ตอนที่ 12
นพรัตน์ไม่อยากเชื่อสายตาเมื่อเห็นเมียรักยืนตรงหน้าถือจานผล ไม้มาป้อนถึงปาก ตัดสินใจถาม ตรงๆถึงจุดประสงค์แท้จริงที่มาที่นี่ ลำเพาแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมประชดประชันเสียงหวาน
“คำถามไม่สร้างสรรค์เลยนะคะ มาอยู่กับลูกเลี้ยงไม่ทันข้ามวันเห็นฉันเป็นคนอื่นไปซะแล้ว”
นพรัตน์เบี่ยงหน้าหนีไม่ยอมทานผลไม้ ลำเพาก็ไม่สนใจหยิบมาทานเองพร้อมเปรยยิ้มๆ
“ฉันมาทำหน้าที่ภรรยาแสนดีปรนนิบัติดูแลคุณและที่สำคัญ...เราจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก เป็นครอบครัวอบอุ่น...คุณว่าดีไหมคะ”
นพรัตน์เป็นกังวล อยากรู้จริงๆว่าเมียตนมาที่นี่ เพื่อวัตถุประสงค์ใดกันแน่...
รจนาไฉนรู้สึกตรงกันข้ามกับนพรัตน์แถมพยายามเกลี้ยกล่อมปัทม์ให้เลิกมองโลมฤทัยกับลำเพาในแง่ร้าย
“บอกตามตรง ฉันไม่เชื่อว่าน้องสาวกับคุณแม่เธอจะมาดูแลคุณพ่อ”
“คุณเชื่อในความดีหรือเปล่าคะ”
“แต่มันคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพวกเขาได้”
“เป็น เพราะคุณยังไม่ศรัทธาในความดีมากพอจะอภัยพวกเขาได้ ฉันไม่สนหรอกว่าคุณแม่หรือน้องพบมาที่นี่เพื่ออะไร แต่ฉันจะดูแลพวกเขาและใช้ความดีเอาชนะใจให้ได้”
ปัทม์ยิ้มให้กำลังใจ “ฉันเอาใจช่วยนะ ขอให้เธอทำสำเร็จ”
สอง สามีภรรยายิ้มให้กันด้วยความเข้าใจ รจนาไฉนแยกไปต้อนรับและดูแลความเรียบร้อยที่เรือนพักรับรอง ลำเพากับโลมฤทัยมองหน้ากันยิ้มๆ โผเข้ากอดและทักทายเสียงหวานจนรจนาไฉนรู้สึกผิดสังเกต
“ลูกคนนี้น่าตีนักเชียว กลับกรุงเทพฯก็ไม่แวะเข้าบ้าน ไม่รู้เหรอจ๊ะว่าคุณแม่คิดถึงมาก”
“คุณแม่อย่าดุพี่เพื่อนสิคะ พี่เพื่อนอุตส่าห์พาคุณพ่อมารักษาตัวและหาเงินช่วยเหลือครอบครัวเรานะคะ”
“ลูกเพื่อน...ที่ผ่านมาแม่คิดผิดและทำร้ายจิตใจลูกเพื่อนมาตลอด แม่ขอโทษนะ”
รจนาไฉนไม่อยากเชื่อที่ได้ยินแม่กับน้องพูดดีด้วยแต่พยายามไม่คิดมาก ตอบอย่างนอบน้อมและเจียมตัว
“เพื่อนมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะความรักของทุกคน เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะคะ”
“พูดซะน้ำตาพบจะไหล ใช่ค่ะ...เราเป็นครอบครัวและ เป็นพี่น้องกัน พี่ก็ต้องมีน้ำใจให้น้อง พบขอคุณปัทม์ค่ะ”
รจนาไฉนสะดุ้งไม่คิดว่าจะโดนขอตรงๆแบบนี้ ลำเพาปรับสีหน้าเป็นดุดันพร้อมสำทับ
“ถ้าแกสำนึกบุญคุณอย่างที่พูดไว้ล่ะก็ ยกคุณปัทม์คืนให้น้อง คุณปัทม์เป็นคู่หมั้นของน้องตั้งแต่แรก”
รจนา ไฉนพูดไม่ออก นพรัตน์นอนดูเหตุการณ์มาตลอดทนไม่ไหว พยายามปรามแต่ไม่ได้ผล โลมฤทัยเห็นพ่อแม่เถียงกันก็ผสมโรงโทษรจนาไฉนเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวแตกแยก ลำเพาไม่ห้ามแถมตอกย้ำให้ลูกเลี้ยงเจ็บช้ำกว่าเดิมว่าเป็นเรื่องต้องทดแทน ให้สาสมโดยการคืนปัทม์ให้โลมฤทัย
“ฉันเคยขอคุณปัทม์จากพี่เพื่อนแต่สมองพี่คงฝ่อลืมไปแล้ว ไม่เป็นไรค่ะ...เราเริ่มต้นใหม่ได้ คืนคุณปัทม์ให้พบ”
“แล้วหลังจากนั้น...เราจะหมดหนี้ชีวิตต่อกัน”
รจนา ไฉนอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าลำเพาจะกล้าใช้ไม้นี้ สองแม่ลูกสุดแสบเดินนวยนาดออกไปแล้ว ทิ้งรจนาไฉน ยืนร้องไห้คนเดียวเงียบๆ นพรัตน์โอบกอดลูกสาวแน่น ปลอบใจให้มีสติและคิดแก้ปัญหา
“พ่อภูมิใจที่เลี้ยงลูกให้เป็นคนดีและกตัญญู แต่เวลาเดียวกันก็รู้สึกผิดที่คำสอนของพ่อมันย้อนมาทำร้ายลูก”
รจนา ไฉนสูดหายใจยาว ปาดน้ำตาและมองพ่อนิ่ง “คุณพ่อไม่ผิดหรอกค่ะ สิ่งที่ผิดบาปและเลวร้ายที่สุดคือความโลภในใจมนุษย์ คุณพ่อสบายใจเถอะ...เพื่อนจะใช้คำสอนคุณพ่อเป็นเกราะป้องกันภัย”
นพรัตน์โล่งใจที่ลูกสาวไม่หงออย่างที่ผ่านมา แต่ยังสงสัยว่าเธอจะจัดการกับเรื่องบ้าๆพวกนี้ยังไง...
ooooooo
โลมฤทัยกับลำเพาเดินสำรวจทั่วไร่เพื่อตรวจตราทรัพย์สิน มั่นใจมากว่าต้องตกเป็นของตนในเร็ววัน นึกถึงใบหน้าซีดเผือดของรจนาไฉนที่โดนทวงบุญคุณแล้วอดหัวเราะให้กันไม่ได้
“คนหัวอ่อนอย่างพี่เพื่อนไม่กล้าปฏิเสธใครหรอก ตราบใดที่ยังรักคนอื่นมากกว่าตัวเองก็ต้องเป็นเบี้ยล่างของเรา”
โลมฤทัยมั่นใจ แต่แล้วต้องเบ้หน้าเมื่อเห็นรจนาไฉนเดินมา ลำเพาอดหมั่นไส้ไม่ได้พูดแดกดันจนรจนาไฉนน้ำตารื้น
“ความกตัญญูสำนึกในบุญคุณคนที่พ่อพร่ำสอนคงจะฝังอยู่ในสมองแก”
“ถ้าพี่ปฏิเสธ...ความกตัญญูจะตราหน้าพี่ชั่วชีวิต”
“พี่ขอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่...แต่พี่ยกคุณปัทม์ให้น้องพบไม่ได้”
โลมฤทัยกับลำเพาเบิกตาโพลง ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำปฏิเสธ รจนาไฉนยิ้มอ่อนๆพลางอธิบาย
“นอกจากความกตัญญูแและรู้คุณคนแล้ว คุณพ่อยังสอนให้เพื่อนทำหน้าที่ของภรรยา ต้องรักและดูแลเอาใจใส่สามีให้ดีที่สุดเหมือนเป็นชีวิตของเรา คุณแม่กับน้องพบคงเข้าใจนะคะ”
ลำเพาส่งเสียงกรี๊ดด้วยความไม่พอใจ กระทืบเท้าเร่าๆหาว่ารจนาไฉนเนรคุณ
“เพื่อนยอมเป็นลูกเนรคุณแต่เพื่อนคงทรยศความรักของคุณปัทม์ที่มีต่อเพื่อนไม่ได้ค่ะ การตอบแทนบุญคุณกับเรื่องของหัวใจมันคนละส่วนกัน”
ลำเพาพูดไม่ออก รจนาไฉนจึงหันไปรวบรัดตัดบทกับโลมฤทัย “ถ้าวันไหนน้องพบมีความรักอย่างจริงใจกับใครสักคนคงจะเข้าใจและเห็นด้วยกับการตัดสินใจของพี่”
รจนาไฉนเดินแยกไปแล้ว สองแม่ลูกได้แต่มองตามด้วยแววตาแข็งกร้าว หมายมาดจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้!
เวลาเดียวกันที่บ้านพ่อเลี้ยงเจง...อุรารัตน์นั่งหน้าซึมในห้องนอน นึกเคืองแค้นโชคชะตาที่ต้องเสียรู้วราห์แถมมีพ่อแสนเย็นชาอีกต่างหาก พ่อเลี้ยงเจงเข้ามาหาและชวนคุยแต่เธอยังนิ่งไม่สนใจ เขามองภาพถ่ายครอบครัวรอบห้องแล้วตัดสินใจพูดความตั้งใจจริงที่เข้ามาหาลูกสาววันนี้
“นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้เที่ยวด้วยกัน พ่อซื้อแพ็กเกจไปเล่นสกีที่สวิตฯสำหรับพ่อกับลูก”
อุรารัตน์รับแพ็กเกจนั้นมาฉีกทิ้งอย่างไม่ไยดี “ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลัง แอรี่ไม่ไป ไม่ทำอะไรทั้งนั้น!”
พ่อเลี้ยงเจงชักฉุนเพราะไม่เคยต้องอดทนกับใครมาก่อน อุรารัตน์เชิดหน้าไม่กลัว อยากวัดใจเหมือนกันว่าพ่อจะทำอย่างไร พ่อเลี้ยงเจงสูดหายใจยาวเรียกสติกลับคืนมาแล้วยิ้มกว้างไม่ถือสา
“ถ้าอยากไปเมื่อไหร่ก็บอกนะ พ่อจะไปด้วย”
จบคำเขาก็เดินก้มหน้าออกจากห้อง อุรารัตน์ได้แต่มองตามงงๆ ไม่คิดว่าพ่อจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
ooooooo
พ่อเลี้ยงเจงเรียกศักดิ์มาพบเรื่องวางแผนผลิตและขนยางวดต่อไป ศักดิ์ระแวงหน่อเอเพราะรู้จักสถานที่ตั้งโรงงานเป็นอย่างดีแต่พ่อเลี้ยงเจงไม่คิดมาก สั่งให้เดินหน้าผลิตยาทันที ฝ่ายอุรารัตน์ก็เสียดาย
แพ็กเกจท่องเที่ยวและรู้สึกผิดที่พูดจาก้าวร้าวกับพ่อ นงนุชปลอบใจด้วยการหยิบนิตยสารที่เธอเคยถ่ายแบบกับปัทม์ให้ดู
“นางแบบงามเลิศในปฐพี นายแบบก็ดูดีไม่มีใครเกิน เหมาะสมยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยกทาวเวอร์ค่ะ”
“งานแต่งของฉันกับปัทม์ต้องยิ่งใหญ่ระดับห้าดาว”
อุรารัตน์อารมณ์ดีขึ้นทันตาแต่ไม่กี่อึดใจต่อมาก็ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน หัวเสียมากเมื่อเห็นภาพรจนา–ไฉนถ่ายกับปัทม์แทรกอยู่ด้วย เธอฉีกภาพนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยระบายอารมณ์ริษยา
“ฉันเกลียดมัน ฉันไม่ยอมเสียปัทม์ให้มันเด็ดขาด!”
ในขณะที่ทุกคนจมอยู่กับความทุกข์...รจนาไฉนกลับมีช่วงเวลาดีๆ เธอไปช่วยปัทม์อาบน้ำม้า ขมีขมันทำงานและหยอกล้อกันตามประสาสามีภรรยา ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าสองแม่ลูกแอบมองตามด้วยความไม่พอใจ โลมฤทัยประกาศกร้าวจะแย่งปัทม์คืนมาให้ได้
“มันไม่ง่ายอย่างที่คิดนะคะ ลูกก็รู้ว่าสองคนนั้นรักกัน คุณปัทม์ทั้งรักทั้งหลงมันมาก”
“ดีสิคะ...ยิ่งรักมากหลงมาก...ความรักจะกลายเป็นความเกลียดชังง่ายๆเมื่อรู้ว่าหญิงที่รักปันใจให้ชายอื่น”
โลมฤทัยมองคู่สามีภรรยาด้วยความเจ็บแค้น แล้วเริ่มแผนสร้างความร้าวฉานในครอบครัวปัทมกุลเช้าวันถัดมา ด้วยการใส่ร้ายรจนาไฉนที่พูดคุยกับพูนทวีอย่างสนุกสนาน พูนทวีจะอธิบายเพื่อรักษาเกียรติของรจนาไฉนแต่ปัทม์ยกมือห้ามเสียก่อน
“ถ้าภรรยาฉันเป็นห่วงเพื่อนรักของฉันเป็นเรื่องผิด ฉันคงเป็นเพื่อนที่แย่มาก ใครๆก็รู้ว่ารจนาไฉนเป็นคนมีน้ำใจ แต่หากใครคิดในทางอกุศลก็ถือเป็นความคิดที่ชั่วร้ายมาก...คุณพบว่าไหมครับ”
โลมฤทัยแทบจุกแต่ยังยิ้มรับ “ใช่ค่ะ...พบเป็นน้องพี่เพื่อนจะไม่รู้จักนิสัยพี่สาวได้ไงคะ”
“แกมาก็ดีแล้ว มีเรื่องอยากคุยตามประสาเพื่อนรัก เรียนเชิญทางนี้”
พูนทวีลากปัทม์ไปคุยอีกด้าน รจนาไฉนจึงถือโอกาสพูดกับน้องสาวเรื่องปัทม์
“น้องพบเลิกเถอะ...ไม่มีประโยชน์หรอก ความรักความเข้าใจระหว่างพี่กับคุณปัทม์มันหยั่งรากลึกเกินจะไถ่ถอน”
รจนาไฉนเลี่ยงออกไปแล้ว โลมฤทัยมองตามด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“ผูกพันกันนักเหรอ ก็ให้มันรู้ไปว่าจะเอาชนะความเกลียดชังของฉันได้!”
ooooooo
ปัทม์กับพูนทวีปรึกษากันเรื่องพ่อเลี้ยงเจง หนักใจแทนปวุฒิที่คงต้องเจอของแข็ง ปัทม์พอรู้ข้อมูลเรื่องที่ตั้งโรงงานผลิตยาบนดอยจากหน่อเอแต่ไม่แน่ใจพิกัด พูนทวีเสนอให้หน่อเอเป็นพยาน ปัทม์เห็นดีด้วยแต่ไม่แน่ใจว่าหนุ่มชาวดอยจะร่วมมือด้วยหรือไม่
หน่อเอไม่เสี่ยงให้เดือดร้อนเหมือนที่ผ่านมาแต่เมื่อกลับบ้านไปเจอนาองร้องห่มร้องไห้เพราะกลัวอดตายเนื่องจากไร่นาถูกพวกพ่อเลี้ยงเจงเผาจนเกลี้ยงเมื่อครั้งที่แล้วก็เปลี่ยนใจ ยอมร่วมมือกับปัทม์และตำรวจเพื่อกำจัดผู้มีอิทธิพลใจทรามอย่างพ่อเลี้ยงเจงขั้นเด็ดขาด
ปัทม์กับพูนทวีจึงรีบไปบอกปวุฒิเรื่องแผนการทั้งหมด รวมทั้งไม้ตายสำคัญที่จะใช้หน่อเอไปล้วงความลับเรื่องสถานที่ตั้งโรงงานบนดอย สารวัตรหนุ่มยังลังเล ไม่อยากให้พลเมืองดีมาเสี่ยงด้วย
“คุณอย่ายุ่งเรื่องนี้ดีกว่า...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ”
“ถอดหัวโขนแล้ววางทิฐิลง การแก้ปัญหายาเสพติดเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ไม่มีใครมีอำนาจเหนือใคร ถึงเวลาที่เราต้องร่วมมือกันเพื่อประเทศชาติของเรา”
ปัทม์เกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น พูนทวีขอร่วมด้วยเพราะอยากช่วยทางการ ปวุฒินับถือความกล้าหาญของปัทม์แต่ไม่แสดงให้รู้กลัวเสียฟอร์ม พยักหน้าตกลงอย่างเสียไม่ได้ สองหนุ่มยิ้มร่าชวนไปหารือกันต่อตลอดทั้งบ่าย
บ่ายวันเดียวกัน...หน่อเอดำเนินการตามแผนด้วยการแฝงตัวเข้าบ้านพ่อเลี้ยงเจงและทำทีบอกความลับเรื่องปัทม์ร่วมมือกับตำรวจวางแผนดักจับขบวนการค้ายา
“ข้าอยากได้เงิน ข้าอยากไปจากที่นี่ พ่อเลี้ยงเจงรีบขนของหนีไปซะเถอะ”
พ่อเลี้ยงเจงไม่เชื่อแต่ก็ระแวงไม่น้อย สั่งลูกน้องระงับการขนยาเพื่อดูท่าทีตำรวจและพิสูจน์คำพูดของหน่อเอ ดังนั้นเมื่อกองกำลังตำรวจและปวุฒิดักโจมตีขบวนค้ายาจึงไม่พบอะไรผิดปกติ ปัทม์ ปวุฒิ และพูนทวีจำต้องกลับไปตั้งหลัก...กลัวเหลือเกินว่าแผนล่อเสือออกจากถ้ำของปัทม์จะไม่สำเร็จ
ooooooo
พ่อเลี้ยงเจงใจไม่ดีเมื่อได้รับรายงานจากศักดิ์ว่าตำรวจไปดักจับหน้าโรงงานบนผาเพลิงจริง หน่อเอพยายามหว่านล้อมแต่พ่อเลี้ยงเจงไม่เชื่อ แถมสั่งลูกน้องให้ลากตัวหนุ่มชาวดอยไปฆ่าทิ้งเพื่อตัดปัญหาพร้อมส่งคนอีกกลุ่มไปเผาโรงงานทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน...แค้นปัทม์เหลือเกินที่แส่ทุกเรื่องจนเขาแทบกระดิกไม่ได้
“เสร็จเรื่องนี้ แกไม่ตายดีแน่...ไอ้ปัทม์”
หน่อเอถูกจับมัดมือไพล่หลัง กลัวจับขั้วหัวใจที่ต้องตายโดยไม่ทันร่ำลาเมีย ทันใดนั้น...มีลูกดอกยิงใส่มือลูกน้องพ่อเลี้ยงเจงล้มลง ชิกับพวกคนงานในไร่ปัทมกุลออกมาแก้มัดให้ หน่อเอดีใจที่มีคนมาช่วย ไม่ต้องตายอนาจแบบหมาข้างถนนอย่างที่กลัว
หน่อเอนำเรื่องที่ได้ยินจากพ่อเลี้ยงเจงโดยเฉพาะเรื่องที่ตั้งโรงงานผลิตยามาบอกพวกปัทม์และปวุฒิในเวลาต่อมา พูนทวีภูมิใจในตัวเพื่อนมากที่คิดแผนลวงนี้ออกมาได้
“แผนของแกยอดเยี่ยมมาก...ใช้หน่อเอแกล้งทำเป็นทรยศ”
“ผมรู้ว่าบนดอยมีโรงงานแต่ไม่รู้พิกัด ผมจึงใช้หน่อเอเป็นนกต่อให้มันย้ายเครื่องจักรและปิดโรงงานหนี”
ปวุฒิพยักหน้ารับแข็งขัน ปัทม์จึงเสริมข้อมูลอีก อย่าง “นี่เป็นโอกาสเดียวจะถอนรากถอนโคนพวกมัน ที่สำคัญต้องไม่ให้เรื่องนี้หลุดไปถึงปลัดวราห์ สารวัตรก็รู้ว่าเขาไว้ใจไม่ได้ ผมจะให้คนงานดักซุ่มตามเส้นทางออกจากดอย ถ้าพบการเคลื่อนไหวจะรายงานคุณทันที”
พูนทวีเห็นสองหนุ่มคุยกันถูกคอก็ดีใจ เชื่อว่าประเทศชาติโชคดีมากที่มีคนกล้าอย่างปัทม์กับปวุฒิ
เวลาเดียวกัน...พวกชิและหน่อเอยังเฝ้าอยู่หน้า โรงงาน จับตาดูความเคลื่อนไหวของลูกน้องพ่อเลี้ยงเจง อย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นศักดิ์กับลูกสมุนจำนวนหนึ่งขับรถออกมาก็รีบโทร.บอกปัทม์ ปวุฒิจึงพาลูกน้องไปดักจับโดยมีปัทม์กับพูนทวีตามไปสังเกตการณ์ด้วย
พวกศักดิ์เจอด่านตรวจระหว่างทางจึงตัดสินใจขับรถฝ่าออกไป สวนกับพวกปวุฒิที่มาถึงทันเวลาและรีบขับรถขนาบข้าง ปัทม์ชักปืนยิงล้อจนรถศักดิ์เสียหลักชนต้นไม้ข้างทางต้องหนีทุลักทุเลเข้าป่ารกชัฏ สารวัตรหนุ่มสั่งให้ลูกน้องตามติด ส่วนตัวเองเดินมาขอบคุณปัทม์ที่ช่วยเหลือจนขัดขวางกองกำลังค้ายาได้สำเร็จพร้อมหลักฐานแน่นหนา
“คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณผม ผมทำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและไม่ให้ตำรวจจับผิดคนอีก”
สองหนุ่มมองหน้ากันด้วยความรู้สึกดีต่อกันมากขึ้น ปวุฒิยื่นมือให้จับเพื่อแสดงความนับถือจากใจจริง ปัทม์ลังเลเพราะยังไม่อยากญาติดีด้วยมากนัก ปวุฒิรู้แกวรีบดักคอ
“หน้าที่ก็คือหน้าที่...ผมไม่เคยเอามาปนกับเรื่อง ส่วนตัว”
“ในความสัมพันธ์ส่วนตัว ผมไม่เคยลืมว่าคุณไม่ใช่เพื่อนของผม”
“เช่นกันครับ...ผมจะจำไว้เสมอว่าคุณแย่งชิงคนรักของผมไป และอีกไม่นานหรอก...ผมจะเอาคืน”
“คงไม่ทำร้ายจิตใจกันเกินไป ถ้าผมจะบอกว่า... มันคงสายไปแล้ว”
“ไม่มีคำว่าสายเพราะคุณได้เพียงตัวคุณเพื่อน... แต่หัวใจเธออยู่กับผม”
ปัทม์เชื่อมั่นว่ารจนาไฉนต้องเลือกเขา ขึ้นรถขับ ออกไปพร้อมพูนทวี ปวุฒิได้แต่มองตาม...ตั้งใจว่าจะไปทวงหัวใจคืนให้เร็วที่สุด
ooooooo
พ่อเลี้ยงเจงได้ข่าวเรื่องลูกน้องโดนจับก็รีบเก็บข้าวของเตรียมหนีไปกบดาน อุรารัตน์เป็นห่วงมากเข้ามาช่วยและโผกอดพ่อแน่น พ่อเลี้ยงเจงจับมือลูกสาวพลางปลอบเสียงอ่อน
“พ่อจะหลบไปชายแดนสักพักรอดูสถานการณ์ ลูกเองก็ไปอยู่กับเพื่อนที่กรุงเทพฯก่อน”
“แอรี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“พ่อขอโทษที่ทำให้ลูกเดือดร้อนไปด้วย”
พ่อเลี้ยงเจงพยายามสงบสติอารมณ์ไม่แสดงความอ่อนแอให้ลูกสาวเห็นแต่ไม่ได้ผลอะไรมาก อุรารัตน์ร้องไห้โฮกลัวพ่อถูกจับ สองพ่อลูกกอดกันกลมด้วยความรักเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ศักดิ์ที่หนีตายจากตำรวจได้อย่างหวุดหวิดวิ่งมาบอกว่าตำรวจบุกบ้านแล้ว อุรารัตน์หน้าถอดสี ออกอุบายให้พ่อหนีไปกับศักดิ์ ส่วนตัวเองจะถ่วงเวลาให้
นงนุชมาช่วยรับหน้า ตกใจมากเมื่อเห็นหมายศาลพร้อมสั่งค้นทั่วบ้าน อุรารัตน์ตาเหลือกกระโจนเข้าขวาง
“จะตรวจห้องไหนก็ต้องให้ฉันไปด้วย ไม่งั้นฉันอาจโดนยัดยา”
นงนุชร่วมด้วยช่วยกันสุดฤทธิ์ ปวุฒิรู้ทันสองสาวว่าพยายามถ่วงเวลาจึงประกาศกร้าวให้ค้นทุกห้อง อุรารัตน์หน้าเสียแต่พยายามเก็บอาการ เดินตามเข้าออกทุกห้อง โล่งใจมากที่ไม่มีใครพบพ่อเลี้ยงเจงกับศักดิ์ แต่แล้วก็ต้องเครียดหนักเมื่อได้ยินปวุฒิออกคำสั่งกับลูกน้องให้ทำการอายัดทรัพย์สินทุกอย่างในบ้าน
“ถ้าศาลตัดสินว่าพ่อเลี้ยงเจงมีความผิดจริงและทรัพย์สินได้มาจากการค้ายา ทุกอย่างต้องตกเป็นของราชการ!”
อุรารัตน์แทบล้มทั้งยืนเมื่อฟังจบ นงนุชจะประคองออกไปแต่สารวัตรหนุ่มเดินมาขวางพร้อมเชิญสองสาวไปให้การที่โรงพัก ลูกสาวพ่อเลี้ยงเจงพูดไม่ออก เสียวสันหลังว่าจะเดือดร้อนในไม่ช้า...
ooooooo
รจนาไฉนรอคอยปัทม์กลับบ้านด้วยใจจดจ่อ เห็นเงาใครคนหนึ่งเดินผ่านด้านหน้าท่ามกลางสายฝน รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาจึงกางร่มออกไปดู เธอยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อเห็นเป็นสามีและเขาปลอดภัยดีไม่มีร่องรอยบาดเจ็บ รีบชวนเขาเข้าบ้านเพราะฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆแต่ปัทม์รั้งข้อมือไว้ สบตานิ่งพร้อมเย้าเสียงหวาน
“แก้มสีชมพูพอมีละอองฝนมาเกาะแล้วสวยจัง”
รจนาไฉนเขินจัด ปัทม์ได้จังหวะลากภรรยาคนสวยไปเล่นน้ำฝน รจนาไฉนกลัวเขาเป็นหวัดพยายามชวนเข้าบ้านแต่เขาไม่แคร์ อยากอยู่ตามลำพังกับเธอมากกว่า
“มีคนช่วยสระผมให้ หวัดเล่นงานไม่ได้หรอก”
“เล่นน้ำฝนไม่กลัวฟ้าผ่าหรือคะ”
“มีคนที่ผมรักอยู่ด้วย ผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น”
“ชีวิตไม่ควรประมาทนะคะ ฉันไม่อยากให้คุณเอา ชีวิตมาเสี่ยงเหมือนที่คุณไปช่วยจับขบวนการค้ายา”
“ถ้าเรากลัวตายแล้วใครจะช่วยปกป้องแผ่นดินนี้ คุณเองก็อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนมีความสุขไม่ใช่หรือ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัวสำหรับผมอีกแล้วตั้งแต่ผมมีคนที่ผมรัก”
“และเธอคนนั้นก็รักคุณ”
สองหนุ่มสาวมองตากันหวานซึ้ง เขาโน้มตัวลงจูบเธอด้วยความรัก มีความสุขมากที่ได้มีกันและกัน...
ปัทม์กลับเข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในครู่ใหญ่ต่อมา มองหาภรรยาคนสวยเห็นยืนเช็ดผมที่ระเบียงจึงเข้าไปสวมกอดจากด้านหลังและแย่งผ้ามาเช็ดผมให้ รจนาไฉนพอใจที่สามีช่างเอาใจใส่
“ทำเป็นด้วยเหรอ นึกว่าจะเป็นแต่โวยวายด่าคนงานหรือออกไปบู๊อย่างเดียว”
ปัทม์ไม่ถือสาเพราะรู้ว่าเธอแกล้งพูด รจนาไฉนนึกได้ว่าเขาไปช่วยจับพ่อเลี้ยงเจง นึกเป็นห่วงอุรารัตน์ว่าคงลำบากไม่น้อย ปัทม์ส่ายหน้าน้อยๆในความใสซื่อของภรรยา จับมือเธอวางแนบอกพร้อมเอ่ยเสียงอ่อน
“รจนาไฉน...บางครั้งฉันก็กลัวว่าความรักและความช่างสงสารจะนำภัยมาสู่ตัวเธอเอง”
“คุณปัทม์...นับตั้งแต่วันที่เรามีกันและกัน ฉันไม่เคยกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลย ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือร้าย ฉันเชื่อว่าคุณจะเคียงข้างฉันและคอยช่วยเหลือฉันตลอดไป”
สองสามีภรรยาโอบกอดกันด้วยความรัก ไม่รู้ตัว แม้แต่น้อยว่าโลมฤทัยแอบมองจากด้านล่าง แค้นใจเหลือ เกินที่พี่สาวนอกไส้ได้ทุกอย่างไปครอง
“ที่ตรงนั้นมันต้องเป็นของฉัน...ไม่ใช่แก!”
ooooooo