ตอนที่ 1
พระยาอภิบาลบำรุงทำงานราชการรับใช้แผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีความภาคภูมิใจในบรรพบุรุษที่สืบทอดงานราชการ และภูมิใจในเกียรติยศชื่อเสียงและคุณความดีที่สั่งสมมายาวนาน
ด้วยความเป็นคนยึดมั่นถือมั่น มีทิฐิในตัวสูง ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ แม้ว่าชีวิตจะลำบากเพียงใดก็ไม่ยอมก้มหัวให้คนโกงเป็นอันขาด พระยาอภิบาลบำรุงจึงเกลียดชังครอบครัวพระวิจิตรศิลปการมาก เพราะพระวิจิตรมียศต่ำกว่า แต่ประจบสอพลอจนร่ำรวย อยู่สุขสบาย ประกอบกับในอดีตนั้นแม่ของพระยาอภิบาลหอบเสื้อผ้าหนีตามพ่อของพระวิจิตร ทำให้พระยาอภิบาลยิ่งเคียดแค้นตระกูลของพระวิจิตร ถึงขนาดสั่งสอนลูกหลานให้เกลียดชังและห้ามคบหากับบ้านพระวิจิตรโดยเด็ดขาด
วันหนึ่ง พระยาอภิบาลพาลูกหลานในตระกูลมาถวายบังคมแสดงความจงรักภักดีต่ออนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้ารัชกาลที่ 5 พระยาอภิบาลมองไปยังฉากหลังซึ่งเป็นพระที่นั่งอนันตสมาคม ก็หวนนึกย้อนถึงเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง ในยุคสมัยที่ตนเองรับราชการ ดูแลเจ้านายอย่างใกล้ชิด
พระยาอภิบาลสะเทือนใจในการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น จะพาลูกหลานไปกราบพระแก้วมรกต แต่พระนิติรักษ์–ธรรมสถิต บุตรชายเข้ามารายงานว่าไม่สามารถเข้าไปในวัดได้ เนื่องจากทางรัฐบาลกำลังลงนามให้ทหารญี่ปุ่นผ่านดินแดนไทย พระยาอภิบาลหัวเสียหนักสั่งให้ลูกหลานกลับเรือน
ทันใดนั้นรถยนต์หรูของพระวิจิตรพุ่งตรงเกือบชนพระยาอภิบาล เจ้าของรถลงมาต่อว่าพระยาอภิบาลเดินข้ามถนนไม่ดูตาม้าตาเรือและเย้ยหยันว่าแต่งตัวโบราณคร่ำครึไม่ปรับเปลี่ยนตามสมัยนิยม พระยาอภิบาลโกรธแทบเต้น ตอกกลับว่าตนจะอนุรักษ์สิ่งดีงามที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่เป็นต้นอ้อลู่ล้อตามลมเหมือนพวกพระวิจิตร
เมื่อพระยาอภิบาลอ้างเอาเกียรติคุณของตระกูลมาข่ม พระวิจิตรได้ทีเอาเรื่องหนหลังเมื่อครั้งแม่พระยาอภิบาลหอบผ้าหนีตามพ่อของตนมาเย้ย ทำให้พระยาอภิบาลฉุนขาด เพราะนั่นคือปมขัดแย้งในอดีตระหว่างสองตระกูล
พระยาอภิบาลกลับเรือน เปิดกำปั่นเอารูปภาพของแม่ที่เก็บซ่อนเป็นแรมปีมาเผาแล้วกำชับลูกหลานทุกคนอย่าริทำตัวเลวทรามอย่างนี้ และสั่งให้ทุกคนตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกพระวิจิตรตลอดชาติ ในขณะที่พระวิจิตรกลับย้ำให้ลูกหลานทำมาหากินร่ำรวย เพื่อเอาเงินมาเป็นเกียรติยศของตระกูล และหาทางหยามหยันเกียรติของพระยาอภิบาลต่อไป
ภายใต้ความชิงชังของสองตระกูล...ปัทมา หลานสาวคนโตของพระยาอภิบาลสนิทสนมกับทานตะวัน ญาติห่างๆของพระวิจิตร เด็กทั้งสองช่วยกันเลี้ยงลูกนกที่พลัดตกจากต้นไม้ ทำให้ปัทมาได้พบกับธนา บุตรชายคนเล็กของพระวิจิตรที่เกิดจากภรรยาสาวใช้
นอกจากธนาแล้วพระวิจิตรยังมีทำนุบุตรชายคนโตซึ่งเติบโตมากับความสุขสบาย พระวิจิตรเลี้ยงเขาอย่างตามใจ ต้องการอวดและข่มครอบครัวพระยาอภิบาลว่าตัวเองร่ำรวย ทำให้ทำนุติดนิสัยรักสบาย ทำงานไม่เป็น คอยแบมือขอเงินบิดาตลอดเวลา ทำนุกับพิศมรมีบุตรชายด้วยกันสองคนคือแทนพงศ์และทันพันธุ์ ซึ่งรุ่นราวคราวเดียวกับปัทมา ปวีณา และปารมี หลานสาวทั้งสามของพระยาอภิบาล
ooooooo
หลังจากเมื่อวานผู้นำของสองตระกูลมีปากเสียงกันกลางถนน สายวันถัดมาก็มีเรื่องน่ายินดีสำหรับพระวิจิตร เขายกโขยงลูกหลานและบ่าวแห่ขบวนกลองยาวไปร้องรำทำเพลงหน้าเรือนพระยาอภิบาลที่อยู่รั้วติดกัน
พระนิติรักษ์ธรรมสถิตหรือปรุง บุตรชายคนโตของพระยาอภิบาลและน้องสาวอีกสามคนคือ ปริก จำปา ปีบ ทุกคนพากันตกอกตกใจเกรงจะเกิดศึกใหญ่ เฉกเช่นเดียวกับบรรดาบ่าวไพร่ที่ต่างวิ่งวุ่นและคาดเดากันหลังจากได้ยินพระยาอภิบาลสั่งทุกคนไปเตรียมอาวุธว่าคราวนี้มีการตายเกิดขึ้นแน่
จุดประสงค์การมาของพระวิจิตรเพื่อเยาะเย้ยพระยาอภิบาลด้วยมีคำสั่งจากรัฐบาลให้ถอดยศศักดินา พระวิจิตรทำทีเป็นพลเมืองดีมาแจ้งข่าว โดยมีทำนุบุตรชายเป็นลูกคู่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“มื้อเดิมเอ็งเป็นพระยา...ใช่ต้องเรียกพระยา...ให้มีรำคาญ”
“ให้ใช้คำนำหน้าว่านาย แล้วก็เรียกชื่อตามเดิม”
“ก่อนได้รับยศเอ็งชื่อปาน...ก็ต้องเป็นนายปาน”
“แล้วเอายศที่เคยได้มาเป็นนามสกุล”
“เอ็งก็จะเป็น...นายปาน อภิบาลบำรุง ส่วนข้า...มื้อเดิมชื่อทวน ก็แปรเป็นเรียกนายทวน วิจิตรศิลปการ นับแต่มื้อนี้เอ็งกับข้าเป็นนายเสมอกัน ถือว่ามีศักดิ์และศรีเทียมกัน...เอ้า! พวกเรา...”
พระวิจิตรยกมือสั่งบ่าว พลันเสียงกลองเสียงเพลงก็บรรเลงต่อไปอย่างครึกครื้น พระยาอภิบาลโกรธหน้าดำหน้าแดง ชี้กราดทุกคน
“พวกเอ็งมุสานัก ไม่มีทางที่ใครจะเหิมกล้าถอดยศบรรดาศักดิ์...ไอ้หวาน”
หวาน บ่าวในเรือนรู้งานเตรียมสาดน้ำใส่พวกพระวิจิตร ทำนุร้องห้ามเสียงดัง หากสาดมาเท่ากับทำร้ายโฆษกของรัฐ
“สาดมัน! เอ็งสาดไล่ส่งมัน ไอ้พวกคะนองลิ้นกุเรื่องหวังเย้ยข้า คนอย่างพระยามิมีวันโดนลดชั้นไปเทียมเท่าพวกมัน ออกไปไอ้พวกแพ้แล้วพาล ข้าจะเรียกโปลิสมาจับพวกเอ็งข้อหาหยามเกียรติข้า”
พระนิติรักษ์เห็นท่าไม่ดีเข้ามาห้ามบิดาให้ใจเย็นและขอร้องพระวิจิตรให้กลับไป แต่พระวิจิตรไม่ยอม แถมยังย้อนยอกบุตรชายพระยาอภิบาลว่า
“นายปรุงกลับจากเขตพระนครคงไปรับทราบเรื่องการถอดยศแล้ว”
พระนิติรักษ์นิ่งเงียบ พระยาอภิบาลเต้นเหย็ง บอกบุตรชายให้แก้ต่างเสีย อย่าให้มันลามมาหยันยศถาของพวกเรา
“นายปรุงก็บอกคุณพ่อนายปรุงไปเสียสิ ว่ารัฐทำการถอดยศแล้ว”
ทำนุรุกเร่ง แต่พระนิติรักษ์พูดไม่ออก ทั้งบิดาและน้องๆต่างรอคอยคำตอบอย่างจดจ่อ ที่สุดความจริงก็คือความจริง ทุกคนได้ยินจากปากพระนิติรักษ์ชัดเจนว่ามีคำสั่งนั้นออกมาแล้ว
“เมื่อทราบเป็นแน่ชัด ฉัน...นายทวนก็ไม่กวนใจนายปานแล้วล่ะ” พระวิจิตรเย้ยหยันทิ้งท้ายก่อนยกขบวนตีกลองออกไป ส่วนพระยาอภิบาลกลับขึ้นเรือนก็โวยวายลั่นว่าบ้ากันไปใหญ่ จู่ๆจะมาถอดยศได้ยังไง
“ไม่ใช่ถอดยศครับคุณพ่อ เขาขอให้กราบถวาย บังคมคืนบรรดาศักดิ์ แต่ให้ใช้บรรดาศักดิ์เป็นนามสกุลได้”
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละ เป็นพระเป็นพระยาถูกบังคับให้ออกจากบรรดาศักดิ์ มันก็เท่ากับถูกถอดยศ แล้วแกจะยอมเป็นนายปรุง นิติรักษ์ธรรมสถิตกับเขารึ”
“คุณพ่อจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ”
พระยาอภิบาลผิดหวังที่บุตรชายมิคิดหาทางออกเหมือนยอมจำนน เขาถุยหมากใส่กระโถนที่หวานถือรองรับด้วยอารมณ์ขุ่นมัวฉุนเฉียว พระนิติรักษ์หนักใจเอ่ยเสียงเบาว่า
“ถ้าไม่ยอมก็ต้องลาออก จะไปฝืนอยู่คนเดียวยังไงได้ล่ะครับ”
“ออกก็ออก!!”
ประกาศิตของบิดาเล่นเอาบุตรชายหญิงทั้งสี่ตกใจ ขณะที่ปัทมาหลานสาวคนโตไม่ชอบใจในความบ้าอำนาจของคุณปู่ แต่ปวีณาหลานคนกลางกลับยิ้มเห็นด้วย ส่วนปารมีหลานคนสุดท้องใจคอไม่ดีไม่ต้องการให้บิดาตกงาน
“คุณพระคิดเห็นยังไง”
“คุณพ่อว่าไง ผมก็เห็นด้วยตามนั้นครับ ผมเองก็ใช่อยากให้ลูกน้องมาเรียกชื่อตีตัวเสมอ”
พระยาอภิบาลยิ้มพอใจในคำตอบของบุตรชาย ตรงข้ามกับพวกปริกรู้สึกห่อเหี่ยวผิดหวังที่พี่ชายยึดถือยศศักดิ์เป็นใหญ่มากกว่าความอยู่รอดของปากท้อง
ooooooo
เมื่อสามศรีพี่น้องเห็นพ้องว่าพี่ชายไม่ควรลาออกจากราชการ ปริกจึงออกหน้าพาน้องเข้าไปพูดคุยกับพี่ชายหมายทัดทานคำสั่งบิดา
“น้องอยากให้คุณพี่คิดเสียใหม่ ในยามนี้มีพี่ปรุงเพียงคนเดียวที่มีหน้าที่การงาน หากคุณพี่ลาออกแล้ว ย่อมไม่มีเงินทองเข้ามาแม้แต่สลึงเดียว”
“คุณพ่อท่านมีเงินทองเก็บ ท่านไม่ปล่อยให้ลูกหลาน อดอยากหรอก”
“มันก็จริงอย่างคุณพี่พูด แต่ดิฉันอยากให้ข้อคิดสักนิด...แม่ปัทมา ปวีณา และปารมี ลูกของพี่อีกสามคน ก็กำลังโต หลานๆต้องกินต้องใช้และต้องร่ำเรียน ค่าใช้จ่ายก็ย่อมทวีคูณ เงินทองที่เก็บมีแต่จะร่อยหรอ”
“ดิฉันทราบดีว่าคุณพี่คงไม่พอใจกับยศถาในยามนี้ แต่เพื่อปากท้องและอนาคตของลูกคุณพี่ ดิฉันอยากให้คุณพี่ทบทวนการลาออกค่ะ”
ปรุงคิดหนักลังเล แต่พอพระยาอภิบาลปราดเข้ามาโวยวายไม่ให้เขาฟังความของน้องๆที่รังแต่ชักใบให้เรือเสีย อีกทั้งเงินทองพ่อสร้างไว้มากมายสามารถเลี้ยงลูกหลานทุกคนได้ ปรุงก็โอนอ่อนยอมตามใจบิดา เดินหน้าไปยื่นใบลาออกในวันนี้เลย
ooooooo
ธนาคอยช่วยทานตะวันกับปัทมาดูแลลูกนก ทำให้สัมพันธภาพระหว่างธนาและปัทมางอกงามดั่งดอกไม้บาน แต่แล้วปวีณาจับได้ว่าธนาบุกเข้ามาในเขตเรือนจึงฟ้องคุณปู่
พระยาอภิบาลโกรธมากสั่งบ่าวไพร่จับตัวธนาไว้ทันที เหตุนี้ทำให้พระวิจิตรยกโขยงมาเอาตัวธนากลับไป แต่โดนพระยาอภิบาลเย้ยหยันในความผิดลูกชาย แล้วลงโทษเฆี่ยนตีปัทมาเพื่อหยามเกียรติพระวิจิตร ทำให้พระวิจิตรยิ่งผูกใจเจ็บยุให้ลูกหลานของตนหาทางเอาลูกหลานของอีกฝ่ายมาทำเมีย เพื่อเหยียบหน้าพระยาอภิบาล
ทำนองน้องชายทำนุกลับจากอังกฤษพบเจอปีบที่งานวัด ทำนองตกหลุมรักปีบที่มีกิริยางดงาม เขาพายเรือมาส่งเธอที่ท่าน้ำ โดยมารู้ภายหลังว่าเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของพระยาอภิบาล ชายหนุ่มกังวลใจในเรื่องนี้เพราะทราบดีว่าครอบครัวทั้งสองบาดหมางกันมานาน แต่พระวิจิตรกลับโกหกว่าทั้งสองเรือนคืนดีเป็นเกลอกัน
แล้ว จึงส่งเสริมให้ทำนองเดินหน้าจีบปีบ
หลังจากเจอกันเมื่อคืนโดยบังเอิญแล้วมีโอกาสพายเรือมาส่งปีบ สายวันรุ่งขึ้นทำนองนัดพบเธออีกครั้ง ปีบกล้าๆกลัวๆ ลงมานั่งร้อยมาลัยที่ศาลาท่าน้ำแล้ว ปวีณาเห็นเข้าแต่ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร จนกระทั่งคุณปู่ให้หาปีบเพราะอยากหมาก ปวีณาจึงบอกให้ท่านทราบว่าคุณอาปีบอยู่ศาลาท่าน้ำ
ก่อนหน้าพระยาอภิบาลจะลงจากเรือน ปัทมาและปารมีเห็นอาปีบคุยกับผู้ชายที่พายเรือมาเทียบท่า เด็กสาวทั้งสองสีหน้าไม่สู้ดี ยิ่งพอเห็นคุณปู่เดินมาแต่ไกล สองคนลุกลนไปดักหน้าและพยายามโน้มน้าวให้ท่าน
กลับขึ้นเรือนเพราะอาปีบไม่ได้อยู่ที่ศาลาท่าน้ำ แต่ปวีณาตามมายืนยันเสียงแข็งว่าตนเห็นกับตาว่าอานั่งร้อยมาลัยอยู่
เมื่อไม่เห็นตัวตนของอาปีบรวมทั้งหลักฐานดอกไม้พวงมาลัย พระยาอภิบาลจึงดุปวีณาอย่าริโกหก จากนั้นก็หันกลับขึ้นเรือนด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
ปีบไปจากศาลาท่าน้ำได้ทันเวลาเพราะโดนทำนองคะยั้นคะยอให้ลงเรือมาด้วยกัน เขาพาเธอพายเรือเล่นท่ามกลางลำน้ำที่แวดล้อมด้วยสวนสวยงามอย่างเพลิดเพลิน
หารู้ไม่ว่าเวลานี้แทนพงศ์กับทันพันธุ์หลานชายที่เห็นคุณอาพายเรือไปเรือนพระยาอภิบาลและหายไปนานเกรงจะเกิดเรื่องใหญ่ จึงมาบอกบิดากับมารดาให้รีบไปช่วยอาทำนอง
พิศมรแปลกใจถามสามีว่าทำนองก็รู้ว่าพระยาอภิบาลชิงชังครอบครัวเราแล้วทำไมถึงกล้าไปที่นั่น
“นายทำนองเข้าใจผิด คุณพ่อบอกว่าญาติดีเป็นเพื่อนรักกับพระยาแล้ว”
“คุณพ่อพูดอย่างนั้นทำไมคะ”
“ฉันเองก็ไม่เข้าใจ อยากถามคุณพ่อให้สิ้นสงสัย” ว่าแล้วทำนุพาภรรยาและบุตรชายไปฟังคำอธิบายจากพระวิจิตรขณะท่านกำลังฮัมเพลงตามแผ่นเสียงอย่างเบิกบานสำราญใจ
“แจ้งข้อจริงสิ้นก็หมดสนุกใหญ่สิวะ จริงไหมวะไอ้ชื่น”
ชื่น บ่าวคนสนิทรับคำสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมรับเงินรางวัลจากนายมาสูดดมชื่นใจ ทำนุยังไม่ได้คำตอบจึงย้ำถามบิดาว่ามุ่งใจทำอะไรกันแน่
“พ่อหวังใจให้ไอ้พระยามันดิ้นกระแด่วๆตาย”
“ผมไม่เข้าใจครับ”
“หวังจะรอหลานรักโตเป็นหนุ่มใหญ่ ใจมันออกกระดิกกระดี้รี่ เกรงไม่ทันกิน ปะเหมาะกับทำนองกลับมา ยิ่งรู้ความว่าแล่นเรือไปส่งลูกสาวบ้านโน้นถึงท่าน้ำยามดึกดื่น นายทำนองต้องมีใจให้ลูกไอ้พระยา จริงไหมวะไอ้ชื่น”
“จริงแท้แน่นอนขอรับ”
“หากพระยารู้ความนี้เข้า คงมิยอมให้ลูกสาวทำผิดใหญ่มาคบหานายทำนอง มีหวังเอ็ดตะโรลั่นเรือน”
“พ่อหวังใจเห็นมันดิ้นพล่านหนัก เดือดดาลจนเรือนพัง”
“แล้วถ้าคนของเราหลงสิเน่หาเข้าจริงๆ เท่ากับเราก็ร่วมทำร้ายจิตใจนายทำนองนะครับ”
“พ่อไม่มีวันยอมให้คนของเราต้องช้ำใจ พ่อเต็มใจปลูกหอรอสะใภ้จากไอ้พระยา มันขึ้นอยู่กับว่าหล่อนจะกล้าหอบผ้าตามมาหรือไม่”
ฟังมาถึงตรงนี้ทำนุถึงกับหัวเราะชอบใจ เอ่ยด้วยความสะใจว่า “อย่างนี้เท่ากับว่าประวัติศาสตร์ซ้ำรอย!!”
“แผลเก่าของไอ้พระยาถูกสะกิดขึ้นมาให้ปวดใจ สาแก่ใจกูนัก จริงไหมวะไอ้ชื่น”
“จริงแท้แน่นอนขอรับ คุณพระวิจิตรศิลปการ”
พระวิจิตร ทำนุ และชื่นต่างหัวเราะสนุกสนานกับแผนการกลั่นแกล้งพระยาอภิบาล ทันพันธุ์เห็นแล้ว
ไม่พอใจเดินหนีออกไป พิศมรรับรู้ว่าลูกชายคนเล็กรู้สึกยังไง เดินตามมานั่งข้างๆรับฟังความคิดเห็น
“คุณแม่ครับ ทันสงสารอาทำนอง สงสารผู้หญิงของคุณอาด้วยครับ”
“แม่ภูมิใจในตัวทันมากนะลูก ที่ลูกรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น”
“แต่ทันกำลังเข้าข้างคนบ้านโน้น คนที่เป็นศัตรูของเรานะครับ”
“แม่ไม่เคยคิดว่าคนบ้านโน้นเป็นศัตรูของเรา การที่เราอยู่บ้านติดกัน ผิดใจกัน เมื่อเจอกันต้องปั้นหน้าใส่กัน ทำหมางเมินเหมือนไม่มีตัวตน มันไม่ใช่เรื่องดีเลย”
“แต่คุณพ่อกับคุณปู่...”
“แม่ไม่ได้เห็นด้วยกับคุณพ่อหรือคุณปู่ไปเสียทุกเรื่อง ลูกเองเหมือนกันนะทันพันธุ์ ลูกต้องรู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี อะไรที่ดีก็เก็บเอาไว้ ส่วนเรื่องไม่ดีก็อย่าเอามาเป็นเยี่ยงอย่าง”
“ครับคุณแม่” ตอบเสร็จเด็กหนุ่มโน้มตัวอิงไหล่แม่ พิศมรโอบกอดลูกชายด้วยความภูมิใจ
ooooooo