icon member

ละอองดาว

ตอนที่ 15

หลังจากอ่านและตรวจสอบสิ่งของทุกอย่างที่ด็อกเตอร์ไกรฝากไว้เป็นของขวัญสำหรับละอองดาว ...กรกฎถึงกับนั่งนิ่งเป็นหุ่น ตกอยู่ในภวังค์เหมือนตัวเองกำลังฝันไป

จนกระทั่งท่านชายสดายุเข้ามาถึงตัวนั่นแหละ กรกฎถึงตื่นจากภวังค์

“อ้าวฝ่าบาท เสด็จมาเงียบๆ”

“เงียบอะไร ฉันเรียกแกอยู่ตั้งนาน”

“เชิญประทับกระหม่อม”

“ฉันว่าจะแวะมารับแกไปเยี่ยมละอองดาวด้วยกัน แล้วนี่เป็นอะไร ฉันเห็นหน้าแกเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ตอนเข้ามาแล้ว”

กรกฎอึกอักพูดไม่ออก ท่านชายเห็นกล่องเซฟและจดหมายจำนวนมากที่วางอยู่บนโต๊ะก็สงสัย

“นี่อะไร”

“ของขวัญที่คุณพ่อกระหม่อมฝากไว้ให้ละอองดาว ท่านระบุไว้ในพินัยกรรมให้ดาวไปรับที่ธนาคารเมื่อเธออายุครบยี่สิบห้าปีเต็ม ดาวมอบฉันทะให้กระหม่อมไปรับแทน”

“ของขวัญอะไร ทำไมมีแต่พวกเอกสารกับจดหมาย”

“ฝ่าบาททรงดูด้วยพระเนตรเองเถอะกระหม่อม”

ผ่านไปไม่นาน ท่านชายสดายุก็รู้ความจริงเหมือนที่กรกฎรู้...ทั้งคู่รีบพากันไปที่วังนพดลพร้อมหลักฐานทุกอย่างเกี่ยวกับละอองดาว

เสด็จพระองค์หญิงพราวนภางค์ทรงรับรู้ว่าละอองดาว คือลูกสาวของจักราชัยและเป็นหลานสาวคนเดียวของพระองค์ตระหนกตกใจถึงกับเป็นลมหมดสติ คำอินทร์กับอุ่นเรือนซึ่งอยู่ด้วยก็แทบไม่เชื่อหู พอตั้งสติได้ก็ช่วยกันปฐมพยาบาลเสด็จฯอย่างเร่งด่วน

เมื่อทรงฟื้นขึ้นมาก็อ่านจดหมายทุกฉบับและตรวจดูสูติบัตรของละอองดาวด้วยพระองค์เอง

“ละอองดาวเป็นหลานสาวของฉันจริงๆ อุ่นเรือนตามบุญคุ้มมาพบฉันเดี๋ยวนี้”

“เพคะ” อุ่นเรือนรับคำแล้วออกไปทันที

“ชายยุ ป้าขอตัวสักครู่นะ...คุณกรกฎ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว”

กรกฎลุกตามไปอีกห้อง เสด็จฯสะเทือนใจกลั้นน้ำตาไม่อยู่ รู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องราวในอดีตและสิ่งที่เพิ่งรับรู้

“ฉันไม่อยากจะให้อภัยคุณพ่อของคุณเลยนะ เขาเอาหลานสาวของฉันไป ปกปิดแอบซ่อนนานถึงยี่สิบห้าปี เขาเป็นคนใจดำเหลือเกิน ใจดำเหมือนจักราชัยลูกชายฉันนั่นแหละ เขาถือว่าเป็นเพื่อนรักกัน คงเจ็บใจถือโกรธฉันแทนให้แก่กัน...เขาช่างไม่สงสารฉันบ้างเลย”

กรกฎนิ่งอึ้ง เสด็จฯยังคงพระพักตร์เศร้าหมองสะเทือนใจ

“ยี่สิบกว่าปีมาแล้วที่ฉันต้องทนทุกข์ทรมานใจอย่างสาหัส เฝ้าติดตามค้นหาหลานสาวของฉันคนนี้แทบจะพลิกแผ่นดิน...ในที่สุดเมื่อถึงคราวหมดเคราะห์ เขาก็กลับคืนสู่อ้อมอกของฉันอย่างไม่คาดฝัน ที่จริงฉันก็สังหรณ์ใจมานานแล้วตั้งแต่เห็นหน้าละอองดาวครั้งแรก บางสิ่งบางอย่างบนใบหน้าและท่าทีของเด็กคนนี้ เตือนให้ฉันนึกถึงจักราชัยอย่างลึกลับ โชคและบุญส่งหลานสาวคนนี้มาพบฉันในฐานะลูกจ้างกับนายจ้าง แต่ฉันก็มิได้เฉลียวใจสักนิด ทั้งๆที่รู้ว่าด็อกเตอร์ไกรกับจักราชัยเป็นเพื่อนสนิทกัน”

“กระหม่อมคิดว่าสาเหตุที่คุณพ่อจำเป็นต้องปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าละอองดาวเป็นใครมาจากไหนก่อนเวลาอันควร ก็เพราะท่านคงห่วงเรื่องความปลอดภัยของละอองดาวนะพ่ะย่ะค่ะ”

เสด็จฯทรงเดินไปยังรูปจักราชัยที่ติดบนผนัง เอื้อมมือสัมผัสใบหน้าของรูปนั้นด้วยมืออันสั่นเทา

“จักราชัย...แม่ขอบใจเจ้ามาก ที่วิญญาณของเจ้าดลบันดาลให้หลานได้กลับมาหาแม่ในขณะที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่เข้าใจแล้ว ที่เจ้ามาพบแม่ในฝันแทบทุกคืน เจ้ามีอาการดังหนึ่งจะบอกอะไรกับแม่ ที่แท้เจ้าก็จะบอกแม่ถึงลูกของเจ้านั่นเอง”

พอจะเดินกลับมา เสด็จฯทรงซวนเซ กรกฎรีบประคองพระองค์มาประทับที่เดิม

“ฉันพูดอะไรไม่ออกแล้วคุณกรกฎ รู้สึกแต่ว่าฉันเป็นหนี้บุญคุณของคุณเหลือเกิน คุณมีคุณธรรมที่น่าสรรเสริญ คุณเป็นคนแรกที่พบหลักฐานสำคัญนี้ ถ้าคุณปิดบังฉ้อฉลหรือทำลายหลักฐานเหล่านี้ ไม่บอกกล่าวชายยุกับฉันให้ล่วงรู้ความจริง ชาตินี้ทั้งชาติคนแก่จะไม่มีวันได้พบหลานอีก และเด็กสาวที่น่าสงสารก็คงจะไม่มีโอกาสได้รู้จักย่า ทั้งๆที่ก็อยู่ใกล้ชิดกันทุกวัน สิ่งที่คุณทำนับเป็นการสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ที่สุด ขอบคุณนะคุณกรกฎ”

กรกฎยิ้มรับด้วยความปลาบปลื้ม ตื้นตันใจเหลือเกิน

ooooooo

ละอองดาวรอคอยกรกฎนานหลายชั่วโมง เมื่อเห็นเขาเปิดประตูห้องพักคนไข้เข้ามาก็รีบลุกขึ้นด้วยความดีใจ

“คุณกรกฎ ทำไมกลับมาช้าจังเลยคะ แล้วไหนของขวัญที่คุณพ่อฝากไว้ให้ดิฉันล่ะคะ”

กรกฎไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ก็พอดีบุญคุ้มกับอุ่นเรือนเข้ามา ละอองดาวพนมมือไหว้ทั้งสองคนก่อนจะเหลือบเห็นเสด็จฯกับท่านชายสดายุ เธอก้มลงกราบอย่างอ่อนน้อม

“ขอให้เธอมีความสุขที่สุดในวันเกิดนี้นะละอองดาว”

“ฉันก็ขอให้พรอันประเสริฐจงบังเกิดแก่คุณนะ ละอองดาว”

“ละอองดาว...นอกจากฉันจะมาเยี่ยมเธอแล้ว ฉันยังเอาของขวัญมาอวยพรให้เธอด้วย”

“เป็นพระเมตตาอย่างสูงเพคะ หม่อมฉันสุขใจ ปลาบปลื้มที่สุดเลยเพคะ”

“ฉันเอาของขวัญจากคุณพ่อของเธอมาให้เธอนะ เอาล่ะ เริ่มอ่านได้บุญคุ้ม อ่านให้ละอองดาวฟัง”

บุญคุ้มหยิบแว่นตาขึ้นมาสวมแล้วอ่านจดหมายของด็อกเตอร์ไกรอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ลูกกำพร้าของพ่อ...วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบปีที่ 25 ของเจ้าแล้ว วิญญาณของพ่อขออำนวยพรให้เจ้าจงประสบแต่ความสุขสมปรารถนาตลอดชั่วอายุขัย และวันนี้อีกเหมือนกัน คือวันที่พ่อได้เคยกล่าวไว้ว่าเมื่อถึงเวลาอันควร...เช่นที่เจ้าเฝ้ารอคอยมาในข้อสงสัยที่จะขอรู้ให้ได้ว่าเจ้านี้คือใครมาจากไหน และมีความเป็นมาเช่นไร เวลามันได้มาถึงแล้วลูกรัก เวลาที่เจ้าจะได้รู้ความจริงแห่งกำเนิดของเจ้าที่พ่อปกปิดมาเป็นความลับนานถึง 25 ปี ก่อนอื่นใดทั้งสิ้นพ่อขอแนะนำให้เจ้าทรุดเข่าลง หน่วงจิตสักการะเป็นกตัญญูบูชาแด่ดวงวิญญาณสองดวง ซึ่งบัดนี้พ่อเชื่อเหลือเกินว่าคงจะวนเวียนคอยดูแลห่วงใยเจ้าอยู่ ดวงหนึ่งคือเจ้าชายจักราชัย นพดล และอีกดวงหนึ่งคือรุ้งดาว นพดล พระบิดาและหม่อมแม่อันแท้จริงของเจ้า”

ละอองดาวนิ่งงัน แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“ต่อคำถามที่ว่าเจ้าคือใครนั้นน่ะหรือ คำตอบก็คือเจ้าหญิงละอองดาว นพดล ขัตติยะตระกูลแห่งราชอาณาจักรเชียงอูอย่างไรล่ะ พ่อจะเล่าถึงความเป็นมาแห่งกำเนิดของเจ้าอย่างสั้นๆ เพื่อให้เจ้าเข้าใจโดยง่าย...”

ในขณะที่บุญคุ้มยังคงอ่านจดหมายของด็อกเตอร์ไกร...ชลทิชาชวนเริงใจมาที่วังนพดลเพื่อเอาของฝากจากท่านพ่อถวายเสด็จย่า แต่ไม่ทันที่ชลทิชาจะขึ้นไปยังห้องประทับ ก็เจอกับคำอินทร์เสียก่อน

คำอินทร์เกริ่นบอกเรื่องเหลือเชื่อของละอองดาวที่บัดนี้กลายเป็นเจ้าหญิงละอองดาวไปแล้ว สองสาวตกใจและงงเป็นไก่ตาแตก ซักถามกันใหญ่ว่าเป็นไปได้ยังไง เกิดอะไรขึ้น

“ไม่ต้องงงหรอกคุณ คุณดาวเป็นเจ้าหญิงละอองดาวจริงๆ เพราะเธอเป็นลูกสาวของเจ้าชายจักราชัย เป็นหลานแท้ๆของเสด็จย่า”

“เรื่องมันเป็นมายังไงคะ กรุณาเล่าให้ฉันฟังหน่อยเถอะค่ะ”

คำอินทร์พยักหน้า ค่อยๆลำดับเรื่องราวที่เพิ่งรับรู้จากกรกฎและท่านชายสดายุมาก่อนหน้านี้

ooooooo

ที่โรงพยาบาล บุญคุ้มอ่านจดหมายใกล้จบเต็มที ละอองดาวนิ่งฟังอย่างตั้งใจ น้ำตาเอ่อคลอโดยไม่รู้ตัว

“พ่อขอจบจดหมายเพียงเท่านี้ เมื่อจบจดหมายของพ่อแล้ว เจ้าจงพลิกไปจะเห็นใบสูติบัตรของเจ้ารวมทั้งจดหมายลายมืออันแท้จริงของพระบิดาเจ้าที่ได้มีติดต่อมาถึงพ่อในระหว่างที่เขาระหกระเหินอยู่ ซึ่งพ่อได้เรียงไว้ให้เจ้าอ่านโดยลำดับจากฉบับแรกไปจนถึงฉบับสุดท้าย สูติบัตรและจดหมายลายมือของพระบิดาเจ้าเหล่านี้จะเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์ชาติกำเนิดแท้จริงของเจ้าให้เสด็จย่าทรงเชื่อได้อย่างไม่มีอะไรเคลือบแคลง... สุดท้ายนี้พ่อไม่มีอะไรจะกล่าวอีก นอกจากอวยพรให้เจ้าหญิงละอองดาว นพดล ของพ่อจงก้าวไปบนถนนของชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป... จากพ่อ ด็อกเตอร์ไกร เบ็ญจรงค์”

“ละอองดาว...ยี่สิบห้าปี ช่างนานเหลือเกินสำหรับอ้อมแขนของย่าที่รอคอยเจ้าอยู่เช่นนี้ เข้ามาหาย่าเถิดลูก เจ้าหญิงละอองดาวของย่า”

ละอองดาวน้ำตาคลอ ความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามา ทั้งตื่นตระหนก ปีติตื้นตัน และประหม่าว้าวุ่นจนสั่นเทา...เธอร้องไห้ทรุดลงกราบแทบพระบาทของเสด็จฯ

เสด็จฯทรงประคองละอองดาวให้ลุกขึ้นและหอมที่หน้าผากหลานสาวอย่างอ่อนโยน

“ในที่สุดเจ้าก็คือหลานของย่าที่ย่าติดตามหาตัว รอคอยเจ้ามานานแสนนาน อย่าร้องไห้ลูก ย่ายังไม่บาปหนานัก ก่อนจะตายก็ยังมีโอกาสได้เจ้ากลับคืนมาสมดังที่ได้สวดมนต์วิงวอนคุณพระอยู่ทุกคืน หมดเคราะห์หมดโศกเสียทีนะลูก ย่าเห็นจะนอนตายได้ตาหลับและเป็นสุขแล้วที่ได้พบเจ้า...หลานย่า เรียกย่าสิลูก ย่าอยากได้ยินคำนี้จากเจ้าเหลือเกิน”

“เสด็จย่า”

สองย่าหลานกอดกันร้องไห้ สดายุปลื้มปีติ อุ่นเรือนนั่งก้มหน้าเช็ดน้ำตา ขณะที่กรกฎแอบน้ำตาคลอ ดีใจกับของขวัญสุดวิเศษที่ละอองดาวได้รับอยู่ตรงหน้า

สักครู่กรกฎค่อยๆลุกขึ้นโค้งคำนับแล้วถอยออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ เดินเหม่อลอยมาหยุดยืนไม่ไกลจากหน้าห้อง...สิ่งที่เกิดขึ้นช่างเหมือนฝันที่กำลังทำให้เขาและละอองดาวมีอันต้องห่างกันออกไป

“พี่ดีใจกับดาวด้วยจริงๆ เจ้าหญิงละอองดาว”

ooooooo

กรกฎกลับมาที่บ้านเบ็ญจรงค์ แต่ไม่ได้เข้าไปในตึกตัวเอง เดินตรงไปยังตึกใหญ่โดยให้ยอดรักไขประตูแล้วบอกให้รออยู่ข้างนอก

ชวนชมเดินมาเห็นยอดรักก็ร้องทักว่ามาทำอะไรแถวนี้ หรือว่ามาเปิดตึกใหญ่

“จ้ะป้า คุณท่านอยู่ข้างใน”

“คุณกฎเข้าไปทำอะไรในตึกใหญ่”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณท่านสั่งแต่ว่าให้รอปิดตึกด้วย”

ภายในตึกใหญ่ กรกฎนั่งอยู่กับพื้น เบื้องหน้าคือรูปภาพด็อกเตอร์ไกรบนฝาผนัง

เสียงกรกฎดังก้องในความคิดของตัวเองว่า

“วิญญาณของคุณพ่อล่องลอยอยู่ที่ใดครับ จงมาซ้ำเติมสมน้ำหน้าไอ้ลูกโง่ของคุณพ่อคนนี้เถิด ลูกพร้อมแล้วที่จะรับการซ้ำเติมในทุกสิ่งทุกอย่าง ลูกเคยดูหมิ่นดูแคลนในความปรารถนาดีของคุณพ่อ ลูกหยามเหยียดสิ่งที่คุณพ่อสู้อุตส่าห์บรรจงสร้างไว้ให้อย่างฉลาดล้ำและรอบคอบก่อนที่คุณพ่อจะสิ้นไป...คุณพ่อคงคิดสินะว่าป่านนี้และวันนี้ เมื่ออะไรถูกเปิดเผยออกไป ภรรยาของลูกที่คุณพ่อขอฝากฝังไว้ให้ก็คือเจ้าหญิงละอองดาว มหาเศรษฐินีเข้าพิธีวิวาห์กับลูกมาแล้วตั้ง 3 ปี...”

“คุณพ่อหยิบยื่นดวงแก้วอันล้ำค่ามาให้แก่ลูกแล้ว แก้วดวงที่เลอเลิศในทุกลักษณะ แต่ลูกของคุณพ่อคนนี้ตาหามีแววไม่ เปรียบเหมือนวานรที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของแก้วที่อยู่ในมือ มีแต่จะผลักไสขว้างทิ้งไปเพราะไม่รู้คุณค่า และกว่าที่จะหวนกลับมาคิดรู้สึกในคุณค่า อะไรๆมันก็สายไปเสียแล้ว เดี๋ยวนี้ลูกเบื่อในทุกสิ่งทุกอย่าง เบื่อน้ำหน้าตัวเอง เบื่อชีวิตอันปราศจากความหมาย ป่านนี้ดวงวิญญาณของคุณพ่อคงจะเจ็บปวดอับอายที่มีลูกโง่เขลาเบาปัญญาอย่างกรกฎคนนี้”

กรกฎหน้าเศร้า รู้สึกหมดอาลัยในชีวิต นั่งมองรูปบิดาด้วยน้ำตาที่เอ่อท้น

ooooooo

เย็นวันเดียวกันย่าพาหลานกลับบ้าน โดยมีอุ่นเรือนตามเข้ามาภายในห้องนอนที่ถูกจัดขึ้นใหม่อย่างเรียบร้อยสวยงาม

“ย่าสั่งให้คนจัดห้องเอาไว้ให้หลานก่อนที่ย่าจะไปหาเจ้าที่โรงพยาบาล เป็นยังไงบ้าง ชอบห้องนี้ไหมลูก”

“หม่อมฉันว่าใหญ่โตเกินไปเพคะ ให้หม่อมฉันพักห้องเดิมที่เคยพักเถิดเพคะ”

“ไม่ได้ นั่นมันห้องพักแขก ไม่สะดวกสบายเหมือนห้องนี้ อยู่ห้องนี้แหละลูก แม่อุ่นหานางกำนัลมารับใช้หลานฉันด้วยนะ”

“เพคะ”

“พักผ่อนตามสบายนะลูก ย่าขอไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวค่ำๆค่อยทานข้าวกัน”

“กราบขอบพระทัยเพคะ ใต้ฝ่าบาททรงเมตตาหม่อมฉันเหลือเกิน”

“หลานต้องเรียกย่าสิลูก แล้วก็แทนตัวเองว่าหลานหรือดาวก็ได้...ฟังดูน่ารักดีออก”

“เพคะ เสด็จย่า”

เมื่ออยู่กันตามลำพัง อุ่นเรือนท่าทีกริ่งเกรง ไม่ค่อยกล้าพูดคุยสนิทสนมกับละอองดาวเหมือนแต่ก่อน

“เจ้าหญิงทรงประสงค์อะไรเพิ่มเติมไหมเพคะ”

“เรียกดิฉันเหมือนเดิมเถอะค่ะคุณอุ่นเรือน”

“อุ๊ย ไม่ได้หรอกเพคะ ฉัน...เอ๊ย...หม่อมฉันต้องเรียกเจ้าหญิงให้ติดปากเอาไว้ ประเดี๋ยวจะโดนเสด็จฯท่านดุไม่ใช่น้อย ถ้าไม่มีอะไรแล้วหม่อมฉันขอตัวไปถวายงานรับใช้เสด็จฯท่านนะเพคะ”

ละอองดาวพยักหน้ายิ้มๆ แล้วเดินมานั่งที่เตียงหลังจากอุ่นเรือนออกไป...ย้ำเตือนตนเองว่าไม่ใช่เด็กกำพร้าข้างถนน และสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ใช่ความฝัน

ooooooo

กลับออกจากตึกใหญ่ในสภาพอิดโรยหน้าตาหมองเศร้า กรกฎเจอชวนชมและยอดรัก เขาพยายามปรับสีหน้าให้ปกติ ถามชวนชมว่าจะไปไหน?

“คืนนี้น้าว่าจะไปนอนเฝ้าคุณดาวที่โรงพยาบาลค่ะ”

“ไม่ต้องไปหรอก”

“อ้าว ทำไมล่ะคะ”

“ป่านนี้เสด็จฯท่านคงรับเจ้าหญิงละอองดาวไปพักที่วังนพดลแล้ว”

“คุณกฎว่าอะไรนะคะ”

“น้าชวนฟังไม่ผิดหรอก คุณดาวของน้าชวนเธอคือเจ้าหญิงละอองดาว นพดล...ละอองดาวเป็นลูกของเจ้าชายจักราชัย เพื่อนสนิทของคุณพ่อ...เจ้าหญิงละอองดาวเป็นหลานแท้ๆของเสด็จพระองค์หญิงพราวนภางค์ นพดล”

“คุณดาวเป็นเจ้าหญิง เป็นความจริงเหรอคะคุณกฎ”

“จริงสิน้าชวน ของขวัญที่คุณพ่อฝากไว้ให้ละอองดาวที่ฉันไปรับมาจากธนาคารนั่นคือหลักฐานพยานสำคัญที่ยืนยันว่าละอองดาวเป็นใครมาจากไหน มีความเป็นมายังไง”

กรกฎเดินคอตกออกไป ทิ้งให้ยอดรักกับชวนชมยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าละอองดาวจะกลายเป็นเจ้าเป็นนายมียศถาบรรดาศักดิ์สูงส่งถึงเจ้าหญิง

ooooooo

เมื่ออยู่คนเดียวภายในห้องส่วนตัว ละอองดาวนำจดหมายของด็อกเตอร์ไกรที่เขียนบอกเล่าถึงชาติกำเนิดของเธอและความตกทุกข์ได้ยากของพระบิดาจักราชัยจนกระทั่งท่านหมดลมหายใจ รวมทั้งการจากไปของรุ้งดาว หม่อมแม่ที่ให้กำเนิดละอองดาวลืมตาดูโลกได้ไม่นาน

อ่านจดหมายนั้นทุกถ้อยคำแล้วละอองดาวสะเทือนใจถึงกับน้ำตาไหลรินด้วยความสงสารพระบิดาและหม่อมแม่ เธอรำพึงรำพันอย่างเศร้าหมองโดยไม่รู้ว่าย่ากำลังมองมา

“ทำไมพระบิดาและหม่อมแม่ถึงต้องพบชะตากรรมเช่นนี้ ลูกสงสารพระบิดาและหม่อมแม่เหลือเกิน...ลูกเกิดมาบุญน้อยนัก ลืมตาดูโลกไม่ทันไร ยังมิเคยได้รับไออุ่นจากพระผู้ให้กำเนิดทั้งสอง พระบิดาและหม่อมแม่ก็ลาลับจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ...บุญกุศลและคุณงามความดีที่ลูกสั่งสมมาทั้งชีวิต ลูกขออุทิศถวายแด่ดวงวิญญาณของพระบิดาจักราชัยและหม่อมแม่รุ้งดาว ขอดวงวิญญาณของทั้งสองท่านจงสู่สุคติด้วยเถิด พระบิดาไม่ต้องทรงห่วงเสด็จย่า ลูกสัญญาว่าลูกจะดูแลเสด็จย่าให้ดีที่สุดด้วยชีวิต ให้สมกับที่เสด็จย่าท่านรักและเมตตาลูก”

“หลานย่า...คิดถึงพ่อกับแม่เหรอลูก”

ละอองดาวได้ยินคำถามนั้น รีบผละจากรูปพระบิดามาหาเสด็จย่าและตอบทั้งน้ำตา

“เพคะ หลานคิดถึงท่านเหลือเกิน หลานบุญน้อยนัก เกิดมาอาภัพต้องพลัดพรากจากพระบิดาและหม่อมแม่ แม้ไออุ่นก็ไม่เคยได้สัมผัส”

“มันเป็นความผิดของย่าเอง ย่าบังคับจิตใจของจักราชัย ย่าเห็นแก่ตัว”

“เสด็จย่าอย่าทรงรับสั่งเช่นนั้นสิเพคะ”

“ย่าเห็นแก่ตัวจริงๆ ย่าเลือกความเหมาะสม ยึดถือแต่ขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีจนลืมนึกถึงความรักของลูก ถ้าย่าเลือกความรักของลูก จักราชัยก็คงไม่ต้องไปพบกับชะตากรรมอันเจ็บปวดเช่นนั้น...จักราชัย แม่รู้สึกผิดบาปกับเจ้าเหลือเกิน ความผิดของแม่มันใหญ่หลวงยิ่งนัก อภัยให้แม่ได้ไหมลูก...ละอองดาว เจ้าคือผลพวงแห่งชะตากรรมของพ่อเจ้า ต้องกำพร้าบิดรมารดาก็เพราะความเห็นแก่ตัวของย่า ยกโทษให้ย่าด้วยนะลูก”

เมื่อเห็นผู้เป็นย่าทำท่าจะคุกเข่า ละอองดาวตกใจรีบดึงตัวท่านไว้

“อย่านะเพคะเสด็จย่า หลานไม่เคยถือโทษโกรธเสด็จย่าเลย แล้วหลานก็เชื่อว่าพระบิดาก็ไม่เคยโกรธเสด็จย่าเช่นกัน เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตไม่มีใครผิดหรอกเพคะ เสด็จย่าทรงหวังดีอยากให้พระบิดาของลูกอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงแห่งเชียงคำ ก็เพื่อหวังจะให้พระบิดาของลูกครองราชย์สืบต่อราชบัลลังก์ ฝ่ายพระบิดาของลูกก็ทรงเลือกที่จะทำตามหัวใจของตัวเอง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนถูกกำหนดไว้แล้ว มันเป็นโชคชะตาและชะตากรรมที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ หลานกับพระบิดาคงยกโทษและอภัยให้เสด็จย่าไม่ได้หรอกเพคะ เพราะเสด็จย่าไม่ได้ทรงทำผิดอะไรเลย”

“ละอองดาว...หลานเข้าใจทุกอย่างได้ลึกซึ้ง หัวใจของเจ้าช่างประเสริฐงดงาม ขอบคุณสวรรค์และดวงวิญญาณของพ่อเจ้าที่ทำให้ย่าได้มีวันนี้ วันที่ย่าได้พบเจ้า...ย่ารักเจ้าเหลือเกิน หลานย่า”

“หลานก็รักเสด็จย่ามากนะเพคะ”

สองย่าหลานสวมกอดกันแนบแน่นด้วยความรักและความรู้สึกอิ่มเอมใจ

ooooooo

รุ่งขึ้นละอองดาวตื่นแต่เช้าลงมาทำอาหารให้เสด็จย่า ฝีมือของเธอไม่ธรรมดา โดยเฉพาะอาหารฝรั่งที่ได้ร่ำเรียนมาจากสถาบันชื่อดังในฝรั่งเศส

หลังอาหารมื้อเช้า ละอองดาวขออนุญาตเสด็จย่าไปเยี่ยมชวนชมที่บ้านเบ็ญจรงค์ ท่านไม่ขัดข้อง แถมยังให้เอาอุ่นเรือนไปเป็นเพื่อน และถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ชวนพี่เลี้ยงที่ชื่อชวนชมมาอยู่ที่วังเสียด้วยกัน

ละอองดาวรับปากจะลองพูดดู พอเธอเตรียมตัวจะออกจากวัง ก็พอดีเจอท่านชายสดายุ สองคนทักทายกันประสาพระญาติ โดยท่านชายสดายุให้ละอองดาวเรียกตนว่าท่านอาเหมือนอย่างที่ชลทิชาเรียก

“ค่ะ ท่านอายุมาเยี่ยมเสด็จย่าเหรอคะ”

“อามาเยี่ยมท่านป้า นี่เจ้าหญิงจะไปไหนหรือ”

“ดาวจะไปเยี่ยมน้าชวนค่ะ”

สดายุสบโอกาสถามหยั่งเชิงว่าไปเยี่ยมชวนชม แล้วจะไปเยี่ยมกรกฎด้วยไหม ละอองดาวนิ่งเขินพูดไม่ออก

“ไหนๆก็ไปบ้านเบ็ญจรงค์แล้ว ก็แวะเยี่ยมกรกฎหน่อยสิ”

“ก็...อาจจะนะคะ”

“อาขอตัวล่ะ ฝากความคิดถึงกรกฎด้วยนะ”

ละอองดาวพยักหน้ารับแล้วผละไป แต่ไม่ทันจะได้ขึ้นรถ เริงใจกับชลทิชาโผล่มาอีก สองสาวแสดงความดีใจกับเพื่อนรัก โดยเฉพาะชลทิชาถึงกับสวมกอดละอองดาว ยินดีที่ได้เป็นญาติกัน ขณะที่เริงใจยืนเงอะงะทำตัวไม่ถูก พูดอึกๆอักๆ ย่อตัวถวายความเคารพเจ้าหญิง

“จะบ้าเหรอยัยนิด ทำอะไรของเธอน่ะ”

“ก็เธอเป็นเจ้าหญิงแล้วนี่”

“หมั่นไส้ เราเป็นเพื่อนกันนะยัยนิด เหมือนเดิมย่ะ มานี่เลย” ละอองดาวจูงมือสองสาวไปนั่งที่เทอเรซถามว่ารู้ข่าวได้ยังไง

“วันก่อนฉันเอาของฝากมาถวายเสด็จย่า เจอคำอินทร์ก็เลยรู้ข่าวน่ะ”

“จำได้ไหมแตน ครั้งหนึ่งเราเคยคุยกันถึงเจ้าชายจักราชัย แล้วก็รัชทายาทของเจ้าชายที่เสด็จฯกำลังตามหา เราคุยกันสนุกสนาน เธอยังนั่งหัวเราะเลย ไม่นึกไม่ฝันจริงๆว่าเด็กที่เราพูดถึงกันวันนั้นที่แท้ก็เป็นเธอนี่เอง ฉันดีใจด้วยจริงๆนะแตน”

“ขอบใจนะนิด ฉันเองก็แทบตั้งตัวไม่ติด มันเหมือนฝันจริงๆ”

การสนทนายุติเมื่ออุ่นเรือนมากระตุ้นเตือนละอองดาวว่ารถรอนานแล้ว ละอองดาวบอกลาเพื่อนทั้งสองออกไปพร้อมอุ่นเรือน ชลทิชากับเริงใจมองตามพลางเอ่ยชื่นชมเพื่อนของตนว่าน่ารักไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือเจ้าหญิง ก็ยังคงวางตัวเหมือนเดิม

ooooooo

ท่านชายสดายุเข้ามาเฝ้าท่านป้าและทักท่านว่า “ดูท่านป้าทรงพระเกษมสำราญมากนะกระหม่อม”

“แน่ล่ะชายยุ ป้ามีความสุขเหลือเกิน หลานสาวที่ป้าตามหามาทั้งชีวิต ที่แท้ก็คือคนที่อยู่ใกล้ชิดป้าที่สุด โชคชะตานี่ก็เล่นตลกเหมือนกันนะชายยุ”

“ยังไงเหรอกระหม่อม”

“ก็ละอองดาวมาทำงานกับป้าตั้งสามปีแล้ว ป้าไม่เคยเอะใจเลยว่าเด็กคนนี้จะเป็นหลานของป้า แล้วจู่ๆวันหนึ่งป้าก็ได้รู้ความจริงจากของขวัญที่ด็อกเตอร์ไกรฝากไว้ให้ละอองดาว ป้ารู้สึกเป็นหนี้คุณกรกฎจริงๆ”

“กรกฎเป็นคนดีมากนะกระหม่อม นี่ถ้าเขาคิดไม่ซื่อทำลายหลักฐานนั่น เราก็ไม่มีวันได้รู้ความจริง”

“ใช่ คุณกรกฎเป็นคนดี ซื่อตรง ป้านับถือน้ำใจเขานะ พูดถึงคุณกรกฎ ป้าว่าเขารักละอองดาวนะ”

“ท่านป้าทรงทราบได้ยังไง”

“ชายยุ ป้าอายุเท่าไหร่แล้ว ทำไมป้าจะดูไม่ออก ป้าเห็นแววตาคุณกรกฎที่มองละอองดาว ป้าก็รู้แล้วว่าเขาคิดยังไง แต่หลานป้านี่สิ ยังปากแข็ง”

“แล้วท่านป้าทรงคิดเห็นยังไงกระหม่อม เพราะกรกฎก็เป็นเพียงสามัญชน เกรงว่าจะไม่เหมาะสมไหมกระหม่อม”

“ป้าเจ็บปวดกับคำว่าเหมาะสมมามากแล้วชายยุ ก็เพราะคำว่าเหมาะสมนี่แหละที่ทำให้ป้าต้องสูญเสียลูกชายไป ป้าบังคับจิตใจจักราชัยให้เข้าพิธีวิวาห์กับผู้หญิงที่ป้าเลือกให้ สุดท้ายเขาก็เลือกผู้หญิงที่เขารักป้าจะไม่มีวันบังคับจิตใจหลานสาวอีก ความรักมันบังคับกันไม่ได้ และไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม แต่มันขึ้นอยู่กับหัวใจของคนสองคนต่างหาก”

สดายุยิ้มบางๆ โล่งใจที่รู้ว่าเสด็จฯไม่ได้คิดจะกีดกันความรักของกรกฎกับละอองดาว

ooooooo

ชวนชมกำลังสาละวนอยู่กับงานครัว จู่ๆเนียนกับน้อยวิ่งหน้าตื่นมาซักถามหลังรู้ข่าวจากยอดรักว่าละอองดาวเป็นเจ้าหญิง

เมื่อได้รับการยืนยันจากชวนชมว่าเป็นเรื่องจริง สองคนตะลึงกันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเจ้าหญิงละอองดาวปรากฏตัวในระยะใกล้มาก

ชวนชมลนลานทรุดลงนั่งกับพื้น เนียนและน้อยรีบทำตาม ละอองดาวเห็นชวนชมพยายามพูดราชาศัพท์และถวายความเคารพก็อดขำไม่ได้ บอกให้ลุกขึ้น ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรทั้งนั้น

ละอองดาวจูงมือชวนชมไปที่ห้องรับแขกโดยมีเนียนกับน้อยตามหลังมาด้วย สองคนนั่งลงที่พื้นกับอุ่นเรือน ส่วนชวนชมโดนละอองดาวบังคับให้นั่งบนโซฟากับตน ชวนชมประหม่าบอกว่าตั้งตัวไม่ติด ไม่คิดว่าเจ้าหญิงจะเสด็จมาเงียบๆ

“น้าชวนพูดกับฉันให้เหมือนเดิมเถอะค่ะ แล้วก็มองฉันให้เต็มตาด้วย”

“ก็หม่อมฉัน เอ๊ย น้าวางตัวไม่ถูกนี่คะ”

“ก็บอกให้พูดให้ทำเหมือนเดิมไงคะ หรือว่าน้าชวนไม่รักฉันแล้ว”

“อุ๊ย ไม่ใช่อย่างงั้นนะคะ โถ...ทูนหัวของน้าชวน น้าเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆทำไมจะไม่รักล่ะคะ มีแต่จะรักยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ น้ารู้ข่าวจากคุณกฎ น้าก็ตื่นเต้นดีใจ ปลื้มปริ่มจนบอกไม่ถูก ทูนหัวของน้าเป็นเจ้าหญิง สวรรค์เบื้องบนทรงปรานีและยุติธรรมต่อคนที่มีคุณธรรมความดีในบั้นปลายเสมอ เจ้าหญิงของน้าคงจะหมดเคราะห์หมดโศกแล้วนะคะ”

ชวนชมจับมือละอองดาวมาแนบแก้มและทำท่าจะร้องไห้ คนอื่นพลอยตื้นตัน มองดูสองคนแสดงความรักและผูกพันกันอย่างซาบซึ้งใจ

หลังจากนั้นทั้งหมดออกไปเดินเล่นชมสวน

ละอองดาวบ่นว่าไปอยู่โรงพยาบาลตั้งหลายวัน คิดถึงที่นี่จังเลย

“เจ้าหญิงคงไม่กลับมาอยู่ที่นี่แล้วใช่ไหมคะ”

“ฉันรักและผูกพันกับบ้านเบ็ญจรงค์มากนะคะน้าชวน คุณพ่อไกรกับน้าชวนเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เล็กจนโต ทั้งคุณพ่อกับน้ามีพระคุณต่อฉันมากเหลือเกิน แต่ฉันคงต้องอยู่กับเสด็จย่า ท่านชรามากแล้ว ฉันอยากปรนนิบัติดูแลรับใช้ท่านให้ดีที่สุด ถ้าฉันจะขอกลับมาเที่ยวที่นี่บ้าง ไม่รู้คุณกรกฎจะอนุญาตรึเปล่า”

“คุณกฎจะดีใจด้วยซ้ำไปค่ะ ขอให้เจ้าหญิงมาบ่อยๆเถอะ”

“น้าชวนคะ เสด็จย่าให้ฉันมาชวนน้าไปอยู่กับฉันที่วังนพดลด้วยกัน น้าชวนจะไปไหมคะ”

ชวนชมนิ่งไป ละอองดาวมองอย่างเข้าใจ พูดรู้ทันว่าชวนชมเป็นห่วงคุณหนูกรกฎ

“ค่ะ ถ้าน้าไป คุณกฎต้องเหงาแน่ๆ”

“งั้นเราก็ไปๆมาๆกันเนอะ ฉันมาเยี่ยมน้าชวนบ้าง น้าชวนไปหาฉันบ้าง”

“แบบนี้ดีที่สุดเลยค่ะเจ้าหญิง”

ทุกคนยิ้มแย้มมีความสุข ยอดรักกำลังจะเดินเข้ามาสมทบ แต่แล้วนึกอะไรได้รีบวิ่งหน้าตั้งออกไปทางตึกกรกฎ

ooooooo

ขณะนั้นกรกฎกำลังพูดโทรศัพท์กับธัชชัย อยากให้เพื่อนมาหาที่บ้านโดยเร็วเพราะมีเรื่องจะคุยด้วย... พอเขาวางสายก็หันมาเจออรรถวาทีก้าวเข้ามา จึงเชื้อเชิญให้นั่งแล้วถามว่ามีธุระอะไรให้ตนรับใช้

“ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายรับใช้คุณกฎ”

“ว่าธุระของคุณอรรถมาเลยครับ”

“ผมรอให้คุณเข้าไปที่สำนักงานไม่ไหวแล้วครับ เลยต้องเอาเอกสารมาให้คุณเซ็นถึงบ้าน”

“เอกสารอะไร”

“อ้าว ก็เอกสารการรับโอนมรดกของคุณพ่อคุณกฎไงครับ เป็นหมื่นๆล้านเชียวนะ”

กรกฎรับทราบและเซ็นเอกสารนั้นอย่างไม่ยินดียินร้ายนัก โดยไม่ได้อ่านรายละเอียดแม้แต่น้อย เพราะเขาไว้ใจทนายประจำตระกูลคนนี้เหมือนที่พ่อของเขาไว้ใจ

ระหว่างนี้ยอดรักวิ่งแหกปากเข้ามาว่า เจ้าหญิงเสด็จมา กรกฎลุกพรวดด้วยความดีใจ เดินแกมวิ่งนำหน้ายอดรักไป โดยมีอรรถวาทีก้าวตามทั้งที่งุนงงสงสัยว่าใครกันคือเจ้าหญิง

กรกฎมาช้าไปนิดเดียว ละอองดาวเพิ่งกลับออกไป ชวนชมสงสารคุณหนูของตนที่ไม่ได้เจอเจ้าหญิง อรรถวาทีได้ยินก็ซักถามชวนชมว่าเจ้าหญิงที่ไหนตนงงไปหมดแล้ว

“ก็เจ้าหญิงละอองดาวไงคะคุณอรรถ”

“หา!! นี่คุณดาวเป็นเจ้าหญิงเหรอ เป็นไปได้ยังไง”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ ก็คุณดาวเธอเป็นลูกของเจ้าชายจักราชัยไงคะ คุณอรรถตกข่าวได้ยังไงคะเนี่ย มานี่เลยค่ะ ฉันจะเล่าให้ฟังทั้งหมด” ชวนชมเดินนำอรรถวาทีที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกไปนั่งคุยกันที่ม้านั่ง ส่วนกรกฎเดินคอตกผิดหวังกลับไปตึกตัวเอง

เมื่อธัชชัยมาถึงก็เล่าเรื่องเจ้าหญิงละอองดาวให้ฟัง ธัชชัยชะงักงันแทบไม่เชื่อหู กรกฎซดเหล้าก่อนเล่าต่อไป

“แกฟังไม่ผิดหรอกเพื่อน น้องสาวบุญธรรมของฉันกลายเป็นเจ้าหญิงไปแล้ว เธอเป็นหลานสาวของเสด็จพระองค์หญิงพราวนภางค์ นพดล”

“มันเป็นไปได้ยังไง...แล้วนี่แกดื่มตั้งแต่กลางวันเลยเหรอวะ ดื่มฉลองให้คุณดาวหรือไง หรือว่าดื่มเพราะอกหักเรื่องผดาชไม”

กรกฎแค่หัวเราะอย่างเจ็บลึก “แกอย่าพูดถึงชื่อผู้หญิงคนนี้ให้ฉันได้ยินอีก ฉันมีอะไรจะให้แก รอเดี๋ยว”

เขาหายไปครู่เดียวก็กลับมาพร้อมเช็คเงินสดจำนวน 30 ล้าน ยื่นให้ธัชชัยเป็นค่าจ้างสำหรับข้อตกลงที่ให้จีบละอองดาว ทำให้เธอรักและแต่งงานด้วยให้ได้ เพื่อหวังให้เธอหลุดจากเงื่อนไขในพินัยกรรม ตัวเขาจะได้แต่งงานกับผดาชไมให้เร็วที่สุด ซึ่งธัชชัยทบทวนข้อตกลงนั้นได้อย่างแม่นยำ

“ตอนนี้ฉันเป็นมหาเศรษฐี เจ้าของทรัพย์มรดกมูลค่าหลายหมื่นล้านตัวจริงแล้วโดยไม่ต้องฝืนใจแต่งงานกับเด็กตัวกลมเหมือนไหกระเทียมคนนั้น โดยการร่วมมือของแกตามสัญญาจ้างด้วยดี”

ธัชชัยหน้าเครียด ยื่นเช็คคืนให้กรกฎ แต่เขาไม่รับคืน ย้ำให้เพื่อนรับไป อย่าหยิ่ง

“ฉันเป็นคนซื่อตรงต่อสัญญา ไม่เคยคิดจะโกงแกเลย แกทำงานสำเร็จเพียงครึ่งเดียว เพราะให้ฉันรอมานานตั้งสามปี ฉันเลยให้แกแค่นี้ตามสัญญา แต่ถ้าแกแต่งงานกับดาวไปซะก่อนหน้านี้ แกจะได้ถึง 60 ล้านเชียวนะ”

ธัชชัยโมโหลุกพรวดเข้าไปกระชากคอเสื้อกรกฎแล้วด่าลั่น

“ไอ้โง่! แกนึกเหรอว่าไอ้ที่คุณดาวยินยอมไม่แต่งงานกับแกและเขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานให้แก จนกระทั่งแกได้ครองมรดกนี่มันเป็นเพราะฉันเหรอวะ แกมันโง่ชะมัด แกบังอาจจ้างฉันทำเรื่องบ้าๆนี่ ฉันเองก็โง่บัดซบไม่แพ้แกเลยที่ตกปากรับทำงานให้แก จำไว้นะไอ้กฎ แกกับฉันร่วมกันคบคิดในเรื่องโง่ๆที่น่าอับอายที่สุด ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไม่มีวันทำงานบัดซบนี้ให้แกเด็ดขาด...ใช่! ฉันยอมรับว่าฉันรักคุณดาว รักด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ แต่คุณดาวไม่เคยมีใจให้ฉันเลย เธอคิดกับฉันแค่เพื่อนเท่านั้น ตอนนี้ฉันก็พอจะฉลาดขึ้นมามั่งแล้ว ส่วนแกก็จงโง่ต่อไป แล้วก็อย่ามาถามอะไรโง่ๆว่าคุณดาวคิดยังไงกับแก”

ด่าเสร็จเขาฉีกเช็คนั้นจนป่นปี้ก่อนปาใส่กรกฎอย่างฉุนเฉียว แล้วเดินอาดๆออกไปทันที

“ใช่! ฉันมันโง่เง่า ฉันเลว ฉันมันผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว” กรกฎด่าตัวเองแล้วซดเหล้าอีกแก้วด้วยความเครียดจัด

ooooooo

ผดาชไมทรุดโทรมทั้งกายและใจ ร้องไห้จนตาบวมช้ำ วันทั้งวันเอาแต่ดื่มเหล้าหมกตัวอยู่บนห้องเพราะทำใจไม่ได้ที่ตนเองต้องกลายเป็นผู้แพ้ ชีวิตหมดสิ้นทุกอย่างไม่ว่าจะคนรักหรืองาน

งามตาเห็นสภาพลูกสาวก็พยายามปลุกปลอบด้วยความสงสารและห้ามปรามไม่ให้ดื่มเหล้า แต่ผดาชไมไม่ฟัง บอกว่าการดื่มเหล้าทำให้ตนลืมอะไรๆได้บ้าง

“ก็ลืมได้แค่ตอนเมานั่นแหละ พอหายเมา แม่ก็เห็นกลุ้มหนักกว่าเดิมอีก พอแล้วๆ เอาแก้วมานี่ แม่ไม่ให้แกกินแล้ว”

“อย่ามายุ่งกับหนูนะแม่”

“นังหนู! นี่แม่เป็นห่วงแกนะ”

“หนูรู้ว่าแม่ห่วง แต่แม่ไม่เข้าใจหรอกว่าหนูเจ็บปวดมากแค่ไหน ชีวิตหนูมันพังไปหมดแล้ว มันไม่เหลืออะไรแล้ว แม่เข้าใจมั้ย”

“แม่ขอร้องล่ะ เห็นแก่แม่เถอะ เลิกกินได้แล้ว”

“หนูก็ขอร้องแม่เหมือนกัน ออกไป หนูอยากอยู่คนเดียว”

ผดาชไมเสียงแข็ง งามตาอ่อนใจที่จะพูด กลับลงมาข้างล่างเจอรุ้งเพชรกับสกุนตลาจึงเล่าความทุกข์ใจเรื่องลูกสาวให้ฟัง สองสาวเห็นใจและสงสารเพื่อนขออนุญาตขึ้นไปหา

เมื่อเห็นสภาพผดาชไมก็ผงะอย่างคาดไม่ถึง ดารานักร้องสาวดาวดังกลายเป็นขี้เมาไปแล้ว

“ทำไมเธอถึงได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนี้”

“ฉันไม่เหลือคราบฮันนี่ ซุปเปอร์สตาร์เลยใช่มั้ย”

“เลิกดื่มได้แล้ว เหล้ามันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นนะ”

“พูดเหมือนแม่ฉันเปี๊ยบ เป็นแม่ฉันอีกคนหรือไง ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันจะกิน กินให้มันหายกลุ้มหายบ้า”

ผดาชไมยกแก้วขึ้นดื่มพรวดแล้วจะเทเหล้าใส่แก้วอีก รุ้งเพชรทนไม่ไหวกระชากขวดเหล้าไป

“พอได้แล้วดา เลิกทำร้ายตัวเองได้แล้ว”

“ไปให้พ้น! อย่ามายุ่งกับฉัน” ผดาชไมตวาดสวนแล้วโวยวายจะเอาขวดเหล้าคืน แต่รุ้งเพชรไม่ยอม เลยเกิดยื้อยุดกัน “ปล่อยนะรุ้ง อยากเจ็บตัวรึไง ปล่อยฉัน”

รุ้งเพชรกับสกุนตลาช่วยกันดึงเพื่อนออกห่างจากขวดเหล้า ผดาชไมร้องคลั่งเหมือนคนบ้า พยายามดิ้นรนสะบัดสุดแรง

“ชีวิตฉันไม่เหลือใครแล้ว มันพังไปหมดแล้ว มันเหลือแค่ซากชีวิต ปล่อยฉัน ฉันจะกิน กินให้มันตายไปเลย”

รุ้งเพชรตัดสินใจตบหน้าผดาชไมที่กรีดร้องได้ผลชะงัด ผดาชไมหยุดชะงักในบัดดล!

“หัดมีสติมั่งสิ แค่นี้เธอยังเจ็บปวดไม่พอใช่มั้ย ฟังนะดา ไอ้ที่ชีวิตเธอพังย่อยยับแบบนี้ก็เพราะตัวเธอเองนั่นแหละ ยอมรับความจริงบ้าง เธอเอาแต่คิดร้ายๆ ทำอะไรแย่ๆกับคนอื่น ผลสุดท้ายเธอถึงไม่เหลือใครไงล่ะ”

ผดาชไมกัดริมฝีปากแน่น น้ำตาไหลพรากอย่างเจ็บปวด

“ฉันรู้ว่าเธอเจ็บปวด แต่ทุกอย่างมันก็ผ่านไปแล้ว เริ่มต้นชีวิตใหม่สิดา ถึงชีวิตเธอจะพัง แต่ความฝันของเธอยังอยู่นะดา สร้างมันขึ้นมาใหม่สิ”

“ฉันมันเลว เลวถึงขนาดที่ผู้ชายอย่างกฎกับพ่อเลี้ยงยังรับไม่ได้ ฉันเลวขนาดนี้ เธอยังไม่เกลียดฉันอีกเหรอ”

“ก็ฉันเป็นเพื่อนเธอไง เพื่อนมีไว้ให้รักนะดา ไม่ได้มีไว้ให้เกลียด”

ผดาชไมร้องไห้โฮโผเข้ากอดรุ้งเพชร ขอร้องเพื่อนสองคนอย่าทิ้งตน ตนไม่เหลือใครแล้ว สกุนตลาเข้ามากอด ลูบหลังปลอบโยนและให้กำลังใจ

“เข้มแข็งไว้นะดา ชีวิตคนเราเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน ฉันกับรุ้งจะเป็นกำลังใจให้เธอ”

ooooooo

เมื่อย่าต้องการจัดงานเลี้ยงต้อนรับหลานสาวอย่างเป็นทางการ สดายุอาสาเป็นพ่องานจัดทำการ์ดนำไปเชิญแขกเหรื่อนับร้อยคน คำอินทร์ก็อยากมีส่วนร่วม แต่ดูเหมือนเขาเสนออะไรมามักไม่เข้าท่า โดนเสด็จย่าตำหนิทุกทีไป

ละอองดาวต้องไปเชิญเริงใจกับชลทิชาเพราะสองคนนั้นขู่ไว้ว่าจะไม่มาร่วมงานหากละอองดาวไม่ไปเชิญด้วยตัวเอง ส่วนกรกฎนั้นละอองดาวยังแบ่งรับแบ่งสู้เมื่อโดนย่ากำชับว่าต้องเชิญมาให้ได้ เขาเป็นแขกคนสำคัญ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เราสองคนย่าหลานคงไม่มีวันนี้

คำพูดนั้นของย่าทำให้ละอองดาวต้องคิดทบทวนใหม่ ในที่สุดก็ตัดสินใจไปบ้านเบ็ญจรงค์ กรกฎกำลังดื่มเหล้า แทบไม่เชื่อสายตานึกว่าตัวเองฝันไป

“ขอบพระทัยเจ้าหญิงเหลือเกินที่กรุณามาเยี่ยมผมอย่างเป็นทางการถึงที่นี่ เชิญประทับนั่งกระหม่อม”

“ขอบคุณค่ะ คุณกรกฎคะ แต่ไหนแต่ไรมาเมื่อถูกคุณขอร้องดิฉันไม่เคยขัดคุณเลย ทีนี้ดิฉันขอร้องคุณบ้าง จะได้ไหมคะ”

“เจ้าหญิงมีอะไรจะให้ผมรับใช้เหรอครับ”

“มีค่ะ และสำคัญมากด้วย”

“โปรดบอกเถิดกระหม่อม”

“กรุณาพูดและปฏิบัติต่อดิฉันเหมือนเช่นที่คุณเคยทำมาก่อน”

“ก็ได้ครับ ถ้าเป็นความต้องการของเจ้าหญิง แต่ผมจะทำก็ต่อเมื่อเราอยู่กันโดยเฉพาะ หรือคนคุ้นเคยเท่านั้น...พี่ขอบใจที่เธออุตส่าห์มาเยี่ยม” พูดแล้วเขาทำท่าจะดื่มเหล้าอีก ละอองดาวรีบยับยั้ง

“กรุณาอย่าดื่มได้ไหมคะ”

“ได้...ทำไมจะไม่ได้ เธอไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะดาว ยังคงเป็นน้องสาวที่ปรารถนาดีต่อพี่เหมือนเดิม”

“ขอบคุณค่ะที่เข้าใจได้ถูกต้อง นี่คุณไม่สบายหรือเปล่าคะ”

“พี่ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ เธออาจจะเห็นพี่ดูรุงรังไปหน่อยมั้ง พี่ไม่ได้ออกไปไหนเลยไม่ได้โกนหนวดเครา”

“งั้นดิฉันก็คงเข้าใจผิดคิดว่าคุณไม่สบาย...เสด็จย่าทรงใช้ดิฉันมาเชิญคุณไปร่วมงานเลี้ยงที่วังนพดลค่ะ”

“งานเลี้ยงอะไรเหรอ จัดเมื่อไหร่”

“พรุ่งนี้ค่ะ เสด็จย่ามีรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงต้อนรับดิฉัน”

กรกฎนิ่งอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องหน้ารอคำตอบก็ไม่ปฏิเสธ

“พี่ชายของดิฉันน่ารักจริงๆ รู้ไหมคะเสด็จย่าทรงบ่นว่าตั้งแต่ดิฉันออกจากโรงพยาบาลแล้ว ท่านไม่ได้เห็นหน้าคุณอีกเลย”

“พี่อยากไปกราบพระบาทท่านอยู่เหมือนกัน”

“แล้วทำไมไม่ไปล่ะคะ”

“พี่ไม่ค่อยกล้าเข้าพระพักตร์ท่าน”

“ทำไมคะ ท่านก็ไม่ใช่คนดุซะหน่อย หรือว่าคุณกรกฎทำผิดคิดร้ายอะไร ถึงไม่กล้าเข้าพระพักตร์ท่าน”

กรกฎตอบไม่ถูก พอดีธัชชัยโผล่เข้ามาทักเพื่อนเสียงดัง ก่อนจะเหลือบเห็นว่าละอองดาวอยู่ด้วย เลยเงอะงะทำตัวไม่ถูก เปล่งเสียงถวายความเคารพเจ้าหญิงพร้อมก้มศีรษะให้

ละอองดาวขำท่าทีของธัชชัย บ่นว่ามาแบบเดียวกับกรกฎอีกคน บอกให้ทำตัวเหมือนเดิมพร้อมกับเชิญนั่ง

ธัชชัยกล่าวขอบคุณก่อนนั่งลงพูดคุยตามปกติ “คุณดาวมาเยี่ยมเจ้ากฎเหรอครับ”

“เสด็จย่าให้ดิฉันมาเชิญคุณกรกฎไปงานเลี้ยงต้อนรับดิฉันที่วังนพดลน่ะค่ะ ว่าจะแวะไปหาคุณธัชที่สำนักงานอยู่พอดี แต่เจอตัวซะก่อน ถือโอกาสเชิญตอนนี้ เลยแล้วกัน ไปให้ได้นะคะคุณธัช”

“ครับ ผมไปแน่นอน”

“ยังไงดิฉันขอตัวก่อนนะคะ นัดยัยนิดกับหญิงชลเอาไว้” ละอองดาวลุกขึ้น สองหนุ่มลุกตามเพื่อจะไปส่ง “ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ คุยกันต่อเถอะ แล้วเจอกันที่งานพรุ่งนี้นะคะ”

ธัชชัยรับคำด้วยความเต็มใจ พอเธอคล้อยหลังไป ธัชชัยหันมาขอโทษกรกฎเรื่องวันก่อนที่ใจร้อนด่าเขาและเอาเช็คปาหน้า กรกฎไม่ถือสาบอกว่าตนลืมไปหมดแล้ว...

ooooooo

ผดาชไมเพิ่งรู้ข่าวละอองดาวเป็นเจ้าหญิงจากรุ้งเพชรและสกุนตลาที่นำหนังสือพิมพ์มาให้ดูถึงบ้าน ในข่าวระบุว่าเสด็จพระองค์หญิงพราวนภางค์ทรงจัดเลี้ยงต้อนรับหลานสาว พร้อมทั้งยืนยันว่าละอองดาว คือหลานตัวจริงที่รอคอยมากว่ายี่สิบปี

ข่าวนี้ทำให้ผดาชไมยิ่งระทมทุกข์ เพราะในขณะที่ตัวเองกำลังตกต่ำถึงขีดสุด แต่ละอองดาวกลับได้ดีมีความสุขเหนือกว่าทุกอย่าง

ละอองดาวนัดพบเริงใจกับชลทิชาที่ร้านขนม พูดคุยกันเรื่องงานเลี้ยงก่อนจะโยงไปเรื่องผดาชไม ที่เริงใจบอกว่าพักนี้เก็บตัวเงียบ แต่วันงานหล่อนอาจโผล่มาโดยไม่ได้รับเชิญ

“ถ้าเขามาฉันก็ยินดีต้อนรับนะ”

“ว้าย...นางเอกจังเลยนะแตน ถ้าเป็นฉันล่ะก็ แม่นั่นโดนตบกลิ้งอยู่หน้ารั้ววังนั่นแหละ ไม่ปล่อยให้เฉียดเข้ามาในงานหรอก”

“เธอมันนางร้ายชัดๆยัยนิด พูดถึงผดาชไม พักนี้ไม่เห็นข่าวยัยนั่นเลยนะเงียบมาก หรือว่าออกจากวงการไปแล้ว”

“หล่อนกบดานอยู่ล่ะมั้ง คงกลัวตำรวจจะสาวไปถึงเรื่องเลวๆที่ทำเอาไว้กับแตน เกลียดจัง อย่าให้เจอนะ”

“อย่าไปผูกใจเจ็บเขาเลยนิด เรื่องมันผ่านไปแล้ว ผดาชไมอาจจะไม่ใช่คนบงการจ้างคนมายิงฉันก็ได้”

เริงใจนิ่งไป คิดในใจว่าละอองดาวช่างเป็นคนดีเสียจริง ปล่อยวางได้ทุกเรื่อง

ooooooo

งานเลี้ยงจัดขึ้นที่วังนพดลอย่างสมพระเกียรติของเสด็จพระองค์หญิงฯ ละอองดาวได้รับคำชมมากมายจากญาติทางฝ่ายเสด็จย่า สร้างความปลาบปลื้มอิ่มเอมใจให้คนเป็นย่าถึงกับแย้มยิ้มแทบจะตลอดเวลา

ธัชชัยเดินเข้ามาในงานชะเง้อมองหาละอองดาว ทำให้ไม่ทันระมัดระวังชนหญิงสาวคนหนึ่งจนกระเป๋าถือ และผ้าเช็ดหน้าของเธอหล่นจากมือ

ดุจดาวเสียหลักเกือบล้มถ้าธัชชัยไม่ประคองเธอไว้ ในอ้อมแขน สองคนสบตากันครู่หนึ่งก่อนที่ฝ่ายหญิงจะดันตัวออกหลังจากได้สติ

ธัชชัยเอ่ยคำขอโทษและช่วยหยิบกระเป๋าส่งคืน แต่พอก้มหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วลุกขึ้นมากลับไม่พบเธอเสียแล้ว

“อ้าว! หายไปไหนแล้ว ทำไมไวอย่างงี้...สวยเตะตา มีเสน่ห์ นางฟ้าชัดๆ เอ๊ะ หรือว่าเป็นนางฟ้าหายตัวได้ไวขนาดนี้”

ชายหนุ่มยืนบ่นงึมงำ ดมผ้าเช็ดหน้าแล้วพูดว่าหอมจัง...สดายุเดินเข้ามาเห็นก็แปลกใจถามธัชชัยว่าทำอะไร

“เปล่า...ไม่มีอะไรฝ่าบาท”

“แกมาคนเดียวเหรอ กรกฎล่ะ”

“อยู่โน่นกระหม่อม มาถึงก็ดวดเหล้าเลย ไม่รู้มันจะกลุ้มอะไรนักหนา”

สดายุชะเง้อมองไปเห็นกรกฎแฝงตัวอยู่ที่ซุ้มต้นไม้ก็ทอดถอนใจ คิดว่าหมอนี่อาการหนักอีกแล้ว

อีกมุมหนึ่ง อรรถวาทีมาพร้อมกับชวนชม เริงใจกับชลทิชามาต้อนรับ เชิญแขกของละอองดาวทั้งสองคนไปรับประทานอาหารในมุมที่จัดไว้

ส่วนสดายุเดินไปทักทายกรกฎที่เอาแต่ดื่ม ถามเขาว่ามานั่งแบกโลกอยู่ตรงนี้ทำไม

“ก็กระหม่อมไม่รู้จะทำอะไร เบื่อๆก็เลยมานั่งเงียบๆ”

“ฉันรู้ว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่ อยากคุยกับแกยาวๆ เหมือนกัน แต่ยังไม่มีเวลา นี่ฉันก็ยุ่งๆต้องคอยดูแลแขกทางโน้นทีทางนี้ที...แล้วนี่แกเจอเจ้าของงานเขารึยัง”

“เจ้าหญิงละอองดาวเหรอกระหม่อม”

“ก็ใช่น่ะสิ บ๊ะ! ไอ้หมอนี่ มางานเขาไม่คิดจะไปทักทายเขาหรือไง” พูดขาดคำเหลือบเห็นละอองดาวพอดี สดายุคว้าแขนกรกฎเดินไปหาทันที “อาเอาตัวจำเลยมาให้แล้วเจ้าหญิง ดูเอาเถอะ มางานเจ้าหญิงแต่ดันไปแฝงตัวอยู่ที่ซุ้มต้นไม้โน่น แกเป็นนางอายหรือเจ้ากฎ”

“ฝ่าบาทตรัสซะกระหม่อมเสียหายหมด”

“ก็มันจริงนี่...คุยกันไปพลางๆก่อนนะ ขอตัวไปดูแขกทางโน้นหน่อย”

เมื่ออยู่กันสองคน ละอองดาวชวนกรกฎคุย แต่เขาเอาแต่จ้องหน้าเธอเพลินเหมือนคิดอะไรอยู่

“ทำไมจ้องหน้าดิฉันแบบนั้นล่ะคะ”

“คืนนี้น้องสาวของพี่สวยเหลือเกิน พี่ขอแสดงความยินดีกับดาวด้วยนะ ดาวลอยกลับขึ้นไปประดับอยู่บนท้องฟ้าแล้ว ส่งประกายระยิบระยับให้ใครๆได้ชื่นชม ดาวกำลังมีความสุขกับทุกสิ่ง พี่ดีใจจริงๆที่เห็นดาวมีความสุข”

“ขอบคุณค่ะ”

ผดาชไมยืนจ้องสองคนมาจากนอกรั้ว ความแค้นพลุ่งพล่านแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ คิดฟุ้งซ่านว่าตัวเองเข้ามาตบตีด่าทอละอองดาวจนหนำใจโดยไม่มีใครห้ามสักคน

รุ้งเพชรกับสกุนตลามาด้วย เห็นผดาชไมยืนนิ่งกำมือแน่น กัดริมฝีปาก แววตาวาวโรจน์ ก็ขยับมาเรียก แต่ผดาชไมไม่รู้สึกตัวเพราะกำลังตกอยู่ในภวังค์ความแค้น จนกระทั่งรุ้งเพชรต้องเขย่าตัวและชวนกันกลับ เพราะมหาดเล็กคนหนึ่งทำท่าจะมาสอบถามเพราะเห็นยืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว

ooooooo

งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างราบรื่นชื่นมื่น กระทั่งได้เวลาเสด็จพระองค์หญิงฯทรงกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อ

“ก่อนอื่นฉันต้องขอขอบคุณท่านประยูรญาติ มิตรสหาย และแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่กรุณาให้เกียรติมาร่วมงานรับขวัญหลานของฉัน ก็คงไม่มีอะไรจะกล่าวมากนัก อยากจะบอกว่าคนแก่คนนี้เฝ้ารอคอยวันนี้มานานเหลือเกิน ฉันต้องขอบคุณคุณกรกฎ เบ็ญจรงค์ และท่านชายสดายุที่ทำให้ฉันได้รู้ความจริงว่าหลานสาวของฉันคือใคร”

กรกฎกับสดายุยิ้มปลื้มที่เสด็จฯกล่าวชื่นชม

“พูดไม่ออกแล้วล่ะ มันมากกว่าความดีใจและความสุข ตื้นตันอิ่มเอมใจจนบอกไม่ถูก ฉันมีความสุขจริงๆนะ...หลานย่ากล่าวอะไรสักหน่อยสิลูก”

“กราบสวัสดีค่ะ ท่านประยูรญาติและท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ดิฉันละอองดาว นพดล ขอกราบฝากเนื้อ ฝากตัวกับทุกท่านด้วยนะคะ...การรอคอยที่ไร้ความหวังช่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานยิ่งนัก ดิฉันเองใช้ชีวิตลูกกำพร้ามายี่สิบกว่าปี วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ชีวิตที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่ตัวเองเป็นใครมันช่างทุกข์ใจเหลือเกิน ทุกๆวันดิฉันเฝ้าถามคุณพ่อไกรว่าดิฉันเป็นลูกใคร แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบนั้น ท่านบอกแต่เพียงว่าสักวันเจ้าจะรู้คำตอบเอง...แล้ววันนี้ดิฉันก็ได้ทราบคำตอบนั้นแล้วค่ะ ขอบคุณสวรรค์ที่ประทานของขวัญล้ำค่ามาให้ และบุคคลหนึ่ง ในของขวัญอันแสนวิเศษนั้นก็คือเสด็จย่าของดิฉัน ที่ดิฉันรักและเทิดทูนยิ่งชีวิตค่ะ”

ละอองดาวน้ำตาเอ่อ ก้มลงกราบแทบเท้าเสด็จย่าก่อนจะลุกขึ้นขออนุญาตท่านพูดอะไรอีกสักเล็กน้อย

“และโอกาสพิเศษในวันที่แสนวิเศษนี้ ดิฉันขอกราบระลึกถึงท่านผู้มีพระคุณต่อชีวิตดิฉันอีกท่านหนึ่งนะคะ ท่านก็คือด็อกเตอร์ไกร เบ็ญจรงค์ ท่านชุบเลี้ยงดิฉันมาตั้งแต่ดิฉันยังเป็นทารกน้อย แม้ไม่ใช่พ่อผู้ให้กำเนิด แต่ท่านก็ให้ทั้งความรักและความเมตตาต่อลูกกำพร้าคนนี้ ท่านเฝ้าอบรมสั่งสอน ให้สิ่งดีๆในชีวิตเหมือนดิฉันเป็นลูกแท้ๆของท่านคนหนึ่ง ชีวิตดิฉันเติบโตขึ้นในรั้วบ้านเบ็ญจรงค์อย่างอบอุ่นที่สุด พระคุณของคุณพ่อไกรมากล้นเหลือเกิน ทั้งชีวิตนี้ดิฉันก็คงตอบแทนพระคุณท่านไม่ได้ทั้งหมด ท่านจากดิฉันไปอย่างไม่มีวันกลับสามปีกว่าแล้ว แต่ทุกอย่างที่เป็นคุณพ่อไกรยังอยู่ในความทรงจำของดิฉันเสมอ”

กรกฎน้ำตาคลอ ชวนชมยกมือขึ้นปาดน้ำตา ขณะที่อรรถวาทีก็แอบน้ำตาซึม

“แม้วันนี้ด็อกเตอร์ไกร เบ็ญจรงค์ จะลาลับไปแล้ว แต่บุตรชายคนเดียวของท่านได้อยู่ในงานนี้ ดิฉันขออนุญาตกราบคุณกรกฎ เบ็ญจรงค์ ตัวแทนของด็อกเตอร์ไกรและเป็นพี่ชายที่แสนดีที่เคยดูแลดิฉันมา”

ละอองดาวเดินไปหากรกฎ พนมมือไหว้อย่างนอบน้อมนุ่มนวล “ขอบพระคุณค่ะพี่กรกฎ”

“กระหม่อมซาบซึ้งใจ ดีใจ และยินดีเหลือเกินกับความสุขของเจ้าหญิง วิญญาณของคุณพ่อคงมีความสุขมากที่เห็นเจ้าหญิงมีวันนี้”

ทั้งคู่สบตากันนิ่ง ทุกคนในงานปรบมือด้วยความประทับใจ หลังจากนั้นเสด็จย่าทรงมอบสร้อยเพชรประจำตระกูลให้หลานสาวท่ามกลางรอยยิ้มและความปลาบปลื้มยินดีของทุกคน

ooooooo

เสร็จพิธีการ ดนตรีขึ้นเพลงลีลาศ สดายุโค้งเสด็จฯออกไปเต้นรำ ขณะที่คำอินทร์เอ่ยชวนละอองดาว

“เจ้าหญิงกรุณาให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ”

“ได้สิคะ พี่คำอินทร์”

เริงใจเห็นคำอินทร์จูงมือละอองดาวออกไปเต้นรำก็แอบน้อยใจ ชลทิชาจับสังเกตอยู่รีบกระแซะเข้ามาแซว

“แหม หน้าบึ้งเชียวนะยัยนิด น้อยใจเหรอ”

“บ้าสิ! ฉันรู้ว่าแตนไม่ได้คิดอะไรกับเจ้าคำอินทร์หรอก”

“ฮั่นแน่! ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเธอคิดอะไรกับคำอินทร์”

เพื่อนคนอื่นๆได้ยินก็หูผึ่ง เข้ามารุมถามเริงใจกันเซ็งแซ่ว่าปิ๊งเจ้าคำอินทร์เหรอ แล้วปิ๊งกันตอนไหน เล่ามาเดี๋ยวนี้...เริงใจเขินจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เอาแต่เดินหนีเพื่อนๆ

ขณะเต้นรำด้วยกัน คำอินทร์ชวนละอองดาวคุย “คืนนี้เจ้าหญิงสวยเหลือเกิน ตั้งแต่รู้ข่าวว่าคุณดาวเป็นหลานของเสด็จย่า เราก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย ผมขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”

“ขอบคุณค่ะพี่คำอินทร์”

“พี่??”

“ก็เราเป็นญาติพี่น้องกันไงคะ ถึงคุณจะเป็นหลานของพระสวามีของเสด็จย่า แต่ก็ถือว่าเราเกี่ยวดองกัน นับเป็นพี่น้องกันนะคะ”

“เสียดายเนอะ”

“เสียดายอะไรคะ”

“ก็อดรักคุณไงครับ คุณก็น่าจะรู้ว่าที่ผ่านมาผมคิดยังไงกับคุณ”

“รักน้องคนนี้ต่อไปเถอะค่ะ ความรักฉันพี่น้องยากที่จะผันแปร บริสุทธิ์และมีค่ามากนะคะ”

“ครับ เจ้าหญิงของพี่คำอินทร์”

กรกฎกับธัชชัยยืนมองมาจากมุมหนึ่ง กรกฎพูดหน้าเศร้าว่าสองคนนั้นเหมาะสมกันดี แต่ธัชชัยค้านว่าเป็นไปไม่ได้ เจ้าคำอินทร์กับเจ้าหญิงละอองดาวเป็นญาติพี่น้องกัน

“ก็แค่ญาติห่างๆ หลานของพระสวามีของเสด็จฯ”

กรกฎผิดหวังและน้อยใจ ละอองดาวมองมาสบตาเขาพอดี เธอบอกคำอินทร์ว่าตอนนี้ตนอยากเต้นรำกับใครคนหนึ่ง คำอินทร์จึงปล่อยเธอไป เริงใจเห็นดังนั้นก็แกล้งเดินเฉียดมาทางชายหนุ่ม

“ผมกำลังจะไปเชิญคุณเต้นรำอยู่พอดี แต่ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ”

“อุ๊ย เดี๋ยวสิ ฉันยังไม่ได้ปฏิเสธซะหน่อย ขอเล่นตัวนิดนึงไม่ได้เหรอ”

เริงใจค้อนให้ คำอินทร์อมยิ้มแล้วโค้งเธอออกไปเต้นรำ ส่วนละอองดาวตั้งใจจะเต้นรำกับกรกฎสักเพลง แต่เดินมามองหากลับไม่เห็น สดายุจับสังเกตก่อนจะเข้ามาถามเธอว่ามองหาใครอยู่

“เปล่าค่ะท่านอา”

สดายุรู้ทัน ทำทีบ่นสงสารกรกฎขึ้นมาหน้าตาเฉย ละอองดาวนิ่วหน้าถามว่าสงสารทำไม?

“ก็อาเห็นเขาดูซึมๆ เหมือนมีเรื่องทุกข์ใจ คงมีปัญหาที่แก้ไม่ตก”

“ถ้ามีปัญหาอะไร คุณกรกฎน่าจะปรึกษาท่านอานะคะ หรือไม่ก็คุณธัช”

“กรกฎคงไม่กล้าปรึกษาใครหรอก แต่อาพอจะเดาออกนะว่าเขาทุกข์ใจเรื่องอะไร”

“เรื่องอะไรเหรอคะ”

“ก็เรื่องเจ้าหญิงนั่นแหละครับ เป็นเรื่องที่เจ้ากฎทุกข์ใจอย่างสาหัส เขารู้สึกผิดมาตลอดที่เคยปฏิเสธการแต่งงานกับเจ้าหญิง แต่พอรู้ใจตัวเองว่าคิดยังไง รู้สึกยังไงกับเจ้าหญิงก็ตกที่นั่งลำบาก จะไปปรึกษาหารือใครก็ทำไม่ได้ ยิ่งตอนนี้อะไรๆมันเปลี่ยนไป กรกฎก็ยิ่งกลัดกลุ้มหนัก”

“คงเป็นกรรมที่เขาทำเอาไว้ เลยต้องมาเจ็บปวดทุกข์ใจ”

“นี่เจ้าหญิงไม่สงสารกรกฎบ้างเหรอ”

“สงสารทำไมคะ เขาเคยทำให้คนอื่นเจ็บปวดทุกข์ใจ เขาย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้นค่ะ”

“เจ้าหญิงไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ อาถามจริงๆ เจ้าหญิงคิดยังไงกับกรกฎ”

“ก็พี่ชายไงคะ พี่ชายที่แสนดีที่เคยดูแลดาวมา” ละอองดาวฝืนยิ้มซ่อนสีหน้า แต่ในใจทั้งรักและสงสารกรกฎมากในเวลานี้...

เมื่องานเลี้ยงเลิกรา ละอองดาวเก็บคำพูดของท่านอามาครุ่นคิด เธอรับรู้มาตลอดว่ากรกฎรักเธอและกำลังเจ็บปวดทรมานใจ แต่ที่ยังไม่ใจอ่อนก็เพราะเขาใจร้ายกับเธอก่อน

ในเวลาเดียวกันกรกฎนอนไม่หลับ ยืนมองท้องฟ้ายามค่ำคืน รำพึงเบาๆกับตัวเองอย่างท้อแท้ เศร้าหมอง

“ใจร้าย...คนใจร้าย...เธอน่าจะรู้ว่าพี่คิดยังไงกับเธอ แต่เธอก็ยังทำให้พี่เจ็บปวดทรมานใจ...ละอองดาว พี่หมดหวังแล้วใช่ไหม ทุกๆวินาทีที่ผ่านไปเธอช่างอยู่สูงไกลออกไปเกินกว่าที่พี่จะไขว่คว้า”

ooooooo

หลังจากประจักษ์แก่สายตาตนเองแล้วว่าละอองดาวได้ดีมียศถาบรรดาศักดิ์ ผดาชไมตัดสินใจจะกลับไปอยู่อเมริกาเพราะกลัวความผิดข้อหาจ้างวานฆ่าละอองดาว

ขณะที่ผดาชไมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ งามตาเข้ามาเห็นจึงซักถามด้วยความสงสัย

“นังหนู! เก็บเสื้อผ้าทำไม จะไปไหน”

“หนูจะกลับไปอเมริกา หนูจองตั๋วเครื่องบินเอาไว้แล้ว”

“ทำไมต้องไปล่ะลูก ก็อยู่เมืองไทยนี่แหละ พอเรื่องมันซาแกก็ค่อยรับงานใหม่”

“อยู่ได้ยังไงล่ะแม่ แม่รู้มั้ยตอนนี้นังละอองดาวมันกลายเป็นเจ้าหญิงไปแล้วนะ”

“จริงเหรอ เป็นไปได้ยังไง”

“แม่ไม่ได้อ่านข่าวเหรอ หนูไปเห็นมากับตา มันอยู่กับเสด็จย่ามันที่วังนพดล มีพวกมหาดเล็กอารักขาเต็มไปหมด...คดีที่หนูจ้างสมพงศ์ไปยิงนังละอองดาวยังไม่เงียบ ถึงตอนนี้ตำรวจจะยังไม่มีหลักฐานสาวมาถึงตัวเรา แต่นังนั่นมันใหญ่คับฟ้า มันมีอำนาจ มันจะสั่งคนมาเก็บเราเมื่อไหร่ก็ได้

“จริงด้วยลูก...แล้วจะเอาไงกันดีล่ะ”

“หนูเบิกเงินมาให้แม่ก้อนหนึ่ง แม่หลบไปหาบ้านเช่าอยู่นะ อยู่ที่เดิมไปก่อนก็ได้ หนูขอไปตั้งตัวที่อเมริกาซักพัก พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางหนูจะกลับมารับแม่ไปอยู่ด้วย”

“จริงนะนังหนู แกอย่าทิ้งแม่ไปนะลูก”

“หนูรักแม่นะ หนูไม่ทิ้งแม่หรอก หนูสัญญา...แม่รีบไปเก็บของ รีบย้ายออกไปเถอะ ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว ทั้งตำรวจทั้งคนของนังละอองดาวจะบุกมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

“จ้ะลูก แม่จะรีบไปเก็บของเดี๋ยวนี้แหละ” งามตาร้อนรนออกจากห้องไป

ผดาชไมนึกถึงละอองดาวแล้วยังโกรธแค้นไม่หาย และจะไม่ยอมให้ตัวเองโดนละอองดาวแก้แค้นเอาคืนได้ง่ายๆ

ooooooo

กรกฎจับเจ่าอยู่กับบ้าน ครุ่นคิดวนเวียนแต่เรื่องละอองดาวอย่างทุกข์ใจ ธัชชัยแวะมาหาในตอนเย็น ร้องทักกึ่งแซวว่า

“อ้าว! ไอ้เสือเฝ้าถ้ำอีกแล้ว สบายดีนะเพื่อน”

“ก็ไม่ได้นอนป่วยนี่หว่า”

“เอ๊ะไอ้นี่ เจอหน้าก็กวนซะ ไปเที่ยวผ่อนคลายข้างนอกกันเหอะกฎ ฉันก็เบื่อๆ”

“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากออกไปไหน”

“เป็นอะไรวะกฎ น้องสาวแกเขาก็มีความสุขไปแล้ว ยังมีเรื่องอะไรให้ต้องกลุ้มอีก”

“นี่ธัช...ถามจริงๆ แกยังรักละอองดาวอยู่รึเปล่า”

“รักสิ แต่มันเป็นไปไม่ได้”

“เพราะแกคิดว่าละอองดาวอยู่สูงเกินไปใช่มั้ย”

“เปล่า...เพราะคุณดาวไม่เคยมีใจให้ฉันต่างหาก ฉันขอถามแกจริงๆ จนถึงตอนนี้แกยังไม่รู้อีกเหรอว่าคุณดาวรู้สึกยังไงกับแก”

“รู้หรือไม่รู้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก มันสายเกินไปแล้ว ดาวที่เจิดจรัสอยู่บนท้องฟ้ากับก้อนกรวดเศษดินอย่างฉันไม่คู่ควรกันสักนิด”

กรกฎสีหน้าหม่นเศร้า ธัชชัยไม่รู้จะพูดยังไง จำต้องกลับไปทั้งที่ไม่สบายใจเพราะสงสารเพื่อนรัก

ค่ำนั้นธัชชัยไปดื่มแก้เซ็งที่คลับคนเดียว แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้เพื่อนร่วมโต๊ะโดยบังเอิญ ท่านชายสดายุเดินเข้ามาทักธัชชัยว่าใจลอยไปถึงไหน

“โอว...ฝ่าบาท เชิญประทับกระหม่อม”

สดายุขอบใจสหายรุ่นน้องก่อนนั่งลงชวนคุย “ฉันไม่เคยเห็นแกอยู่ในอารมณ์นี้เลย ดื่มคนเดียว นั่งนิ่งๆ ทำหน้าเหมือนว่าความแพ้คดี”

“โห...ฝ่าบาท แซวกระหม่อมซะเสียหายหมด”

“ถามจริงๆ แกกลุ้มอะไร”

“ก็ไม่ถึงกับกลุ้มหรอก เมื่อเย็นกระหม่อมไปหาเจ้ากฎที่บ้าน ชวนออกมาเปิดหูเปิดตา มันก็ปฏิเสธ เอาแต่นั่งดื่มอมทุกข์ ท่าทางเจ้ากฎจะอาการหนักนะ กระหม่อมไม่รู้จะช่วยเพื่อนได้ยังไง”

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด เจ้ากฎก็คงทุกข์ใจเรื่องเจ้าหญิงละอองดาวนั่นแหละ ฝ่ายหนึ่งก็หยิ่งทระนง อีกฝ่ายก็ปากแข็ง สองคนนี้ยังไงกันนะ จะวางท่าเอาเชิงกันไปถึงไหน”

“เจ้ากฎเป็นคนดื้อรั้น เอาแต่ใจ มีทิฐิมาก ยิ่งตอนนี้ คุณดาวเป็นเจ้าหญิงละอองดาวแล้ว เจ้ากฎยิ่งถอยห่าง เพราะคิดว่าตัวเองต่ำต้อยด้อยค่า ฝ่าบาททรงช่วยหน่อยเถอะกระหม่อม ยังไงเจ้ากฎก็เกรงใจฝ่าบาทมาก”

สดายุรับฟังธัชชัยแล้วนิ่งไปอย่างครุ่นคิด

ooooooo

วันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวใหญ่สร้างความตระหนกตกใจแก่ผู้คนที่รู้จักผดาชไม รวมทั้งละอองดาวที่เห็นข่าวนี้พร้อมเริงใจกับชลทิชาที่มาหาถึงวังนพดลแต่เช้า

“ไม่อยากจะเชื่อเลย เคราะห์ร้ายจริงๆ”

“ฉันเคยเกลียดแม่นี่เข้ากระดูกดำ แต่ตอนนี้พูดไม่ออก”

สามสาวสีหน้าไม่ดี เสด็จฯเข้ามาเห็นจึงซักถามว่ามีเรื่องอะไรกัน เมื่อท่านรู้ข่าวร้ายของผดาชไมก็ตกใจไปด้วย

ส่วนที่บ้านเบ็ญจรงค์ ยอดรักเป็นคนรับหนังสือพิมพ์ก่อนจะเอาไปส่งต่อให้กรกฎเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ยอดรักเห็นข่าวหน้าหนึ่งก็แตกตื่นวิ่งหน้าตั้งไปร้องเรียกกรกฎ

“คุณท่าน คุณท่านๆ คุณผดาชไม...”

“ไอ้ยอด! ฉันเคยสั่งแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าพูดชื่อผู้หญิงคนนี้อีก”

“แต่ผมขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายเถอะครับคุณท่าน คือคุณผดาชไมตายแล้ว”

“อะไรนะ!” กรกฎตะลึง ขณะที่ชวนชมหันขวับมาให้ความสนใจ

กรกฎรับหนังสือพิมพ์จากยอดรักมาอ่านข่าวนั้นด้วยความรู้สึกสลดหดหู่

“โบอิ้งยักษ์ชนภูเขา 412 ชีวิตดับอนาถ ฮันนี่ ดารานักร้องสาวชื่อก้องชาวไทยเสียชีวิตด้วย ไม่พบผู้โดยสารรายใดรอดชีวิต”

ชวนชมคาดไม่ถึงว่าผดาชไมจะเคราะห์ร้ายขนาดนี้ แต่กรกฎเชื่อว่าบาปกรรมตามสนองเห็นทันตา

“กฎแห่งกรรมเป็นของจริงที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ ไปสู่สุคติเถอะผดาชไม ฉันขออโหสิกรรมให้เธอ”

ในเวลาเดียวกันสดายุกับคำอินทร์อยู่ที่วังนพดลและรู้ข่าวร้ายนี้จากเสด็จฯแล้ว คำอินทร์ตกใจมากถึงกับหลุดปากว่าผลกรรมตามทันผดาชไม...ทำให้สดายุกับเสด็จฯสงสัยและซักถามจนรู้ความจริง

“ผดาชไมจ้างคนร้ายไปยิงเจ้าหญิงละอองดาว ...พ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์เคยหลุดปากบอกกระหม่อมว่าผดาชไม ต้องการฆ่าเจ้าหญิงเพราะเธอหวังที่จะได้ทั้งตัวกรกฎและมรดกของเขา”

“ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้ ย่าเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะละอองดาวไม่น่าจะมีศัตรูที่ไหน ไม่นึกเลยว่าจะเป็นฝีมือแม่นี่...เวรกรรม คนเราหนีบาปเวรที่ตัวเองทำไว้ไม่พ้นจริงๆ”

ทุกคนต่างอยู่ในภาวะหดหู่กับชะตากรรมของผดาชไม

ooooooo

เย็นวันนั้นละอองดาวมาเก็บเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ที่บ้านเบ็ญจรงค์ โดยมีชวนชมกับเนียนเป็นธุระช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ

“ไม่ต้องเก็บหมดนะคะน้าชวน เหลือเอาไว้ใส่เวลาที่ฉันมาค้างที่นี่บ้าง”

“คุณดาวจะมาค้างที่นี่จริงๆเหรอคะ”

“จริงสิคะ วันไหนฉันคิดถึงบ้านเบ็ญจรงค์ ฉันก็จะมาค้างที่นี่”

“แล้วเสด็จฯท่านจะยอมให้มาเหรอคะ ดูท่านรักท่านห่วงคุณดาวมากนะคะ”

“ถ้าเอาคุณอุ่นเรือนมาเป็นเพื่อนด้วย เสด็จย่าน่าจะยอมนะคะ”

ชวนชมยิ้มดีใจ ละอองดาวหยิบรูปด็อกเตอร์ไกรบนโต๊ะมาดูครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้นว่า

“เอารูปคุณพ่อไปด้วยดีกว่า เอาไว้ดูเวลาคิดถึงท่าน”

“พูดถึงคุณท่าน ตอนนี้วิญญาณของท่านคงดีใจนะคะที่รู้ว่าคุณดาวได้รับของขวัญของท่านแล้ว...คงจะมีอยู่เรื่องเดียวที่วิญญาณของคุณท่านยังห่วงกังวล”

“เรื่องอะไรเหรอคะ”

“ก็เรื่องที่คุณดาวกับคุณกฎไม่ได้แต่งงานกันตามที่คุณท่านหวังเอาไว้น่ะสิคะ”

ละอองดาวนิ่งอึ้งพูดไม่ออก...เมื่อสามคนชักแถวถือกระเป๋าและตะกร้าลงมาจากชั้นบน เป็นจังหวะที่กรกฎเดินเข้ามา เขาเห็นละอองดาวก็ร้องทักว่าเจ้าหญิง

ชวนชมรู้งานทันที ขอตัวเอาของไปเก็บที่รถโดยพยักหน้าให้เนียนเดินตาม คล้อยหลังสองคนนั้นกรกฎถามละอองดาวว่ามาเก็บของ หมายความว่าจะไม่มาที่นี่อีกใช่ไหม

“ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของบ้านจะอนุญาตให้มาหรือเปล่า”

“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะดาว ตึกนี้เป็นของเธอ ที่นี่ก็บ้านเธอ ใจพี่อยากให้ดาวอยู่ที่นี่ตลอดไปด้วยซ้ำ ...เจอหน้าดาวก็ดีแล้ว พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับดาวอยู่พอดี”

“เรื่องอะไรเหรอคะ”

“เธอทราบข่าวของผดาชไมที่พาดหัวหนังสือพิมพ์ วันนี้รึยัง”

“ค่ะ ทราบแล้ว น่าสงสารเธอนะคะ”

“พี่รู้ว่าสิ่งที่ผดาชไมทำไว้กับดาวมันยากเกินการให้อภัย แต่พี่ก็อยากให้ดาวอโหสิกรรมให้เขา”

“ดิฉันให้อภัยและอโหสิกรรมให้เขาก่อนหน้าที่จะทราบข่าวอันน่าสลดนี้แล้วค่ะ”

กรกฎจับมือละอองดาวและเอ่ยชมจากใจ “ดาวบริสุทธิ์เหลือเกิน มีน้ำใจอันประเสริฐ ขอให้สวรรค์เบื้องบนทรงปรานีโอบอุ้มดาวเช่นนี้ตลอดไปนะ”

“ปล่อยมือดิฉันเถอะค่ะ”

“พี่ขอโทษ...ตอนนี้อะไรๆก็เปลี่ยนไปแล้ว ดาวไม่ใช่ละอองดาวคนเดิม แต่เป็นเจ้าหญิงละอองดาว”

กรกฎปล่อยมือเธอแล้วเมินหน้าด้วยความน้อยใจ รู้สึกตัวเองต่ำต้อยเหลือเกิน

ooooooo

เย็นวันเดียวกันนี้มีเหตุให้เริงใจกับคำอินทร์ได้พบกันโดยบังเอิญบนถนนแห่งหนึ่ง เริงใจกำลังจะข้ามถนนและเกือบโดนรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วเฉี่ยวชนถ้าคำอินทร์ไม่พุ่งเข้ามารั้งตัวเธอไว้ได้ทันท่วงที

“เกือบไป” คำอินทร์บ่นเบาๆ หยิบถุงข้าวของที่หล่นลงพื้นส่งคืนให้เริงใจ

“คุณมาซื้อของแถวนี้เหรอคะ”

“ใช่ รถผมจอดอยู่โน่น ทีหน้าทีหลังจะข้ามถนนก็ระวังมั่งนะ อย่าซุ่มซ่ามเลินเล่อ”

“คนสวยก็มักจะซุ่มซ่ามแบบนี้ล่ะค่ะ”

“ว่ายังไม่สลดอีก”

“พูดว่าอะไรคะ”

“เปล่า...จะขอบคุณสักคำก็ไม่มี” บ่นเสร็จคำอินทร์หันหลังจะเดินออกไป

“เดี๋ยวก่อน! อันนี้ได้ยินชัดเลย ฉันเป็นคนมีมารยาทนะคะ ที่ไม่เอ่ยปากขอบคุณก็เพราะฉันอยากจะเลี้ยงขอบคุณคุณสักมื้อหนึ่ง โอเคไหมคะ”

คำอินทร์นิ่งไปอย่างคาดไม่ถึงระคนลังเล

ooooooo

ละออง​ดาว​กลับ​มา​ที่​วัง​นพดล​ด้วย​ความรู้สึก​ไม่สบาย​ใจ สับสน​ใน​ตัว​เอง​ที่​ทั้ง​รัก​และ​สงสาร​กรกฎ​แต่​ยัง​ไม่​ยอม​ใจอ่อน

เสด็จฯ​เห็น​หลาน​สาว​คน​สวย​เหม่อ​ลอย​ก็​สงสัย​ว่า​เป็น​อะไร เมื่อ​รู้​เพิ่มเติม​จาก​อุ่น​เรือน​ว่า​เห็น​เจ้าหญิง​เป็น​อย่าง​นี้​บ่อย​ครั้ง พอ​ว่าง​จาก​งาน​ที่​โรงเรียน​เจ้าหญิง​ก็​มัก​จะ​ทรง​ปลีกตัว​มา​อยู่​ใน​สวน​แบบ​นี้​บ่อยๆ สี​พระพักตร์​เหมือน​คน​อม​ทุกข์​กลัดกลุ้ม​ใน​พระทัย ผู้​เป็น​ย่า​ก็​ยิ่ง​เป็น​ห่วง...

ใกล้​ค่ำ ส​ดา​ยุ​มา​พบ​กรกฎ​​เพื่อ​ชวน​ออก​ไป​สังสรรค์ ตอน​แรก​กรกฎ​ปฏิเสธ แต่​พอ​โดน​ท่านชาย​บังคับ​ก็​ไม่กล้า​ขัดใจ

ฝ่าย​คำ​อินทร์​กับ​เริงใจ​ที่​เจอ​กัน​โดย​บังเอิญ​เมื่อ​เย็น ชาย​หนุ่ม​ตก​ปาก​รับคำ​ไป​กิน​ข้าว​กับ​เธอ​ที่​ร้าน​แห่ง​หนึ่ง​ทั้งที่​ตอน​แรก​ลังเล เนื่องจาก​ไม่​แน่ใจ​ว่า​เธอ​รู้สึก​นึกคิด​ยัง​ไง​กัน​แน่

“คิด​ยัง​ไง​ถึง​ได้​ชวน​ผม​มา​ทาน​ข้าว”

“ก็​ไม่​เห็น​ต้อง​คิด​อะไร​นี่​คะ ก็​บอก​แล้ว​ไง​คะ​ว่า​อยาก​เลี้ยง​ขอบคุณ​คุณ นึกๆก็​ตลก​ดี​นะ​คะ เวลา​ที่​ฉัน​เจอ​เรื่อง​แย่ๆซวยๆ ฉัน​มัก​จะ​เจอ​คุณ​ทุกที”

“นี่​คุณ​หา​ว่า​ผม​เป็น​ตัว​ซวย​เหรอ”

“อุ๊ย เปล่า​นะ​คะ แหม...ใคร​จะ​กล้า​คิด​อย่าง​งั้น ฉัน​จะ​บอก​ว่า​คุณ​เป็น​พระเอก​ขี่​ม้า​ขาว​มา​ช่วย​ฉัน​ต่างหาก​ล่ะ”

“แล้วไป”

หญิง​สาว​นิ่ง​ไป มอง​หน้า​เขา​เหมือน​มี​อะไร​อยาก​พูด​แต่​ไม่​กล้า กระทั่ง​ชาย​หนุ่ม​สงสัย​ถาม​ว่า​มี​อะไร​หรือ​เปล่า

“ฉัน...เสียใจ​ด้วย​นะ​คะ​ที่​คุณ​ต้อง​ผิดหวัง”

“ผิดหวัง​เรื่อง​อะไร​ครับ”

“ก็​ตอน​นี้​เพื่อน​ฉัน​เป็น​เจ้าหญิง​ละออง​ดาว​ไง​คะ”

“ทำไม​ผม​ต้อง​ผิดหวัง​ด้วย ที่จริง​ผม​ทำใจ​เรื่อง​นี้​มา​นาน​ก่อน​ที่​จะ​รู้ความ​จริง​ว่า​คุณ​ดาว​เป็น​เจ้าหญิง​ซะ​อีก ผม​ยอม​รับ​ว่า​เคย​รัก​คุณ​ดาว​มาก แต่​มัน​ก็​เป็น​ไป​ไม่ได้​เพราะ​เธอ​ไม่​เคย​มี​ใจ​ให้​ผม​เลย”

“สงสาร​คุณ​จัง อกหัก​ดัง​เป๊าะ แล้ว​นี่​มี​สาว​มาดาม​หัวใจ​ให้​รึ​ยัง​คะ”

“ก็​คุณ​นั่นแหละ”

เริงใจ​ตกใจ สำลัก​น้ำ​ที่​กำลัง​ดื่ม​จน​ไอ​ไม่​หยุด คำอินทร์​ หัวเราะ​ขำ หยิบ​ทิชชูส่ง​ให้

“คุณ​นี่​โก๊ะ​จริงๆ เปิ่น ซุ่มซ่าม​ไม่​เลิก”

“ก็​คุณ​พูด​อะไร​ออก​มา...ฉัน​เป็น​ผู้หญิง​นะ”

“เขิน​เหรอ ก็​ไหน​บอก​ว่า​เป็น​คน​ตรงๆ ชอบ​พูด​อะไร​ตรงๆ ผม​ก็​คิด​ว่า​คุณ​น่า​จะ​ชอบ​ฟัง​อะไร​ตรงๆนะ”

“แหม...แต่​บาง​เรื่อง​อ้อมๆบ้าง​ก็ได้​นะ​คะ”

“เ​อ้า มัว​แต่​คุย​กัน​เพลิน กับข้าว​ไม่​พร่อง​ไป​ไหนเลย” คำ​อินทร์​ตัก​อาหาร​ให้​เริงใจ...สอง​คน​กิน​ข้าว​กัน​ไป​อย่าง​มี​ความ​สุข

ooooooo

ทาง​ด้าน​ส​ดา​ยุ​ที่​บังคับ​กรกฎ​ออก​มา​เปิดหูเปิดตา​นอก​บ้าน แทน​ที่​กรกฎ​จะ​หาย​ซึม​เศร้า​หรือ​พูดคุยบ้าง กลาย​เป็น​เขา​เอาแต่​ดื่ม​เหล้า​อย่าง​เดียว

“แก​ลืม​เอา​ปาก​มา​จาก​บ้าน​รึ​ไง​เจ้า​กฎ”

“ก็​กระหม่อม​ไม่​รู้​จะ​คุย​อะไร ไหน​ฝ่าบาท​รับสั่ง​ว่า​มี​เรื่อง​จะ​คุย​กับ​กระหม่อม​ไม่​ใช่​เหรอ”

ส​ดา​ยุ​อมยิ้ม ถาม​หยั่ง​เชิง​ว่า “ทำไม​แก​ไม่​ไปเยี่ยม​เจ้าหญิง​ละออง​ดาว​ที่​วัง​บ้าง”

“มิ​บังควร​มั้​งก​ระ​หม่อม จะ​โดน​ไล่​ออก​มา​ซะเปล่าๆ”

“แก​ต้อง​ลด​ทิฐิ​ลง​มั่ง​นะ​กฎ อย่า​คิด​อะไร​ไป​เอง​สรุป​เอา​เอง เจ้าหญิง​ละออง​ดาว​ก็​ยัง​คง​เป็น​ละออง​ดาว​น้อง​สาว​ที่​น่า​รัก​คน​เดิม​ของ​แก”

“เวลา​เปลี่ยน อะไรๆเปลี่ยน ใจ​คน​ก็​เปลี่ยน”

“มัน​ก็​ใช่ แต่​ไม่​ใช่​สำหรับ​เจ้าหญิง...ละอองดาว​ไม่​เคย​เปลี่ยน ตอบ​ฉัน​มา​ตามตรง​แก​รัก​ละออง​รึ​เปล่า”

กรกฎ​อ้ำอึ้ง​พูด​ไม่​ออก ส​ดา​ยุ​เลย​จู่โจม

“มัน​พูด​ยาก​นัก​หรือ​ไง แก​นี่​มัน​หยิ่ง​จองหอง​ไม่​เข้า​เรื่อง กฎ​เอ๊ย แก​กับ​ละออง​ดาว​อยู่​ใน​สายตา​ฉันมา​ตลอด ฉัน​มอง​ตา​แก​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​แก​คิด​ยัง​ไง​กับ​ละออง​ดาว”

“ถึง​กระหม่อม​จะ​รัก​ละออง​ดาว​สุด​หัวใจ แต่​มัน​ก็​เป็น​ไป​ไม่ได้ กระหม่อม​รู้ตัว​ดี กรกฎ เบ็ญ​จร​งค์ ตอน​นี้​มัน​ต่ำต้อย​ด้อย​ค่า​เหลือเกิน”

“ฟัง​นะ​กฎ ความ​รัก​เป็น​สิ่ง​สวย​งาม ยิ่ง​ถ้า​คนสองคน​มี​หัวใจ​ตรง​กัน​ก็​ยิ่ง​งดงาม​วิเศษ​นัก ความ​รัก​ไม่​มี​พรมแดน ไม่​มี​ความ​ต่าง​ของ​ชน​ชั้นวรรณะ ยศ​ถา​บรรดาศักดิ์​ล้วน​เป็น​สิ่ง​สมมติ แต่​ความ​รัก​เป็น​เรื่อง​จริง”

ส​ดา​ยุ​ให้​ข้อ​คิด​ดีๆ กรกฎ​รับ​ฟัง​อย่าง​ไตร่ตรอง

ooooooo

เย็น​วัน​ถัด​มา ส​ดา​ยุ​มา​เฝ้า​เสด็จฯ​ที่​วัง​นพดล เขา​สังเกต​เห็น​ท่าน​ป้า​ทอด​ถอน​ใจ​เหมือน​มี​เรื่อง​วิตก​กังวล​จึง​เลียบเคียง​ถาม​ด้วย​ความ​เป็น​ห่วง

“ท่าน​ป้า​ทรง​มี​อะไร​ไม่สบาย​พระทัย​เหรอ​กระหม่อม”

“ป้า​เห็น​ละออง​ดาว​ดู​ซึมๆมา​หลาย​วัน​แล้ว บางที​ก็​นั่ง​ใจลอย ดู​เศร้าๆบอก​ไม่​ถูก เมื่อ​คืน​ป้า​ถาม​ว่า​เป็น​อะไร​เขา​ก็​ไม่​ยอม​บอก”

“คง​เป็น​เรื่อง​กรกฎ”

“ชาย​ยุ​รู้?”

“กระหม่อม​ทราบ​มา​นาน​แล้ว​ท่าน​ป้า คอย​สังเกต​สอง​คน​นี้​มา​ตลอด”

“ป้า​ก็​นึก​ว่า​ป้า​แอบ​สังเกต​อยู่​คน​เดียว ร้าย​นะ​ชายยุ ป้า​เห็น​หลาน​เป็น​แบบ​นี้​ก็​อด​ห่วง​ไม่ได้ ป้า​รู้​ว่า​คุณ​กรกฎ​รัก​ละออง​ดาว​มา​ตั้ง​นาน​แล้ว ฝ่าย​หลาน​ป้า​ก็​มี​ใจ​ให้​เขา​เหมือน​กัน ช่วย​หน่อย​เถอะ​ชาย​ยุ เรา​น่ะ​อายุ​ห่าง​กัน​ไม่​มาก เขา​น่า​จะ​กล้า​พูด​กล้า​ปรึกษา​กับ​ชาย​ยุ​มาก​กว่า​ป้า”

ส​ดา​ยุ​อยาก​ช่วย​กรกฎ​กับ​ละออง​ดาว​อยู่​แล้ว จึง​ทำ​หน้าที่​พ่อสื่อ​ด้วย​ความ​เต็มใจ เดิน​ไป​หา​ละออง​ดาว​ที่นั่ง​เหม่อ​อยู่​ใน​สวน

“เจ้าหญิง” เสียง​เรียก​นั้น​ทำให้​ละออง​ดาว​สะดุ้ง หัน​มา​ยกมือไหว้ท่าน​ชา​ยส​ดา​ยุ

“สวัสดี​ค่ะ ท่าน​อา​มา​เยี่ยม​เสด็จ​ย่า​เหรอ​คะ”

ส​ดา​ยุ​พยัก​หน้า​แทน​คำ​ตอบ ก่อน​ถาม​ละออง​ดาว​ว่า​ทำไม​แอบ​มา​อยู่​คน​เดียว​เงียบๆ

“ดาว​เพิ่ง​เสร็จ​งาน​ที่​โรงเรียน ก็​มา​เดิน​เล่น​น่ะค่ะ”

“เจ้าหญิง​พอ​จะ​มี​เวลา​ให้​อา​สัก​หน่อย​มั้ย อา​มี​เรื่อง​จะ​คุย​ด้วย”

“ท่าน​อายุ​มี​อะไร​เหรอ​คะ”

“วัน​ก่อน​อา​ไป​เจอ​กรกฎ อา​ว่า​เขา​ดู​แปลกๆไปนะ”

“แปลก​ยัง​ไง​เหรอ​คะ”

“เจ้า​กฎ​ดู​ซึมๆ สีหน้า​อม​ทุกข์​เหมือน​มี​เรื่อง​กลุ้มหนัก​ที่​บอก​ใคร​ไม่ได้ จะ​ปรึกษา​ใคร​ก็​ไม่ได้ อา​ถาม​อะไร​ก็​เอาแต่​อ้ำๆอึ้งๆ”

“คุณ​กรกฎ​คง​เสียใจ ยัง​ทำใจ​เรื่อง​คุณ​ผ​ดา​ชไม​ไม่ได้​มั้ง​คะ”

“นี่​เจ้าหญิง​ยัง​จะ​เดา​ไป​เรื่อง​คน​อื่น​อีก​เหรอ เจ้ากฎ​หมด​รัก​ผู้หญิง​คน​นั้น​ไป​ตั้ง​นาน​แล้ว”

“เหรอ​คะ”

“เข้า​เรื่อง​ของ​เรา​ดี​กว่า อา​ขอ​ถาม​อะไร​ตรงๆ เจ้าหญิง​จะ​รังเกียจ​มั้ย”

“สำหรับ​อายุ ดาว​ยินดี​ตอบ​ทุก​เรื่อง​ค่ะ”

“เจ้าหญิง​คิด​ยัง​ไง​กับ​กรกฎ” ละออง​ดาว​ชะงัก​แล้ว​นิ่ง​ไป ส​ดา​ยุ​รุก​ไล่​ต่อ “ไหน​ว่า​จะ​ตอบ​อา​ทุก​เรื่อง​ไง​ล่ะ...เจ้าหญิง​รัก​กรกฎ​รึ​เปล่า”

ละออง​ดาว​อึ้ง​หนัก​เข้าไป​อีก ก้มหน้า​นิ่ง

“อา​รู้​ว่า​มัน​พูด​ยาก อา​เอง​ก็​เคย​มี​ความรู้สึก​แบบนี้​มา​ก่อน”

“ยัง​ไง​เหรอ​คะ”

“ก็​รัก​ใคร​คน​หนึ่ง​มาก...มาก​สุด​หัวใจ แต่​ก็​ไม่กล้า​ที่​จะ​สารภาพ​ความ​ใน​ใจ​ให้​เขา​รู้”

“ท่าน​อายุ​เคย​รัก​ใคร​เหรอ​คะ”

“ผู้หญิง​คน​นั้น​ชื่อ​เมธา​วี...เธอ​เป็น​ลูก​สาว​ท่าน​ทูต​ที่​สวิตฯ เรา​รู้จัก​กัน​ตอน​ที่​อา​เป็น​เลขา​ท่าน​ทูต​ใหม่ๆ เมย์​เป็น​คน​สวย​น่า​รัก มี​เสน่ห์ ฉลาด ทำ​งาน​เก่ง งาน​บ้าน​งาน​เรือน​เธอ​ก็​ไม่​บกพร่อง เรา​สอง​คน​รัก​กัน​มาก คบหา​ดูใจ​กัน​ตั้ง​ห้า​ปี เมย์​เป็น​ผู้หญิง​ช่าง​เอาใจ โรแมนติก​มาก ตลอด​เวลา​ที่​คบ​กัน ​เธอ​พร่ำ​บอก​รัก​อา​ได้​ทุก​วัน​ไม่​เคย​เบื่อ อา​เอง​ก็​รัก​เมย์​มาก​นะ แต่​เชื่อ​มั้ย​อา​ไม่​เคย​บอก​เมย์​สักคำ​ว่า​อา​รัก​เขา​มาก พอ​ครบ​หก​ปี​เรา​ก็​วาง​แผนที่​จะ​แต่งงานกัน แต่​แล้ว​เหตุการณ์​ที่​ไม่​คาด​คิด​ก็​เกิด​ขึ้น เมย์​เคราะห์ร้าย​ประสบ​อุบัติเหตุ​รถ​ชน​เสีย​ชีวิต​ก่อน​วัน​แต่งงาน​ของ​เรา​แค่​วัน​เดียว”

“ดาว​เสียใจ​ด้วย​นะ​คะ”

“ชีวิต​คน​เรา​มัน​ไม่​แน่นอน เรา​มี​วัน​นี้ แต่​เรา​อาจจะ​ไม่​มี​พรุ่งนี้​ก็ได้...อา​เสียใจ​ที่​เมย์​จาก​ไป​อย่าง​ไม่มีวัน​หวน​กลับ แต่​ที่​เสียใจ​ยิ่ง​กว่า​ก็​คือ​ตลอด​เวลา​ที่​เรา​รัก​กัน อา​ไม่​เคย​บอก​รัก​เขา​เลย ตั้งใจ​จะ​บอก​เขา​ใน​วัน​แต่งงาน แต่​มัน​ก็​สาย​เกินไป​เสีย​แล้ว”

“นี่​คือ​เหตุผล​ที่​ท่าน​อายุ​ไม่​คิด​จะ​รัก​ใคร​อีก​ใช่ไหมคะ”

“ใช่ อารักเมธาวีเต็มหัวใจจนรักใครไม่ได้อีกแล้ว และอาก็รู้ว่ากรกฎรักเจ้าหญิงสุดหัวใจ เจ้าหญิงเองก็มีใจรักกรกฎ ความรักเป็นสิ่งสวยงาม อย่าปิดกั้นหัวใจตัวเอง อย่าปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน จงกล้าบอกรักกันและกัน อย่ารอให้หมดโอกาสเหมือนอา”

ละอองดาวนิ่งคิด คำพูดของสดายุเหมือนจี้เข้าไปที่หัวใจของเธอ...แล้วคืนนั้นเธอเก็บคำพูดของท่านอามา ไตร่ตรองอยู่นาน ก่อนตัดสินใจอย่างมุ่งมั่นว่าจะบอกรักกรกฎในเร็ววันนี้

ooooooo

ณ สำนักงานทนายความของธัชชัย เลขานำแฟ้มเอกสารมายื่นให้ธัชชัยที่กำลังสะสางงานตรงหน้าด้วยความวุ่นวาย

“เดี๋ยวคุณธัชชัยมีสัมภาษณ์พนักงานใหม่นะคะ”

“อะไร! สัมภาษณ์ตอนนี้เลยเหรอ”

“ค่ะ นัดวันนี้ เอ...เมื่อวานดิฉันก็เรียนคุณธัชชัยแล้วนะคะว่าวันนี้มีคิวสัมภาษณ์ผู้สมัครงาน”

“สงสัยผมจะลืม โทษที...ไปเชิญเขาเข้ามาเลยครับ”

เลขารับคำแล้วกลับออกไป ธัชชัยหยิบแฟ้มมาเปิดดูเอกสารของผู้สมัครงานที่ชื่อดุจดาว พลางพูดพึมพำว่าชื่อเพราะจัง

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ธัชชัยกล่าวเชิญทั้งที่ไม่ได้เงยหน้า สายตาเขายังอยู่กับเอกสารของผู้สมัครงาน

ดุจดาวแต่งตัวสวยเท่พอเหมาะพอดีกับการมาสัมภาษณ์งาน เปิดประตูเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะและพนมมือไหว้กล่าวสวัสดีชายหนุ่มที่ยังคงก้มหน้าอ่านรายละเอียดในเอกสาร

ธัชชัยค่อยๆเงยหน้าขึ้น เพียงเห็นหญิงสาวแค่แวบแรกก็ตะลึง อุทานออกมาคำเดียว “คุณ?!”

เขาจำเธอได้เพราะเดินชนเธอในงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าหญิงละอองดาวที่วังนพดล แต่ไม่คาดฝันว่าจะได้เจอสาวสวยคนนี้อีก

“คุณคะ”

ธัชชัยได้สติ ส่งยิ้มทักทาย “สวัสดีครับ...เชิญนั่งครับ”

“ขอบคุณค่ะ” ดุจดาวนั่งลงที่เก้าอี้ในลักษณะเผชิญหน้ากัน

“ดูเหมือนเราจะเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหมครับ”

ดุจดาวคิดอยู่ครู่เดียวก็จำได้ “จริงด้วยค่ะ ที่งานเลี้ยงต้อนรับเจ้าหญิงละอองดาว วันนั้นดาวไปงานกับคุณแม่”

ธัชชัยยิ้มร่า เปิดลิ้นชักหยิบผ้าเช็ดหน้าของเธอจากลิ้นชักโต๊ะส่งคืนให้

“คืนนั้นคุณทำตกไว้ ผมจะคืนให้แต่ก็ไม่เจอคุณแล้ว ผมเลยซักเก็บเอาไว้รอที่จะคืนให้ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอคุณอีกหรือเปล่า ช่างเป็นพรหมลิขิต เอ๊ย! ช่างบังเอิญจริงๆนะครับ”

“ขอบคุณมากนะคะ”

หลังจากนั้นธัชชัยเริ่มสัมภาษณ์งานดุจดาวอย่างอารมณ์ดี คุยไปยิ้มไปอย่างมีความสุข

ooooooo

ตกเย็นได้เวลาเลิกสอนนักเรียน คุณครูเริงใจถือแฟ้มงานสอนเดินเข้ามาที่โต๊ะของตน เห็นดอกไม้ช่อสวยวางอยู่ก็เหลียวหน้าเหลียวหลังสงสัยว่าใครส่งมา

เริงใจหยิบดอกไม้เดินไปถามชลทิชาที่กำลังตรวจงานง่วนอยู่ “หญิงชล ใครส่งช่อดอกไม้มาให้ฉัน”

“ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อกี้ฉันเข้ามาก็เห็นวางอยู่แล้วนะ ดูที่การ์ดสินิด”

เริงใจหยิบการ์ดบนช่อดอกไม้ขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นการ์ดเปล่าไม่ระบุชื่อแซ่

“การ์ดเปล่าๆ ไม่ลงชื่อคนส่ง...ใครนะ” บ่นเสร็จเดินกลับมาที่โต๊ะตัวเอง เห็นซองจดหมายจึงหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน “ดอกไม้สวยๆสำหรับคนสวยครับ สงสัยล่ะสิว่าใครส่งดอกไม้มาให้คุณ อยากรู้ใช่ไหมล่ะ จ้างให้ก็ไม่บอก ถ้าอยากรู้ว่าผมเป็นใคร คุณก็ต้องไปที่สวนสาธารณะ”

เริงใจสงสัยใคร่รู้ รีบไปยังสถานที่นั้น แต่เดินวนไปมาหลายรอบก็ยังไร้เงาเจ้าของดอกไม้ เมื่อเดินจนเมื่อยขาก็ลงนั่งที่เก้าอี้ยาว ถอนใจด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย บ่นแล้วบ่นอีก

“สงสัยจะมาเก้อ ใครนะเล่นตลกกับเรา อย่าให้รู้นะ น่าดู!”

พอทำท่าจะลุกขึ้น ทันใดมีมือหนึ่งพุ่งเข้ามาปิดตาเธอไว้ทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว หญิงสาวตกใจร้องลั่น

“ว้าย! อะไรเนี่ย ใครน่ะ มาปิดตาฉันทำไม”

“จ๊ะเอ๋” คำอินทร์ส่งเสียงพร้อมกับเอามือออกจากตาเธอแล้วหัวเราะขำ

“คุณ! บ้าจริง เล่นอะไรพิเรนทร์เนี่ย”

คำอินทร์ยิ้มละไม นั่งลงใกล้ๆบอกว่า “ก็อยากเซอร์ไพรส์คุณไง”

“เซอร์ไพรส์มาก...คุณใช่มั้ยที่ส่งดอกไม้ไปให้ฉัน”

คำอินทร์พยักหน้ายอมรับ ถามว่าชอบไหม?

“ก็โอเค...ถ้าอยากเจอฉันก็นัดมาดีๆก็ได้ ไม่เห็นจะต้องทำบ๊องๆแบบนี้”

“บ๊อง! แต่ผมรู้ว่าคุณก็ชอบ...วันก่อนใครนะที่บอกว่าจะดามหัวใจให้ผม”

“บ้าเหรอ ฉันไม่ได้พูดนะ มีแต่คุณนั่นแหละที่พูดเอง ฉันยังไม่ได้รับปากซะหน่อย จะให้ฉันดามหัวใจให้ คุณก็ต้องรักฉันก่อน”

คำอินทร์จ้องหน้าเธอเขม็ง เริงใจหลุดปากไปแล้วรีบยกมือปิดปากตัวเอง บ่นเบาๆว่าตนคิดดังไปหน่อย

“ไม่หน่อยล่ะ ดังมากเลยแหละ อ้อมๆมั่งก็ได้นะคุณ”

“ฉันก็เป็นคนตรงๆอย่างนี้แหละ ว่าไง จะรักหรือไม่รัก”

“ไม่รัก...ได้ไง...รู้ไหมว่าผมแอบชอบคุณตั้งแต่ตอนที่คุณเข้าไปช่วยผมตอนที่ผมโดนต่อยในคลับแล้วล่ะ ผู้หญิงอะไรใจกล้าบ้าบิ่นชะมัด น่าจีบเป็นแฟน”

“ต๊าย...ตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรอ ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย”

“แล้วคุณล่ะครับ แอบชอบผมตอนไหน”

“ก็...ก่อนหน้าที่คุณจะแอบชอบฉันอีกนะ อย่าไปบอกใครล่ะ ฉันเขิน”

คำอินทร์ยิ้มกริ่ม พูดลอยๆขึ้นมา “อยากหอมแก้มคุณจัง” ตบท้ายด้วยบ่นตัวเองคิดดังไปหน่อย...จากนั้นยื่นหน้าไปหอมแก้มเริงใจอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ความจริงเธอเต็มใจ แต่ทำเป็นโวยวายพอเป็นพิธีว่าตนยังไม่ได้อนุญาต

ooooooo

คำอินทร์กับเริงใจทำท่าจะลงเอยกันได้ไม่ยาก แต่กรกฎกับละอองดาวยังห่างไกลคำว่าลงเอย โดยเฉพาะกรกฎที่เฝ้าคิดแต่ว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าละอองดาว ในขณะที่ละอองดาวก็ยังไม่ยอมเปิดใจกับกรกฎเสียที

“ละอองดาว...เราคงไม่ได้เกิดมาคู่กัน ทุกสิ่งทุกอย่างมันจึงเป็นไปเช่นนี้ เราอยู่กันคนละโลกแล้ว เธอไม่รู้หรอกว่าพี่เจ็บปวดแค่ไหน ชีวิตที่ไม่มีเธอมันก็ไม่มีค่า ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว”

กรกฎเศร้าหมอง หมดหวัง หมดอาลัยตายอยาก หมดสิ้นทุกอย่างในชีวิต...คืนนั้นเขาตัดสินใจเขียนจดหมายทิ้งไว้บนโต๊ะภายในห้องนอน ก่อนที่ตัวเขาจะหายไปจากบ้านโดยไม่มีใครรู้เห็น

จนกระทั่งยอดรักถืออุปกรณ์ทำความสะอาดเข้ามาในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ยังนึกว่าเจ้านายตื่นสาย แต่เห็นประตูห้องแง้มอยู่จึงค่อยๆเปิดเข้าไป ถึงได้พบว่าภายในห้องว่างเปล่า

“คุณท่านหายไปไหน เราก็ตื่นแต่เช้า ถ้าออกไปข้างนอกก็ต้องเห็นสิวะ”

ยอดรักบ่นงึมงำแล้วตั้งท่าจะทำความสะอาดห้อง พลันเหลือบไปเห็นจดหมายสองซองพร้อมซองเอกสารสีน้ำตาลวางอยู่บนโต๊ะ จดหมายซองหนึ่งเขียนถึงอรรถวาที อีกซองถึงชวนชม...ยอดรักเริ่มเอะใจ วิ่งหน้าตาตื่นถือจดหมายสองซองไปตะโกนเรียกชวนชมดังลั่นบ้าน

“โอ๊ย...อะไรของแกไอ้ยอด เอะอะโวยวายเสียงดังแต่เช้า”

“คุณท่านๆ คุณท่านหายไปไหนก็ไม่รู้ เมื่อกี้ฉันเข้าไปทำความสะอาดห้องคุณท่าน ก็เจอจดหมายนี่วางอยู่บนโต๊ะ จ่าหน้าซองถึงป้าชวนกับคุณอรรถ”

ยอดรักยื่นจดหมายให้ ชวนชมรับมาเปิดซองอ่านแล้วต้องตกใจสุดขีด อุทานเสียงหลง

“คุณกฎ! ทำไมทำแบบนี้”

“คุณท่านทำอะไร ท่านเขียนจดหมายไว้ว่ายังไง”

ชวนชมร้องไห้ ทำอะไรไม่ถูก พูดเสียงสั่นเครือ “คุณกฎทิ้งมรดก ทิ้งบ้านเบ็ญจรงค์ ทิ้งพวกเราไปแล้ว”

“หา!!” ยอดรักกับเนียนอุทานขึ้นพร้อมกัน ในขณะที่ชวนชมเอาแต่ร่ำไห้คร่ำครวญ

“โถ...คุณกฎ ทำไมตัดสินใจอย่างนี้ ทูนหัวของน้า ไม่รักไม่เมตตาน้าแล้วเหรอถึงได้ทิ้งขว้างทุกอย่างแบบนี้ ทำไมคุณกฎต้องทำอย่างนี้”

“น้าชวนอย่าเอาแต่ร้องไห้สิ รีบทำอะไรสักอย่างเหอะ”

“จริงสิ ฉันต้องทำอะไร...ต้องตามคุณกฎกลับมา โอ๊ย! แล้วจะไปตามที่ไหนล่ะ” ชวนชมลนลานร้อนใจจนไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลัง

“อย่าลนสิน้า เอางี้ น้ารีบโทร.ไปบอกคุณอรรถกับเจ้าหญิงเดี๋ยวนี้เลย”

“ใช่ๆ ต้องโทร.บอกคุณอรรถ บอกคุณดาว จะได้ช่วยกันคิด ช่วยกันตามหาคุณกฎ”

ชวนชมเดินรี่ไปยกหูโทรศัพท์หมุนหมายเลขทันที บอกอรรถวาทีว่าอย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ เขาต้องรีบมาบ้านเบ็ญจรงค์โดยเร็ว จากนั้นติดต่อไปที่วังนพดล คุยกับเจ้าหญิงละอองดาวอีกคน

ooooooo

ทั้งอรรถวาทีและละอองดาวมาถึงบ้านเบ็ญจรงค์อย่างรวดเร็วทันใจ ละอองดาวอ่านจดหมายของกรกฎโดยมีคนอื่นๆรายล้อมตั้งใจฟัง

กรกฎแจ้งความประสงค์สละพินัยกรรมมรดกยกให้เป็นสาธารณประโยชน์ และมอบส่วนหนึ่งไว้เพื่อจ่ายให้เป็นบำเหน็จรางวัลแก่บุคคลที่ภักดีอยู่ในตระกูลของตนมาช้านาน ตามรายชื่อซึ่งได้ระบุไว้เป็นสัดส่วนโดยละเอียด

เมื่อละอองดาวอ่านจดหมายจบก็รำพึงเสียงแผ่วอย่างใจหาย “โธ่...คุณกรกฎ”

ชวนชมร้องไห้และพูดอย่างร้อนใจ “เราจะไปตามหาคุณกฎได้ที่ไหนล่ะคะคุณดาว คุณอรรถ คุณกฎทิ้งทุกอย่างไว้แบบนี้ ไม่ยอมบอกว่าจะไปไหน”

“การตามตัวคุณกฎให้พบไม่ใช่ปัญหาสำคัญหรอกคุณชวน ปัญหาใหญ่ก็คือเราจะเหนี่ยวรั้งให้คุณกฎกลับมาได้ยังไง คุณก็รู้นิสัยคุณกฎดี ลองได้ตัดสินใจเฉียบขาด

ลงไปแล้ว อะไรก็ขวางไม่ได้ การที่คุณกฎทำแบบนี้ก็คงเพราะหมดอาลัยตายอยากในทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงได้สละหมด”

“คุณอรรถพอจะคาดเดาได้ไหมคะว่าคุณกรกฎจะไปที่ไหน”

“รูปการณ์แบบนี้ผมว่าคุณกฎต้องไปบวชแน่ๆ น่าจะเป็นวัดที่ท่านด็อกเตอร์ไกรเคยไปบวช ตอนเด็กๆ

คุณกฎก็เคยไปบวชเณรที่วัดนั้นด้วย คุณพ่อของคุณกฎท่านเป็นลูกศิษย์ลูกหาท่านเจ้าอาวาส คุณกฎต้องไปให้หลวงปู่บวชให้โดยไม่สึกอีกแล้ว”

“คุณพระช่วย! แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะ” ชวนชมร้อนรนจนนั่งไม่ติด ขณะที่ละอองดาวตั้งสติสักครู่ก่อนตัดสินใจให้อรรถวาทีช่วยเขียนแผนที่เส้นทางไปวัดนั้นให้ตน...

ละอองดาวขับรถไปบนถนนเล็กๆนอกเมืองพร้อมกับกางแผนที่ดูเส้นทางไปด้วย ประเมินว่าน่าจะมาถูกทางจึงเร่งความเร็วขึ้นอีกด้วยความร้อนใจ

เวลานั้นกรกฎเดินเท้าถึงถนนหน้าวัดเล็กๆราวกับวัดป่าที่สงบเงียบและวังเวง เขาหยุดยืนมองเข้าไปอย่างตัดสินใจแน่แน่ว

ทันใดรถละอองดาวแล่นปราดเข้ามาอย่างเร็วมาก ขับแซงขึ้นไปปาดหน้ากรกฎก่อนที่เธอจะลงจากรถเดินมายืนขวางเขาไว้

“ข้าแต่นักบุญผู้ยิ่งใหญ่ ท่านจะจาริกเพื่อแสวงบุญไปยังที่ใดมิทราบ”

“เจ้าหญิงละอองดาว...นี่เราไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย” กรกฎแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ขยี้ตาแล้วเพ่งมองใหม่ อุทานเสียงดังว่าเจ้าหญิง!

“บอกมาซิ จะไปไหนไม่ทราบ”

เขาอึกอักเอ้ออ้าไม่ทันใจ ละอองดาวชิงดักคอห้ามปรามอย่างขำๆกวนๆ

“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ หลวงปู่ท่านไม่มีวันบวชให้คุณเด็ดขาดหากมีผู้หญิงสักคนมายืนขวางหน้าคุณอยู่อย่างนี้ แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่าต่อให้คุณหนีไปบวช อยู่ที่ไหน สีกาคนนี้ก็จะตามไปรังควานให้ผ้าเหลืองกระเจิง ไม่เชื่อก็ลองดู” จบคำก็คว้าข้อมือกรกฎดึงตัวไปที่รถ

“เจ้าหญิงจะเอาตัวผมไปไหน”

“จะเอาไปต้มซุป”

“ผมไม่เข้าใจ เจ้าหญิงจะทำอะไร นี่ผมกำลังจะ...”

“ไม่ต้องพูดมาก ขึ้นรถ นี่คือคำสั่ง” ละอองดาวรวบรัดตัดบท เปิดประตูรถแล้วผลักกรกฎให้ก้าวขึ้นไป จากนั้นตัวเองเดินอ้อมไปด้านคนขับ สตาร์ตเครื่อง

เคลื่อนรถออกไปทั้งที่กรกฎยังคงงุนงงกับสิ่งที่เธอทำ

ooooooo

ในระหว่างนั่งรถไปด้วยกัน กรกฎพยายามซักถามละอองดาวว่าจะพาตนไปไหน แต่ไม่ได้คำตอบ กระทั่งเธอขับรถไปจอดยังสถานที่สวยงามซึ่งแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติชวนให้เพลินตาเพลินใจ

แต่เวลานี้กรกฎแทบไม่มีอารมณ์สนใจสิ่งรอบตัว มัวแต่คิดว่าละอองดาวจะทำอะไรกันแน่ ถามว่าพาตนมาที่นี่ทำไม

“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

ละอองดาวเปิดประตูลงมายืนกอดอกพิงรถ กรกฎไม่คลายสงสัย ก้าวลงมายืนเผชิญหน้าเธอ

“ผู้ร้ายปากแข็ง แข็งจนคนอื่นเขาต้องอ่อนให้ ฮึ! ว่าจะลองปล่อยให้บวชซะก่อนค่อยไปเอาตัวสึกออกมา ก็กลัวบาป”

“เจ้าหญิง...”

ละอองดาวหมั่นไส้หยิกแขนกรกฎแล้วบอกให้เรียกใหม่ ห้ามเรียกเจ้าหญิง...กรกฎยิ้มออก เรียกดาวเสียงหวานนุ่ม จับมือเธอไว้พร้อมจ้องตาด้วยความรู้สึกเสน่หา

“เธอรู้มาตลอดใช่ไหมว่าพี่รักเธอมากขนาดไหน พี่ตัดสินใจทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพราะชีวิตพี่ขาดเธอไม่ได้ พี่รักดาวยิ่งกว่าชีวิตพี่”

“ขอบคุณค่ะที่สารภาพเอาวินาทีสุดท้าย ดิฉันรอคอยคำนี้มานานแล้ว”

“พี่ไม่กล้าพอที่จะบอกดาว พี่เคยผลักไสดาว ทำผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น พี่มันเลว ถึงมารู้ตัวภายหลังอะไรๆ มันก็สายไปแล้ว ลงโทษพี่เถอะดาว จะให้สาหัสยังไงก็ได้ ดาวจะได้หายแค้นพี่”

ละอองดาวถอนใจเบาๆ เดินห่างออกมา กรกฎหน้าสลด ถามว่า

“ดาวยังไม่หายโกรธแค้นพี่เหรอ”

“ดิฉันทรมานคุณจนสะใจพอแล้วค่ะ ทำซะนายกรกฎ เบ็ญจรงค์ มหาเศรษฐีหนุ่มจอมหยิ่งทระนงกลายมาเป็นนายกรกฎคนอนาถาต้องหันหน้าเข้าวัดแบบนี้ พอแล้วค่ะ...ว่าแต่เมื่อกี้คุณบอกว่ารักดิฉัน ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”

“ก็ตั้งแต่วันที่เราได้พบกันครั้งแรก พี่เดินไปที่ซุ้มต้นไม้ ดาวอยู่ที่ศาลานั่น พี่รักดาวตั้งแต่แรกเห็นนั่นแหละ แล้วดาวล่ะรักพี่บ้างมั้ย”

“ไม่รักจะตามมาถึงที่นี่เหรอคะ”

“แล้วดาวรักพี่ตอนไหน”

ละอองดาวอมยิ้ม เอียงหน้าไปมา ทำทะเล้นยื่นหน้ายั่วเย้า เลยโดนเขาสวมกอดและหอมแก้มอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะตั้งคำถามอย่างไม่มั่นใจนัก

“พี่ไม่ใช่นายกรกฎมหาเศรษฐีคนเดิมนั่นแล้วพี่กลายเป็นนายกรกฎคนอนาถา ไม่มีสมบัติติดตัว ดาวยังจะรักพี่อยู่อีกเหรอ”

“ดาวรักพี่กฎคนอนาถาคนนี้ค่ะ แต่แสนจะเกลียดและหมั่นไส้นายกรกฎมหาเศรษฐีจอมหยิ่งขี้เก๊กคนนั้น...เรากลับกันเถอะค่ะ”

“กลับไปไหน”

“ก็วังของเจ้าหญิงไงคะ”

“พี่จะเข้าพระพักตร์เสด็จย่าของดาวได้เหรอ”

“ได้สิคะ ก็เสด็จย่านั่นล่ะท่านทรงใช้หลานสาวคนนี้ให้เอาตัวพี่กฎไปให้ได้”

“ท่านไม่เกลียดพี่เหรอ”

“อยากรู้ไหมคะว่าเสด็จย่ารับสั่งกับดาวว่ายังไงตอนที่ท่านทราบเรื่องนี้ ท่านรับสั่งว่า...”

ละอองดาวถ่ายทอดคำพูดของเสด็จย่าด้วยรอยยิ้ม ท่านขอร้องให้เธอเลิกรังแกหัวใจกรกฎเสียที ต่างคนต่างรักกันจะมาปิดกั้นหัวใจตัวเองอีกทำไม เลิกทรมานใจ เขาและใจตัวเองได้แล้ว จงไปเอาหลานเขยของย่ากลับคืนมา กรกฎรักหลานสุดหัวใจ เขาจะดูแลหลานของย่าให้มีความสุขจนชั่วชีวิต

กรกฎได้ฟังก็ยิ้มหน้าบานมีความสุขที่สุด กระชับอ้อมกอดละอองดาวแน่นขึ้น

“พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทำให้ดาวเสียใจ พี่จะดูแลดาวให้มีความสุขจนชั่วชีวิตอย่างที่เสด็จย่าท่านวางใจ ละอองดาวของพี่ พี่รักดาวเหลือเกิน”

“ดาวก็รักพี่กฎค่ะ”

หนุ่มสาวสารภาพรักกันหวานซึ้งและพร้อมที่จะกลับไปเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างยั่งยืน

ooooooo

-อวสาน-

ละอองดาว

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด