ตอนที่ 14
ละอองดาวนำผ้าพันคอผืนสวยที่ถักเองกับมือมาถวายเสด็จพระองค์หญิงพราวนภางค์ โอกาสนี้เสด็จฯ รับสั่งถามหญิงสาวตรงๆว่าในระยะหนึ่งปีที่ล่วงมากรกฎเคยขอเธอแต่งงานหรือไม่ หลังจากที่เขาได้พบหน้า และได้รู้จักนิสัยใจคอเธอดีแล้ว
“เปล่าเพคะ ไม่เคยเลย...จะเป็นไปได้ยังไง”
“ถ้าอย่างงั้นฉันก็ทายไม่ผิดสินะ เขาเป็นคนเจ้าทิฐิและทระนง ไม่ผิดอะไรกับพ่อเขา ฉันจะบอกอะไรให้ก็ได้ เธอกล้าพอที่จะรับฟังฉันมั้ย”
“รับสั่งเถิดเพคะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ใต้ฝ่าพระบาทรับสั่ง หม่อมฉันพร้อมที่จะรับฟังด้วยความสุข แม้จะเป็นข้อตำหนิ”
“กรกฎรักเธอ...รักจนสุดหัวใจด้วย แต่มันเป็นความรู้สึกที่เขาอาจบอกกับตัวเองว่ามันสายเกินไปเสียแล้ว และตัวเธอเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าเธอกำหัวใจเขาไว้อย่างราบคาบทุกประตู เว้นเสียแต่ว่าเธอจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เท่านั้น”
ละอองดาวนิ่งงัน แต่แล้วกลบเกลื่อนสีหน้าบ่นเบาๆว่า “แปลกจริง...คุณกรกฎเข้ามาทูลเสด็จฯอย่างนั้นเหรอเพคะ”
“ละอองดาว...พราวนภางค์ นพดล คนนี้น่ะอายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว ทำไมฉันจะดูไม่ออก”
ละอองดาวกำลังจะจนมุม พอดีอุ่นเรือนเข้ามาแทรก บอกละอองดาวว่ากรกฎมารอพบ
กรกฎไม่ได้มาคนเดียวแต่หนีบเอาธัชชัยมาด้วย เพื่อช่วยกันหว่านล้อมหากละอองดาวทำท่าจะไม่ไปตีกอล์ฟ ซึ่งกรกฎเดาไม่ผิด หญิงสาวบ่ายเบี่ยงจริงๆ แต่ธัชชัยก็โน้มน้าวจนเธอไม่กล้าปฏิเสธ
ooooooo
ทางด้านงามตาที่รีบร้อนไปตามผัวหนุ่มก็เพิ่งจะเจอตัว สมพงศ์ไม่คิดว่างานที่รับปากไว้จะได้ลงมือรวดเร็วขนาดนี้ แต่ก็ไม่อิดออด ตามงามตามาพบผดาชไมถึงบ้าน
เมื่อเห็นรูปถ่ายของละอองดาวในวันไปงานวันประสูติท่านชายสดายุที่ผดาชไมตัดจากหนังสือพิมพ์มา สมพงศ์ชมเปาะว่าสวยอย่างกับนางฟ้า ขณะที่งามตาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกก็ตะลึงไปเหมือนกัน
“นังละอองดาวมันสวยอย่างนี้นี่เองนังหนู มิน่าล่ะแฟนแกถึงได้หลงมันหัวปักหัวปํา”
“คุณฮันนี่จะให้ผมจัดการกับเหยื่อยังไงดี เอาแค่เบาะๆ เสียโฉม หรือหยอดน้ำข้าวต้ม”
“ฆ่ามัน!”
“มันไม่แรงไปหน่อยเหรอลูก แม่ว่า...”
“โอ๊ย! อย่าใจอ่อนสิแม่ ตีงูมันก็ต้องตีให้ตาย ขืนตีแค่หลังหักมันก็แว้งมากัดเราได้น่ะสิ...ฉันจะให้ค่าจ้างเธอแสนนึง”
“อุ๊ยตาย! เยอะไปนะลูก แค่หมื่นสองหมื่นก็พอมั้ง”
สมพงศ์แอบหันมาทำตาเขียวใส่งามตา แล้วหันกลับไปปากหวานกับผดาชไม
“ที่จริงให้ผมช่วยคุณฮันนี่ฟรีๆก็ยังได้นะ คุณเป็นลูกสาวพี่งามก็เหมือนลูกสาวผมนั่นแหละ”
“ขอบใจ แต่ฉันไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร” ผดาชไม หยิบเงินในกระเป๋าห้าหมื่นยื่นให้สมพงศ์ ส่วนที่เหลือจะจ่ายก็ต่อเมื่องานสำเร็จ
สมพงศ์ยิ้มกริ่มรับเงินมาใส่กระเป๋า ถามว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหน ผดาชไมจัดแจงเขียนแผนที่ให้เขาทันที จากนั้นก็นั่งพึมพำอย่างสะใจ
“นังละอองดาว...แกกับฉันมันต้องอยู่กันคนละโลก ช่วยไม่ได้ แกบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้...อโหสิให้ฉันด้วยก็แล้วกัน แล้วฉันจะทำบุญกรวดน้ำไปให้”
ooooooo
ได้เวลาแดดร่มลมตก กรกฎชวนละอองดาวตีกอล์ฟแก้มือ ธัชชัยอดแซวเพื่อนรักไม่ได้ สร้างบรรยากาศให้ครื้นเครงเป็นกันเอง ทำให้ละอองดาวรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
แต่ไม่ทันที่ทั้งสามคนจะออกจากสโมสรไปยังสนามกอล์ฟ กรกฎทำแก้วหลุดมือหล่นแตกแล้วคว้าไว้ ส่งผลให้โดนแก้วบาดปลายนิ้วมือจนได้เลือด
กรกฎรู้สึกไม่ดี บ่นขึ้นว่าเหมือนจะเป็นลางร้าย พ่อของตนเคยบอกว่าก่อนที่แม่จะเสียชีวิต พ่อก็มีลางสังหรณ์แบบนี้เหมือนกัน แต่ธัชชัยไม่เชื่อ คะยั้นคะยอให้เพื่อนไปขอยาจากเจ้าของร้านอาหารล้างแผล แค่นี้ก็ตีกอล์ฟได้แล้ว
ขณะที่ธัชชัยพากรกฎไปขอยาจากเจ้าของร้านอาหาร ละอองดาวเดินออกมาชมวิวด้านนอกโดยไม่รู้ว่าภัยกำลังจะมาเยือน
สมพงศ์ตั้งใจสังหารละอองดาวตรงนี้เพราะเห็นว่าปลอดคน ไม่รอให้ไปถึงสนามกอล์ฟ แต่ขณะที่เขากำลังจะลั่นไก เสียงกรกฎเรียกละอองดาวดังขึ้นทำให้เขาชะงักไม่กล้า รอจนกระทั่งทั้งสามคนเดินออกไปตีกอล์ฟแล้วค่อยลงมือ
ละอองดาวโดนยิงเข้ากลางอกเลือดทะลักร่างทรุดฮวบ กรกฎกับธัชชัยตกใจมาก แต่กรกฎยังมีสติพุ่งเข้าใส่มือปืนที่กำลังจะยิงละอองดาวซ้ำอีกนัด
สองคนแย่งปืนกันครู่หนึ่งก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้น สมพงศ์โดนปืนลั่นใส่อกซ้ายตายคาที่รับกรรมทันตาเห็น ส่วนธัชชัยร้องบอกคนแถวนั้นให้ช่วยเรียกรถพยาบาลมาเร็วที่สุด
ละอองดาวหมดสติระหว่างทาง เมื่อถึงโรงพยาบาลหมอเร่งผ่ากระสุนออกจากร่างเธอ ระหว่างนี้ธัชชัยโทรศัพท์แจ้งข่าวชวนชมก่อนจะต่อสายไปที่วังนพดล เวลานั้นสดายุมาเฝ้าท่านป้าพอดี สองคนรู้ข่าวก็ตื่นตระหนกและเป็นห่วงละอองดาวมาก คำอินทร์มาอีกคนก็พลอยตกใจไปด้วย
ชวนชมรีบโทร.บอกอรรถวาทีทั้งน้ำตา จากนั้นสองคนรุดมาโรงพยาบาล เป็นเวลาที่ตำรวจกำลังสอบปากคำกรกฎว่าละอองดาวมีศัตรูหรือมีเรื่องขัดแย้งกับใครมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า
“เท่าที่รู้...ไม่มีนะครับ”
“ยังไงผมขอเชิญคุณกรกฎไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่โรงพักด้วยนะครับ”
“ตอนนี้น้องสาวผมยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน ผมขอรอดูอาการเธอก่อนได้ไหมครับ”
ธัชชัยหยิบบัตรทนายให้ตำรวจดู “ผมเป็นทนาย รับรองว่าเพื่อนผมจะไม่หนีไปไหน ทันทีที่รู้ข่าวจากหมอว่าคุณละอองดาวปลอดภัย ผมจะพาเพื่อนผมไปโรงพักครับ”
“ขอบคุณครับที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
หลังจากตำรวจไปแล้ว ธัชชัยตั้งข้อสังเกตกับกรกฎว่าละอองดาวไม่น่าจะรู้จักคนร้าย เพราะฉะนั้นน่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังที่จ้างวานคนร้าย
“ใช่ ฉันก็คิดอย่างงั้น”
“แกสงสัยใครวะกฎ”
กรกฎนิ่งเงียบ สีหน้าเคร่งเครียด...สุดจะคาดเดาจริงๆ
ooooooo
เวลาเดียวกันนั้นผดาชไมนั่งดูหนังสือแฟชั่นอย่างสบายอารมณ์ ต่างจากงามตาที่กระวนกระวายนั่งไม่ติด เดินไปชะเง้อมองหน้าบ้านเป็นระยะ สลับกับเสียงบ่น
“ทำไมยังไม่มาอีกวะ มืดค่ำป่านนี้มัวทำอะไรอยู่ ออกไปตั้งแต่กลางวัน จนป่านนี้ยังไม่โผล่หัวมาอีก ไม่รู้งานจะสำเร็จรึเปล่า”
“ต้องสำเร็จสิ ก็แม่คุยว่าเขาเป็นนักเลงเก่าไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ แต่มันน่าจะกลับมาส่งข่าวให้เรารู้มั่งนะนังหนู ไม่ใช่ปล่อยให้เรารออย่างนี้”
“โอ๊ย...อย่ากังวลไปเลยแม่ ป่านนี้นังละอองดาวมันลงนรกไปแล้วล่ะ นายสมพงศ์ก็คงไปฉลองเมาหัวราน้ำกับเพื่อนๆล่ะมั้ง ได้เงินไปตั้งเยอะนี่” พูดจบผดาชไมลุกเดินขึ้นบันได งามตาอยากรู้ว่าลูกสาวจะไปไหน “หนูก็จะไปแต่งตัวน่ะสิ มีเรื่องต้องฉลองกับเพื่อนๆเหมือนกัน”
ผดาชไมผละไปอย่างอารมณ์ดี ตรงข้ามกับงามตาที่กระสับกระส่ายวิตกกังวลอย่างบอกไม่ถูก...
ที่หน้าห้องฉุกเฉินภายในโรงพยาบาล สดายุกับคำอินทร์กำลังคุยกับกรกฎและธัชชัย โดยมีชวนชมกับอรรถวาทีรวมตัวอยู่ด้วย
“ฉันเพิ่งกลับมาเมื่อเย็นนี้เอง แวะเอาของฝากไปเยี่ยมท่านป้าที่วังนพดล พอรู้ข่าวคุณละอองดาวก็รีบมานี่แหละ นี่คุณหมอยังไม่ออกมาอีกหรือ”
“ยังเลยกระหม่อม”
“คนร้ายยิงคุณดาวทำไม น้องสาวแกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนไม่ใช่หรือ”
“ผมกับกฎก็ยังหาคำตอบไม่ได้กระหม่อม นี่คนร้ายมันก็โดนปืนลั่นเสียชีวิตไปแล้ว ตำรวจคงต้องสืบหาข้อมูลจากหลักฐานและของกลางในที่เกิดเหตุ”
“แกกำลังสงสัยว่ามีใครจ้างวานใช่ไหม”
“รูปการณ์มันน่าจะเป็นอย่างงั้นกระหม่อม”
“เลวจริงๆ มันยิงผู้หญิงตัวเล็กๆไม่มีทางสู้ได้ยังไง นี่ถ้าคุณดาวไปกับผม ผมจะปกป้องดูแลคุณดาวให้ดีที่สุด เรื่องบ้าๆอย่างนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นเด็ดขาด” คำอินทร์เหน็บกรกฎเข้าให้
“ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้หรอกครับคุณคำอินทร์”
“ใช่ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายสองคนถึงปกป้องผู้หญิงคนเดียวไม่ได้”
“คุณกำลังสบประมาทผมกับเพื่อนผม ทั้งๆที่คุณไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ คนร้ายมันลอบยิง คุณเข้าใจคำว่าลอบยิงรึเปล่า มันเล่นทีเผลอ ลองถ้ามันเข้ามาซึ่งๆหน้า มันไม่มีโอกาสได้ยิงดาวแน่”
“คุณไม่ต้องมาแก้ตัว คุณมัน...”
“คำอินทร์...รู้จักสงบปากบ้าง แค่นี้ทุกคนก็เครียดกันพอแล้ว เท่าที่ฉันฟัง เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเหตุสุดวิสัย กรกฎกับธัชชัยทำดีที่สุดแล้ว เขาไม่ใช่จำเลยที่แกจะไปโยนความผิดให้ คนผิดคือคนร้ายและคนที่จ้างวานมันนั่นแหละ เข้าใจรึเปล่า” สดายุปรามเสียงแข็ง ทำให้คำอินทร์นิ่งเงียบไป
หมอออกจากห้องฉุกเฉิน กรกฎและทุกคนกรูไปสอบถามอาการคนเจ็บด้วยความห่วงใย
“ผมผ่าตัดเอากระสุนออกเรียบร้อยแล้ว แต่คนไข้เสียเลือดมากร่างกายอ่อนเพลียมาก เราต้องให้เลือดด่วน บังเอิญเลือดของเธอเป็นกรุ๊ปที่ค่อนข้างหายาก เราไม่มีอยู่ในคลังเลือดเลย ผมติดต่อไปที่สภากาชาดก็ไม่มี”
กรกฎ ธัชชัย คำอินทร์ และสดายุต่างเต็มใจให้เลือดแก่ละอองดาวหากตรวจพบว่าเป็นกรุ๊ปเดียวกัน เมื่อทั้งสี่คนเดินตามหมอไปแล้ว ชวนชมยกมือพนมท่วมหัวภาวนาขอให้ใครสักคนมีกรุ๊ปเลือดตรงกับเลือดของละอองดาว
ooooooo
ผดาชไมนัดรุ้งเพชรกับสกุนตลามาเที่ยวที่คลับ...เจอหน้ากันครั้งนี้สกุนตลาบ่นอุบว่าผดาชไมหายหน้าหายตา โทร.ไปที่บ้านก็ไม่เคยอยู่
“อย่าว่าแต่เธอเลย ฉันเองขนาดเป็นคนดูแลคิวงานให้ยังไม่ค่อยได้เจอหน้ายัยดาเลย เอ๊ะ หรือว่าเธอแอบเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวแล้ว” รุ้งเพชรสัพยอก
“บ้าสิ ฉันจะเปลี่ยนทำไมยัยรุ้ง เธอดูแลดีอยู่แล้ว ช่วงนี้หนังก็ปิดกล้องแล้ว ขอพักบ้างเถอะ ก็มีเวลาไปเที่ยวบ้าง”
“อย่าบอกนะว่าเธอแอบไปเที่ยวกับพ่อเลี้ยง”
“บ้า! ฉันไปกับกฎย่ะ เออนี่ พวกเธอรู้ไหมตอนนี้ยอดขายแผ่นเสียงทะลุเป้าแล้วนะ”
“ว้าว...จริงเหรอดา ฉันดีใจด้วยนะ มาๆชนแก้วกันหน่อย”
“เดี๋ยวจ้ะ ยังมีอีกเรื่องที่เธอต้องดีใจกับฉัน”
“อะไรเหรอดา”
“ฉันจะแต่งงานกับกฎเร็วๆนี้”
รุ้งเพชรกับสกุนตลาส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดดีใจกันใหญ่ ดื่มฉลองข่าวดีล่วงหน้าให้ผดาชไมที่ยิ้มหน้าบานอย่างมีความหวังและความสุข โดยไม่รู้ว่าเวลานี้ละอองดาวไม่ตายสมใจ และกรกฎกำลังให้เลือดช่วยชีวิตเธออยู่
โชคดีที่กรกฎมีกรุ๊ปเลือดเดียวกับละอองดาว...
สดายุเบาใจ กลับไปวังนพดลพร้อมคำอินทร์ ทูลท่านป้าว่า
“ตอนนี้กรกฎกำลังให้เลือดอยู่ ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว กระหม่อมเลยรีบมาทูลให้ท่านป้าทรงทราบ”
“ถึงขนาดต้องให้เลือดเชียวหรือ”
“ละอองดาวเสียเลือดมากกระหม่อม กรุ๊ปเลือดของเธอเป็นกรุ๊ปที่หายาก เกือบแย่เหมือนกัน โชคดีที่กรกฎมีกรุ๊ปเลือดตรงกับเธอ”
“คงทำบุญกันมา...มีบุญวาสนาร่วมกัน”
คำอินทร์ได้ยินไม่ชัด ถามเสด็จย่าว่ารับสั่งอะไรหรือ?
“เปล่า ไม่มีอะไร...ขอบใจนะชายยุที่อุตส่าห์มาส่งข่าว กลับไปพักผ่อนเถอะลูก เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“พรุ่งนี้กระหม่อมจะมารับท่านป้าไปเยี่ยมละอองดาวนะกระหม่อม”
เสด็จฯรับคำแล้วพึมพำลับหลังสองหนุ่มว่า “ในความโชคร้าย ก็ยังมีโชคดีอยู่บ้าง”
ooooooo
หลังจากกรกฎให้เลือดละอองดาวแล้ว เขาขออนุญาตหมออยู่กับน้องสาวสักครู่ หมอกับพยาบาลจึงพากันออกไป
กรกฎเข้ามาที่เตียง จับมือละอองดาวที่นอนนิ่งอย่างอ่อนโยน อีกมือลูบผมเธอแผ่วเบา
“ดาว...พี่เป็นห่วงดาวเหลือเกิน เราเหลือกันแค่นี้ แม้แต่ชีวิตพี่พี่ก็ให้ดาวได้ พี่รู้ว่าดาวเกลียดพี่ แต่พี่ไม่เคยเกลียดดาวเลย ไม่เคยมีสักวันที่พี่จะไม่รักไม่เป็นห่วงเป็นใยดาว พี่อยากเห็นดาวมีความสุขทุกวัน พี่สัญญาว่าต่อไปพี่จะปกป้องดูแลดาวด้วยชีวิต จะไม่ให้ใครมาทำร้ายดาวได้อีก ดาวต้องอดทนนะ เข้มแข็งไว้ เอาชนะความเจ็บปวดของร่างกายให้ได้ ดาวเป็นคนเก่ง ดาวต้องชนะอยู่แล้ว...นอนหลับฝันดีนะละอองดาวของพี่”
กรกฎจูบหลังมือละอองดาวแผ่วเบา แต่กระนั้นคนป่วยที่นอนหลับตานิ่งก็รับรู้ได้...
เช้าวันถัดมา ชวนชมทราบว่าละอองดาวปลอดภัยก็โล่งใจ เนียนเข้ามาคุยด้วย อยากรู้เหลือเกินว่าใครยิงละอองดาว
“ไม่รู้มันเป็นใคร แต่มันโดนปืนลั่นตายแล้ว กรรมติดจรวดจริงๆ เขาสงสัยกันว่าอาจจะมีคนจ้างวาน ใครกันนะที่มันใจคอโหดเหี้ยมทำกับคุณดาวได้” บ่นเสร็จชวนชมนึกออก เดินลิ่วไปถามยอดรักว่ากรกฎตื่นหรือยัง
“คุณธัชชัยมารับคุณท่านออกไปตั้งแต่เช้าแล้วป้า”
“ไปไหน”
“เห็นคุยกันว่าจะไปเยี่ยมคุณดาวที่โรงพยาบาลนะป้า”
ชวนชมพยักหน้ารับรู้แล้วเดินออกไปอย่างเร็วจนยอดรักบ่นอุบว่าอะไรของป้า มาเร็วไปเร็ว ท่าทางเหมือนมีเรื่องร้อนใจ...
กรกฎกับธัชชัยมาถึงโรงพยาบาลเห็นชายฉกรรจ์สองคนคอยดูแลหน้าห้องละอองดาวอย่างเข้มงวด คาดเดา กันว่าเป็นตำรวจ แต่พอเข้ามาเยี่ยมละอองดาวจึงรู้จากหมอวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลว่าสองคนนั้นคือมหาดเล็กจากวังนพดลที่เสด็จพระองค์หญิงพราวนภางค์ ส่งมาคุ้มกันละอองดาว
เมื่อหมอวิสุทธิ์ออกจากห้องไปแล้ว ธัชชัยกับกรกฎขยับเข้ามาใกล้เตียงผู้ป่วยที่นอนตาแป๋ว ธัชชัยทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม พลางชูช่อดอกไม้มาตรงหน้า
“คุณดาวครับ ผมเอาดอกไม้สวยๆมาเยี่ยม”
กรกฎจับมือละอองดาว ถามว่าเป็นยังไงบ้าง แต่เธอเมินหน้าไม่ตอบ ดึงมือตัวเองออกจากมือเขา
“ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า...พี่รู้ว่าดาวเกลียดพี่ แต่ดาวจะไม่พูดกับพี่บ้างหรือ”
“ดิฉันอยากพักผ่อนค่ะ”
กรกฎน้อยใจ ธัชชัยตัดบทอย่างเข้าใจความรู้สึกเพื่อนว่า
“ให้คุณดาวพักผ่อนก่อนเถอะ คุณดาวยังเจ็บอยู่...หายไวๆนะครับคุณดาว แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่”
กรกฎเดินคอตกนำหน้าธัชชัยออกไป ละอองดาวมองตาม พึมพำเสียงแผ่วเบา “คุณกรกฎ....ฉันควรจะเกลียดคุณ”
เมื่อพากันออกมาหน้าห้อง กรกฎถอนใจเฮือก บ่นกับธัชชัยว่าละอองดาวไม่อยากเจอหน้าตน เธอคงเกลียดตนมาก
“ไม่หรอก คิดมากน่าเพื่อน คุณดาวยังเจ็บอยู่”
ระหว่างนี้ชวนชมเดินปรี่เข้ามาหาสองหนุ่ม พูดอย่างร้อนใจ “น้านึกว่าจะมาไม่ทันคุณกฎเสียแล้ว”
“มีอะไรเหรอน้าชวน”
“ก็เรื่องที่คุณดาวโดนยิงนั่นแหละค่ะ”
“น้าชวนรู้อะไรมาเหรอครับ”
“น้ามั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือแม่ผู้หญิงใจร้ายนั่นแน่ๆ”
“ผู้หญิงใจร้าย ใครกันน้าชวน”
ชวนชมเล่าเหตุการณ์วันที่ผดาชไมมาระรานและจะทำร้ายละอองดาว เพราะต้องการให้เขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานกับกรกฎ แถมก่อนจะกลับยังลั่นวาจาอาฆาตมาดร้ายจะเอาถึงตาย ถ้าไม่ได้หนังสือฉบับนี้ภายในสองวัน
“คุณผดาชไมเคยขู่คุณดาวเอาไว้ แม่นั่นต้องเป็นคนจ้างไอ้สารเลวนั่นมายิงคุณดาวแน่ๆเลยค่ะ ทำไมหนอ หน้าตาก็สะสวย แต่ทำไมจิตใจถึงได้โหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าแกงกันได้ลงคอ”
กรกฎทั้งโกรธทั้งเครียด ยกมือขึ้นกุมขมับ “เป็นความผิดของฉันเองที่ไม่ได้บอกผดาชไมว่าดาวทำหนังสือปฏิเสธการแต่งงานมาให้แล้ว”
“ผดาชไมคงเข้าใจผิดคิดว่าคุณดาวไม่ทำหนังสือให้”
“แต่แม่นั่นก็ไม่มีสิทธิ์มาทำกับน้องสาวฉันอย่างนี้ ผดาชไม...ฉันไม่เคยนึกว่าเธอจะเลวได้ขนาดนี้ สารเลว!”
กรกฎโกรธจัดเดินอาดๆออกไป ธัชชัยร้องถามว่าจะไปไหนก็ไม่ฟัง
ชวนชมมองตามสองหนุ่มที่เดินตามกันไป...
คิดว่าครั้งนี้คุณหนูของตนคงตาสว่างเสียที
ooooooo
หลังจากกระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุขมาตลอดวันและคืนเพราะสมพงษ์หายเงียบไป...สายวันต่อมางามตาเห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ก็แทบช็อก
กรีดร้องลั่นบ้านจนผดาชไมวิ่งมาถามแม่ว่าเป็นอะไร ร้องซะตกอกตกใจหมด
“แกดูนี่สิ ดูข่าวนี่” งามตาลนลานยื่นหนังสือพิมพ์ให้ลูกสาว
ผดาชไมคว้ามันมาดูแล้วตกใจไม่แพ้กัน อ่านข้อความในข่าวนั้นด้วยท่าทีร้อนรน
“นังละอองดาวถูกลอบยิงบาดเจ็บสาหัส คนร้ายโดนปืนลั่นเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ...มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง นังละอองดาวมันรอด! โอ๊ย...มันพลาดได้ยังไงเนี่ย”
ยามนี้งามตาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญเสียใจต่อการสูญเสียผัวหนุ่ม “สมพงศ์...ทำไมเธอถึงได้อายุสั้นอย่างนี้ เมื่อวานยังเห็นกันอยู่หลัดๆ ไม่น่าเลย ฮือๆๆ แล้วฉันจะอยู่กับใคร”
“แม่! จะร้องไห้คร่ำครวญไปทำไม”
“ผัวตายทั้งคน แกจะให้แม่หัวเราะเหรอวะ จะชั่วจะดีเขาก็เป็นผัวแม่”
“นายสมพงศ์ตายซะได้ก็ดี”
งามตาไม่พอใจ จ้องหน้าถามลูกสาวว่าพูดแบบนี้ได้ยังไง
“ก็ถ้ามันรอด โดนตำรวจจับได้ เราสองคนก็ซวยน่ะสิแม่ มันต้องซัดทอดมาถึงเราแน่ๆ”
งามตาหยุดกึก คิดตามก็เห็นจริง แต่ถึงยังไงตัวเองก็เสียใจร่ำไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า ขณะที่ผดาชไมเอาแต่เคียดแค้น ผิดหวังที่ละอองดาวดวงแข็งยังอยู่่เป็นเสี้ยนหนามตำใจตน
ooooooo
ด้านกรกฎที่รีบร้อนออกจากโรงพยาบาล เขากลับมาเอาปืนที่บ้านโดยมีธัชชัยตามติดมาห้ามปราม
“กฎ...แกบ้าไปแล้วเหรอวะ”
“นังปิศาจนั่นมันจะฆ่าละอองดาว ฉันก็จะฆ่ามันเหมือนกัน”
“แต่มันยังไม่มีหลักฐานว่าผดาชไมเป็นคนบงการนะกฎ”
“ฉันเชื่อน้าชวน...น้าชวนเลี้ยงฉันมา เขาไม่เคยโกหกฉัน”
“มันก็แค่คำบอกเล่า คำขู่ของผดาชไม แกเข้าใจมั้ย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่า...ส่งปืนมาให้ฉัน”
“ไม่! ไอ้สารเลวนั่นมันตายไปแล้ว มันยากที่จะสาวไปถึงตัวการ กฎหมายเอาผิดนังแพศยาไม่ได้ แต่ฉันนี่แหละจะจัดการกับมันเอง มันต้องชดใช้ความเลวของมัน”
“อย่าทำอะไรบ้าๆนะไอ้กฎ มีสติมั่งสิวะ เอาปืนมาให้ฉัน”
กรกฎถือปืนยืนนิ่ง ธัชชัยตัดสินใจกระชากปืนมาอย่างเร็วก่อนจะเตือนสติ
“ฉันไม่มีวันปล่อยให้แกทำอะไรโง่ๆ คิดสิวะ ใช้สมองของแกคิด เรื่องมันผ่านไปแล้ว แกจะแลกชีวิตของแกกับผู้หญิงอย่างผดาชไมงั้นเหรอวะ ถ้าแกต้องติดคุกหรือเป็นอะไรไป คุณดาวจะอยู่ยังไง”
กรกฎคิดตามอย่างที่ธัชชัยเตือน สักครู่ก็อ่อนลง
“ขอบใจเพื่อนที่เตือนสติ แต่ยังไงฉันก็ต้องไปดูหน้าผู้หญิงใจชั่วนั่นให้ได้”
“โอเค ฉันจะขับรถให้แกเอง”
ในขณะที่สองหนุ่มกำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่บ้าน
ผดาชไม...เป็นเวลาเดียวกับสดายุพาเสด็จฯมาเยี่ยมละอองดาวที่โรงพยาบาล หญิงสาวเพิ่งรู้จากสดายุว่ากรกฎให้เลือดและช่วยเธอรอดพ้นกระสุนปืนอีกนัดจากคนร้ายด้วย
เมื่อธัชชัยกับกรกฎไปถึงบ้านผดาชไม ปรากฏว่าเธอไม่อยู่ มีแต่งามตาคนเดียวที่เฝ้าบ้าน งามตาจวนตัวหลบไม่ทันจำต้องเผชิญหน้าบอกสองหนุ่มว่าคุณฮันนี่ไม่อยู่
“ไปไหน” กรกฎถามเสียงแข็ง
“คุณผู้หญิงไม่ได้สั่งเอาไว้ค่ะ ฉันเป็นแม่บ้านมารับจ้างทำงานบ้าน ไปเช้าเย็นกลับ คุณเขาจะไปไหนมาไหน ฉันก็ไม่กล้าเซ้าซี้ถามหรอกค่ะ”
ธัชชัยมองสำรวจรอบบ้าน เชื่อว่าผดาชไมไม่อยู่จริงจึงชวนกรกฎกลับ...พอสองหนุ่มคล้อยหลัง งามตาคิดฟุ้งซ่านจนลนลาน คาดเดาอย่างวิตกกังวล
“หรือว่าคุณกรกฎจะรู้แล้วว่าเป็นฝีมือแก ตายแล้ว! นังหนูเอ๊ย ขาเหยียบเข้าไปในคุกข้างหนึ่งแล้วนะโว้ย ตายๆๆ เอาไงดีวะ โอ๊ย! เวรกรรมอะไรของฉันวะเนี่ย”
ooooooo
ชลทิชาทราบข่าวร้ายของละอองดาวจากท่านชาย สดายุ จึงชวนเริงใจมาเยี่ยมเพื่อนรักและสอบถามอาการด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับพูดถึงผู้อยู่เบื้องหลังอย่างโกรธแค้น
เริงใจคาดว่าเป็นผดาชไมเพราะละอองดาวไม่มีศัตรูที่ไหน แต่ละอองดาวไม่อยากให้คาดเดาไปเอง ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ
ฝ่ายกรกฎกับธัชชัยที่ไม่เจอผดาชไมที่บ้าน
ก็ตระเวนไปหาตามบ้านเพื่อนและร้านประจำที่เธอเคยไปบ่อยๆ แต่ไม่เจอสักแห่ง
แต่แล้วกรกฎนึกได้ว่ายังมีอีกแห่งที่ผดาชไมอาจไปอยู่ที่นั่น จึงบอกทางให้ธัชชัยขับรถไปบ้านพักตากอากาศที่ผดาชไมซื้อไว้ ซึ่งเธอเคยบอกกรกฎว่าชอบที่นี่มาก
ปรากฏว่าผดาชไมอยู่ที่นี่จริงๆ แต่ไม่ได้อยู่คนเดียว เธอมาเที่ยวกับพ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์ที่ยังอยู่ในห้องนอน ส่วนเธอออกมานั่งรอที่ห้องรับแขก เมื่อเห็นกรกฎกับธัชชัยก้าวเข้ามา ผดาชไมตะลึงครู่หนึ่งก่อนจะสวมหน้ากาก
ยิ้มระรื่นลุกไปกอดแขนแฟนหนุ่ม
“กฎคะ เล่นมาเงียบๆดาตกใจหมดเลย คิดถึงกฎจังเลยค่ะ ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน คิดทึ้งคิดถึง”
กรกฎสะบัดผดาชไมเซถลาแล้วด่าซ้ำ “เลิกเล่นละครซะที มารยาสาไถยเก่าๆของเธอมันใช้ไม่ได้ผลแล้ว”
“กฎ! นี่มันอะไรกันคะ”
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะผดาชไม สิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดและไม่มีวันให้อภัยตัวเองก็คือการที่ฉันคบหากับเธอตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงวินาทีสุดท้าย นี่คือสิ่งที่ฉันพลาดที่สุดในชีวิต”
“นี่คุณกำลังพูดเรื่องอะไร ดาไม่เข้าใจ”
“อย่ามาแกล้งโง่ ผู้หญิงร้อยเล่ห์มารยาอย่างเธอ มีหรือจะไม่เข้าใจ”
“คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ มาถึงก็ด่าดาปาวๆ พูดมาตรงๆดีกว่าดาทำผิดอะไร”
“จนถึงขนาดนี้ยังไม่รู้จักสำนึกในสิ่งเลวๆที่ตัวเองทำ ฉันจะบอกอะไรให้ ละอองดาวเขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานให้ฉันแล้ว แต่ฉันไม่ได้บอกเธอ เธอโกรธแค้นดาวมากใช่มั้ย ถึงได้จ้างคนไปยิงเขา”
“ไม่นะ ดาไม่รู้เรื่อง”
“ยังกล้าโกหกหน้าด้านๆ คงคิดสินะว่าตำรวจจะสาวมาถึงเธอไม่ได้เพราะไอ้ฆาตกรชั่วที่เธอจ้างมันตายไปแล้ว กฎหมายยังเอาผิดเธอไม่ได้ แต่กฎแห่งกรรมไม่ละเว้นเธอแน่ ปิศาจชั่วร้ายใจคอโหดเหี้ยมอย่างเธอจะต้องได้รับผลแห่งกรรมชั่วที่เธอก่อไว้อย่างสาสม...นังคนสารเลว!”
“มันจะมากไปแล้วนะ คำก็เลว สองคำก็เลว...ผู้ชายไม่เอาไหนอย่างคุณมันก็ไม่ได้ดีไปกว่าผู้หญิงอย่างฉันหรอก...ใช่! ฉันนี่แหละที่จ้างคนไปยิงนังละอองดาว ก็เพราะมันเป็นตัวมารไงล่ะ มันแย่งทุกอย่างไปจากฉัน คุณเองก็หลงมันจนโงหัวไม่ขึ้น ช่วยไม่ได้ มันบังคับให้ฉันต้องทำอย่างนี้ ถ้าคุณอยากจับฉันเข้าคุกก็เอาสิ หาหลักฐานมาให้ได้”
ผดาชไมโกรธจนหลุดปากพูดความจริงออกมา กรกฎกับธัชชัยต่างก็ชะงักกับสิ่งที่ได้ยิน
“ไหนๆเรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ เผื่อคุณจะฉลาดขึ้นมาบ้าง...กรกฎ เบ็ญจรงค์ คุณไม่ใช่ผู้ชายที่วิเศษที่ผ่านมาในชีวิตฉันหรอก คนอย่างคุณน่ะเหรอ ก็แค่โชคดีที่เกิดมาในตระกูลรวย มีหน้ามีตาในสังคม แต่ก็เอาดีไม่ได้ เที่ยวสำมะเลเทเมา งานการไม่ทำ ที่จริงนังละอองดาวกับคุณก็เหมาะสมกันดีนะ นังผู้หญิงชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้ากับผู้ชายสวะๆ”
“นังแพศยา!!” กรกฎโกรธจนฟิวส์ขาดตบหน้าผดาชไมดังฉาด
“ไอ้บ้า! แกกล้าตบฉันเหรอ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไอ้เลว....กรี๊ดดดดดด”
ผดาชไมพุ่งเข้าทุบตีเขาไม่ยั้ง กรกฎปัดป้องและผลักไสพร้อมกับประกาศตัดขาด
“เลวสิ้นดี! ไปให้พ้นจากชีวิตฉัน เราจบสิ้นกัน นับจากวินาทีนี้เธอกับฉันไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก” “ตบหน้าฉันแล้วจะเดินออกไปง่ายๆเหรอ ฉันไม่ยอม!”
ผดาชไมพุ่งเข้าไปกระชากกรกฎ ทั้งตบทั้งตีเขาด้วยแรงแค้น กรกฎยกมือขึ้นปัดป้องและเงื้อมือจะตบ แต่ต้องชะงักกับเสียงตวาดของพูนสวัสดิ์ที่ออกมาพร้อมปืนในมือ
“เฮ้ย! หยุดนะ รังแกผู้หญิงเหรอวะ ออกไปให้หมด ไปสิวะ”
“พูดกันดีๆก็ได้พ่อเลี้ยง ทำไมต้องใช้ปืนด้วย” ธัชชัยร้องบอกด้วยท่าทีไม่พอใจ...ส่วนกรกฎจะเดินเข้าไปหา
“หยุด! ถ้าเข้ามาอีกก้าวเดียวฉันยิงแกไส้แตกแน่”
สองหนุ่มมองหน้ากันก่อนตัดสินใจรุมเล่นงานพูนสวัสดิ์เพื่อแย่งปืน ซึ่งใช้เวลาไม่นานธัชชัยก็แย่งปืนมาได้
“อย่าใช้ความรุนแรงดีกว่าพ่อเลี้ยง ลูกผู้ชายคุยกันสองคำก็รู้เรื่องแล้ว” ธัชชัยปลดกระสุนปืนออกแล้วโยนทิ้ง
“พวกคุณต้องการอะไร” พูนสวัสดิ์ถามเสียงแข็ง
“ผมก็แค่มาดูหน้านังคนใจชั่วที่มันจ้างคนไปยิงละอองดาวน้องสาวผม”
พูนสวัสดิ์ชะงัก มองผดาชไมอย่างไม่อยากเชื่อ
“ขอบใจนะพ่อเลี้ยงที่เข้ามารับตำแหน่งสามีของผู้หญิงคนนี้แทนผม เขาว่าเมื่อใดที่เราถอยจากความชั่ว จะทำให้เราตาสว่าง การถอยจากหญิงชั่วก็ทำให้ผู้ชายตาสว่างได้เช่นกัน ผมลาล่ะ ขอโทษด้วยถ้ามีอะไรรุนแรงกันไปบ้าง...ลาก่อนผดาชไม ฉันถอยจากชีวิตเธอแล้ว แต่กฎแห่งกรรมไม่ถอยแน่”
กรกฎกับธัชชัยพากันออกไป พูนสวัสดิ์หันมาจ้องผดาชไม พูดใส่หน้าว่าเราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก จากนั้นก็เดินเข้าห้องเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ผดาชไมตามมาถามเขาว่าจะไปไหน
“ผมจะกลับ”
“อะไรกัน เราเพิ่งมาถึงเมื่อบ่าย ยังไม่ได้เที่ยวกันเลยจะรีบกลับทำไมล่ะคะ”
“ผมจะกลับคนเดียว ส่วนคุณก็อยู่ต่อไปสิ มันคนละคนกันนี่”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”
“ฮันนี่! ผู้หญิงที่ฉลาดจริงเขาต้องแกล้งโง่ ไม่ใช่คอยคิดว่าผู้ชายโง่กว่าตัวเอง คุณคิดว่าผมโง่ที่ตามคุณไม่ทัน คุณคิดผิด! ผมรู้ว่าคุณแอบติดต่อกับไอ้หมอนั่นมาตลอดทั้งๆที่คุณก็นอนกับผมแทบทุกวัน คุณจ้างคนไปยิงละอองดาวก็เพราะคุณหึง คุณต้องการแต่งงานกับกรกฎก็เพราะคุณหวังมรดกเป็นหมื่นล้านของเขา”
“ไม่จริงนะคะพ่อเลี้ยง คุณกำลังเข้าใจดาผิด ดารักคุณ”
“คุณรักเงินของผมต่างหาก คุณไม่เคยรักผมเลย คุณเห็นผมเป็นแค่ตัวเลือก ที่เมื่อคุณพลาดจากกรกฎ คุณก็จะหันมาเกาะผม”
“ไม่ใช่นะ ดารักพ่อเลี้ยง คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าดาเลิกกับกฎแล้ว”
“มันสายไปแล้วฮันนี่ ผมอ่านเกมคุณขาดแล้ว เราไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก”
พูนสวัสดิ์คว้ากระเป๋า ผดาชไมรีบบีบน้ำตาเข้ามากอดอ้อนวอน
“อย่าทำแบบนี้นะคะพ่อเลี้ยง ดารักคุณ อย่าทิ้งดาไป”
พูนสวัสดิ์ไม่สนใจ เหวี่ยงเธอกระเด็นไปที่เตียง “ไปให้พ้น! คุณมันน่ารังเกียจ ผมขยะแขยงผู้หญิงอย่างคุณเต็มทีแล้ว ใจคอคุณมันโหดเหี้ยมถึงขนาดฆ่าคนได้ ถ้าตำรวจสาวมาถึงตัวคุณ บริษัทผมต้องเดือดร้อนแน่
มีแต่พังกับพัง ผมจะฉีกสัญญานักร้องที่คุณเซ็นไว้ให้เร็วที่สุด”
“คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ ฉันไม่ยอม!” ผดาชไมกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง คว้าหมอนปาไล่หลังพูนสวัสดิ์และหันมาหยิบฉวยสิ่งของใกล้มือขว้างทิ้งแตกกระจายระบายอารมณ์
ooooooo
กรกฎกลับถึงบ้านใกล้ค่ำ ทบทวนเรื่องราวระหว่างตนเองกับผดาชไมด้วยความหดหู่ เสียใจ
หลังจากปรับสภาพจิตใจได้บ้างแล้ว กรกฎนำดอกไม้ไปเยี่ยมละอองดาวในคืนนั้น ชวนชมซึ่งเฝ้าคนป่วยอยู่ร้องทัก
“อ้าวคุณกฎ ทำไมมามืดๆค่ำๆล่ะคะ”
“ฉันอยากเอาดอกไม้มาเยี่ยมดาว” เขาวางช่อดอกไม้ไว้บนโต๊ะแล้วเดินมาชะโงกมองคนป่วยที่เตียง “หลับปุ๋ยเลย”
“คุณกฎมีธุระอะไรกับคุณดาวหรือเปล่าคะ น้าจะได้ปลุกคุณดาวให้”
“ไม่มีอะไร ไม่ต้องปลุก ปล่อยให้ดาวนอนเถอะ นอนพักมากๆจะได้หายเร็วๆ”
ความจริงละอองดาวไม่ได้หลับ แต่แกล้งหลับตาตั้งแต่กรกฎเข้ามา นอนฟังการสนทนาของสองคน
“ดูคุณกฎเป็นห่วงคุณดาวมากนะคะ”
“ดาวต้องมาเจ็บตัวก็เพราะฉัน ฉันทำผิดมาตลอด พลาดมาตั้งแต่แรก ฉันสงสารดาวเหลือเกิน ถ้าแลกความเจ็บปวดได้ หรือแม้กระทั่งชีวิต ฉันก็ยินดีที่จะแลก ไม่ลังเลเลยสักนิด...ละอองดาวเป็นหนึ่งในสี่สิ่งที่คุณพ่อท่านรักและห่วงใยที่สุด ฉันอยากเห็นเขามีแต่ความสุข ฉันต้องปกป้องดูแลเขาด้วยชีวิต”
“โถ...คุณกฎ” ชวนชมครางเสียงแผ่ว...ละอองดาวแอบน้ำตาซึมซาบซึ้งใจในความปรารถนาดีของกรกฎ
“ฉันกลับล่ะน้าชวน ดูแลดาวดีๆนะ ถ้าดาวอาการไม่ดีหรือมีอะไรผิดปกติรีบโทร.หาฉันนะ”
ชวนชมรับคำ กรกฎจะเดินออกไป ละอองดาวตัดสินใจเรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะคุณกรกฎ”
“ตื่นแล้วเหรอ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวน พี่ขอโทษ”
“ขอบคุณนะคะ”
“ขอบคุณพี่เรื่องอะไร”
“คุณช่วยชีวิตดิฉันไว้ คุณให้เลือดดิฉัน ถ้าไม่ได้คุณดิฉันคงเสียชีวิตไปแล้ว ดิฉันเป็นหนี้ชีวิตคุณ”
กรกฎจับมือละอองดาว เช็ดน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมาให้อย่างอ่อนโยน
“อย่าขี้แยสิ อย่าคิดมากด้วย เราเหลือกันแค่สองคนพี่น้องนะ เราไม่มีคุณพ่อแล้ว พี่ต้องเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับดาว...นอนเถอะคนดี”
กรกฎห่มผ้าให้ละอองดาวอย่างนุ่มนวล ชวนชมจับตามองคนทั้งคู่ด้วยความปลาบปลื้มยินดี
ooooooo
ผดาชไมโดดเดี่ยวเดียวดาย หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โกรธ ผิดหวัง แค้น...ทุกอารมณ์สุมอยู่ในอกแทบระเบิด เหวี่ยงกระเป๋าทิ้งไปที่โซฟาแล้วกรีดร้องโวยวาย
“ฉันอยากจะบ้า! ทำไมมันเป็นอย่างนี้ไปได้ ...เพราะแกคนเดียวนังละอองดาว แกทำลายชีวิตฉันจนย่อยยับ กฎรู้ความจริงหมดแล้ว ไอ้พ่อเลี้ยงมันก็สลัดฉันทิ้ง ฉันไม่เหลืออะไรเลย ทั้งผู้ชาย ทั้งมรดกนั่น โอ๊ย! ทำไมมันถึงได้ซวยอย่างนี้”
รุ้งเพชรกับสกุนตลาเข้ามาได้ยินเสียงกรีดร้องของผดาชไมก็สะดุ้งตกใจ ถามเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นอะไร?
ผดาชไมพยายามระงับอารมณ์แต่สีหน้ายังบึ้งตึง ถามเกือบตวาดสองสาวว่ามาทำไม?
“อารมณ์ไม่ดีเหรอจ๊ะ ทะเลาะกับคุณกฎมาล่ะสิ”
“อย่ามายั่วนะสกุนตลา ฉันกำลังบ้า!”
สกุนตลาเห็นผดาชไมโกรธทำตาดุใส่ก็ผงะ รุ้งเพชรก็สีหน้าไม่ดีนัก ทำใจดีสู้เสือถามผดาชไมว่า
“เธอหายไปไหนมา ฉันโทร.มาตั้งหลายครั้งก็ไม่มีคนรับ แวะมาตั้งหลายหนก็ไม่อยู่”
“ฉันไปธุระ”
“พรุ่งนี้เธอมีคิวงานนะ นัดอัดแผ่นเสียงก่อนเที่ยง บ่ายสองมีถ่ายแบบที่สตูดิโอ แล้วก็งานแฟชั่นโชว์สองทุ่มจ้ะ”
“โอ๊ย! ยกเลิกไปให้หมด ฉันไม่มีอารมณ์จะทำงาน”
“เธอเป็นอะไร นี่มันงานที่เธอรักนะ ฉันยกเลิกไม่ได้หรอก แต่ละงานสำคัญๆทั้งนั้นเลย”
“ถ้ายกเลิกไม่ได้เธอก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก กลับไปได้แล้ว” จบคำก็สะบัดหน้าเดินฉับๆขึ้นบันไดไป ทิ้งให้สองสาวต่างงุนงงสงสัยว่าเพื่อนรักเป็นอะไร ทำไมถึงพาลกับพวกตนได้ถึงขนาดนี้
ครั้นสองสาวกลับไปแล้ว...งามตากลับเข้ามา เมื่อรู้เรื่องราวว่าลูกสาวไม่เหลือใคร กรกฎรู้ความจริงหมดแล้ว พูนสวัสดิ์ก็ทิ้งไป คนเป็นแม่สงสารลูกจับใจ ปลอบประโลมและสวมกอดกันทั้งน้ำตา
ooooooo
ในคืนเดียวกัน คำอินทร์กับพูนสวัสดิ์นั่งดื่มในคลับ สองคนเป็นเพื่อนกันมานาน แต่คำอินทร์เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าพูนสวัสดิ์แอบจีบผดาชไม
“แกตกข่าวได้ไงวะคำอินทร์”
“ฉันไม่เคยตกข่าวนะเพื่อน แต่ฉันไม่เคยสนใจพวกข่าวซุบซิบ ไอ้หมอนี่ร้ายไม่เบา เสือซุ่มนี่หว่า แอบตีท้ายครัวนายกรกฎ ไม่กลัวโดนตื้บเหรอวะเพื่อน”
“ใครจะกล้ากับพ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์วะ แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้จักแม่นักร้องดังที่ชื่อฮันนี่แล้วว่ะ”
“หมายความว่ายังไงวะ”
“ก็จบไง เลิกกันแล้ว”
“อะไรของแกวะเนี่ย เพิ่งรู้ข่าวว่าแกแอบคั่วแม่นั่น ไม่กี่อึดใจจบข่าวแล้ว งงว่ะ ไปกันไม่ได้เหรอวะ หรือว่าแกแอบมีคนใหม่แล้วผดาชไมจับได้”
“แกเดาไม่ถูกหรอก ฉันต้องรีบสลัดแม่นั่นทิ้งก่อนที่บริษัทฉันจะเสียหายย่อยยับ”
“ฉันไม่เข้าใจว่ะ”
พูนสวัสดิ์หันมองรอบตัวก่อนจะพูดความลับให้คำอินทร์ฟัง “แกรู้ข่าวที่ละอองดาวน้องสาวบุญธรรมนายกรกฎถูกยิงใช่ไหม”
“รู้สิ ฉันกับเสด็จย่ายังไปเยี่ยมเขาเลย”
“ฟังแล้วเหยียบไว้นะคำอินทร์ นั่นแหละฝีมือยัยฮันนี่”
คำอินทร์อึ้ง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...สองหนุ่มสนทนากันโดยไม่รู้ว่าเริงใจจับตามองจากมุมหนึ่ง
เริงใจมากับชลทิชา สังเกตเห็นสองคนนั้นคุยกันหน้าเครียด อยากรู้ว่าคุยอะไรกันก็เลยจ้องมองไม่วางตา ชลทิชาเพิ่งสังเกตจึงกระเซ้าเริงใจว่าที่แท้ก็แอบมองชายในฝัน
“จะบ้าเหรอชล บอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ได้สนใจเขา”
“ย่ะ ฉันจะพยายามเชื่อ...แล้วผู้ชายคนนั้นใครน่ะ”
“พ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์”
“เธอรู้จักเขาด้วยเหรอ”
“เคยเจอที่สนามกอล์ฟ ยัยงิ้วผดาชไมเคยควงอีตาพ่อเลี้ยงไปที่นั่น ท่าทางสนิทสนมกันมาก เกือบจะมีเรื่องกับคุณกรกฎ”
“ตายจริง! ทำไมยัยผดาชไมทำตัวแบบนี้นะ มีคุณกรกฎเป็นแฟนอยู่แล้วทั้งคน น่าเกลียดจริงๆ”
“ฉันกำลังสงสัยว่าอีตาคำอินทร์รู้จักกับพ่อเลี้ยงได้ยังไง”
“ก็เขาอยู่ในวงการบันเทิงเหมือนกัน ต้องรู้จักกันอยู่แล้ว...กลับกันรึยังนิด ชักง่วงแล้ว”
“เธอกลับไปก่อนได้ไหม”
“รู้นะ จะโฉบไปคุยกับคำอินทร์ล่ะสิ ตามสบายย่ะ อย่ากลับดึกนักล่ะ เป็นสาวเป็นแส้มันไม่งาม” พูดแล้วชลทิชาทำท่าจะหยิบเงินออกมาจ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่ม เริงใจรีบห้าม ครั้งนี้ตนขอจ่ายเอง
ooooooo
หลังจากพูนสวัสดิ์แยกจากคำอินทร์ไปแล้ว เริงใจทำทีเข้ามาทักเขาและชวนคุยจิปาถะก่อนจะวกมาเรื่องพ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์ ทำให้คำอินทร์แปลกใจว่าเธอรู้จักเพื่อนของตนคนนี้ด้วยหรือ
“เคยเจอที่สนามกอล์ฟน่ะ เขาควงผดาชไมไปที่นั่น พูดถึงยัยนี่แล้วโมโห ฉันเกลียดยัยบ้านี่จริงๆ เกลียดๆๆๆ เกลียดเข้ากระดูกดำ”
“ตรงไปรึเปล่า”
“ฉันก็เป็นคนตรงๆแบบนี้แหละ รักก็บอกว่ารัก เกลียดก็บอกว่าเกลียด”
“นี่ถ้าคุณรู้ว่าผดาชไม...” คำอินทร์ยั้งปากทัน พูดค้างไว้แล้วปิดท้ายว่า “คุณคงยิ่งเกลียดเขามากกว่านี้”
“ยัยนั่นทำไมคะ”
คำอินทร์นิ่งไป ทำให้เริงใจยิ่งสงสัย รบเร้าให้เขาพูดมา สัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องที่เขาพูดไปขยายและจะไม่ทำให้เขาเดือดร้อน
ที่สุดคำอินทร์ก็ใจอ่อนยอมเล่าเรื่องความร้ายกาจของผดาชไมที่เพิ่งรู้จากพูนสวัสดิ์มาหยกๆ เริงใจได้ฟังก็เป็นเดือดเป็นแค้นแทนละอองดาว
“ฉันนึกแล้วว่าผดาชไมต้องเป็นตัวการจ้างคนไปยิงแตน แม่นั่นเคยไประรานเพื่อนฉันถึงที่บ้าน แม้แต่วันงานประสูติของท่านชายสดายุ แม่นั่นก็ยังแอบไปเล่นงานแตน ยังดีที่ฉันกับยัยชลไปช่วยเอาไว้ได้ทัน”
“ผมเองก็นึกไม่ถึงว่าผดาชไมจะร้ายกาจขนาดนี้”
“ฮึ! เรื่องเลวๆขอให้บอกเถอะ ยัยงิ้วนั่นถนัดนัก แตนก็ดีเกินไป ถ้าเป็นฉันล่ะก็...ยัยผดาชไมไม่ได้ลอยหน้าอยู่อย่างงี้หรอก”
“ผมชักกลัวคุณแล้วล่ะสิ”
“กลัวทำไม ฉันดุเหรอ ก็แค่เป็นคนไม่ยอมคน ฉันรู้นะว่าคุณก็เคยจีบแม่ผดาชไม”
“ก็แค่เคย แต่พอรู้ไส้รู้พุงขนาดนี้แขยงแล้วล่ะ...เพลงกำลังเพราะเลย ไปเต้นรำกันมั้ย”
เริงใจปลื้มที่ชายหนุ่มเชิญชวน แต่แอบลีลาเล่นตัวถามว่า “จะดีเหรอคะ”
“งั้นก็กลับ”
“บ้า! ฉันไม่ได้ปฏิเสธซะหน่อย”
ขณะออกไปเต้นรำกัน คำอินทร์พูดกระเซ้าเริงใจว่า “จะเหยียบเท้าผมอีกรึเปล่า”
“ไม่หรอก วันนี้ฉันจะไม่แกล้งคุณ”
“คุณเป็นผู้หญิงที่แปลก”
“ยังไงเหรอคะ”
“ก็ตรงไปตรงมา คิดยังไงก็พูดอย่างงั้น ไม่เสแสร้ง ไม่ปรุงแต่งเหมือนผู้หญิงบางคน”
“แต่ผู้หญิงอย่างฉัน ผู้ชายไม่ชอบ”
“คุณรู้ได้ยังไง” เขายิ้มกริ่ม จ้องตาเธออย่างมีความหมาย เล่นเอาเริงใจหวั่นไหวเขินอายจนหน้าแดง
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้นกรกฎมาเฝ้าเสด็จพระองค์หญิงพราวนภางค์ที่วังนพดล โดยมีท่านชายสดายุอยู่ด้วย
“กราบแทบพระบาทเสด็จฯพะยะค่ะ กระหม่อมซาบซึ้งในน้ำพระทัยของใต้ฝ่าพระบาทที่ทรงรักและเมตตาน้องสาวของกระหม่อม ทรงรับสั่งกับคุณหมอและพยาบาลให้ดูแลละอองดาวเป็นอย่างดี อีกทั้งยังทรงห่วงเรื่องความปลอดภัย ส่งมหาดเล็กไปคอยคุ้มกันด้วย”
“ไหว้พระเถอะพ่อคุณ ละอองดาวเป็นคนของฉัน น้องสาวคุณดูแลเอาใจใส่ฉันดีมากเหลือเกิน เมื่อยามเขาเดือดร้อนฉันต้องตอบแทนน้ำใจดูแลเขาให้ดีที่สุดเช่นกัน คุณกรกฎ...ฉันจะขออะไรคุณสักอย่างได้ไหม”
“ทรงรับสั่งเถิดพะยะค่ะ”
“ทันทีที่หมออนุญาตให้ละอองดาวออกจากโรงพยาบาล ฉันอยากให้ละอองดาวมาอยู่กับฉันเสียที่นี่เพื่อความปลอดภัย จนกว่าตำรวจจะจับคนที่มันว่าจ้างคนร้ายมาลงโทษได้”
กรกฎพูดไม่ออกเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าผดาชไมเป็นตัวการว่าจ้างคนร้าย เสด็จฯเห็นชายหนุ่มนิ่งเงียบไปก็สงสัย
“มีอะไรหนักใจหรือเปล่า”
“ไม่มีพะยะค่ะ เป็นบุญของน้องสาวกระหม่อมเหลือเกินที่เสด็จฯทรงเมตตาและห่วงใยเธอมากขนาดนี้”
“งั้นก็ตกลงตามนี้นะ ฉันจะได้หมดห่วง”
“พะยะค่ะ”
“แล้วนี่ทางตำรวจเขาว่ายังไงบ้าง สืบไปถึงไหนแล้ว”
“ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยกระหม่อม”
“มันก็หาหลักฐานยากที่จะสาวไปถึงคนว่าจ้าง เพราะคนร้ายมันก็ตายไปแล้ว...แล้วเช้านี้แกไปเยี่ยมน้องสาวมาหรือยัง”
“ยังเลยกระหม่อม ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมหลังจากกลับที่นี่กระหม่อม” ตอบท่านชายสดายุแล้วกรกฎหันไปกราบลาเสด็จฯ “หมดธุระของกระหม่อมแล้วพะยะค่ะ ยังไงกระหม่อมขอทูลลาพะยะค่ะ”
“โชคดีนะพ่อคุณ”
กรกฎกลับไปแล้ว แต่ท่านชายสดายุยังอยู่ดูแลเสด็จฯ เพราะลางานไว้หนึ่งสัปดาห์เพื่อมารับใช้ถวายงานท่านป้าในช่วงที่ละอองดาวไม่อยู่
ooooooo
สายวันเดียวกัน อรรถวาทีมาเยี่ยมละอองดาวที่อาการดีขึ้นตามลำดับ ไม่ต้องให้น้ำเกลือแล้ว ส่วนชวนชมก็มาดูแลละอองดาวอย่างใกล้ชิด
“ขอบคุณคุณอรรถมากนะคะที่กรุณามาเยี่ยม”
“เคราะห์ร้ายมันผ่านไปแล้ว ขอให้หายไวๆนะครับ มีแต่เรื่องดีๆเข้ามา”
“ขอบคุณค่ะ”
“เมื่อเช้าผมโทร.ไปที่ตึกคุณกฎ เจ้ายอดรักบอกว่าคุณกฎออกไปข้างนอกไม่รู้ว่าไปไหน มีธุระจะคุยกับคุณกฎนิดหน่อยเลยอด” พูดขาดคำกรกฎเปิดประตูเข้ามาพอดี อรรถวาทีร้องทัก “อ้าว พูดถึงไม่ทันไรได้เห็นหน้าแล้ว ตายยากจริงๆพ่อคุณ”
“สวัสดีครับคุณอรรถ มาเยี่ยมดาวเหรอครับ”
“ใช่ครับ เจอหน้าคุณก็ดีแล้ว ผมมีเรื่องจะเตือนคุณกฎ”
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“นี่ก็ครบกำหนดสามปีแล้ว ผมเตรียมเอกสารทุกอย่างไว้พร้อมแล้วนะ คุณกฎสะดวกเมื่อไหร่เข้าไปเซ็นรับมรดกหมื่นๆล้านของคุณได้เลย ยินดีด้วยนะครับ”
“ขอบคุณครับคุณอรรถ แล้วผมจะโทร.ไปนัดล่วงหน้านะครับ”
“ครับ...ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับไปทำงานนะครับ”
กรกฎกับละอองดาวยกมือไหว้อรรถวาที ชวนชมมองคนโน้นทีคนนี้ทีแล้วทำเนียนเดินตามทนายประจำตระกูลเบ็ญจรงค์
“น้าชวนจะไปไหนคะ”
“ไปส่งคุณอรรถค่ะคุณดาว เดี๋ยวมา”
ชวนชมเดินจ้ำอ้าวตามอรรถวาทีออกไป...ที่แท้ชวนชมต้องการเปิดโอกาสให้กรกฎกับละอองดาวอยู่ด้วยกันตามลำพังนั่นเอง
กรกฎเล่าให้ละอองดาวฟังว่าตนไปวังนพดลมา ไปกราบขอบคุณเสด็จฯ ที่ท่านกำชับหมอให้ดูแลรักษาเธอเป็นอย่างดี แถมยังส่งมหาดเล็กมาคอยคุ้มกันความปลอดภัยให้อีก
“ดิฉันตระหนักและซาบซึ้งในน้ำพระทัยของเสด็จฯท่านเหลือเกิน...ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะคุณกรกฎ”
“ยินดีเรื่องอะไรเหรอ”
ก็เรื่องที่คุณจะรับมรดก ได้เป็นมหาเศรษฐีตัวจริงเสียทีไงคะ”
“เธอยินดีมากเหรอ”
“แน่นอนค่ะ แล้วดิฉันก็ยินดีกับตัวเองด้วย เพราะดิฉันหมดการเป็นภาระที่เป็นลูกตุ้มคอยถ่วงคุณแล้ว รู้สึกโล่งอกที่โซ่ตรวนที่มันผูกข้อมือของดิฉันกับคุณไว้ มันได้ถูกแก้ออกแล้ว”
“เธอก็จะได้ไปตามหนทางอิสระของเธอซะที”
“ใช่ค่ะ เช่นเดียวกับคุณเหมือนกัน”
“แล้วเธอจะไปไหนต่อไป วางอนาคตเอาไว้หรือยัง”
“ยังค่ะ”
“เธอยังจะเป็นน้องสาวพี่อยู่ตามเดิมหรือเปล่า”
“มันอยู่ที่คุณกรกฎเองต่างหาก ยังถือว่าดิฉันเป็นน้องสาวอยู่มั้ย”
กรกฎนิ่งไปครู่ แล้วปรับสีหน้ายิ้มแย้ม “เสด็จฯท่านรับสั่งกับพี่ว่าถ้าดาวหายดีแล้วจะให้ไปอยู่ที่วังนพดลกับท่าน เธอจะว่ายังไง”
“ท่านทรงเป็นนายจ้างที่ดิฉันทำงานอยู่ด้วย ทรงต้องการยังไงดิฉันก็ต้องปฏิบัติตามค่ะ”
กรกฎรู้สึกใจหายแต่ฝืนยิ้มถามว่า “พี่ลืมไปแล้ว ดาวได้เงินเดือนจากเสด็จฯท่านเท่าไหร่”
“สองหมื่นค่ะ”
“ถ้างั้นพี่จะจ้างเธอเดือนละสองแสน มาทำงานกับพี่ซะ”
“ถึงแม้เสด็จฯจะจ้างดิฉันเดือนละสองหมื่น ซึ่งน้อยกว่าที่คุณจะจ้างสิบเท่า แต่น้ำพระทัยเมตตาของท่านที่มีต่อดิฉันสูงค่ากว่าที่จะตีราคาใดๆได้ เพราะฉะนั้น ดิฉันไม่สามารถจะลาออกจากท่านได้อย่างเด็ดขาด เว้นแต่ท่านจะทรงไม่ต้องการเองค่ะ”
“พี่ล้อเล่นน่ะ พี่รู้ว่าดาวไม่ยอมลาออกจากเสด็จฯท่านแน่ๆ พี่เห็นด้วยว่าดาวควรจะอยู่กับท่าน รับใช้ฉลองพระบาทท่านให้สมกับที่ท่านเมตตาเธอ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าการไปทำงานและอยู่กับเสด็จฯที่วัง จะทำให้เราต้องขาดภาวะการเป็นพี่น้องกันนะ”
ละอองดาวไม่พูด แต่ยิ้มบางๆ พยักหน้ารับน้อยๆ
ooooooo
ผดาชไมเก็บตัวอยู่บ้านทั้งที่เบื่อและเซ็ง พอลงจากชั้นบนมาเห็นรุ้งเพชรกับสกุนตลานั่งรอก็ตีหน้ายักษ์ใส่ พูดเสียงแข็งว่า
“มาทำไมกันอีก ก็บอกแล้วไงว่าช่วงนี้ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะทำงาน”
“ดา...เธอมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า บอกเพื่อนได้นะ”
“ใช่ ฉันกับรุ้งเป็นห่วงเธอมากนะ มีปัญหาอะไรก็บอกมาเถอะ เผื่อเราจะช่วยเธอได้บ้าง”
“ไม่มีใครช่วยฉันได้หรอก”
“ฉันโทร.ไปยกเลิกคิวงานให้เธอเรียบร้อยแล้วนะ เหลือแต่คิวอัดแผ่นเสียงที่บริษัทพ่อเลี้ยงน่ะ”
“ทำไม?”
“ก็เขาเป็นฝ่ายโทร.มายกเลิกเองน่ะสิ โปรดิวเซอร์แจ้งว่าพ่อเลี้ยงสั่งเปลี่ยนนักร้อง ให้เอานักร้องคนใหม่มาร้องเพลงของเธอ เห็นว่าจะดันนักร้องคนนี้ขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของบริษัทด้วยนะ มันเกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว”
“เขาทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ”
“รีบไปแต่งตัวเถอะดา ฉันว่าเธอควรจะเข้าไปคุยกับพ่อเลี้ยงให้รู้เรื่องนะ”
“ไม่จำเป็นต้องไปหรอก ผมมาแล้ว” เสียงพูนสวัสดิ์ ดังมาก่อนตัว
ทุกคนหันไปมองงงๆ ผดาชไมนิ่งงันทำอะไรไม่ถูก รุ้งเพชรเชิญพูนสวัสดิ์นั่ง แต่เขาปฏิเสธเพราะคงใช้เวลาไม่นาน แล้วบอกให้ผดาชไมเซ็นยกเลิกสัญญากับบริษัท สกุนตลากับรุ้งเพชรตกใจและไม่เข้าใจ มองกันเลิ่กลั่ก
ผดาชไมปัดเอกสารตรงหน้าด้วยความโมโห ประกาศลั่นว่า “ฉันไม่เซ็น ถ้าคุณจะให้ฉันเซ็นก็จ่ายมา 50 ล้าน”
“มันไม่มากไปหน่อยเหรอผดาชไม”
“แค่นี้มันไม่ทำให้บริษัทคุณเจ๊งหรอกมั้ง คุณยกเลิกสัญญา ฉันเป็นฝ่ายเสียหาย เพราะฉะนั้นคุณต้องชดใช้”
“คุณนี่มันร้ายกว่าที่ผมคิดไว้เยอะนะ ตกลงไม่เซ็นใช่มั้ย”
ผดาชไมปฏิเสธเสียงแข็ง พูนสวัสดิ์โกรธมากสวนทันควันว่า
“งั้นผมก็จะดองคุณไว้อย่างงี้แหละ เลิกโปรโมต ระงับการขาย ไม่ป้อนงาน ดูซิว่าคุณจะอยู่ได้ยังไง คุณไม่มีที่ยืนในวงการแล้วผดาชไม”
“แก...ไอ้บ้า ไอ้คนเจ้าเล่ห์ แกจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ ที่ผมต้องทำอย่างนี้ก็เพราะคุณนั่นแหละ คุณหลอกผมมาตลอด ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อหวังกอบโกยทั้งชื่อเสียงและเงินทองจากผม ทั้งๆที่คุณไม่เคยมีใจให้ผมเลย และที่แย่กว่านั้น ผมรับไม่ได้ที่บริษัทผมจะมีนักร้องเป็นฆาตกร”
“ฆาตกร! นี่มันอะไรกันคะพ่อเลี้ยง”
“นี่คุณไม่รู้เหรอรุ้งเพชร ว่าเพื่อนคุณจ้างคนไปยิงละอองดาว”
“ไม่จริงใช่ไหมดา”
ผดาชไมโกรธจนตัวสั่น ปฏิเสธทั้งน้ำตา “ไม่จริง! อย่าไปเชื่อมัน มันโกหก”
“เซ็นซะ! แล้วส่งกลับไปที่บริษัทก่อนที่ตำรวจจะลากตัวคุณเข้าตะราง ส่งทางไปรษณีย์นะ เพราะผมไม่ต้องการเห็นหน้าคุณอีก ฆาตกรเลือดเย็นอย่างคุณมันเลวเกินกว่าที่ผมจะรับได้”
“ไอ้เลว! แกทำลายชีวิตฉัน” ผดาชไมกรีดร้อง ด่าทอและพุ่งเข้าตบหน้าพูนสวัสดิ์อย่างบ้าคลั่ง รุ้งเพชรกับสกุนตลาตกใจทำอะไม่ถูก
พูนสวัสดิ์ทั้งเจ็บทั้งโมโหจะตบผดาชไม ทันใด งามตาที่แอบดูอยู่ในครัววิ่งถือมีดเข้ามาเงื้อง่า สั่งให้เขาหยุด ถ้าเขาทำร้ายลูกสาวตน ตนแทงแน่
คำว่า “ลูกสาว” ทำให้ทุกคนชะงักงัน งามตาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ถือมีดขู่และไล่ทุกคนออกจากบ้านไป
คล้อยหลังทุกคน ผดาชไมร้องไห้โฮอย่างสุดกลั้น โผกอดแม่แล้วคร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง
“แม่! หนูไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ ทำไมชีวิตหนูต้องเป็นแบบนี้”
ooooooo
คํ่าคืนนี้สดายุคาดคั้นกรกฎกับธัชชัยเรื่องคนจ้างวานคนร้ายไปยิงละอองดาวจนได้ความจริงว่าคือผดาชไม...สดายุคาดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะร้ายกาจ ขนาดนี้
ขณะเดียวกัน กลุ่มเพื่อนชายและหญิงของผดาชไม ก็เพิ่งรู้เรื่องราวของผดาชไมจากปากรุ้งเพชรและสกุนตลา เพื่อนๆต่างวิพากษ์วิจารณ์ในทิศทางเดียวกันว่าไม่ชอบที่ผดาชไมโกหกว่าแม่ไม่ได้อยู่เมืองไทย แต่ไปทำธุรกิจร้านอาหารอยู่อเมริกา
“โกหกเรื่องแม่ ฉันยังพอรับได้ แต่เรื่องผู้ชายนี่สิ มีคุณกรกฎอยู่แล้วทั้งคนยังแอบไปมั่วกับพ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์อีก น่าเกลียดที่สุด ฉันรับไม่ได้จริงๆ”
“เลิกคบ! ทำตัวแย่ขนาดนี้ สมแล้วที่โดนพ่อเลี้ยงฉีกสัญญา”
ข้อสรุปของเพื่อนๆทำให้รุ้งเพชรกับสกุนตลาใจหายวาบ แอบบ่นกันว่า
“เห็นมั้ย ฉันเตือนเธอแล้วว่าอย่าเล่าเรื่องยัยดาให้เพื่อนๆฟัง แล้วเป็นไง แต่ละคนไม่มีใครรับได้เลย”
“ฉันขอโทษ ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้นี่นา นี่ยังดีนะที่ไม่บอกเรื่องที่ยัยดาจ้างคนไปยิงละอองดาวน่ะ”
เพื่อนๆเห็นรุ้งเพชรกับสกุนตลาแอบคุยก็สงสัย ถามว่าซุบซิบอะไรกัน รุ้งเพชรรีบยิ้มกลบเกลื่อน บอกว่าไม่มีอะไร...
เช้าวันถัดมา กรกฎนำกระเช้าดอกไม้ไปให้ละอองดาวที่โรงพยาบาล วางดอกไม้ข้างเตียงแล้วจับมือสองข้างของเธอพร้อมกับจ้องหน้า แย้มยิ้มแววตาเป็นประกาย
“ขอให้น้องสาวของพี่มีความสุขที่สุดในโลกเลย”
“ขอบคุณค่ะ คุณกรกฎ”
คาดไม่ถึง! กรกฎหอมแก้มละอองดาวอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเขินอายหน้าแดง ท้วงเขาว่าไม่ควรทำแบบนี้
“พี่ชายหอมแก้มน้องสาวไม่ได้หรือ”
“มาแต่เช้าเลยนะคะ ก่อนน้าชวนอีก”
“พี่อยากเป็นคนแรกที่มาอวยพรวันเกิดให้ดาว”
“เอ่อ...ทำไมจ้องหน้าดิฉันแบบนั้นล่ะคะ”
“พี่เคยเห็นดาวสวยที่สุดในคืนที่ดาวไปงานวัน ประสูติท่านชายสดายุ แต่น่าแปลกที่พี่กลับเห็นดาวสวยมากที่สุดวันนี้ ดาวดูสวยสง่ามีราศีเหมือนเจ้าหญิงเลยนะ”
“ตลกค่ะ คนเจ็บจะดูมีสง่าราศีได้ยังไงคะ ขอบคุณนะคะที่ทำให้ดิฉันมีความสุขแต่เช้าเลย”
“นี่ดาววัยเบญจเพสแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ ครบยี่สิบห้าปีเต็มวันนี้”
“มิน่าล่ะ...เขาถึงว่าคนในวัยเบญจเพสมักจะมีเรื่องอะไรแปลกๆ ถ้าไม่ใช่ทางด้านร้าย ก็ด้านดี...ดาวผ่านเคราะห์ร้ายมาแล้ว พี่ขอให้ดาวมีแต่เรื่องดีๆเข้ามาในชีวิตนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ชาย”
“วันนี้วันเกิดดาว...ดาวลืมอะไรไปรึเปล่า”
“ลืมอะไรเหรอคะ”
“ก็ของขวัญที่คุณพ่อท่านฝากไว้ให้ดาวไงล่ะ”
“จริงด้วยค่ะ ดิฉันลืมสนิทเลย ต้องเอาใบรับของไปขอรับที่ธนาคาร” หยิบซองเอกสารใต้หมอนออกมา “นี่ไงคะใบรับ น้าชวนเอามาให้ตั้งแต่เมื่อวานซืนแล้ว แต่จะไปรับได้ยังไง หมอก็ยังไม่ให้ออกจากโรงพยาบาล”
“ไม่เห็นจะยากนี่ ดาวก็เซ็นมอบฉันทะให้พี่ พี่จะไปรับของให้ดาวเอง พี่ไม่ยักยอกของขวัญของดาวหรอกน่า สาบานให้ก็ได้”
“ดิฉันเกรงใจคุณต่างหากล่ะ”
ละอองดาวหยิบปากกาที่โต๊ะหัวเตียงมาเซ็น มอบฉันทะลงในใบรับของก่อนยื่นให้กรกฎพร้อมกระเซ้ายิ้มๆว่า
“อนุญาตให้เปิดของขวัญดูได้ แต่ห้ามยักยอกนะ”
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าเจอของดี พี่ก็ต้องขอแบ่ง”
“ไม่ให้...”
“ขี้งก...โอเค พี่ไปล่ะ แล้วจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
กรกฎออกไปแล้ว ละอองดาวรอลุ้น...อยากรู้เหลือเกินว่าคุณพ่อฝากของขวัญอะไรไว้ให้ตน
ooooooo
เมื่อกรกฎไปถึงธนาคารก็แจ้งความจำนงพร้อมกับยื่นซองเอกสารให้เจ้าหน้าที่
“น้องสาวผมป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล หมอยังไม่อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล เขาให้ผมมารับของแทนครับ”
เจ้าหน้าที่รับคำและเปิดซองตรวจดูเอกสารครู่หนึ่ง “กรุณารอสักครู่นะครับ”
กรกฎนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ เจ้าหน้าที่หายไปครู่เดียวจริงๆ ก็กลับมาพร้อมกล่องเซฟ
“นี่ครับ ของที่ด็อกเตอร์ไกรท่านฝากไว้สำหรับให้คุณละอองดาว กรุณาตรวจดูให้เรียบร้อยด้วยนะครับ ทางธนาคารก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีอะไรอยู่ในนี้ คุณสังเกตที่รอยประทับตราครั่งและลายเซ็นของคุณพ่อคุณที่ติดอยู่กับกุญแจนี้นะครับ มันยังอยู่เรียบร้อยดี แสดงว่าไม่มีใครเปิดออกเลย เวลาจะเปิดก็ทำลายตราครั่งนี้ออกซะก่อน”
“ครับ ผมเข้าใจดี...คุณพอจะทราบไหมครับว่าคุณพ่อท่านฝากของสิ่งนี้ไว้ให้น้องสาวผมตั้งแต่เมื่อไหร่”
“รอสักครู่นะครับ” เจ้าหน้าที่หันไปหยิบสมุดรับฝากของมาเปิดดูวันที่รับฝากก่อนหันกลับมาตอบ “6 เดือนก่อนที่ด็อกเตอร์ไกรท่านจะเสียชีวิตครับ”
กรกฎขอบคุณเจ้าหน้าที่และนำเซฟนั้นกลับมาบ้าน แทนที่จะเอาไปให้ละอองดาวที่โรงพยาบาล ซึ่งเขาคิดว่าไม่เหมาะที่จะหอบมันไปที่นั่น
“อยากรู้เหมือนกันว่าคุณพ่อฝากอะไรไว้ให้ดาว เปิดดูได้น่า ก็ดาวอนุญาตแล้วนี่ สงสัยจะเป็นเครื่องเพชร”
ใช้เวลาไม่นานนักกรกฎก็ได้เห็นของขวัญสำคัญที่สุดในชีวิตของละอองดาว เพราะมันคือสูติบัตรของเธอ และจดหมายเก่าๆหลายฉบับที่เจ้าชายจักราชัยเคยเขียนติดต่อกับด็อกเตอร์ไกรขณะยังมีชีวิตอยู่
กรกฎถือวิสาสะเปิดจดหมายฉบับหนึ่งที่พ่อของตนเขียนถึงละอองดาวในฐานะลูกกำพร้า...ข้อความในจดหมายยาวมากจนเขาต้องวางลง แล้วเปลี่ยนไปหยิบใบสูติบัตรขึ้นมาแทน
เพียงเห็นชื่อและนามสกุลของละอองดาว กรกฎอึ้งงัน ชาวาบไปทั้งตัว เอ่ยออกมาเหมือนคนละเมอ
“ละอองดาว...เจ้าหญิงละอองดาว!!”
ooooooo