icon member

ละอองดาว

ตอนที่ 12

เสด็จพระองค์หญิงพราวนภางค์ไม่ได้มาร่วมงาน แต่รับสั่งให้ละอองดาวมาในนามผู้แทนของพระองค์ โดยทรงฝากพวงมาลัยของขวัญและคำอำนวยพรมาให้ท่านชายสดายุ

การมาของละอองดาวสร้างความอิจฉาริษยา

แก่ผดาชไมอย่างมาก เพราะทุกสายตาเปลี่ยนจากเธอมาอยู่ที่ละอองดาว นักข่าวพากันหันเหมาถ่ายรูปเพื่อเอาไปลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ฉบับพรุ่งนี้

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในความงดงามเหมือนเจ้าหญิง สวยจับตา สวยกว่าดาราหนังจากนักข่าว ทำให้ผดาชไมริษยาจนตัวสั่น ยิ่งพอได้ยินเพื่อนชายของตนชื่นชมละอองดาวและจะขอเต้นรำ ผดาชไมเจ็บใจแทบกรีดร้อง

กรกฎไม่ต่างจากชายคนอื่นๆ ที่ชื่นชมความงาม

ของละอองดาว จะต่างก็ตรงที่เวลานี้เขารู้สึกเสียดายผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน ผู้หญิงที่เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา กิริยามารยาท และการศึกษา...เขาไม่น่าปฏิเสธการแต่งงานกับเธอเลยจริงๆ

เริงใจดูออก สมน้ำหน้ากรกฎ ขณะเดียวกันก็สะใจเป็นบ้าที่ได้เห็นผดาชไมหน้าหงิกเป็นมะเหงก อุตส่าห์ทุ่มทุนเป็นแสนตัดชุดหวังจะเป็นดาวเด่นของงาน แต่ดันพลิกโผ ดาวเด่นกลายเป็นอุกกาบาตหลุ่นตุ๊บไม่เป็นท่า

หลังจากกล่าวอวยพรท่านชายสดายุ ละอองดาวทำท่าจะขอตัวกลับเพราะหมดหน้าที่ของตนแล้ว แต่ท่านชายไม่ยอม

“คุณยังกลับไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดฉันจะยอมให้คุณกลับก็หลังเที่ยงคืนไปแล้ว เพื่อนๆของคุณก็อยู่ที่นี่ และที่สำคัญเมื่อคุณมาในฐานะตัวแทนของเสด็จป้า คุณก็ควรปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนท่านให้ตลอด”

ละอองดาวอึกอักลังเล แต่ผดาชไมที่จับจ้องมองมา

กลับคิดอคติ กระซิบกับเพื่อนด้วยความหมั่นไส้

“ดูมันสิ ทำเป็นเล่นตัว ใจจริงมันก็คงอยากอยู่ใจจะขาด”

ฝ่ายเริงใจกับนาถลดา เมื่อรู้ว่าละอองดาวจะกลับก็รีบเข้ามาขนาบข้างจับมือเพื่อนไว้

“ห้ามกลับนะแตน ถ้าเธอดื้อล่ะก็...พวกเราจะจับเธอโยนสระน้ำพุเดี๋ยวนี้เลย”

“แตนจ๋า คืนนี้เธอสวยเหลือเกิน ถ้าซินเดอเรลล่ามีจริง และมาเจอเธอตอนนี้ ฉันว่าซินเดอเรลล่าต้องกระโดดหนีกลับเข้าไปอยู่ในนิยายเหมือนเดิมเลยแหละ”

ละอองดาวยิ้มเขิน ท้วงนาถลดาว่าพูดเกินไป นาถลดาเลยต้องหาแนวร่วม ถามท่านอาสดายุว่าคืนนี้เพื่อนของตนสวยมากใช่ไหม

“ใช่ สวยมาก สวยกว่าซินเดอเรลล่าอย่างที่หญิงนาถบอกนั่นแหละ”

ละอองดาวเขินอาย หันไปเห็นกรกฎกำลังมองมา สีหน้าเขาเศร้าอมทุกข์ แล้วหันหลังเดินออกไปเงียบๆ

“อ้าว! จะไปไหนกฎ” ธัชชัยร้องถามและหันรีหันขวาง แต่ตัดสินใจเดินเข้ามาทักละอองดาวอย่างอารมณ์ดี

“ผมนึกว่าเจ้าหญิงจะไม่มาแล้วนะครับ คืนนี้เจ้าหญิงสวยเหลือเกิน”

“เจ้าหญิงอะไรเจ้าธัช”

“ไม่มีอะไรหรอกฝ่าบาท ก็คุณดาวสวยเหมือนเจ้าหญิง จริงไหมกระหม่อม”

สดายุพยักหน้าเห็นด้วย แล้วชวนทุกคนย้ายไปอีกมุม

ooooooo

คณะนาฏศิลป์รำอวยพรบนเวที ท่านชายสดายุและทุกคนนั่งดูการแสดงกันอย่างเพลิดเพลิน กรกฎ หลบมุมไปนั่งที่ซุ้มต้นไม้กับธัชชัย ห่างจากแถวที่นั่งคนดูพอสมควร ส่วนผดาชไมและเพื่อนๆนั่งกันอีกมุม

เมื่อการรำอวยพรจบลง คำอินทร์ก้าวไปที่ไมโครโฟนหน้าวงดนตรี

“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ ณ บัดนี้ได้เวลาอันสมควรแล้วที่ทุกท่านจะได้สนุกสนานสำราญบานใจไปกับการลีลาศในบทเพลงอันไพเราะ โอกาสนี้ผมขอทูลอัญเชิญท่านชายสดายุ มยุรฤทธิ์ ในฐานะเจ้าภาพทรงเปิดฟลอร์อย่างเป็นทางการครับ”

แขกในงานปรบมือกราวใหญ่ สดายุต้องเลือกหญิงสาวเพื่อเปิดฟลอร์เต้นรำ ผดาชไมรอคอย แต่ต้องผิดหวังเพราะท่านเดินผ่านไปเลือกละอองดาว

“ขอให้หม่อมฉันได้รับเกียรติเปิดฟลอร์กับเสด็จป้า ผู้เป็นที่เคารพสักการะของหม่อมฉันเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ละอองดาวตะลึงพูดไม่ออก สดายุเน้นย้ำอีกครั้งว่า

“คุณละอองดาว...คุณมาในฐานะผู้แทนของเสด็จป้ามิใช่หรือ”

เริงใจกับนาถลดาแอบดันหลังละอองดาวเชิงให้ออกไป หญิงสาวหมดทางเลี่ยง ยอมให้ท่านจูงมือ

ออกไปเต้นรำกลางฟลอร์ อุ่นเรือนเฝ้ามองด้วยความปลาบปลื้มมีความสุข เช่นเดียวกับเพื่อนของละอองดาวที่ยิ้มหน้าบาน ชื่นชมเป็นเสียงเดียวกันว่าช่างเป็นคู่เต้นรำที่เหมาะสมที่สุดแห่งปี พรุ่งนี้ต้องเป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แน่ๆ

ผดาชไมอยู่กับกลุ่มเพื่อน จับจ้องมองไปที่ฟลอร์ตาขุ่น บ่นขึ้นอย่างเจ็บใจ “ผู้หญิงที่คู่ควรจะเต้นรำเปิดฟลอร์กับท่านชาย มันควรจะเป็นฉัน ไม่ใช่นังละอองดาว”

“อย่าเสียใจไปเลยดา รออีกหน่อย ยังไงคืนนี้ เธอก็ต้องได้เต้นรำกับท่านชายล่ะน่า”

“ฮึ! ระดับฉันต้องรอเหรอ ฉันควรจะเป็นคนแรกด้วยซ้ำ นังตัวมาร ฉันอยากจะจับแกฉีกเป็นชิ้นๆ”

“ไม่เอาน่าดา ใจเย็นๆ โกรธแค้นไปก็ไม่มีประโยชน์”

“เธอไม่ได้เป็นฉัน เธอไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกยังไง ฉันเสียหน้า ฉันอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว นังนั่นมันมาเพื่อทำลายฉันจนย่อยยับ ฉันแพ้มัน” ผดาชไมเจ็บแค้นจนน้ำตาคลอ

ในมุมของกรกฎกับธัชชัย สองหนุ่มมองไปที่ฟลอร์ ธัชชัยชื่นชมละอองดาวกับท่านชายว่าสวยหล่อเหมาะสมกันจริงๆ

“เลอะเทอะน่าเจ้าธัช ดาวเป็นเพื่อนสนิทของหญิงชล หญิงนาถ ท่านชายทรงรักและเอ็นดูดาวเหมือนน้อง เหมือนหลาน”

“ฉันรู้ว่าฝ่าบาทไม่ได้คิดอะไรกับคุณดาว ก็แค่เปรียบเทียบให้ฟัง ทำไมแกดูเครียดจังวะ นี่งานรื่นเริงนะเพื่อน เอ๊ะๆ ฉันรู้แล้วว่าแกกำลังคิดอะไร”

“แกจะมารู้ใจฉันได้ยังไง”

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด แกกำลังเสียดายคุณดาว แกโกรธตัวเองที่ปฏิเสธการแต่งงานกับคุณดาว แกกำลังทุกข์เพราะ...”

“พอแล้วไอ้ธัช ฉันไม่อยากฟัง ถ้าแกพูดอีกคำเดียวฉันจะชกหน้าแก” กรกฎโวยวายจนธัชชัยชะงักเงียบไป

ขณะเต้นรำ สดายุชวนละอองดาวคุยแต่เรื่องกรกฎเพื่อจับความรู้สึกของเธอ พอจบเพลงเปิดฟลอร์ หนุ่มสาวจับคู่เต้นรำเพลงต่อไป เอกรินทร์เอ่ยชวน

ผดาชไมแต่ได้รับการปฏิเสธ สกุนตลาแอบชอบเขาอยู่จึงสวมรอย ขณะที่รุ้งเพชรก็ส้มหล่น เพราะผดาชไม กรุยทางให้เธอได้เต้นรำกับชายที่หมายปองอย่างคำอินทร์

อุ่นเรือนอยู่ไม่จบงาน เธอกลับมาวังนพดลบอกเล่าบรรยากาศในงานให้เสด็จฯฟังด้วยรอยยิ้มว่าละอองดาวสวยมาก นักข่าวรุมถ่ายภาพกันไม่หยุดหย่อน คงคิดว่าเจ้าหญิงที่ไหนมาร่วมงาน เสด็จฯนึกถึงกรกฎและเชื่อว่าเขาต้องตะลึงไม่น้อย

“คืนนี้คุณละอองดาวสวยเหลือเกินเพคะ ยิ่งตอนลีลาศกับท่านชาย ดูงามสง่าด้วยกันทั้งคู่ เหมือนเจ้าชายกับเจ้าหญิง นี่ถ้าท่านชายกับคุณละอองดาวเป็นคู่รักกัน คงเหมาะสมกันมากนะเพคะ”

เสด็จฯอึ้งไปครู่ ถอนใจเบาๆ รำพึงต่อหน้ารูปจักราชัยด้วยสีหน้าหม่นหมอง รู้สึกผิด

“ความเหมาะสมที่ปราศจากความรัก มันเจ็บปวดยิ่งนัก ก็เพราะความเหมาะสมนี่แหละที่ทำให้ฉันเจ็บปวดทุกข์ใจมาจนทุกวันนี้...จักราชัย อภัยให้แม่นะลูก”

ooooooo

ยิ่งดึกบรรยากาศในงานยิ่งคึกคัก ธัชชัยควงละอองดาวออกไปเต้นรำสมใจ ทิ้งให้กรกฎนั่งดื่มอยู่คนเดียว ละอองดาวลอบมองเขาอยู่บ่อยครั้งก่อนจะเปรยกับธัชชัยว่าท่าทางกรกฎไม่สนุกเลย

“คงมีเรื่องทุกข์ใจมั้งครับ”

“ทุกข์ใจ? เรื่องอะไรเหรอคะ”

ธัชชัยอึ้งไปครู่ รู้ว่าเพื่อนรักเครียดเรื่องอะไร

แต่ไม่ยอมบอก ได้แต่พูดอ้อมๆ “ผมก็ไม่ทราบหรอกครับ เมื่อกี้ผมคุยกับเขา ลองเดาๆดู แต่เจ้ากฎก็ไม่ยอมบอก แถมยังพาลโมโหใส่ผมอีก”

ละอองดาวเองก็รู้ว่ากรกฎทุกข์เรื่องอะไร อมยิ้มสะใจ แต่ทำทีเป็นบ่นสงสารเขา

“ครับ ผมก็เห็นใจเขา เรื่องบางเรื่องมันเป็นปมทุกข์ที่เจ้ากฎจะเอ่ยปากพูดกับใครก็ไม่ได้ ปรึกษาใครก็ไม่ได้”

กรกฎเอาแต่ดื่มกับดื่ม นั่งติดเก้าอี้ไม่ไปไหน ด้านเริงใจกับนาถลดาพอเพลงจบก็รีบเข้ามาหาละอองดาว เพราะท่านชายสดายุให้มาตาม ธัชชัยจึงขอตัวกลับไปหากรกฎ

นาถลดาพาละอองดาวออกไปแล้ว คำอินทร์อยากเต้นรำกับละอองดาวแต่มาไม่ทัน เริงใจยิ้มเยาะ เขาทันที

“เสียใจค่ะ คุณไม่ได้รับเกียรตินั้นเพราะแตนมีธุระกับท่านชายสดายุ”

คำอินทร์ผิดหวังจะผละไป เริงใจรีบเรียกไว้

ถามว่าไม่คิดจะขอตนเต้นรำหน่อยเหรอ

“ไม่เด็ดขาด”

“คุณกำลังทำให้ฉันสูญเสียความมั่นใจนะ”

“มันก็เรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับผม” คำอินทร์ยิ้มกวนๆ หันหลังเดินไป เริงใจบ่นอุบว่าเขาไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย

ทันใดคำอินทร์หันขวับกลับมาเรียกเริงใจที่กำลังจะกระฟัดกระเฟียดไป “เดี๋ยวก่อน ผมเปลี่ยนใจแล้ว”

เริงใจคาดไม่ถึง แอบดีใจ แตะมือเขาเดินออกไปเต้นรำ

“ที่จริงคุณก็เป็นผู้หญิงที่สวยน่ารักนะ” คำอินทร์ปากหวานจนเริงใจเคลิ้ม แต่แล้วเขากลับทำให้เธออารมณ์เสียด้วยการพูดต่อไปว่า “แต่ผมไม่ถูกชะตา”

“คนบ้า” เริงใจโมโหเหยียบเท้าคำอินทร์จนร้องจ๊าก

“โอ๊ยเจ็บ คุณแกล้งผมใช่มั้ย”

“เปล่านะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ แหม...คุณก็น่าจะรู้ ผู้หญิงสวยมักจะซุ่มซ่าม”

“ผมขอถอนคำพูด ที่เมื่อกี้ผมชมคุณว่าสวยน่ารักน่ะผมโกหก ผมล้อเล่น เพราะจ้องดูจริงๆหน้าตาคุณก็งั้นๆแหละ”

“เหรอคะ คุณก็ไม่เห็นจะหล่อตรงไหน หน้าเหลี่ยมจืดเป็นเต้าหู้ แถมยังขี้โอ่ขี้เต๊ะ น่าหมั่นไส้”

เริงใจกระแทกกระทั้นเต้นรำต่อ ก็เลยเสียหลักจะล้ม โชคดีที่คำอินทร์ประคองไว้ในอ้อมกอด...เขาและเธอจ้องตากันนิ่ง หญิงสาวรีบออกตัวว่าตนไม่ได้แกล้ง จะล้มจริงๆ

“ผมรู้...” คำอินทร์เผลอยิ้มตาเป็นประกาย

ooooooo

ภายในงาน สดายุแนะนำละอองดาวให้รู้จักท่านทูตคนหนึ่ง ละอองดาวให้ความสนใจเป็นพิเศษเมื่อได้ยินเขาเอ่ยถึงเจ้าชายจักราชัย

“ท่านทูตรู้จักเจ้าชายจักราชัยด้วยเหรอคะ”

“รู้จักสิครับ ก่อนที่ผมจะมาเป็นทูตที่อังกฤษ ผมเคยเป็นเลขาของท่านทูตที่สวิตเซอร์แลนด์ ตอนนั้นเจ้าชายจักราชัยเดินทางเข้าสวิตเซอร์แลนด์ใหม่ๆ ผมเคยช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องหนังสือรับรองให้ท่าน... คุณละอองดาวสนใจประวัติของเจ้าชายจักราชัยเหรอครับ”

“คุณละอองดาวเธอสนใจเรื่องราวของเจ้าพี่จักราชัยมากครับท่านทูต”

“เจ้าชายจักราชัยทรงเป็นอย่างไรบ้างคะ”

“เท่าที่ผมรู้จัก เจ้าชายจักราชัยเป็นนักประชาธิปไตยตัวยง เป็นนักต่อสู้ ท่านพยายามเรียกร้องเอกราชให้อาณาจักรเชียงอู จนสุดท้ายอาณาจักรเชียงอูก็ได้รับเอกราชเป็นรัฐอิสระ แต่ชีวิตของท่านน่าสงสารมากนะครับ”

“ยังไงเหรอคะท่านทูต”

“ช่วงที่ท่านต่อสู้ ท่านไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครเลย แม้ทางสถานทูตจะพยายามช่วย การติดต่อเป็นไปอย่างลับๆ เพราะถ้าเป็นข่าวเจ้าชายต้องถูกพวกกบฏตามล่าเอาชีวิตแน่ เสียดายนะครับที่ท่านไม่ได้กลับมาครองราชย์ ท่านสิ้นใจอย่างน่าสงสารด้วยโรครุมเร้าและความอดอยาก โดดเดี่ยว ไร้ญาติขาดมิตร”

พูดแล้วท่านทูตจ้องหน้าละอองดาวอย่างพินิจ พิเคราะห์จนเธอแปลกใจ

“มีอะไรเหรอคะท่านทูต”

“ผมรู้สึกว่าใบหน้าคุณละอองดาวจะมีส่วนละม้ายคล้ายเจ้าชายจักราชัยเหมือนกันนะครับ”

“เห็นไหมคุณละอองดาว ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าดวงตากับริมฝีปากของคุณมีส่วนคล้ายเจ้าพี่จักราชัย ท่านทูตเพิ่งรู้จักคุณแท้ๆ ยังออกปากเลย”

“นี่ถ้าบอกว่าคุณละอองดาวเป็นลูกหรือเป็นหลานของเจ้าชายจักราชัย ผมก็เชื่อนะครับท่านชาย”

“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะท่านทูต คนเราหน้าตาคล้ายกันก็มีเยอะนะคะ คงเป็นเรื่องบังเอิญน่ะค่ะ”

การสนทนาระหว่างละอองดาว ท่านทูต และสดายุอยู่ในสายตาของผดาชไมตลอดเวลา เธอริษยาละอองดาวถึงขีดสุด ก่นด่าให้เพื่อนฟังไม่หยุดหย่อน

“เสนอหน้า! อยากยกระดับตัวเอง...ฉันไม่ปล่อยให้แกลอยหน้าอยู่อย่างงี้หรอก นังละอองดาว”

ผดาชไมสบโอกาสคว้าแก้วเครื่องดื่มจากบริกรที่กำลังจะเดินผ่าน...แล้วเดินตรงไปทักท่านชาย แต่แกล้งเดินสะดุดเสียหลักทำเครื่องดื่มในมือหกรดละอองดาวจนเธอต้องขอตัวไปล้างในห้องน้ำ

จังหวะนี้เองผดาชไมเดินตามไปหาเรื่องละอองดาว จ้องมองตาขุ่นขวางดุดันจนละอองดาวตกใจ

“ทำไมทำหน้าอย่างงั้น กลัวฉันเหรอ”

“ทำไมฉันต้องกลัวคุณด้วยล่ะคะ”

“จริงสิ! ถ้ากลัว แกก็คงไม่กล้าเสนอหน้ามาแข่งรัศมีกับฉันในงานสังคมชั้นสูงแบบนี้หรอก แกจงใจฉีกหน้าฉัน ดาวเด่นคืนนี้ควรจะเป็นฉัน ไม่ใช่ผู้หญิงต่ำๆอย่างแก”

ละอองดาวข่มใจไม่อยากมีเรื่องจะเดินเลี่ยงออกมา แต่ผดาชไมตวาดแว้ด

“จะไปไหน ฉันยังพูดกับแกไม่จบ”

ละอองดาวไม่สนใจ ผดาชไมกระชากแขนเธอไว้ สองคนจ้องกันนิ่ง ฝ่ายหนึ่งพร้อมจะขย้ำ อีกฝ่ายเตรียมรับมือ...

ที่ด้านนอก นาถลดาเล่าให้เริงใจฟังว่าเมื่อสักครู่ผดาชไมเดินสะดุดทำเครื่องดื่มหกเลอะชุดละอองดาว

“แล้วตอนนี้แตนอยู่ไหน”

“ไปห้องน้ำจ้ะ แต่ไปนานแล้วนะ ทำไมยังไม่กลับมาอีก”

“แตน!!” เริงใจร้อนรน นึกเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมา...

ภายในห้องน้ำ ผดาชไมยังคงดึงแขนละอองดาวไว้ไม่ยอมปล่อย ละอองดาวเจ็บจนโมโหพยายามสะบัดออก กลับโดนผดาชไมกระชากเหวี่ยงเซไปกระแทกผนัง

“คุณจะทำอะไร”

“ฉันก็จะสั่งสอนแกน่ะสิ นังผู้หญิงหน้าด้าน รู้ทั้งรู้ว่ากฎเป็นคนรักของฉันแต่แกก็ยังคิดจะแย่งกฎไปจากฉัน เท่านั้นยังไม่พอ แกยังจ้องจะจับท่านชายสดายุอีก อ่อยผู้ชายไปทั่ว หน้าไม่มียางอาย”

“นึกไม่ถึงนะคะว่าคุณจะมีความคิดต่ำๆแบบนี้ ถ้าเข้าใจอะไรผิดก็กรุณาทำความเข้าใจซะใหม่ ฉันรู้จักท่านชายมาตั้งแต่เด็กๆ ท่านเป็นอาของหญิงชลกับหญิงนาถ ฉันรักและเคารพท่านชายเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ส่วนคุณกรกฎ แม้จะมีพินัยกรรมผูกมัดฉันกับเขาเอาไว้ แต่เขาก็ปฏิเสธการแต่งงานกับฉันไปแล้ว เขาไม่ได้บอกคุณเหรอคะ”

“บอกไม่บอกมันไม่สำคัญ มันสำคัญที่พฤติกรรมของแกนั่นแหละ อย่านึกนะว่าฉันไม่รู้ว่ากฎแอบไปหาแกที่วังนพดลบ่อยๆ แอบไปเที่ยวกับแก ฮึ! ถ้าผู้หญิงไม่ให้ท่า ผู้ชายก็ไม่วิ่งเข้าหาอย่างงี้หรอก”

“พฤติกรรมแบบนี้คุณคงทำบ่อยมั้งคะ ถึงได้รู้ดีว่าทำแล้วผู้ชายจะวิ่งเข้าหา ที่โกรธฉันเป็นฟืนเป็นไฟนี่เพราะอะไรคะ อ๋อ คงเพราะทำแล้วไม่ได้ผล ไม่มีผู้ชายวิ่งเข้าหาสักคน”

“นังละอองดาว แกกล้าด่าฉันเหรอ นังชั้นต่ำ!”

ผดาชไมโกรธจัดตบหน้าละอองดาวดังฉาด เป็นจังหวะที่เริงใจกับนาถลดาเปิดประตูเข้ามาพอดี

“นี่คือรางวัลสำหรับผู้หญิงหน้าด้านอย่างแก จำไว้!” ผดาชไมกรีดเสียงไม่แคร์ใคร

“ผดาชไม! เธอทำอะไรเพื่อนฉัน” เริงใจเสียงแข็งเอาเรื่อง

“ฉันก็สั่งสอนมันน่ะสิ ว่าอย่าสะเออะมายุ่งกับคนรักของฉัน หล่อนมีปัญหาอะไรมิทราบ เจ็บแทนนังละอองดาวรึไง”

“ใช่! ฉันเจ็บแทน แกทำเพื่อนฉันเจ็บ แกก็ต้องเจ็บเหมือนกัน”

เริงใจโมโหตบหน้าผดาชไมอย่างแรง ผดาชไมร้องกรี๊ดเซถลา แล้วสองสาวก็พุ่งเข้าขย้ำกันอย่างไม่มีใครยอมใคร นาถลดากับละอองดาวตกใจทำอะไรไม่ถูก

ooooooo

แขกเหรื่อยังจับคู่เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน โดยไม่มีใครรู้ว่าในห้องน้ำกำลังเกิดเรื่องตบตีกันระหว่างผดาชไมกับเริงใจ

ธัชชัยไม่เห็นละอองดาวก็มองหาทั่วงาน ขณะที่กรกฎทั้งเครียดทั้งเมาจนเห็นทุกอย่างเบลอไปหมด เรียกธัชชัยอยู่สองสามครั้งก็เป็นลมหมดสติ แก้วเหล้าหล่นจากมือแตกเสียงดัง ผู้คนในงานตกใจหันมองเป็นตาเดียว

สดายุและกลุ่มเพื่อนของผดาชไมที่นำโดยรุ้งเพชรกรูกันเข้ามาถามธัชชัยว่ากรกฎเป็นอะไร

“จู่ๆก็วูบหมดสติ คงเป็นลมน่ะกระหม่อม”

“ตายจริง ดาอยู่ไหนเนี่ย” รุ้งเพชรเห็นท่าไม่ดีรีบออกไปตามหาผดาชไม

เวลานั้นผดาชไมกับเริงใจกำลังขย้ำกันอยู่ในห้องน้ำ ละอองดาวกับนาถลดาห้ามก็ไม่ฟัง ผดาชไมดึงดันจะตบเริงใจให้ได้ ขณะที่เริงใจก็ตอบโต้ว่าตายเป็นตายตนไม่มีวันปล่อยให้อีกฝ่ายรังแกเพื่อนตนได้อีก

เมื่อผดาชไมจะพุ่งเข้ามาเล่นงานเริงใจที่ตั้งท่าจะสวนกลับ นาถลดาทนไม่ไหวตวาดใส่เสียงแข็ง

“หยุดนะ! ถ้าเธอไม่หยุด ฉันจะสั่งมหาดเล็กให้ลากเธอออกไปจากวังของท่านอา”

“เชอะ! วังของท่านอา นึกว่าฉันกลัวเหรอ”

“ถ้ากล้าก็ลองดู พรุ่งนี้เธอได้เป็นข่าวฉาวบนหน้าหนังสือพิมพ์แน่”

คำขู่และท่าทีเอาจริงของนาถลดาได้ผล ผดาชไมหยุดชะงัก เป็นจังหวะที่รุ้งเพชรเปิดประตูพรวดเข้ามา มองคนโน้นคนนี้แล้วถามเพื่อนของตนว่ามีอะไรกัน?

“ไม่มีอะไรหรอก”

“รีบไปเถอะดา คุณกรกฎเป็นลม ตอนนี้ยังไม่ได้สติเลย”

ผดาชไมตกใจรีบตามรุ้งเพชรออกไป ละอองดาวเป็นห่วงกรกฎ ชวนเพื่อนๆก้าวตาม...เมื่อมาเห็นสภาพกรกฎนอนเอนกับตักธัชชัยที่กำลังปฐมพยาบาล แทนที่ผดาชไมจะห่วงคู่รัก กลับทำหน้าเบื่อหน่าย ตรงข้ามกับละอองดาวที่จับตามองกรกฎด้วยความเป็นห่วง

กรกฎรู้สึกตัวแต่สีหน้ายังดูมึนงง ถามธัชชัยว่าตนเป็นอะไร

“ก็เป็นลมวูบไปน่ะสิ ดีนะที่ฉันรับไว้ ไม่งั้นแกหัวแตกแน่”

“ธัช! พากฎไปนอนพักในตำหนักก่อน”

“กระหม่อมว่าพากลับบ้านเลยดีกว่า เจ้ากฎจะได้นอนพักยาวๆไปเลยกระหม่อม”

สดายุคล้อยตาม เรียกคนของตนมาช่วยธัชชัยหิ้วปีกกรกฎพยุงเดินออกไป รุ้งเพชรสะกิดผดาชไมให้รีบตาม แต่เธอเบ้ปากไม่สนใจ

“ก็คุณธัชชัยเขาไปส่งแล้ว”

“ดา! นี่เธอไม่ห่วงคุณกฎเลยเหรอ”

“ก็ดื่มหนักซะขนาดนั้น มันน่าห่วงไหมล่ะ ฉันตามไปก็ช่วยอะไรไม่ได้” ผดาชไมยักไหล่เดินหนี รุ้งเพชร สกุนตลาและเพื่อนผองมองหน้ากันอึ้งๆ แทบไม่อยากเชื่อ ส่วนละอองดาวชะเง้อมองตามกรกฎอย่างวิตกกังวลและเป็นห่วง โดยไม่รู้ว่าสดายุลอบสังเกตอยู่ตลอดเวลา

ooooooo

ชวนชมตกใจและสงสารกรกฎที่ไปเป็นลมกลางงานวันคล้ายวันประสูติท่านชายสดายุ ธัชชัยที่หามมาส่งบอกว่ากรกฎดื่มหนัก ไม่มีอะไรรองท้อง และคงเครียดด้วย

“เครียด? เรื่องอะไรคะ”

“ผมก็เดาไม่ถูกหรอกครับ ต้องถามเจ้าตัวเขาเอง ยังไงผมกลับก่อนนะน้าชวน ฝากเจ้ากฎด้วยครับ”

“ขอบคุณมากนะคะคุณธัชชัย”

หลังจากธัชชัยกลับไปแล้ว ชวนชมให้ยอดรักเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้กรกฎ พอเขารู้สึกตัว ประโยคแรกที่ถามชวนชมคือละอองดาวกลับมาหรือยัง

“คุณดาวไม่กลับหรอกค่ะ คืนนี้ค้างที่วังนพดล คุณกฎจำไม่ได้เหรอคะ” กรกฎไม่พูดอะไร แต่ทำท่าจะลุกขึ้น ชวนชมรีบประคองให้นอนต่อ “อย่าเพิ่งลุกเลยค่ะ นอนพักก่อน เดี๋ยวจะวูบล้มไปอีก คุณกฎตัวร้อนมากนะคะ สงสัยจะเป็นไข้ด้วย”

กรกฎยอมนอนลงอย่างว่าง่ายเพราะไร้เรี่ยวแรง... เวลาเดียวกันนั้นละอองดาวยังอยู่ในวงล้อมของเพื่อนๆ
ที่วังมยุรฤทธิ์ เริงใจเล่าเหตุการณ์ที่ผดาชไมระรานหาเรื่องละอองดาวให้ฟังด้วยความแค้น เพื่อนพลอยเจ็บใจ บ่นเริงใจว่าทำไมไม่มาตามพวกตนไปช่วย

“ไม่ต้องหรอกย่ะ ฉันคนเดียวแม่นั่นก็สู้ไม่ไหวแล้ว ฮึ! ยัยผีบ้า คราวหน้าแกแหลกคามือฉันแน่”

“พอเลยนิด เลิกแล้วต่อกันเถอะ ตอบโต้กันไปมามันก็ไม่จบไม่สิ้น”

“ไม่รู้ล่ะ ถ้ายัยนั่นมาหาเรื่องเธออีก ฉันก็ไม่ปล่อยมันไว้แน่”

ละอองดาวอ่อนใจในความแรงของเริงใจแล้วขอตัวกลับ อ้างว่าพรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า พูดจบก็เดินลิ่วไปบอกลาสดายุที่คุยอยู่กับคำอินทร์เรื่องกรกฎเป็นลม

“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันมาทูลลา คงต้องกลับแล้วเพคะ”

“ทำไมรีบกลับล่ะคุณละอองดาว ไหนว่าจะกลับหลังเที่ยงคืนไม่ใช่เหรอ”

“ฝ่าบาทตรัสเองนะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้บอกสักหน่อย พรุ่งนี้หม่อมฉันมีงานแต่เช้าเพคะ”

“เดี๋ยวฉันไปส่งนะ”

“ไม่ต้องหรอกเพคะ ดิฉันกลับรถของวังนพดลสะดวกกว่า อีกอย่างแขกของฝ่าบาทก็อยู่กันพร้อมหน้า เดี๋ยวแขกจะเหงานะเพคะ”

“งั้นผมไปส่งคุณดาวที่รถนะครับ” คำอินทร์เสนอหน้า ละอองดาวไม่กล้าปฏิเสธ...

ผดาชไมยืนมองอยู่ไม่ไกล ริษยาและหมั่นไส้ละอองดาวเต็มที่ พูดกับรุ้งเพชรที่ยืนอยู่ด้วยกันว่า

“เห็นมั้ยรุ้ง ท่านชายให้ความสำคัญกับนังนั่นมากขนาดไหน ถึงกับเอ่ยปากว่าจะไปส่งมัน”

“ก็ละอองดาวเป็นผู้แทนของเสด็จฯ ท่านชายก็ต้องให้ความสำคัญน่ะสิ คิดมากน่า”

“ไม่คิดได้ยังไง นังนั่นมันเหยียบหน้าฉันตั้งแต่มันเข้ามาในงานแล้ว ไม่รู้ล่ะ ยังไงฉันก็ไม่ยอม”

ผดาชไมพูดจริงทำจริง เธอเดินมาเกาะแขนสดายุ อ้อนว่าตนจะกลับแล้ว รู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากพักผ่อน รบกวนท่านชายช่วยไปส่ง

“เกรงว่าจะไม่สะดวกนะ ฉันมีธุระต้องหารือกับท่านทูต ยังไงเดี๋ยวฉันให้รถที่วังไปส่งก็แล้วกัน ขอตัวนะ”

ผดาชไมเสียหน้าและอับอาย ร้องกรี๊ดลับหลังสดายุเพียงไม่กี่อึดใจ รุ้งเพชรต้องรีบวิ่งเข้ามาเอามือปิดปากห้ามเพื่อน

“อย่ากรี๊ดสิดา ดูสิ คนมองกันใหญ่แล้ว”

ผดาชไมกระฟัดกระเฟียด รุ้งเพชรรีบพาเธอออกไปจากตรงนั้น...ฝ่ายละอองดาวกับคำอินทร์ที่เดินออกมาด้วยกัน คำอินทร์อยากไปส่งเธอถึงวังนพดล แต่หญิงสาวปฏิเสธอย่างเกรงใจ

เริงใจกับนาถลดาเดินมาเจอ เริงใจวางท่ากวนใส่คำอินทร์เหมือนทุกครั้งที่เจอ อยากรู้ว่าเขาจะพาเพื่อนของตนไปไหน

“ผมจะไปส่งคุณดาวที่รถ”

“นี่มันหน้าที่ของพวกฉัน คุณไม่เกี่ยว”

“นี่คุณ! ผมไม่เข้าใจจริงๆ คุณจะกันท่าผมไปถึงไหน”

“ถึงไหนดีน้า...คุณเลิกตอแยเพื่อนฉันเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ”

“โอ๊ย...อยากจะบ้าตาย ผมเหนื่อยใจกับคุณจริงๆ”

“อย่าเพิ่งเหนื่อยเลยค่ะ เราคงต้องรบกันอีกนาน ไปเต้นรำกันอีกสักเพลงมั้ย”

“ไม่เอาแล้ว อยากเต้นก็ไปเต้นคนเดียวเหอะ เหยียบเท้าผมยังเจ็บไม่หายเลย” คำอินทร์หงุดหงิดเดินลิ่วจากไป เริงใจยิ้มขำ แต่พอรู้ตัวว่าเพื่อนจับตามองก็รีบปั้นหน้ากลบเกลื่อน...

ooooooo

ละอองดาวให้รถของวังนพดลมาส่งที่บ้านเบ็ญจรงค์เพราะเป็นห่วงกรกฎ แต่ปากแข็งบอกชวนชมว่าแวะมาเอาของใช้ส่วนตัว

“คุณกรกฎเป็นยังไงบ้างคะน้าชวน”

“หลับไปแล้วค่ะ ตอนที่คุณธัชชัยหามมาส่งใหม่ๆ คุณกฎตัวร้อนจี๋เลยนะคะ พอเจ้ายอดรักเช็ดตัวให้ก็อุ่นๆ
ขึ้นบ้าง นี่น้าก็สั่งให้ยอดรักนอนเฝ้าอยู่”

“ถ้าอาการไม่ดีขึ้น น้าชวนก็รีบโทร.ไปตามหมอนะคะ”

“คุณดาวเป็นห่วงคุณกฎเหรอคะ”

“จะให้ฉันทนใจจืดใจดำได้ยังไงล่ะน้าชวน ไม่ใช่พี่ก็เหมือนพี่ อยู่คนละตึก แต่ก็รั้วเดียวกัน...คงไม่เป็นอะไรแล้วมั้งคะ ฉันกลับล่ะ”

“เดี๋ยวค่ะคุณดาว ไหนๆก็มาแล้ว ค้างที่นี่เถอะค่ะ”

“ไม่ได้หรอกค่ะ รับปากกับเสด็จท่านแล้วว่าจะค้างที่วัง คนขับรถรออยู่โน่น”

ชวนชมมองออกไปเห็นคนขับรถของวังนพดลจึงไม่รั้งเธอไว้ บอกให้กลับไปพักผ่อน ละอองดาวออกเดินได้สองสามก้าวแล้วหันมากำชับชวนชมอย่าบอกกรกฎว่าตนแวะมา

“โถคุณดาว ปากบอกว่าไม่ แต่ใจก็เป็นห่วง คุณกฎก็อีกคน สองคนนี้ปากกับใจไม่ตรงกัน” ชวนชมบ่นพึมพำแล้วทอดถอนใจ...

ด้านผดาชไมที่ไม่ได้ดั่งใจสักอย่างออกจากงานเลี้ยงที่วังมยุรฤทธิ์ก็มุ่งหน้าไปที่คลับประจำ รุ้งเพชรตามประกบด้วยความเป็นห่วงเพราะเพื่อนรักไม่ได้ขับรถมา กลัวจะกลับไม่ได้

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันกลับเองได้ ที่คลับนี้เขามีบริการรถรับส่งลูกค้า”

“แน่ใจนะว่าไม่ให้ฉันนั่งเป็นเพื่อน”

“ฉันอยากอยู่คนเดียวจริงๆ กลับไปตอนนี้ฉันก็นอนไม่หลับ ขอบใจนะรุ้งที่มาส่ง”

รุ้งเพชรพยักหน้าแล้วเดินออกไป ผดาชไมสั่งเหล้ามาดื่มแก้กลุ้ม แต่เพราะความอิจฉาริษยาแรงกล้าจึงนั่งครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่งานเลี้ยง โต้เถียงกับละอองดาวและเพลี่ยงพล้ำแพ้ทุกทาง ทำให้ยิ่งเจ็บแค้นใจ

“นังละอองดาว! กำพืดแกก็แค่เด็กกำพร้าข้างถนน นังคางคกขึ้นวอ แกไม่มีวันชนะฉันได้หรอก นังชั้นต่ำ!”

พ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์สังสรรค์กับเพื่อนอยู่อีกมุม พอเหลือบเห็นผดาชไมนั่งดื่มคนเดียวก็แยกตัวออกมาพูดทักทายด้วยเสน่หา

“ทำไมมาเที่ยวคนเดียวล่ะครับ ทุกทีเห็นคุณมากับเพื่อนๆ”

“ดาเพิ่งกลับจากงานราตรีสโมสรของท่านชายสดายุค่ะ รู้สึกเบื่อๆก็เลยแวะมาดื่ม ฟังเพลงเพลินๆ เผื่อจะหายกลุ้มได้บ้าง”

“ซุปเปอร์สตาร์ระดับคุณฮันนี่มีเรื่องให้ต้องกลุ้มด้วยเหรอครับ”

“แหม...พ่อเลี้ยงคะ ซุปเปอร์สตาร์ก็คนนะคะ มีเรื่องให้ต้องคิดต้องกลุ้มบ้างล่ะค่ะ ไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์นี่คะ จะได้มีแต่ความสุข”

“แต่คืนนี้คุณสวยเหมือนนางฟ้าเลยนะครับ ดารานักร้องทั้งวงการก็เทียบคุณไม่ได้”

“พ่อเลี้ยงพูดเล่นแบบนี้ ดาก็เขินแย่สิคะ”

“ไม่ได้พูดเล่นนะครับ ผมพูดจริงๆ สงสัยพรุ่งนี้ผมต้องไปหาหมอแล้วมั้ง”

“ทำไมคะ”

“ก็ตอนนี้ใจผมสั่นน่ะสิ ยิ่งอยู่ใกล้คุณ หัวใจผมยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ มันรวนไปหมดแล้ว”

“เจ้าคารมนะคะ มาค่ะ ชนแก้วกันหน่อย”

เขาและเธอชนแก้วกันเรื่อยไป จนกระทั่งผดาชไมเมาคอพับคออ่อน พูนสวัสดิ์สบโอกาสพาเธอไปบ้านของเขาอุ้มเข้าห้องวางลงบนเตียงนอน

“พ่อเลี้ยงคุยสนุกจัง ดามีความสุขที่สุดเลยค่า” ผดาชไมพูดอ้อแอ้ ตาแทบลืมไม่ขึ้น

“ฮันนี่! เดี๋ยวคุณจะมีความสุขยิ่งกว่านี้”

“นี่มันที่ไหนคะ”

“สวรรค์ไงครับ เรากำลังจะขึ้นสวรรค์ด้วยกัน”

“จริงสิ ดาเป็นนางฟ้านี่นา นางฟ้าต้องอยู่บนสวรรค์”

พูนสวัสดิ์ยิ้มกริ่ม ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอออกแล้วระดมจูบอย่างหื่นกระหาย

“พ่อเลี้ยงจะทำอะไรคะ อย่าค่ะ” ผดาชไมยังมีสติแต่ไร้เรี่ยวแรง ถูกเขากดร่างกับที่นอน

“ผมรักคุณฮันนี่ รักจนอดใจไม่ไหวแล้ว”

“อย่าทำแบบนี้ อย่า...” ผดาชไมปัดป้องอยู่สักครู่ก็เคลิบเคลิ้ม ปล่อยอารมณ์คล้อยตาม...

ooooooo

ละอองดาวมาทำงานที่วังนพดลในเช้าวันรุ่งขึ้น แน่นอนว่าต้องโดนเสด็จฯซักถามเรื่องงานเมื่อคืน
ที่วังมยุรฤทธิ์ โดยมีอุ่นเรือนร่วมสนทนาอยู่ด้วย

“งานเมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง”

“ก็สนุกสนานดีเพคะ แขกเหรื่อของท่านชายมาร่วมงานเยอะมาก ท่านชายทรงมีความสุขสำราญมากเพคะ”

“เมื่อคืนคุณกรกฎเป็นลมด้วยนะเพคะฝ่าพระบาท”

“นี่เขาเห็นละอองดาวสวยจนตะลึงถึงกับเป็นลมเป็นแล้งไปเชียวเหรอ”

“คุณอุ่นเรือนทราบได้ยังไงคะ ก็คุณอุ่นเรือนกลับก่อนนี่นา”

“คนที่วังมยุรฤทธิ์โทรศัพท์มาบอกดิฉันเมื่อเช้าค่ะ แหม...ก็คุณละอองดาวสวยเหมือนซินเดอเรลล่าขนาดนั้น ใครเห็นก็ต้องตะลึงค่ะ โดยเฉพาะคุณกรกฎ”

“เป็นอย่างที่ฉันคาดไว้ไม่มีผิด...แผนการ...ไม่ใช่สิ เดี๋ยวจะหาว่าฉันเจ้าเล่ห์เกินไป ต้องบอกว่าสิ่งที่ต้องการพิสูจน์มันได้ผลเกินคาด”

“หม่อมฉันคิดว่าคุณกรกฎอาจจะดื่มหนัก พักผ่อนน้อย สุขภาพไม่ดีก็เลยเป็นลมไปมั้งเพคะ คงไม่เกี่ยวกับหม่อมฉันหรอกเพคะ”

“ทำไมจะไม่เกี่ยว ไม่มีสาเหตุอื่นที่ทำให้กรกฎเครียดและทุกข์ใจได้มากขนาดนี้หรอก ฉันสังเกตตั้งแต่วันแรกที่เจอเขาแล้ว เขาทั้งห่วงและหวงเธอมากจนผิดวิสัยของพี่ชายที่ห่วงน้องสาว ยิ่งเห็นเธอสวยงามจับตา เขายิ่งทุกข์ ยิ่งโกรธตัวเองที่เคยปฏิเสธการแต่งงานกับเธอ”

ละอองดาวโดนเสด็จฯต้อนเสียจนพูดไม่ออกนิ่งไปด้วยความเขินอาย...

ส่วนที่บ้านพ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์ เช้าวันเดียวกัน ผดาชไมตื่นนอนพบว่ามีเพียงผ้าห่มคลุมร่างเปลือยเปล่า เธอกวาดตามองรอบห้อง คิดทบทวนเรื่องราวแล้วแผดเสียงดังลั่น ทั้งทุบทั้งเขย่าตัวพูนสวัสดิ์ที่นอนอยู่ข้างกันด้วยความโมโห

“อะไรฮันนี่ ปลุกผมทำไมที่รัก”

“ที่รักเหรอ คุณทำกับดาแบบนี้ได้ยังไง กรี๊ดดดดด...ดาไม่ยอม”

ผดาชไมทุบตีเขาไม่ยั้ง พูนสวัสดิ์ลุกขึ้นนั่งปัดป้องและจับมือเธอไว้ “ไม่ยอมอะไร เมื่อคืนคุณก็ยอมผมนะ”

“กรี๊ดดดด...คนบ้า! คนฉวยโอกาส!”

“โอกาสงามๆลอยมาตรงหน้า ไม่ฉวยเอาไว้ก็โง่แล้ว”

“ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ ไปให้พ้นเลยนะ ฉันเกลียดคุณ” เธอกระฟัดกระเฟียดผลักไสเขา

“แต่ผมรักคุณนะฮันนี่ รักมากด้วย ไม่เอาน่า อย่าโกรธผมเลย ผมรู้นะว่าคุณก็มีใจให้ผมเหมือนกัน”

“ไม่ต้องมาทำพูดดี”

“ผมรักคุณจริงๆ ผมสัญญาว่าจะทำให้คุณโด่งดังยิ่งกว่านี้อีก คุณจะมีทุกอย่างที่คุณอยากได้ ผมจะทำให้คุณสุขสบายไปตลอดชีวิต เราแต่งงานกันนะฮันนี่”

“ไม่นะพ่อเลี้ยง ดาไม่แต่ง!”

“ทำไมล่ะครับ หรือว่าคุณยังแคร์นายกรกฎนั่น พักหลังผมไม่เห็นเขาไปไหนมาไหนกับคุณ ไม่เห็นเขาจะสนใจคุณเลย”

“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกค่ะ ดายังอยากอยู่ในวงการ ถ้าแต่งงานหรือมีข่าวของเราออกไป ชื่อเสียงดาต้องย่อยยับแน่ ดาขอร้องนะคะ เก็บเรื่องของเราเป็นความลับไปก่อนนะคะพ่อเลี้ยง”

“ได้สิที่รัก ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ” พูนสวัสดิ์กอดหอมแก้มผดาชไมก่อนคว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่งแล้วเดินเข้าห้องน้ำ

“บ้าจริง! ฉันพลาดได้ยังไงเนี่ย นี่ถ้ากฎรู้ล่ะก็ หมดกัน!” ผดาชไมบ่นอย่างหวาดหวั่น

ในเวลาเดียวกัน งามตาแม่ของเธอกำลังกดออดหน้าบ้านลูกสาวเพื่อจะเข้าไปหา แต่กดหลายครั้งไม่มีเสียงตอบจากในบ้าน ได้แต่บ่นลูกทำไมนอนขี้เซานัก

กระทั่งสังเกตเห็นกุญแจล็อกประตูรั้ว “อ้าว! ไม่อยู่บ้าน ออกไปไหนแต่เช้า” บ่นเสร็จหยิบกุญแจสำรองที่ตัวเองมีออกมาไขประตูเข้าไปรอ

ooooooo

สดายุตั้งใจมาเชิญท่านป้ารับประทานอาหารกลางวันนอกวัง แต่ท่านไม่สะดวกจึงให้ชวนละอองดาวไปแทน

ด้านกรกฎที่เมาหนักเมื่อคืนจนเป็นลมหมดสติ เขาเพิ่งจะตื่นเอาตอนเกือบเที่ยงเพราะชวนชมเคาะห้องรายงานว่าธัชชัยโทรศัพท์มาบอกว่าอีกสักพักจะมารับไปกินมื้อกลางวัน...

ทางฝ่ายผดาชไมที่พลาดท่าเสียทีให้พูนสวัสดิ์ไปแล้วเมื่อคืน เธอเพิ่งจะกลับบ้านโดยยอมให้เขามาส่งเพราะไม่มีรถขับ งามตาได้ยินเสียงรถก็กระวีกระวาดออกมาดู แต่ต้องชะงักรีบหันกลับเข้าบ้านเพราะลูกสาวไม่ได้มาคนเดียว

พูนสวัสดิ์เห็นเต็มสองตา ถามผดาชไมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร หญิงสาวตอบเหมือนที่เคยโกหกกรกฎว่าเป็นแม่บ้านที่จ้างมาทำงานบ้านเป็นครั้งคราว ตอบเสร็จก็เร่งเขาให้กลับ อ้างว่าตนปวดหัว อยากอาบน้ำแล้วนอนพักผ่อน

“ก็ได้ครับ งั้นผมกลับก่อนนะที่รัก” พูนสวัสดิ์พูดขาดคำก็โอบเอวและหอมแก้มผดาชไมก่อนผละ
ไปขึ้นรถ

งามตาแอบดูอยู่ในบ้านตกใจตาพองก๋า เมื่อลูกสาวเข้ามาก็คาดคั้นเสียงเขียวว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร

“คนไหนเหรอ”

“แกไม่ต้องมาทำเฉไฉ ก็คนที่มาส่งแกเมื่อกี้นี้ไง เขาจูบแกด้วย อย่านึกนะว่าฉันไม่เห็น”

ผดาชไมจนมุมจำต้องบอกชื่อเสียงเรียงนามของผู้ชาย “พ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์”

“พ่อเลี้ยง! เขาทำมาหากินอะไร รวยรึเปล่า แล้วแกไปรู้จักมักจี่เขาได้ยังไง นี่อย่าบอกนะว่าเขาเป็นแค่คนรู้จัก หัวเด็ดตีนขาดฉันก็ไม่เชื่อ”

“พักก่อนน่ะใช่ แค่คนรู้จัก แต่เมื่อคืน...หนูเสียท่าเขาไปแล้ว”

“หา!! นี่แกเสียท่าไอ้พ่อเลี้ยงนั่นแล้วเหรอ โอ๊ย! อกอีแป้นจะแตก แกทำอย่างงี้ได้ยังไง นังลูกไม่รักดี มีนายกรกฎอยู่โทนโท่ยังแอบเล่นชู้อีก แกนี่มันโง่จริงๆ อุตส่าห์ไปร่ำเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาเป็นดาราดัง แทนที่จะฉลาด แต่กลับโง่เง่าเต่าตุ่น มีมหาเศรษฐีอยู่ในมือ แต่ยังใฝ่ต่ำแอบไปคว้าไอ้พ่อเลี้ยงนั่นมาเป็นชู้ แกนี่มัน...”

“โอ๊ยแม่! จะโวยวายไปทำไม น่ารำคาญ”

“ก็แกมันทำตัวเลว จะให้ฉันหุบปากได้ยังไงคอยดูนะ ถ้านายกรกฎจับได้ว่าแกมีชู้ แกจะซวย”

“กฎไม่มีวันรู้หรอกน่า...ทีตอนแม่เป็นเมียน้อยพ่อ แม่ก็ยังแอบมีผู้ชายคนอื่น พ่อยังจับไม่ได้เลย”

“นี่แกกล้าย้อนฉันเหรอ”

“หนูพูดเรื่องจริง หรือแม่จะเถียงว่าไม่จริง แม่ด่าหนูปาวๆหาว่าหนูโง่เง่า ใฝ่ต่ำ ทำตัวเลว แล้วแม่ดีกว่าหนูเหรอ ทุกอย่างที่แม่ด่าหนู แม่ก็เคยทำมาแล้วทั้งนั้นใช่มั้ย”

“แก! นังลูกเนรคุณ!” งามตาตบหน้าผดาชไมแล้วด่าซ้ำ “แกไม่มีสิทธิ์มาย้อนฉัน นังลูกอกตัญญู ฉันเลี้ยงแกมาจนได้ดิบได้ดี แทนที่จะสำนึกบุญคุณ”

ผดาชไมน้ำตาเอ่อ ถามแม่ด้วยความน้อยใจว่าเลี้ยงตนมาดีงั้นหรือ?

จากนั้นก็หวนคิดถึงอดีตในวัยเด็กที่ตัวเองเคยโดนเพื่อนๆล้อว่ามีแม่เป็นผู้หญิงขายตัว แม่ใช้ทำงานสารพัด ห้ามไปเล่นกับเพื่อน พอเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น แม่ก็ห้ามแต่งหน้าทาปาก ดุด่าตนอย่างหยาบคายว่ากระแดะอยากเป็นสาว อยากมีผัว และถ้าตนไม่ขอพ่อเรียนต่อหลังจากจบมัธยมปลายจนได้ไปเรียนเมืองนอก ตนก็คงดักดานอยู่กับแม่คิดถึงอดีตตอนขมขื่นแล้วผดาชไมน้ำตาไหลพราก ตัดพ้อแม่ว่า

“แม่ไม่เคยรักหนูเลย ขนาดหนูขอเรียนต่อแม่ก็ไม่ให้ ถ้าพ่อไม่ส่งหนูไปเรียนต่อเมืองนอก หนูจะได้ดิบได้ดี มีหน้ามีตาเหมือนคนอื่นมั้ย แล้วแม่จะมีโอกาสได้แบมือขอเงินหนูใช้อย่างทุกวันนี้รึเปล่า”

“ทำไมฉันจะไม่รักแก”

“ถ้าแม่รักหนู แม่ก็คงไม่ด่าหนูว่าเป็นลูกเนรคุณอย่างงี้หรอก แม่รักแต่ตัวเอง แม่ไม่เคยรักหนู ไม่เคยเข้าใจหนูเลย” ผดาชไมร้องไห้โฮวิ่งขึ้นไปชั้นบน

งามตารู้สึกแย่ที่ทำให้ลูกเสียใจ ตามขึ้นไปปลอบและขอโทษ “แม่ไม่ได้ตั้งใจจะดุด่าแกเลย แม่ขอโทษนะที่ทำให้แกเสียใจ ยกโทษให้แม่นะลูก”

“หนูเองก็ผิดที่ย้อนแม่ไปแบบนั้น”

“ที่แม่พูดไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีนะลูก แม่ไม่อยากให้แกต้องผิดหวัง ถ้าคุณกรกฎหลุดมือไป แกจะทำยังไง จับปลาสองมือแบบนี้มันไม่ดีนะลูก”

“ดีสิแม่ แม่รู้มั้ย พ่อเลี้ยงพูนสวัสดิ์เขาก็รวยไม่ใช่เล่นนะ เป็นถึงเจ้าของบริษัทแผ่นเสียง มีกิจการทั้งที่เมืองไทยและฮ่องกง ผู้ชายคนนี้จะให้ทั้งเงินและชื่อเสียงแก่หนู ส่วนกฎ ถึงเขาจะรวยกว่า แต่มรดก
ก็ยังไม่ได้อยู่ในมือเขาจริงๆ ปลาตัวไหนใหญ่ถูกใจหนูก็เลือกไว้ อีกตัวที่ไม่เข้าท่าก็ค่อยสลัดทิ้งทีหลัง”

“อย่าประมาทนะลูก ถ้าคุณกรกฎจับได้ละก็เป็นเรื่อง”

“แม่อย่ากังวลไปเลย หนูไม่โง่ทำให้กฎจับได้หรอก ผู้ชายอย่างกฎไม่ทันความคิดหนูหรอกแม่” ผดาชไมพูดอย่างมั่นใจ งามตาพยักหน้าคล้อยตาม...

ooooooo

ในระหว่างรับประทานอาหารด้วยกัน สดายุถามหยั่งเชิงเพื่อจับความรู้สึกละอองดาวที่มีต่อกรกฎ แต่หญิงสาวไม่หลงกล แถมยังพูดดักคอเสียจนเขาอดยิ้มไม่ได้

“คุณนี่ช่างระแวงเหมือนกันนะ เห็นฉันเป็นคนเจ้าเล่ห์ไปได้ ไม่มีอะไรในกอไผ่หรอก ฉันแค่อยากรู้ว่ากรกฎดีขึ้นรึยัง ก็เมื่อคืนเขาเป็นลมวูบไปไม่ใช่เหรอ”

“หม่อมฉันไม่ทราบหรอกเพคะ เมื่อคืนหม่อมฉันค้างที่วังนพดล ยังไม่ได้กลับบ้านเลยเพคะ”

สดายุพยักหน้ารับรู้ พลันเหลือบไปเห็นกรกฎเดินเข้ามากับธัชชัย “กรกฎ...เจ้าหมอนี่ตายยากจริงๆ”
ละอองดาวเหลียวมอง เป็นจังหวะที่กรกฎมองมาพอดี...

ธัชชัยดีใจสองเด้งที่ได้เจอละอองดาวแล้วยังได้กินข้าวฟรีเพราะสดายุเลี้ยงกรกฎ

“ไงเจ้ากฎ อาการยังไม่ดีเหรอ อย่าเป็นลมแถวนี้นะ ฉันขี้เกียจหามแกกลับบ้าน”

“ฝ่าบาททรงล้อเล่นอย่างงี้ กระหม่อมอายนะ”

“อายทำไม คนกันเองทั้งนั้น” สดายุสบตากรกฎแล้วบุ้ยใบ้ไปที่อาหารบนโต๊ะเป็นเชิงบอกให้ตักให้
ละอองดาว...ชายหนุ่มเข้าใจและทำตามด้วยความเต็มใจ

“ดาวทานเยอะๆนะ หมู่นี้พี่ว่าดาวดูซูบๆไป”

“ขอบคุณค่ะ คุณกรกฎทานเถอะค่ะ”

ธัชชัยเห็นกรกฎเอาใจละอองดาวก็อดหยอกล้อไม่ได้ว่า “ฉันเองก็ซูบไปเยอะนะเจ้ากฎ แกไม่คิดจะตักกับข้าวให้ฉันมั่งเหรอ”

“ไอ้ทะลึ่ง! มีมือก็ตักเอาเองสิ ฉันจะเทกแคร์น้องสาวฉัน” กรกฎถลึงตาใส่เพื่อนแล้วหันกลับมาตักอาหารอีกอย่างให้ละอองดาว พลางชวนคุยอย่างมีความสุข แม้ละอองดาวจะพูดด้วยน้อยคำก็ตาม

ooooooo

เริงใจกับชลทิชามีนัดกันหลังเลิกการเรียนการสอน สองสาวเป็นครูโรงเรียนเดียวกัน แต่เย็นนี้มีนัดกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่สวนสาธารณะที่จะพาเด็กๆไปทำกิจกรรม จึงต้องไปดูสถานที่ไว้ก่อน

แต่แล้วชลทิชามีธุระกะทันหันต้องไปงานเลี้ยงกับท่านพ่อ เป็นงานรวมญาติที่ปฏิเสธไม่ได้ เริงใจจึงต้องไปพบผู้ใหญ่ท่านนั้นเพียงคนเดียว

การพบปะพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น เสร็จแล้วเริงใจขอเดินดูสถานที่จริง แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีคนร้ายวิ่งราวกระเป๋า หญิงสาวกรีดร้องด้วยความตกใจและพยายามยื้อแย่งกระเป๋าไว้ คำอินทร์ขับรถผ่านมาเห็นโดยบังเอิญ รีบจอดลงมาช่วยเหลือ

สองคนชกต่อยกันครู่หนึ่งก่อนที่คนร้ายจะวิ่งหนีไปมือเปล่า ส่วนคำอินทร์ปากแตกเลือดซึม เริงใจต้องพาไปหาที่นั่งแล้วซับเลือดให้เขาพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณที่ช่วยเหลือ

“คุณมาทำอะไรที่นี่” คำอินทร์ถาม

“ฉันมาคุยกับท่านรองหัวหน้ากอง จะขออนุญาตท่านใช้พื้นที่พาเด็กๆมาทำกิจกรรม...นี่คุณเจ็บมากไหม”

“เจ็บสิ...ถามได้”

“กลับไปคุณต้องรีบใส่ยานะคะ เดี๋ยวแผลจะติดเชื้อ ที่จริงฉันมียาหม่องอยู่ในกระเป๋า ถ้าจะเอามาทาให้คุณ ก็กลัวว่าคุณจะแสบ เดี๋ยวปากจะบานเป็นกระจับ” พูดแล้วเริงใจหัวเราะ คำอินทร์เหล่มองพลางบ่น

“ไม่ตลกนะคุณ เฮ้อ! เจอหน้าคุณทีไรมีแต่เรื่องเจ็บตัวทุกที ซวยจริงๆ”

“นี่คุณคิดว่าฉันเป็นตัวซวยเหรอ”

“แล้วใช่รึเปล่าล่ะ”

“ฉันไม่โกรธคุณหรอกนะ แต่ใครจะอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ล่ะ เป็นเรื่องแปลกเหมือนกันเนอะ เวลาที่ฉันตกอยู่ในสถานการณ์แย่ๆ คุณก็มักจะมาเจอ เข้ามาช่วยฉัน หรือว่านี่เป็น...”

“พรหมลิขิตเหรอ...ไม่ใช่แล้ว มันก็แค่เรื่องบังเอิญ”

“หลายสิ่งหลายอย่างบนโลกใบนี้ หรือการที่เราได้เจอใคร ได้รู้จักใครสักคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกค่ะ มันถูกกำหนดไว้แล้ว”

เริงใจพูดจริงจัง แถมยังเรียกเด็กที่เดินขายกุหลาบมาซื้อให้คำอินทร์หนึ่งดอก ชายหนุ่มทำหน้างงๆ ติงว่า

“จะบ้าเหรอคุณ มีแต่ผู้ชายเขาซื้อดอกไม้ให้ผู้หญิง นี่อะไร ผู้หญิงมาให้ดอกไม้ผู้ชาย”

“ไม่บ้าหรอก ก็คิดซะว่าฉันตอบแทนน้ำใจคุณที่ช่วยฉันไงคะ เอาน่า อย่าคิดมาก ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณหรอก รับไว้สิคะ”

คำอินทร์ยอมรับกุหลาบ แต่จับไม่ดีโดนหนามกุหลาบตำนิ้วถึงกับร้องลั่นว่า ซวยอีกแล้ว!

“ตายจริง! เลือดออกด้วย” เริงใจรีบเอาผ้าเช็ดหน้ากดซับเลือดที่นิ้วคำอินทร์...สองคนเงยหน้าขึ้นมองตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ตาคุณสวยจัง” คำอินทร์หลุดปาก

“ไม่ต้องมาพูดเล่น”

“คราวนี้ผมพูดจริง”

หญิงสาวแทบไม่เชื่อหู ออกอาการเขินอายจนหน้าแดง...แล้วพอรุ่งขึ้นมาสอนหนังสือเด็กๆ ก็ยังเก็บเรื่องนี้มาครุ่นคิด นั่งตาลอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ชวนให้ชลทิชาสงสัย ถามจับผิดว่าใจลอยไปถึงไหน ปล่อยให้ตนเรียกตั้งนาน

“ถึงไหน...ไม่บอก”

“อย่ามามีความลับกับเพื่อนนะยัยนิด บอกมาเดี๋ยวนี้ เรื่องเจ้าคำอินทร์ใช่ไหม”

เริงใจตกใจทำหน้าไม่ถูก ไม่คิดว่าเพื่อนจะเดาได้ถูกเผง รีบพูดกลบเกลื่อน “บ้าเหรอ เธอก็รู้ว่าฉันเกลียดเขาจะตายไป ฉันไม่คุยกับเธอแล้ว”

“เดี๋ยวสินิด จะรีบไปไหน เมื่อวานไปพบท่านรองเป็นไงบ้าง”

เริงใจไม่ฟัง เดินดุ่มหนีไป ชลทิชาบ่นไล่หลัง

“ท่าทางแปลกๆนะยัยนิด ต้องมีความลับแน่ๆ แต่ความลับไม่มีในโลกหรอก วันหนึ่งฉันก็ต้องรู้”

ooooooo

เย็นวันหนึ่งกรกฎเห็นคำอินทร์ขับรถมาส่งละอองดาวหน้าบ้าน เขาเดินลิ่วมาแสดงความไม่พอใจและออกปากไล่แขกอย่างไร้มารยาท ทำให้ละอองดาวขุ่นเคือง แกล้งยั่วโมโหด้วยการชวนคำอินทร์เข้ามาคุยธุระในบ้าน

กรกฎไม่ยอม พุ่งเข้ามายืนดักหน้าคำอินทร์ที่กำลังจะเดินตามละอองดาวเข้าบ้าน

“ขอโทษที่ต้องเสียมารยาท ผมมีธุระจะต้องคุยกับน้องสาวผม”

คำอินทร์ชะงัก อึกอักพูดไม่ออก ละอองดาวเลยแก้เก้อว่า เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังก็ได้ กรกฎได้ยินก็หน้าหงิก โพล่งขึ้นเสียงขุ่น

“ยังจะมีวันหลังอีกเหรอ...จะต้องให้ผมเชิญคุณกลับอีกกี่ครั้ง”

“งั้นผมกลับก่อนนะครับคุณดาว” คำอินทร์หงุดหงิดเดินไปขึ้นรถ ส่วนกรกฎหันมาเล่นงานละอองดาว

“พี่เคยสั่งแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปยุ่งกับเจ้าคำอินทร์”

“สั่งเหรอ คุณไม่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งในเรื่องส่วนตัวของดิฉัน เพราะคุณไม่ใช่ผู้ปกครองของดิฉัน”

“อวดดี! ทำไมพูดกับพี่แบบนี้”

“ดิฉันพูดเรื่องจริง ไม่ว่าด้านพฤตินัยหรือนิตินัย คุณก็ไม่มีสิทธิ์”

“นี่เธอโกรธพี่ เธอไม่เห็นความหวังดีของพี่เลยสักนิด เธอเห็นไอ้หมอนั่นสำคัญกว่าพี่ใช่มั้ย”

“ดิฉันไม่ได้เห็นใครสำคัญกว่าใคร แต่คุณกำลังขาดสติ เจ้าคำอินทร์ก็แค่มาส่งดิฉันเพราะรถที่วังเสีย แต่คุณกลับไม่รักษามารยาทกับเขา”

“พี่ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทกับไอ้หมอนั่น ถ้ารถที่วังเสียแล้วทำไมเธอไม่โทร.มาบอกพี่ พี่จะได้ไปรับ หรือถ้าพี่ไม่ว่าง ก็ให้สวัสดิ์ไปรับก็ได้ ทำไมต้องให้ไอ้หมอนั่นมาส่ง”

“ดิฉันไม่ต้องการรบกวนคุณ”

“แต่ต้องการรบกวนคำอินทร์ เพราะเธอมีใจให้เขาใช่มั้ย”

“ใช่ค่ะ” เธอสวนกลับทันควันแล้วผลุนผลันเข้าบ้าน สวนกับชวนชมที่เพิ่งลงมาจากชั้นบนไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“ดาว...เธอโกหกพี่ใช่มั้ย กลับมาคุยกับพี่ให้รู้เรื่องก่อน” กรกฎโวยวายและทำท่าจะเดินตาม แต่ชวนชมเข้ามาขวางไว้

“ใจเย็นๆนะคะคุณกฎ มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ”

“ไปถามคนโปรดของน้าชวนเอาเอง แล้วก็เตือนเขาด้วยว่าอย่าอวดดี อย่ามาหยิ่งจองหองกับฉัน”

กรกฎหันขวับเดินอาดๆออกไป ชวนชมร้อนใจต้องการคำตอบ จึงเลียบเคียงไปคุยกับละอองดาว

“ทำไมคุณกฎต้องโกรธคุณดาวขนาดนั้นด้วยล่ะคะ”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ถ้าน้าชวนอยากรู้ ก็ต้องไปถามเขาเอาเองค่ะ”

ชวนชมกลอกตาไปมาพยายามนึกหาสาเหตุ

สักครู่ก็ทำตาโตอุทานว่า “ใช่แล้ว! ต้องใช่แน่ๆ ใช่ล้านเปอร์เซ็นต์”

“ใช่อะไรของน้าชวนคะ”

“ก็คุณกฎหึงคุณดาวไงคะ เธอถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนั้น โถพ่อคุณ น่าเอ็นดู ที่แท้ก็หึงนี่เอง...คุณดาวขา น้าว่า...”

“ไม่ต้องว่าแล้วค่ะน้าชวน ฉันต้องรีบเคลียร์งานที่ค้าง ขอสมาธิหน่อยนะคะ”

ละอองดาวตัดบทโดยเร็ว ชวนชมรับคำแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินออกไป

“หึงเหรอ...คุณไม่มีสิทธิ์ คุณกรกฎ” ละอองดาวพูดพึมพำ พยายามตั้งสติทำสมาธิเพื่อสะสางงานตรงหน้า

ooooooo

กรกฎกลับมาดื่มเหล้าที่บ้านตัวเอง ยอดรักเข้ามาถามดีๆว่าจะเอากับแกล้มหรืออะไรเพิ่มหรือไม่ กลับโดนไล่ตะเพิดจนต้องลนลานออกไปด้วยความตกใจ

คำพูดของละอองดาวที่บอกว่ากรกฎไม่มีสิทธิ์มาสั่งในเรื่องส่วนตัวของเธอ เพราะเขาไม่ใช่ผู้ปกครอง ทำให้กรกฎเจ็บปวดและทุกข์ใจอย่างที่สุด

“เธอไม่เคยมีใจให้พี่เลยใช่ไหม เธอคงสะใจที่เห็นพี่เจ็บปวด เธอกำลังฆ่าพี่ให้ตายทั้งเป็น...ละอองดาว”

กรกฎดื่มเหล้าอั๊กๆ แก้วแล้วแก้วเล่า...หลังจากวันนั้น เมื่อใดที่เห็นคำอินทร์หรือธัชชัยมาส่งละอองดาว ก็เอาแต่คิดมาก เคร่งเครียด ทุกข์ใจเหลือเกิน และสิ่งที่ดับทุกข์ได้ก็ไม่พ้นเหล้าอีกตามเคย เขาดื่มทุกวัน เมามายแทบไม่เป็นผู้เป็นคน ไม่ว่าใครก็เข้าหน้าไม่ติด

หลายวันผ่านไปบรรดาคนรับใช้เริ่มซุบซิบกันด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่มีใครกล้าบอกละอองดาว แม้แต่ชวนชมก็ทำท่าทีน่าสงสัยในยามที่เผชิญหน้ากับละอองดาว

จนกระทั่งวันหนึ่งละอองดาวทนไม่ไหว สงสัยเหลือเกินว่าทุกคนเป็นอะไรไป ทำไมต้องซุบซิบและพยายามหลบเลี่ยงตน จึงเรียกชวนชมมาถามจริงๆจังๆ

“บอกฉันมาตามตรงดีกว่า มีอะไรที่ตึกคุณกรกฎเหรอคะ”

ชวนชมอึกอักลังเล แต่ที่สุดก็ตัดสินใจบอกความจริงว่ากรกฎไม่สบาย

“ไม่สบาย เป็นอะไรคะ”

“น้าก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”

“ทำไมน้าถึงไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร แล้วเป็นมากี่วันแล้วคะ”

“ก็เกือบอาทิตย์แล้วค่ะ คุณกฎนอนซมอยู่บนเตียง ไม่ออกไปไหนเลย น้าถามอาการของเธอ เธอก็ไม่ยอมบอก เห็นบอกแต่ว่าไม่เป็นอะไร น้ารู้ค่ะว่าคุณกฎไม่สบายมาก แต่เธอก็ไม่ต้องการหมอ ไม่ต้องการยา เอาแต่ดื่มเหล้า ใครๆก็เข้าหน้าไม่ติด มีแต่น้าคนเดียวที่คุณกฎยอมให้เข้าไปหา เมื่อกี้ยอดรักมาตามน้าก็เพราะคุณกฎจะดื่มเหล้าอีก ยอดรักมันก็ไม่รู้จะทำยังไง ตอนนี้คุณกฎผอมเหลือแต่กระดูก ข้าวปลาไม่ยอมกิน วันๆเอาแต่ดื่ม เมื่อวานก็ล้มหัวฟาดพื้น น้าก็ไม่รู้จะช่วยเธอได้ยังไง สงสารเหลือเกิน”

“อาการแย่ขนาดนี้ทำไมน้าชวนไม่โทร.เรียกหมอมาล่ะคะ”

“ก็คุณกฎสั่งไม่ให้เรียกนี่คะ”

“ปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ยังไงตั้งเกือบอาทิตย์ ทำไมน้าไม่บอกฉันล่ะคะ”

“คุณกฎสั่งไม่ให้บอกคุณดาวค่ะ เธอบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร อย่าให้คุณดาวรู้เด็ดขาดว่าเธอนอนอยู่แต่ในบ้าน”

“เขาไม่ต้องการให้ฉันรู้ น้าชวนก็อีกคนใช่มั้ย ที่ไม่ต้องการให้ฉันรู้”

ละอองดาวโมโหเดินออกไปทันที ชวนชมสีหน้าไม่ดีรีบตามไปอธิบาย

“ไม่ใช่อย่างงั้นนะคะคุณดาว คุณดาวขา...น้าเกรงใจคุณดาว น้าไม่กล้าบอกเพราะรู้ว่าคุณดาวคงไม่สนใจอะไรคุณกฎหรอก ก็คุณดาวเกลียดเธอยังกะอะไรดี”

“ใช่! ฉันเกลียดเขา...ถึงฉันจะเกลียดเขา แต่ในฐานะที่ฉันเป็นผู้อาศัยอยู่ในบ้านนี้ จะให้ทนนิ่งดูดายได้ยังไง อย่างน้อยคุณพ่อเขาก็มีพระคุณกับฉันเหลือเกิน น้าคิดเหรอคะว่าฉันจะปล่อยให้เขานอนเป็นไข้ตายเพราะความอวดดีของเขา”

ละอองดาวหันขวับก้าวเดินต่อไปที่ตึกกรกฎ เข้ามาเปิดไฟในห้องนอนของเขาโดยมีชวนชมตามติดสภาพห้องสกปรกเลอะเทอะ ขวดเหล้า แก้ว เหยือกน้ำวางเกลื่อน ที่หลับที่นอนยับยุ่งเหยิง เจ้าตัวนอนตะแคงคุดคู้บนเตียง ผอมโทรม หนวดเครารุงรัง ปากซีดเพราะพิษไข้ พึมพำฟังไม่รู้เรื่องทั้งที่ยังหลับตา

ละอองดาวแตะที่ต้นแขนของเขา จับตามคอ หน้าผากแล้วตกใจ พรั่งพรูความโมโหออกมา

“ตัวร้อนจี๋เลย เพ้อไม่ได้สติ...ถ้าเขาตาย ฉันควรสมน้ำหน้าเขาใช่ไหม แล้วน้าชวนล่ะ เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็กๆ ทำไมถึงปล่อยให้เขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ไม่มีใครเหลียวแลเขาเลย แม้แต่คู่รักของเขาเอง ฉันจะโทร.ไปตามหมอ”

ละอองดาวรีบกลับออกมา ส่วนชวนชมน้ำตาไหลด้วยความสงสารเจ้านายจับใจ

ooooooo

ผ่านไปไม่นานนัก หมออนุชิตมาตรวจอาการกรกฎถึงเตียงนอน ตรวจเสร็จก็ฉีดยา ละอองดาวกับชวนชมจับตามองอย่างเป็นกังวล

สักครู่หมอหันมามองละอองดาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนมีคำถาม ละอองดาวชิงพูดขึ้นก่อน

“ดิฉันเพิ่งรู้ว่าเขาป่วยก่อนหน้าที่จะโทร.ไปคุยกับคุณหมอนั่นแหละค่ะ คุณกรกฎดื่มหนัก ไม่ทานอาหาร ล้มป่วยก็ไม่ยอมบอกใคร ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เลยค่ะ”

“ก็ยังนับว่าโชคดีที่คุณละอองดาวมาพบเข้า ถ้าช้ากว่านี้อีกวันสองวันคุณกรกฎคงแย่ นับจากนี้คุณกรกฎต้องอยู่ในความดูแลของพยาบาลยี่สิบสี่ชั่วโมง”

“คุณพระช่วย! คุณกฎอาการหนักขนาดนั้นเชียวเหรอคะคุณหมอ”

ooooooo

“ผมจะส่งพยาบาลมาเฝ้าวันละสองผลัด ถ้ามีเหตุฉุกเฉินพยาบาลจะโทร.ไปตามผมเอง ช่วงที่รักษาอยู่นี้พยายามอย่าให้สิ่งมึนเมาทุกชนิดมาถึงมือคุณกรกฎเด็ดขาดนะครับ”

“ค่ะคุณหมอ”

หมอเก็บเครื่องมือลงกระเป๋าเตรียมกลับ ละอองดาวกับชวนชมตามลงมาส่งและฟังหมอพูดอย่างตั้งใจ

“เรื่องการดูแลรักษาไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะสั่งให้คุณประภาที่เป็นพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด
ไม่ว่าคนไข้จะร้องขออะไร ขอให้ผ่านการอนุญาตจากนางพยาบาลก่อนนะครับ ถ้าคุณละอองดาวมีข้อสงสัยอะไรก็โทร.ไปถามผมได้ทุกเวลานะครับ พรุ่งนี้ผมจะมาตรวจตอนเก้าโมงเช้า”

สองคนพนมมือไหว้ขอบคุณหมอ ยอดรักเข้ามาช่วยหมอถือกระเป๋าไปส่งถึงรถ...ละอองดาวสั่งการชวนชมว่า

“ตั้งแต่คืนนี้น้าชวนต้องย้ายมานอนที่นี่นะคะใช้ห้องเล็กข้างบนก็ได้ จะได้อยู่เป็นเพื่อนคุณประภาคอยช่วยเขา เผื่อคุณประภาต้องการอะไร”

“ค่ะคุณดาว”

“แล้วก็เหล้าทุกชนิดที่อยู่ในตึกนี้เอาไปเก็บเข้าตู้ให้หมด ใส่กุญแจไว้ แล้วเอาลูกกุญแจมาให้ฉัน กำชับยอดรักด้วยนะคะว่าเป็นคำสั่งของฉัน ห้ามเอาเหล้าให้คุณกรกฎเด็ดขาด”

“ค่ะๆ น้าจะทำตามที่คุณดาวสั่งทุกอย่างเลยค่ะ คุณดาวคะ คุณธัชชัยเงียบหายไปเลยนะคะ ไม่รู้แกทราบว่าคุณกฎป่วยหรือเปล่า”

“อาทิตย์ก่อนคุณธัชบอกฉันว่าจะไปธุระเรื่องคดีที่เชียงใหม่ตั้งสองอาทิตย์ คงยังไม่รู้หรอกค่ะ ไว้ฉันจะโทร.บอกให้นะคะ ส่วนคู่รักของคุณกรกฎน้าชวนก็โทร.ไปบอกเองก็แล้วกัน”

“อุ๊ย ไม่เอาหรอกค่ะ เบอร์โทรศัพท์คุณผดาชไมน้าก็ไม่มี คุณกฎเองก็ไม่เคยให้เอาไว้ เดี๋ยวคุณธัชชัยทราบเรื่องก็คงเป็นธุระให้เองล่ะค่ะ”

“ค่ะ...ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ ถ้าคุณประภามา น้าชวนช่วยดูแลด้วยนะ”

ชวนชมรับคำ มองตามละอองดาวเดินออกไป ก่อนจะเงยหน้ามาทางห้องกรกฎ พูดพึมพำทั้งน้ำตาคลอๆ

“คุณกฎขา...น้าดีใจเหลือเกินที่รู้ว่าคุณดาวเป็นห่วงคุณกฎ”

ooooooo

ในคืนที่กรกฎป่วยหนัก...คู่รักของเขากำลังสำราญอยู่กับพูนสวัสดิ์ภายในคลับ สองคนดื่มเหล้าเคล้าเสียงเพลงอย่างมีความสุข โดยเฉพาะพูนสวัสดิ์ที่ท่าทางสุขล้นเพราะหลงใหลผดาชไมหัวปักหัวปํา

“ผมลืมบอกคุณ เพลงชุดแรกที่คุณจะอัดเสียงกับบริษัทผมใกล้เสร็จแล้วนะครับฮันนี่ เหลือแต่งอีกแค่สองเพลง”

“จริงเหรอคะพ่อเลี้ยง”

“จริงสิครับ ครูเพลงเอาเพลงมาให้ผมดูแล้ว เนื้อเพลงไพเราะเหมาะกับน้ำเสียงของคุณมาก ผมรับรองเพลงต้องติดหู คุณต้องดังระเบิดแน่ๆ”

“พ่อเลี้ยงน่ารักที่สุดเลยค่ะ”

“แล้วรักรึเปล่าล่ะ”

“แหมพ่อเลี้ยง ต้องให้เวลาดาหน่อยสิคะ”

“อย่าบอกนะว่าคุณยังไม่ลืมนายกรกฎ”

“พ่อเลี้ยงขา...ดากับกฎคบกันมาตั้งหลายปีนะคะ จะให้ตัดใจเลิกรากันมันก็ต้องใช้เวลา พักนี้ดาก็พยายามห่างๆจากกฎ ว่างจากคิวงานดาก็อยู่กับพ่อเลี้ยงตลอด เท่านี้ยังไม่พออีกเหรอคะ พ่อเลี้ยงพูดแบบนี้ดาน้อยใจนะคะ”

“ไม่เอาน่า อย่างอนสิที่รัก ผมล้อเล่น ผมรู้ว่าคุณต้องเลือกผมอยู่แล้ว บางทีผู้ชายก็ใจร้อนไปหน่อย คุณต้องเข้าใจผมนะ”

ผดาชไมยิ้มออก ยิ่งพอได้ยินเขาบอกว่าพรุ่งนี้จะพาไปช็อปปิ้งที่ฮ่องกงก็ยิ่งเอาอกเอาใจ ยอมหลับนอนกับเขาอีกครั้งด้วยความเต็มใจ...

ส่วนละอองดาวที่เอางานเอกสารจากวังนพดลมาสะสาง เพิ่งทำเสร็จเอาตอนตีหนึ่ง นึกเป็นห่วงกรกฎจึงโทร.ไปถามอาการจากพยาบาลที่ดูแลอยู่

เมื่อรู้ว่าไข้ลดลงนิดหน่อย ไม่กระสับกระส่ายเหมือนตอนหัวค่ำ แต่ยังไม่รู้สึกตัว และตอนเที่ยงคืนมีอาการเพ้ออยู่ตลอดเวลา ก็ยิ่งเป็นห่วง ถามว่าชวนชมอยู่ที่นั่นด้วยหรือเปล่า

“อยู่ค่ะ คุณน้าเพิ่งจะเข้านอนเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ ดิฉันบอกให้แกไปนอนไม่ต้องอยู่เฝ้าด้วย ถ้ามีอะไรที่ดิฉันหาเองไม่ได้ ก็จะไปปลุกค่ะ”

“ถ้าคุณต้องการอะไร ก็บอกน้าชวนนะคะ อย่าได้เกรงใจ”

“ค่ะ ขอบพระคุณนะคะคุณละอองดาว ดิฉันมีกาแฟและหนังสือแมกกาซีนเป็นเพื่อนทั้งคืนค่ะ คุณน้าแกกรุณาจัดมาให้ แล้วนี่คุณผู้หญิงยังไม่นอนอีกเหรอคะ”

ละอองดาวอึ้งไปครู่กับคำว่าคุณผู้หญิง “ดิฉันยังไม่นอน นอนไม่หลับหรอกค่ะ”

“โถ...คงเป็นห่วงคุณผู้ชายใช่ไหมคะ นอนให้หลับเถอะค่ะ ทำใจให้สบายนะคะ ดิฉันจะดูแลคุณผู้ชายอย่างระมัดระวัง คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ”

ละอองดาวเบาใจ วางสายแล้วมองไปที่ตึกกรกฎ พึมพำกับตัวเองว่า

“พ่อคนอวดดี เก่งจริงลุกขึ้นมาเล่นเปียโนของคุณเหมือนเช่นทุกวันสิ ฉันเกลียดคุณ แต่ฉันไม่เคยเกลียดเสียงเพลงเย็นๆเศร้าๆของคุณเลย...อีกไม่นานหรอกคุณกับฉันก็จะพ้นภาวะที่มันอึดอัดใจ ไม่ต้องมามองหน้ากันประดักประเดิด ต่างคนต่างมีอิสระ ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก....เวลามันใกล้เข้ามาแล้ว”

พูดแล้วสีหน้าหม่นเศร้า น้ำตาไหลรินโดยไม่รู้ตัว...ผ่านไปสักครู่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ชวนชมโทร.มาบอกละอองดาวว่ากรกฎอาการไม่ดี เพ้อเรียกหาเธอตลอดเวลา หญิงสาวรีบคว้าเสื้อคลุมสวมทับชุดนอนมุ่งหน้าไปอีกตึกทันที

กรกฎนอนอ้าปากหายใจเหนื่อยหอบ บนหน้าผากมีกระเป๋าน้ำแข็งเพื่อให้ไข้ลด พยาบาลฉีดยาโดยที่ละอองดาวกับชวนชมต้องช่วยกันจับตัวกรกฎไว้ไม่ให้ดิ้น

หลังจากฉีดยาไปสักครู่ กรกฎค่อยๆสงบลง แต่ยังคงเพ้อฟังไม่รู้เรื่อง ชวนชมใจเสียถึงกับสะอื้นไห้ เอ่ยเสียงสั่นเครือ

“โถ...คุณกฎของน้า ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเห็นครั้งไหนจะทรุดหนักเท่าครั้งนี้เลย ไอ้เรารึก็โง่เง่าพาซื่อ ปล่อยให้อาการทรุดลงถึงขนาดนี้ พ่อคุณเอ๋ย ใจแข็งเหลือเกิน ป่วยทั้งใจ ป่วยทั้งกาย ไม่ยอมปริปากบอกใคร เวรกรรมมาถึงตัวแล้ว เวรกรรมจริงๆ”

“น้าชวนไปนอนเถอะค่ะ คุณหนูของน้าคงไม่เป็นอะไรหรอก”

ชวนชมทำตามทั้งที่ยังห่วงใยคุณหนูของตน ส่วนละอองดาว พยาบาลก็บอกให้เธอไปพักผ่อน คนป่วยคงจะสงบไปถึงเช้า แต่เพราะยังเป็นห่วง ละอองดาวนำผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดตัวให้กรกฎอย่างเบามือ

ระหว่างนี้กรกฎเรียกชื่อละอองดาวเสียงแหบพร่า หญิงสาวหมั่นไส้ก้มลงกระซิบข้างหูเขาว่าตนคือผดาชไม ไม่ใช่ละอองดาว กรกฎยังคงหลับตาไม่ได้สติ สองมือไขว่คว้าจับมือเธอไว้ แต่เธอสะบัดออกแล้วตีแขนเขาไปที

“เอ๊ะ ก็บอกว่าไม่ใช่ละอองดาวไงล่ะ ละอองดาวไม่สนใจคุณหรอก คุณควรจะเพ้อถึงผดาชไม ไม่ใช่ฉัน”

ละอองดาวทั้งหมั่นไส้และมันเขี้ยว หยิกและตีแขนเขาอีกหลายที ขณะที่ปากก็รำพันไปด้วย
“จำเอาไว้ รู้ไว้ซะด้วยว่าฉันเกลียดคุณ เกลียดเข้ากระดูกดำเลย คนบ้า อวดดี หยิ่งทระนงนักไม่ใช่เหรอ เก่งจริงก็ลุกขึ้นมาสิ สมน้ำหน้า ทำกรรมกับฉันเอาไว้ ก็เชิญรับกรรมซะให้สาสม”

แต่พอเห็นเขานอนสงบนิ่งสีหน้าอิดโรย ศีรษะตกหมอนก็จัดแจงให้เข้าที่ด้วยความสงสาร และก้มลงกระซิบที่ข้างหูก่อนกลับออกไป

“หายเร็วๆนะพ่อคนอวดดี...มันเขี้ยวนัก”

ooooooo

เช้าวันถัดมา หมออนุชิตตรวจอาการกรกฎ โดยมีละอองดาว ชวนชม และยอดรักเฝ้าดูด้วยความเป็นห่วง ส่วนพยาบาลประภาออกเวรกลับไปแล้ว แต่มีวนิดามาทำหน้าที่แทน

หลังตรวจอาการ หมอบอกว่าไข้ลดลงมากแล้ว แต่คนไข้ยังอยู่ในภาวะซึมเพราะฤทธิ์ยา ยังไม่ได้สติ

“แล้วคุณกฎจะหายไหมคะคุณหมอ”

“หายสิครับคุณชวนชม แต่ต้องใช้เวลารักษาสักหน่อย” ตอบแล้วหมอหันมากำชับวนิดา “ถ้าคนไข้ฟื้น ก็ให้ดื่มน้ำ จัดอาหารอ่อนให้ด้วยนะ”

“ค่ะคุณหมอ”

หมอเก็บเครื่องมือตรวจลงกระเป๋าแล้วขอตัวกลับ พรุ่งนี้จะมาใหม่ ละอองดาวกับชวนชมไหว้ขอบคุณหมอก่อนที่ยอดรักจะช่วยหิ้วกระเป๋าออกไปส่ง

ละอองดาวนึกได้ให้ชวนชมโทร.บอกอรรถวาทีเพราะเขาเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของกรกฎ ส่วนเธอขอตัวไปทำงานเพราะรถที่วัง

นพดลมารอเป็นชั่วโมงแล้ว แต่เมื่อไปถึงละอองดาวกลับโดนเสด็จฯทรงไล่กลับมาดูแลกรกฎ หลังจากท่านรู้ว่าเขาไม่สบาย

อรรถวาทีมาเห็นสภาพกรกฎก็ตกใจ ไม่นึกว่าจะเป็นมากขนาดนี้ สอบถามชวนชมว่าเขาเป็นมากี่วันแล้ว

“ก็หลายวันค่ะ แต่อาการหนักสุดก็เมื่อวานนี้แหละ”

“นี่ถ้าด็อกเตอร์ไกรยังอยู่ ผมกับคุณชวนต้องโดนท่านเล่นงานกันอานเลย”

“ทำไมเหรอคะคุณอรรถ”

“อ้าว ก็ปล่อยให้ลูกชายท่านป่วยจนล้มหมอน นอนเสื่อไปแบบนี้น่ะสิ”

“ดิฉันยอมรับผิดเต็มๆค่ะคุณอรรถ คุณกฎบอกไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องมายุ่ง ดิฉันก็เชื่อ ปล่อยปละละเลยจนเธอทรุดหนัก นี่ถ้าคุณกฎเป็นอะไรไป ดิฉันจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย” พูดแล้วชวนชมน้ำตาไหลอย่างกลั้นไม่อยู่

“อ้าว...อย่าร้องสิคุณชวน คุณกฎไม่เป็นอะไรหรอก ผมก็แค่บ่นนิดเดียว ทำเอาคุณชวนบ่อน้ำตาแตกซะแล้ว”

อรรถวาทีกระเซ้ายิ้มๆ แล้วหันกลับมาที่กรกฎซึ่งยังนอนหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา

“หายเร็วๆนะคุณกฎ ไม่มีใครเถียงกับผมสนุกเท่าคุณอีกแล้ว อย่าปล่อยให้อรรถวาทีเหงาปากนานล่ะพ่อคุณ...ฝากด้วยนะครับคุณพยาบาล”

วนิดารับคำด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นชวนชมกับอรรถวาทีกลับลงมาจากห้องนอนกรกฎ เป็นจังหวะที่ละอองดาวเดินเข้ามาพอดี เธอยกมือไหว้อรรถวาทีก่อนตอบคำถามของชวนชมที่สงสัยว่าทำไมกลับเร็วนัก

“เสด็จฯท่านสั่งให้กลับมาดูแลคนป่วยค่ะ”

“เจอคุณดาวก็ดีแล้ว ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณเยอะเลยครับ”

“เชิญคุณอรรถคุยกับคุณดาวไปพลางๆก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันกลับขึ้นไปดูคุณวนิดาสักหน่อย เผื่อแกต้องการอะไร” ชวมชมปลีกตัวไป
ละอองดาวเชิญอรรถวาทีมาที่ห้องรับแขก นั่งคุยกันเรื่องอาการป่วยของกรกฎที่อรรถวาทีแปลกใจว่าทำไมปล่อยเขาไว้ถึงขนาดนี้

“นี่น้าชวนไม่ได้บอกอะไรคุณอรรถเลยเหรอคะ”

“ก็บอกเหมือนกันครับ คุณชวนน่ะไม่ไหวจริงๆ เป็นผู้ใหญ่ซะเปล่า มิหนำซ้ำยังเลี้ยงคุณหนูมากับมือ ปล่อยให้คุณกฎเป็นถึงขนาดนี้ได้ยังไง คุณดาวก็อีกคน ทำไมไม่เหลียวแลกันบ้างเลย”

“ขอโทษค่ะคุณอรรถ คุณหนูของคุณอรรถน่ะอายุร่วม 30 แล้วนะคะ ไม่ใช่เด็กเจ็ดแปดขวบ ตลอดเวลาเขาก็พยายามจะทำตัวเป็นผู้ปกครองดิฉัน ไม่ใช่ดิฉันปกครองเขา นี่ถ้าเขาเป็นเด็กที่อยู่ในความดูแลของดิฉัน รับรองเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นค่ะ ที่สำคัญคุณอรรถก็ทราบดีว่าสภาพของดิฉันกับเขาต้องมองหน้ากันประดักประเดิดขนาดไหน เขาเป็นคนสั่งน้าชวนด้วยซ้ำว่าไม่ให้บอกดิฉัน ก็แสดงว่าเขาไม่อยากให้ดิฉันเข้าไปยุ่ง”

“ผมก็ไม่ได้ตำหนิอะไรคุณดาวหรอกครับ ไอ้ผมก็อดห่วงไม่ได้ คุณกับคุณกฎก็เหมือนพี่น้องกัน ถ้าไม่เอาใจใส่ดูแลกันบ้าง ใครที่ไหนจะมาดูแลล่ะครับ บอกตรงๆผมเห็นสภาพคุณกฎวันนี้แล้วผมตะลึงไปหมด นี่คุณไม่เป็นห่วงพี่ชายคุณบ้างเหรอครับ”

“ก็ไม่เห็นจะต้องห่วงอะไรนี่คะ ทั้งหมอและพยาบาล ไหนจะผู้ใหญ่อย่างคุณอรรถ น้าชวน และคนในบ้านอีก มาดูแลกันเยอะแยะไป”

“โธ่คุณดาว คุณก็อยู่ในฐานะลูกสาวของด็อกเตอร์ไกร คนเจ็บมีศักดิ์เป็นพี่ชายคุณนะ ผมกล้ารับรองได้ว่าคุณกฎเป็นพี่ชายที่รักน้องสาวอย่างที่สุด ถ้าเวลาปกติคุณจะไม่เหลียวแลเขายังไง ผมจะไม่ขอร้องเลย แต่ตอนนี้เขาป่วย ไม่มีสติ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย นึกว่าสงสารเขาเถอะครับ”

“ดิฉันควรจะสงสารเขาเหรอคะ” ละอองดาวพูดประชด

อรรถวาทีมองเธอนิ่งอย่างจับสังเกต มั่นใจว่าเธอปากแข็ง ได้แต่คิดอยู่ในใจตัวเองว่าละอองดาวปากกับใจไม่ตรงกัน...

ooooooo

ละอองดาวโทรศัพท์ไปหาธัชชัยที่โรงแรมในเชียงใหม่หลังจากได้เบอร์โทร.จากเลขาของเขา เพื่อแจ้งข่าวกรกฎป่วยหนักและอยากรู้กำหนดกลับกรุงเทพฯของเขา

ธัชชัยตกใจมาก ซักถามอาการของเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงร้อนรนเป็นห่วง ละอองดาวบอกว่า

“ก็พิษจากสุราน่ะค่ะ คงดื่มหนัก ข้าวปลาไม่แตะจนล้มป่วย นอนซมไม่ได้สติมาสองสามวันแล้ว”

“โธ่...ไอ้กฎเอ๊ย ผมจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จแล้วจะรีบไปเยี่ยมนะครับ”

“ค่ะ ยังไงคุณธัชช่วยส่งข่าวให้คุณผดาชไมทราบด้วย...ค่ะๆ แล้วเจอกันนะคะ สวัสดีค่ะ”

ละอองดาววางสายแล้วกลับขึ้นไปดูแลกรกฎทั้งกลางวันและกลางคืน...รุ่งขึ้นเธอไปทำงานก็โดนเสด็จฯทรงบ่นจนหูชา

“เธอนี่ดื้อจริงๆนะละอองดาว ฉันสั่งให้หยุดงานก็ยังอุตส่าห์มาทำงานอีก”

“ก็คุณกรกฎดีขึ้นบ้างแล้วนี่เพคะ”

“ฉันรู้ว่าเธอห่วงงาน แต่เธอก็ต้องห่วงคนใกล้ตัวด้วยนะ งานสำคัญก็จริง แต่มันไม่สำคัญไปกว่าคนในครอบครัวของเราหรอก เธอกับคุณกรกฎก็เหมือนพี่น้อง คนในครอบครัวเดียวกัน ยามป่วยไข้หรือมีเรื่องร้อนใจ อย่าได้ทอดทิ้งกัน”

“เพคะ หม่อมฉันเข้าใจ ใต้ฝ่าพระบาทอย่าทรงกังวลไปเลยเพคะ ถ้ามีอะไรฉุกเฉินน้าชวนจะโทร.มาบอกหม่อมฉัน หม่อมฉันจะรีบกลับไปเพคะ หม่อมฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะเพคะ”

ละอองดาวกลับออกมาทำงานได้ครึ่งค่อนวัน

อุ่นเรือนก็มาตามไปรับโทรศัพท์จากชวนชม

“น้าชวนมีอะไรเหรอคะ คุณกรกฎเป็นอะไรรึเปล่า”

“ค่ะ น้าจะบอกว่าคุณกฎแกเริ่มฟื้นตัวบ้างแล้ว แต่ยังมีอาการซึมๆ พอลืมตาขึ้นก็ร้องขอบรั่นดีเลยค่ะ”

“แล้วน้าชวนให้ไปรึเปล่า”

“เปล่าค่ะ ไม่เด็ดขาด น้าทำตามที่คุณดาวสั่งทุกอย่าง คุณดาวขา...คุณกฎดื้อมากเลยนะคะ ไม่ยอมให้พยาบาลเข้าใกล้เลย อาหารอ่อนก็ไม่แตะ ยาก็ไม่กิน น้าพยายามคะยั้นคะยอแกก็บอกแต่ไม่ๆๆๆ น้าจนปัญญาจริงๆ ไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ”

“คุณหนูของน้าชวนคงอยากตายมั้งคะ”

“โธ่คุณดาว อย่าประชดแบบนี้สิคะ คุณกฎคงไม่อยากตายหรอกค่ะ ยังไงคุณดาวรีบกลับมาดูเธอหน่อยนะคะ”

“คืนนี้ฉันอาจจะค้างที่นี่”

“คุณพระช่วย! ไม่นะคะคุณดาว อย่าทำแบบนี้”

“ขอคิดดูก่อนแล้วกัน แค่นี้นะคะน้าชวน ฉันต้องทำงาน สวัสดีค่ะ” ละอองดาวตัดบทวางสายแล้วพูดกับตัวเองอย่างหมั่นไส้คนป่วย

“คนอวดดี ต้องทรมานซะให้เข็ด”

แต่เอาเข้าจริงๆเธอก็ใจอ่อน ไม่ได้ค้างที่วังนพดล รีบกลับบ้านมาดูอาการกรกฎตั้งแต่หัววัน แล้วจัดแจงบังคับให้คนป่วยกินยา แต่เขากลับถามเสียงแผ่วออกมาว่า

“พี่เป็นอะไร ทำไมต้องกินยา”

ละอองดาวไม่ตอบ ถือถ้วยยาชูไว้ตรงหน้าเขา อยากรู้ว่าจะกินหรือไม่กิน

“ไม่กิน...” คำตอบนั้นทำให้ละอองดาวชะงัก...

สองคนจ้องตากันนิ่ง ต่างคนต่างดื้อ

ooooooo

ละอองดาว

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด