ตอนที่ 13
เมื่อแผนยุปัทม์ให้เข้าใจผิดรจนาไฉนกับพูนทวีไม่ได้ผล โลมฤทัยจึงเบนเข็มไปที่ปวุฒิ หญิงสาวไปรอเขาถึงบ้านและชงกาแฟให้ตัวเองอย่างใจเย็น สารวัตรหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก เข้าใจว่าเธอคงมาหาด้วยเหตุผลเดิมๆ
“คุณไม่น่าเสียเวลามาตื๊อผมอีก”
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้วค่ะ ฉันมาเจรจาผลประโยชน์ร่วมกัน”
“ผมไม่มีความคิดจะร่วมธุรกิจหรือเป็นหุ้นส่วนชีวิตกับคุณ”
“อย่าด่วนปฏิเสธโดยที่ยังไม่ได้ฟังข้อเสนอสิคะ ไม่งั้นคุณอาจเสียโอกาสที่ไม่น่าให้อภัย”
โลมฤทัยยิ้มเจ้าเล่ห์ อาสาชงกาแฟให้แต่ปวุฒิปฏิเสธและบอกว่าชอบชามากกว่า
“คุณก็รู้ว่าขั้นตอนการชงชามีพิธีรีตองเยอะ สู้ไม่ได้กับกาแฟสำเร็จรูปที่แค่ฉีกซองใส่น้ำร้อนก็ได้ดื่มแล้ว”
“อะไรที่ได้มาง่ายมักไม่ค่อยมีคุณค่า การใช้เวลากับบางสิ่งอาจเสียเวลาบ้างแต่คุ้มค่าและอยู่กับเราไปชั่วชีวิต”
“แล้วต้องรออีกนานแค่ไหนคะ ให้ของรักถูกชิงไปอย่างนั้นเหรอ”
ปวุฒิพอเดาออกว่าโลมฤทัยกำลังพูดถึงรจนาไฉน ถามเธอตรงๆว่าต้องการอะไรก็ว่ามาเลยดีกว่า
“คุณต้องการพี่เพื่อน ฉันต้องการคุณปัทม์ เราต่างมีเป้าหมายร่วมกัน เล่นตามเกมฉันแล้วคุณจะสมหวัง”
สารวัตรหนุ่มเลิกคิ้วงงๆ โลมฤทัยเหยียดยิ้มพร้อมอธิบายแผนการโดยละเอียด
“ฉันจะหลอกล่อพี่เพื่อนไปเที่ยวน้ำตกเพื่อให้คุณอยู่กับพี่เพื่อนตามลำพัง ช่วงนั้นจะเป็นนาทีทอง คุณจะเคลียร์ใจ รื้อฟื้นความหลังหรือว่าทำสิ่งที่คุณรอคอยมาทั้งชีวิตก็ได้...ที่นั่นจะเป็น สวรรค์ของคุณ”
โลมฤทัยมั่นใจว่าเขาจะร่วมมือแต่ผิดคาด ปวุฒิไม่เล่นด้วยแถมแดกดันอย่างเจ็บแสบ
“มันน่าตกใจที่คำพูดนี้หลุดจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาว ความรักของคุณเพื่อนที่มีให้คุณไม่สามารถลบล้างความคิดชั่วช้าของคุณได้เลย”
หญิงสาวโกรธมากแต่พยายามข่ม ยิ้มสู้พร้อมยื่นกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จให้ เชื่อมั่นเหลือเกินว่าเขาจะเปลี่ยนใจ
“โปรโมชั่นนี้มีแค่ครั้งเดียว แล้วเจอกันที่น้ำตกนะคะ”
โลมฤทัยออกไปแล้ว ปวุฒิได้แต่มองตามเครียดๆ ชั่งใจอย่างหนักเพราะเริ่มหวั่นไหวกับข้อเสนอสุดเย้ายวน
ooooooo
รจนาไฉนกับปัทม์ต้อนรับเปรมกลับจากสถานปฏิบัติธรรมด้วยความยินดี เปรมโอบกอดสะใภ้คนโปรดอย่างรักใคร่จนปัทม์อดแซวไม่ได้ว่าหลงรักเธอมากกว่าลูกชายแท้ๆ เปรมแหย่กลับว่าเขาหาเรื่องแกล้งเมียเหมือนเคยหรือเปล่า ปัทม์ไม่พูดอะไรแต่หอมแก้มโชว์จนรจนาไฉนเขินหน้าแดง
ครอบครัวปัทมกุลพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุก สนานครู่ใหญ่จนเปรมหายเหนื่อย รจนาไฉนจึงรายงานเรื่องครอบครัววิชนีมาพักด้วยที่เรือนรับรอง
“คุณแม่กับน้องพบมาช่วยดูแลคุณพ่อค่ะ เพื่อนขอโทษนะคะที่ไม่ได้แจ้งคุณแม่ให้ทราบเรื่องนี้ก่อน”
“มาขอโทษขอโพยทำไม เราทั้งหมดที่นี่ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว...จริงไหมตาปัทม์”
ปัทม์จำใจพยักหน้ารับเพราะยังไม่เปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงของโลมฤทัยกับลำเพามากนัก นพรัตน์ เกรงใจครอบครัวปัทมกุลเหลือเกิน ทั้งเรื่องแต่งงานของรจนาไฉนและความช่วยเหลืออาการเจ็บป่วยของตน ยกมือไหว้ขอบคุณเปรมด้วยความซาบซึ้งใจ
“พอเถอะค่ะ...ถือซะว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจที่คุณนพรัตน์เคยช่วยเหลือครอบครัวฉัน และได้มอบหนูเพื่อนเป็นของขวัญมาให้ด้วย เธอเป็นผู้หญิงที่มีน้ำใจประเสริฐมาก”
ลำเพากับโลมฤทัยหมั่นไส้รจนาไฉนมากแต่ไม่แสดงออก ยิ้มหวานหยดพลางชื่นชมเห็นด้วยกับเปรมทุกประการ รจนาไฉนมีความสุขมาก เชื่อสนิทว่าแม่กับน้องคงทำใจได้แล้ว ต่างจากปัทม์ที่มองสองแม่ลูกด้วยความสงสัย...มันต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่ๆ
เปรมดูออกว่าลูกชายเป็นกังวลถึงอะไรบางอย่าง พยายามเตือนสติเมื่อเขาช่วยยกกระเป๋าเดินทางมาส่งที่ห้อง ปัทม์เฉไฉว่าไม่มีอะไรแต่เปรมไม่เชื่อแม้แต่น้อย
“อะไรที่หนักก็วางเถอะ กระเป๋าใบนั้นกับความกังวลในใจเรา อะไรหนักกว่ากัน”
ปัทม์วางกระเป๋าข้างเตียงพร้อมถอนใจหนักหน่วง “บอกตามตรงครับว่าผมไม่ไว้ใจสองแม่ลูกนั่นเลย”
จังหวะเดียวกัน...รจนาไฉนถือแจกันดอกไม้เข้ามา ได้ยินสองแม่ลูกคุยกันจึงเลือกแอบฟัง ปัทม์ยังไม่รู้ตัวถือโอกาสระบายความอึดอัดเกี่ยวกับการมาของโลมฤทัยและลำเพา
“ผมไม่รู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร ต้องการอะไรกันแน่ และผมก็คิดว่าเขาไม่ได้มาดี”
“ในเมื่อเขายังไม่ได้ทำอะไรให้เป็นทุกข์ก็หยุดคิด จำคำแม่ไว้นะ...สิ่งที่ทำร้ายจิตใจเราได้ร้ายกาจที่สุดคือความคิดเราเอง ยิ่งคิดยิ่งทุกข์ ยิ่งคิดยิ่งติด ปล่อยวางซะ”
ปัทม์เข้าใจคำสอนของเปรม พยายามละความคิดร้ายๆออกจากใจ สัญญาจะยอมให้โอกาสสองแม่ลูกอีกครั้ง เปรมโอบกอดลูกด้วยความรัก อารมณ์เดียวกับรจนาไฉนที่ภูมิใจมากเพราะเขายอมเปิดใจให้แม่และน้องสาว
ooooooo
คดีพ่อเลี้ยงเจงไม่คืบหน้าเพราะยังตามตัวการใหญ่ไม่พบ แต่ผลการสืบสวนเบื้องต้นออกมาว่าทรัพย์สินทั้งหมดของเขาได้มาโดยมิชอบ อุรารัตน์จึงถูกหมายศาลสั่งให้ออกจากบ้านที่โดนอายัดให้เป็นของราชการ หญิงสาวตาเหลือกเต้นผางเพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน นงนุชเก็บกระเป๋าของตนกับเจ้านายสาวแล้วช่วยหาทางออกให้
“ไปอยู่กับนงนุชค่ะ ห้องเช่าหลังตลาดพอซุกหัวนอนได้ แถวนั้นหาของกินง่าย อร่อยและถูกด้วยค่ะ”
“จะบ้าเหรอ แกจะให้ฉันไปอยู่ห้องเช่าปนกับพวกแรงงาน ฉันไม่ไป!”
“ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวนงนุชซื้อเบาะกับหมอนให้ใหม่ ชุดละร้อยเก้าสิบเก้า เอาลายกุหลาบที่คุณแอรี่ชอบ”
นงนุชคว้าแขนเจ้านายสาวให้ไปด้วยกันแต่อุรา–รัตน์สะบัดออกอย่างแรงพร้อมผลักสาวใช้ลงกองกับพื้น
“ฉันไม่ไป! ฉันไม่มีวันเกลือกกลั้วกับชนชั้นต่ำเด็ดขาด แกต้องหาที่พักให้เหมาะกับคนระดับฉัน”
นงนุชชักฉุนแหวกลับเสียงลั่นบ้าน “เรื่องมากก็หาที่ซุกหัวนอนเองแล้วกัน”
“แกขึ้นเสียงกับฉัน...ฉันไล่แกออก”
“ไม่ต้องไล่กูก็ออก จะอดตายแล้วทำหยิ่ง เป็นหงส์ปีกหักบินไม่ได้ก็หัดเดินสิ ฝืนจะบินก็โดนหมากัดตายพอดี”
นงนุชลากกระเป๋าไปแล้ว ทิ้งให้อุรารัตน์มองตามด้วยแววตาโกรธจัด...ฝันไปเถอะว่าฉันจะตกอับจนต้องพึ่งแก!
อุรารัตน์ไม่มีที่ไปต้องไปนอนโรงแรมตามประสาลูกคนรวยตกอับแต่จมไม่ลง หญิงสาวทานอาหารและพักในห้องหรูหราเหมือนเคยแต่ก็ต้องแทบลมจับเมื่อเห็นบิลค่าใช้จ่ายเพราะบัตรเครดิตทุกใบโดนอายัด วราห์เข้ามาช่วยทันเวลา จ่ายเงินให้ทั้งหมดพร้อมแจกยิ้มหวานแต่อุรารัตน์ก็เชิดใส่
“ฉันคงไม่ต้องขอบใจนาย ถือเป็นการชดใช้บุญคุณที่พ่อฉันเคยเกื้อหนุนนาย”
“อย่าเอาผมไปพัวพันกับผู้ต้องหาค้ายาสิครับ”
“แกพูดอย่างนี้หมายความว่าไง ไอ้คนไม่สำนึกบุญคุณ!”
“คุณมันอ่อนต่อโลกจริงๆ ถึงเวลาที่คุณต้องเรียนรู้กฎการดำรงชีวิตที่สำคัญสุดของมนุษย์...คือการเอาตัวรอด”
อุรารัตน์นั่งตัวแข็งทื่อ รู้สึกขยะแขยงปลัดหนุ่มที่โน้มตัวมากระซิบข้างหูว่าอยากช่วยเหลือจากใจจริงในฐานะเมีย หญิงสาวปรี๊ดแตกหันไปผลักเขาออกเต็มแรงพร้อมตวาดลั่น
“หุบปากนะ! ฉันรังเกียจสิ่งที่แกเคยทำกับฉัน เอามือโสโครกของแกออกไป”
“ไม่เอาน่า...ผมอยากช่วยคุณด้วยใจจริง ผมจะช่วยพ่อคุณเต็มที่ รวมทั้งเรียกเกียรติและศักดิ์ศรีคุณคืนมา”
อุรารัตน์นิ่งเงียบเตรียมฟังข้อเสนอ วราห์เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมวางพวงกุญแจห้องพักโรงแรมบนโต๊ะ
“นี่เป็นของขวัญมีค่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมอบให้ผู้หญิงที่เขารักได้”
อุรารัตน์กลืนน้ำลาย เข้าใจความนัยเป็นอย่างดีว่าเขาต้องการตัวเธอแลกกับความช่วยเหลือ วราห์หมุนตัวออกไปช้าๆ ทิ้งอุรารัตน์ไว้กับความอึดอัด คับแค้นใจเหลือเกินที่ต้องเป็นเบี้ยล่างยอมให้เขาดูถูกศักดิ์ศรีเช่นนี้ หญิงสาวใช้เวลาไม่นานก็ตัดสินใจยอมรับข้อเสนอเพราะอยากช่วยพ่อ เธอไปหาวราห์และตามใจเขาทุกอย่างแต่ไม่วายยื่นข้อเสนอ
“รับปากกับฉันได้ไหมว่าจะรักษาคำพูด ช่วยเหลือพ่อฉันและดูแลฉันอย่างสมศักดิ์ศรี”
วราห์พยักหน้ารับจริงจัง ตีหน้าซื่อบอกรักจนเธอตายใจยอมเปลื้องเสื้อผ้าและก้าวขึ้นไปบนเตียง
ooooooo
ปวุฒิครุ่นคิดถึงข้อเสนอของโลมฤทัยอย่างหนัก ตัดสินใจไปหารจนาไฉนถึงไร่แต่ไม่ยอมปรากฏตัวให้เห็น แกล้งโทร.หาเพื่อเจรจาความสัมพันธ์แต่เธอไม่ยอมรับสาย สารวัตรหนุ่มเริ่มใจเสียแต่ไม่ละความพยายาม เพียรโทร.หาอีกหลายครั้งจนเธออ่อนใจยอมกดรับ ปวุฒิดีใจมากอ้อนวอนให้มาเจอแต่รจนาไฉนปฏิเสธเพราะไม่อยากทรยศปัทม์
“งั้นผมไปหาคุณเองก็ได้...หรือว่าคุณรังเกียจผมแล้ว”
“เพื่อนไม่เคยรังเกียจความเป็นเพื่อนของเรา”
“ผมไม่ใช่เพื่อนคุณและคุณไม่ใช่เพื่อนผม คุณคือคนรักของผม”
“อย่าทำให้เพื่อนลำบากใจเลย ปล่อยให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบนี้เถอะ ยังไงเราก็ไม่สามารถ...”
รจนาไฉนจะพูดความจริงเกี่ยวกับความรู้สึกตนเองแต่เห็นปัทม์เดินตรงมาหาจึงขอวางสายดื้อๆ แต่เพราะไม่ทันระวังจึงกดไม่โดนปุ่ม ปวุฒิจึงได้ยินเสียงปัทม์ตัดพ้อรจนาไฉนงอนๆที่ทิ้งเขานอนหลับในห้องคนเดียว
“อย่าทิ้งผมไปอีกนะ ไม่ว่าคุณจะหลับหรือตื่นก็ขอให้ผมได้อยู่เคียงข้างคุณ ใจผมมอบให้คุณหมดแล้ว ขอให้คุณซื่อสัตย์กับผมและอย่าทำร้ายหัวใจผมอีก”
“ฉันให้คุณไม่ได้ค่ะ...ความซื่อสัตย์มันน้อยเกินไปจะตอบแทนความดีของคุณ ฉันขอพร้อมจะมอบความภักดีและความรักให้คุณหมดหัวใจ”
ปัทม์ซึ้งใจมาก จุมพิตหน้าผากและโอบกอดภรรยาคนสวยด้วยความรัก ส่วนปวุฒิแทบกระอักตายเพราะช้ำใจ กดวางสายและตรงกลับบ้านพลางคิดถึงข้อเสนอของโลมฤทัยอีกครั้ง...เพราะความโกรธและความเสียใจจนไร้สติแท้ๆ ทำให้สารวัตรหนุ่มตัดสินใจเดินตามแผนชั่วๆ...ฉันต้องแย่งรจนาไฉนคืนมาให้ได้!
อุรารัตน์เริ่มบทบาทความเป็นเมียเช้าวันเดียวกัน นั้น ชวนวราห์ไปซื้อของเพราะไม่มีเครื่องใช้ติดตัวมาจากบ้าน ปลัดหนุ่มปฏิเสธพร้อมควักเงินสามพันโยนให้ อุรารัตน์งงเป็นไก่ตาแตก วราห์เลยไขข้อข้องใจด้วยน้ำเสียง เป็นต่อมากๆ
“ค่าตัวไงล่ะ...ผมให้มากกว่าเด็กที่ผมเคยหิ้วจากที่เที่ยวเสียอีก ระดับลูกสาวพ่อเลี้ยง...ผมให้เพิ่มอีกห้าร้อย”
“ฉันไม่ใช่โสเภณีนะ ฉันเป็นเป็นเมียแก”
“เมียเหรอ...สงสัยคุณคงลืมไปว่าเคยขยะแขยงผมยิ่งกว่าอะไร อ้อ...ลืมไปว่าช่วงนี้จนตรอกไม่มีที่ซุกหัวนอน มันก็เหมือนหมาตัวหนึ่งที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด”
“ฉันขอโทษ...เราเริ่มต้นกันใหม่ได้ ฉันสัญญานะ ฉันจะเป็นเมียที่ดี”
“ผมไม่โง่หาเหาใส่หัวให้ติดร่างแหคดีพ่อคุณหรอก ออกไปได้แล้ว!”
อุรารัตน์ปรี๊ดแตก ถลาเข้าทุบตีเขาอย่างบ้าคลั่ง วราห์ไม่สะทกสะท้านเบี่ยงตัวหลบง่ายๆแถมผลักเธอกระเด็นไปกองที่พื้น อุรารัตน์เลือดขึ้นหน้าตะโกนด่าพร้อมประกาศกร้าวขอตามจองเวร
“ฉันจะเอาคืนแก ฉันจะบอกตำรวจว่าแกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายา ฉันจะให้ตำรวจมาลากคอแกเข้าคุก!”
วราห์ยิ้มเยาะแล้วตรงเข้าบีบคอเธอ “ก็เอาสิ... ระหว่างปลัดอำเภอกับลูกสาวพ่อค้ายา คำพูดใครจะมีน้ำหนักกว่ากัน แล้วก็จำไว้ด้วยนะว่าถ้าฉันต้องเดือดร้อน... เธอตายแน่!”
จบคำก็ฟาดหน้าเธอเต็มแรง อุรารัตน์เลือดกบปาก มองตามปลัดหนุ่มด้วยแววตาแค้นจัด...ฉันต้องเอาคืนแกอย่างสาสมแน่ ฝากไว้ก่อนเถอะ!
แล้วอุรารัตน์ก็บากหน้าไปหานงนุชบ่ายวันเดียวกันเพราะไม่มีที่ไป สาวใช้คนสนิทเชิดใส่เพราะโกรธไม่หายที่โดนไล่ราวกับหมูหมาเมื่อวันก่อน อุรารัตน์กล้ำกลืนศักดิ์ศรี ลงทุนอ้อนวอนขออยู่ด้วยเพราะไม่มีเงินติดตัวสักบาท
“ขอฉันอยู่ด้วยคนได้ไหม ฉันไม่มีที่ไป ฉันไม่มีใครแล้วจริงๆ”
นงนุชไม่ตอบโต้ใดๆจนอุรารัตน์ถอดใจหมุนตัวกลับ นงนุชปราดไปรั้งข้อมือไว้แล้วลากเข้าบ้าน อุรารัตน์ซึ้งใจมาก โผเข้ากอดสาวใช้คนสนิทด้วยความดีใจ...คืนนี้ไม่ต้องนอนข้างถนนแล้ว
ooooooo
ขณะที่อุรารัตน์ดวงตกอย่างหนัก รจนาไฉนกลับมีความสุขอย่างท่วมท้น เธอนั่งมองสามีนอนหลับด้วยความรัก
“ฉันจะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เพราะฉันรู้ว่าคุณจะอยู่เคียงข้างฉันเสมอ”
เธอก้มลงจูบแก้มเขาเบาๆแล้วออกไปข้างนอก พ่อเลี้ยงหนุ่มจึงค่อยๆลืมตา พึมพำสัญญา
“ฉันสัญญา...ฉันจะไม่ทิ้งเธอไป...รจนาไฉนของฉัน”
รจนาไฉนออกไปดูความเรียบร้อยในครัวเหมือนเคยและแวะไปดูนพรัตน์ที่เรือนรับรอง พบโลมฤทัยกับลำเพาช่วยกันปรนนิบัติเอาอกเอาใจเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ทานเยอะๆนะคะคุณพ่อ...จะได้มีแรงไปน้ำตกด้วยกันพรุ่งนี้” รจนาไฉนไม่อยากจะเชื่อ โลมฤทัยตีหน้าซื่ออธิบายเสียงอ่อน “พบอ่านเจอในหนังสือ เขาบอกว่าถ้าคนป่วยได้เปลี่ยนบรรยากาศและสูดอากาศบริสุทธิ์จะทำให้คนป่วยผ่อนคลาย อาการก็จะดีขึ้นด้วยค่ะ”
รจนาไฉนทึ่งไม่น้อยที่น้องสาวเอาใจใส่พ่อกว่าที่คิด ลำเพากลัวไม่แนบเนียนเลยช่วยเสริม
“เราสองคนต่างคิดตรงกันว่าอยากพาคุณพ่อไปพักผ่อนชมน้ำตก”
รจนาไฉนเชื่อสนิทว่าแม่กับน้องสาวเปลี่ยนไปจริงๆ โลมฤทัยแสร้งถามคนงานถึงน้ำตกในละแวกไร่แต่ไม่มีใครยอมบอกเพราะยังไม่ไว้ใจ เธอเคืองมากแต่พยายามเก็บอาการ เปรยเสียงอ่อนอย่างน่าเห็นใจว่าจะขับรถตระเวนหาเอง รจนาไฉนอดสงสารไม่ได้จึงขออนุญาตปัทม์พาน้องไปสำรวจน้ำตก พ่อเลี้ยงหนุ่มไม่คิดว่าสองแม่ลูกจะเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วจึงตัดสินใจพูดถึงความสงสัยเพราะเป็นห่วงภรรยา
“ผมไม่อยากเชื่อว่าน้องสาวคุณจะคิดเรื่องนี้ได้”
“ฉันมั่นใจว่าน้องพบและคุณแม่พยายามปรับปรุงตัวเอง คนหลงผิดต้องการกำลังใจและโอกาสนะคะ”
รจนาไฉนอ้อนจนเขาใจอ่อน “ผมเป็นกำลังใจให้คุณนะ ความดีของคุณคงจะชนะใจเขาทั้งสองคนแล้ว”
สองสามีภรรยากอดกันแน่นด้วยความเข้าใจ...ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็คงไม่สามารถพรากเราจากกันได้
โลมฤทัยเก็บข้าวของเตรียมตัวไปน้ำตกช่วงบ่ายวันเดียวกัน ลำเพาตามมาคุยด้วยเพราะไม่แน่ใจว่าปวุฒิจะยอมปรากฏตัวตามแผน โลมฤทัยไม่ยี่หระแม้แต่น้อย มั่นใจเหลือเกินว่าสารวัตรหนุ่มต้องมาเจอ
“ความรักทำให้คนเราเห็นแก่ตัวค่ะคุณแม่”
“แต่คงไม่ใช่สุภาพบุรุษแสนดีอย่างปวุฒิ”
“สุภาพบุรุษ...ยังไงก็เป็นคน มีดีมีชั่วด้วยกันทั้งนั้น”
โลมฤทัยทิ้งท้ายแล้วหิ้วสัมภาระไปหารจนาไฉนที่รถ เหล่าคนงานมองตามสองสาวหน้าเครียด ท้องฟ้ามืดครึ้มทำให้สังหรณ์ใจบางอย่าง...ไปเที่ยวน้ำตกตอนฝนจะตกเนี่ยนะ คิดได้ยังไง
ปัทม์เองก็เป็นห่วงภรรยาเพราะยังไม่วางใจ โลมฤทัย ความรู้สึกหนักอึ้งในอกพลอยทำให้กังวลใจสารพัด กลัวรจนาไฉนจะเป็นอันตราย พ่อเลี้ยงหนุ่มเตรียมตัวตามไปสังเกตการณ์แต่เปรมก็เข้ามาขวางเสียก่อน พยายามเตือนสติให้เขามองสองแม่ลูกในแง่ดีบ้าง
“ปล่อยให้พี่น้องอยู่กันตามลำพังเถอะ นานๆจะได้อยู่ด้วยกัน อาจเป็นห้วงเวลาของการปรับความเข้าใจก็ได้”
ปัทม์ยิ้มรับ สบายใจขึ้นหน่อยเพราะแม้แต่แม่ยังวางใจ...เขาเองก็ได้แต่หวังว่าคงไม่มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
ooooooo
รจนาไฉนพาโลมฤทัยสำรวจเส้นทางไปน้ำตกอย่างคล่องแคล่ว สองพี่น้องเดินชมวิวและชื่นชมดอกไม้ป่านานาชนิด ใช้เวลาด้วยกันเฉกเช่นพี่น้องที่รักกันมากเป็นครั้งแรก โลมฤทัยเห็นพี่สาวตายใจก็เริ่มต้นแผนร้าย แสร้งไปยืนร้องไห้และสารภาพบาปเสียงสั่นเครือ
“ที่ผ่านมาพบใจร้ายกับพี่เพื่อนแต่พี่เพื่อนก็ไม่เคยโกรธ พบรู้สึกแย่มาก พบเกลียดและไม่อยากให้อภัยตัวเอง”
“ไม่เอาน่า...อย่าทำอย่างนี้เลย ยังไงน้องพบก็เป็นน้อง พี่ดีใจที่น้องพบคิดได้ มันทำให้ความเชื่อของพี่เป็นจริง พี่เชื่อเสมอว่าความดีสามารถชนะทุกสิ่งและวันนี้น้องพบก็ได้พิสูจน์สัจธรรมข้อนี้แล้ว”
โลมฤทัยหมั่นไส้มากแต่ยังปั้นหน้าซาบซึ้ง โผไปกอดราวกับรักพี่สาวเสียเต็มประดา
“ใช่ค่ะ...พบพ่ายแพ้ต่อความดีของพี่เพื่อนอย่าง หมดใจ”
รจนาไฉนปลื้มที่ความดีเอาชนะใจน้องสาวได้ ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าโลมฤทัยเหยียดยิ้มเหี้ยมๆ เดินหน้าตามแผนแกล้งหากล้องไม่เจอและจะกลับไปดูที่รถ รจนาไฉนอาสาไปด้วยแต่เธอไม่ยอม ขอไปเองโดยทิ้งพี่สาวไว้ที่น้ำตกตามลำพัง โลมฤทัยถึงรถแล้วโทร.เรียกปวุฒิ ยิ้มร่าพอใจมากที่แผนการทำลายพี่สาวเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
“ขอบคุณนะคะที่ทำให้ความเชื่อของฉันเป็นจริง ไม่มีใครดำสนิทหรือขาวบริสุทธิ์”
ปวุฒิเดินไปที่น้ำตกอย่างมาดมั่น โลมฤทัยมองตามพร้อมหัวเราะเยาะเบาๆ เดินตามไปสังเกตการณ์...คราวนี้แกเสร็จฉันแน่นังรจนาไฉน!
ฝ่ายรจนาไฉนได้ยินเสียงคนเดินใกล้เข้ามาก็คิดว่าเป็นน้องสาว แต่ผิดคาดเพราะกลายเป็นปวุฒิ เธอเข้าใจทันทีว่าเป็นแผนของโลมฤทัยกับสารวัตรหนุ่ม หลอกล่อให้เธอออกมาเจอเรื่องสุดกระอักกระอ่วนใจเช่นนี้
“คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหมที่คุณมาที่นี่”
“ผมอยากคุยกับคุณเรื่องที่คุยค้างกันไว้”
รจนาไฉนไม่อยากอยู่กับเขาตามลำพัง พยายามจะหนีแต่ปวุฒิไม่ยอมรั้งข้อมือเธอไว้
“ผมรู้ว่าเวลาเปลี่ยน ใจคนก็คงเปลี่ยนไปด้วย แต่ไม่ใช่ผม...ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณมันเหมือนเดิมและมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ยิ่งเราห่างกันความรักและความ หวงแหนกลับเพิ่มทวีคูณ...ผมรักคุณ”
รจนาไฉนพูดไม่ออก สารวัตรหนุ่มไม่รอช้าดึงเธอมากอดแน่นด้วยความรักล้นอก โลมฤทัยที่แอบดูในมุมลับตายกมือถือถ่ายคลิปไว้หมดทุกอย่างแล้วค่อยๆย่องกลับไปที่รถ...รจนาไฉนเห็นใจปวุฒิไม่น้อยแต่รักปัทม์มากกว่า ผละตัวออกช้าๆและยื่นคำขาดให้ตัดใจ
“ฉันถือว่าสิ่งที่คุณทำเมื่อกี้เป็นเพราะคุณขาดสติยั้งคิดและจะเป็นกอดสุดท้ายที่ฉันให้คุณได้”
รจนาไฉนจะเดินหนี ทันใดนั้น...ฝนตกซู่ลงมา ปวุฒิเป็นห่วงจึงพาเธอไปหลบฝนด้วยกัน
ด้านปัทม์...เป็นห่วงรจนาไฉนมาก ตั้งท่าจะออกไปตามแต่ลำเพายื้อไว้เพราะเห็นโลมฤทัยยังไม่กลับมาตามแผน ปัทม์ไม่สนจะไปตามเมีย โลมฤทัยวิ่งตัวเปียกปอนเข้ามาขวางไว้ทันเวลาและขอคุยกับปัทม์เป็นการส่วนตัว พ่อเลี้ยงหนุ่มแปลกใจแต่คิดว่าคงสำคัญจึงเลี่ยงตามไปอย่างเสียไม่ได้
โลมฤทัยเรียนรู้จากประสบการณ์ว่าปัทม์ไม่ใช่คนหูเบา เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดพร้อมออกตัวว่าไม่อยากใส่ร้ายพี่สาว
“หลังสำรวจน้ำตก พี่เพื่อนก็บอกให้กลับก่อน เพราะมีธุระ พบเป็นห่วงเลยย้อนไปดู เห็นพี่เพื่อนนัดเจอคุณปวุฒิ”
“พอเถอะ...เลิกใส่ร้ายพี่สาวที่รักและหวังดีกับเธอได้แล้ว”
“พบเข้าใจค่ะว่าเป็นคนแย่ในสายตาคุณปัทม์...แต่คุณควรเชื่อในสิ่งนี้”
ภาพรจนาไฉนกอดกับปวุฒิในคลิปบนมือถือ โลมฤทัยทำให้ปัทม์โกรธจัด ผลุนผลันขับรถออกจากบ้าน เปรมกับเหล่าคนงานมองตามงงๆ ลำเพากับโลมฤทัยได้โอกาสตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องที่เตรียมมา...โศกนาฏกรรมของนังรจนาไฉนกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ooooooo