ตอนที่ 13
เมื่อคนป่วยดื้อ และคนดูแลก็รั้นเป็นที่หนึ่ง...สองฝ่ายจึงเอาชนะคะคานกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่กรกฎจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ กินยาแล้วนอนพัก ขณะที่ละอองดาวเป็นผู้ชนะเพราะขู่หนัก ทำให้ชวนชมอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองจะใช้วิธีขู่แบบเดียวกับละอองดาวบ้าง หากคุณหนูของตนยังดื้อจะกินแต่เหล้าอีก
หลังจากรบรากับกรกฎแล้วชนะ ละอองดาวกลับลงมาเล่นเปียโนที่ชั้นล่างอย่างอารมณ์ดี กรกฎตื่นขึ้นมาได้ยิน ถามพยาบาลว่าใครเล่น ประภาบอกว่าคุณผู้หญิง และยังชื่นชมเธอให้ฟังด้วยว่า
“คุณผู้หญิงเก่งมากนะคะ คุณคงภูมิใจในตัวเธอมาก เพราะเธอทั้งสวยจับใจ อ่อนหวาน น่ารัก ทั้งมีสง่าราศี แถมยังเล่นเปียโนได้อย่างกับนักเปียโนมืออาชีพ”
ชายหนุ่มยิ้มปลื้มกับคำพูดของประภา แต่สักครู่ก็อธิบายด้วยสีหน้าหม่นเศร้า
“คุณเข้าใจผิด เราไม่ได้เป็นสามีภรรยากันหรอกครับ ผมมีศักดิ์เป็นพี่ชาย เขาเป็นลูกบุญธรรมของคุณพ่อผม หลังจากคุณพ่อเสีย เราก็เห็นกันอยู่สองคนพี่น้อง มีบางสิ่งบางอย่างทำให้เราไม่ค่อยจะสนิทสนมกันนัก เขาเกลียดผม เป็นความเกลียดที่สมแก่เหตุแล้ว เพราะถ้าผมเป็นเขา ผมก็เกลียดตัวผมเองเหมือนกัน”
“ขอโทษจริงๆค่ะ ที่ดิฉันเข้าใจผิดตั้งแต่แรก แต่ดิฉันก็เห็นคุณละอองดาวดูแลเอาใจใส่คุณดีมากนะคะ ตั้งแต่วันที่คุณโดนพิษไข้เล่นงานแล้ว เธอมีความรู้ในทางพยาบาลไม่ใช่น้อย มองไม่ออกเลยนะคะว่าเธอไม่ชอบคุณ”
“ช่างมันเถอะครับ ผมไม่ควรพูดระบายอะไรออกมาเลย...คุณกรุณาลงไปพบน้องสาวผมหน่อยได้ไหมครับ”
กรกฎใช้ประภานำกระดาษโน้ตลงมาให้ละอองดาว เขาต้องการให้เธอเล่นเพลงที่ชอบ ซึ่งละอองดาวยอมเล่น แต่พอจบเพลงนี้ก็เปลี่ยนไปเล่นเพลงของนักร้องที่ชื่อผดาชไม
กรกฎนอนฟังเริ่มไม่เพลิดเพลิน เพราะรู้ว่าละอองดาวแกล้งตน จึงให้ประภาลงมาตามขึ้นไปพบ
แต่ละอองดาวปฏิเสธผ่านประภาว่า
“ช่วยไปบอกเขานะคะว่าฉันไม่ว่าง สี่ทุ่มครึ่งเพื่อนฉันจะมารับออกไปข้างนอก กว่าจะกลับก็คงดึกมาก ให้เขานอนไปเถอะค่ะ”
เมื่อประภากลับขึ้นไปรายงานตามนี้ กรกฎหงุดหงิดถึงกับนอนกระสับกระส่าย อยากรู้เหลือเกินว่าน้องสาวคนสวยจะออกไปเที่ยวกับผู้ใด?
ooooooo
คืนเดียวกัน ธัชชัยตั้งใจส่งข่าวของกรกฎที่กำลังป่วยหนักให้ผดาชไมรับรู้ แต่โทรศัพท์มาที่บ้านต้องผิดหวังไม่เจอตัว ได้แต่ฝากเรื่องไว้กับแม่บ้าน
ที่แท้งามตาแม่แท้ๆของผดาชไมนั่นเองที่รับโทรศัพท์ เธอรู้ว่ากรกฎป่วยหนักก็ร้อนใจ อยากให้ลูกสาว
กลับบ้านเร็วๆ จนเมื่อผดาชไมมาถึงหน้าบ้านพร้อมพ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์ งามตาไม่กล้าปรากฏตัว ได้แต่แอบดูอยู่ในบ้านอีกเหมือนเคย
พูนสวัสดิ์เห็นไฟฟ้าในบ้านเปิดสว่างจึงถามผดาชไมว่ามีคนอยู่หรือ
“สงสัยแม่บ้านน่ะค่ะ ดาสั่งให้เขามาเฝ้าบ้านช่วงที่ดาไม่อยู่...ขอบคุณนะคะ” ผดาชไมยิ้มหวาน คว้ากระเป๋าเดินทางจากมือพูนสวัสดิ์มาถือ “พ่อเลี้ยงรีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ ดาเองก็เหนียวตัวจะแย่แล้ว อยากอาบน้ำ”
“ให้ผมไปถูหลังให้ไหมครับ มือผมเบานะฮันนี่”
ผดาชไมยิ้มมีจริต ผลักไสเขาอย่างเอียงอาย
พูนสวัสดิ์ชอบใจยิ้มหน้าบาน
“โอเค...พรุ่งนี้ 5 โมงเย็นผมมารับนะครับ งานครบรอบหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่แบบนี้เราต้องไม่พลาด เขาจะได้เขียนเชียร์คุณ ช่วยโปรโมตเพลงให้เรา พอเพลงดัง ยอดขายแผ่นก็แล่นฉิว แค่ลงทุนซื้อของติดไม้ติดมือไปอวยพรเขานิดหน่อยเอง”
“แหม...พ่อเลี้ยงนี่เจ้าเล่ห์ไม่เบานะคะ”
“เรียกว่าฉลาดดีกว่าครับ คนทำธุรกิจมันก็ต้องคิดให้ไกล บวกกำไรเสมอ โอเค ผมไปล่ะ พรุ่งนี้เจอกัน”
พูนสวัสดิ์หอมแก้มผดาชไมก่อนไป...งามตามองจากในบ้าน ชักสีหน้าไม่พอใจ บ่นพึมพำอย่างกังวล
“ไอ้พ่อเลี้ยงนี่มันกรุ้มกริ่ม ลื่นไม่ใช่เล่น แกจะจับมันอยู่เหรอวะนังหนู”
ooooooo
กลางดึก ละอองดาวขึ้นมาบนห้องกรกฎ
ประภาส่งยิ้มให้ก่อนเดินเลี่ยงออกไปที่ระเบียง
ละอองดาวเดินมานั่งข้างเตียง มองคนป่วยนอนหลับตานิ่งไร้พิษสงแล้วอดยิ้มไม่ได้ ผ่านไปไม่นานได้ยินเสียงเขาบ่นพึมพำทั้งที่ยังหลับตา
“ตอนนี้เขาคงแต่งตัวสวย นั่งรอเพื่อนชายที่จะมารับ คุณรู้ไหมเขาจะไปกับใคร”
“ไม่รู้หรอกค่ะ”
“กับเจ้าคำอินทร์...”
ละอองดาวเบ้ปากหมั่นไส้ “เขาจะไปกับใครที่ไหนแล้วมันเรื่องอะไรของตัวล่ะยะ พ่อคนชอบยุ่ง”
กรกฎสะดุ้งลืมตาโพลง คนตรงหน้าไม่ใช่พยาบาลประภา แต่เป็นละอองดาวต่างหาก
“เจ็บจะตายอยู่แล้ว ยังนินทาคนอื่นอีกเหรอ”
“นี่เธอยังไม่ไปเหรอดาว”
“ไปแน่ เดี๋ยวไป แวะขึ้นมาดูหน่อยเดียวว่าตายหรือยัง”
“เธอคงอยากให้พี่ตายล่ะสิ แต่พี่ไม่ตายง่ายๆหรอก”
“แน่ล่ะ คนนินทาเก่งอย่างงี้ตายยาก ท่านยมบาลไม่เอาไปหรอก ขนาดหลับปากยังนินทาคนอื่นได้เลย”
“ดาว...เธอจะออกไปเที่ยวกับคำอินทร์จริงๆเหรอ พี่ขอร้อง อย่าไปนะ ดึกดื่นอย่างงี้ไม่เหมาะ เธอเป็นผู้หญิง อยู่บ้านเถอะ เชื่อพี่ ไปนอนซะ”
“ฉันจะไป”
“พี่เป็นพี่ของเธอนะดาว พี่สั่งไม่ให้เธอไป”
“จะไปซะอย่าง คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน” ละอองดาวเมินหน้าหนี กรกฎหน้าบึ้ง มองอย่างขัดใจ
ooooooo
ส่วนที่บ้านผดาชไม...งามตาเพิ่งบอกเล่าอาการป่วยของกรกฎให้ลูกสาวฟัง หญิงสาวตกใจไม่น้อย อุทานเสียงแหลม
“กฎป่วยหนัก?”
“ใช่ คุณธัชชัยเขาโทร.มาบอกเมื่อกี้นี้เอง แกต้องไปเยี่ยมเขานะนังหนู เดี๋ยวคุณกรกฎเขาจะหาว่าแกใจจืดใจดำ”
“หนูต้องไปอยู่แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก”
“สับรางให้ดีนะนังหนู อย่าให้พ่อเลี้ยงจับได้ล่ะ ...แม่มาคิดๆดู แม่ว่าแกน่าจะเลือกเอาซักคนนะ จับปลาสองมืออย่างงี้มันไม่ดีหรอก เกิดพลาดท่าขึ้นมา ปลามันจะหลุดไปทั้งสองมือ แกจะไม่เหลือใครเลย”
“ตอนนี้หนูยังเลือกไม่ได้หรอกแม่ กับพ่อเลี้ยงหนูเซ็นสัญญาเป็นนักร้องในสังกัดของเขา หนูต้องอาศัยแรงโปรโมตจากเขา กอบโกยทั้งชื่อเสียงและเงินทอง ส่วนกฎถึงจะรวยกว่า แต่เขาก็ยังแต่งงานกับหนูไม่ได้”
“ทำไม”
“ก็เคยเล่าให้แม่ฟังแล้วไง ไอ้เรื่องพินัยกรรมบ้าๆนั่นแหละ คุณพ่อกฎเขียนพินัยกรรมผูกมัดเอาไว้ว่ากฎต้องแต่งงานกับนังละอองดาว เขาถึงจะได้รับมรดก ถ้ากฎแต่งกับหนูตอนนี้ กฎก็จะไม่ได้อะไรเลย”
“งั้นแกก็หมดหวังที่จะได้แต่งงานกับคุณกรกฎน่ะสิ”
“ไม่หรอกแม่ หนูยังมีหวัง ถ้านังละอองดาวมันทำหนังสือปฏิเสธการแต่งงานกับกฎ กฎก็จะเป็นอิสระ หรือไม่ก็ต้องรอให้ครบกำหนดสามปี กฎถึงจะได้รับมรดก”
“แล้วแม่ละอองดาวนั่นจะยอมปล่อยให้มหาเศรษฐีหลุดมือไปง่ายๆเหรอ”
“นี่แหละที่หนูกลุ้มจนอกแทบระเบิด นังละอองดาวมันร้ายจะตาย จนป่านนี้มันยังไม่ยอมทำหนังสือปฏิเสธการแต่งงานกับกฎเลย ทำเป็นยักท่ายื้อเวลา นังนี่มันแผนสูง มันต้องคิดจะรวบหัวรวบหางกฎแน่ๆ แต่ฝันไปเถอะนังละอองดาว แกจะไม่มีวันได้ทั้งตัวกฎและมรดกของเขา”
ผดาชไมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่มีวันญาติดีกับละอองดาวเป็นแน่แท้
ooooooo
ละอองดาวกับกรกฎยังคงทุ่มเถียงกันไม่จบ กระทั่งกรกฎโมโหทำท่าจะลุกขึ้น แต่ก็ลุกไม่ไหว หงายหลังนอนลงไปอีก
“ดาว...ทำไมเธอดื้ออย่างนี้”
“จะไปซะอย่าง ใครจะทำไม เก่งจริงก็ลุกขึ้นมาห้ามสิ”
เมื่อละอองดาวยังกวนโมโหไม่เลิก กรกฎกัดฟันเอื้อมมือจะดึงสายน้ำเกลือออก เธอรีบคว้ามือเขาไว้แล้วตีแขนดังเพียะ
“จะทำอะไร อย่านะ”
“ถ้าเธอไป พี่จะไม่รักษาตัวอีกแล้ว ปล่อยให้มันตายไปเลย”
“อย่ามาประชด ปากเก่งนักนะ...เห็นมั้ยนี่อะไร เดี๋ยวเหอะ จะตัดปากตัดมือให้พิการไปเลย” เธอหยิบกรรไกรมาขู่คนป่วย
กรกฎไม่มีวี่แววของความกลัว แถมยังตัดพ้อต่อปากต่อคำไม่หยุดหย่อน
“คนใจร้าย ตัดขั้วหัวใจพี่เลยสิ จะได้ตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”
“อย่ามาท้านะ ฮึ! ปากเก่ง อวดดี ขี้ประชด เนี่ยเหรอคนป่วย”
“คนป่วยไม่มีหัวใจรึไง”
“หัวใจที่มีเจ้าของแล้ว ไม่มีความหมายหรอกค่ะ”
“หัวใจที่ว้าเหว่ โดดเดี่ยวต่างหาก ทุกข์ระทม ไม่มีใครเมตตา หัวใจที่หลอกตัวเองมาตลอด หัวใจที่มันโง่เขลา”
“ช่วยไม่ได้”
“ใช่ ไม่มีใครช่วยได้หรอก พี่ทำกรรมอะไรไว้ กรรมนั้นมันก็กำลังสนองพี่อยู่แล้ว”
“รู้ตัวก็ดีแล้ว พูดมากเหลือเกิน ได้เวลากินยาแล้ว”
“พี่ไม่กิน...รับปากกับพี่ก่อนว่าเธอจะไม่ออกไปกับคำอินทร์ ถ้าเธอยอมอยู่บ้านพี่จะยอมกินยา”
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาต่อรองมิทราบ”
“งั้นพี่ก็ไม่กิน”
“ไม่กินก็ตามใจ ปล่อยให้นอนพะงาบๆอยู่อย่างงี้แหละ เอาไว้ให้คู่รักของคุณมาดูแลเองก็แล้วกัน”
ละอองดาววางถ้วยยาแล้วลุกเดินไปที่ประตู กรกฎจนมุมร้องลั่นว่าตนยอมแล้ว...ครั้นคนป่วยกินยากินน้ำเสร็จเรียบร้อย ผู้ดูแลก็ทำท่าจะผละหนี แต่เขาไม่ยอม จับมือเธอไว้แน่น
“พี่จะจับมือดาวเอาไว้อย่างงี้แหละ ดาวจะได้ออกไปไหนไม่ได้”
กรกฎไม่ได้จับแค่มือเดียว แต่เอามืออีกข้างมาจับด้วย ละอองดาวคร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับคนป่วยอีก
ยอมนั่งอยู่กับที่ให้เขากุมมืออยู่อย่างนั้น
ooooooo
เช้าวันถัดมาละอองดาวไปทำงานที่วังนพดล เธอเข้ามาถวายความเคารพเสด็จพระองค์หญิงพราว-นภางค์อย่างนอบน้อมถ่อมตนเช่นเดิม
“กราบใต้ฝ่าพระบาท หม่อมฉันขออนุญาตเข้าเฝ้าถวายงานเพคะ”
“มาแต่เช้าเลยนะละอองดาว คุณกรกฎเป็นยังไงบ้าง”
“อาการดีขึ้นมากเพคะ ลุกขึ้นเดินได้บ้าง เริ่มทานอาหารได้บ้างเพคะ”
“เธอต้องเตือนๆเขาบ้างนะ อย่าดื่ม อย่าเที่ยวเตร่ให้มากนัก มันเสียสุขภาพ”
“เขาดื้อมาก คงไม่ฟังหม่อมฉันหรอกเพคะ”
“ไม่ฟังก็ต้องเตือน เตือนบ่อยๆเขาก็จะฟังเองแหละ ให้มันรู้ไปว่าเขาจะไม่เห็นความหวังดีของเรา ทีแรกฉันก็คิดจะไปเยี่ยมเขาเหมือนกัน แต่มานึกๆดูไม่ไปดีกว่า”
“ทำไมเหรอเพคะ”
“ฉันกลัวเขาจะจับไข้อาการหนักกว่าเดิมน่ะสิ เวลาเจอฉัน เขาดูกลัวๆเกร็งๆ ไม่รู้จะกลัวทำไม ฉันไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน เอ๊ะ หรือว่าฉันดูน่ากลัว”
“ไม่หรอกเพคะ คุณกรกฎคงประหม่า วางตัวไม่ค่อยถูกน่ะเพคะ”
“ประหม่าก็ต้องมาเจอกันบ่อยๆสิ จะได้ชิน นี่ชายยุคงไม่รู้ข่าวว่าเพื่อนเขาป่วย เห็นว่าไปราชการที่กรุงเบิร์นตั้งเป็นเดือน ไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่ เอ้อ แล้วนี่คนรักของกรกฎไปเยี่ยมเขาบ้างรึเปล่า”
“หม่อมฉันไม่แน่ใจว่าคุณผดาชไมจะทราบข่าวรึยัง แต่หม่อมฉันก็บอกคุณธัชชัยให้ส่งข่าวบอกเธอตั้งแต่ตอนที่คุณกรกฎป่วยใหม่ๆแล้วนะเพคะ”
“อะไรกัน! คนรักนอนป่วยตั้งนานยังไม่มาเยี่ยมอีกเหรอ อย่าหาว่าฉันไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขาเลยนะ ฉันว่าผู้หญิงคนนี้ดูแปลกๆ เขารักพี่ชายเธอจริงๆหรือเปล่า”
ละอองดาวนิ่งอึ้ง ก้มหน้าไม่รู้จะตอบอย่างไร
ooooooo
ขณะที่ละอองดาวออกไปทำงาน ธัชชัยได้มาเยี่ยมกรกฎที่อาการดีขึ้นตามลำดับ สองหนุ่มทักทายหยอกล้อกันประสาเพื่อนสนิท
“อ้าว...ยังไม่ตายนี่หว่าไอ้เพื่อนยาก”
“ไอ้ธัช! ปากแกนี่มันน่าโดนกำปั้นยัดจริงๆ”
“ล้อเล่น...ก็อยากให้แกหัวเราะมั่ง จะได้หายเร็วๆ”
“นี่แกหายหัวไปไหนมาวะ”
“คุณดาวไม่ได้บอกแกเหรอ ฉันไปธุระเรื่องคดีที่เชียงใหม่ตั้งสองอาทิตย์”
“บอกมั้ง แต่ฉันจำไม่ได้ว่ะ ช่วงก่อนมันเบลอๆ จำอะไรไม่ค่อยได้”
“แกต้องเพลาๆเรื่องดื่มเรื่องเที่ยวมั่งนะเพื่อน เดี๋ยวจะตายก่อนวัยหรือไม่ก็เป็นบ้าตอนแก่”
“นี่เตือนหรือด่าวะเนี่ย”
“ก็สองอย่างนั่นแหละ อย่างแกเตือนดีๆไม่ฟังหรอก ต้องมีขู่มีด่ามั่ง แล้วนี่คุณผดามาเยี่ยมแกรึยังวะ”
กรกฎส่ายหน้า บอกว่าเธอหายหน้าไปเลย
“ฉันโทร.บอกเขาแล้วนะ ตอนโทร.ไปแม่บ้านรับสาย เห็นว่าคุณผดาไปโปรโมตเพลงที่เมืองนอกน่ะ เดี๋ยวรู้ข่าวก็คงมามั้ง”
“มาก็ได้ ไม่มาก็ดี บางทีก็น่ารำคาญ”
“เฮ้ย! ไอ้กฎ แกพูดแบบนี้ได้ยังไงวะ ความรักของแกกับคุณผดามันจืดจางแล้วหรือไง นี่อย่าบอกนะว่าแกมีใจให้คุณ...เอ่อ...คนอื่นแล้ว”
ธัชชัยไม่กล้าพูดชื่อละอองดาวออกมา แต่กรกฎรู้ว่าหมายถึงเธอ จึงเมินหน้าหลบสายตา นิ่งเงียบไป
ooooooo
ที่วังนพดล เริงใจกับชลทิชาแวะมาหาละอองดาวพร้อมขนมนมเนยที่ตั้งใจซื้อมากินกับเพื่อนรัก เมื่อรู้ว่ากรกฎล้มป่วย สองสาวตกใจ อยากรู้ว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง ละอองดาวบอกว่าดีขึ้นมาก เริงใจพูดโพล่งว่า
“รู้ช้าไปหน่อย ถ้ารู้เร็วกว่านี้จะได้ไปสมน้ำหน้า”
“ยัยนิด! ยังไม่เลิกโกรธเคืองคุณกรกฎอีกเหรอ” ชลทิชาปราม
“คงยาก เขาทำไม่ดีกับแตนเอาไว้ไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะยัยงิ้วผดาชไม”
“ถึงผดาชไมจะร้ายกับแตน แต่คุณกรกฎก็ไม่ได้ร้ายด้วยนะ มันคนละคนกัน เธอต้องแยกแยะบ้างนะนิด”
ละอองดาวเห็นด้วยกับชลทิชา บอกเริงใจว่า “อย่าไปโกรธเคืองเขาเลยนิด ลืมๆไปบ้างเถอะ ไปขุ่นเคืองเขาใจเราก็ไม่สบาย”
เริงใจกระเง้ากระงอดค้อนตาคว่ำ หาว่าตนโดนเพื่อนรุม ละอองดาวอดหัวเราะไม่ได้ อธิบายว่าตนกับชลทิชาไม่ได้รุม แค่อยากให้เธอปล่อยวาง
“ถามจริงๆแตน เธอยกโทษให้อีตากรกฎได้เหรอ เขาทำร้ายจิตใจเธอมากนะ”
“ฉันยอมรับว่าเคยโกรธเกลียดเขามาก อยากให้เขาเจ็บปวดเหมือนอย่างที่เขาทำให้ฉันเจ็บ แต่เมื่อเวลาผ่านไปฉันกลับรู้สึกว่ามันเป็นความคิดที่แย่มาก เขาจะเจ็บหรือไม่เจ็บมันก็เป็นเรื่องของเขา แต่เรานี่สิโดนอารมณ์โกรธเกลียดที่มันร้อนเหมือนไฟเล่นงานใจเราเองโดยไม่รู้ตัว”
“เธอวางได้เยอะนะแตน เข้มแข็งมาก”
“ทุกข์มันก็เหมือนก้อนหินนะชล ถือไว้แบกไว้มันก็หนักเปล่าๆ จริงไหมจ๊ะนิด”
เริงใจถอนใจเฮือกก่อนตอบ “จริงมั้ง ฉันจะพยายามปล่อยวางบ้างก็แล้วกัน แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหน เอ้า มัวแต่คุยกันเพลิน กินสิแตน อุตส่าห์ซื้อมาฝาก ของโปรดเธอทั้งนั้น”
สามสาวกินขนมกันไป คุยกันไปไม่หยุดปาก
ooooooo
ตกเย็นผดาชไมนำกระเช้าผลไม้มาเยี่ยมกรกฎ โดยให้ยอดรักถือตามขึ้นมาวางไว้ในห้อง หญิงสาวออดอ้อนฉอเลาะคู่รักราวกับอยู่กันสองคน ทั้งที่ในห้องมียอดรัก ชวนชม และวนิดา
“กฎขา...ดาคิดถึงกฎจังเลยค่ะ”
“เธอหายไปไหนมา นึกว่าลืมฉันเสียแล้ว”
“โถๆๆ กฎอย่าน้อยใจสิคะ ดาไปโปรโมตเพลงที่ฟิลิปปินส์เป็นอาทิตย์เลย กลับมาพอรู้ข่าวจากคุณธัช ดาก็รีบมาเยี่ยมกฎนี่ไงคะที่รัก คิดทึ้งคิดถึง กฎล่ะคะ คิดถึงดาบ้างมั้ย”
ผดาชไมกอดคลอเคลียซบหน้ากับอกกรกฎ
สามคนที่อยู่ในห้องพากันจ้องมองเป็นตาเดียวกัน กรกฎเห็นแล้วอาย ปรามคู่รักของตนว่าพอแล้ว
เมื่อผดาชไมหันไปเห็นสามคนมองตาก็ผละจากกรกฎแล้วถลึงตาใส่ “จ้องอะไรกัน ไม่มีมารยาท ไม่มีอะไรทำกันหรือไง”
ว่าแล้วก็ชี้นิ้วสั่งการราวกับเจ้าของบ้าน ให้ชวนชมไปเอาน้ำส้มคั้นสดๆมาให้ตน ห้ามใส่เกลือ ห้ามใส่น้ำตาลเพราะตนกำลังคุมแคลอรี และข้าวของที่วางเกลื่อนอยู่บนโต๊ะให้เก็บออกไป ผ้าม่านก็ต้องเปลี่ยนใหม่ เอาสีสดๆมา คนไม่สบายให้นอนในห้องสีทึมๆได้ยังไง จิตใจห่อเหี่ยว แล้วอย่าลืมเอาผลไม้ไปปอกด้วย
“อ้อ...ยอดรัก ไปล้างรถให้ฉันด้วย ล้างดีๆนะ อย่าให้รถเป็นรอยเป็นคราบล่ะ”
ยอดรักรับคำแล้วช่วยชวนชมกับวนิดาเก็บข้าวของบนโต๊ะรวมทั้งกระเช้าผลไม้ออกไป กรกฎไม่ชอบใจนักกับความเจ้ากี้เจ้าการของคู่รัก ปรามเสียงเนือยๆว่า
“ไปสั่งอะไรเขาเยอะแยะน่ะดา วุ่นวายไปหมด”
“ไม่เห็นจะวุ่นตรงไหนเลย มีคนรับใช้ก็ต้องใช้สิคะ” ผดาชไมเข้ากอดคลอเคลียอีก โดยไม่รู้ว่ากรกฎลอบทำหน้าเบื่อหน่าย...
ฝ่ายสามคนที่หอบหิ้วข้าวของลงมาชั้นล่าง ชวนชมนั้นไม่พอใจในความเรื่องมากของผดาชไมเอาเสียเลย ขณะที่วนิดากลับชื่นชมในความโด่งดังของนักร้องสาว
“เพิ่งรู้นะคะว่าคุณกรกฎมีแฟนเป็นดารา คุณฮันนี่ตัวจริงเธอสวยนะคะ”
“สวยแต่รูป จูบไม่หอมน่ะสิคะ จูบไปก็เหม็น” คำพูดของชวนชมเล่นเอายอดรักหัวเราะก๊าก ถามว่าป้าเคยจูบคุณผดาชไมเหรอ
“ไอ้ทะลึ่ง อย่ามากวนประสาทนะ ฉันยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย ไปล้างรถเลยไอ้ยอด เดี๋ยวโดนนางยักษ์นั่นเล่นงานจะหาว่าฉันไม่เตือน”
ยอดรักรับคำ ส่งกระเช้าผลไม้ให้ชวนชมถือแล้ววิ่งแจ้นออกไป
“คุณวนิดาเอาของวางไว้แถวนี้ก็ได้ค่ะ ขึ้นไปเฝ้าคุณกฎต่อเถอะ”
“ไม่เหมาะมั้งคะ รอให้คุณฮันนี่กลับไปก่อนดีกว่า”
ชวนชมพยักหน้าเนือยๆ บ่นอย่างกลุ้มๆ ก่อนเดินเข้าครัวไป “นี่เธอจะรู้ตัวมั้ยเนี่ย ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้เลย มาถึงก็ชี้นิ้วสั่งๆๆ อย่างกับเป็นคุณผู้หญิงบ้านเบ็ญจรงค์”
เวลานั้นผดาชไมหรือฮันนี่กำลังเอาอกเอาใจกรกฎสุดฤทธิ์ บีบนวดแขนขาให้เขาจากเบาเป็นหนักจนคนป่วยเจ็บถึงกับร้องโอดครวญ บอกให้พอได้แล้ว
“ทำไมล่ะคะ ให้ดานวดต่อเถอะค่ะ ดาอยากทำอะไรให้กฎบ้าง นวดแบบนี้กฎจะได้สบายตัวไงคะ”
“มันจะเจ็บไปทั้งตัวน่ะสิ ฉันเพิ่งฟื้นไข้นะดาบีบนวดตรงไหนมันก็เจ็บไปหมด”
“จริงสิ ดาลืมไปว่ากฎยังไม่หายดี ขอโทษนะคะ งั้นกอดแทนก็แล้วกัน กฎต้องหายเร็วๆนะคะ จะได้พาดาไปเที่ยวบ้าง ไปเที่ยวกับใครก็ไม่มีความสุขเท่าไปกับกฎหรอกค่ะ”
“เธอไปเที่ยวกับใคร”
ผดาชไมชะงักที่พลั้งปาก...ยิ้มกลบเกลื่อนบอกว่า “ก็เพื่อนๆนั่นแหละ พวกรุ้งเพชร สกุนตลาไงคะ”
“แล้วพรุ่งนี้เธอจะมาหาฉันรึเปล่า”
“พรุ่งนี้...ดามีคิวงานน่ะ แล้วมะรืนดาก็ต้องไปงานแฟชั่นที่เชียงใหม่อีกหลายวัน เฮ้อ! กลับมาก็มีแต่งานๆๆ แทบไม่มีเวลาให้คนรักเลย กฎอย่าน้อยใจนะคะ”
“ฉันชินแล้ว”
ผดาชไมออดอ้อนคลอเคลีย แต่แล้วนึกได้ถามว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว
“จะห้าโมงเย็นแล้ว”
“ตายแล้ว!!” เธออุทานหน้าตื่น เพราะนัดกับ
พูนสวัสดิ์ไว้ตอนห้าโมงเย็น แต่หัวไวบอกกรกฎว่ามีนัดกับรุ้งเพชรจะคุยเรื่องงาน ป่านนี้เธอคงไปรอแล้ว
“เธอก็โทร.ไปเลื่อนเวลาเขาสิ โน่นไง โทรศัพท์เครื่องนี้ก็โทร.ออกข้างนอกได้”
ผดาชไมจะพุ่งไปที่โทรศัพท์ แต่ชะงักนึกได้ว่าต้องไม่พูดต่อหน้ากรกฎ จึงขอไปใช้เครื่องข้างล่างเพราะต้องไปเอาสมุดโทรศัพท์ในรถ
ooooooo
ใกล้เวลานัดเต็มที พูนสวัสดิ์มาถึงบ้านผดาชไมและเจองามตาเฝ้าบ้านอีกเหมือนเคย งามตาจวนตัวไม่รู้จะเลี่ยงหนียังไง จำต้องต้อนรับขับสู้แขกของลูกสาวโดยโกหกว่าตนเป็นแม่บ้าน แต่เรียกเขาถูกต้องว่าพ่อเลี้ยง ทำให้เจ้าตัวสงสัยถามว่ารู้จักตนด้วยหรือ
“ค่ะ ก็คุณฮันนี่เคยพูดถึงพ่อเลี้ยงให้อิฉันฟังน่ะค่ะ เชิญนั่งก่อนค่ะ คุณฮันนี่ออกไปข้างนอก ไม่ทราบว่าพ่อเลี้ยงนัดเธอเอาไว้รึเปล่าคะ”
“นัดสิ ฉันนัดฮันนี่เอาไว้ห้าโมงเย็นจะไปงานด้วยกัน แล้วนี่ฮันนี่ออกไปไหน เธอรู้มั้ย”
“ไม่รู้ค่ะ คุณฮันนี่ไม่ได้บอกเอาไว้ แต่ถ้าคุณฮันนี่นัดพ่อเลี้ยงเอาไว้ เธอก็ไม่น่าจะลืมนะคะ เดี๋ยวก็คงจะมามั้งคะ พ่อเลี้ยงนั่งเล่นไปพลางๆก่อนนะคะ เดี๋ยวอิฉันไปเอาน้ำเย็นมาให้”
พูนสวัสดิ์พยักหน้า หยิบแมกกาซีนมาอ่านฆ่าเวลา งามตาเดินหายเข้าไปในครัว สักครู่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ห้องรับแขกดัง เธอรีบร้อนออกมาพร้อมถาดใส่แก้วน้ำ บอกพ่อเลี้ยงที่กำลังจะลุกไปรับโทรศัพท์ว่า
“เดี๋ยวอิฉันรับเองค่ะพ่อเลี้ยง”
งามตาพูดคุยกับผดาชไมอย่างระมัดระวัง กลัวพูนสวัสดิ์จะได้ยิน แต่บางช่วงก็เผลอพูดเสียงดัง โดยเฉพาะตอนที่รู้ว่าผดาชไมไปเยี่ยมกรกฎถึงบ้าน
เมื่อผดาชไมรู้ว่าพูนสวัสดิ์มารอเธอแล้ว จึงให้แม่เรียกเขามาพูดกับตน ก่อนที่แม่จะเผลอพูดอะไรออกมาจนความลับแตกกันพอดี
“พ่อเลี้ยงคะ คุณฮันนี่จะคุยสายด้วยค่ะ” บอกเสร็จงามตาถอยไปยืนสังเกตการณ์อยู่มุมหนึ่ง
“สวัสดีครับที่รัก นั่นคุณอยู่ที่ไหนครับ”
“ดาออกมาคุยกับรุ้งเพชรเรื่องงานน่ะค่ะ คุยเพลินจนลืมเวลาไปเลย ต้องขอโทษพ่อเลี้ยงมากๆเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ บอกผมมาสิครับว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน เดี๋ยวผมจะได้รับแล้วไปงานด้วยกันเลย”
“อุ๊ย ไม่ต้องหรอกค่ะ ลำบากพ่อเลี้ยงเปล่าๆ เอาอย่างงี้ดีกว่าค่ะ พ่อเลี้ยงไปรอดาที่งานก่อนนะคะ เดี๋ยวดาจะรีบกลับไปเปลี่ยนชุด แล้วเราเจอกันที่งานเลย”
“โอเค อย่างงั้นก็ได้ครับ แต่อย่าช้านะฮันนี่ ไปสายมากเดี๋ยวเขาจะมองเราไม่ดี”
“ค่ะ รับรองไม่เกินชั่วโมงครึ่ง ดาไปถึงที่งานแน่นอน พ่อเลี้ยงไม่โกรธดานะคะ ดาลืมจริงๆ เดี๋ยวเจอกันจะให้ทำโทษจุ๊บๆทีนึงค่ะ” ผดาชไมพูดเอาใจ โดยไม่รู้ว่าชวนชมแอบฟังอยู่ตกใจแทบอุทานออกมา แล้วอีกครู่ก็ได้ยินเธอพูดอย่างมีจริตว่า “อุ๊ย พ่อเลี้ยงน่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ ดาเขินนะ แหม...ก็เคยบอกแล้วไงคะ รักแล้วต้องรอหน่อย โอเคนะคะ เดี๋ยวเจอกันค่ะพ่อเลี้ยง”
ผดาชไมวางสายแล้วถอนใจ บ่นตัวเองว่าลืมนัดสำคัญขนาดนี้ได้ยังไง...ส่วนชวนชมที่แอบฟัง สงสัยเหลือเกินว่าพ่อเลี้ยงคือใคร?
เมื่อละอองดาวรู้จากชวนชมก็สงสัยเช่นเดียวกัน ชวนชมบอกว่าตนไม่รู้จริงๆ ได้ยินผดาชไมคุยโทรศัพท์ น่าจะสนิทสนมกันมาก
“ตายจริง นี่น้าชวนแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์เหรอคะ”
“น้าก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะคุณดาว น้าทำงานอยู่ในครัว มันบังเอิญได้ยินน่ะค่ะ เลยแอบดูซะหน่อย คุณดาวขา...น้าว่ามันชักจะยังไงๆอยู่นะคะ”
“ไอ้ยังไงๆของน้าชวนเนี่ยมันคือยังไงล่ะคะ”
“น้าว่าแม่ผดาชไมต้องกำลังสวมเขาให้คุณกฎแน่ๆ”
“น้าชวน! พูดอะไรออกมา”
“จริงๆนะคะ แม่ผดาชไมกับพ่อเลี้ยงนั่นต้องไม่ใช่แค่คนรู้จัก หรือแค่เพื่อนแน่ๆ น้าเห็นแม่นั่นคุยโทรศัพท์ท่าทางออดอ้อนฉอเลาะ กระดี๊กระด๊าเหลือเกิน เห็นหล่อนบอกว่าจะให้พ่อเลี้ยงทำโทษจุ๊บๆด้วยนะคะ อุ๊ย น่าเกลียด ก่อนวางสายยังบอกอีกว่ารักแล้วต้องรอหน่อย โอย...ฟังแล้วขนลุก”
“มันก็เรื่องของเขา น้าชวนอย่าไปสนใจเลยค่ะ”
“ไม่สนไม่ได้หรอกค่ะ มันเกี่ยวกับคุณกฎนะคะ คอยดู น้าจะฟ้องคุณกฎ”
“อย่านะน้าชวน”
“ทำไมล่ะคะ คุณดาวจะปล่อยให้คุณกฎโดนแม่นั่นสวมเขาแบบนี้เหรอคะ”
“มันเรื่องส่วนตัวของเขานะคะ จะจริงหรือไม่จริง ก็ปล่อยให้คุณกรกฎรู้เองเถอะค่ะ ถ้าน้าชวนไปพูดตอนนี้ แล้วเกิดเรื่องมันไม่ใช่อย่างที่น้าชวนคิด น้าชวนเองจะเสียผู้ใหญ่เอานะคะ”
“ก็จริงอย่างที่คุณดาวว่านะคะ อุ๊ย น้าทำข้าวต้มเอาไว้ให้คุณกฎ ป่านนี้เละเป็นโจ๊กไปแล้วมั้ง”
ชวนชมรีบลุกออกไป ทิ้งให้ละอองดาวนั่งครุ่นคิดและรำพึงถามตัวเองว่า
“ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ฉันควรจะสงสารคุณรึเปล่า คุณกรกฎ”
ooooooo
ค่ำลงชวนชมกับละอองดาวนำข้าวต้มกุ้งไปให้กรกฎ ชวนชมส่งเสร็จก็รีบถอยออกจากห้องอย่างรู้งาน แต่ยังไม่ไปไหนไกล แง้มประตูแอบดูความเป็นไปของสองพี่น้องด้วยรอยยิ้ม
กรกฎอ้อนละอองดาวให้ป้อนข้าวต้ม อ้างว่าตนยังรู้สึกเพลียๆ ไม่ค่อยมีแรง หากถือชามข้าวต้มกินเองต้องหกคว่ำแน่
ละอองดาวอิดออดอยู่ครู่ก่อนจะตักข้าวต้มป้อนทั้งที่ยังร้อน กรกฎบ่นว่าปากตนแทบพอง บอกให้เป่าก่อนป้อน หญิงสาวเถียงอีกหลายคำก่อนจะทำตาม...ชวนชมจับตามอง ยิ้มดีใจที่สองคนมีมุมน่ารัก และท่าทางกรกฎก็มีความสุขมากเสียด้วย
หลังเสร็จภารกิจ ละอองดาวกลับมาที่ตึกตัวเองเพื่อสะสางงานที่ยังค้างอยู่ สักครู่ชวนชมเอานมอุ่นมาให้ดื่มจะได้หลับสบาย จึงถือโอกาสถามความข้องใจของตน
“น้าชวนว่าผู้ชายมีมารยาไหมคะ”
“ยังไงเหรอคะ น้าไม่ค่อยเข้าใจ”
“ก็...แบบว่าแกล้งไม่สบาย ไม่มีแรง ทำตัวน่าสงสาร อยากให้เราทำโน่นทำนี่ให้ ทำนองนี้แหละค่ะ”
ชวนชมหัวเราะอย่างรู้ทัน “ฮั่นแน่ะ รู้นะคุณดาวต้องหมายถึงคุณกฎแน่ๆ อย่างคุณกฎน่ะคงไม่ใช่มารยาหรอกมั้งคะ เธอป่วยจริงๆ แต่ไอ้เรื่องที่อยากให้คุณดาวทำโน่นทำนี่ให้เนี่ย เขาเรียกว่าลูกอ้อนค่ะ ผู้ชายขี้อ้อนน่ารักออก แล้วถ้าไม่ใช่คนพิเศษเขาก็คงไม่อ้อนหรอกค่ะ”
“คนพิเศษ?”
“ไม่ต้องทำหน้างงหรอกค่ะ ก็คุณดาวนั่นแหละคนพิเศษ อุ๊ย น้าไม่คุยด้วยแล้ว เขิน ไปนอนดีกว่า”
ชวนชมไปแล้ว ละอองดาวพึมพำอย่างใจแข็งว่า “ฝันไปเถอะ...ฉันไม่ใจอ่อนง่ายๆหรอก อีตากรกฎ”
ทางด้านผดาชไมที่ไปงานสำคัญกับพูนสวัสดิ์...
พอเสร็จงานเธอก็นัดเจอรุ้งเพชรกับสกุนตลาที่คลับประจำ บ่นให้ฟังว่าไปงานครบรอบหนังสือพิมพ์กับพ่อเลี้ยง เจอทั้งนักข่าว นักธุรกิจ นักการเมือง ตนต้องปั้นหน้ายิ้มจนหน้าแทบเป็นตะคริว
สองสาวฟังเพลิน แต่แล้วรุ้งเพชรนึกได้ เล่าให้ผดาชไมฟังว่าวันนี้มีข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับเธอกับพ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์ คอลัมน์ข่าวซุบซิบเขียนทำนองว่าสมภารจะกินไก่วัด พ่อเลี้ยงเจ้าของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่จ้องจะงาบนักร้องในสังกัด เห็นควงกันออกงานบ่อย อีกไม่นานคงมีข่าวดี มหาเศรษฐีหนุ่มตระกูลดังแฟนนักร้องสาวเสียงหวานปานน้ำผึ้งจะว่ายังไง
“บ้า! เขียนข่าวแบบนี้ได้ยังไง ฉันเสียหายหมด”
“แต่พักหลังนี่เธอก็ไปไหนมาไหนกับพ่อเลี้ยงบ่อยนะ ไปฟิลิปปินส์ก็ไปกันแค่สองคน”
“ก็เรื่องงานน่ะ เธอก็รู้ว่าฉันต้องบินไปโปรโมตเพลงกับพ่อเลี้ยง ฉันกับพ่อเลี้ยงไม่มีอะไรกันซะหน่อย”
ผดาชไมโกหกหน้าตาย แถมยังบอกว่าตนไม่สน ข่าวก็คือข่าว ใครเชื่อข่าวซุบซิบก็โง่แล้ว
“ไม่เอาๆ คุยอะไรกันก็ไม่รู้ ซีเรียส มาฉลองกันดีกว่า เพลงของฉันกำลังจะดังเป็นพลุแล้ว” ผดาชไมทำเป็นไม่สนใจ แต่ลึกๆในใจนั้นวิตกกังวลอยู่เหมือนกัน
ooooooo
เช้านี้หมออนุชิตมาตรวจร่างกายกรกฎแล้วรายงานผลว่าอาการโดยรวมดีขึ้นมาก ไม่มีโรคแทรกซ้อน ร่างกาย ฟื้นตัวได้เร็วมาก ไม่ต้องกินยา มีแต่พวกวิตามินบำรุงร่างกาย
ชวนชมโล่งใจ บอกคุณหนูของตนว่าหายเสียที นอกจากนี้หมอยังแนะนำให้กรกฎหมั่นออกกำลังกายเบาๆ เช่น ว่ายน้ำหรือตีกอล์ฟ จะได้ยืดเส้นยืดสาย ได้เดินเบาๆ
หลังจากหมอลากลับไป กรกฎนอนคิดอยู่ในใจว่าว่ายน้ำคนเดียวจะไปสนุกอะไร ต้องตีกอล์ฟถึงจะสนุก...
คิดแล้วก็ไม่รอช้า เจรจากับละอองดาว หยิบยกคำหมอมาอ้างเพื่อสุขภาพร่างกายจนเธอปฏิเสธไม่ออก
ตกเย็นละอองดาวนัดกินข้าวกับเริงใจและชลทิชา จึงบอกให้เพื่อนทั้งสองรู้ว่ากรกฎชวนตนไปตีกอล์ฟ
“ถามจริงๆ เธออยากไปกับเขาเหรอแตน”
“ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงดีน่ะนิด”
“ก็พูดอย่างที่เธอคิดนั่นแหละ อย่าบอกนะว่าอีตากรกฎบังคับเธอ”
“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก คือหมอแนะนำให้คุณกรกฎออกกำลังกายเบาๆน่ะ แล้วเขาก็ไม่มีเพื่อน ก็เลยมาชวนฉัน เขาขอร้อง ไม่ได้บังคับ”
ชลทิชาติดธุระรีบออกตัว “ที่จริงฉันก็อยากไปนะ แต่พรุ่งนี้วันรวมญาติ ฉันปฏิเสธท่านพ่อไม่ได้แน่ๆ เธอนั่นแหละยัยนิด ไปเป็นเพื่อนแตน”
“เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบขี้หน้านายกรกฎ นี่ถ้าเป็นคนอื่นฉันจะไม่ปฏิเสธเลย”
ละอองดาวน้อยใจ แต่พูดถนอมน้ำใจเพื่อนว่าไม่เป็นไร ชลทิชาสงสารละอองดาวจึงบังคับเริงใจว่ายังไงก็ต้องไป
“อ้าวเฮ้ย! นี่บังคับกันเหรอ”
“ใช่ ฉันบังคับเธอ ก็ไหนเธอบอกว่าจะพยายามปล่อยวาง ไม่โกรธเคืองคุณกรกฎไงล่ะ”
เริงใจอ้าปาก ทำท่าจะปฏิเสธ ชลทิชารีบชี้หน้ากำราบ
“อย่านะ ฉันมีพยาน วันนั้นแตนก็อยู่ด้วย เธอพูดแบบนี้จริงๆ”
“ชล...อย่าไปบังคับนิดเลย”
เริงใจทำตาปริบๆ ถอนใจเฮือก “โอเคๆ ไปก็ไป ก็อย่างที่แตนเคยบอกเนอะ ความโกรธก็เหมือนไฟ ไปโกรธแค้นเขา ไฟโกรธมันก็เผาใจเราเอง โกรธเขาใจเราก็ทุกข์ แล้วทุกข์ก็เหมือนก้อนหินที่ไม่ควรจะแบกเอาไว้เลย”
“ขอบใจนะนิด” ละอองดาวตักอาหารให้เริงใจอย่างเอาใจ บอกให้กินเยอะๆ มื้อนี้ตนเลี้ยงเอง
ooooooo
บ่ายวันรุ่งขึ้น กรกฎ ละอองดาว เริงใจ และธัชชัยมารวมตัวกันที่สนามกอล์ฟ ละอองดาวตีกอล์ฟอย่างคล่องแคล่วแม่นยำ ต่างจากกรกฎลิบลับที่ตีพลาดแล้วพลาดอีกจนเป็นที่ขบขันของธัชชัยและเริงใจ
ละอองดาวได้รับการชื่นชมจากธัชชัยไม่ขาดปาก ขณะที่เริงใจก็คุยอวดเพื่อนของตนว่าเก่งมาก นี่ขนาดไม่ได้เล่นมาตั้งนานแต่ฝีมือไม่ตกเลย
กรกฎยอมรับฝีมือละอองดาว แต่ไม่ชอบใจนักที่โดนธัชชัยหัวเราะเยาะทุกทีที่ตนตีไม่ลงหลุม
“ไอ้กฎเอ๋ย แกยังรั้งอยู่ที่โหล่นะเพื่อน”
“ไม่ต้องมาเยาะเย้ยนะไอ้ธัช เดี๋ยวฉันจะกวดให้ทันแก”
“สงสัยคุณกรกฎจะหมดหวังมั้งคะ ไอ้หลุมบะหมี่น้ำเนี่ย คุณตีไปตั้ง 17 ทีแล้วนะ” เริงใจพูดแล้วหัวเราะ ธัชชัยพลอยขำไปด้วย
“พนันกันมั้ย ฉันว่าแกตีตกบ่ออีกนั่นแหละ ฮ่าๆๆ”
“เฮ้ย! อย่าแหย่สิวะ คนกำลังใช้สมาธิ”
กรกฎตีลูกกอล์ฟลอยละลิ่วไปตกลงบ่อน้ำเหมือนเดิม ทุกคนหัวเราะกันสนุก
“โอ๊ย...ขำว่ะ คุณดาวครับ ผมว่าคุณมาช่วยพี่ชายคุณเถอะ ไม่งั้นเจ้ากฎผ่านหลุมนี้ไปไม่ได้แน่ๆ
“ช่วยไม่ได้ค่ะ ผิดกติกา ไม่ผ่านก็ต้องตีใหม่อยู่อย่างนี้แหละ ดีเหมือนกัน จะได้เดินมากๆ ออกกำลังตามที่คุณหมอแนะนำ”
เริงใจเริ่มสงสารจึงอาสาช่วยเหลือ แต่ละอองดาวไม่ยินยอมเพราะผิดกติกา กรกฎทั้งเซ็งทั้งล้าบ่นอุบ
“ใจร้ายมาก...นี่เข้าไปกี่ทีแล้วครับคุณเริงใจ”
“18 ทีค่ะ ทีนี้ก็จะเป็น 19”
“ตายๆ นี่ถ้าผมตีไม่ลง ไม่ต้องตีกันไปจนสนามปิดเหรอเนี่ย เลิกเหอะ ผมยอมแพ้”
“ยอมแพ้ไม่ได้ แล้วก็เลิกไม่ได้ด้วย คุณเป็นคนชวนพวกเรามา เพราะฉะนั้นต้องเล่นไปให้หมดหลุม ถ้าผ่านไม่ได้ ก็ต้องตีซ้ำไปจนกว่าสนามจะปิดค่ะ”
“งั้นพวกเธอก็เสียเวลารอพี่แย่น่ะสิดาว”
“ไม่เป็นไรค่ะ รอได้”
“แต่พี่หิวน้ำ ขอพักกินน้ำสักแก้วเถอะ”
“ไม่ได้ค่ะ ต้องตีให้ลงก่อนค่อยพัก”
“ยัยแตน...อย่าใจร้ายนักเลย คุณกรกฎเพิ่งหายป่วยนะ ร่างกายขาดน้ำจะแย่”
“นั่นสิครับ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะยุ่งนะครับคุณดาว”
เริงใจกับธัชชัยพยายามช่วยพูดแต่ไม่สำเร็จ ละอองดาวแข็งขืนเพราะอยากแกล้งกรกฎ ย้ำว่าเขาต้องอดทน
“ไอ้กฎนะไอ้กฎ อยู่ดีไม่ว่าดีดันชวนแชมป์กอล์ฟมาเล่น ก็ต้องลำบากอย่างงี้แหละ เอ้า ตีซะเพื่อน ไม่ผ่านหลุมนี้แกอดกินน้ำ” ธัชชัยเอาใจช่วย แต่กรกฎตีลอยไปตกบ่อน้ำอีก
เสียงหัวเราะดังครืน กรกฎตั้งใจทำสมาธิใหม่ ที่สุดก็ตีลงหลุมจนได้ หลังจากนั้นทุกคนไปพักเหนื่อยในสโมสร สั่งเครื่องดื่มมาแก้กระหายและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งใครๆก็ยอมแพ้ละอองดาว โดยเฉพาะธัชชัยที่ยกให้เธอเป็นแชมป์ แต่กรกฎกลับบ่นว่า
“ไหนเธอว่าเล่นกอล์ฟไม่เป็นไงล่ะ ไม่ยักรู้ว่าเธอเชี่ยวชาญไปซะทุกอย่าง ซ่อนเล็บเหลือเกินนะเราน่ะ”
“คุณกฎเพิ่งรู้เหรอคะว่าเสือน่ะซ่อนเล็บ เพชรน้ำเอกถ้าได้ขัดฝุ่นเจียระไนซะหน่อย ก็ย่อมเปล่งรัศมี อยู่ที่สายตาคนน่ะค่ะ ว่าจะตาถึงหรือไม่ถึง”
กรกฎอึ้งไปครู่ ละอองดาวจ้องปรามเริงใจตาเขียวแถมแอบหยิกแขนอีกที แต่เริงใจหาได้หยุดยั้ง พูดเจื้อยแจ้วว่ามีอยู่อย่างเดียวที่ละอองดาวทำไม่ได้
“อะไรครับ”
“ก็เป็นดารานักร้อง ร้องเพลงไทยผสมฝรั่งอย่างคุณผดาชไมไงคะ”
กรกฎชะงักหน้าเสีย ละอองดาวทำหน้าไม่ถูก ธัชชัยเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดีก็รีบแก้สถานการณ์
“เห็นท่าจะไม่จริงนะครับคุณเริงใจ เพราะคุณดาวเคยเล่นละครเป็นเจ้าหญิงสมัยเรียนที่ฝรั่งเศส”
“จริงเหรอ” กรกฎฉงน
“ก็จริงน่ะสิ คุณดาวเคยเล่าให้ฟังว่าเคยเล่นละครเวทีผสมบัลเล่ต์ แสดงเป็นเจ้าหญิงอนาสเตเซีย เจ้าหญิงสวยขนาดนี้ ผมว่าตอนนั้นคนดูต้องเต็มโรงแน่ๆ”
“คุณธัชเล่นขายดิฉันแบบนี้ ดิฉันก็เขินแย่น่ะสิ”
“เธอเก่งหลายอย่างนะดาว พี่นึกไม่ถึงจริงๆ”
เริงใจทำท่าจะขยับปากพูดอีก เลยโดนละอองดาวหยิกแขนซ้ำจนเจ็บแทบหลุดปากร้องโอดโอยออกมา
ooooooo
ขณะที่พวกธัชชัยกำลังคุยกันเพลินอยู่นั้น ผดาชไมกับพูนสวัสดิ์เดินควงแขนคลอเคลียกันเข้ามานั่งมุมหนึ่งในสโมสรโดยไม่ทันสังเกตเห็นกลุ่มของกรกฎ
กระทั่งกรกฎหันไปเห็นผดาชไมก็ประหลาดใจอุทานชื่อเธอออกมา คนอื่นๆจึงหันมองเป็นตาเดียว
ท่าทางสนิทสนมระหว่างผดาชไมกับพูนสวัสดิ์ทำให้กรกฎโมโหลุกเดินออกไปทันที เริงใจเกรงว่าจะมีเรื่องจึงให้ธัชชัยรีบตามไป แต่ธัชชัยกลับยิ้มอย่างใจเย็น
“อย่าห่วงไปเลยครับ ผมรับรองไม่เกิดเรื่องอะไรเด็ดขาด เจ้ากฎเป็นสุภาพบุรุษพอ เขาเคยเห็นอย่างงี้มาจนชินแล้ว คงมีธุระจะคุยกับคู่รักของเขานิดหน่อยครับ”
จริงของธัชชัย...กรกฎไม่ได้หึงหวงผดาชไมแต่โมโหเพราะไม่ชอบที่เธอพูดโกหก เขาเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเธอที่กำลังเลือกเมนูอาหาร เมื่อผดาชไมเงยหน้าเห็นกรกฎก็แทบช็อก แต่แก้สถานการณ์ได้เร็วมาก ปั้นหน้ายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อุ๊ยตาย นี่หมออนุญาตให้กฎไปไหนมาไหนได้แล้วเหรอคะ”
“ใช่...ไหนเธอบอกฉันว่าจะไปงานแฟชั่นที่เชียงใหม่ไงล่ะ”
“มีแอ็กซิเดนท์นิดหน่อยค่ะ ทีมงานเขาเลยขอเลื่อนการจัดงาน เออ กฎคะ นี่พ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์ คำแปง เจ้าของบริษัทแผ่นเสียงที่ดาเซ็นสัญญาด้วยค่ะ พ่อเลี้ยงคะ นี่คุณกรกฎ เบ็ญจรงค์ค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณกรกฎ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันพ่อเลี้ยง เชิญนั่งตามสบาย” แล้วพูดกับผดาชไมก่อนเดินนำออกไป “ฉันกับเธอมีเรื่องต้องคุยกัน”
ผดาชไมถอนใจ ฝืนยิ้มให้พ่อเลี้ยง บอกว่าตนขอตัวสักครู่...พูนสวัสดิ์มองตามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่พอใจ
เมื่ออยู่กันตามลำพัง กรกฎต่อว่าผดาชไมด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอควรจะบอกฉันว่ามีเหตุขัดข้องไม่ได้ไปงานที่เชียงใหม่ ฉันเลยหลงโง่นึกว่าเธออยู่ที่เชียงใหม่แล้ว”
“โธ่กฎ ดาตั้งใจว่าคืนนี้จะไปเยี่ยมกฎอยู่แล้ว ก็ว่าจะบอกกฎคืนนี้แหละค่ะ ที่ไม่ได้โทร.ไปบอกก็เพราะดาอยากให้กฎเซอร์ไพรส์ไงคะ ว่าแต่กฎเถอะ ไม่บอกให้ดารู้เลยว่าหมออนุญาตให้ออกนอกบ้านได้แล้ว”
เขาโกรธเพราะรู้ว่าเธอเสแสร้งมารยา แต่ก็พยายามระงับอารมณ์ ฝ่ายพูนสวัสดิ์จ้องมาที่คนทั้งคู่ตลอดเวลาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
เมื่อผดาชไมหันไปเห็นละอองดาวนั่งอยู่กับเริงใจและธัชชัยก็หน้าตึง พูดประชดทันที
“ฮึ! มาเล่นกอล์ฟกับน้องสาวกิตติมศักดิ์เหรอคะ”
“ใช่ ฉันเพิ่งหายป่วย คนรักก็หายหัวไป มีแต่น้องสาวกับเพื่อนเท่านั้นแหละที่มาเป็นเพื่อนฉันออกกำลังกายดูแลสุขภาพ ฉันไม่นึกเลยว่าเจอเธอควงมากับไอ้หมอนั่น เธอคงคิดสินะว่าตอนนี้ไอ้คนรักหน้าโง่มันนอนพะงาบๆ อยู่บนเตียง จะโกหกยังไงก็ทำได้สะดวก”
ผดาชไมอึ้งเถียงไม่ออก...พูนสวัสดิ์หึงหวงเธอ ไม่ต้องการให้ห่างตัว ตัดสินใจลุกเดินมาตาม
“ขอโทษนะครับที่เข้ามาขัดจังหวะ เชิญคุณกรกฎไปนั่งที่โต๊ะดีไหมครับ จะได้คุยกันไปดื่มอะไรไปพลางๆ”
“ไม่ดีกว่า ผมมีธุระจะคุยกับคนรักของผมแค่นี้ ขอตัวก่อน” จบคำกรกฎหันขวับเดินออกไปทันที
ส่วนพูนสวัสดิ์ตัดพ้อผดาชไมหน้าเครียดว่า “คุณทำให้ผมเสียใจนะฮันนี่” ว่าแล้วเดินออกไปอีกทาง
ผดาชไมรีบก้าวตามมาง้องอนเขาในมุมลับตาคน
ooooooo
กรกฎเดินกลับมานั่งที่เดิม ธัชชัยถามว่าเคลียร์กันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม กรกฎไม่ตอบแต่พยักหน้าส่งเดชไป
“ผู้ชายคนนั้นใครวะ ฉันคุ้นๆหน้าเหมือนกัน”
“พ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์”
ละอองดาวได้ยินก็ตกใจ อุทานคำว่าพ่อเลี้ยงออกมา ทำให้ทั้งสามคนจ้องมองเธอด้วยความสงสัย
“มีอะไรเหรอดาว เธอรู้จักเขาเหรอ”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
เริงใจมองละอองดาวอย่างจับสังเกต ขณะที่ธัชชัยคิดไปคิดมาแล้วร้องขึ้นอย่างจำได้
“อ๋อ นึกออกแล้ว พ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์ เจ้าของบริษัทแผ่นเสียงยักษ์ใหญ่ รู้สึกว่าจะมีบริษัทที่ฮ่องกงด้วยไอ้หมอนี่รวยไม่ใช่เล่น ธุรกิจเป็นพันล้าน แล้วคุณผดาไปรู้จักเขาได้ยังไงหว่า”
“เห็นดาบอกว่าเซ็นสัญญากับบริษัทเขา เป็นนักร้องในสังกัด”
“จริงสิ คุณผดาเป็นดารานักร้อง ก็อยู่ในแวดวงเดียวกัน”
“ไปตีกอล์ฟกันต่อเถอะ”
“จะไหวเหรอคะคุณกฎ นี่ก็เย็นมากแล้ว และที่สำคัญนิดหิวแล้วด้วย”
กรกฎตามใจ ละอองดาวกับเริงใจจึงขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ระหว่างนี้เริงใจก็ซักถามเพื่อนรักเพราะยังคาใจเรื่องพ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์ ถามว่ารู้จักเขาใช่ไหม
ละอองดาวปฏิเสธและไม่เล่าเรื่องที่รู้มาจากชวนชมให้ฟัง เริงใจท่าทีไม่ค่อยเชื่อ บ่นไม่เลิกว่าผดาชไมดูอี๋อ๋อสนิทสนมกับพ่อเลี้ยงมาก ตนว่าต้องมีอะไรกันแน่ๆ
“จะมีหรือไม่มีมันก็เรื่องของเขา อย่าไปยุ่งเลย รีบไปเถอะ” ละอองดาวตัดบทเดินนำหน้าเริงใจออกไปทางด้านผดาชไมที่ยังง้องอนพูนสวัสดิ์ในมุมลับตาคนก็พยายามอย่างเต็มที่ เพราะเขาดูโมโหหึงไม่ใช่น้อย
“พ่อเลี้ยงโกรธดาเหรอคะ”
“คุณคิดว่าผมควรจะโกรธคุณมั้ย”
“แหม...พ่อเลี้ยงขา ดาก็เคยบอกพ่อเลี้ยงแล้วไงคะว่าขอเวลาดาหน่อย”
“คุณต้องการเวลาเท่าไหร่ที่จะเลิกยุ่งกับไอ้หมอนั่น อาทิตย์นึง เดือนนึง ปีนึง หรือหลอกให้ผมมีความหวังไปวันๆอย่างนี้”
“ดาไม่เคยหลอกพ่อเลี้ยงเลยนะคะ ที่ดายังติดต่อกับกฎอยู่ ก็เพราะช่วงนี้เขาล้มป่วย ในฐานะที่เราเคยเป็นคนรักกัน ดาควรจะไปเยี่ยม ไปให้กำลังใจเขาไม่ใช่เหรอคะ” ผดาชไมจับมือพูนสวัสดิ์บีบเบาๆ หว่านล้อมอีก “ดาสัญญานะคะพ่อเลี้ยง ดาจะหาโอกาสบอกเลิกกับกฎให้เร็วที่สุด รอให้เขาแข็งแรงขึ้นอีกหน่อย ขืนบอกไปตอนนี้ กฎต้องเสียใจอาการทรุดแน่ๆ มันจะกลายเป็นบาปติดตัวดานะคะ”
“คุณสัญญาแล้วนะฮันนี่”
“ค่ะ เลิกโกรธเลิกงอนดาได้แล้ว ยิ้มหน่อยสิคะ”
พูนสวัสดิ์สีหน้าดีขึ้น ดึงหญิงสาวเข้ามากอดและบอกรัก ผดาชไมก็บอกรักเขาเช่นกัน แต่ลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ให้เห็น
ooooooo
กรกฎ ธัชชัย ละอองดาว และเริงใจกินอาหารร่วมโต๊ะในภัตตาคารแห่งหนึ่ง ธัชชัยตักอาหารให้ละอองดาวอย่างเอาใจ กรกฎจับตามองหมั่นไส้ พอได้ยินเพื่อนรักทำปากหวานใส่น้องสาวนอกไส้ของตนก็เอ่ยเตือน
“รู้สึกว่าแกจะเอาอกเอาใจน้องสาวต่อหน้าต่อตาพี่ชายเขามากไปหน่อยนะเจ้าธัช”
ธัชชัยกลั้นยิ้ม เบี่ยงตัวมากระซิบกรกฎ “คุณพี่ลืมสัญญาจ้างรึไง หรือว่าเดี๋ยวนี้ไล่ฉันออกจากการเป็นลูกจ้างแล้ว”
กรกฎนึกได้ กระซิบตอบหน้าเจื่อน “จริงสิ ฉันลืมไป”
“หนุ่มๆซุบซิบอะไรกันมิทราบ นินทาผู้หญิง เหรอคะ” เริงใจแซวยิ้มๆ
กรกฎหัวเราะกลบเกลื่อน บอกว่าตนแค่เตือนธัชชัยว่าอย่าจีบน้องสาวต่อหน้าพี่ชาย เดี๋ยวจะโดนตีหัวแตก
“อ้อ เดี๋ยวนี้หวงน้องสาวด้วยเหรอคะ”
“ไม่ใช่เดี๋ยวนี้หรอกครับ หวงมานานแล้ว”กรกฎพูดหน้าตาย
“ดูท่าพี่ชายคุณจะหวงคุณมาก เขาจะตีหัวผมแตกมั้ยเนี่ย”
“ไม่ต้องกลัวค่ะคุณธัช ถ้าคุณหัวแตก ดิฉันจะเป็นพยานให้ตำรวจเอง”
“อ้าว...แล้วกัน แทนที่จะเข้าข้างพี่ชาย ดันไปเข้าข้างแฟนซะนี่”
“ก็ต้องเข้าข้างแฟนสิคะ ใครจะไปเข้าข้างพี่ชาย จริงไหมนิด”
เริงใจงุนงง กระซิบถามละอองดาวว่าตกลงเป็นแฟนกับทนายคนนี้แล้วเหรอ
“ก็ล้อเล่นกันสนุกๆน่ะนิด เธอก็จริงจังไปได้” ละอองดาวกระซิบตอบอย่างอารมณ์ดี...
เวลาเดียวกันนั้นผดาชไมกลับถึงบ้านแล้ว เธอแสดงอาการหงุดหงิดชวนให้งามตาสงสัย ทั้งที่ตอนออกไปกับพูนสวัสดิ์ก็ดูมีความสุขดี หรือว่าทะเลาะกับเขามา
“ก็เกือบเหมือนกันแหละ โอ๊ย! วันนี้มันวันซวยอะไรของฉันเนี่ย อยากจะบ้า เบื่อๆๆๆ เบื่อที่สุด”
“อย่าโวยวายไปสิลูก มีอะไรก็ค่อยๆคิด ไหนบอกแม่มาซิว่ามีเรื่องอะไร”
ผดาชไมข่มใจเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง งามตาตกใจถึงกับร้องลั่นยิ่งกว่าลูกสาวเสียอีก
“ตายๆๆ นี่แกดันไปเจอนายกรกฎเหรอวะ โอ๊ย...เวรแท้ๆ เห็นมั้ย แม่ก็เคยบอกแล้วให้ระวังรถไฟมันจะชนกัน ให้ตายสิ ชนกันจังบะเร่อ แล้วนี่ไอ้สองหนุ่มนั่นไม่ชกกันหน้าหงายรึไง”
“เขาไม่ป่าเถื่อนอย่างงั้นหรอกแม่ ผู้ดีวางฟอร์มกันจะตาย พ่อเลี้ยงน่ะหนูไม่ห่วงหรอก ยังพอเอาอยู่ แต่กฎนี่สิ หนูรู้ว่าเขาโกรธมาก ไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อใจหนูอีกรึเปล่า”
“แกต้องรีบไปขอโทษขอโพยเขานะนังหนู มีจริตมารยากี่ร้อยเล่มเกวียนใส่เข้าไปให้หมด ผู้ชายน่ะต่อให้แข็งยังไง พอเจอมารยาหญิงเข้าไปล่ะก็ แม่เอ๊ย ร้อยทั้งร้อยเป็นใจอ่อน”
“คงต้องทิ้งเวลาอีกสักสองสามวัน รอให้เขาใจเย็นๆ ก่อน นี่แม่ หนูเจอนังละอองดาวด้วยนะ”
“มันเสนอหน้าไปกับคุณกรกฎเหรอ”
“ใช่ กฎเขาชวนนังนั่นกับเพื่อนไปตีกอล์ฟ เห็นแล้วหมั่นไส้ ทำเป็นนั่งหน้าเชิดคอแข็ง น่าเข้าไปตบสักฉาด”
“จะทำอะไรก็รีบๆทำนะลูก ขืนชักช้าเดี๋ยวจะคว้าใครไม่ได้สักคน”
“ตอนนี้หนูคิดว่าจะเลือกกฎแล้วล่ะแม่ เพราะพ่อเลี้ยงเขาเจ้าชู้ ก่อนจะมีหนูเขาก็คั่วกับผู้หญิงตั้งหลายคน เขาไม่หยุดที่หนูคนเดียวแน่ๆ แต่กฎเขาไม่ใช่แบบนั้น ถ้าหนูได้แต่งงานกับกฎ ก็มั่นใจได้ว่าเขาจะไม่มีใครอีก”
“งั้นแกก็รีบแต่งกับเขาสิลูก”
“ก็ติดที่นังละอองดาวนี่ไงแม่ นังนี่มันตัวมาร...นังละอองดาว ฉันไม่ปล่อยให้แกเป็นเสี้ยนหนามคอยทิ่มแทงฉันอยู่อย่างงี้หรอก แกเตรียมรับมือฉันไว้ให้ดี” ผดาชไมกล่าวดุดัน อาฆาตมาดร้าย
ooooooo
ผ่านไปสองทุ่มกว่า ธัชชัยขอตัวกลับก่อนเพราะมีนัดลูกความไว้สามทุ่มครึ่ง เริงใจเองก็มีสอนแต่เช้าจึงขอติดรถธัชชัยกลับไปด้วย
เหลือกรกฎกับละอองดาวอยู่สองคน เขาชวนเธอไปฟังเพลงเพื่อเปิดหูเปิดตาตัวเองที่อุดอู้อยู่ในบ้านมาหลายวัน แต่ละอองดาวปฏิเสธเพราะมีงานค้างมากมาย ทำให้กรกฎน้อยใจ
“ถ้าพี่เป็นธัชชัยหรือเจ้าคำอินทร์ ดาวคงไม่ปฏิเสธใช่ไหม”
“คงงั้นมั้งคะ”
“งั้นเดี๋ยวดาวขับรถกลับบ้านเองนะ พี่จะไปฟังเพลงที่คลับ อยู่ใกล้แค่นี้เดินไปก็ถึง”
กรกฎแยกตัวไปนั่งในคลับ สั่งเหล้าแต่ไม่ทันได้ดื่มเพราะละอองดาวเข้ามาแย่งเสียก่อน แล้วสั่งนมสดมาแทน กรกฎดีใจที่เธอเป็นห่วง ชวนออกไปเต้นรำแล้วเลียบเคียงถามเรื่องส่วนตัวของเธอ
“ตอนนี้เธอรักใครหรือยัง...ธัชชัย เจ้าคำอินทร์ หรือใครอื่น”
“สงวนสิทธิ์ค่ะ ถึงจะเป็นพี่ชายก็บอกไม่ได้ เป็นเรื่องลับเฉพาะ”
“อย่าปิดพี่เลย พี่พอจะรู้นะว่าธัชชัยขอเธอแต่งงาน...ใช่ไหม”
“บางทีดิฉันอาจจะแต่งงานก่อนกำหนดสามปี คุณจะได้เป็นอิสระ ดีใจไหมคะ”
กรกฎชูแก้วนมและแข็งใจกล่าวคำอวยพร “พี่ขอดื่มให้แก่ความสุขของน้องสาวที่รักล่วงหน้า เธอตัดสินใจถูกต้องและเหมาะสมที่สุดแล้วที่เลือกธัชชัย”
“ดิฉันก็ขอดื่มให้แก่ความสุขสมหวังของคุณค่ะ คุณกับคุณผดาชไมคงไม่ต้องเสียเวลารอไปจนถึงสามปีแล้ว”
“ดาว...พี่ขอพูดอะไรหน่อยได้ไหม”
“ก็พูดมาสิคะ”
“ถ้าดาวตกลงปลงใจจะแต่งงานกับธัชชัยแล้ว เธอก็ไม่ควรให้ความสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นอีกนะ ดาวต้องให้ความอบอุ่น ไว้วางใจ และภาคภูมิใจแก่คนที่เรารักให้เต็มที่ เชื่อพี่นะน้อง เป็นลูกผู้หญิง เป็นกุลสตรี ไม่มีอะไรจะประเสริฐเท่านี้อีกแล้ว พี่เตือนเพราะพี่รักน้อง อยากให้น้องเป็นสิ่งสูงค่าที่สุดสำหรับผู้ชายที่จะมาเป็นเจ้าของน้อง อย่าเอาอย่างผดาชไม ผู้หญิงเราจะมีค่าไม่ใช่แค่รูปสวยอย่างเดียว ต้องมีคุณสมบัติของลูกผู้หญิงแท้จริงด้วย...พี่เองก็ไม่ได้ดีพอที่จะสอนน้องเลย แต่พี่ก็อดเป็นห่วงดาวไม่ได้ ไม่มีวันไหนที่พี่จะไม่เป็นห่วงดาว”
ละอองดาวซึ้งใจน้ำตาเอ่อไหลโดยไม่รู้ตัว กรกฎตกใจ นึกว่าตัวเองพูดอะไรที่ไม่สมควรจึงขอโทษและเช็ดน้ำตาให้อย่างนุ่มนวล...สองคนหยุดเต้นรำโดยปริยาย แต่ยังยืนกันอยู่ที่ฟลอร์
“พี่ขอโทษ...อย่าโกรธพี่เลยนะ”
“ดิฉันไม่ได้โกรธคุณเลยค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับคำเตือนคำสอน ดิฉันจะจดจำเอาไว้ด้วยความเคารพเชื่อฟัง เพราะมันเป็นคำสอนที่มีค่าที่สุดของพี่ชายที่ให้แก่น้องสาว”
“ขอพี่กอดดาวหน่อยได้ไหม” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ละอองดาวไม่ตอบแต่มีรอยยิ้ม...เท่ากับไม่ปฏิเสธ
กรกฎดีใจมากรวบตัวเธอเข้ามากอด ละอองดาวรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด
ooooooo
เย็นวันถัดมา ผดาชไมดอดมารอพบละอองดาวถึงบ้าน ชวนชมกับเนียนหวั่นเกรงจะมีเรื่องจึงคอยสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกล
“มาแล้วเหรอ ฉันหวังว่าเธอคงมีมารยาทพอที่จะไม่ไล่ฉันออกไป...ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
“ฉันคิดว่าฉันไม่มีเรื่องอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้ว”
“แต่ฉันมี และหวังว่าเธอจะมีความเป็นผู้ดีพอที่จะรับฟังธุระของฉัน”
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีความเป็นผู้ดีพอรึเปล่า พูดธุระของคุณมาเถอะ”
“คุณพ่อกฎก็เสียชีวิตไปตั้งนาน เกือบจะสามปีแล้ว แต่เธอก็ยังนิ่งดูดาย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ฉันแต่งงานกับกฎไม่ได้ ก็เพราะมีเธอเป็นตัวมารคอยขวางอยู่ กฎเองยังรับมรดกไม่ได้ ก็เพราะมีผู้หญิงหน้าด้านอย่างเธอเป็นอุปสรรค มารชัดๆ ยางอายสักนิดก็ไม่มี”
“อย่ามาก้าวร้าวหยาบคายกับฉันในบ้านของฉัน”
“บ้านของเธอเหรอ หน้าด้านจริงๆ ลืมไปแล้วเหรอว่าเธอมันก็แค่เด็กกำพร้าข้างถนนที่พ่อกฎเก็บมาเลี้ยง ก็อย่างว่าล่ะนะ คนเราพอมันได้ดิบได้ดีลืมตาอ้าปากได้ มันก็มักจะลืมกำพืดตัวเอง เธอมันก็ไม่ต่างอะไรกับคางคกที่ขึ้นวอหรอก คนชั้นต่ำ ต่อให้ตะเกียกตะกายยกระดับตัวเองแค่ไหน รากเหง้ามันก็ฟ้องว่าเป็นคนชั้นต่ำวันยังค่ำ”
“ปากเลว! จิตใจต่ำ!”
“นังละอองดาว! นี่แกกล้าด่าฉันเหรอ”
ผดาชไมโกรธจนตัวสั่น กรีดร้องเสียงดังลั่นบ้าน ละอองดาวก็โมโหไม่ต่างกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม
“ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ แกไม่มีสิทธิ์มาด่าฉัน”
“แล้วคุณมีสิทธิ์มาก้าวร้าวด่าทอคนอื่นหรือไง ฉันตำหนิคุณว่าปากเลว จิตใจต่ำ เพราะถ้าคุณปากดี
คุณก็คงไม่พูดจาหยาบคายก้าวร้าวคนอื่นแบบนี้ และถ้าจิตใจคุณสูง คุณก็คงไม่คิดอะไรแย่ๆต่ำๆแบบนี้ คำพูดของคุณมันก็สะท้อนความคิดและจิตใจคุณนั่นแหละ”
“นังละอองดาว! ปากดีนัก! ฉันไม่ปล่อยแกเอาไว้ทำซากหรอก” ผดาชไมเงื้อมือขึ้นจะตบหน้าละอองดาว แต่ต้องชะงักกับเสียงตวาดของชวนชมที่เดินอาดๆเข้ามาพร้อมเนียน
“หยุดนะ ถ้าคุณแตะต้องคุณดาวแม้แต่ปลายก้อย ฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
“พวกแกจะทำอะไรฉันได้ เชอะ! ก็แค่ขี้ข้า อย่ามาสะเออะ”
ผดาชไมจะตบละอองดาวให้ได้ ชวนชมกับเนียนพุ่งเข้าประชิดหน้าตาขึงขังเอาจริง ผดาชไมเลยไม่กล้า
“กลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวเอาเรื่องนี้ไปรายงานให้คุณกฎทราบ”
“ฉันไปแน่ ไม่อยากอยู่ใกล้พวกแกให้ติดเสนียดหรอก...ละอองดาว เธอต้องเขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานกับกฎให้ฉัน”
“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน” ละอองดาวตอบโต้
“ทำไมจะไม่มี ก็ฉันเป็นคนรักของกรกฎ”
“สิทธิ์ตามกฎหมาย คุณไม่มี แต่ถ้าคุณอยากได้คุณก็ต้องเอาหนังสือมอบฉันทะจากคุณกรกฎมาให้ฉัน แล้วฉันจะเขียนหนังสือที่คุณต้องการให้ จะได้จบสิ้นกัน ที่จริงฉันก็เคยเขียนหนังสือนี้ให้คุณกรกฎแล้วครั้งหนึ่ง แต่เขาก็ทำลายไปแล้ว เขาไม่ได้บอกคุณหรือไง”
“แกไม่ต้องมาโกหก น้ำหน้าอย่างแกอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว อยากแต่งงานกับกฎจนตัวสั่นก็พูดมาตรงๆ ดีกว่า ไม่ต้องมายักท่าเล่นลิ้นให้เสียเวลา คอยดูนะ ถ้าฉันไม่ได้หนังสือปฏิเสธการแต่งงานจากแกในวันสองวันนี้ ฉันเอาแกตายแน่...พวกแกก็เหมือนกัน ระวังตัวเอาไว้ให้ดี ฉันแต่งงานกับกฎเมื่อไหร่ ฉันจะเฉดหัวพวกแกออกไปให้หมด”
ผดาชไมสะบัดหน้าเดินปึงปังออกไป เนียนไม่เคยเห็นกิริยาเช่นนี้ของเจ้าหล่อนมาก่อน ถึงกับออกปากว่า ตัวจริงร้ายยิ่งกว่านางอิจฉาในหนังเสียอีก
ละอองดาวรู้สึกเวียนศีรษะขึ้นมาดื้อๆ ชวนชมประคองพาไปนั่งพักและจะให้เนียนไปเอายาดม
“ไม่ต้องหรอกเนียน ฉันแค่เวียนศีรษะนิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย”
“น้าไม่นึกเลยว่าแม่ผดาชไมจะร้ายกาจขนาดนี้ คราวก่อนก็แค่มาระรานด่าทอ แต่คราวนี้ถึงกับจะลงไม้ลงมือทำร้ายคุณดาว น้าต้องบอกคุณกฎ เธอจะได้ตาสว่างเสียที”
“อย่านะน้าชวน”
“ทำไมล่ะคะคุณดาว แม่นั่นทำกับคุณดาวถึงขนาดนี้ ขืนปล่อยไว้ก็จะยิ่งได้ใจ”
“ฉันขอร้องล่ะ อย่าให้ทุกอย่างมันแย่ไปกว่านี้เลย นะคะน้าชวน ถึงฉันจะไม่มีส่วนรู้เห็นในการเขียนพินัยกรรมของคุณพ่อ แต่ฉันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันเป็นต้นเหตุของปัญหา คุณกฎยังรับมรดกไม่ได้ ยังแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ ก็เป็นเพราะฉัน เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นมันมีสาเหตุมาจากตัวฉัน เพราะฉะนั้นมันก็ควรจะจบลงที่ฉัน”
ละอองดาวตัดสินใจแน่วแน่ เดินขึ้นไปที่ห้องนอนพูดกับรูปด็อกเตอร์ไกรทั้งน้ำตา
“ดาวรู้ว่าคุณพ่อรักและเป็นห่วงดาวมาก อยากเห็นดาวมีความสุข มีรากฐานชีวิตที่มั่นคง ดาวเองก็รักและเคารพคุณพ่อเหลือเกิน...ดาวเสียใจที่มิอาจตอบรับความ ปรารถนาดีตามเจตนารมณ์ของคุณพ่อได้ ดาวขอโทษนะคะคุณพ่อ”
จากนั้นเธอหยิบปากกามาเขียนข้อความลงบนกระดาษปฏิเสธการแต่งงานกับกรกฎด้วยสีหน้าหม่นเศร้า สะเทือนใจ
ooooooo
หลังจากเมื่อวานมาหาเรื่องบีบคั้นละอองดาวให้เขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานกับกรกฎ...รุ่งขึ้นผดาชไมมาปรากฏตัวเซอร์ไพรส์กรกฎถึงบ้าน บอกว่าวันนี้ว่างทั้งวัน ตนเทคิวให้เขาหมดทั้งตัวและหัวใจ
กรกฎรับฟังแต่ไม่ยินดียินร้ายในคำหวานนั้น แต่อยากรู้ว่าเธอมีธุระอะไร ผดาชไมชะงักเล็กน้อยก่อนปั้นยิ้มออดอ้อนออเซาะถึงเนื้อถึงตัวเขา
“ไม่เอาน่ากฎ อย่าเย็นชากับดาแบบนี้สิคะ ดารู้นะว่ากฎรักดามาก รักมากก็ต้องหึงมากเป็นธรรมดา...ดาขอโทษนะคะที่ทำให้กฎน้อยใจ แต่ดาก็ไม่ได้โกหกนะคะ เรื่องงานแฟชั่นน่ะทีมงานเขาเลื่อนวันจัดงานจริงๆ ไม่เชื่อกฎโทร.ไปถามเขาก็ได้ แล้วเรื่องพ่อเลี้ยง กฎก็อย่าหึงดาเลยค่ะ ดาเป็นนักร้องในสังกัดบริษัทเขามันก็จำเป็นที่ดาจะต้องไปงาน ไปไหนมาไหนกับเขาบ้าง ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เข้าใจดานะคะ ยิ้มให้ดาหน่อยสิที่รัก”
กรกฎฝืนยิ้ม บอกว่าตนจะไปพบคุณอรรถที่สำนักงาน มีธุระกับเขานิดหน่อย ผดาชไมขอไปด้วย เสร็จธุระของเขาแล้วจะได้หาของอร่อยกินกัน
เมื่อมาถึงหน้าสำนักงาน ผดาชไมไม่เข้าไปกับกรกฎเพราะไม่ค่อยถูกชะตากับอรรถวาที ขอรออยู่แถวนี้ธุระของกรกฎคือมาเซ็นรับเงินเดือนจากทนายประจำตระกูล
“การใช้จ่ายเงินของคุณมีพัฒนาการดีขึ้นมากนะครับ ไม่ได้เบิกล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้ว”
“ขอบคุณครับที่ชม แต่ผมไม่ดีใจหรอกนะคุณอรรถ เพราะผมเบิกเงินในเซฟมาใช้จวนจะเกลี้ยงเซฟแล้ว”
“นั่นเป็นสิทธิ์ของคุณ ตามสบายครับ” อรรถวาทีมอบซองเงินเดือนและให้กรกฎนับเงินด้วยว่าถูกต้องครบตามจำนวนหรือเปล่า
“ไม่ต้องนับหรอกครับ ผมมั่นใจ เพราะคุณอรรถไม่เคยจ่ายเงินเดือนขาดหรือเกินแม้แต่สลึงเดียว ถ้า
ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ”
“เดี๋ยวครับคุณกฎ อย่าเพิ่งไป ผมมีข่าวดีจะบอกคุณครับ เมื่อเช้าคุณดาวแวะมาที่นี่” เขาเปิดลิ้นชักหยิบซองเอกสารยื่นมา “นี่คือข่าวดีของคุณครับ หนังสือยืนยันจากคุณละอองดาว ปฏิเสธในการเข้าพิธีสมรสกับคุณตามที่คุณต้องการ ความปรารถนาของคุณสำเร็จแล้ว ผมขอแสดงความยินดีกับคุณด้วย”
กรกฎตัวชาวูบ ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น อรรถวาทีหันไปคว้าแว่นตาทำท่าจะอ่านให้ฟัง ชายหนุ่มรีบโบกมือห้าม
“ไม่ต้อง...ไม่ต้องอ่าน คุณอรรถเก็บไว้เถอะครับ”
“อ้าว คุณไม่สนใจเหรอครับ ไม่ดูสักหน่อยหรือ”
“ไม่จำเป็น ผมเชื่อว่าดาวเขียนหนังสือฉบับนี้สมบูรณ์ตามลักษณะของนิติกรรม คุณอรรถคงตรวจเรียบร้อยถูกต้องแล้วล่ะครับ ช่วยบอกดาวด้วยว่าผมขอบคุณมาก”
“อีกไม่นานคุณก็จะได้รับโอนมรดกหลายหมื่นล้านของคุณพ่อคุณ โดยไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่คุณไม่พอใจ ยินดีด้วยนะครับ”
กรกฎพูดอะไรไม่ออก เดินคอตกกลับออกมาหาผดาชไมที่นั่งรออยู่ จากสีหน้าและท่าทางของเขา
ทำให้หญิงสาวรู้สึกได้ว่ามีเรื่องไม่สบายใจ ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
“กฎคะ ดาถามอะไรหน่อยนะคะ...ละอองดาวเขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานกับกฎให้กฎหรือยังคะ”
กรกฎชะงักที่อยู่ดีๆผดาชไมก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา “เธอรู้ได้ยังไงว่าดาวจะเขียนหนังสือนี้ให้ฉัน”
ผดาชไมหน้าเสีย รีบกลบเกลื่อน “คือ...ก็ดาเห็นว่านี่มันนานมากแล้วนี่ค่ะ ใกล้จะครบกำหนดสามปีแล้ว กฎควรจะได้รับหนังสือปฏิเสธการแต่งงานจากละอองดาวแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“หนังสือนั่นมันไม่สำคัญหรอก”
“สำคัญสิคะ กฎลืมไปแล้วเหรอว่าหนังสือนั่นมันจะทำให้กฎเป็นอิสระพ้นข้อผูกมัดในพินัยกรรม กฎจะได้รับโอนมรดก แล้วก็แต่งงานกับดาไงคะ ตกลงกฎยังไม่ได้หนังสือนั่นใช่ไหม”
กรกฎยืนนิ่งไม่ตอบ ผดาชไมถามย้ำอย่างอยากรู้เต็มที
“ว่าไงคะกฎ อย่าเอาแต่นิ่งสิคะ”
“เลิกเซ้าซี้ฉันซะที ฉันปวดหัว เดี๋ยวฉันจะกลับบ้านไปพักผ่อน” กรกฎหงุดหงิดเดินหน้าเครียดออกไปทันที
ผดาชไมกำมือแน่น กัดริมฝีปากสั่นระริก คำรามในลำคอด้วยความโกรธแค้น “นังละอองดาว! แกไม่ทำหนังสือให้ฉัน แกอยากลองดีกับฉันใช่มั้ย แกได้เจอดีแน่”
ooooooo
กรกฎกลับมานั่งดื่มเหล้าที่บ้าน ทั้งเครียด ผิดหวัง และทุกข์ใจสุดจะบรรยาย...ชวนชมผ่านมาเห็นก็ตกใจ ปรี่เข้ามาทักท้วงด้วยความเป็นห่วง
“คุณกฎดื่มอีกแล้ว สุขภาพคุณกฎยังไม่ค่อยดีนะคะ”
“นิดเดียวน่าน้าชวน เมื่อตอนบ่ายฉันไปรับเงินเดือนที่คุณอรรถ ก็เลยรู้ว่าดาวเขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานกับฉันฝากไว้ที่คุณอรรถ”
“จริงเหรอคะ”
“น้าชวนไม่รู้เรื่องเลยเหรอ”
“ไม่ทราบเลยค่ะ...คงเขียนเมื่อคืนแน่ๆ เพราะยัยงิ้วนั่นแท้ๆ” ชวนชมพึมพำ กรกฎได้ยินไม่ถนัด สงสัยว่าพูดอะไร “เปล่าค่ะ น้ากำลังสงสัยว่าคุณดาวแอบไปเขียนตอนไหนน่ะค่ะ แล้วคุณกฎดีใจไหมคะที่คุณดาวทำแบบนั้น”
“ฉันก็ควรดีใจไม่ใช่เหรอน้าชวน”
“คุณกฎกำลังหลอกตัวเอง คุณกฎไม่ได้พูดอย่างที่ใจคิด น้าเลี้ยงคุณกฎมาตั้งแต่เล็กๆ ทำไมน้าจะไม่รู้จักนิสัยดื้อรั้นของคุณกฎ อย่าหาว่าน้าขุดคุ้ยเลยนะคะ คุณดาวน่ะเพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติและคุณสมบัติ ความรู้ก็ดี นิสัยใจคอ กิริยามารยาทก็งามพร้อม เป็นกุลสตรีที่ผู้ชายคนไหนได้แต่งงานด้วยต้องถือเป็นโชควาสนาอันประเสริฐ แต่คุณกฎกลับผลักไสไม่เหลียวแลเธอ”
“ไม่มีใครเลือกทางเดินได้ถูกต้องทุกครั้งหรอกน้าชวน ทุกอย่างมันเป็นไปตามกรรม เมื่อก่อนฉันไม่เชื่อเรื่องกรรมหรอกนะ แต่เดี๋ยวนี้ฉันเชื่อแล้ว ใครทำกรรมอะไรไว้ย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้น ฉันเคยผลักไส ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับละอองดาว และตอนนี้ฉันก็กำลังได้รับผลแห่งกรรมนั้น ด้วยการถูกปฏิเสธเช่นกัน”
กรกฎลุกเดินหน้าเศร้าไป ชวนชมมองตามด้วยความสงสารและเห็นใจ แต่ไม่รู้จะช่วยเขาได้ยังไง
ooooooo
ผดาชไมกลับมากรีดร้องขว้างปาทำลายข้าวของในบ้านระบายอารมณ์โกรธแค้นที่มีต่อละอองดาวจนงามตาตกอกตกใจเข้ามาห้ามปรามเป็นพัลวัน
“มีสติหน่อยสิลูก แม่ไม่รู้ว่าแกไปโกรธแค้นใครมา แต่มาทำลายข้าวของเสียหายแบบนี้ แล้วมันได้อะไรขึ้นมา ไหนบอกแม่มาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ก็นังละอองดาวน่ะสิแม่ เมื่อวานหนูไปทวงหนังสือปฏิเสธการแต่งงานจากมัน แต่มันก็เล่นลิ้นยักท่า แถมยังด่าหนูเจ็บๆแสบๆ หนูทั้งสั่งทั้งขู่ให้มันเขียนหนังสือ ก็นึกว่ามันจะกลัวรีบเขียนให้ ที่ไหนได้ เมื่อบ่ายหนูถามหาหนังสือนั่นจากกฎ ปรากฏว่านังนั่นมันไม่ได้เขียนให้ ดูสิแม่ มันไม่ได้กลัวหนูเลยซักนิด”
“ต๊าย! นังนี่มันร้ายจริงๆ มันต้องคิดจะงาบคุณกฎของแกแหงๆ”
“ก็ใช่น่ะสิ หนูอดทนกับนังตัวมารนี่มามากพอแล้วแม่ หนูต้องจัดการมันขั้นเด็ดขาด”
“จัดการ...แกจะทำอะไรเหรอนังหนู”
“หนูจะฆ่ามัน”
“จะฆ่าแกงกันเชียวเหรอลูก แม่ว่าสั่งสอนมันให้เข็ดหลาบก็พอมั้ง”
“แม่ต้องช่วยหนู ไปหานักเลงมือดีมาให้หนูซักคน”
“นี่แกจะจ้างคนไปฆ่ามันเหรอ มันเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางนะนังหนู แค่สั่งสอนมันก็พอแล้ว”
“เอาน่า แม่ไปหาคนมาให้หนูก่อนเหอะ ไอ้เรื่องจะเชือดมันหรือแค่สั่งสอนค่อยว่ากันทีหลัง”
“พักนี้แม่ก็ไม่ได้ไปร้องเพลงซะด้วย ไม่ค่อยได้เจอใครเลย จะไปจ้างใครที่ไหนวะ”
งามตาครุ่นคิดไม่นานก็นึกถึงสมพงศ์ผัวหนุ่มของตน แล่นไปหาเขาในคืนนั้นที่บ้านเช่าจะให้หามือปืนสักคน แต่สมพงศ์เห็นแก่เงินค่าจ้าง ไม่จัดหามือปืนแต่จะลงมือด้วยตัวเองเพื่อลูกเลี้ยงคนสวย
ooooooo
ค่ำวันเดียวกัน กรกฎแต่งตัวมานั่งรอละอองดาวในบ้านเพื่อชวนเธอไปฉลองเรื่องน่ายินดีที่เธอเขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานให้เขา
“ถ้าดิฉันขอตัวล่ะคะ”
“อย่าปฏิเสธพี่เลยนะ นึกว่าเห็นแก่พี่ ไหนๆพี่ก็แต่งตัวมาแล้ว”
“ก็ได้ค่ะ แต่ต้องชวนคุณธัชไปด้วยนะคะ”
“ได้สิ เจ้าธัชไปด้วยก็ดีเหมือนกัน เพราะมันเป็นเรื่องน่ายินดีของเราทั้งสามคน”
“งั้นดิฉันขอเวลาไปแต่งตัวก่อนนะคะ”
“โอเค เดี๋ยวพี่จะโทร.ไปตามเจ้าธัชเอง”
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสามคนไปถึงสโมสรที่มีทั้งอาหารบริการและเสียงเพลงไพเราะให้ลูกค้าได้จับคู่ออกมาเต้นรำ...ธัชชัยมองอาหารบนโต๊ะหลายอย่างแล้วถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“นี่จะบอกกันได้หรือยังว่าเลี้ยงฉลองอะไรกันมิทราบ ว่าไงเจ้ากฎ ฉันจะได้เตรียมขยายพุงเอาไว้กินให้เต็มที่”
“บอกเขาไปสิดาวว่าพี่เลี้ยงฉลองอะไร”
ละอองดาวไม่ยอมตอบ ซ่อนความรู้สึกเจ็บลึกในใจไว้มิดชิด กรกฎจึงต้องตอบเสียเองว่า
“ดาวเขาทำในสิ่งที่ฉันเคยขอร้องเอาไว้ เขาเขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานกับฉันให้ฉันแล้ว เขาช่วยให้ฉันได้รับมรดกหลายหมื่นล้านของคุณพ่อในเร็วๆนี้”
ธัชชัยคาดไม่ถึง มองกรกฎอย่างเห็นใจ เข้าใจความรู้สึกของเพื่อน
“เฮ้ยธัช ทำไมนิ่งไปวะ แกไม่ยินดีกับฉันรึไง วันนี้ฉันเลี้ยงไม่อั้น”
“โอเค ฉันขอดื่มให้แก่ความสำเร็จสมหวังของแก”
“และฉันก็ขอดื่มให้แก่ความสุขของแกกับน้องสาวฉัน”
สามคนชูแก้วยื่นมาชนกันแล้วดื่ม...หลังอาหารมื้อนั้น กรกฎให้ธัชชัยพาละอองดาวออกไปเต้นรำ...เมื่อจับคู่กันกลางฟลอร์ ธัชชัยตัดสินใจถามละอองดาวอย่างตรงไปตรงมาว่า
“เราสามคนกำลังเล่นละครกันอยู่ใช่ไหมครับ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ผมขอพูดสั้นๆนะครับ เราทั้งสามคนกำลังหลอกตัวเองอยู่ทั้งนั้น”
“ดิฉันไม่เคยคิดจะหลอกตัวเองค่ะ”
“คุณแน่ใจเหรอครับ”
ละอองดาวพยักหน้าแทนคำตอบ แต่พอธัชชัยสรุปว่าเธอรักเขา เธอก็นิ่งอีก
“เห็นไหมครับ คุณไม่ตอบ...คุณตอบไม่ได้เพราะคุณหลอกตัวเอง แล้วก็เจตนาจะหลอกคนอีกสองคน”
ละอองดาวยิ้มบางๆ ตัดบทเสไปเรื่องอื่น “เพลงเพราะจังเลย เดี๋ยวจบเพลงนี้เรากลับไปที่โต๊ะกันนะคะ วันนี้ขอกลับเร็วหน่อยค่ะ พรุ่งนี้ดิฉันมีงานแต่เช้า”
ธัชชัยรับคำโดยดี แต่แอบคิดในใจว่าจนป่านนี้เขายังเดาใจละอองดาวได้ไม่กระจ่างชัด แต่ที่รู้แน่ๆ
ในหัวใจของเธอไม่มีเขาอย่างแน่นอน...
ooooooo
ใกล้หน้าหนาวเข้ามาทุกที ละอองดาวตั้งใจถักผ้าพันคอถวายเสด็จฯ แต่เธอลืมเสียสนิทว่า
วันที่ 11 ที่จะถึงนี้เป็นวันที่มีความหมาย จนเมื่อเสด็จฯทรงทักถามก็ยังจำไม่ได้ เลยโดนท่านตำหนิไปนิดหน่อย
“ใช้ไม่ได้ เด็กคนนี้ ฉันซะอีกยังจำได้ วันที่ 11 เป็นวันครบรอบ 3 ปีที่คุณพ่อเธอถึงแก่กรรม แล้ว
วันครบรอบ 3 ปีนี้มันมีความหมายอะไรสำหรับเธออีก”
“ไม่ได้มีความหมายสำหรับหม่อมฉันหรอกเพคะ แต่มีความหมายสำหรับคุณกรกฎ วันที่ 11 คุณกรกฎจะได้รับโอนมรดกของคุณพ่อเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาโดยเด็ดขาดสมบูรณ์ หม่อมฉันเกือบลืมไปแล้วเพคะ”
“เขาได้กองมรดกมาเป็นกรรมสิทธิ์ ในขณะที่เธอหลุดลอยหมดทุกอย่าง เขาเป็นฝ่ายขอ เธอเป็นฝ่ายให้...
เธอเป็นเด็กดีจริงๆ บางทีฉันรู้สึกว่าจะดีเกินไปด้วยซ้ำ เสียสละให้เขาทุกอย่าง ฉันอยากรู้ว่าเขาจะแบ่งให้เธอสักเท่าไหร่”
“หม่อมฉันไม่สนใจ ไม่ปรารถนาเลยเพคะ อย่าว่าแต่ส่วนของมรดกเลย แม้แต่เงินเดือนที่คุณพ่อท่านระบุไว้ในพินัยกรรม หม่อมฉันก็ไม่เคยรับ”
“เธอเป็นคนเฉียบขาดมาก ออกจะแข็งกร้าวในวิธีปฏิบัติเกินไป...แล้ววันที่ 14 ที่จะถึงนี้ก็เป็นวันเกิดเธอไม่ใช่เหรอ”
“เพคะ ทรงจำแม่นเหลือเกิน”
“นี่...ฉันจดไว้ในนี้ ที่จำได้ก็เพราะเธอเคยบอกฉัน ตั้งแต่ตอนที่ทำงานใหม่ๆนั่นแหละ ปีนี้เธออายุครบ 25 ปีเต็ม เธอจะได้ของขวัญอะไรอย่างหนึ่งจากคุณพ่อเธอไม่ใช่เหรอ”
“เพคะ”
“ลูกกุญแจ...ให้ไปเปิดที่ตู้เซฟในธนาคาร”
“เสด็จฯทรงจำได้แม่นกว่าหม่อมฉันอีกเพคะ”
“เด็กดี...ก็ฉันรักเธอนี่นา อะไรๆที่เกี่ยวกับตัวเธอ ฉันก็ต้องจำได้น่ะสิ อยากรู้จังว่าด็อกเตอร์ไกรให้ของขวัญอะไรเธอ”
“หม่อมฉันเดาไม่ถูกหรอกเพคะ”
“น่าจะเป็นเพชรงามๆสักชุด เพราะด็อกเตอร์ไกรคงเข้าใจว่าป่านนี้เธอคงเป็นศรีสะใภ้ของเขาไปแล้ว ในความเข้าใจของเขานั้นต้องเข้าใจว่าเธอแต่งงานกับกรกฎไปนานแล้ว พูดถึงเครื่องเพชร ฉันมีอะไรจะให้เธอดู ตามฉันมาสิ”
เสด็จฯทรงนำเครื่องเพชรออกมาให้ละอองดาวชมความสวยงาม ขณะที่ตนเองก็นึกถึงความหลังและทรงบอกเล่าว่า
“จี้เพชรประจำราชวงศ์เชียงอูเป็นเครื่องประดับที่เป็นมรดกตกทอดมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ไม่ได้หรูหราใหญ่โตอะไร แต่ประเมินค่ามิได้ เพราะเป็นของสำคัญเก่าแก่มีคุณค่าทางจิตใจมาก คนที่จะได้ใส่จี้เพชรนี้จะต้องเป็นทายาทแห่งราชวงศ์เชียงอูเท่านั้น สวยไหมละอองดาว”
“สวยมากเพคะ งดงามเหลือเกิน”
“ฉันตั้งใจจะมอบจี้เพชรนี้ให้จักราชัยลูกชายของฉันเป็นของขวัญในวันแต่งงาน แต่จักราชัยก็สละราชบัลลังก์ หนีงานอภิเษกสมรสไปเสียก่อน เขาหนีไปกับภรรยาคนไทย เขาถูกกองกำลังต่างชาติตามล่าข้อหากบฏ...จักราชัย แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน”
“แล้วหลังจากที่เจ้าชายจักราชัยทรงหนีไป ใต้ฝ่าพระบาททรงได้พบเจ้าชายอีกไหมเพคะ”
“ไม่เลย...ภายหลังราชวงศ์เชียงอูได้รับเอกราช ฉันจ้างนักสืบออกตามหาจักราชัย ก็ไม่พบแม้แต่เงาของเขา สุดท้ายฉันก็ได้ข่าวว่าลูกชายฉันเสียชีวิตแล้ว”
“เจ้าชายจักราชัยทรงมีพระรัชทายาทไหมเพคะ”
“ฉันรู้ว่าภรรยาของจักราชัยตั้งครรภ์ และได้ข่าวว่าเขาเสียชีวิตหลังคลอดลูกที่เมืองไทย ไม่กี่เดือนถัดมาจักราชัยก็ไปเสียชีวิตที่สวิตเซอร์แลนด์...ฉันเคยจ้างคนตามหาลูกของจักราชัยอยู่เป็นปี แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอ เลยไม่รู้ว่าหลานฉันยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า ถ้าเขายังอยู่ก็คงจะโตวัยไล่เลี่ยกับเธอนี่แหละ”
เสด็จฯทรงครุ่นคิดถึงอดีตอันเจ็บปวด น้ำตาเอ่อไหลอย่างสุดจะกลั้น รำพึงถึงโอรสองค์เดียว
“จักราชัย...แม่รู้สึกผิดบาปเหลือเกินที่บังคับจิตใจลูก แม่อยากขอโทษลูก แต่แม่ก็หมดโอกาสแล้ว แม่อยากเจอหน้าหลาน อยากมอบจี้แห่งราชวงศ์ให้ลูกของเจ้า แต่แม่ก็ไม่รู้ว่าจะมีบุญอยู่จนได้พบหน้าหลานหรือเปล่า แม่คงทำกรรมเอาไว้มากถึงต้องมาพลัดพรากจากลูกหลานเช่นนี้”
“ทรงเข้มแข็งไว้นะเพคะ ใต้ฝ่าพระบาททรงทำแต่คุณงามความดี ทรงอุปถัมภ์เลี้ยงดูเด็กกำพร้าคนแล้วคนเล่า แม้ตอนนี้จะต้องทรงทุกข์พระทัย แต่สักวันหนึ่งผลแห่งกรรมดีจะต้องสนองให้ใต้ฝ่าพระบาทพบแต่ความสุขเพคะ”
“ละอองดาว...ฉันรักเธอเหลือเกิน ทำไมเธอไม่เป็นลูกของจักราชัยนะ จะได้เป็นหลานฉัน”
เสด็จฯทรงลูบศีรษะละอองดาวด้วยรักและเมตตา อยากให้คำพูดนั้นเป็นจริงสมดังใจ
ooooooo
ค่ำวันนั้นธัชชัยแวะมาหากรกฎที่บ้าน เห็นเพื่อนรักเล่นเปียโนหน้าเศร้าราวกับคนอมทุกข์ก็กระเซ้าเหย้าแหย่ก่อนจะเอ่ยชวนไปตีกอล์ฟคลายเครียดและถือโอกาสแก้มือที่คราวก่อนแพ้ไม่เป็นท่า โดยให้ชวนละอองดาวไปด้วย
กรกฎสนใจขึ้นมาทันที อยากแก้มือกับแชมป์อย่างละอองดาวอยู่เหมือนกัน ซึ่งสองหนุ่มนัดกันไปในวันรุ่งขึ้น โดยกรกฎอาสาไปรับละอองดาวที่วังนพดลเอง
หลังจากกรกฎออกจากบ้านไปแล้วในวันถัดมา ผดาชไมโทร.มาหาจึงไม่พบ แต่รู้รายละเอียดทั้งหมดจากยอดรัก เธอโกรธแค้นละอองดาวเพราะเข้าใจว่ายังไม่เขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานให้กรกฎ แถมยังมีหน้าไปตีกอล์ฟกับเขา เท่ากับว่าละอองดาวไม่กลัวเกรงในคำขู่ของเธอเลย
ความโกรธแค้นแน่นอกทำให้ผดาชไมทนรอไม่ไหวอีกต่อไป ตีโพยตีพายด่าทอละอองดาวให้งามตาฟัง
“นังละอองดาวมันคงจะออดอ้อนให้กฎไปรับถึงที่ทำงานมัน ออเซาะให้กฎพาไปกินข้าว ไปตีกอล์ฟ หนูทนไม่ไหวแล้วแม่ หนูอยากจะฆ่ามันให้ตายคามือ”
“ใจเย็นๆน่าลูก”
“หนูเย็นไม่ไหวแล้วแม่ นังละอองดาวมันถือไพ่เหนือกว่าหนู มันเป็นต่อหนูทุกอย่าง มิหนำซ้ำกฎก็หลงมันจนโงหัวไม่ขึ้น อาทิตย์หน้ากฎก็จะได้รับโอนมรดกเป็นหมื่นๆล้าน นังนั่นมันไม่ปล่อยให้กฎหลุดมือแน่”
“แม่เจ้าโว้ย! มรดกเป็นหมื่นๆล้านเชียวเหรอวะ”
“ถ้ามันแต่งงานกับกฎ หนูก็อดทุกอย่าง ทั้งตัวกฎ ทั้งมรดกนั่น แล้วนักเลงที่หนูให้แม่ไปหาล่ะ ได้เรื่องยังไงมั่ง”
“แม่เกริ่นๆกับเขาไว้แล้วล่ะ”
“มันเป็นใคร”
“ก็สมพงศ์...ผัวใหม่แม่นั่นแหละ เขาเป็นนักเลงเก่า”
“แม่รีบไปตามเขามาพบหนูเดี๋ยวนี้ เราไม่มีเวลาแล้ว ถ้าไม่รีบลงมือตอนนี้หนูจะไม่ได้อะไรเลย รีบไปสิแม่”
“โอเคๆ แม่จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ” งามตาคว้ากระเป๋าเดินลิ่วออกจากบ้าน ผดาชไมมองตามพร้อมกับประกาศกร้าวด้วยความเคียดแค้น
“นังละอองดาว...อย่าหวังว่าแกจะได้เสวยสุข ทั้งตัวกฎและมรดกนั่นต้องเป็นของฉัน ชะตาแกขาดแล้ว ฉันจะส่งแกไปลงนรก!!”
ooooooo