ตอนที่ 11
เช้าวันรุ่งขึ้น ทันพันธุ์แอบมาบอกข่าวดีกับปารมีว่าทานตะวันจะไปเรียนต่อเมืองนอกกับคนรัก ปารมีขอบคุณสำหรับข่าวดีและหวังว่าพี่สาวตนจะสบายใจไม่มีความวุ่นวายให้กังวลอีก
แต่ไม่ทันไร ปวีณาที่เพิ่งรู้เรื่องนี้จากอุบลเพื่อนสนิทซึ่งเป็นน้องสาวของอรรถก็บังเอิญไปเห็นธนากอดรัดทานตะวัน จึงไม่เชื่อว่าทานตะวันคบกับอรรถจริง แค่ใช้เขาปิดบังอำพรางใจที่มีต่อธนา
เมื่อแน่ใจเช่นนั้นแล้ว ปวีณาขอให้แทนพงศ์พาเธอไปพบปัทมาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เธอเตรียมผ้าปิดตามาด้วย แต่ชายหนุ่มกลับไว้วางใจเธอจึงไม่ต้องปิดตา ครั้นถึงบ้านก็ให้เธอคุยกับพี่สาวตามลำพัง จึงไม่รู้ว่าแท้จริงปวีณาตั้งใจมายั่วยุเล่าเรื่องธนากับทานตะวัน
ปัทมาไม่เชื่อ ขับไล่ปวีณาและประกาศตัดญาติ อีกทั้งธนาก็ยืนยันว่าเขารักปัทมา ขอร้องปวีณาอย่ามาสุมไฟใส่บ้านตนอีก สร้างความเจ็บแค้นใจให้ปวีณาอย่างที่สุด เธอกลับออกมาด้วยความโมโหแต่ไม่ยอมเล่าให้แทนพงศ์ฟังทั้งที่เขาได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย
ปวีณาเจ็บแค้นและริษยาปัทมาจึงกลับมาฟ้องบิดาว่าปัทมากำลังจะถูกทิ้ง พระนิติรักษ์ห่วงปัทมาและไม่อยากโดนหยันว่าลูกสาวถูกลูกพระวิจิตรทิ้งขว้างจึงบุกไปจับตัวปัทมาโดยมีปวีณาเป็นคนบอกทางให้หวานขับรถ
ปารมีแอบได้ยินรีบบอกพวกอาเพื่อช่วยกัน แต่อาทั้งสามจะทำอะไรได้ นอกจากช่วยกันภาวนาให้พี่ชายอย่ารุนแรงกับปัทมา ปารมีจึงหันหน้าไปพึ่งทันพันธุ์ แล้วบังเอิญสองคนเจอแทนพงศ์ด้วย
แทนพงศ์ถูกปวีณาหลอกให้มารอหน้าโรงหนังเพื่อป้องกันเขาตามไปช่วยปัทมา เมื่อเขารู้แผนการของเธอก็ผิดหวังและเสียใจมาก ก่อนจะขึ้นรถไปกับทันพันธุ์มุ่งหน้ายังรังรักของปัทมากับธนา
หวานขับรถเชื่องช้าถ่วงเวลาพาพระนิติรักษ์กับปวีณาที่จะไปจับตัวปัทมา ขณะเดียวกันปัทมารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว จึงรบเร้าธนาให้อยู่เป็นเพื่อน แต่อีกครู่เดียวธนาก็ต้องเร่งออกไปเพราะมีคนโทร.ส่งข่าวว่ามีปัญหาเรื่องบัญชีที่โกดังข้าว
ธนาคล้อยหลังไปไม่นาน พระนิติรักษ์กับปวีณาก็บุกเข้ามาสั่งปัทมาให้เก็บเสื้อผ้าข้าวของ ปัทมาไม่ยอม วิงวอนขอร้องพ่อทั้งน้ำตาไม่ให้พรากเธอจากสามี แต่ไม่เป็นผล พระนิติรักษ์ตบตีปัทมาโดยมีปวีณาเป็นแรงยุ แล้วให้หวานมาช่วยจับตัว
ปัทมาดิ้นรนวิ่งหนีเข้าห้องล็อกกลอน ไม่ว่าพ่อกับน้องจะพูดยังไงก็ไม่ยอมเปิด พระนิติรักษ์จึงนำขวานมาจามจนประตูพังแล้วช่วยกันกับปวีณาและหวานฉุดกระชากลากปัทมาไปจนได้
แทนพงศ์กับทันพันธุ์ใกล้ถึง สองหนุ่มสวนกับธนาพอดี จึงหยุดรถบอกเล่าเรื่องราวแล้วพากันกลับมาที่บ้านพร้อมกัน แต่ไม่พบปัทมาเสียแล้ว
ooooooo
พระนิติรักษ์ลากปัทมามาหน้าเรือน ปัทมาดิ้นหนีและร่ำร้องตลอดเวลา ปริก จำปา และปีบต่างกรูเข้าไปหาด้วยความตกใจ ตามด้วยปารมีและบ่าวสองสามคน
“แม่ปัทมา...” ปีบสวมกอดหลานสาวด้วยความสงสาร
ปัทมากอดอาปีบแน่น ร่ำร้องให้ช่วยตนด้วย แต่ปริกปรามว่า
“หยุดต่อการเถิด พ่อเขาพากลับเรือนด้วยเป็นห่วง ไม่ใช่แค้นใจจะฆ่าแกง”
“ปัทไม่อยากอยู่นี่คะ ปัทอยากกลับไปบ้าน คุณอาขา...ช่วยปัทด้วยนะคะ”
พระนิติรักษ์ไม่พอใจเข้ามาถึงปัทมา ถามว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านเธอหรือ...พูดแล้วทำท่าจะตบตี แต่ปีบรีบรั้งมือห้ามไว้ทัน
“แค่นี้แม่ปัทก็ระบมหนักพอแล้ว อย่าถึงกับลงไม้ลงมืออีกเลย”
“หวาน...ลากตัวขึ้นเรือน”
หวานกับปวีณาช่วยกันฉุดปัทมาขึ้นเรือนตามคำสั่งพระนิติรักษ์ จำปาเวทนาปัทมา และเป็นกังวลว่าหากพระยาอภิบาลเจอหน้าปัทมาจะว่าอย่างไร
เพียงได้ยินเสียงหลานสาวคนโตร่ำร้องปานจะขาดใจ พระยาอภิบาลก็ตวาดเข้าใส่ว่า
“เอานังอัปรีย์กลับมาทำไม”
“คุณพ่อครับ ผมจำเป็นต้องนำตัวกลับมา มิเช่นนั้น ผัวมันทิ้งให้คนเขาหยันหยามถึงเกียรติมา แลจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มิราบรื่นครับ”
พระยาอภิบาลไม่ตอบโต้ใดๆ ปัทมาจ้องปู่เขม็ง พูดทั้งน้ำตานองหน้า
“คุณปู่เกลียดปัท คุณปู่ปล่อยปัทไปสิคะ คุณปู่ไม่อยากเห็นหน้าปัท ไม่อยากฟังเสียงปัท ไม่อยากรับรู้ว่าปัทเป็นตายร้ายดียังไง แล้วเอาปัทกลับมาทำไม”
“ฉันหาเคยคิดบ้าพาแกกลับมา ฉันคิดล่วงไปนานแล้วว่าแกเป็นสัมภเวสีผีเร่ร่อน”
“งั้นก็ปล่อยปัทไปสิคะ สั่งให้คุณพ่อปล่อยปัทไป ...ปัทเกลียดที่นี่ ปัทเกลียดนรกขุมนี้”
“พวกแกจะทำอะไรก็เอาตัวไปให้พ้นหน้า ข้าชังน้ำหน้ามัน”
พระยาอภิบาลเดินหนีออกไป ปัทมาผิดหวังที่ปู่ไม่ปล่อยตัว ขณะที่ปวีณาสะใจสั่งนายหวานลากตัวไปขังในห้องโดยความเห็นชอบของพระนิติรักษ์
หลังจากล็อกหน้าประตูห้องแน่นหนาแล้ว พระนิติรักษ์สั่งปารมีว่าถึงเวลาให้ข้าวให้น้ำก็มาเอากุญแจจากพ่อ
ปารมีสงสารปัทมาจับใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรับคำสั่งและเฝ้าอยู่หน้าประตู ได้ยินเสียงพี่สาวร่ำร้องขอความช่วยเหลือก็ยิ่งสงสาร ร้องตอบกลับไปว่า
“พี่ปัทขา...อย่าคิดสั้นนะคะ อย่าทำร้ายตัวเอง”
“ยัยปาน เธอต้องช่วยพี่ พาพี่ออกไป”
“พี่ปัทต้องอดทนนะคะ”
ปวีณาหมั่นไส้เข้ามาลากปารมีออกห่าง “แกไปได้แล้ว ถ้ามันอยากตายก็ให้มันตายไปซะ ไปสิ รึจะให้ฉันฟ้องคุณพ่อจับแกขังอยู่กับพี่ปัท”
ปารมีจนใจ ถอยออกไปแต่โดยดี ปวีณาขยับมาใกล้ประตู แสร้งพูดจาดีกับพี่สาวที่อยู่ข้างใน
“คุณพี่ปัทขา...เทวดาหน้าไหนก็ช่วยไม่ได้หรอก”
ปัทมาเข่าอ่อนทรุดลงร้องไห้เนื้อตัวสั่นเทา แต่ยังหวังว่าธนาจะมาช่วย
ooooooo
ธนามาตามตัวปัทมาจริงๆ แต่อยู่ได้แค่หน้าเรือนเพราะโดนบ่าวของพระยาอภิบาลขัดขวางและจำต้องกลับไปตามคำขอร้องของหลานชายทั้งสองที่ต้องการให้ใช้วิธีละมุนละม่อมดีกว่าใช้อารมณ์ความรุนแรง
พระวิจิตรรับรู้เรื่องนี้ด้วยความยินดีและไม่เห็นด้วยที่ธนาจะไปรับปัทมากลับมาเพราะเขาหมายตาทานตะวันไว้ให้ธนาแล้ว โดยพร้อมสนับสนุนให้สองคนไปเรียนต่อเมืองนอกด้วยกัน ธนาจะได้ดูแลทานตะวันไม่ให้อรรถได้ใกล้ชิด
ทันพันธุ์และแทนพงศ์ไม่เห็นด้วยกับความคิดของปู่ ยังไงธนาก็เป็นสามีของปัทมา เขาต้องรับผิดชอบเธอถึงที่สุด โดยเฉพาะแทนพงศ์นั้นรู้สึกผิดมากเพราะเขาไว้ใจปวีณามากเกินไป จึงเกิดเรื่องร้ายกับปัทมา เขาจึงสัญญากับธนาว่าจะหาทางช่วยปัทมากลับมาให้ได้
รุ่งขึ้น ทันพันธุ์แอบไปดักพบปารมีที่วัด บอกให้เธอรู้ว่าธนาสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดีฉันสามี มีใจอยากช่วยเหลือปัทมา ปารมีเองก็อยากช่วยพี่สาวแต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ชายหนุ่มแนะนำให้ค่อยๆตั้งสติ ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ อย่างน้อยเธอช่วยบอกปัทมาว่าธนารักและห่วงใยพร้อมจะไปรับตัวเธอทุกเมื่อ
“ฉันต้องกลับแล้ว ทุกคนเร่งออกไปเลือกตั้งกัน”
“ฉันอยู่ในพื้นที่ของคุณพ่อเธอ ฉันจะลงเสียงให้พระนิติรักษ์”
ปารมียิ้มตอบแล้วผละไปรวมตัวกับสมาชิกในบ้าน ร่วมกันกราบไหว้ศาลพระภูมิขอให้พระนิติรักษ์ชนะการเลือกตั้ง เสร็จแล้วทุกคนเตรียมตัวออกจากบ้าน ยกเว้นปารมีที่ต้องอยู่เฝ้าปัทมาโดยบิดาให้กุญแจห้องไว้เพื่อส่งข้าวส่งน้ำ ปวีณาไม่วายกำชับน้องสาวอย่าคิดปล่อยปัทมาหลุดรอด มิเช่นนั้นปารมีต้องถูกขังเสียเอง
พระวิจิตรเกณฑ์ลูกหลานไปลงคะแนนให้ทำนุ แม้แต่ธนาที่กำลังกลุ้มใจไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรก็โดนบิดาเคี่ยวเข็ญก่อนจะคุยเรื่องทานตะวันที่อยากให้ไปเรียนต่อด้วยกัน และหวังใจว่าทั้งคู่จะได้ร่วมเรียงเคียงหมอน ธนาคล้อยตามเรื่องเรียนต่อ แต่มีข้อแม้ว่าต้องหลังจากตนช่วยปัทมาได้แล้ว
ปวีณารีบลงคะแนนแล้วเร่งกลับเรือนเพราะแน่ใจว่าปัทมาต้องพยศคิดหนี ซึ่งเธอมาถึงทันเวลาพอดี ปัทมาใช้จังหวะที่ปารมีเปิดห้องเอาข้าวมาส่งวิ่งสวนออกไปแต่ไม่รอด เจอปวีณาดักจับลากตัวเข้าห้องอย่างเดิม ท่ามกลางความตกใจของปารมีที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
“ไป...ลงไปนอนในโลงศพของแก”
“นังปวีณา ฉันเกลียดแก”
“ฉันก็เกลียดพี่...ในวันที่พี่ติดปีกโบยบินไป พี่มีความสุขราวกับโลกนี้เสรีอิสระ พี่ปล่อยให้พวกฉันต้องรับกรรม รับคำนินทาและสายตาดูถูกจากคนข้างนอก การกระทำเลวๆของพี่ทำให้คุณปู่เพ่งเล็งพวกฉัน เวลาแห่งความเพ้อฝันมันจบลงแล้ว ต่อจากนี้พี่ต้องลิ้มรสโลกแห่งความจริง โลกที่พี่ไม่สามารถหนีได้อีกแล้ว นอกจากวิญญาณ”
ปวีณาต่อว่าปัทมารุนแรงและเคียดแค้น แล้วสั่งปารมีออกจากห้องไม่ต้องเก็บกวาดอาหารที่หกเลอะเทอะ ให้มันเหม็นเน่าตายคาห้อง มันทำอะไรไว้ต้องรับเวรรับกรรมที่ก่อ ถ้าทนไม่ได้ก็กลั้นใจตายไปเสียตนจะกรวดน้ำไปให้
ปัทมาสุดทนกับวาจาสามหาวของน้องสาว ตะโกนด่าปาวๆไล่หลังปวีณาที่กลับออกไปพร้อมปารมี แล้วร้องไห้โฮอย่างคับแค้น ส่วนปารมีพอพ้นจากห้องมาก็ถามปวีณาว่าไม่ได้คิดอย่างที่พูดเมื่อสักครู่ใช่ไหม
“แกจะสนใจทำไม”
“ความอาฆาตแค้นมันรุมเร้าพอแล้ว ปานไม่อยากให้พี่น้องต้องเกลียดชังกันเอง”
“พี่น้องเหรอ...มันเป็นพี่แก แต่ฉันมิใช่น้องมัน แกจะมาว่าฉันไม่ได้ มันเป็นคนสาปส่งฉันเอง และมันยอมเป็นสะใภ้บ้านศัตรู เท่ากับมันก็เป็นศัตรู เลือดเนื้อในตัวมันคือของศัตรู”
ทันใดนั้น บ่าวคนหนึ่งวิ่งขึ้นมาบอกปวีณาว่าลูกพระวิจิตรบุกเรือน สองพี่น้องตกใจรีบวิ่งออกไป ปวีณาตวาดใส่ธนาว่าไม่มีสิทธิ์เข้ามาเหยียบในเรือนนี้
“ฉันมารับตัวภรรยาของฉัน”
“คุณบอกว่ารักนักรักหนาแต่รักษาไว้ไม่ได้ ออกไปซะ”
ธนาไม่สนใจ ดึงดันจะขึ้นเรือน แต่พวกพระยาอภิบาลกลับจากเลือกตั้งมาเจอ จึงเกิดความโกลาหลจนกระทั่งธนาโดนพระยาอภิบาลใช้ไม้ตะพดตีหัวแตกเลือดอาบแล้วด่าซ้ำว่าทำตัวเป็นโจรห้าร้อยบุกเรือนของตน
“ท่านเอาเมียของผมมา ท่านนั่นแหละที่เป็นโจรขโมย”
“แล้วไอ้ที่เอ็งทำกิริยาป่าเถื่อนไร้ซึ่งความสะกดใจระงับตน ฉุดคร่าหลานสาวข้าจากสำนักชีท่านั้นถูกต้องตามครรลองรึ”
“ปัทมาเธอเต็มใจไปกับผม หากท่านมิกีดกันขัดขวาง ผมคงมิจำเป็นต้องทำเยี่ยงนั้น”
“สายเลือดชั่วอย่างพวกแกก็ดีแต่โยนบาปขว้างผิดพ้นตัว สิ่งที่ตัวทำแปรเป็นชอบเสียสิ้น หาใส่ใจในศีลในธรรม มิเช่นนั้นคงมิกล้าทำอุบาทว์ ประพฤติชั่วหนีเมียไปพลอดรักกับญาติตัวเอง”
“ท่านพูดกระไร ผมมิเคยทำกิริยาต่ำทราม ญาติที่อ้างถึงคือใครกัน ใช่ทานตะวันหรือไม่ ผมกับทานตะวันมิ...” ธนาจะอธิบายเรื่องทานตะวัน ปวีณาจึงรีบขัด
“คุณปู่อย่าเสียเวลาฟังความเลยค่ะ ให้นายหวานขับไล่ออกไปจากเรือนเถอะ”
“ผมจะไม่ไปไหน ผมจะพาปัทมากลับไป”
พระยาอภิบาลไม่ยินยอม สั่งบ่าวลากธนาออกไป พระวิจิตรบุกเข้ามาโวยวายเมื่อเห็นลูกชายโดนทำร้ายถึงกับเลือดตกยางออก จะแจ้งโปลิศจับพระยาอภิบาลเข้าตะราง
“เอาสิวะ! โปลิศอยู่ที่คูหาเลือกตั้งมิไกลจุดนี้ ข้าจะโร่แจ้งความว่าลูกเอ็งหูป่าตาเถื่อน เป็นหัวขโมยบุกมาฉุดหลานข้า และเอ็งก็บุกเข้าเรือนจะฆ่าข้า มื้อนี้ล่ะ ข่าวเหม็นโฉ่ ร้อนไปถึงไอ้ทำนุที่เนื้อตัวสั่นอยากนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี”
พระวิจิตรคิดถึงเรื่องนี้ก็กังวลกลัวกระทบทำนุ หันไปสั่งชื้นให้พาธนากลับ แต่ไม่วายเย้ยพระยาอภิบาลอีกว่า
“ข้าไปแน่ ข้าต้องไปเตรียมฉลองชัยให้ทำนุ ไอ้หวาน ...เอ็งไปหาปี๊บสี่ซ้าห้าใบเอาที่มันใบใหญ่ๆ เอามาคลุมหัวเจ้านายเอ็ง มันต้องอับอายประชาชี ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสอบตกเลือกตั้งเว้ย”
“มึงออกไป ไอ้ปากจัญไร!!” พระยาอภิบาลเดือดดาล พระวิจิตรยิ้มหยันแล้วเดินตามคนของตนออกไป
ooooooo
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พระยาอภิบาลอัดอั้นและเจ็บแค้น กล่าวโทษต้นเหตุมาจากปัทมา ส่วนเรื่องเลือกตั้งขอลูกชายอย่าฟังคำอัปรีย์ของพระวิจิตร ตนมิมีวันพ่ายใคร ตอนเราไปที่คูหาเลือกตั้งมีแต่คนแห่เข้ามาชื่นชมยินดี
“ตราบใดที่ยังไม่นับคะแนน ก็ยังวางใจมิได้ครับ ข่าวลือหนาหูว่าพรรคใหญ่เล่นไม่ซื่อ ผมกับพรรคพวกจะไปเฝ้าสังเกตการณ์ช่วงนับคะแนน มิให้ทุจริตได้”
“ไปเถอะลูก เสียสละเพื่อบ้านเมือง นี่ถ้าเรือนเรามีผู้ชาย เราคงช่วยเหลือประเทศชาติได้มากกว่านี้”
พวกปริกได้ยินคำบิดาอดสะเทือนใจไม่ได้ ปริกให้ความเห็นกับน้องๆเรื่องปัทมาว่า
“พวกเธอจะซ้ำพี่อย่างไรก็เอาเถอะ แต่พี่ขอพูดจากใจ พี่อยากให้แม่ปัทไปอยู่เสียพ้นๆที่อื่น มิต้องให้เกิดความวุ่นใจ แค่ปัญหาภายในก็หนักโขอยู่แล้ว ทุกคน ยังต้องมาแบกรับอารมณ์เช่นนี้อีก”
“น้องเข้าใจคุณพี่ดีค่ะ หากจะโทษจะกล่าวก็ขอให้ตำหนิลงที่น้อง น้องเป็นคนคอยอบรมสั่งสอนแม่ปัทมา หากแม่ปัทมาทำปัญหาให้คุณพี่ขุ่นใจ เหตุย่อมเกิดจากตัวน้องที่บกพร่อง”
“แม่ปีบอย่าเอาความสลดมาใส่ตัวเองเลย ผิดนี้จะลงที่ใครได้ นอกจากตัวพวกเรา แม้ได้ชื่อเป็นอาก็เปรียบแม่ที่เลี้ยงดูประคบประหงมกันมา” จำปามองว่าความผิดเป็นของทุกคน ปริกนึกย้อนถึงบิดาแล้วเสริมว่า
“คุณพ่อเองก็คงปัดความผิดนี้มิได้เช่นกัน ด้วยทิฐิ อคติในใจของท่านเพียงคนเดียวที่ส่งผลต่อหัวจิตหัวใจของคนในเรือนนี้ แม่จำปาต้องรับภาระอันหนักอึ้งประคับประคองให้ทุกคนอยู่รอด แม้ถูกท่านตราหน้าว่าอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ แม่ปีบเล่า...มิอาจครองคู่กับคนรักที่รักเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ชะตากรรมนี้จะจบลงที่ใด บรรพบุรุษหว่านพืชใด ลูกหลานย่อมได้ผลเช่นนั้นฤา จะมีลูกหลานคนใดปลดแอกพันธนาการใจคุณพ่อได้”
ปริกเศร้าใจกับชะตากรรมที่เกิดขึ้น จำปาและปีบเข้าโอบกอดพี่สาว ต่างให้กำลังใจกันและกันทั้งน้ำตาเอ่อคลอ...
เช้าวันถัดมา พระยาอภิบาลคาดหวังเต็มที่ว่าลูกชาย ต้องได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง จึงสั่งลูกหลานเตรียมอาหารไว้เต็มที่เพื่อเฉลิมฉลอง
บรรยากาศภายในเรือนครึกครื้นมีชีวิตชีวา แต่พอพระนิติรักษ์กลับมาบอกว่าตนพ่ายแพ้ไม่ได้รับเลือกเป็นผู้แทน ทุกคนพากันผิดหวัง โดยเฉพาะพระยาอภิบาลถึงกับน้ำตาตกเข้าห้องปิดประตูดังปัง ยิ่งเมื่อรู้ว่าทำนุลูกชายพระวิจิตรได้เป็นผู้แทนก็เป็นเดือดเป็นแค้นแทบคลั่ง ยินยอมให้ลูกชายยื่นเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้งขอความเป็นธรรม โดยให้เอาเงินที่จำปาไปเดินเรื่องจนกว่าจะสิ้นกระบวนการ
แต่จำปาไม่มีเงินมากพอ จึงมีปากเสียงกับพี่ชายจนบิดาพาลโกรธยกใหญ่ จำปาเลยต้องพูดเรื่องพระนิติรักษ์นำบ้านไปจำนองที่บิดาไม่เคยรู้มาก่อน
“เรื่องสำคัญเหตุใดมิหารือพ่อสักคำ”
ปริก จำปา และปีบไม่อยากรับรู้จึงเลี่ยงออกไป ให้พี่ชายเจรจากับบิดาเอาเอง
“ผมคิดว่าจะได้รับชัย มีเงินเข้ามาพอที่จะไถ่ถอนได้ครับ”
พระยาอภิบาลกลุ้มหนักไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร พลันได้ยินเสียงปัทมาโวยวายอาละวาดในห้องก็พาลพาโลไปดุด่าโยนความผิดว่าความบรรลัยเกิดขึ้นเพราะปัทมาเป็นตัวซวย
“ถ้าแกมิกลับมาเหยียบเรือน คุณพระคงมีชัย แกมันตัวเสนียด
“ปัทเป็นตัวเสนียดค่ะ ปัทตัวซวย ปล่อยปัทไปสิคะ อย่าเก็บตัวเสนียดจัญไรนี้ไว้”
“แกอย่าริท้าฉัน”
“คุณปู่เองก็เกลียดปัท ไม่อยากเห็นหน้า ปล่อยปัทไปสิคะ ปัทจะไปหาคนรักของปัท ป่านฉะนี้คุณธนาเขารอคอยปัท เขาอยากดูแลและปกป้องปัท”
“แกยังคิดว่ามันรักแกรึ”
“คุณธนารักปัท ป่านนี้ใจคงแหลกที่เราต้องโดนพรากกัน”
“มันถวิลหาแก รักแกมากเท่าใด ฉันก็จะทรมานใจมัน ฉันจะกักขังแกไว้ที่นี่ เอาให้มันตรอมใจตาย”
พระยาอภิบาลทิ้งวาจาเชือดเฉือนใจปัทมาแล้วเดินจากไป ปัทมาเคียดแค้นแทบแดดิ้น ตะโกนไล่หลังว่าเกลียดชังปู่ หากปู่ขังตน ตนจะฆ่าตัวตาย!
ปารมีสงสารพี่สาวจับจิต ตัดสินใจตามไปขอร้องปู่ขออยู่เฝ้าเพราะกลัวปัทมาคิดสั้นทำร้ายตัวเอง แต่พระยาอภิบาลไม่ยินยอมและไม่สนใจ หากปัทมาอยากตายจริงๆ ก็ให้ตายไปเสีย
ooooooo
พระวิจิตรแค้นเคืองพระยาอภิบาลยิ่งขึ้นที่เขาทำร้ายธนาเลือดตกยางออก ยุให้ธนาลงเอยกับทานตะวัน เพราะเชื่อว่าเธอชอบเขา แต่ธนายังสับสนในใจจึงขอร้องบิดาเลิกพูดเรื่องนี้ เขาจะกลับไปอยู่บ้านหลังเก่า
“ลูกจะกลับไปพลอดกับความเศร้าเพื่อขยี้โทษตัวเอง มันมิเกิดประโยชน์ ไปเรียนต่ออย่างที่ลูกฝัน ระยะเวลาสองปี เป็นบททดสอบความรักของลูก หากลูกและแม่ปัทมายังรักมั่นต่อกัน พ่อยินดีที่จะทำทุกวิถีทางให้ลูกกลับมาสมรักอีกครั้ง”
พระวิจิตรยัดซองใส่ตั๋วเครื่องบินและเอกสารสมัครเรียนให้ลูกชาย คาดหวังว่าเขาจะตัดสินใจไปเมืองนอก...
วันเดียวกัน แทนพงศ์ไปสอนหนังสือตามปกติและเจอปวีณา เขาไม่คิดว่าเธอจะกล้าสู้หน้าหลังหลอกลวงเขาให้ตายใจแล้วพาพระนิติรักษ์ไปจับตัวปัทมากลับเรือน
เมื่อเขาพูดเรื่องนี้ ปวีณาไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองผิดสักนิด อ้างว่าการตัดสินใจของตนตั้งอยู่บนความถูกต้องเสมอ
เธอคืนหนังสือนิยายรักให้เขาและชื่นชมว่านิยายเรื่องนี้เขียนได้ดี อ่านแล้วเข้าใจชีวิตมากกว่าตำราที่เขาสอน ตำรับตำราเป็นข้อมูลชี้นำทางอุดมคติ แต่นวนิยายเล่มนี้กลับสะท้อนความเป็นจริง อาจเรียกว่าเป็นสัจธรรม มิมีความรักใดจะก้าวข้ามความขัดแย้ง และบทสรุปของรักโง่ๆคือความตาย
“ในชีวิตนี้เธอเคยมีความรักบ้างไหม นอกจากตัวเอง”
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามไร้สาระ ฉันขอตัว”
“ไม่สายเกินไปที่เธอจะเริ่มต้นใหม่ อย่าฝังตัวอยู่กับอคติ ความริษยาจะเป็นมัจจุราชฆ่าเธอให้เดียวดาย คนที่ไม่เคยมอบรักให้ใคร ย่อมมิได้รับรักเช่นกัน”
ปวีณาไม่ยี่หระ เดินคอแข็งจากไป แทนพงศ์ผิดหวังที่หญิงสาวยังคงตั้งป้อมอคติ เขากลับมาเล่าให้ทันพันธุ์ฟังอย่างหนักใจว่าปวีณาเชื่อมั่นในตัวเองสูง ดื้อดึงไม่ฟังใคร
“ปวีณาเป็นคนชนิดใดกัน จิตใจจึงกระด้างขั้นนี้”
“นี่ก็เป็นผลของการอบรมเลี้ยงดู ปวีณารับอิทธิพลจากพระยาอภิบาลมาสนิทใจ ทั้งทิฐิ อคติ และความอวดดี”
“ช่างแตกต่างจากปารมีโดยสิ้นเชิง เธอนั้นช่างอ่อนโยน เข้าอกเข้าใจผู้อื่น และมีเมตตา”
“คงต้องยกคุณความดีให้คุณอาๆของเธอ ที่อบรมอย่างใกล้ชิด”
ทันพันธุ์รับฟังและเห็นด้วยกับพี่ชาย ส่วนเรื่องช่วยเหลือปัทมา สองหนุ่มเห็นพ้องกันว่าเร็วๆนี้ แต่แทนพงศ์ขอเข้าไปเจรจากับพระยาอภิบาลคนเดียว
“ฉันตรองถ้วนแล้ว การที่พระยาอภิบาลไว้ใจนายและคิดว่านายเป็นเพื่อนปวีณานั้นยังเป็นข้อดี หากฉันเจรจาล้มเหลว ยังมีนายที่จะเข้าหน้าพระยาอภิบาล นั่นเป็นการดีที่จะทำให้พระยาอภิบาลรับฟังเหตุผลนาย และเป็นไม้ตายสุดท้ายที่พอจะช่วยคุณปัทมาได้”
“ครับพี่แทน”
แทนพงศ์ยิ้มพอใจที่ทันพันธุ์รับความคิดนี้ แต่พอธนารู้เรื่องกลับไม่ยินยอม เพราะตัวเองตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอกตามความต้องการของบิดา แม้แทนพงศ์กับทันพันธุ์ไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่มี ใครขัดขวางหรือทัดทานได้
ooooooo
ปารมีรับรู้เรื่องนี้จากทันพันธุ์ก็ได้แต่เศร้าใจ ทั้งที่ก่อนหน้าเธออุตส่าห์ปลอบและกล่อมปัทมา
ให้คลายทุกข์ใจ ยอมกินข้าวปลาและดูแลตัวเองให้ผุดผ่องเพื่อรอธนากลับมารับ
ฝ่ายปวีณาพอรู้เรื่องเดียวกันนี้จากอุบลน้องสาวของอรรถว่าธนาจะไปเรียนต่อเมืองนอกพร้อมกับเขาและทานตะวัน ก็แจ้นกลับมาเล่าความตอกย้ำให้ปัทมาชอกช้ำใจ
“แกโกหก แกสร้างเรื่องให้ฉันหัวเสีย ฉันไม่หลงกลแก”
“ณาเคยบอกพี่ปัทแล้วไงคะ เพื่อนปานเป็นน้องชาย ของคุณอรรถ คู่รักของทานตะวัน ณาย่อมรู้ข่าวสาร
ทุกเรื่อง และข่าวที่กรองแล้วคือเขาทั้งสองไปด้วยกัน จะนัดกันไว้ก็ไม่ใช่ ต้องบอกว่าคุณธนาตามยัยทานตะวันไปสิ คงเป็นพิษรักแรงหึงน่ะค่ะพี่ปัท คุณธนาหึงนายอรรถที่ควงยัยทานตะวัน ประจวบเหมาะเมียหนีกลับเรือน ก็เลยตัดสินใจหนีตามไปอยู่กับชู้รัก เสพสมที่อเมริกาดินแดนที่ชื่อว่าอิสระเสรี”
“ไม่จริง!! คุณธนาไม่มีวันทำอย่างนั้น เขารักฉัน เขารักฉัน แกมันตัวบ่างริษยาอาฆาตแค้นฉัน ฉันมิหลงกลโง่ๆของแก”
“งั้นพี่ก็แหกตาดูสิ ผัวพี่มาช่วยพี่รึเปล่า ทำไมผัวปล่อยให้พี่ถูกกักขังอยู่ในห้อง ผัวพี่ไปไหน ตอบฉันมาสิ”
“คุณปู่ขวางไว้แล้วเขาจะเข้ามาได้ยังไง”
“แล้วทำไมตอนรักพิศวาสถึงดอดลอดรั้ว ข้ามน้ำข้ามเขาไปชิงตัวที่สำนักชีได้ กะแค่เรือนติดกันยังไม่มี ปัญญามาเอาตัวกลับ มันหมายความว่าไง พี่เลิกแกล้งโง่เถอะ เพราะเขาไม่เหลือใจให้พี่แล้ว เขาถึงต้องไปกับยัยทานตะวันชู้รักของเขา”
ปัทมาโกรธจัดขว้างปาของบนเตียงใส่ปวีณาและตวาดไล่ให้ออกไป
“ฉันไปแน่ ฉันต้องไปยืนโบกมืออำลาอวยชัยให้ผัวพี่ไปครองรักครองสุขกับยัยทานตะวันชั่วฟ้าดินสลาย”
“มึงออกไป กูเกลียดมึง! อีปวีณา!”
ปัทมาตะโกนด่า ปวีณายิ้มเย้ยแล้วเดินเชิดหน้าออกไปเจอปารมีที่อยากรู้ว่าสองคนคุยอะไรกัน ปวีณา
ไม่ตอบแต่มองดอกไม้ในมือปารมีแล้วถามเยาะหยันว่า
“เอาดอกไม้มาโปรยศพพี่ปัทเหรอ แค่นี้คงไม่พอกลบกลิ่นเน่าหรอก”
ปารมีตกใจรีบสวนเข้าไปหาปัทมาที่นั่งร่ำไห้ จิตใจอ่อนแอ หวั่นไหวกับคำพูดของปวีณา
ooooooo
แทนพงศ์กับทันพันธุ์ตามหาตัวธนาแต่ไม่เจอ สองหนุ่มไม่ชอบใจที่ธนาเห็นแก่ตัวจะทิ้งปัทมาไปเมืองนอกกับทานตะวัน ซึ่งมีทางเดียวที่จะรั้งเขาได้ ต้องพาปัทมาออกมา
“แต่คุณปู่สั่งห้ามเด็ดขาด”
“พี่เป็นเหตุทำให้เขาต้องพรากกัน หากพี่ไม่ลงมือทำอะไร พี่คงรู้สึกผิดชั่วชีวิต”
แทนพงศ์ตัดสินใจบุกเดี่ยวไปเรือนพระยาอภิบาลแต่โดนปวีณาปิดทางไม่ให้เขาได้เจรจากับปู่ อ้างตัวเองเป็นตัวแทนปู่ มีอะไรให้คุยกับตนได้
“ธุระของฉันเจรจาผ่านคนอื่นไม่ได้ ฉันต้องการพบท่านพระยา”
“ฉันจะยอมให้คุณเข้าพบคุณปู่ ขอเพียงคุณตอบคำถามฉันมาหนึ่งข้อ คุณธนาจะไปเมืองนอกกับทานตะวันใช่หรือไม่”
“ใช่”
“นั่นเท่ากับว่าคุณธนามิเหลือเยื่อใยให้พี่ปัท คุณกลับไปได้แล้วค่ะ”
“ฉันมาก็เพื่อการนี้ หากคุณปัทมากลับไปก็จะหยุดยั้งมิให้อาธนาไปเมืองนอกได้”
“หากคุณธนารักจริงดั่งพระสุธน ย่อมดั้นด้นมารับตัวนางมโหราห์กลับ แต่นี่คุณจะให้นางมโนราห์ที่ถูกเด็ดปีกเด็ดหางไปงอนง้อพระสุธน ช่างน่าขัน”
“เธอกำลังเปรียบเปรยผิดเกินจริง”
“มันเรื่องเดียวกันค่ะ คุณธนาทิ้งเมียเพื่อดูแลทานตะวัน ญาติคุณก็ไม่เหลือความชอบธรรมใดๆ กลับไปเถอะค่ะ”
“เธอพูดมามันก็ถูกต้อง แต่ฉันอยากขอร้อง ในยามที่คนรักผิดหมางใจ เราในฐานะญาติที่รักและปรารถนาดีต้องช่วยกันประสานรอยร้าวนี้...ได้โปรดให้ฉันเข้าพบท่านพระยาด้วยเถอะ”
“บ้านนี้ไม่ต้อนรับพวกจิตรการ”
แทนพงศ์เหนื่อยใจและจนปัญญาที่จะอ้อนวอน กลับไปด้วยความผิดหวัง ทันพันธุ์รู้ผลพลอยเศร้าใจ แต่ยังไม่ถอดใจจะลองหว่านล้อมธนาอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็หมดหวังเพราะตามตัวธนาไม่พบ ถามคุณปู่ก็ไม่ได้คำตอบอะไร นอกจากบอกว่าธนาไปแล้ว
ทางด้านปวีณาเมื่อล่วงรู้ว่าปารมีรับรู้จากทันพันธุ์เรื่องธนากับทานตะวันจะไปเรียนต่อเมืองนอก เธอเคี่ยวเข็ญน้องสาวให้มาเป็นพยานปากเอกต่อหน้าปัทมาว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นเป็นความจริง
ปารมีไม่มีเจตนาทำร้ายจิตใจปัทมา เพียงแต่พูดอ้อมๆว่าธนาไม่ได้ตั้งใจทิ้งพี่ไป เขาคงถูกกดดัน แค่นั้นปัทมาก็ใจเสีย ปวีณาได้ทีกระหน่ำเน้นย้ำและยั่วยุ
“พี่แจ้งกับใจแล้วสินะว่าผัวพี่ไม่ได้รักพี่จริง สันดานผู้ชายมักมากพอเมียห่างกายก็เทียวหาที่ใหม่ เลือกทำตามใจตัวเอง มิไยดีใคร่สนใจหัวอกเมีย”
ปัทมาพูดไม่ออก เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ปารมีสงสารจับใจปลอบโยนอย่าเพิ่งคิดมาก พี่ต้องตั้งสติให้ดี แต่ปวีณากลับตวาดแว้ด
“ยัยปาน! แกคอยให้ความหวังลมๆแล้งๆ แกมันสติลอยในโลกเพ้อฝัน พี่ปัทหลงคร่ำครวญอย่างคนบ้าก็เพราะแก”
“ออกไปได้แล้ว...ฉันสั่งให้ออกไป”
ปัทมาไล่ตะเพิดน้องทั้งสองคน เธออยากอยู่คนเดียว ไม่อยากเจอหน้าใคร ไม่อยากได้ยินแม้แต่เสียงหายใจ ปวีณายิ้มเยาะแล้วพอกลับออกมาก็บอกปารมีที่กังวลว่าปัทมาจะทำร้ายตัวเองว่า พี่ปัทรักผัวยิ่งกว่าอะไรมันไม่คิดสั้นหรอก
ปารมีมาบ่นกับอาจำปาทั้งน้ำตาว่าสงสารปัทมา ก่อนตัดสินใจเดินหน้ามาขอร้องปู่ให้เห็นใจปัทมา แต่เพียงเธอเอ่ยปากไม่กี่คำก็โดนปู่ตวาดไล่ให้กลับไปซะ
“คุณปู่คะ การพรากใจ...กีดกั้นความรักมันเป็นบาปค่ะ”
“นังปารมี! นี่แกเหิมเกริมกล้ามาด่าข้า แกหยุดโยนผิดให้ข้า ข้ามิได้สั่งให้เอาตัวมันกลับมา”
“แต่คุณปู่รับรู้ทุกข้อ แม้คุณปู่มิแสดงความเห็น การทำเฉยของคุณปู่คือการยอมรับ และออกจะยินดีในเรื่องนี้ ถือได้ว่าคุณปู่เห็นดีเห็นงามในสิ่งที่คุณพ่อกระทำลงไป”
“นี่แกคิดว่าฉันจงใจให้พ่อแกลากตัวนังปัทมากลับมาเพราะต้องการแก้แค้นพระวิจิตรสินะ”
“ปานมิเคยคิดเช่นนั้นค่ะ ปานทราบดีว่าคุณปู่รักลูกรักหลาน แม้คุณปู่จะชังปานหรือสาปแช่งใคร แต่ใจของคุณปู่ยังคงรักและเมตตาลูกหลานเต็มเปี่ยม
มิเว้นแม้แต่ตัวปานเอง ปานคิดเสมอว่าคุณปู่ยอมนิ่งเฉยให้คุณพ่อพาตัวพี่ปัทกลับมาเพราะคุณปู่สงสารพี่ปัท
มิอยากเห็นพี่ปัทถูกทิ้งขว้าง แต่ยามนี้สามีพี่ปัทแสดงตัวถึงความรักต่อพี่ปัท ยอมเสี่ยงเข้ามารับตัวพี่ปัทกลับไป ปานอยากวิงวอนให้คุณปู่เห็นใจคุณธนาด้วย”
“ท้ายสุดแกก็มาอ้อนวอนให้พวกก๊กโน้น นังหลานสันดานทราม”
“คุณปู่ลองพิจารณาสิคะ ว่าก๊กโน้นรึก๊กไหน เราต่างกันอย่างไร”
“นังปาน แกหยุดพล่ามได้แล้ว”
“ยามนี้เราต่างมีทุกข์ด้วยกัน แม้แต่ตัวคุณปู่เองก็ต้องทุกข์ใจว่าเมื่อใดพี่ปัทจะเลิกคร่ำครวญ กลับมาสงบใจ
...ความทุกข์ของคุณปู่ล้วนส่งผลต่อพวกเราในเรือนหลังนี้ พวกเราทุกคนรักคุณปู่ค่ะ ปานรักคุณปู่ ปานอยากให้คุณปู่ปล่อยวาง ทิ้งอคติในใจยอมให้พี่ปัทเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง หากพี่ปัทมีความสุข คุณปู่ก็ย่อมสุขด้วยเช่นกัน”
“ข้าเหม็นน้ำลายเอ็งแล้ว ออกไป แล้วอย่ามาพล่ามเรื่องนี้ให้ข้าเคืองใจอีก”
พระยาอภิบาลไล่ปารมี...จำปายืนมองไม่ห่างนัก ได้ยินทุกคำพูด พอหลานรักเดินออกมาจึงชื่นชมว่าทำดีที่สุดแล้ว แม้คุณปู่จะไม่เห็นใจให้ปัทมา อาหวังว่าจะช่วยสะกิดใจให้คุณปู่ผ่อนคลายลงบ้าง
จริงดังคำจำปา...หลังจากฟังปารมีพล่ามเป็นวรรคเป็นเวร คืนนั้นพระยาอภิบาลคิดมากไม่สามารถข่มตานอนลงได้ คำพูดของปารมียังคงวนเวียนอยู่ในหัว
ท่ามกลางความเงียบยามดึกสงัด พระยาอภิบาลถือกุญแจเดินมาเปิดห้องปัทมาแล้วตกใจสุดขีดกับสิ่งที่เห็น...ปัทมาผูกคอตายอยู่กลางห้อง!
ooooooo