ตอนที่ 11
รุ่งเช้ากรกฎจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เขาอยากรู้ถึงขนาดโทรศัพท์ไปสอบถามละออง-ดาวที่วังนพดล คลับคล้ายคลับคลาว่าเธอขับรถให้นั่ง แต่สงสัยว่าตนขึ้นมานอนในห้องได้ยังไง
“คุณธัชชัยเป็นคนอุ้มคุณขึ้นไปค่ะ”
“เจ้าธัชเหรอ พี่กลับมาถึงบ้านเมื่อไหร่”
“ก็ราวๆตีสามค่ะ”
“พี่ต้องขอโทษด้วยนะที่ทำให้เธอกับธัชชัยต้องลำบาก เมื่อคืนพี่ดื่มมากไปหน่อย ไม่รู้พี่เมาอาละวาด เกะกะ หรือทำอะไรที่ไม่สมควรไปบ้างรึเปล่า”
“ก็ไม่มีอะไรนี่คะ คุณกรกฎมีอะไรอีกรึเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไร พี่เพิ่งตื่นเดี๋ยวนี้เอง งงไปหมดนึกไม่ออกจริงๆว่าตัวเองกลับมาบ้านมานอนบนเตียงได้ยังไง พี่เลยโทร.มาถามเธอ ขอบใจนะดาวที่ลากพี่กลับบ้าน ที่จริงเธอปล่อยให้พี่เมาหลับอยู่ที่นั่นก็ได้ ลำบากเธอเปล่าๆ”
“ต้องขอบใจคุณธัชชัยค่ะ เพราะเขาเป็นคนเอาคุณกลับบ้าน ไม่ใช่ดิฉัน”
“ยังไงพี่ก็ต้องขอบใจดาว ที่ช่วยขับรถให้”
“ก็คุณธัชอีกนั่นแหละค่ะ ที่ขอร้องดิฉันให้ช่วยขับรถให้คุณ”
“พี่นึกว่าเธอจะกรุณาพี่เองเสียอีก...ดาว ถ้าเมื่อคืนพี่ทำอะไรที่ไม่สมควรกับเธอ พี่ต้องขอโทษด้วยนะ อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมาเลย”
“เรื่องราวเมื่อคืน...คุณจำไม่ได้เลยเหรอคะ”
“มันเลือนๆลางๆ เหมือนอยู่ในความฝัน จนพี่ไม่รู้ว่ามันเป็นความจริงหรือความฝัน”
“จะจริงหรือฝัน ก็ขอให้มันไปรวมอยู่ในความฝันเถอะค่ะ มีเรื่องจะพูดกับดิฉันเท่านี้ใช่ไหมคะ”
“เดี๋ยวก่อนดาว...เย็นนี้กลับมาทานข้าวด้วยกันนะ พี่จะรอ”
“เสียใจค่ะ ดิฉันติดงานเลี้ยงของเจ้าคำอินทร์” ละอองดาวโกหกคำโต...กรกฎน้อยใจ บอกว่างานของคนสำคัญ ถ้างั้นก็ตามสบาย...
หลังจากวางสาย ละอองดาวหน้าหม่นเศร้า เดินไปหยุดยืนตรงหน้ารูปเจ้าชายจักราชัย รำพึงกับรูปโดยไม่รู้ว่าเสด็จฯยืนมองอยู่มุมหนึ่ง
“ได้โปรดเถอะค่ะ จักราชัย ผู้ทรงเสน่ห์...โปรดประทานความแข็งแกร่งเฉียบขาดให้แก่หัวใจของหม่อมฉัน หม่อมฉันเจ็บมามากแล้ว เจ็บเสียจนชา ประตูหัวใจของหม่อมฉันขอให้มันถูกปิดจนสนิท อย่าได้หวั่นไหว คลอนแคลนเหมือนเมื่อคืนนี้อีกเลย”
ละอองดาวน้ำตาคลอ เสด็จฯไม่ได้ยินที่เธอพูด แต่สังเกตจากสีหน้าก็พอจะคาดเดาได้ว่ากำลังมีเรื่องทุกข์ใจ
เมื่อหญิงสาวหันมาเห็นท่านก็ชะงัก ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เข้ามาถวายความเคารพ “ฝ่าพระบาท ทรงตื่นจากบรรทมนานแล้วเหรอเพคะ”
“เมื่อสักครู่นี้เอง มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า”
“ไม่มีเพคะ”
“เธอปิดฉันไม่ได้หรอก ถ้ายังไม่พร้อมที่จะเล่าก็ไม่เป็นไร แต่จำไว้นะละอองดาว ไม่ว่าจะมีเรื่องทุกข์ใจหรือปัญหาอะไร ก็ขอให้เธอนึกถึงฉันเป็นคนแรก คิดเสียว่าฉันเป็นญาติผู้ใหญ่ของเธอคนหนึ่ง”
ละอองดาวซาบซึ้ง ก้มลงกราบ “ขอบพระทัยฝ่าพระบาทเพคะ เป็นบุญของหม่อมฉันเหลือเกินที่ฝ่าพระบาททรงเมตตากรุณาหม่อมฉันเช่นนี้”
เสด็จฯยิ้มบางๆ ลูบศีรษะละอองดาวด้วยความเอ็นดู
ooooooo
คืนนี้เริงใจกับชลทิชานัดมาเที่ยวคลับกันอีก... ครั้งก่อนเริงใจได้รับความช่วยเหลือจากคำอินทร์ให้รอดพ้นการลวนลามจากชายคนหนึ่ง
แต่ครั้งนี้คำอินทร์กลับเป็นฝ่ายมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับชายสูงวัยที่มากับลูกน้อง เพราะคำอินทร์ดันควงสาวสวยมีเจ้าของมานั่งอี๋อ๋ออยู่ในคลับ
เริงใจกับชลทิชาจับตามองพวกเขาตั้งแต่ที่ชายสูงวัยย่างเท้าเข้ามาพร้อมลูกน้อง ชายสูงวัยหรือเสี่ยอู๋พุ่งเข้าไปปัดแก้วและจานอาหารบนโต๊ะคำอินทร์หล่นแตกกระจาย หญิงสาวที่มากับคำอินทร์เห็นเสี่ยอู๋ก็ตกใจรีบผละออกห่าง
“พวกแกเป็นใคร” คำอินทร์กระชากเสียงถามอย่างโกรธจัด
“อั๊วควรจะเป็นฝ่ายถามมากกว่าว่าลื้อเป็นใคร...นังกากี! หนอย หายหัวไปทุกวัน ที่แท้ก็แอบไปกก ไอ้หน้าจืดนี่ นังแพศยา ลื้อมันเลี้ยงไม่เชื่อง”
เสี่ยอู๋โวยวายเสียงดัง เริงใจ ชลทิชา และคนอื่นๆพากันจับจ้องไม่วางตา
“นี่มันอะไรกันฤดี” คำอินทร์ถามหญิงสาวเสียงดัง
“ใจเย็นๆนะคะเจ้า คือว่า...ฤดีกำลังจะเลิกกับเสี่ยแล้วค่ะ”
“เลิกเหรอวะ เมื่อเช้าลื้อยังไถเงินอั๊วไปเป็นหมื่น ไอ้หน้าจืด ลื้อกล้าล้วงคองูเห่าอย่างอั๊ว ศพลื้อไม่สวยแน่”
เสี่ยอู๋ผลักคำอินทร์ก่อนจะพยักหน้าส่งสัญญาณให้ลูกน้องรุมอัดจนคำอินทร์ปากคอแตกยับ แถมเสี่ยยังจะเอาขวดเบียร์ฟาดหัวซ้ำ ถ้าเริงใจไม่ตัดสินใจเข้ามาห้าม
“อย่าค่ะ พอเถอะค่ะเสี่ย อย่าทำร้ายสามีฉันเลย ฉันขอร้องนะคะเสี่ย แค่นี้เขาก็เข็ดแล้วล่ะค่ะ ฉันรับรองว่าเขาจะไม่ไปยุ่งกับคนของเสี่ยอีก ฉันไหว้ล่ะ”
คำอินทร์กับชลทิชาคาดไม่ถึงว่าเริงใจจะกล้าเล่นละครขนาดนั้น
“ก็ได้ นี่อั๊วเห็นแก่ลื้อนะอาคนสวย...ลื้อนี่มันโง่จริงๆ มีเมียสวยขนาดนี้ลื้อยังแอบนอกใจเมียลื้ออีกเหรอวะ นี่ถ้าเมียอั๊วสวยได้แค่ครึ่งของเมียลื้อ อั๊วจะไม่มีอีหนูเด็ดขาด...เฮ้ย! กลับ เอานังตัวดีไปด้วย”
พวกเสี่ยอู๋ชักแถวออกไป ชลทิชาเห็นคำอินทร์ปากแตกจึงเร่งให้ไปทำแผลที่โรงพยาบาล แต่เขาไม่ยอม เพราะไม่อยากเป็นข่าว เริงใจเลยต้องเจรจากับผู้จัดการคลับขอใช้ห้องรับรองแขกให้คำอินทร์ทำแผล
แต่เพราะในห้องไม่มีกระจก คำอินทร์มองไม่เห็นสภาพใบหน้าของตน ขอให้เริงใจช่วยทำแผล เริงใจได้ทีแกล้งหนักมือจนเขาเจ็บถึงกับร้องโอดโอย
“โอ๊ยๆ เบาๆหน่อยสิคุณ โอ๊ย!!”
“ใจเสาะเป็นเด็กๆไปได้ แผลแค่นี้ไกลหัวใจตั้งเยอะ”
“พอแล้วๆ คุณแกล้งผม”
“เข็ดมั้ยเนี่ยคำอินทร์ นี่ถ้าเสด็จย่าทรงทราบ...”
“อย่านะหญิงชล ผมขอร้อง ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงพระกรรณเสด็จย่าล่ะก็ ผมตายแน่ ผมไม่รู้จริงๆว่าฤดีเป็นเด็กไอ้เสี่ยนั่น นึกว่าเขาโสด ซวยจริงๆ”
“สมน้ำหน้า! หวังจะเด็ดดอกไม้ริมทางมาเชยชมดันเจอตอซะอย่างงั้น ไปเถอะชล หมดหน้าที่ของเราแล้ว”
เริงใจกับชลทิชาจะไป คำอินทร์รีบเรียกไว้
อยากรู้ว่าเริงใจช่วยตนทำไม
“ก็คุณเคยช่วยฉัน ก็หายกันแล้วไง”
“ขอบใจนะ”
“นึกว่าจะไม่ได้ยินซะแล้ว ถ้ายังไม่เลิกเจ้าชู้สุ่มสี่สุ่มห้า คราวหน้าก็เอาตัวให้รอดเองแล้วกัน”
เริงใจยิ้มเยาะแล้วกลับออกไปพร้อมชลธิชา
คำอินทร์เผลอยิ้ม พูดถึงเริงใจด้วยความรู้สึกดีๆ
“ยัยตัวแสบ! มีมุมน่ารักเหมือนกันแฮะ”
ooooooo
กรกฎกระวนกระวายรอคอยการกลับมาของละอองดาวอยู่ที่บ้าน ผ่านไปเกือบสองทุ่มก็ยังไม่มีวี่แวว จึงออกจากตึกของตนมุ่งหน้าไปยังตึกของเธอ แต่พอเจอชวนชมทักถามก็ทำไก๋ว่ามาเดินเล่น
“แหม...เดินเล่นไกลนะคะ คุณดาวยังไม่กลับหรอกค่ะ”
“ไปงานเลี้ยง สงสัยจะกลับดึก”
“งานเลี้ยง? ไม่มั้งคะ ปกติถ้ามีงานต้องกลับดึกหรือไม่กลับ คุณดาวจะโทรศัพท์มาบอกนะคะ”
กรกฎชะงัก คิดในใจว่าละอองดาวต้องโกหกแน่ๆ แต่ไม่ทันจะพูดอะไร ชวนชมก็ชี้ชวนให้ดูรถคันหนึ่งที่แล่นเข้ามา
รถท่านชายสดายุนั่นเอง เขาอาสามาส่งหญิงสาวหลังจากคุยธุระกับเสด็จฯ กรกฎกล่าวขอบคุณท่าน แต่ถูกท่านแซวยิ้มๆว่าห่วงน้องสาวมากใช่ไหม ถึงได้มารอรับที่นี่
“ฝ่าบาททรงเข้าใจผิด กระหม่อมมาเดินเล่นแถวนี้ต่างหาก ไม่เชื่อทรงถามน้าชวนดู”
“จริงเหรอ คุณชวนชม”
“หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ”
ชวนชมอมยิ้ม ละอองดาวเชิญท่านชายขึ้นตึก แต่ท่านขอตัวกลับเพราะเพลียมาทั้งวัน...พอรถท่านชายสดายุเคลื่อนออกไป กรกฎก้าวตามละอองดาวทันที
“เดี๋ยวสิดาว...ทำไมกลับเร็ว ไหนบอกพี่ว่าไปงานเลี้ยงกับเจ้าคำอินทร์ไม่ใช่หรือ”
ละอองดาวนึกได้ว่าตัวเองโกหกเอาไว้ รีบหาทางออกไม่ให้เพลี่ยงพล้ำ “ดิฉันพูดอย่างนั้นหรือคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ อย่าบอกนะว่าเธอจำไม่ได้”
“ดิฉันก็มีสิทธิ์ที่จะจำไม่ได้บ้างสิคะ ทีเมื่อคืนบางคนยังจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง”
“ถ้าเธอโกรธพี่เรื่องนั้น พี่ก็ต้องขอโทษ แต่พี่จำไม่ได้จริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัว คุณกรกฎมีอะไรอีกไหมคะ”
“มีสิ อยากคุยกันยาวๆ ขึ้นไปคุยกันบนตึกดีกว่า”
“เอาไว้คุยกันวันหลังดีไหมคะ วันนี้ดิฉันเพลียเหลือเกิน อดหลับอดนอนมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“เพราะพี่ใช่ไหม ที่ทำให้เธอแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน”
“รู้ตัวก็ดีแล้วค่ะ ดิฉันขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนดาว...ถึงพี่จะจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่รู้ไหมว่าเมื่อคืนนี้เป็นคืนที่พี่นอนฝันดีที่สุดเลย จำได้ว่าพี่มีความสุขมาก และที่สำคัญในฝันนั้นมีเธอออยู่ด้วย”
ละอองดาวสะเทิ้นอาย รีบหันหลังซ่อนรอยยิ้มแล้วเดินจากไป
ooooooo
เช้าวันถัดมากรกฎจะขับรถไปส่งละอองดาวที่วังนพดล แต่เธอทิฐิสร้างกำแพงขวางกั้นความรู้สึกของตนด้วยการปฏิเสธเสียงแข็ง ทำให้กรกฎหงุดหงิด ก่อนจะเกิดทุ่มเถียงกันต่อหน้าชวนชมที่หันรีหันขวางทำตัวไม่ถูก
“น้าชวนไปบอกคนรถของวังกลับไปก่อน ฉันจะไปส่งละอองดาวเอง”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ดิฉันนั่งรถของวังไปก็สะดวกอยู่แล้ว”
“แล้วนั่งรถพี่ไป มันทำให้เธออึดอัดใจหรือไง”
“ก็แล้วทำไมต้องนั่งรถคุณไปด้วยล่ะค่ะ ขอตัวนะคะ ดิฉันต้องรีบไปทำงาน”
ละอองดาวเดินออกไปทันที กรกฎมองตามสีหน้าบึ้งตึง บ่นเหมือนเดิมว่าเมื่อไหร่คุณดาวของน้าชวนจะเลิกอวดดี เลิกหยิ่งเสียที
“คุณกฎอย่าโกรธคุณดาวเลยนะคะ”
“ฉันไม่ได้โกรธ แต่ฉันไม่เข้าใจ ฉันอุตส่าห์หวังดี พยายามทำดีกับเขา แต่เขากลับไม่เห็นใจ ไม่เข้าใจฉันบ้างเลย”
กรกฎเดินกลับมาตึกตัวเองด้วยความน้อยใจ
ผ่านไปไม่นานก็ขับรถมุ่งหน้าไปหาธัชชัยที่สำนักงาน ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่ธัชชัยกลับแซวยิ้มๆว่าเป็นอะไร ทำหน้าเหมือนถูกรางวัลที่หนึ่ง
“อย่ามายั่วนะไอ้ธัช คนยิ่งอารมณ์ไม่ดี”
“ก็แล้วใครทำให้คุณพี่อารมณ์ไม่ดีล่ะครับ”
“ก็น้องสาวฉันน่ะสิ อวดดีไม่เข้าเรื่อง ฉันจะขับรถไปส่งที่วัง เธอก็หยิ่งไม่ยอมไปกับฉัน มันน่าโมโหไหมล่ะ”
“คุณดาวมีรถที่วังมารับประจำอยู่แล้ว แกจะต้องเสนอหน้าไปส่งเขาทำไมวะ”
“ไม่ได้เสนอหน้าเว้ย เขาเรียกหวังดี เข้าใจมั้ย”
“ไม่เข้าใจว่ะ เรื่องแค่นี้ทำไมแกต้องโมโหโทโสด้วยวะ”
“ก็ฉันตั้งใจมาก อยากทำอะไรดีๆเพื่อเขาในฐานะพี่ชายที่ดี แต่โดนปฏิเสธอย่างงี้ แกจะให้ฉันดีใจเหรอวะ”
“ฉันรู้ว่าแกหวังดี แต่คุณดาวเขาไม่ต้องการ แกก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย”
“ไม่ยุ่งได้ไง ก็ดาวเป็นน้องสาวฉัน”
“แกแน่ใจเหรอว่าตอนนี้แกคิดกับคุณดาวแค่น้องสาว”
ธัชชัยจ้องหน้าเพื่อนรักเขม็ง กรกฎชะงักงันทำอะไรไม่ถูก เหมือนเด็กที่กำลังโดนผู้ใหญ่จับผิด ที่สุดก็ลุกพรวดผลุนผลันออกไป
“เอ้าเฮ้ย! อะไรวะไอ้นี่ มาเร็วไปเร็ว ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย” ธัชชัยโวยวายและวิ่งตามออกมาดึงแขนเพื่อนไว้ ถามว่าจะรีบไปไหน ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย
“ฉันไม่มีอารมณ์จะคุยกับแกแล้ว”
“ถ้าฉันพูดอะไรผิดหูแกไป ก็ขอโทษด้วยว่ะเพื่อน”
“ฉันไม่ได้โกรธแกหรอก อย่าคิดมาก แกไปทำงานต่อเถอะ หมู่นี้ฉันไม่รู้เป็นอะไร มันเครียดง่าย ขี้หงุดหงิด เห็นอะไรก็เบื่อ ขวางหูขวางตาไปหมด อย่าถือนะเพื่อน” กรกฎเดินคอตกจากไป ธัชชัยบ่นพึมพำอย่างเข้าใจเพื่อน
“ฉันรู้ว่าทำไมแกเป็นอย่างงี้ ไอ้กฎเอ๊ย” พอหันหลังจะกลับเข้าสำนักงานได้ยินเสียงเรียก เมื่อหันไปก็เห็นท่านชายสดายุยืนจ้องมา
“มีปัญหาอะไรกันรึเปล่า ระหว่างแกกับเจ้ากฎ”
ธัชชัยเชิญสดายุเข้าไปคุยในสำนักงาน เล่าหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับกรกฎให้ท่านฟังก่อนจะถอนใจ
“เฮ้อ...ก็อย่างที่กระหม่อมทูลไปนั่นแหละ เจ้ากฎเองก็รู้ตัวว่าหมู่นี้มักจะหงุดหงิดง่าย เครียด เบื่อโลก ทุกอย่างขวางหูขวางตาไปหมด กรกฎเปลี่ยนไปมากกระหม่อม”
“ใช่ ฉันสังเกตมาพักหนึ่งแล้ว กรกฎดูเครียดซึมเศร้า ไม่สดใสร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน”
“เจ้ากฎคงรู้สึกผิดที่ปฏิเสธการแต่งงานกับคุณดาว”
“มันมีอะไรลึกๆมากกว่านั้น”
“ยังไงเหรอกระหม่อม”
“ฉันดูตากรกฎก็รู้แล้วว่าเขาคิดยังไงกับคุณละอองดาว เอ้อ มัวแต่คุยกันเพลิน ที่มาหาแกก็เพราะมีเรื่องด่วนจะให้แกช่วย”
“อะไรหรือกระหม่อม ว่ามาเลย กระหม่อมยินดีรับใช้ฝ่าบาท”
“ไม่ใช่เรื่องของฉันหรอก เพื่อนฉันมีปัญหาเรื่องการฟ้องร้องมรดก แกโทร.ไปคุยกับเขานะ เผื่อจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง อย่าไปเรียกเขาแพงล่ะเจ้าธัช”
“โอ๊ยฝ่าบาท เห็นกระหม่อมเป็นทนายหน้าเลือดไปได้ รับรองราคากันเองกระหม่อม”
“ฉันก็พูดเล่นสนุกไป...เรื่องเจ้ากฎ แกไม่ต้องห่วง ฉันพอมีวิธี” สดายุอมยิ้ม มีแผนบางอย่างในใจ
ooooooo
บ่ายวันนั้นสดายุมาเฝ้าเสด็จป้าที่วังนพดลพร้อมคำอินทร์ที่ระยะหลังมานี้มักมาเป็นแขกประจำที่นี่ ละอองดาวถูกเสด็จฯเรียกเข้ามานั่งฟังการสนทนา ก็เลยตกเป็นเป้าสายตาของคำอินทร์ที่พึงใจในตัวเธอ
“วันนี้คุณดาวสวยมากนะครับท่านชาย...วันเสาร์ที่ 14 นี้ เป็นวันประสูติของท่านชาย หวังว่าคงได้พบคุณดาวในวันงานนะครับ” คำอินทร์พูดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“วันประสูติจะมาถึงแล้วจริงๆเหรอเพคะ”
“จริงสิ วันนี้ฉันมาทูลเชิญท่านป้า แล้วก็ตั้งใจจะมาเชิญคุณด้วย คุณว่างพอจะไปร่วมสนุกด้วยมั้ย”
“รู้จักชายยุมานานแล้วไม่ใช่เหรอละอองดาว คงไม่มีอะไรขัดข้องมั้ง”
“ทรงจัดที่ไหนเพคะ” ละอองดาวถามท่านชาย สดายุ แต่คำอินทร์เสนอหน้าตอบเสียเอง
“ที่วังมยุรฤทธิ์ครับ กลางวันมีแต่แขกเด็กๆกันเองทั้งนั้น กลางคืนแกรนด์หน่อยเพราะเปิดบอลล์ จัดเป็นราตรีสโมสร ผมอาสาช่วยงานทั้งด้านประชาสัมพันธ์จัดเลี้ยง ตกแต่งสถานที่ครบหมด ทีแรกท่านชายจะทรงจัดเลี้ยงแบบกันเอง แต่ผมไม่ยอมหรอกครับ เราต้องจัดให้ยิ่งใหญ่มโหฬารสมพระเกียรติหน่อย”
“ไปให้ได้นะคุณดาว แต่งานของฉันคงไม่ใหญ่โตมโหฬารอย่างที่คำอินทร์คุยหรอก”
“เพคะ หม่อมฉันจะไปตอนกลางวัน”
“ก็ไปทั้งกลางวันกลางคืนนั่นแหละ กลางคืนงานบอลล์คงจะสนุกดี มีแต่หนุ่มๆสาวๆทั้งนั้น แม่ชลกับเพื่อนๆ
ก็คงไปกันล่ะมั้ง”
“หญิงชลกับเพื่อนๆไปแน่ครับท่านป้า...ก็เหลือแต่คุณ”
ละอองดาวมองท่านชายและยิ้มรับแทนคำตอบ...
หลังจากนั้นไม่นานข่าวการจัดงานวันเกิดของสดายุก็รู้ถึงหูผดาชไมกับเพื่อนผองโดยคำอินทร์ สาวๆตื่นเต้นตระเตรียมหาชุดสวยหรูใส่ไปงาน แต่ผดาชไมดูจะพิถีพิถันกว่าใคร ยอมทุ่มเงินเป็นแสนจ้างนักออกแบบมือหนึ่งของเมืองไทยเพราะต้องการเป็นดาวเด่นของงาน คาดหวังอย่างมากว่านักข่าวต้องมารุมล้อมขอถ่ายรูป ทุกสายตาต้องโฟกัสมาที่เธอคนเดียว และเธอต้องเป็นผู้หญิงคนแรกที่สดายุเข้ามาขอเต้นรำเปิดฟลอร์
ooooooo
ที่วังนพดล สดายุมีโอกาสสนทนากับละอองดาวตามลำพังขณะเธอยืนมองรูปเจ้าชายจักราชัยราวกับโดนมนต์สะกด
“รู้สึกว่าคุณจะชอบภาพนี้มาก”
“เพคะ...ฝ่าบาททรงเคยรู้จัก เห็นพระองค์จริงของเจ้าชายจักราชัยสมัยที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ไหมเพคะ”
“ก็เคยเห็นบ้าง แต่ตอนนั้นฉันยังรุ่นๆอยู่”
“ทรงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ”
“หมายถึงอะไร”
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเจ้าชายจักราชัย หม่อมฉันอยากฟังเพคะ”
“ก็อย่างที่คุณเห็นอยู่ในภาพนั่นแหละ เป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์มาก เป็นนักต่อสู้ นักประชาธิปไตย และนักรักที่ยิ่งใหญ่ เจ้าพี่จักราชัยกล้าที่จะเอาความรักที่มีต่อหญิงหนึ่งเข้าแลกกับราชบัลลังก์ ไม่ผิดอะไรกับเรื่องราวของเอ็ดเวิร์ดกับชิมป์สันนั่นแหละ แต่ก็อาภัพยิ่งกว่า เจ้าพี่จักราชัยเกิดภายใต้เศวตฉัตร แต่ตายอย่างคนอนาถา”
“หม่อมฉันพอจะทราบเรื่องราวโศกนาฏกรรมของท่านมาบ้างเพคะ ชลทิชาเคยเล่าให้ฟัง”
“ทำไมคุณถึงสนใจภาพนี้เป็นพิเศษ”
“หม่อมฉันบอกไม่ถูกเพคะ รู้สึกคล้ายๆกับว่าเราเคยพบเห็นรู้จักกันมาก่อน อาจในความฝัน เป็นความรักอะไรอย่างหนึ่งที่หม่อมฉันก็บรรยายไม่ถูก ไม่ใช่แบบหนุ่มสาว แต่เป็นรักที่อยากจะพบเห็น อยากใกล้ชิด หม่อมฉันรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่มองภาพนี้ พระเนตรของท่านแฝงไว้ด้วยความเมตตาปรานี”
สดายุมองใบหน้าสวยคมได้รูปของละอองดาวอย่างพินิจพิเคราะห์ “คุณเชื่อไหมว่าฉันพบอะไรบางสิ่งบางอย่างในระหว่างใบหน้าคุณกับใบหน้าของเจ้าพี่จักราชัยในภาพ”
“อะไรหรือเพคะ”
“ดวงตากับริมฝีปากช่างเหมือนกันเสียจริงๆ ฉันเพิ่งสังเกตเห็นเดี๋ยวนี้เอง”
คำพูดนั้นทำให้ละอองดาวต้องเหลียวกลับไปมองรูปของจักราชัยอีกครั้ง พอดีสดายุมีธุระต้องทำต่อจึงตัดบทขอตัว แต่ไม่ลืมถามหญิงสาวว่าเย็นว่างหรือเปล่า จะเชิญไปทานมื้อค่ำ มีอะไรอยากคุยด้วยนิดหน่อย
“อะไรเหรอเพคะ”
“เอาไว้ค่อยคุยกัน” สดายุเดินจากไป ละอองดาวมองตามด้วยความสงสัยใคร่รู้
ooooooo
เมื่อกลับลงมาในห้องโถงรับแขก ละอองดาวตื่นเต้นดีใจมากที่เห็นนาถลดาเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันเป็นแรมปี...นาถลดาเป็นญาติของชลทิชา ทำงานอยู่ที่สถานทูตไทยในอังกฤษ วันนี้เธอลาพักร้อนกลับมาเมืองไทยและมุ่งตรงมาเซอร์ไพรส์ละอองดาว
หลังรู้ว่าเพื่อนรักทำงานอยู่ที่นี่ โดยมีเริงใจเป็นคนนำพามา
นาถลดากับละอองดาวสวมกอดและทักทายกันด้วยความคิดถึง ก่อนที่ละอองดาวจะหันไปถามเริงใจว่าชลทิชาไม่ได้มาด้วยหรือ
“ชลไปสัมมนากับท่านผู้อำนวยการที่เชียงรายจ้ะ เลขาท่านดันป่วยเข้าโรงพยาบาล ชลต้องไปทำหน้าที่เลขาแทน ไปเป็นอาทิตย์เลยนะแตน”
นาถลดาบ่นเสียดายไม่ได้เจอชลทิชา แล้วตั้งท่าจะกระจายข่าวงานวันประสูติท่านชายสดายุ แต่โดนละอองดาวเบรกเสียก่อนว่าตนรู้แล้ว ท่านชายเพิ่งมาบอกด้วยตัวเอง
“เธอต้องไปนะแตน งานประสูติปีนี้แกรนด์เต็มที่เลย กลางคืนจัดเป็นราตรีสโมสรในวังมยุรฤทธิ์ เปิดบอลล์มโหฬารเลยล่ะ”
“พูดเหมือนเจ้าคำอินทร์เปี๊ยบเลยนะนิด เมื่อพักใหญ่ๆเขาก็มาคุยแบบนี้แหละ”
“แหม...คำอินทร์กับยัยนิดนี่ใจตรงกันเด๊ะเลยนะ เมื่อกี้นั่งมาในรถเธอก็พูดถึงคำอินทร์ไม่หยุดปากเลยนะนิด ฉันว่ามันชักจะยังไงๆซะแล้ว”
“บ้าเหรอนาถ มันบังเอิญต่างหาก ฮึ! อีตาบ้ามาชิงตัดหน้าพีอาร์ก่อนฉัน”
“แตน แล้วเธอทูลท่านอายุว่าจะไปหรือเปล่า”
“เสด็จฯก็รับสั่งให้ฉันไป ที่จริงฉันไม่อยากไปตอนกลางคืนเลย กลัวจะเปิ่น งานของท่านยิ่งหรูเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งกลัวมาก มีแต่แขกคนสำคัญทั้งนั้น”
“กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง งานสนุกจะตาย คนใหญ่คนโต คนดังมากันเยอะแยะ แล้วงานนี้ยัยงิ้วผดาชไมก็ต้องไปแน่ๆ”
“ผดาชไม...ใครเหรอนิด ชื่อคุ้นๆ”
“ก็แม่ฮันนี่ ดารานักร้องดังไงนาถ คู่รักของคุณกรกฎพี่ชายแตนน่ะ ฉันได้ข่าวว่าเจ้าหล่อนสั่งตัดชุดราตรีราคาเป็นแสนเลยนะ ก็คงหวังจะเป็นนางฟ้าดาวเด่นของงานนั่นแหละ เธออย่ายอมให้ผดาชไมมาเบ่งรัศมีกับเธอนะแตน แม่นั่นข่มเหงระรานเธอมามากพอแล้ว เธอต้องสู้”
“โอ๊ย...ถ้าจะต้องไปแข่งรัศมีกับใคร ฉันไม่ไปแล้ว”
“เธอต้องไป” เสียงนั้นทำให้สามสาวหันขวับไปมองเสด็จฯค่อยๆเดินเข้ามา นาถลดารีบทำความเคารพเสด็จย่า...สองย่าหลานถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน นาถลดาเห็นชัดว่าเสด็จย่าทรงแข็งแรงขึ้นมาก
“ก็ได้ละอองดาวนี่แหละ เขาคอยดูแลย่า เตือนให้กินหยูกกินยา เอาใจใส่ย่าสารพัด คนเราพอมีกำลังใจร่างกายมันก็แข็งแรงขึ้น เขาถึงว่าใจเป็นนายกายเป็นบ่าว ขึ้นมานั่งให้สบายเถอะหญิงนาถ ตามสบายนะแม่นิดนี่มาเยี่ยมละอองดาวกันหรือ”
“เพคะใต้ฝ่าพระบาท หม่อมฉันตั้งใจจะมาชวนแตนไปงานประสูติท่านชายสดายุเพคะ”
“เห็นไหมละอองดาว เพื่อนๆอุตส่าห์มาชวน อยากให้เธอไปสนุกด้วยกัน เพราะฉะนั้นเธอห้ามปฏิเสธ”
ละอองดาวพูดไม่ออก นาถลดากับเริงใจยิ้มสมใจ...หลังจากสองสาวลากลับ เสด็จฯสั่งอุ่นเรือนให้เรียกช่างตัดเสื้อผ้าประจำตัวของตนมาพบเพื่อวัดตัวตัดชุดให้ละอองดาว แล้วยังพาหญิงสาวไปเลือกเครื่องประดับสวยงามล้ำค่า ตั้งใจจะเนรมิตให้เหมือนซินเดอเรลล่าในนิยาย แต่พิเศษกว่าตรงที่เธอไม่ต้องกังวลว่าถ้าเที่ยงคืนไปแล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่เนรมิตจะหายไป
“หม่อมฉันไม่เข้าใจเลยเพคะ เหตุใดใต้ฝ่าพระบาททรงต้องการให้หม่อมฉันไปงานของท่านชายอย่างหรูหรา เกินฐานะของหม่อมฉันถึงเพียงนี้”
“ฉันต้องการพิสูจน์ให้สายตาโง่ๆของคนบางคนได้เห็นชัดเสียที ว่าเพชรน้ำเอกนั้นถ้าเจียระไนออกมาแล้ว มันงามบรรเจิดเพริศแพร้วแค่ไหน ฉันรู้ว่าเธอไม่ต้องการ แต่ฉันต้องการ การไปครั้งนี้ขอให้เธอคิดเสียว่าไปตามคำสั่งของฉันก็แล้วกัน”
“พระกรุณาของใต้ฝ่าพระบาทดูเกินฐานะของหม่อมฉันเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เข้าใจตัวเอง การที่หม่อมฉันจะไปงานครั้งนี้ในลักษณะแบบนี้เพื่ออะไรกัน”
“อ้าว! ก็บอกแล้วไงว่าเพื่อฉัน ชายยุจะให้ฉันไปงานนี้ให้ได้ แต่สุขภาพฉันก็ยังไม่ค่อยแข็งแรง ไม่สะดวกที่จะไป คิดเสียว่าฉันส่งเธอไปแทนก็แล้วกัน จะได้สบายใจ”
“ถ้าเช่นนั้นก็ได้โปรดให้หม่อมฉันไปอย่างธรรมดา ตามสภาพฐานะของหม่อมฉันเถิดเพคะ”
“ดื้อซะจริงเด็กคนนี้ เธอเป็นตัวแทนของฉัน เธอก็ต้องทำหน้าที่และวางฐานะให้เหมาะสมหน่อยสิ นี่พูดแล้วจะหาว่าคุยนะ ตอนฉันยังรุ่นๆเท่าเธอ ฉันก็สวยไม่แพ้เธอเหมือนกัน เพราะฉะนั้นฉันถึงเลือกเธอไปเป็นตัวแทนของฉันเมื่อสมัยที่ฉันยังสาวๆยังไงล่ะ สมัยนั้นฉันไม่ยอมให้ใครมาสวยเกินหน้าฉันหรอก”
เสด็จฯหัวเราะอารมณ์ดี ละอองดาวพลอยยิ้มขัน แต่ครู่เดียวก็วกกลับเข้าประเด็นเดิม
“จะมีประโยชน์อะไรสำหรับหม่อมฉันเพคะ ในเมื่อหม่อมฉันถูกเนรมิตขึ้นเพียงชั่วคืนนั้นคืนเดียว”
“ละอองดาว...เธอไม่รู้หรอกว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ตั้งแต่ลูกชายฉันตายจากไป ฉันก็ไม่เคยได้รับความอบอุ่นใจจากใครเลย จนกระทั่งฉันได้พบเธอ ชาติก่อนเราคงเคยอุปถัมภ์กันมาแน่ๆ บอกตามตรงนะ ฉันรู้สึกต่อเธอเหมือนลูกเหมือนหลานไม่ใช่นายจ้างต่อลูกจ้าง”
ละอองดาวสุดซาบซึ้งในความเมตตาของเสด็จฯ ถึงกับปฏิเสธไม่ออก
ooooooo
กรกฎรู้จากชวนชมว่าสาเหตุที่ละอองดาวกลับบ้านผิดเวลาในวันนี้เพราะมีนัดกินข้าวกับท่านชายสดายุ ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไปกินที่ไหน แล้วมีคนอื่นไปด้วยหรือเปล่า
“คุณดาวไม่ได้บอกนะคะ ไว้คุณดาวกลับมาน้าจะถามให้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันไปยุ่งเรื่องของเขา”
“คุณกฎจะทานข้าวเย็นเลยไหมคะ”
“ไม่...ฉันไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องทานค่ะ อย่าหาว่าน้าวุ่นวายเลยนะคะ วันๆคุณกฎไม่ค่อยได้ทานอะไรเลย เอาแต่ดื่ม ทานบ้างเถอะค่ะ เดี๋ยวพานล้มป่วยไปจะแย่...เนียนไปตั้งโต๊ะเอาไว้เลย เผื่อคุณกฎหิวจะได้ไปทาน”
สั่งเสร็จ ชวนชมหันกลับมาที่เจ้านายหนุ่ม เห็นเอาแต่ดื่มเหล้าก็ยิ่งเป็นห่วง ถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม...
ด้านละอองดาวกับสดายุที่ไปกินมื้อค่ำด้วยกัน ที่แท้สดายุอยากคุยกับเธอเรื่องกรกฎนั่นเอง
“พี่ชายคุณเป็นยังไงบ้าง ฉันเห็นเจ้ากฎดูซูบผอมไปมาก หน้าดำคร่ำเครียด ดื่มหนักดูซึมๆเศร้าๆเหมือนคนเป็นไข้ใจ แบกโลกเอาไว้ทั้งใบ”
“ฝ่าบาททรงช่างสังเกตนะเพคะ”
“แสดงว่าคุณก็สังเกตเขาเหมือนกัน”
“คุณกรกฎก็คงมีปัญหาส่วนตัวของเขามั้งเพคะ”
“อย่าหาว่าฉันละลาบละล้วงเลยนะ ฉันพอจะรู้เรื่องพินัยกรรมของด็อกเตอร์ไกรที่ผูกมัดคุณกับกรกฎมาบ้าง ถ้าฉันจะถามอะไรคุณตรงๆ คุณอึดอัดใจที่จะตอบมั้ย”
“เชิญเถิดเพคะ”
“สมมติว่าถ้ากรกฎขอคุณแต่งงาน หลังจากที่เขาเคยปฏิเสธการแต่งงานกับคุณไปแล้ว คุณจะว่าอย่างไร”
“คุณกรกฎขอให้ฝ่าบาททรงถามคำถามนี้กับหม่อมฉันเหรอเพคะ”
“คุณเป็นผู้หญิงที่ฉลาดนะคุณละอองดาว แต่เปล่าเลย ฉันก็แค่อยากรู้ในฐานะที่เป็นสหายรักกับกรกฎมานาน พอเห็นเขาทุกข์ใจแบบนี้ฉันก็อดห่วงไม่ได้...คุณยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ”
“ฝ่าบาททรงกำลังทำให้หม่อมฉันจนแต้ม ถ้าหม่อมฉันไม่ตอบคำถามนี้ ฝ่าบาทจะทรงโกรธหม่อมฉันไหมเพคะ”
“คุณนี่ฉลาดจริงๆ คนที่จนแต้มคือฉันต่างหาก ใครจะโกรธคุณได้ลงคอ” สดายุพูดติดตลก อมยิ้มเหมือนได้คำตอบในใจบ้างแล้ว...
หลังอาหารมื้อนั้นสดายุพาละอองดาวมาส่งบ้านก่อนจะเลยไปทักทายกรกฎอีกตึก กรกฎต้อนรับขับสู้อย่างนอบน้อมและถือโอกาสสอบถามถึงธุระของท่านที่มีกับละอองดาว ปรากฏว่าคำตอบชวนให้ชายหนุ่มฉงนสนเท่ห์ เพราะมันคือธุระของเขาโดยตรง
สดายุจู่โจมตั้งคำถามเป็นชุดว่ากรกฎรักหรือไม่รัก ละอองดาว หรือแค่ชอบ หรือคิดแค่เป็นน้อง กรกฎอึกอักเพราะไม่ทันตั้งตัว จนกระทั่งโดนคาดคั้นว่ารักละอองดาว ใช่ไหม เขาก้มหน้านิ่งอย่างยอมรับ
“โอเค ฉันเข้าใจว่ามันตอบยาก แกไม่จำเป็นต้องบอกฉันก็ได้ แต่ขอให้แกรู้เอาไว้ว่าแกยังพอมีหวัง แรกๆที่คุณดาวถูกแกปฏิเสธการแต่งงาน เธอก็คงโกรธแกมาก แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าความโกรธเคืองคงค่อยๆจางลงไปแล้ว”
“ดาวเขาทูลกับฝ่าบาทอย่างนั้นเหรอกระหม่อม”
“ผู้หญิงก็เหมือนหนังสือที่อ่านยาก เขาไม่พูดอะไรตรงๆหรอก เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา มันก็อยู่ที่ตัวแกเองนั่นแหละว่าจะมีความอดทนมากพอที่จะเอาชนะใจคุณดาวได้รึเปล่า”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทเหลือเกินที่ทรงช่วยเหลือให้คำแนะนำกระหม่อม” กรกฎยิ้มอย่างมีความหวัง สดายุ ตบไหล่สหายรักเบาๆ ให้กำลังใจ
ooooooo
เช้าวันนี้ชวนชมนำจดหมายจากอรรถวาทีมาให้ละอองดาวที่กำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงาน หญิงสาวรับมาแกะอ่านปราดเดียวก็ส่งคืนให้ชวนชมที่สงสัยว่าเป็นจดหมายอะไร
“น้าชวนอ่านเองเถอะค่ะ”
ชวนชมรับมาอ่านแล้วอุทานเสียงหลง “เงินเดือนค่าเลี้ยงดู 24 เดือน หกแสนบาท! นี่คุณดาวไม่เคยไปรับเลยเหรอคะ เผลอแป๊บเดียวเป็นเงินก้อนโตไปแล้ว ไปรับเถอะค่ะคุณดาว เงินตั้งหกแสนซื้อเสื้อผ้า ซื้ออะไรได้เยอะแยะ หรือจะเอาไปฝากธนาคารก็ได้”
“ไม่มีวัน ฉันไม่ไปรับเด็ดขาด”
“โธ่คุณดาว จะทิฐิไปถึงไหนคะ ไม่นึกถึงคนเป็น ก็ขอให้นึกถึงคนตายบ้างก็ยังดี”
“ฉันมีวิธีที่จะระลึกหรือตอบแทนพระคุณของคุณพ่อได้ตั้งหลายทาง ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเอาเงินจากกองมรดกของท่านมาใช้เลย และการที่ฉันไม่ยอมรับเงินนี้จะมีใครมาประณามฉันว่าอกตัญญูต่อท่าน มันก็คงเป็นเรื่องน่าขันพิลึก”
“คุณดาวคะ น้าว่า...”
“อย่ากังวลไปเลยค่ะน้าชวน ฉันไปล่ะ” ละอองดาว ตัดบทแต่ชวนชมยังพยายามเว้าวอน
“คุณดาวฟังน้าสักนิด ถ้าคุณดาวอยากตอบแทนพระคุณท่าน ก็ช่วยมองดูคุณกรกฎสักหน่อย เธอดูเปลี่ยนไปมาก อย่างน้อยเธอก็เป็นลูกคนเดียวของท่านที่คุณดาว รักและเคารพนะคะ”
“เรื่องนั้นฉันจะทำให้ดีที่สุดแล้วกันค่ะ ไปก่อนนะ” ละอองดาวยืนกรานหนักแน่นเสียจนชวนชมไม่กล้าตอแยอีก
เมื่ออรรถวาทีทราบจากชวนชมก็หนักใจ ละอองดาวไม่ยอมรับเงินเดือนจากกองมรดกก็เท่ากับเขาทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ หรือบกพร่องต่อหน้าที่นั่นเอง
ooooooo
สายวันเดียวกันกรกฎมีนัดพาผดาชไมไปลองชุดตัดใหม่ที่จะใส่ไปงานเลี้ยงวันเกิดสดายุ แต่ผดาชไมพิถีพิถันสั่งแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อความสวยเด่น ทำให้ต้องใช้เวลายาวนานจนกรกฎรอไม่ไหวเดินดุ่มเข้ามาถามว่าทำไมช้านัก
“ดาอยากให้อาจารย์เขาเติมแบบเก๋ๆลงไปในชุดอีกนิดหน่อยน่ะค่ะ เลยต้องคุยกันนาน ชุดนี้เป็นแสนนะคะกฎ มันต้องเด่นมากๆ ให้สมกับดาราระดับดาใส่...เสร็จเรียบร้อยพอดี ไปกันเถอะค่ะ”
กรกฎลอบทำหน้าเบื่อหน่ายแต่ก็ยอมให้คู่รักควงแขนออกไป แล้วตอนบ่ายทางร้านจะส่งชุดไปให้ถึงบ้านผดาชไมเพื่อใส่สำหรับงานคืนนี้
เมื่อถึงวังมยุรฤทธิ์สถานที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดสดายุ ซึ่งมีการตระเตรียมกันตั้งแต่เช้าเพราะงานแบ่งเป็นสองช่วงคือกลางวันและกลางคืน
ผดาชไมทักทายเจ้าภาพอย่างสนิทสนมก่อนจะไปรวมกลุ่มกับเพื่อนชายหญิง ส่วนกรกฎแยกตัวไปคุยกับธัชชัยที่อยู่ไม่ไกลจากกลุ่มของละอองดาวกับเพื่อนๆ
คุยกับธัชชัยไม่กี่ประโยค กรกฎก็ขยับไปทักถามละอองดาวว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เธอนิ่งเฉยทำหูทวนลม นาถลดาเลยตอบแทน
“ตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ดิฉันไปลากตัวมาเองค่ะ นึกว่าคุณกรกฎจะไม่มาซะอีก เห็นท่านอายุรับสั่งถึงอยู่หยกๆ”
“ผมติดธุระครับ เสร็จธุระก็รีบมานี่ล่ะครับ นี่คุณหญิงนาถกลับมาเที่ยวเหรอครับ”
“ค่ะ ดิฉันลาพักร้อน”
“วันนี้ดาวเลยไม่ได้ไปทำงานสินะ ลาเสด็จฯท่านรึเปล่า”
“วันนี้ก็ทำค่ะ เสด็จฯท่านรับสั่งให้ดิฉันมาช่วยงานท่านชาย ช่วยจัดดูแลด้านอาหารและการตกแต่งภายในที่นี่”
“จริงสิ ดาวถนัด เคยเรียนด้านนี้มา”
เริงใจซึ่งไม่ถูกชะตากับกรกฎมองมาอย่างหมั่นไส้ แล้วจู่ๆก็ตั้งคำถามเสียจนละอองดาวตกใจ
“คุณกรกฎ...ทำไมคุณถึงปล่อยให้แตนต้องออกมา ทำงานนอกบ้านล่ะคะ”
“เจ้าตัวเขาไม่ได้บอกคุณเหรอครับ ว่านั่นไม่ใช่ความต้องการของผม ผมเคยทั้งห้ามปรามและขอร้องไม่ให้เขาทำ แต่เขาก็ยังดื้อจะออกมาทำงานนอกบ้านให้ได้ ผมก็ไม่รู้จะขัดเขาได้ยังไง”
“แตนก็บอกเหมือนกันแหละค่ะ ว่าเป็นความ ต้องการของเขาเอง แต่ดิฉันคิดว่าคงมีอะไรสักอย่าง ที่ผลักดันให้แตนต้องออกมาทำงานอย่างนี้”
กรกฎหน้าเสีย ละอองดาวปรามเริงใจ แต่เธอไม่ฟัง ยังคงซ้ำเติมกรกฎอย่างออกรส
“อีกเหตุผลหนึ่งน่าจะเป็นเพราะคุณ ในฐานะเจ้าบ้านและพี่ชายให้การปกป้องและคุ้มครองแตนได้ไม่ดีเท่าที่ควรมั้งคะ ทำให้แตนต้องดิ้นรนช่วยเหลือตัวเอง แตนเป็นน้องสาวคุณ ร่วมสกุลกันแท้ๆ แต่ก็ยังต้องออกมาทำงานเป็นลูกจ้าง”
กรกฎอึ้งพูดไม่ออก นาถลดางุนงงเพราะไม่รู้เรื่องของสองพี่น้องมาก่อน ในขณะที่ละอองดาวรู้สึกแย่ที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ จึงขอตัวไปดูงานที่โรงครัวโดยชวนธัชชัยไปเป็นเพื่อน
คล้อยหลังละอองดาวกับธัชชัย กรกฎพูดกับเริงใจว่า “ผมขอโทษ...ผมอาจจะบกพร่องในหน้าที่ของเจ้าบ้านและพี่ชายไปบ้าง ทั้งๆที่ผมได้พยายามอย่างที่สุดแล้ว ผมรู้ตัวเหมือนกันว่าผมทำอะไรผิดพลาดเสมอ ผิดมาตั้งแต่แรกนั่นแหละ หวังว่าพวกคุณที่พอจะทราบเรื่องคงจะให้อภัย ผมรักและเป็นห่วงน้องสาวเสมอ ขอตัวนะครับ”
กรกฎแยกตัวไป นาถลดางงไม่หาย กระซิบถาม เริงใจว่ามีอะไรกัน ทำไมเธอพูดแปลกๆเหมือนไม่ค่อยชอบหน้ากรกฎ
“เรื่องมันยาว เอาไว้ฉันจะเล่าให้ฟัง” พูดแล้วเริงใจยิ้มสะใจ
ooooooo
เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาสดายุ เขาได้ยินการสนทนาระหว่างเริงใจกับกรกฎทุกคำ รู้สึกเห็นใจกรกฎที่โดนต่อว่าจนหน้าซีดหน้าเสียเดินหนีไปปลีกวิเวกอยู่คนเดียว
สดายุเดินตามมาตบไหล่กรกฎพร้อมกับปลอบว่า “คิดมากน่า”
“ฝ่าบาททรงได้ยิน?”
“ไม่ได้ตั้งใจจะสอดรู้สอดเห็นหรอก แต่ก็พอจะจับใจความได้บ้าง แกอย่าไปถือสาโกรธเคืองเพื่อนๆ คุณละอองดาวเลย”
“กระหม่อมไม่ได้ขุ่นเคืองเพื่อนๆดาวเลย กระหม่อมโกรธตัวเองต่างหากที่ดูแลดาวได้ไม่ดีพอ”
“หญิงชลกับเพื่อนๆคงไม่ค่อยพอใจที่แกปฏิเสธการแต่งงานกับคุณละอองดาว”
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกกระหม่อม พวกเขาคงโกรธที่ผดาชไมเคยไประรานละอองดาวถึงที่บ้าน”
“จริงหรือ ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย”
“แต่กระหม่อมก็ไปต่อว่าปรามดาไปแล้ว ห้ามไม่ให้ทำเรื่องแย่ๆแบบนั้นอีก”
“ฉันเห็นใจแกจริงๆ คนนั้นก็คู่รัก คนนี้ก็น้อง ที่ตอนนี้แกอาจจะคิดเกินกว่าน้อง...เอาน่า ใจเย็นๆ ทุกปัญหามันมีทางออกเสมอ ค่อยๆคิดค่อยๆแก้กันไป”
ขณะนั้นที่โรงครัว ธัชชัยบอกละอองดาวว่าขอตัวกลับก่อนเพราะมีนัดกับลูกความที่เป็นเพื่อนกับท่านชายสดายุ...ธัชชัยออกไปได้ครู่เดียว เริงใจกับนาถลดาเข้ามาหาละอองดาว
ละอองดาวแกล้งงอนเริงใจที่พูดแขวะกรกฎ แต่พอเพื่อนง้อก็หลุดยิ้มและสั่งห้ามวันหลังอย่าทำแบบนี้อีกเด็ดขาด
คำอินทร์ถือจานขนมเข้ามาในกลุ่มสาวๆ ตั้งใจเอาขนมมาให้ละอองดาวชิม แต่เริงใจหยิบกินหน้าตาเฉย
“นี่คุณ ผมเอามาให้คุณดาวนะ คุณเกี่ยวอะไรด้วย”
“เกี่ยวสิ ก็ฉันเป็นเพื่อนรักแตน ชิมนิดชิมหน่อยไม่ได้เหรอ ขี้หวง”
“ผมไม่ได้หวง แต่คุณควรจะให้คุณดาวทานก่อน สงสัยจะสะกดคำว่ามารยาทไม่เป็น”
“เออใช่ คนไม่มีมารยาทอย่างฉันนี่น่ะ ชอบสะเออะกับเรื่องชาวบ้านเขาซะเรื่อย”
คำอินทร์หน้าเจื่อน กลัวละอองดาวรู้เรื่องทะเลาะวิวาทที่คลับแล้วเสด็จย่าของตนจะรู้ด้วย จึงรีบกลบเกลื่อนกลับคำ
“จริงๆผมก็ตั้งใจเอามาให้ทั้งคุณดาวและเพื่อนๆของคุณดาว ที่มีน้ำใจอย่างมากอยู่แล้วล่ะ เชิญครับ”
เริงใจยิ้มเยาะ คำอินทร์เสียทีเดินหัวเสียออกไป นาถลดาข้องใจ ซักถามจับผิดเริงใจ
“ยัยนิด เธอกับคำอินทร์ดูแปลกๆนะ มีเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้ บอกมาซะดีๆ”
เริงใจตอบปฏิเสธเสียงสูง นาถลดาไม่เชื่อ บอกว่าไม่มีแล้วทำไมต้องทะเลาะกันด้วย พูดจากันแปลกๆเหมือนคนไม่ถูกกัน
“ระวังเถอะนิด ไม่ชอบหน้ากัน ทะเลาะกันแทบตาย ตอนหลังจะกลายเป็นแฟนกันเหมือนในนิยาย”
“บ้าเหรอแตน! เกลียดก็คือเกลียด จะมารักตอนหลังได้ยังไง ฉันไม่เป็นแบบในนิยายหรอก”
เริงใจปฏิเสธแล้วเมินหน้าหนี ละอองดาวกับนาถลดาจับสังเกตแล้วหันมายิ้มให้กันอย่างขำๆ
ooooooo
กรกฎขับรถมาส่งผดาชไมที่บ้านแล้วขอตัวกลับ อ้างว่าปวดหัว ผดาชไมแตะเนื้อตัวเขาด้วยความเป็นห่วง
“ตัวอุ่นๆเหมือนจะเป็นไข้ เข้าไปทานยาในบ้านดาก่อนเถอะค่ะ”
“ไม่ต้องดีกว่า เดี๋ยวฉันกลับไปกินยาที่บ้าน นอนพักสักหน่อยก็หาย”
“พักนี้กฎดูไม่ค่อยสดใสเลยนะคะ หน้าหมอง ซูบผอมไปถนัดตาจนเพื่อนๆดาทัก กฎมีเรื่องเครียดอะไรรึเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไร สงสัยฉันจะเที่ยวหนัก ดื่มหนักไปหน่อย”
“เที่ยว! กับใครคะ กับดาก็ไปกันแค่อาทิตย์ละครั้งเอง”
“ก็...กับเพื่อนๆนั่นแหละ เจ้าธัชมั่ง ท่านชาย บางทีคนเดียวฉันก็ดุ่ยๆไป เข้าบ้านเถอะดา นี่ก็บ่ายมากแล้ว”
“จริงด้วย เขาเอาชุดมาส่งหรือยังก็ไม่รู้”
ผดาชไมลงจากรถแล้วยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มกรกฎ ส่งเสียงร่าเริง “บ๊ายบายค่ะกฎ อย่าลืมมารับดาหกโมงเย็นนะคะ รับรองงานคืนนี้ผู้ชายทุกคนจะต้องอิจฉากฎกันแน่ๆ”
กรกฎไม่พูดอะไร ออกรถไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ส่วนผดาชไมเปลี่ยนจากร่าเริงเป็นหน้านิ่วคิ้วขมวด ระแวงว่ากรกฎอาจจะไปเที่ยวกับละอองดาว
เมื่อกลับถึงบ้านแทนที่จะกินยาและนอนพัก
อย่างที่บอกผดาชไม กรกฎกลับเอาเหล้ามาดื่มแก้กลุ้ม พอรู้จากชวนชมว่าคืนนี้ละอองดาวค้างที่วังนพดลก็ซักไซ้
ไล่เลียงหน้าดำคร่ำเคร่ง จากนั้นตัดสินใจโทรศัพท์ไปที่วังเพราะกลัวน้องสาวจะนัดแนะกับคำอินทร์ไปงานเลี้ยงคืนนี้ที่วังมยุรฤทธิ์
แต่โชคไม่เข้าข้าง คนรับสายคือเสด็จพระองค์หญิงพราวนภางค์ กรกฎเกรงใจท่านมาก ขอโทษและบอกลาอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ใจร้อนรุ่มอยากรู้เหลือเกินว่าละอองดาวจะไปงานคืนนี้หรือเปล่า
เสด็จฯจับความรู้สึกกรกฎได้ว่ากำลังวุ่นวายใจและกลัดกลุ้ม ท่านนึกสนุกอยากไปร่วมงานคืนนี้ทั้งที่ตอนแรกบอกปฏิเสธสดายุไว้แล้ว จึงโทรศัพท์ไปบอกใหม่ว่าตนจะไปถึงสามทุ่มตรง
เมื่อใกล้ถึงเวลานั้น แขกเหรื่อมากันมากหน้าหลายตา ผดาชไมเฉิดฉายในชุดสวยหรูราคาเรือนแสน ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งงาน โดยเฉพาะบรรดานักข่าวที่ฮือฮารุมล้อมเข้ามาขอถ่ายรูปเธอกันใหญ่
แต่แล้วเสียงผู้คนก็เงียบลงในบัดดล เมื่อรถจากวังนพดลแล่นเข้ามาจอด
ละอองดาวลงจากรถในชุดราตรีสวยสง่าและเครื่องประดับครบชุด เธองดงามราวเจ้าหญิงในเทพนิยาย ทุกสายตาพุ่งตรงมาที่เธอเหมือนต้องมนต์ ไม่เว้นแม้แต่ผดาชไมที่นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ส่วนกรกฎนั้นไม่ต้องพูดถึง แน่นอนว่าตะลึงพรึงเพริด จ้องมองละอองดาวแววตาเป็นประกาย
ooooooo