ตอนที่ 1
ณ โรงแรมหรูกลางกรุงเทพฯ...สองหนุ่มสาวในชุดท่องราตรีโถมตัวหากันอย่างเร่าร้อนทันทีที่ลิฟต์จอด ฝ่ายชายฉวยโอกาสที่ฝ่ายหญิงกำลังเคลิ้ม ควักปืนจากที่ซ่อนแต่ก็ถูกจับได้เสียก่อน!
จีราวัจน์หรือจีดาราสาวดาวรุ่งมากฝีมือแต่ดันมีข่าวฉาวเรื่องผู้ชายมากหน้าหลายตากำลังสวมบทบาทเป็นเมย์ สาวสวยที่ถูกหลอกให้รัก รุจน์ดาราหนุ่มที่เล่นประกบส่งต่ออารมณ์โกรธแค้นให้อย่างดี ก่อนจะตีหน้าเศร้าเมื่อจนมุม
“เมย์...ผมอาจจะหลอกคุณหลายอย่าง แต่อย่างเดียวที่ผมไม่เคยหลอกคุณคือความรู้สึกที่ผมมีให้คุณ ผมรักคุณจริงๆนะเมย์...ผมรักคุณ”
“รัก...จริงสินะ ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเชื่อว่าความรักมีอยู่จริง ทุกอย่างคือผลประโยชน์ จนฉันมาเจอคุณ คุณทำให้ฉันเปลี่ยนความคิด ทำให้ฉันเริ่มรู้ว่าความรักเป็นยังไง คุณทำให้ฉันเชื่อว่าความรักอาจจะมีอยู่จริงๆ”
รุจน์เริ่มใจชื้น คิดว่าเรื่องโกหกของตนได้ผล แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
“แล้ววันนี้...คุณก็ทำให้ฉันรู้ว่าฉันคิดผิด ความรักแม่งก็ไม่มีอยู่จริงๆหรอก ทุกคนแม่งก็เห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ตัวเอง ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ สุดท้าย...รักเดียวที่มีอยู่บนโลกก็คือรักตัวเอง!”
พูดจบก็คว้าปืนมาเล็ง บอกลาเสียงเข้ม “ขอบคุณที่ตอกย้ำให้ฉันมั่นใจว่าโลกนี้...ไม่มีใครรักฉันจริงนอกจากตัวฉันเอง และนี่คือคำขอบคุณสำหรับบทเรียนที่ล้ำค่า...ลงนรกไปซะ!”
เสียงปืนประกอบฉากดังขึ้นหลังจากนั้น พร้อมเสียงประกาศคัตของชยันต์ ผู้กำกับหนุ่มหล่อเพื่อนรุ่นพี่ตั้งแต่สมัยเรียนของจีราวัจน์ พร้อมกับคำชมเชยอื้ออึงหนาหูถึงการแสดงอันน่าทึ่งของดาราสาว
จีราวัจน์ไม่ได้หลงปลื้มกับคำชมเหล่านั้นเพราะรู้ดีว่าเป็นแค่มารยาทและภาพลวงตา แต่อยากได้ยินจากชยันต์ ผู้กำกับหนุ่มเลยส่งเธอไปเช็กเทปที่หน้าจอกล้อง ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้น
“ฉากนี้มันครบมาก นางเอกจากไม่เคยคิดที่จะรักแล้วเปลี่ยนมารัก แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวังเพราะรู้ว่า...ความรักไม่มีอยู่จริง...มันทั้งสับสน เสียใจและกลับมาเย็นชา...จีถ่ายทอดมันออกมาได้ครบ แค่เรื่องแรกทำได้ไง”
“เพราะจีคิดแบบเดียวกันไงคะ เลยเล่นออกมาได้”
พูดจบก็จะผละไป ทิ้งชยันต์ให้มองตามด้วยความสงสารและเห็นใจเพราะจับความรู้สึกของเธอจากน้ำเสียงนั้นได้ในฐานะเพื่อนเก่าที่รู้ปัญหาของเธอดี แต่ไม่ทันตามไปปลอบใจ ทีมงานก็วิ่งมาขอให้ถ่ายใหม่เสียก่อนเพราะเพิ่งเห็นว่ามีนุ่นนักแสดงสาวตัวประกอบเดินผ่านในฉากที่จีราวัจน์เพิ่งเล่นเสร็จ
จีราวัจน์มั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลัง และเธอก็คิดถูกเพราะแผนการทั้งหมดเป็นของพิมนางเอกจอมลวงโลก อดีตนักแสดงร่วมสังกัดเดียวกับเธอ นุ่นนักแสดงสาวตัวประกอบถูกจ้างให้ป่วนกองถ่ายเพื่อทำให้จีราวัจน์มางานอีเวนต์ใหญ่ที่จะเปิดตัวเธอต่อหน้าทีมงานชื่อดังทั่วเอเชียไม่ทันเวลา!
ooooooo
แผนการป่วนของพิมได้ผลไม่น้อย ทีมงานป่วนกันให้วุ่นเพราะต้องเตรียมถ่ายใหม่ นุ่นมองทุกอย่างรอบตัวด้วยความสะใจ ก่อนจะโทร.ไปรายงานพิมนางเอกจอมลวงโลกที่หวังขโมยฉากฟินาเล่ที่วางตัวจีราวัจน์ไว้เป็นของตน
ข่าวดีจากนุ่นทำให้พิมยิ้มร่า ลูกน้ำผู้จัดการส่วนตัวเห็นดังนั้นก็อดเย้าไม่ได้
“เลิฟยู จุ๊บๆแบบนี้ แสดงว่าแผนสำเร็จใช่ไหมคะ”
“พิมซะอย่างไม่มีคำว่าพลาด...นังจีมันมาไม่ทันงานแน่นอน มันจะต้องเสียทั้งชื่อและโอกาสที่จะได้จากคืนนี้”
“สะใจที่สุดค่ะ แฟชั่นโชว์คืนนี้ระดมทั้งโปรดิวเซอร์เพลงเกาหลี โปรดิวเซอร์หนังฮอลลีวู้ด แต่จีราวัจน์...นางเอกหน้าใหม่ที่ได้ขึ้นเวทีแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรระดับไฮเอนครั้งแรกมาไม่ทัน!”
“ไม่ใช่แค่นังจีคนเดียวที่จะจบ แต่อีพี่สุกี้ก็ต้องดับอนาถตายคาวงการแพ็กคู่ นี่แค่สั่งสอนเบาๆในฐานะคนเคยรัก เคยดูแลกันมา ถ้าพี่สุกี้ไม่เห็นเด็กใหม่ดีกว่าพิมก็ไม่ต้องเจ็บแบบนี้”
“คิดแล้วก็คัน อยากรู้จริงๆถ้าพี่สุกี้รู้เรื่องนี้จะดิ้นพล่านขนาดไหน...”
สุกี้ผู้จัดการดาราชื่อดังไม่ได้ดิ้นพล่านอย่างที่พิมกับลูกน้ำหวัง แต่แก้ปัญหาด้วยการรีบไปถ่วงเวลาที่งานแฟชั่นโชว์ บวกกับความร่วมมือจากชยันต์ที่ยอมยกเลิกกองไม่ต้องถ่ายใหม่เพราะรู้ถึงสาเหตุของความผิดพลาดและความจำเป็นของจีราวัจน์ที่ต้องปรากฏตัวในงานเพื่ออนาคตอันรุ่งโรจน์ของเธอ
จีราวัจน์รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าใหม่ให้พร้อมสำหรับงานแฟชั่นโชว์ แต่ก็ดันมีเรื่องกับช่างเสื้อผ้าและช่างแต่งหน้าเสียก่อนที่เม้าท์เธอลับหลังอย่างสนุกปากว่าเธอเป็นพวกมั่วผู้ชายไม่เลือก!
“พูดดังๆสิคะ จะพึมพำทำไม จีไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี แต่จีไม่เคยด่าใครลับหลัง”
สองทีมงานหน้าเสีย ตั้งท่าจะโต้แต่ก็ช้ากว่าจีราวัจน์
“ส่วนเรื่องผู้ชาย จีจะนอนกับใคร จะมีอะไรกับใครก็ไม่ได้ไปมีบนหัวใคร”
“แต่มีกับผัวคนอื่น” หนึ่งในสองพึมพำตอกกลับ
“แล้วเขาเป็นผัวพี่หรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่ใช่ก็เงียบไปเลย!”
จีราวัจน์สะบัดหน้าจะขึ้นรถ แต่ก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อถูกทีมงานวิ่งถือแก้วเหล้ามาชนโครมใหญ่ ดาราสาวไม่โกรธ ถอนใจแบบปลงๆด้วยซ้ำเพราะคิดว่าเป็นแผนลอบกัดของบรรดาคู่ปรับในวงการแต่กลับเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น
เวลาต่อมาอีกด้านของกรุงเทพฯ...สาธิตทนายความหนุ่มตงฉินกำลังไล่ล่าจับกลุ่มนักเลงที่บุกทำร้ายลูกความเขาถึงบ้าน แต่เพราะความเร่งรีบเลยไม่ทันระวังชนกับรถสปอร์ตคันหรูกลางสี่แยก!
ooooooo
จีราวัจน์นั่นเองที่เป็นเจ้าของรถสปอร์ตคันหรู ดาราสาวก็ไม่ทันระวัง รีบไปงานโชว์ตัวเลยหักหลบไม่ทัน เธอโทร.หาสุกี้เพื่อให้ฝ่ายนั้นส่งสเตฟานผู้ช่วยมาเคลียร์เรื่องประกัน ส่วนตัวเองจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปงาน
สาธิตโมโหมากที่คลาดกับกลุ่มนักเลง ตามไปเอาเรื่องคู่กรณีสาวถึงรถ “คุณนี่มีปัญหาเรื่องสายตาหรือเปล่าเนี่ย ไฟแดงก็ไม่เห็น คนก็ไม่เห็น อื้อหือ...เหล้าเต็มๆ เมาแล้วขับ เรียกตำรวจเลยดีไหมเนี่ย”
“ฉันไม่ได้เมา ฉันไม่ได้กินเหล้า”
“กลิ่นเหล้าหึ่งอย่างนี้ ยังบอกว่าไม่ได้กินอีกเหรอ”
“ถ้าคุณได้กลิ่นน้ำหอมแปลว่าฉันกินน้ำหอมด้วยรึเปล่าล่ะ”
ถ้อยคำยอกย้อนกวนประสาทของคู่กรณีสาวทำให้สาธิตต้องข่มอารมณ์อย่างมาก โต้อย่างใจเย็น
“ผมไม่รู้ว่าคุณกินเหล้าจริงรึเปล่า แต่ทางกฎหมาย... ถ้าคุณมีกลิ่นเหล้า ผมมีเหตุอันควรเชื่อว่าคุณเมา และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็เกิดจากความประมาทที่มีผลจากอาการมึนเมา”
“โอเคๆ...ฉันรีบ ไม่มีเวลามาเรียนวิชากฎหมายพื้นฐาน เอาเป็นว่าฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันออกตัวตามรถมอเตอร์ไซค์ ฉันไม่รู้ว่ามันยังเป็นไฟแดง และฉันก็ไม่เห็นรถคุณ!”
จีราวัจน์สวนแบบขอไปที สาธิตหัวเสียมาก ตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“อย่างนี้ถ้าคุณอยู่ข้างๆมือปืน แล้วมือปืนเอาปืนมายิง คุณเกิดบ้าจี้ยิงตามก็คือคุณไม่ผิด มือปืนผิดรึ”
“ฉันไม่ได้บอกว่าฉันไม่ผิด ไม่ได้ยินหรือไง เมื่อกี้ฉันพูดว่าขอโทษ ถ้าฉันไม่รู้สึกผิด ฉันจะขอโทษทำไม”
“ถ้าคุณรู้สึกผิด คุณจะไม่มาโวยวายและตะคอกใส่หน้าผมแบบนี้ ผมกำลังตามนักเลงที่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แต่ต้องมาปล่อยให้มันหนีไปได้เพราะความประมาทของผู้หญิงที่เมาแล้วโวยวายอย่างไม่มีมารยาท!”
จีราวัจน์กำลังรีบ ไม่มีเวลาต่อปากต่อคำและอยากจบปัญหาเลยควักเงินสดปึกใหญ่ให้
“คนอย่างจีราวัจน์ไม่เคยหนี แต่ฉันไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำ เดี๋ยวจะมีคนของฉันมาพร้อมกับประกัน ส่วนนี่ก็ค่าเสียหายเบื้องต้น...ถ้าไม่พอก็บอกคนของฉันมาแล้วกัน ฉันต้องรีบไป”
สาธิตโกรธมาก ตั้งท่าจะด่าแต่คู่กรณีสาวก็ยัดนิตยสารเล่มหนึ่งใส่มือเสียก่อน พร้อมประกาศกร้าว
“ฉันรู้ว่าคุณคงไม่รู้จักฉัน คุณดูหนังสือแล้วจะรู้ว่าหาตัวฉันไม่ยาก!”
ภาพหญิงสาวตรงหน้าแต่แต่งหน้าจัดจ้านกว่ามากบนปกนิตยสาร พร้อมชื่อของเธอว่าจีราวัจน์ทำให้สาธิตถึงกับอึ้ง แต่ไม่ทันพูดอะไร นางแบบหน้าปกคู่กรณีของเขาก็กระโดดขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ไปแล้ว พร้อมการปรากฏตัวของชายหนุ่มแปลกหน้าที่มาเคลียร์ประกันให้เขาแทน
สเตฟานผู้ช่วยของสุกี้นั่นเองที่มาเคลียร์ประกันให้จีราวัจน์ โดยไม่รู้เลยว่าที่งานโชว์ตัวเกิดเรื่องวุ่นวายเพราะปีก้าโปรดิวเซอร์จัดงานทนรอจีราวัจน์ต่อไม่ไหว ตัดสินใจเปลี่ยนตัวให้พิมโชว์ชุดฟินาเล่แทน
พิมสาแก่ใจมาก ยืนให้ช่างแต่งหน้าทำผม แต่งองค์ทรงเครื่องชุดใหญ่ พลางหันไปเม้าท์กับลูกน้ำ
“พี่สุกี้จะได้สำนึกว่าการเป็นดาวไม่ใช่จะดันใครขึ้นมาก็ได้ มันต้องบอร์นทูบีซุปเปอร์สตาร์เท่านั้น”
ลูกน้ำผู้จัดการสายประจบยิ้มรับ เป็นลูกคู่เต็มที่ “ใช่ค่ะ...นังจีราวัจน์หน้าเหวี่ยง นางเอกหน้าใหม่ ดังชั่วข้ามคืนจะมาเด่นเกินหน้าซุปตาร์ระดับเจ้าหญิงของวงการอย่างน้องพิมได้ยังไง...ไม่มีทาง!”
“พิมจะไม่ยอมให้ใครโผล่มาเทียบ คนที่จะเด่นและคว้าโอกาสโกอินเตอร์ในคืนนี้ต้องเป็นพิมคนเดียว”
ooooooo
สิทธาหนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และพ่อเลี้ยงของจริยามาถึงงานแฟชั่นโชว์ ท่ามกลางเสียงซุบซิบหนาหูจากแขกเหรื่อเพราะรู้ถึงกิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของเขาดี แต่พิมนางเอกจอมลวงโลกไม่รู้ ชม้ายชายตาให้เขาระหว่างโชว์ชุดฟินาเล่ แต่เพียงไม่นานก็ต้องผงะเมื่อจู่ๆไฟในงานก็ดับพรึ่บ!
ไม่กี่อึดใจต่อมา สปอตไลต์ก็ฉายที่มุมหนึ่งของเวที พร้อมการปรากฏตัวของจีราวัจน์ที่โชว์ชุดฟินาเล่ อย่างสง่างาม ลูกน้ำที่ยืนอยู่ข้างเวทีถึงกับอ้าปากค้าง สุกี้ที่รออยู่แล้วรีบตามไปเย้ย
“พวกแกคิดว่าจะชนะฉันได้เหรอ ถ้าฉันไม่เก่งจริงจะอยู่จนกลายเป็นปูชนียบุคคลประจำวงการไม่ได้หรอกย่ะ!”
สุกี้พูดพลางคิดถึงบทสนทนาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนที่เขาเจรจากับปีก้าจะให้ดาราหนุ่มๆในสังกัดมาช่วยงาน และเมื่อผลประโยชน์ลงตัว ข้อตกลงก็เปลี่ยนกันอีกรอบ จีราวัจน์เลยได้โชว์ชุดฟินาเล่ตามเดิม
ลูกน้ำเจ็บใจแทนพิมมาก ตั้งท่าจะเอาเรื่องสุกี้เต็มที่แต่กลับถูกตอกหน้าหงาย
“เป็นยังไง...ทำงานเป็นผู้ช่วยของฉันดีๆไม่ชอบ ลาออกไปเป็นขี้ข้า!”
“หนูไม่ใช่ขี้ข้า หนูคือผู้จัดการส่วนตัว เป็นผู้ช่วยพี่ เช้ายันค่ำได้เงินเดือนหมื่นห้า แต่อยู่กับคุณพิมได้สองหมื่น”
สุกี้ส่งสายตาเย้ยหยัน สวนเสียงเรียบ “สมองเท่านี้ไงถึงได้แยกแยะไม่ออก ระหว่างผู้จัดการส่วนตัวกับขี้ข้าดารา...ถ้าเห็นนังนางเอกสองหน้าดีกว่าฉันก็เชิญ อย่าซมซานกลับมาให้ฉันสมน้ำหน้าซ้ำก็แล้วกัน!”
พิมก็แค้นใจแทบกระอักไม่ต่างจากผู้จัดการสาว ส่งสายตาอาฆาตไปทางจีราวัจน์ดาราสาวรุ่นน้องที่เป็นคู่ปรับและคู่แข่งกันมาตลอด แต่มีหรือจีราวัจน์จะกลัว เมื่อได้อยู่ตามลำพังด้วยกันหลังโชว์จบ ก็โพล่งออกไปยิ้มๆ
“จีมาช้าเพราะมีหมาลอบกัดไปแกล้งจีที่กองถ่าย ตอนนี้หมาขี้ขลาดมันเยอะ ไม่กล้าสู้จะจะดีแต่ใช้วิธีสกปรก”
“อย่าคิดว่าเป็นคนโปรดของพี่สุกี้แล้วฉันจะทำอะไรไม่ได้ ที่เธอดังก็เพราะขยันสร้างกระแส คั่วผู้ชายไม่ซ้ำหน้า เข้าวงการไม่ถึงปีล่าแต้มเก็บผู้ชายทำทีมฟุตบอลได้แล้วมั้ง”
“เกินค่ะ...เกินทั้งจำนวนผู้ชาย และขอโทษ...ที่จีอาจจะดังเกินหน้าพี่โดยไม่ตั้งใจ”
“อย่างเธอเนี่ยนะ...จะดังเกินหน้าฉัน”
“ก็ไม่รู้สินะ...ถ้าไม่เกิน คงไม่ออกมาดิ้นขนาดนี้”
พิมเดือดมากจะตบให้หายแค้น แต่จีราวัจน์ก็เบี่ยงตัวหลบ แถมขัดขาอีกฝ่ายจนล้มก้นกระแทกพื้น
“อย่ามาหาเรื่อง จีเข้าวงการก็เพื่อจะทำงาน ไม่ได้มาแข่งบ้าแข่งบอกับใคร ถ้าไม่ชอบหน้าก็ต่างคนต่างอยู่”
“เชอะ! ทำเป็นพูด...เข้าวงการมาทำงาน ใครๆเขาก็รู้ว่าเธอเข้าวงการก็เพื่อใช้เป็นบันไดปีนไปหาผู้ชายรวยๆ ก็อย่างว่านะ...มันคงเป็นยีนเด่นที่ถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม...แม่เธอก็ชำนาญทางด้านนี้ไม่ใช่เหรอ”
ถ้อยคำค่อนแคะถึงจริยาแม่แท้ๆของจีราวัจน์ทำให้ดาราสาวตาลุกโพลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเย็น แกล้งโอดเสียงดังให้ทีมงานด้านนอกได้ยินและเข้าใจว่าเธอถูกพิมทำร้าย พิมถึงกับสติแตกเพราะเกมพลิก กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งจะเอาคืน แต่ก็สู้แรงจีราวัจน์ไม่ได้ ถูกผลักหลังชนกำแพงอย่างจัง
“จำไว้! คนอย่างจีราวัจน์...ไม่เคยทำใครก่อน แต่ข้ามเส้นก็จัดไม่ปล่อย!”
ooooooo
บรรยากาศในงานแฟชั่นโชว์ร้อนระอุเพราะการฟาดฟันระหว่างสองสาว...จีราวัจน์และพิม ไม่ต่างจากบรรยากาศในห้องประชุมของบริษัทโปรดักชั่นของพัฒนะ ที่วันนี้ปียากุลหรือเปี๊ยกลูกสาวคนสวยตรวจงานด้วยตัวเอง
“เปี๊ยกได้ข่าวว่าตอนนี้นางเอกมีภาพหลุด นอนกอดกับผู้ชายในโรงแรม”
“แต่น้องเขาออกมาแก้ข่าวแล้วนะครับว่าไม่ใช่เขา แต่เป็นคนหน้าคล้าย คนดูคงเข้าใจ” ผู้กำกับโต้
“งั้นเรื่องต่อไป...เปี๊ยกไม่ให้คุณกำกับ แต่ให้ผู้กำกับที่คล้ายคุณกำกับแทน คนดูก็คงเข้าใจเหมือนกันใช่ไหมคะ”
ผู้กำกับหน้าเสีย กลัวตกงาน ละล่ำละลักกลับลำแทบไม่ทัน “จริงๆที่น้องเขาแก้ข่าว ผมเองก็ไม่เชื่อนะครับ ใครจะหน้าคล้ายได้ขนาดนี้ ตัวจริงกับตัวปลอมมันแยกกันออก คนดูไม่โง่ ทำตัวเหลวไหลต้องลงโทษบ้างนะครับ”
“ถ้าผู้กำกับเห็นด้วย งั้นเปี๊ยกถอดนางเอกคนนี้แล้วหานางเอกมาถ่ายใหม่...ดีไหมคะ”
เมื่อไม่มีเสียงคัดค้าน ปียากุลก็นวยนาดออกจากห้องประชุม ทีมงานได้แต่มองตามด้วยความผวาในฤทธิ์เดช เพราะรู้กันดีว่าคลิปหลุดของนางเอกที่ว่าก็เป็นฝีมือของเจ้านายสาวนั่นเอง
“อ้าว ตกลงคุณเปี๊ยกกับพี่ชยันต์ยังไม่เลิกกัน...เห็นมีข่าวเตียงหัก”
หนึ่งในทีมงานกลอกตาขึ้นลง ก่อนจะเม้าท์อย่างสนุกปาก “เลิกบ้าอะไร คุณเปี๊ยกเขารักพี่ชยันต์จะตาย ขนาดนางเอกของเราแค่อ่อยยังไม่ได้มีอะไรกันนางยังสั่งถอด ถ้าใครคิดจะมาแย่ง...ฉันว่าตายคาจอ”
ผู้กำกับที่เกือบตกงานได้แต่ถอนใจปลงๆ “เอ้อ... ดีเว้ย เป็นลูกสาวผู้จัด ดาราคนไหนมายุ่งกับผัวก็โดนถอดออกจากละครง่ายๆแบบนี้เลย เฮ้อ...ฉันว่าคนนี้ไม่ใช่คนสุดท้าย คอยดูแล้วกันใครจะเป็นคนซวยรายต่อไป!”
คนต่อไปที่เข้าข่ายอาจจะเป็นจีราวัจน์ เพราะพิมฉวยโอกาสเอาคืนดาราสาวคู่ปรับด้วยการส่งรูปช่อดอกไม้ของชยันต์ที่ส่งมาให้จีราวัจน์เพื่อแสดงความยินดีไปให้ปียากุลเพราะรู้ดีว่าลมเพชรหึงของฝ่ายนั้นแรงแค่ไหน...
คืนเดียวกันที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง...ติวดีครูสาวคนสวยแฟนและว่าที่เจ้าสาวของสาธิตนั่งรอแฟนหนุ่มด้วยใจจดจ่อ เริ่มจะหงุดหงิดเพราะเขาผิดเวลาไปพักใหญ่ แต่เพียงไม่นานก็ยิ้มได้เมื่อเขาส่งสมุดนักเรียนที่มีข้อความขอโทษมาง้อ คุณครูเคยสอนผมว่าถ้าคนทำผิดยอมรับผิดและขอโทษ...เราควรให้อภัย”
“แต่มีทนายคนหนึ่งเคยบอกว่า...คนทำผิดต้องได้รับโทษ...ก่อนได้รับการอภัย”
สาธิตหน้าหงอ ถอนใจเซ็งๆเมื่อคิดถึงเรื่องวุ่นวายก่อนหน้า “น่าตบปากไอ้ทนายคนนั้นจริงๆ นี่...ที่ผมมาช้าไม่ใช่เพราะไม่ใส่ใจนะ แต่มีอุบัติเหตุเมื่อกลางวัน ชีวิตผมเลยรวนไปทั้งวันแบบนี้...”
ติวดีหน้าเสียเมื่อได้ยินคำว่าอุบัติเหตุ สาธิตเลยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ก่อนจะตบท้ายด้วยความแค้นใจที่เอาเรื่องจีราวัจน์ดาราและคู่กรณีสาวไม่ได้ ติวดีรู้จักนิสัยอารมณ์ร้อนของแฟนหนุ่มดี ปลอบให้ใจเย็นเพราะเชื่อว่าคนดังอย่างจีราวัจน์คงไม่โกงค่าปรับและคงไม่ปัดความรับผิดชอบให้เป็นข่าวฉาวแน่
ooooooo
สาธิตไปส่งติวดีแฟนสาวที่บ้านไม่ได้ เพราะติดธุระด่วนที่สำนักงาน เลยต้องทิ้งให้เธอกลับแท็กซี่คนเดียว เช่นเดียวกับจริยาแม่แท้ๆของจีราวัจน์ที่ถูกสิทธาลอยแพ เบี้ยวนัดดื้อๆ ปล่อยให้เธอทำงานการกุศลตามลำพัง
จริยาทำงานออกหน้าในฐานะภรรยาของสิทธาจนได้เป็นคุณหญิงสมใจ แต่ก็ต้องหน้าชื่นอกตรมเพราะรู้ถึงธาตุแท้ของสามีว่าเจ้าชู้และเลวทรามแค่ไหน และคืนนี้...ระหว่างที่เธอทำหน้าที่แทน สิทธาก็ปรี่มาดักหน้าจีราวัจน์หลังงานแฟชั่นโชว์เพราะแทบละสายตาจากเธอไม่ได้ตลอดงาน
จีราวัจน์รีบสะบัดตัวออกอย่างรังเกียจ “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
“อะไรกัน...เจอหน้ากันทั้งที พูดทักทายให้มันดีๆหน่อยไม่ได้รึไง ฉันอุตส่าห์นั่งรอเธอทั้งคืน”
“จะมานั่งรอฉันทำไม จะไปไหนก็ไป!”
พูดจบก็เดินหนี แต่ก็ถูกสิทธาดึงตัวมากอด
“ไม่ต้องเล่นตัวหรอกน่า เห็นมีข่าวมั่วผู้ชายแทบทุกวัน วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศไปกับฉัน...เธออาจติดใจก็ได้นะ”
สิทธายื่นหน้าจะจูบลูกเลี้ยงให้ชื่นใจ แต่ก็ต้องจุกที่ท้องเมื่อถูกเธอถองศอกใส่ บรรดาลูกน้องหน้าเหี้ยมตั้งท่าจะช่วยเจ้านาย แต่ดาราสาวก็รีบควักเครื่องช็อตไฟฟ้ามาขู่
“อย่าเข้ามานะ! ฉันจับช็อตให้หมดเลย”
สิทธาเจ็บไม่หาย แต่ยังพยายามเกลี้ยกล่อม “ไม่เอาน่าจีราวัจน์...อาชีพเธอก็ใช่ว่าจะมีเกียรติ เต้นกินรำกิน โชว์เนื้อหนังมังสาให้ผู้ชายทั้งโลกเห็นอยู่แล้ว จะมาโชว์ให้ฉันเห็นแบบส่วนตัว...มันจะต่างกันตรงไหน”
“ต่างตรงที่ฉันไม่เลวพอที่จะแก้ผ้าโชว์ผัวแม่! ไปนะ...ไปให้พ้นหน้าฉันก่อนที่ฉันจะเรียกนักข่าวในงานออกมาแล้วแฉ...เจ้าพ่อธุรกิจอสังหาที่ใครๆเทิดทูนว่าเป็นพ่อพระช่วยเหลือสังคม แท้จริงมันคิดเลวๆจะเอาลูกเลี้ยงทำเมีย!”
“โอเค...เธอเลือกให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะ”
จีราวัจน์เริ่มใจไม่ดี แล้วก็ต้องชะงักเมื่อถูกเหล่าลูกน้องของสิทธาล็อกตัวจากข้างหลัง พร้อมฉีดยาบางอย่างที่แขนของเธอ แต่เพราะสัญชาตญาณเอาตัวรอดแท้ๆทำให้เธอฮึดสู้ รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายจี้เครื่องช็อตไฟฟ้าที่คอของคนเหล่านั้นแล้ววิ่งหนีขึ้นรถแบบไม่คิดชีวิต!
ฤทธิ์ของยาทำให้จีราวัจน์เริ่มง่วงงุน แต่ดาราสาวก็แข็งใจโทร.หาสุกี้ให้รีบขับรถตามมาช่วย สิทธาเจ็บใจมากรีบส่งคนตาม จีราวัจน์เลยขับรถหนี หวังไปให้ไกลที่สุดแต่เพราะสติเหลือน้อยเต็มทีเลยพุ่งเข้าชนบางอย่าง!
ติวดีนั่นเองที่รถของดาราสาวพุ่งชน ครูสาวยืนรอแท็กซี่นานนับชั่วโมงแต่ก็ไม่มีคันไหนจอดรับ สาธิตที่โทร.มาเพราะความเป็นห่วงถึงกับบ่นไม่หยุด แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องของแฟนสาวและเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังลอดเข้ามาก่อนที่สายจะถูกตัด!
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า...คุณอย่าเป็นอะไรนะ... คุณ!”
ooooooo
ติวดีนอนจมกองเลือด โดยมีจีราวัจน์นั่งข้างๆ พร้อมกับพยายามโทร.หาคนช่วย สุกี้กับสเตฟานมาถึงไม่กี่อึดใจต่อมา และรีบนำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาลทันที
สุกี้พาจีราวัจน์ออกไปจากที่เกิดเหตุ คลาดกับสาธิตแค่ไม่กี่นาที ทนายหนุ่มกวาดตามองรอบๆด้วยสีหน้าตระหนกสุดขีด แล้วก็ได้เจอพิเชษเพื่อนตำรวจที่รับหน้าที่ดูแลคดี
พิเชษบอกว่า ติวดีถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว สาธิตจึงรุดตามไป พร้อมๆกับนวดีแม่ของติวดีที่ร่ำไห้ด้วยความเสียใจอย่างหนัก กลัวลูกสาวคนเดียวจะมีอัน เป็นไปแบบกะทันหัน หมอประจำห้องฉุกเฉินออกมาแจ้งข่าวว่าติวดีต้องผ่าตัดด่วนเพราะมีอาการเลือดคลั่งในสมอง นวดีถึงกับเป็นลม สาธิตต้องช่วยประคองและพาไปนอนพัก
หลังการผ่าตัด ติวดียังอาการไม่พ้นขีดอันตราย ต้องนอนพักในห้องไอซียู สาธิตเลยฉวยเวลานี้ออกไปโรงพักเพื่อเคลียร์กับคู่กรณีที่ชนแฟนสาวจนปางตาย พิเชษเห็นสีหน้าเพื่อนก็พยายามยับยั้ง อยากให้ตั้งสติเลยถูกแหวกลับ
“ลองแฟนแกหรือญาติแกโดนรถชนนอนไม่รู้จะเป็นหรือตายอย่างติว แกจะเย็นไหวไหม ถอยไป! ฉันเป็นทนายฝ่ายติว ฉันจะคุยกับคนขับ”
“ถ้าแกเข้าไปคุยด้วยอารมณ์อย่างนี้ ฉันว่ามันมีแต่เสียกับเสียว่ะ...ใจเย็นๆลงก่อน อย่างน้อยคนขับก็ไม่ได้หนีไปไหน นายนั่นพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง”
“นายนั่น...นายนั่นไหนวะ”
“ก็ผู้ชายที่เป็นคนขับรถชนติวไง”
“คนที่ขับรถชนติวไม่ใช่ผู้ชาย...แต่เป็นผู้หญิง!”
สาธิตถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นหน้าคนที่ขับรถชนแฟนสาว สเตฟานนั่นเองที่ยอมรับผิดแทนจีราวัจน์ และทนายหนุ่มก็จำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือคนที่มาเคลียร์เรื่องประกันรถกับเขาแทนดาราสาว
เสียงผู้หญิงที่ลอดเข้ามาก่อนที่สายมือถือจะถูกตัดทำให้เขาสังหรณ์ใจว่าคนที่ชนจะไม่ใช่สเตฟานแต่เป็นจีราวัจน์ สาธิตไม่รอช้า กระชากคอเสื้อสเตฟานบีบให้สารภาพความจริง จนพิเชษต้องถลามาห้าม
“ใจเย็นๆไอ้ธิต! ผู้หญิงที่ไหนของแกวะ”
“ก่อนติวโดนรถชน ฉันคุยโทรศัพท์กับติวตลอดจนกระทั่งเกิดเรื่อง แล้วฉันก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังจากมือถือติวว่าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ...ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน!”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดและท่าทางเอะอะของสาธิตเรียกความสนใจให้แก่ผู้คนในสถานีตำรวจ โดยเฉพาะนักข่าวสายอาชญากรรมที่มารอทำข่าวตามหน้าที่ และไม่รอช้าจะโทร.แจ้งนักข่าวสายบันเทิงที่สำนักพิมพ์...
ooooooo
อุบัติเหตุของติวดีที่มีชื่อของดาราสาวคนดังอย่างจิราวัจน์เข้ามาเกี่ยวข้องกลายเป็นข่าวใหญ่ในเวลาไม่นาน แต่พัฒนะเจ้าของบริษัทโปรดักชั่นพ่อของปียากุลและชยันต์ผู้กำกับหนุ่มเนื้อหอมยังไม่รู้ พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเรื่องวางแผนเพิ่มบทให้ละครของจีราวัจน์ที่ได้รับเสียงตอบรับดีมากจากทางสถานี
ปียากุลมาถึงบริษัททันได้ยินเสียงหัวเราะของพ่อกับสามี มือกำไอแพดแน่น ก่อนจะปรี่ไปยื่นให้ทั้งสองดู
“เปี๊ยกว่าเอาเวลาที่จะขยายบทไปตัดให้ละครจบเร็วขึ้นดีกว่า ช่องอาจจะไม่แฮปปี้แล้วก็ได้เพราะตอนนี้นางเอกของคุณพ่อกลายเป็นนางเอกตีนผีไปแล้วค่ะ”
พัฒนะรีบคว้าไอแพดของลูกสาวมาอ่าน ปียากุลเลยหันไปเล่นงานสามีที่ถึงกับพูดไม่ออก
“นี่ขนาดฉันยังไม่ได้ลงมือจัดการในฐานะที่มันคิดจะแย่งสามี มันยังโดนหนักขนาดนี้...กรรมยุคดิจิตอลจริงๆรวดเร็ว ครอบคลุมทุกพื้นที่ เห็นผลชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้า!”
ชยันต์กัดฟันแน่น ไม่ชอบใจเลยที่ถูกภรรยาข่มต่อหน้าคนอื่น แต่เรื่องของจีราวัจน์นั้นน่าเป็นห่วงกว่า เขารีบโทร.หาสุกี้และยืนยันกับพัฒนะว่าดาราสาวไม่ได้ทำผิด และคนอย่างเธอก็กล้าทำและกล้ารับเสมอ
ปียากุลหมั่นไส้มาก อดแขวะไม่ได้ “รู้จักกันดีเหลือเกินนะ ถ่ายละครด้วยกันแค่ไม่กี่เดือน เอาเวลาที่ไหนไปทำความรู้จักกันหะ หรือนอกเวลาแอบไปเวิร์กช็อปกันสองต่อสองเหมือนที่คนในกองมันเม้าท์กัน”
“ผมกับจีรู้จักกันมาตั้งแต่เรียน...คุณก็รู้ บอกไปตั้งไม่รู้กี่ครั้ง และผมก็ไม่เคยทำบ้าอะไรอย่างที่พวกปากมากพูดกัน...คุณก็พิจารณาเอาเองว่าจะเลือกเชื่อคนอื่นหรือผม”
“เปี๊ยกเชื่อสิ่งที่เห็น อย่าให้เห็นกับตาก็แล้วกัน... บรรลัยแน่!”
พัฒนะเห็นท่าไม่ดี กลัวลมเพชรหึงของลูกสาวจะทำให้เรื่องลุกลามเลยตัดสินใจห้ามทัพและตัดบท
“บอกคนเขียนบทขั้นเทพให้เพิ่มบทสักสิบตอนแล้วกัน แล้วก็เร่งวางคิวถ่ายละครต่อไป กระแสละครกำลังไปได้สวย นานๆช่องจะขอเพิ่มตอน อย่าเอาเรื่องไร้สาระจากกรอบข่าวบันเทิงมาทำลายงานนะเปี๊ยก”
พูดจบก็จะลุกไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อปียากุลแผดเสียงไล่หลัง
“เรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่ข่าวบันเทิงขยะที่มาแล้วไป แต่มันเป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของเรา เพราะคนที่นางเอกของคุณพ่อขับรถชนคือติวแฟนของ พี่ธิต!”
ความจริงจากปากปียากุลทำให้พัฒนะอึ้งไป แต่ก็ไม่เปลี่ยนใจเรื่องจีราวัจน์เพราะเชื่อว่าเธอไม่ผิด ปียากุลหัวเสียมากจนต้องไปพาลเอากับสามีสุดรักสุดหวง ชยันต์อยากจะเป็นบ้าตายแต่ก็ต้องพยายามใจเย็น
“นี่ผมบอกเป็นรอบที่ล้านแล้วนะ ผมกับจีเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ทุกอย่างที่ผมทำในฐานะเพื่อน”
“เปี๊ยกไม่เชื่อ! การ์ดที่คุณเขียนถึงมันหวานยิ่งกว่าเขียนหาเมีย เพื่อนยังไง...เพื่อนกินเพื่อนใช่หรือเปล่าหะ!”
“เป็นเอามาก...เมื่อก่อนคุณไม่ได้เป็นอย่างนี้นะเปี๊ยก”
“ใช่...เพราะเมื่อก่อนเปี๊ยกเป็นแม่บ้านอยู่กับบ้าน ปล่อยให้คุณออกมาทำงานข้างนอกกับพ่อ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นรูปคุณไปกับนางเอกบนหน้าหนังสือพิมพ์... ไปเจอเพื่อนก็โดนนินทาว่าเป็นผู้จัดเอื้ออาทร หาละคร ให้ผัวทำแถมยังหาเมียน้อยให้ผัวกิน...พอกันที! เปี๊ยกจะไม่ยอมให้ใครมาว่าเปี๊ยกโง่อีก”
“ผมไม่อยากพูดแล้ว ผมมีเรื่องงานต้องไปจัดการให้พ่อคุณ”
“จัดการช่วยนางเอกคุณให้พ้นคุกน่ะเหรอยากหน่อยนะ คุณก็รู้จักพี่ธิต เขาเป็นคนบ้าความถูกต้องขนาดไหน ยิ่งเรื่องเกิดกับผู้หญิงที่เขากำลังจะแต่งงานด้วย ...เตรียมจัดเวลาไปเยี่ยมดาราของคุณในคุกได้เลย!”
ooooooo
ฤทธิ์ของยาทำให้จีราวัจน์นอนสลบไสลไปหลายชั่วโมง หญิงสาวสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายที่เหมือนจริงมากว่าเธอเป็นคนขับรถชนผู้หญิงคนหนึ่งจนบาดเจ็บสาหัส!
ดารากาหรือดาวเพื่อนสาวคนสนิทเพียงคนเดียวของจีราวัจน์แวะมาเยี่ยม พร้อมๆกับสุกี้ที่หอบหิ้วขนมและของกินมากมายมาให้ดาราสาวในสังกัด หวังให้คลายความเศร้าและทุกข์ใจจากเรื่องเมื่อคืน
แต่ทั้งสองก็ไม่ต้องกังวลมากอย่างที่กลัว เพราะจีราวัจน์จำอะไรไม่ได้เลย แค่คิดว่าตัวเองฝันร้ายเท่านั้น
“มันเหมือนจริง...จนเราคิดว่ามันเหมือนไม่ใช่ความฝัน นี่คงเพราะจีกำลังจะถ่ายฉากแอ็กชั่นบนถนนแน่ๆถึงได้เก็บไปฝัน ในฝันน่ากลัวมากเลยนะ นี่ขนาดจีไม่เคยขับรถชนคนจริงๆนะดาว”
ดารากามองหน้าสุกี้เครียดๆ “นี่จีจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เหรอ”
“เรื่องเมื่อคืน...พอเดินแบบเสร็จ จีก็อยู่ฉลอง แล้วหลังจากนั้น...จีจำไม่ได้ เมื่อคืนจีทำอะไรไว้เหรอ”
คำถามของจีราวัจน์ทำให้สุกี้ร้อนๆหนาวๆรีบ หาเรื่องให้เธอไปนอน ดารากาจับได้ถึงความผิดปกติคาดคั้นจากผู้จัดการคนดังจนได้รู้ว่าจีราวัจน์ถูกวางยากล่อมประสาท
“พี่ไม่รู้ว่าใครทำ พี่อยากแจ้งความแต่พี่ทำตอนนี้ไม่ได้ แค่เรื่องเมื่อคืน...ขนาดพี่ว่าไปถึงตัวน้องจีเร็วแล้ว ตำรวจยังมาทัน ดีนะที่พี่สั่งให้สเตฟานไปขับรถน้องจี กะว่าให้รีบขับออกไปก่อน พอตำรวจเห็นสเตฟานในรถ... บุญนักหนาที่สเตฟานยอมฟังคำสั่งพี่รับ
เป็นคนขับแทนจี พี่ถึงขับรถพาจีออกมาได้ ไม่อย่างนั้น...พี่ไม่อยากจะคิด”
ดารากาก็คิดไม่ต่างกัน ขนลุกซู่เมื่อคิดว่าฤทธิ์ร้ายแรงของยาจะทำให้เพื่อนรักเสียหายแค่ไหน สุกี้ถึงกับถอนใจยาว นึกขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ดาราสาวในสังกัดรอดมาได้จนถึงตอนนี้
“ถ้าคิดแบบเลวๆ...อย่างน้อยยานั่นก็ทำให้จีจำเรื่องรถชนไม่ได้ พี่จะได้รีบเคลียร์ทุกอย่างก่อนที่น้องจีจำได้แล้วอาละวาดไม่ยอมให้สเตฟานรับผิดแทน ยังไงพี่รบกวนน้องดาวหยุดงานวันสองวันดูแลน้องจีก่อนนะ”
“ถึงพี่สุกี้ไม่บอก ดาวก็ไม่ทิ้งจีอยู่แล้วค่ะ พี่สุกี้คิดว่าจะมีคนอื่นรู้เรื่องนี้ไหมคะ”
“น้องดาวไม่ต้องห่วง...พี่สุกี้ซะอย่าง ปิดปากทุกคนได้”
เงินของสุกี้ปิดปากใครต่อใครได้ก็จริง แต่ก็ไม่พ้นถูกพิมกับลูกน้ำตามขุดคุ้ยจนได้
“ซุกตัวแบบนี้...แสดงว่าข่าวนังจีเป็นคนขับรถชนแต่โยนความผิดให้คนขับรถก็เป็นเรื่องจริง”
ลูกน้ำพยักพเยิดตามประสาคนช่างประจบ “แต่เห็นพวกนักข่าวเม้าท์ว่าพี่สุกี้ล็อบบี้บอกทุกสำนักพิมพ์ ขอให้หยุดลงข่าวจีเพราะมันไม่เป็นความจริง ไม่อย่างนั้นจะส่งทนายฟ้อง”
“หึ...คิดว่าจะกางปีกปกป้องนังจีได้เหรอ มีนักข่าวมางานนี้ไหม”
“มีค่ะ...นักข่าวดักรอ ถ้าคุณพิมไม่อยากให้สัมภาษณ์ เดี๋ยวเราหลบนักข่าวออกทางด้านหลังได้นะคะ”
“ไม่ค่ะ...วันนี้พิมอยากให้สัมภาษณ์...รู้สึกรักนักข่าวขึ้นมากะทันหัน”
ooooooo
ระหว่างที่จีราวัจน์ถูกกันไม่ให้รับรู้ข่าวอุบัติเหตุ สุกี้ก็จัดงานแถลงข่าวเพื่อตอบโต้การให้สัมภาษณ์ของพิมที่พูดจาคลุมเครือเหมือนจะบอกว่าจีราวัจน์เป็นคนขับรถชน ปียากุลติดตามข่าวด้วยแววตาสาแก่ใจ อยากให้ทุกอย่างเป็นตามหวังเหลือเกิน จีราวัจน์จะได้หมดอนาคตในวงการและเลิกยุ่งกับสามีเธอ!
แต่ความพยายามของทั้งสุกี้และดารากาก็ต้องสูญเปล่า เมื่อจีราวัจน์รู้จนได้ว่าตนเองมีส่วนพัวพันกับคดีขับรถชนตายเมื่อวันก่อน ความทรงจำจากอดีตคืนสู่ห้วงคำนึงอีกครั้ง ดาราสาวถึงกับทรุดตัวกับพื้นเมื่อสำเหนียกได้ว่าตนเองถูกวางยาและสลึมสะลือขาดสติจนขับรถชนคน
และก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะติวดีที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดมีอาการโคม่า เสียชีวิตในเวลาต่อมา สาธิตกับนวดีเสียใจมาก โดยเฉพาะฝ่ายแรก หัวใจแทบสลายที่ต้องเสียแฟนสาวไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
สาธิตเข้าไปลาร่างไร้ลมหายใจของติวดีในเวลาต่อมา พร้อมกับเสียงนาฬิกาที่ข้อมือดังขึ้น
“ได้เวลาที่ติวสั่งให้ธิตกินยาแล้วล่ะ...แต่ไม่กินยาหรอก ได้ยินไหมติว...ธิตไม่กินยา ธิตจะไม่กินผัก ธิตจะไม่นอนพัก ธิตจะทำงานหามรุ่งหามค่ำ ธิตจะขับรถเร็ว ธิตจะมองผู้หญิงคนอื่น ธิตจะทำทุกอย่างที่ติวไม่ชอบ!”
แต่ถึงร่ำรำพันแค่ไหน ติวดีก็ไม่ฟื้น สาธิตใจแทบขาด บรรจงจูบลาเธอเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับหมายมั่นปั้นมือในใจจะจับตัวคนผิดตัวจริงมาลงโทษให้ได้!
จีราวัจน์ยังไม่รู้เรื่องติวดีจากโลกนี้ไปแล้ว มัวช็อกกับความจริงที่ว่าตนเป็นคนขับรถชน ไม่ใช่สเตฟาน ดารากาพยายามยับยั้งไม่ให้เพื่อนรักไปมอบตัว แต่ดาราสาวก็ไม่ยอม ดึงดันจะไปให้ได้ ร้อนถึงจริยาที่วิ่งเต้นมาตั้งแต่เกิดเรื่องไม่ให้สำนักข่าวตีข่าวลูกสาวต้องโผล่มาปราม
“ปล่อยมันไปเถอะดาว ดี! ไปยอมรับความจริงเลย สุกี้กับสเตฟานจะได้ถูกจับข้อหาให้การเท็จ! เข้าไปอยู่ในคุกกันทั้งสามคนนั่นแหละ นอกจากชีวิตมันจะพังแล้ว ชีวิตคนอื่นจะได้พังไปด้วย นี่ยังไม่รวมธุรกิจของคนอื่นที่ต้องเสียหาย ละครยังถ่ายไม่จบ แถมยังถ่ายไปออกอากาศไป สนุกกันล่ะ...นางเอกเล่นไม่ได้ถูกจับติดคุก บริษัทที่จ้างแกก็เจ๊งกันไป มันช่างคุ้มกับความกล้าโง่ๆของแกจริงๆ”
คำพูดแดกดันของแม่ทำให้จีราวัจน์ชะงัก เห็นจริงทุกอย่างแต่ก็ไม่อาจทนอยู่เฉยได้เช่นกัน จริยาก็พอเดาความคิดลูกสาวได้ รีบดักคอเสียงแข็ง “แกถนัดแต่สร้างปัญหา ไม่เคยแก้ได้สักอย่าง ถ้าไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายมากไปกว่านี้ก็อยู่เฉยๆ เล่นไปตามเกม อยู่นิ่งๆสวยๆเป็นนางเอกของแกไป”
นอกจากจะแดกดันไม่หยุด จริยายังค่อนแคะเรื่องงานด้วย ซึ่งจีราวัจน์ทนไม่ได้ต้องสวน
“งั้นหนูต้องเดินตามรอยแม่สินะ สร้างภาพเป็นแม่พระปกปิดความเน่าเฟะ...ขอโทษนะคะ หน้าหนูไม่ด้านพอ!”
จริยาหน้าตึง ตอกกลับไม่ไว้หน้า “ถ้าหน้าบางนักก็กลับเมืองนอกไปซะ ไม่ต้องมาเต้นกินรำกิน มั่วผู้ชาย สร้างความอับอายให้ฉัน! ฉันจะส่งเสียแกเอง อยากได้เงินเท่าไรก็บอก...ลูกคนเดียว ฉันเลี้ยงได้”
“ที่ทำแบบนี้เขาไม่เรียกว่าเลี้ยง เขาเรียกว่าไล่! ไล่ให้ออกไปจากชีวิต เพราะไม่อยากจะอยู่ใกล้ ไม่อยากเห็นหน้า จีมันเหมือนหนามทิ่มใจแม่ คือความจริงที่แม่เกลียดชัง...คุณหญิงที่ใครๆเชิดชูเป็นนางฟ้าของสังคม ความจริงเป็นคนเห็นแก่เงิน ทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน แม้แต่ขายตัว!”
ขาดคำดาราสาวก็ถูกตบหน้าหัน จีราวัจน์กัดฟันแน่นแต่จริยาก็ไม่ยี่หระ ประกาศกร้าว
“แกรู้กำพืดฉันดี แกก็ควรรู้ว่าฉันไม่มีวันยอมให้ทุกอย่างพังเพราะความประมาทของแก”
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันไม่ใช่ความประมาท แม่อยากรู้ไหม...ไปถามสามีแม่ดูสิว่าเมื่อคืนมันทำอะไรกับหนู!”
ooooooo
คำพูดทิ้งท้ายของจีราวัจน์ทำให้จริยาถึงกับอึ้ง กิตติศัพท์ความเจ้าชู้มักมากของสิทธาเป็นเช่นไรคงไม่ต้องให้ใครมาบอก แต่กระนั้นจริยาก็ต้องกล้ำกลืนความช้ำใจไว้เพราะอิทธิพลของสิทธาทำให้เธอมีหน้า มีตาอย่างวันนี้
และอำนาจเงินของสิทธาก็ทำให้หลักฐานที่จะใช้ชี้ตัวจีราวัจน์หายไปแบบไร้ร่องรอย เมื่อสาธิตจะตามเอาเรื่องก็ต้องหัวเสียมาก เมื่อพิเชษบอกเสียงเครียดว่าหลักฐานทุกอย่างอันตรธานไปหมดแล้ว
จีราวัจน์ไม่ได้สนใจว่าจะมีหลักฐานมาจับตัวหรือไม่ ฟูมฟายแบบหมดฟอร์มเมื่อรู้จากชยันต์ว่าติวดีเหยื่อสาวผู้ถูกเธอชนเมื่อคืนก่อนตาย หลังจากผ่าตัดไม่กี่ชั่วโมง!
จริยาไม่มีเวลาดูแลลูกสาวเหมือนเคย แต่วิ่งเต้นเพื่อปิดข่าว รวมทั้งขอบคุณสิทธาที่ใช้อิทธิพลเก็บหลักฐานให้
“ดิฉันขอขอบพระคุณท่านมากนะคะที่ช่วยเก็บหลักฐานเกี่ยวกับยายจีขับรถคืนนั้นให้”
พูดพลางลอบสังเกตอาการของสามี แต่สิทธาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนไม่มีส่วนกับเรื่องมอมยาจีราวัจน์
“อยู่ดีไม่ว่าดี หาแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ฉัน ไหนจะทำอาชีพเต้นกินรำกิน ไหนจะเป็นข่าวมั่วผู้ชายไม่เว้นแต่ละวัน นี่ยังมาเมาแล้วขับอีก...ดีแล้วที่ลูกเธอไม่ได้ใช้นามสกุลฉัน”
“แล้วดิฉันจะตักเตือนยายจีให้ค่ะ”
สิทธามองมาแบบเซ็งๆ ก่อนจะแกล้งเตือนเสียงเข้ม “ลูกเธอเคยฟังเหรอ...ที่ลูกเธอเป็นอย่างนี้เพราะห่างการอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ ฉันว่าถึงเวลาแล้วมั้งที่เธอต้องให้ลูกมาอยู่บ้าน”
จริยาข่มอารมณ์ไม่พอใจไว้ รู้ดีว่าสามีจอมหื่นต้องการอะไรแต่ก็ทำเฉย ศิริลักษณ์สาวใช้ประจำบ้าน
สิทธาแอบฟังสองสามีภรรยาคุยกัน และอดไม่ได้จะพูดจาแดกดันจริยาตามประสาคนไม่ถูกกัน
“ผยองไปเถอะ...อีกไม่นานท่านก็เขี่ยแกทิ้งเหมือนที่เคยทำกับคนอื่น วันนั้นจะเป็นวันที่ฉันสะใจ ยิ่งถ้าแกโดนเขี่ยเพราะลูกสาวตัวเอง ฉันจะสะใจที่สุด!”
คำพูดถากถางของศิริลักษณ์ไม่ได้ทำให้จริยาสะทกสะท้าน ยิ้มเยาะ
“ฉันไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆของท่าน ผู้หญิงพวกนั้นหาเงินมาให้ท่านไม่ได้ แต่ฉันช่วยท่านทำมาหากิน สร้างคอนเน็กชั่น วิ่งเต้น ยัดเงิน ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้งาน ท่านไม่มีวันเขี่ยฉันทิ้งง่ายๆ ห่วงแต่ตัวเองเถอะ”
ศิริลักษณ์จะโต้ ไม่ยอมแพ้แต่ก็ช้ากว่าจริยาที่โพล่งตัดหน้า
“ถ้าฉันไม่เห็นว่าท่านชอบให้เธอล้างเท้า นวดเท้า ตัดเล็บเท้าให้ ฉันก็คงไล่ออกไปนานแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากโดนเขี่ยออกจากบ้านนี้...ก็ก้มหน้าอยู่ที่เท้าของท่าน อย่าเผยอขึ้นมาสู้กับฉัน!”
ooooooo