icon member

กลรักลวงใจ

ตอนที่ 14

เมื่อสถานการณ์ทางบ้านกำลังวิกฤติ รินลดาจึงตัดสินใจยุติการเรียนแล้วจะหางานทำ โดยวันนี้เธอเตรียมตัวออกจากบ้านแต่เช้า แต่พอรมณีย์รู้เข้าก็ทักท้วงอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยนัก

“แกไม่คิดจะเรียนต่อแล้วรึไง ถ้าแกอยากจะเรียนก็เรียนได้แล้วนะ เพราะตอนนี้พี่แกเขากำลังจะแต่งงานกับหนูอ้อม แม่ก็พอจะมีเงินส่งแก”

“ไม่ดีกว่าค่ะแม่ หนูอยากทำงานมากกว่า”

“ก็ตามใจ แต่แม่ว่าไอ้งานโรงพิมพ์เนี่ยมันได้เงินไม่เยอะนะ แกควรจะหางานที่ได้เงินเยอะกว่านี้”

“หนูชอบงานแบบนี้มากกว่าค่ะ หนูไปนะคะ”

“ตามใจ...ไอ้เราจะชี้ช่องทางเจริญให้กลับไม่เอา” รมณีย์บ่นไล่หลังลูกสาวด้วยความหมั่นไส้

รินลดาขับรถออกจากบ้านโดยไม่รู้ว่าเพชรแอบสะกดรอยตาม จนกระทั่งถึงศูนย์การค้า เพชรก็ปรากฏตัวตรงหน้าเธอ

“ริน...ผมว่าเราต้องคุยกันนะ”

“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”

“แต่ผมมี คุณกับไอ้รัญกำลังเข้าใจผิดนะ ผมกับบัวไม่มีอะไรกัน เราเป็นพี่น้องกันจริงๆ”

รินลดาไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเขา เธอหันหลังเดินหนี แต่เพชรก็ยังก้าวตามไม่ลดละ

“เดี๋ยวริน...ที่ผมพูดทั้งหมดเป็นความจริงนะ ถ้าคุณไม่เชื่อดูนี่ นี่ทะเบียนบ้านผม มีชื่อบัวกับผมเห็นมั้ย” เพชรโชว์หลักฐาน แต่เธอสวนกลับอย่างเย็นชา

“ฉันว่าคุณเอาเรื่องพวกนี้ไปหลอกเด็กเถอะ”

“แต่มันเรื่องจริงนะ”

“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะเอาทะเบียนบ้านให้คุณดูว่าฉันเป็นลูกนายกฯ”

“ไม่ใช่นะน้องริน นี่ของจริงนะ ไม่เชื่อไปที่เขตด้วยกันก็ได้” เพชรคว้ามือเธอหมับ

“ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้ คุณมันคนปลิ้นปล้อน เมื่อวานฉันเห็นคุณอยู่กับบัวระวง คุณยังโกหกหน้าด้านๆว่าคุณประชุมอยู่ที่ทำงาน”

“ผมจำเป็นต้องโกหกคุณ เพราะผมบอกความจริงคุณไม่ได้”

“ใช่ คุณบอกความจริงไม่ได้ว่าคุณสองคนเป็นอะไรกัน...ปล่อยฉัน”

“ไม่...ผมไม่ปล่อย ฟังผมนะ เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากที่น้องสาวผมรักพี่ชายคุณ”

“ฉันไม่ฟัง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”

“ผมไม่ปล่อย ถ้าคุณไม่ฟังผมจะจูบคุณเดี๋ยวนี้”

“ไม่ปล่อยใช่มั้ย” พูดขาดคำ รินลดากระทุ้งเข่าเข้าหว่างขาเขาเต็มแรง เพชรทั้งเจ็บทั้งจุกหน้าบิดเบี้ยว

“โอ๊ย! ทำไมถึงทำกับผมอย่างนี้”

“นี่มันยังน้อยไปนะสำหรับคนเลวปลิ้นปล้อนอย่างคุณ” ด่าเสร็จเธอวิ่งหนี เพชรจะตามแต่ไปไม่ไหว ได้แต่โอดครวญว่าห้องเครื่องตนพังหมด

ooooooo

ตั้งแต่เช้าจนเที่ยงรัญไม่ลงมากินข้าว รมณีย์ให้นวลไปตามเขาก็ไม่ยอมลงมา ที่สุดรมณีย์ต้องขึ้นไปเอง เธอเปิดประตูเข้าไปเห็นลูกชายนอนตะแคงหันหลังอยู่บนเตียง

“รัญ...หลับอยู่รึเปล่าลูก”

“เปล่าครับ”

“อ้าว ไม่ได้หลับแล้วทำไมไม่ออกไปทานข้าวเที่ยงล่ะลูก เมื่อเช้าก็ไม่ได้ทานไม่ใช่หรือ”

“ผมไม่หิว” รัญบอกเสียงเรียบ รมณีย์ถอนใจเดินเข้ามาใกล้

“แม่พูดตรงๆนะ แม่ไม่สบายใจเลยที่ลูกทำตัวเหมือนคนไม่มีความรู้สึกแบบนี้”

“แล้วแม่อยากจะให้ผมเป็นยังไง”

“ก็ชวนหนูอ้อมไปกินข้าว ดูหนังฟังเพลง ช็อปปิ้งอะไรก็ได้นี่ลูก หรือไม่ก็ไปหาเพื่อนเก่าของลูกก็ได้ ไปสังสรรค์เฮฮาให้ชีวิตมันสนุกสนาน”

รัญอึ้งกับคำว่าเพื่อน พูดออกมาอย่างเสียความรู้สึก “ตอนนี้ผมไม่มีเพื่อนที่ไหนแล้ว”

“เอ่อ...แม่ไม่ได้หมายถึงตาเพชร เพื่อนคนอื่นก็ได้นี่ลูก”

“ผมไม่อยากคบใครแล้วครับ”

“แต่แม่อยากจะขอร้องลูกสักอย่างได้มั้ย”

“มีอะไรเหรอครับ”

“อย่าโกรธตาเพชรเลยนะ เพราะถึงยังไงเขาก็ยังให้เรายืมเงินตั้งห้าสิบล้าน”

“แม่ยังคงห่วงแค่เรื่องเงิน แม่ไม่เคยห่วงความรู้สึกของผมเลย ผมจะบอกแม่อย่างนะ ถึงไอ้เพชรมันจะมีบุญคุณกับเรา แต่ผมก็ไม่ยอมให้มันย่ำยีหัวใจผม...ผมอยากอยู่คนเดียวครับแม่” รัญตัดบทแล้วหันหน้าหนีทันที

รมณีย์จำใจเดินออก บ่นเบาๆกับตัวเอง “ซวยเลยเรา ไม่น่าเอาตาเพชรเข้ามาเกี่ยว แต่ถ้าไม่ใช่ตาเพชร รัญก็ไม่ยอมเลิกกับนังบัวระวงแน่...เอาน่ะ ได้อย่างเสียอย่าง”

ooooooo

หลังห่างหายไปนานจากบริษัท วันเดียวกันนี้ บัวตั้งใจเข้ามาทำงาน แต่ไม่ทันจะเข้าห้อง การ์ตูนโผล่มาเห็น ร้องทักด้วยความแปลกใจ

“อ้าวบัว นี่แกมาทำงานทำไม”

“แล้วทำไมฉันถึงไม่ต้องมาทำงาน”

“ฉันเข้าใจความรู้สึกแกดีนะ ตอนนี้แกกำลังเฮิร์ตเรื่องพี่รัญ แกคงจะ...”

“พอได้แล้วตูน ฉันบอกแกแล้วไม่ใช่หรือ เวลาที่ฉันหยุดก็คือหยุด ฉันไม่มีเวลาโศกเศร้าเสียใจให้ใครอีกต่อไป...แล้วแกก็ควรจะเลิกพูดถึงผู้ชายคนนี้ได้แล้ว เข้าใจมั้ย”

“เออ...เข้าใจ”

“ฉันว่าเรามาพูดเรื่องของแกกับคุณฉัตรชัยดีกว่า แม่บอกว่าแกจะแต่งงานกับเขา”

“ยัง คุณป้าก็พูดเกินไป เขาแค่จะให้พ่อแม่มาสู่ขอ”

“แกแอบชอบเขาตั้งแต่อยู่เมืองไทยใช่มั้ย”

การ์ตูนปฏิเสธเขินๆ บัวไม่เชื่อ คาดคั้นให้บอกมาซะดีๆว่าชอบเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

“ก็...คงเป็นช่วงที่แกไม่อยู่”

“แล้วเคยจูบกันรึยัง”

“ไอ้บ้า ฉันไม่เล่าแล้ว” การ์ตูนวิ่งหน้าแดงหนีไปสวนกับมงคลที่ตรงมาหาบัว

“นั่นไอ้ตูนเป็นอะไร ทำไมวิ่งหน้าตื่นออกไป ลูกไปทำอะไรมัน”

“เปล่าค่ะ หนูแค่ถามว่ามันเคยจูบกับคุณฉัตรชัยรึยัง มันไม่ยอมบอก”

“ใครจะบอกเรื่องแบบนี้ เออนี่ แม่เขาให้มาชวนลูกไปงานเลี้ยงสภาสตรีด้วยกันเย็นนี้”

“หนูไม่ไปนะคะ”

“อ้าว แล้วจะกลับไปกินข้าวบ้านคนเดียวเหรอ”

“พ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูแวะหาอะไรกินข้างนอกแล้วค่อยเข้าบ้านก็ได้”

“ถ้าเหงาก็ชวนไอ้ตูนไปสิ”

“ตูนมันคงไปกับแฟนน่ะค่ะ พ่อไม่ต้องห่วงหนูหรอก หนูไปคนเดียวได้ ชิลๆ”

“พ่อดีใจนะที่ลูกดูสดชื่น”

“ค่ะพ่อ จะไม่มีอะไรมาทำให้หนูเศร้าได้อีกต่อไป”

“พ่อภูมิใจจริงๆที่ลูกเข้มแข็งเหมือนพ่อ” มงคลดึงลูกสาวเข้ามากอดแล้วเดินออก บัวรีบหันหลังเก็บกลืนน้ำตาที่กำลังจะเอ่อออกมา บอกตัวเองว่าต้องเข้มแข็ง ไม่ร้องไห้อีกแล้ว...

ooooooo

เย็นนั้น  รัญมีนัดกับท่านทูตที่กลับมาเมืองไทย รัญมาเพื่อขอลาออกจากงานหลังจากตัดสินใจแน่แน่วแล้ว

“คิดดีแล้วหรือที่จะลาออก” ท่านทูตทักท้วง

“ครับ อย่างที่ผมเรียนให้ท่านทราบตอนนี้ผมเองมีปัญหาทางครอบครัวมาก และที่สำคัญผมคงต้องอยู่ที่นี่เพื่อหาทางชำระหนี้สิน”

“แต่ผมเสียดายอนาคตคุณนะ คุณเองก็เป็นคนทำงานได้ดีมากในสายตาผม”

“ผมขอบคุณท่านมากครับ ใจจริงผมเองก็รักอาชีพนี้มาก แต่เมื่อสถานการณ์มันค่อนข้างวิกฤติ ผมก็ไม่อยากเอาปัญหาส่วนตัวของผมไปเบียดบังเวลาของราชการ”

“ผมเข้าใจ แต่ในขั้นต้นผมอยากให้คุณประวิงเวลาไว้สักนิด ผมจะลองปรึกษาท่านรองดูว่ามีทางช่วยเหลือคุณได้ยังไงบ้าง”

“ผมต้องกราบขอบพระคุณท่านอีกครั้งนึงครับ”

“ไม่เป็นไร ผมจะพยายามช่วยเหลือคุณเต็มที่ เมื่อสุดทางค่อยว่ากัน เอาล่ะ ผมขอตัวนะ เดี๋ยวผมต้องไปงานเลี้ยง”

“ขอบคุณครับท่าน”

ท่านทูตจากไปแล้ว เสียงโทรศัพท์มือถือรัญดังเห็นเบอร์เป็นเพชร รัญจึงปล่อยให้ดังอยู่อย่างนั้นจนเงียบไปเอง แต่อีกครู่เดียวก็มีสัญญาณข้อความเข้ามา

“รัญ...ฉันอยากคุยกับแกนะ โทร.กลับหาฉันด้วย ตอนไหนก็ได้ ถึงยังไงก็ขอให้เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา”

รัญอ่านข้อความนั้นแล้วพูดหยันๆว่า “แกยังมีหน้าจะเป็นเพื่อนฉันอีกหรือไอ้เพชร”

ทันใดนั้นเอง บัวเดินเข้ามานั่งอีกโต๊ะโดยไม่ทันเห็นรัญ แต่รัญเห็นเธอเต็มๆ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปหาทำท่าเหมือนจะทัก แต่แล้วเปลี่ยนใจเดินผ่านไปเฉยๆ บัวยังอาลัยรัก นั่งน้ำตาไหลพรากอยู่ตรงนั้น...

รัญกลับเข้าบ้านพบรมณีย์นั่งรอจะคุยธุระ รัญจำใจนั่งลง ทั้งที่ไม่มีอารมณ์จะฟังอะไรทั้งนั้น

“แม่จะบอกลูกว่าพรุ่งนี้แม่จะไปคุยกับพ่อแม่หนูอ้อมเรื่องลูก”

“ก็ผมบอกแม่ไปหลายหนแล้วไงครับว่าผมไม่ได้รักน้องอ้อม”

“แม่เข้าใจความหมายของลูกนะ แต่บางทีชีวิตคู่มันก็ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นจากความรักก็ได้ มีคนเป็นร้อยเป็นล้านที่เขาแต่งงานกันโดยไม่จำเป็นต้องมีความรัก”

“แม่ก็เลยคิดว่าผมกับน้องอ้อมไม่จำเป็นต้องรักกัน”

“ใช่ เพราะหนูอ้อมและครอบครัวเขาจะส่งเสริมให้ลูกประสบความสำเร็จและมีความสุขในชีวิตได้”

“แล้วแม่คิดว่าครอบครัวเขาจะยอมรับผมงั้นหรือ”

“ยอมสิลูก เขาอยากแต่งกับลูกจะตาย เขาอยากจะใช้นามสกุลเรา”

“แต่เขายังไม่รู้นะครับว่า  ครอบครัวเราไม่เหลืออะไร แถมผมยังเป็นหนี้ไอ้เพชรอีกห้าสิบล้าน”

“แต่แม่คิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาหรอก ขอแค่ลูกแต่งกับเขาก่อน เรื่องใช้หนี้ค่อยว่ากันทีหลัง”

“ก็ได้ครับ ถ้างั้นผมขอเวลาคิดสักคืนได้มั้ย แล้วพรุ่งนี้ผมจะตอบแม่”

“เดี๋ยวรัญ...ที่แม่ทำอย่างนี้ก็เพราะแม่เป็นห่วงชีวิตของลูกและครอบครัวเรานะ”

เห็นสายตาวิงวอนของแม่ รัญถึงกับอึ้งไปอย่างพูดไม่ออก แล้วคืนทั้งคืนรัญก็นอนไม่หลับ ครุ่นคิดจนถึงรุ่งเช้าก่อนจะลงมาให้คำตอบกับแม่ว่า ตนจะแต่งงานกับอ้อมอย่างที่แม่ต้องการ

“แม่ดีใจจริงๆที่ลูกตัดสินใจถูกต้อง แม่ขอบใจลูกมาก”

“ไม่ต้องขอบใจหรอกครับ ก็แม่บอกไม่ใช่หรือว่าแม่ทำเพื่อผม”

“จ้ะลูก เชื่อแม่ลูกจะไม่ผิดหวัง งั้นแม่จะรีบโทร.ไปบอกแม่ หนูอ้อมก่อน” รมณีย์กุลีกุจอออกไปด้วยความดีใจ สวนกับรินลดาที่ลงบันไดมา “ยัยริน แกรู้มั้ยว่าพี่รัญจะแต่งงานกับหนูอ้อมแล้ว แม่ดีใจจริงๆ”

รินลดาแทบไม่เชื่อหู เดินเข้ามาถามพี่ชาย ก็ได้คำยืนยันอย่างนั้นจริงๆ

“ใช่ พี่จะแต่งงานกับอ้อม”

“แต่พี่ไม่ได้รักเขาเลยนะ ถ้าพี่แต่งพี่จะมีความสุขหรือคะ”

“วันนี้แต่งหรือไม่แต่ง มันก็เหมือนกัน สู้ทำให้แม่มีความสุขดีกว่า แล้วแกล่ะ ตัดใจจากไอ้เพชรได้จริงรึเปล่า”

“เมื่อวานเขามาหาริน แต่รินไล่เขาไป”

“แล้วมันยอมไปหรือ”

“เขาไม่ยอม รินก็เลยเล่นงานเขา”

“ดีแล้ว แกต้องเข้มแข็ง อย่าเชื่ออะไรมันง่ายๆไอ้นี่มันพูดจาหลอกล่อคนเก่ง ตัดใจจากมันซะ เพราะไม่อย่างงั้นแกจะเจ็บปวดเหมือนพี่”

“แต่รินก็ไม่อยากเชื่อว่าบัวระวงจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ เพราะเท่าที่อยู่ด้วยกันเขาก็ดูน่ารักไม่มีท่าทีที่จะเป็นผู้หญิง...” เธอกระดากปากที่จะพูด รัญจึงพูดเสียเองว่า

“แกกำลังจะบอกว่า...เป็นผู้หญิงสำส่อนงั้นหรือ”

“ใช่ ยิ่งหลังๆรินยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีมาก แล้วรินก็ดีใจที่พี่รักกับเขา”

“บางทีเราคิดว่าเรารู้จักเขา  แต่เราไม่รู้หรอกว่าหัวใจเขาคิดอะไรอยู่”

ฟังแล้วรินลดาเงียบงันไป ได้แต่คิดในใจว่าทำไมต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย

ooooooo

ช่วงสายๆ รินลดาออกไปศูนย์การค้า เธอรู้สึกได้ว่าเพชรยังคอยติดตามอยู่ จึงพยายามหลบเลี่ยง แต่เขาก็ยังตามอย่างกระชั้นชิด ที่สุดเธอทนไม่ไหวจึงเผชิญหน้าแล้วว่าให้แรงๆ

“นี่คุณ พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง หรือฉันต้องพูดภาษาหมากับคุณ คุณถึงจะเข้าใจว่าเลิกยุ่งกับฉันซะที”

“ไม่ว่าคุณจะพูดภาษาอะไร   ผมก็จะไม่มีวันเลิกยุ่งกับคุณ”

“เรื่องของคุณ แต่ฉันบอกก่อนนะถ้าตามตื๊อฉันอีก ฉันจะแจ้งตำรวจ”

“นี่น้องรินฟังผมก่อนได้มั้ย คุณกำลังเข้าใจผิดนะ ผมกับบัวเป็นพี่น้องคลานตามกันออกมาจากท้องแม่ผมจริงๆ”

“ฉันว่าคุณเลิกเล่าเรื่องไร้สาระซะที แล้วอย่าตามฉันมานะ”

“ไม่...ผมจะไม่เลิกตาม เพราะเรื่องที่คุณเข้าใจมันเป็นเรื่องผิด ผมขอให้คุณไปดูที่บ้านผมหน่อยได้มั้ย คุณจะได้ดูหลักฐาน ได้เจอพ่อแม่ผม คุณจะได้ถามพ่อแม่ผมว่าบัวระวงเป็นใคร เป็นเมียผมรึเปล่า หรือเป็นน้องสาวผม”

รินลดาเริ่มลังเล แต่พอนึกถึงคำพูดรัญที่เตือนเมื่อวานไม่ให้เชื่อเพชรง่ายๆ มันพูดจาหลอกล่อคนเก่ง ความลังเลของเธอก็หายไป ตบหน้าเขาแล้วจะผละหนี แต่คราวนี้เพชรไม่ยอมง่ายๆ ดึงผ้าที่เตรียมมาโปะหน้าเธอ ไม่ช้าไม่นานเธอก็สลบคาอ้อมแขนเขา

หลังจากนั้น เพชรก็อุ้มรินลดาไปขึ้นรถ แล้วขโมยหอมแก้มเธอสองฟอดก่อนมุ่งหน้าไปบ้านของตนเพื่อพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏ

ooooooo

ด้านรมณีย์กับรัญที่นัดครอบครัวอ้อมในร้านอาหารหรู เวลานี้สองฝ่ายเผชิญหน้ากันแล้ว แต่รมณีย์กับเพียงเพ็ญไม่รู้จะเปิดฉากยังไง ก็เลยยึกยักกันไปมาจนสิงห์ต้องเริ่มเอง

“เอาล่ะ ผมว่าเราไม่ต้องอ้อมค้อมล่ะนะ ที่คุณหญิงบอกว่าจะมาขอยัยอ้อม ทางผมกับคุณเพ็ญก็ไม่ได้รังเกียจอะไร กลับดีใจด้วยซ้ำ”

“ใช่ค่ะ ตอนที่พี่หญิงโทร.มาบอกว่าจะขอยัยอ้อม เพ็ญไม่อยากจะเชื่อหูเลยค่ะ ยิ่งยัยอ้อมนะคะอายหน้าแดงเป็นลูกตำลึงเลย”

“คุณแม่อ่ะ ทำไมต้องเล่าให้พี่รัญฟังด้วย อ้อมเขินนะคะ”

“สรุปว่าทางคุณสิงห์กับน้องเพ็ญไม่ขัดข้องนะคะ พี่จะได้หาฤกษ์วันหมั้นกับวันแต่งเลย”

“ไม่ขัดข้องเลยค่ะ พี่หญิงบอกวันมาได้เลย”

“แล้วมันต้องมีพิธีอะไรบ้างคะคุณพ่อ อ้อมจะได้เตรียมตัวทัน”

“ก็ไม่มีอะไรมาก เราก็ทำกันอย่างง่ายๆ แค่สวมแหวนหมั้นก็จบ ใช่มั้ยคุณเพ็ญ”

“อุ๊ย คุณก็พูดเข้า คุณเป็นถึงปลัดกระทรวงจะมาทำมุบมิบเล็กๆไม่ได้นะคะ”

“ใช่ค่ะ ถูกของคุณเพ็ญ ไหนจะแขกจากกระทรวงต่างประเทศของตารัญ ไหนจะแขกของท่านปลัด”

“อย่างนี้ก็งานช้างเลยนะคะคุณแม่”

“ใช่จ้ะ แม่ว่างานนี้งานใหญ่แห่งปีเลยล่ะ ดีมั้ยจ๊ะตารัญ”

“แล้วแต่ทางนี้เลยครับ ผมยังไงก็ได้”

“ก็เป็นอันว่าจบเรื่อง” รมณีย์ด่วนสรุปจนเพียงเพ็ญชะงัก ท้วงว่าเรายังไม่ได้คุยเรื่องสินสอดเลย รมณีย์แอบสะดุ้งแต่ก็ปั้นยิ้มบอกว่า “โทษทีพี่ลืมไป ทางน้องเพ็ญจะเรียกซักเท่าไหร่ล่ะจ๊ะ”

“แล้วแต่พี่หญิงเลยค่ะ เราคนกันเอง”

“ใช่ครับ ผมเองก็ไม่ได้คิดที่จะขายลูกสาวหรอกครับ”

“ถ้าอย่างงั้นทองคำซักเก้าบาท แหวนเพชรซักเก้าสิบสตางค์ เงินสดซักเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดีมั้ยคะ เป็นเลขมงคลเลยนะ”

“เดี๋ยวนะคะพี่หญิง พี่หญิงน่ะชอบพูดเล่น เก้าร้อยเก้าสิบเก้าล้านรึเปล่าคะ”

“พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ พี่พูดจริง”

“แม่คะ แหวนเพชรเก้าสิบสตางค์นี่มันกี่กะรัตคะ”

“ไม่ถึงกะรัตหรอกลูก”

อ้อมหน้าเสียทันที ขณะที่เพียงเพ็ญพยายามใจเย็นให้เหตุผลกับรมณีย์ว่า

“พี่หญิงอย่าลืมนะคะนี่มันงานช้างแห่งปี ถึงจะเป็นเลขมงคลแต่น้องว่าน้อยไปค่ะ เฉพาะทองอย่างต่ำๆน้องว่าต้องมีเก้าสิบบาท แหวนเพชรก็ต้องไม่น้อยกว่าสามกะรัต เงินสดก็ควรจะเป็นเก้าล้านเก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาท”

“แหม แต่พี่ว่ามันจะเว่อร์ไปรึเปล่าน้องเพ็ญ ตอนนี้รัฐบาลรณรงค์ให้เราประหยัดแบบพอเพียงนะจ๊ะ”

“ผมก็คิดว่าไม่ต้องมากขนาดนั้นหรอกคุณเพ็ญ”

“นี่คุณสิงห์ ลูกสาวเราทั้งคนนะ คุณทำยังกะซื้อขายปลาสลิด เอาเป็นว่าน้องขอตามที่บอกดีกว่านะคะ”

รมณีย์หน้าซีด พยายามจะแก้ไขสถานการณ์แต่รัญกลับยิ่งทำให้มันแย่ลงไปอีกด้วยการพูดความจริงออกมา

“เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ ผมคงต้องบอกคุณอาทั้งสองตามตรง เราคงไม่สามารถหาเงินหาทองจำนวนมากขนาดนั้นได้หรอกครับ”

“พี่รัญพูดอย่างนี้หมายความว่าไงคะ”

“ตอนนี้ครอบครัวผมกำลังล้มละลาย”

ทุกคนนิ่งอึ้ง ไม่เว้นแม้แต่รมณีย์ พอตั้งสติได้ก็รีบท้วงลูกชายว่าพูดอะไรออกมา

“ให้ผมพูดเถอะครับแม่ เพราะแม่พูดมาเยอะแล้ว ถ้าผมต้องแต่งงานกับน้องอ้อมผมก็ไม่อยากปิดบังความเป็นจริงเกี่ยวกับครอบครัวผมและตัวผม ผมเองกำลังจะลาออกจากงานแล้วก็มีหนี้สินที่ต้องชดใช้เขาห้าสิบล้านบาท”

“หา! ห้าสิบล้าน!” เพียงเพ็ญกับอ้อมประสานเสียงอย่างแตกตื่น “แม่คะ ถ้าหนูแต่ง หนูต้องไปใช้หนี้ห้าสิบล้านหรือคะ”

“ถูกต้องแล้วครับ ที่ผมพูดความจริงเพราะผมไม่อยากโกหกทุกคน แต่ถ้าคุณอาทั้งสองยังอยากให้น้องอ้อมแต่งงานกับผม ผมก็ยินดีที่จะแต่งด้วยครับ”

“ว่าไงคุณเพ็ญ” สิงห์ถาม

“ยังจะมาถามฉันอีก ขืนแต่งไปคุณกับฉันก็ต้องไปเป็นขอทานน่ะสิ”

“ใช่ค่ะแม่ หนูไม่แต่งนะคะ”

สองแม่ลูกมองรมณีย์อย่างหมดนับถือ แต่สิงห์กลับชื่นชมรัญ

“อาต้องขอบใจและนับถือน้ำใจเธอมากที่กล้าพูดความจริงออกมา”

“แล้วตกลงจะว่ายังไงคะเนี่ย”

“จะว่ายังไง คุณพี่หญิงต้องจ่ายมื้อนี้นะคะ ฉันไม่จ่ายหรอก...ไปลูก” เพียงเพ็ญลุกขึ้นคว้าแขนลูกสาว

“ไม่มีแล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก ทำให้ฉันเสียเวลาอยู่

ตั้งนาน ที่แท้ก็เป็นคุณหญิงถังแตก” อ้อมต่อว่ารมณีย์ก่อนเดินตามแม่ออกไป สิงห์ลุกขึ้นอีกคน  รัญรีบยกมือไหว้อย่างรู้สึกผิด

“ผมต้องกราบขอโทษคุณอาด้วยครับที่ทำให้เสียเวลา”

“อย่าพูดอย่างงั้น อาดีใจที่ได้เจอสุภาพบุรุษอย่างเธอ”

เมื่อสิงห์จากไปแล้ว รมณีย์หันขวับมาจ้องหน้ารัญอย่างโกรธจัด

“แม่ไม่เข้าใจทำไมแกถึงทำอย่างนี้ แกไม่อยากแต่งก็บอกมาตรงๆ แกต้องการฉีกหน้าฉัน ต้องการทำลายฉันใช่มั้ย ถึงทำแบบนี้”

“แม่ครับ แม่เป็นแม่ผม ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง แต่ที่ผมต้องบอกเพราะมันเป็นเรื่องจริง”

รมณีย์พูดไม่ออก ร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น รัญเหลือบมองแม่อย่างเห็นใจ

ooooooo

รินลดาฟื้นขึ้นมาและพบว่าตัวเองถูกมัดแขนทั้งสองข้างอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตหรูหรา

“นี่คุณทำอะไรฉันเนี่ย คุณบ้าไปแล้วหรือไงถึงได้โปะยาสลบแล้วจับฉันมัดแบบนี้ นี่คิดจะขืนใจฉันเหรอ คุณมันเลวจริงๆ”

“ใจเย็นสิคุณริน ผมไม่ได้ทำอย่างงั้น”

“ไม่ทำแล้วพาฉันมาทำไม ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย”

“หยุดนะคุณริน ไม่งั้นผมจะจูบคุณ” เพชรตั้งท่าเอาจริง รินลดาไม่มีทางสู้จึงเลิกโวยวาย “ที่นี่บ้านผม และที่ผมพาคุณมาเพราะต้องการพิสูจน์ให้คุณเห็นกับตาว่าผมกับบัวเป็นพี่น้องกัน และพ่อแม่ผมเป็นใคร”

“แล้วไหนล่ะ”

“นี่ไง” เพชรเอาอัลบั้มรูปครอบครัวทั้งตอนที่เขากับบัวยังเด็ก และเติบโตจนรับปริญญา ทั้งยังเอาบัตรประชาชนของบัวมาให้ดู แล้วก็เรียกคนรับใช้มายืนยันว่าเขากับบัวเป็นพี่น้องกัน แต่รินลดาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี จนกว่าเธอจะเจอพ่อแม่ของเขาและบัวก่อน...

ส่วนที่ร้านอาหาร รมณีย์เดินหน้าบึ้งตึงออกมา รัญเดินตามหลังมาติดๆ ขอร้องแม่อย่าโกรธตนเลย ที่ตนพูดไปก็เพราะไม่อยากให้แม่ต้องเสียผู้ใหญ่ไปมากกว่านี้

“ฉันพยายามหาผู้หญิงดีๆให้แก แต่แกกลับทำลายมันลง จากนี้ไปก็เชิญแกไปอยู่กับนังบัวระวงผู้หญิงหากินของแกเถอะ” รมณีย์แว้ดใส่ลูกชายแล้วเดินจ้ำไปเกือบจะชนนิภาพรรณและมงคลที่สวนเข้ามา ตามหลังด้วยบัวที่เดินก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์

เมื่อสองฝ่ายเผชิญหน้ากันคราวนี้ ความจริงจึงเปิดเผยโดยที่บัวก็ไม่คิดจะปกปิดอีกต่อไป รมณีย์กับรัญอึ้งและงงเมื่อสองสามีภรรยาแนะนำว่าบัวคือลูกสาวชื่อรวินวรกานต์ รมณีย์ตั้งสติได้ก่อนรัญ จากที่เคยรังเกียจเดียดฉันท์บัวก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน สะกิดรัญให้ทักทายน้องบัว

“นี่คุณเป็นน้องสาวเพชรจริงๆหรือ” รัญถามบัว แต่นิภาพรรณภูมิใจนำเสนอลูกสาวคนสวยเสียเอง

“ใช่จ้ะ ยัยบัวที่ตอนเด็กๆอ้วนๆน่ะ เดี๋ยวนี้เป็นไง สวยมั้ย ผิดคาดใช่ไหมล่ะจ๊ะ ถึงกับช็อกเลยล่ะสิ”

“แล้วไหนแฟนรัญล่ะ แนะนำให้อารู้จักบ้างสิ”

รัญไม่ตอบคำถามมงคล ขอตัวเดินออกไปทันที รมณีย์เงอะงะ ปั้นยิ้มให้ทุกคนโดยเฉพาะบัวที่ตอนนี้อยากได้เป็นลูกสะใภ้ใจจะขาด แต่บัวกลับวางเฉย พูดด้วยอย่างเหินห่าง ทำให้รมณีย์หน้าม้านผละไปในที่สุด

“พ่อเสียดายนายรัญจริงๆ ถ้าเขาไม่มีแฟนพ่ออยากจะให้เขามาจีบลูก พ่อชอบทั้งนิสัยหน้าตา การศึกษา ดูเป็นผู้ดีไปหมด”

“พอ...พอเลยคุณมงคล ฉันไม่ไปเกี่ยวดองกับคุณหญิงถังแตกปลาทูเค็มนี่หรอก รู้มั้ยลูก ก่อนหน้านี้จะมายืมเงินเราตั้งห้าสิบล้าน ใครจะไปให้”

บัวแอบสะดุ้ง กลบเกลื่อนชวนพ่อแม่ไปทานข้าว ข้างฝ่ายรมณีย์ที่ก้าวตามรัญออกไป เธอต่อว่าลูกชายทำไมถึงไม่บอกแม่ว่าบัวเป็นลูกสาวเสี่ยมงคล

“แล้วแม่ล่ะ ทำไมแม่ถึงได้บอกผมว่าเธอนอนกับไอ้เพชรเพื่อนผม”

“เอ่อ...ก็...ก็นังเจ๊อ้อน่ะสิมันเป็นคนบอกแม่ มันจงใจจะใส่ความหนูบัว นี่ถ้าแม่เจอมันจะตบปากมันซะที ปากชั่วจริงๆ ทำให้ลูกกับคนรักต้องแตกแยกกัน”

“พูดไปตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วครับ เพราะผมกับเธอเลิกกันแล้ว”

“ไม่นะรัญ แกต้องกลับไปหาหนูบัว แล้วขอโทษเธอ บอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความเข้าใจผิด นังเจ๊อ้อมันใส่ความ”

“ผมคงทำอย่างงั้นไม่ได้หรอกครับ” พูดแล้วรัญเดินหนี

“เดี๋ยวรัญ...รัญ...ฮึ่ย นี่เราตาบอดสีรึไง ถึงได้เห็นนังอ้อมดีกว่าหนูบัว เอ๊ะ หรือว่าเราควรจะไปกราบขอโทษเขา ใช่เพื่อเงินเราต้องทำให้ได้” รมณีย์จะกลับเข้าไป แต่รัญเดินย้อนมาเรียกน้ำเสียงเด็ดขาด

“แม่ครับ ผมขอล่ะครับ ทุกวันนี้เราก็ไม่มีเกียรติและศักดิ์ศรีแล้วนะครับ อย่าทำให้ครอบครัวเราต้องตกต่ำไปมากกว่านี้เลย กลับบ้านเถอะครับ”

รมณีย์อึ้งกับคำพูดและท่าทีจริงจังของรัญ แต่ยังไม่วายประชดก่อนกลับออกมาอย่างจำใจ

“แล้วเกียรติมันกินเข้าไปได้รึไง”

ส่วนในร้านอาหาร บัวคิดแต่เรื่องรัญจนกินอาหารไม่ลง ขณะที่พ่อกับแม่ก็ยังสนใจแต่เรื่องแฟนบัว อยากรู้ว่าหน้าตาหล่อแบบรัญหรือเปล่า พอบัวบอกว่าคล้ายๆกัน นิภาพรรณถึงกับบ่นเสียดาย ถ้าแฟนลูกเป็นคนดี แม่จะให้ลูกควงมาข่มลูกชายคุณหญิงรมณีย์เสียเลย

“คุณนี่นะ จะไปแก่งแย่งชิงดีกับคุณหญิงเขาทำไม” มงคลติง

“คุณไม่รู้หรอก ก่อนหน้านี้ยัยคุณหญิงมองเราเหยียดยังกะกองอ้วก แหม...พอวันนี้ถังแตกไม่มีจะกินค่อยหดคอลงบ้าง”

“คุณก็พูดเกินไป”

“ไม่เกินหรอก จำไว้นะลูก อย่าไปชายตามองลูกชายเขาเลยนะ เกิดหลงเสน่ห์ขึ้นมาจะยุ่ง แม่ต้องใช้หนี้ตายเลย”

บัวอึ้งสะเทือนใจ เสตักอาหารกินไปทั้งที่ฝืดคอเต็มที

ooooooo

เพราะกลัวรินลดาจะแผลงฤทธิ์แล้วหนีไป เพชรจึงยังไม่แก้มัดเธอ กระทั่งเธอรับปากแข็งขันว่าไม่หนีแน่ จนกว่าพ่อแม่เขาจะกลับ เพชรจึงยอมปลดเชือกให้ แล้วเอาอาหารมาให้เธอกินแก้หิว พลางบอกรักเธอซ้ำไปซ้ำมาจนเธอหาว่าเขาเป็นจอมเว่อร์ตัวจริง

“ก็ผมอยากให้คุณรู้จริงๆนะว่าผมรักคุณมาก”

“ฉันไม่เชื่อ พี่รัญบอกว่าคุณเป็นผู้ชายที่ไว้ใจไม่ได้”

“นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ผมเป็นแมวเชื่องแล้ว ตั้งแต่เจอคุณ จริงๆนะ คุณคือผู้หญิงคนเดียวที่สะกดให้ผมอยู่นิ่งและผมก็จะหยุดสต๊อปไว้ที่คุณคนเดียว”

“ฉันไม่เชื่อหรอก”

“เชื่อผมเถอะนะ ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจหรือผิดหวังในตัวผม”

รินลดาชักเคลิ้ม นิ่งเงียบไป เพชรได้โอกาสเคลื่อนหน้าเข้ามาจะจูบ แต่ทันใดนิภาพรรณส่งเสียงเข้ามาขัดจังหวะโดยไม่ตั้งใจ “มีเรื่องอะไรเจ้าเพชร โทร.เร่งแม่ยังกะไฟไหม้”

เพชรกับรินลดาสะดุ้งผละออกจากกันทันที

“โธ่แม่...ทำไมต้องมาตอนนี้” เพชรบ่น

“อ้าว ก็แกบอกให้ฉันรีบมา...เอ๊ะ แล้วนี่ใคร”

“อ๋อ นี่รินแฟนผมเอง...รินนี่แม่ผม”

รินลดายิ้มให้แม่กับพ่อ แล้วชะงักที่เห็นบัวเดินตาม เข้ามา เพชรจึงยืนยันความจริงว่าบัวคือน้องสาว รินลดานิ่งไปอย่างเชื่อแล้ว แต่นิภาพรรณกับมงคลสงสัย ถามว่ามีเรื่องอะไรกัน

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูเพียงแต่เข้าใจอะไรผิดนิดหน่อย งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวสิริน จะรีบไปไหน” เพชรเรียก...มงคลเองก็อยากให้เธออยู่คุยกันก่อน แต่รินลดาละอายใจต่อบัวจนไม่กล้าเผชิญหน้า ได้แต่พูดขอโทษบัวแล้วผลุนผลันออกไปทันที เพชรทำท่าจะตามแต่บัวขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวสักครู่ มงคลกับนิภาพรรณมองตามบัวไปอย่างงุนงง หันกลับมาถามเพชรก็ไม่ได้คำตอบที่เคลียร์ๆ

บัวตามมาเรียกรินลดา แต่ไม่ทันจะพูดอะไร รินดลาก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงเครือๆ

“ฉันต้องขอโทษเธอจริงๆที่เข้าใจเธอไปในทางที่ไม่ดี ฉันเสียใจแล้วก็อายมาก ฉันไม่น่าดูถูกเธอแบบนั้น ฉันขอโทษเธอจริงๆนะบัว”

“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง ถ้าฉันไม่สร้างเรื่องพวกนี้ขึ้นมา มันก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้”

“แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ควรคิดไม่ดีกับเธอ”

“ลืมมันเถอะค่ะ ฉันไม่ได้โกรธอะไรคุณ”

“แล้วก็ไม่ได้โกรธพี่รัญด้วยใช่มั้ย”

บัวยิ้มแทนคำตอบ จับมือรินดลาบีบเบาๆ “ฉันดีใจนะคะที่ได้รู้จักคุณ พี่เพชรคงอยากคุยกับคุณ” บัวเปิดโอกาสให้ พี่ชายเมื่อเห็นเขาเดินตามออกมา

“ทำไมต้องรีบกลับด้วยล่ะริน”

“ฉันอายค่ะ ฉันไม่น่าคิดไม่ดีกับคุณแล้วก็บัว ฉันขอโทษนะคะคุณเพชร”

“ผมไม่เคยโกรธคุณหรอก” เพชรดึงรินลดาเข้ามากอดด้วยความรัก บัวที่ผละออกมาหันกลับไปมองภาพนั้นด้วยความยินดี แต่พอนึกถึงเรื่องตัวเองก็หน้าเศร้าสลด ไม่รู้ว่ามันจะจบลงอย่างไร?

ooooooo

ในขณะที่บัวกำลังเศร้าเสียใจอยู่นั้น รัญเองก็ตกอยู่ห้วงอารมณ์เดียวกัน เขารู้สึกผิดมากมายที่ไม่เชื่อคำพูดบัว ขนาดเธอร่ำไห้ขอร้องเพื่ออธิบายความจริงเขาก็ยังไม่สนใจจะฟัง ซ้ำยังต่อว่าผลักไสเธอเหมือนไม่มีเยื่อใยเพียงเพราะเชื่อคำพูดของเจ๊อ้อ

คิดแล้วรัญก็ยิ่งโกรธตัวเอง และไม่รู้จะไปง้อบัวยังไงดี เมื่อรินลดากลับมาบอกความจริงเรื่องเพชรกับบัวเป็นพี่น้องกัน รัญจึงได้แต่พูดกับน้องสาวเบาๆว่า

“พี่รู้แล้ว...”

“ถ้าอย่างงั้นพี่รัญก็รีบไปขอโทษบัวสิคะ บัวไม่โกรธพี่หรอก”

“พี่ทำอย่างงั้นไม่ได้หรอกริน”

“ทำไมล่ะ พี่แค่เข้าใจผิดนะ แล้วน้องก็คุยกับบัวแล้ว ขอโทษเขาแล้ว เขาบอกเขาเข้าใจ เขาคงรอให้พี่ไปง้อ เชื่อ น้องนะ บัวไม่โกรธพี่หรอก เขารักพี่จะตาย”

“ใช่...เขารักพี่ แต่พี่สิ พี่กลับทำร้ายเขา”

“บัวไม่คิดอย่างงั้นหรอกพี่รัญ ไปขอโทษเขาเถอะนะ”

รมณีย์แอบฟังและถือโอกาสเข้ามาสนับสนุนให้รัญรีบไปขอโทษบัว ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนใจไปคว้าหนุ่มอื่น แต่รัญขอตัดสินใจเรื่องนั้นเอง และตอนนี้ตนก็อยากอยู่คนเดียว รินลดาจึงดึงแขนแม่ออกมานอกห้อง

“ออกมาทำไม ทำไมไม่ช่วยกันพูดกับพี่แก” รมณีย์บ่นฮึดฮัด

“อย่าไปบังคับเขาเลยค่ะ เดี๋ยวเขาก็ไปเอง”

“พวกแกนี่ไม่ได้เรื่อง มัวชักช้าเดี๋ยวหนูบัวก็หลุดมือไปพอดี”

“ก่อนหน้านี้ไม่เห็นแม่สนใจบัวเขาเลย”

“ก็ตอนนั้นฉันไม่รู้นี่ว่าเขาเป็นลูกสาวเจ้าสัว แกเองก็อีกคนนะยัยริน พยายามจับตาเพชรให้ได้ เสน่ห์มารยามีเท่าไหร่ขนออกมาให้หมด เข้าใจมั้ย แกกับแม่จะได้สบายไปทั้งชีวิต”

รมณีย์ทิ้งท้ายแล้วผละไป รินลดามองตามอย่างเบื่อหน่ายและผิดหวังในตัวแม่ที่คิดถึงแต่เรื่องเงินอยู่ร่ำไป

ขณะเดียวกันที่บ้านเสี่ยมงคล บัวนอนซึมในห้องนอน สักครู่ได้ยินเสียงเพชรเรียกอยู่หน้าประตู

“บัว...นอนรึยัง”

“ยังค่ะ เข้ามาสิพี่เพชร”

เพชรเข้ามาเพื่อคุยเรื่องรัญ แต่เขาแค่เอ่ยชื่อรัญ บัวก็สวนคำทันทีว่าตนไม่มีอะไรจะคุย

“แกอย่าทำเป็นงอนหน่อยเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ไอ้รัญมันก็จะมาง้อแกแล้ว”

“บัวพูดจริงๆ บัวไม่ได้งอน ถึงวันนี้เขาจะรู้ความจริง แต่มันก็ไม่สามารถลบล้างสิ่งที่เขาทำกับบัวได้”

“แต่แกก็รู้นี่ว่าไอ้รัญมันไม่รู้จริงๆว่าแกเป็นใคร แกจะไปโกรธมันทำไม ยกโทษให้มันเถอะ”

“บัวขอคิดดูก่อนแล้วกัน พี่ไปเหอะ บัวจะนอนแล้ว”

“อย่าโกรธมันเลยนะ”

“ก็บอกแล้วไงว่าขอคิดดูก่อน”

“โอเค พี่ไม่ตื๊อแล้ว อย่าลืมนะ ไอ้รัญมันรักแก” ย้ำจนบัวชักสีหน้าใส่ เพชรเลยต้องถอยออกมาอย่างหนักใจ “เฮ้อ ท่าทางเราจะต้องเป็นพ่อสื่อนัดให้เขาสองคนมาเจอกันดีกว่า...ใช่ ทุกอย่างก็จะจบ”

คิดได้ดังนั้นแล้ว รุ่งขึ้นออกไปทำงานเพชรจึงโทร.หารัญที่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน รัญยังกระดากไม่รู้จะคุยอะไรสุ้มเสียงเลยดูแข็งไปหน่อยทำให้เพชรต้องเตือนว่า

“เลิกทำเสียงแข็งกับฉันได้แล้ว แกก็รู้ความจริงหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ฉันต้องขอโทษแกด้วยที่เข้าใจแกผิดไป”

“หึงไอ้บัวจนคิดว่าฉันแอบตีท้ายครัว แกคิดหรือว่าคนอย่างฉันจะทำเรื่องเลวระยำกับเพื่อนรักอย่างแกได้”

“ก็บอกแล้วไงว่าขอโทษ แกโทร.มามีอะไร”

“ไหนๆเราก็เข้าใจกันแล้ว เย็นนี้มาเจอกินข้าวสังสรรค์กันหน่อย”

“ได้...ที่ไหน”

“เดี๋ยวฉันโทร.บอกแกอีกที”

“ขอบใจแกมากนะเพชร แล้วก็ต้องขอโทษแกจริงๆ”

“เลิกพูดเรื่องนั้นได้แล้ว เย็นนี้แกต้องมาให้ได้นะ”

รัญรับปากและวางสายไปด้วยความสบายใจที่เพชรไม่โกรธเคือง ส่วนเพชรซึ่งตั้งใจช่วยให้น้องสาวปรับความเข้าใจกับรัญก็รีบจัดแจงให้การ์ตูนมาช่วยอีกแรง โดยการ์ตูนนัดแนะบัวไปกินข้าวเย็น แต่พอถึงเวลากลับมีแต่บัวกับรัญสองต่อสองในร้านสุดโรแมนติก ส่วนการ์ตูน เพชร รินลดา และฉัตรชัยไปรวมตัวฉลองความสำเร็จกันอีกที่หนึ่ง

แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ทั้งสี่คนคิด ทันทีที่บัวเห็นรัญก็ทำท่าจะเดินหนี รัญเองก็เพิ่งรู้ว่าถูกเพชรจัดฉากให้มาเจอบัว เขารีบเดินมาดักหน้าเธอไว้

“เดี๋ยวสิบัว”

“มีอะไรหรือคะ”

“ผมอยากจะขอโทษคุณ ที่ผมเข้าใจคุณผิด ผมรู้ว่าคุณคงโกรธและเกลียดผม แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมเองก็ไม่ได้มีความสุข ผมคิดถึงคุณตลอดเวลา คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมอยากบอกให้คุณรู้ว่าผมยังรักคุณไม่เปลี่ยนแปลง”

เห็นรอยยิ้มบางๆของบัว รัญแทบจะรวบตัวเธอมา กอดด้วยความดีใจ

“พี่ดีใจจริงๆ ที่บัวให้อภัยพี่และไม่โกรธเกลียดพี่”

รัญโผเข้ากอด แต่บัวผละถอยจนรัญชะงักกับท่าทีของเธอ

“ทำไม​วัน​นี้​พี่​รัญ​ถึง​เข้าใจ​บัว​คะ อ้อ ใช่​สิ เพราะ​พี่​รัญ​เห็น​พ่อ​แม่​บัว​แล้ว​นี่ พี่​รัญ​รู้​แล้ว​ว่า​บัว​คือ​รวินวร​กานต์​ลูก​สาว​เศรษฐี ไม่​ใช่​บัว​ระ​วง​หลง​ทาง​ผู้หญิง​ชั้น​ต่ำ”

“บัว...พี่​ไม่​เคย​คิด​แบบ​นั้น​เลย​นะ”

“ไม่​เคย​คิด แล้ว​ทำไม​วัน​นั้น​พี่​รัญ​ถึง​ได้​เลิก​กับ​บัว แล้ว​ก็​ไล่​บัว”

รัญ​สะอึก​อึ้ง​พูด​ไม่​ออก

“พี่​รัญ​รู้​มั้ย​ว่า​บัว​เสียใจ​มาก​แค่​ไหน บัว​คิด​ว่า​พี่​รัญ​รัก​บัว​ด้วย​ความ​จริงใจ​เหมือนกับ​ที่​บัว​รัก​พี่​รัญ แต่​พี่​รัญ​กลับ​มอง​ไม่​เห็น​คุณ​ค่า​ของ​บัว​เลย พี่​รัญ​เชื่อ​คำ​พูด​ของ​คน​อื่น​มาก​กว่า​บัว”

“บัว พี่​อยาก​ให้​บัว​ให้อภัย​พี่​สัก​ครั้ง​ได้​มั้ย เรา​จะ​เริ่ม​ต้น ​กัน​ใหม่ พี่​สัญญา​จาก​นี้​ไป​พี่​จะ​ไม่​ทำให้​บัว​เสียใจ​ทั้ง​ชีวิต”

“เริ่ม​ต้น​หรือ​คะ ทำไม​วัน​นี้​พี่​รัญ​ถึง​อยาก​เริ่ม​ต้น​ใหม่​กับ​บัว”

“ก็​เพราะ​พี่​รัก​บัว”

“รัก​บัว​หรือ​ว่า​รัก​เพราะ​บัว​มี​ทรัพย์สิน​เงิน​ทอง”

“พี่​ไม่​เคย​คิด​อย่าง​งั้น​เลย​นะ​บัว”

“งั้น​ทำไม​ตอน​ที่​บัว​เป็น​บัว​ระ​วง​ผู้หญิง​สำส่อน พี่​รัญ​ไม่​กลับ​มา​หา​บัว...อย่าง​ว่า​ล่ะ​ค่ะ ใครๆก็​ต้อง​ชอบ​ผู้หญิง​สวย​รวย​มี​การ​ศึกษา​มาก​กว่า​ผู้หญิง​ขายตัว”

รัญ​หน้า​ชา​เหมือน​ถูก​ตบ​อย่าง​แรง “พี่​ไม่​คิด​เลย​ว่า​บัว​จะ​คิด​อย่าง​นี้​กับ​พี่”

“แล้ว​พี่​รัญ​ล่ะ​คะ ทำไม​พี่​รัญ​ยัง​คิด​ได้​ว่า​บัว​เป็น​ผู้หญิง​สำส่อน”

“ถูก​ของ​บัว พี่​หน้า​ไม่​อาย​จริงๆ พี่​ไม่​น่า​กลับ​มา​หา​บัว เพราะ​วัน​นี้​บัว​ไม่​ใช่​บัว​ระ​วง​จริงๆ พี่​ขอโทษ...”

รัญ​หัน​เดิน​จาก​ไป​ทั้ง​น้ำตา ขณะ​ที่​บัว​ค่อยๆทรุด​ตัว​ลง​นั่ง​สะอื้น​อยู่​ใน​ร้าน​อย่าง​อ้างว้าง ต่าง​จาก​พวก​เพชร​ที่​กำลัง​ดื่ม​ฉลอง​กัน​เฮฮา คาด​หวัง​ว่า​สอง​คน​นั้น​คง​ปรับ​ความ​เข้าใจ​กัน​ได้​แล้ว แถม​คราว​นี้​เพชร​ยัง​นำ​แหวน​เพชร​มา​จับจอง​ริน​ลดา​เอา​ไว้​ด้วย​อย่าง​ชื่นมื่น​มี​ความ​สุข

ooooooo

กลรักลวงใจ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด