนนี้เชื่อรึยังคะ”
“เชื่อแล้วจ้ะ” รัญยิ้มหวาน ค่อยๆบรรจงสวมแหวนให้บัวด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม เฉกเช่นเดียวกับบัวที่รักรัญสุดหัวใจ...
ooooooo
-อวสาน-