icon member

มัจจุราชสีน้ำผึ้ง

ตอนที่ 11

นพรัตน์ดีใจที่ลูกสาวมาเยี่ยมแถมส่งเงินให้รักษาตัวทุกเดือน รจนาไฉนไม่รู้เรื่อง นึกสงสัยว่าปัทม์เป็นต้นคิดทั้งหมด สองพ่อลูกหันไปมองพร้อมกันจนพ่อเลี้ยงหนุ่มต้องเข้ามาหา นพรัตน์ไม่รอช้าขอบคุณลูกเขยที่ช่วยเหลือทุกอย่าง

“อย่าขอบคุณผมเลยครับ มันคือหน้าที่และการชดเชยความผิดที่ผมเคยหยามเกียรติและศักดิ์ศรีคุณอา ผมสัญญาครับ...ว่าต่อไปนี้จะรักและดูแลรจนาไฉนยิ่งกว่าชีวิตของผม”

รจนาไฉนซึ้งใจที่เขายอมรับในตัวเธอ นพรัตน์น้ำตาคลอจับมือปัทม์มากุมมือรจนาไฉน

“ไม่มีสุขไหนยิ่งใหญ่กว่าคนเป็นพ่อรู้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งพร้อมดูแลและปกป้องลูกสาว...ผมขอฝากรจนาไฉนด้วย”

ปัทม์รับปากพร้อมกระชับมือเธอแน่นเพื่อยืนยันสัญญา รจนาไฉนปลื้มใจมากหาโอกาสขอบคุณเขาจากใจจริง

“บุญคุณของคุณมันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะทดแทนได้ ต่อไปนี้...คุณจะให้ทำงานอะไรฉันยอมทุกอย่าง”

ปัทม์ยิ้มให้อย่างอบอุ่น ประคองเธอไว้ในอ้อมแขน “สิ่งที่ฉันทำให้เธอยังน้อยไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับน้ำใจและความจริงใจของเธอ จากนี้...เธอไม่ได้ทำเพื่อฉันและฉันไม่ได้ทำเพื่อเธอแต่เราจะทำเพื่อกันและกัน”

สองหนุ่มสาวโอบกอดกันด้วยความรัก เดินจับมือออกไปข้างนอกเสมือนการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ สุขล้นในอกเหลือเกินที่ได้เปิดใจต้อนรับกันและกันเป็นครั้งแรก...

เวลาเดียวกันที่หน้าโรงพยาบาล...ลำเพากับโลมฤทัยมาเยี่ยมนพรัตน์ด้วยความหงุดหงิด อาการเจ็บป่วยกะทันหันของเขาทำให้ผิดแผนไปหมด ทั้งเรื่องเดินทางไปเชียงรายของโลมฤทัยและแผนเข้าบ่อนต่อทุนของลำเพา ไหนจะค่ารักษาพยาบาลที่ยังไม่รู้จะหาจากไหนเพราะทุกวันนี้ก็แทบไม่พอใช้จ่ายในบ้าน

สองแม่ลูกมาถึงคลาดกับปัทม์และรจนาไฉนอย่างหวุดหวิด โวยวายใส่นพรัตน์ที่ไม่ยอมรั้งสองสามีภรรยาไว้ก่อน นพรัตน์ส่ายหน้าเอือมระอาบอกว่าปัทม์เป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดพร้อมทิ้งเช็คเงินสดให้ลำเพาถึงห้าแสน ลำเพาถึงกับตาโตตื่นเต้นจนลืมโกรธ ส่วนโลมฤทัยกลับเต้นผ่างด้วยความริษยาและค่อนแคะพี่สาวด้วยความเจ็บใจ

“มันคงกลัวคุณปัทม์จะทิ้งถึงต้องลากเขามาเยี่ยมคุณพ่อด้วย”

“คุณปัทม์เป็นคนพาลูกเพื่อนมาเอง เขาตั้งใจมาขอโทษและรับผิดเรื่องที่ผ่านมา แถมยังยกย่องลูกเพื่อนในฐานะภรรยาด้วย” สองแม่ลูกไม่อยากเชื่อ นพรัตน์ภูมิใจในตัวลูกเขยมากพร่ำพูดไม่หยุดปาก “ต่อไปนี้คุณคงมีความสุขที่ลูกเพื่อนจะไม่เป็นภาระอีก ส่วนลูกพบก็ไม่ต้องลำบากเดินทางไปเชียงรายเพราะคุณปัทม์เลือกคู่ชีวิตแล้ว”

โลมฤทัยเจ็บจี๊ดผลุนผลันออกไปกรี๊ดระบายอารมณ์ ลำเพาตามปลอบแต่ไม่ค่อยได้ผล

“อย่าคิดนะว่าคุณปัทม์เลือกแล้วมันจะมีความสุข พบจะแย่งคุณปัทม์มาให้ได้!”

จบคำก็พรวดพราดออกจากโรงพยาบาล ลำเพาได้แต่ไล่ตามติด กลัวใจลูกสาวเหลือเกิน...

ooooooo

อุรารัตน์ยืนมองตัวเองในกระจกด้วยความคับแค้นใจ เจ็บลึกในอกที่เสียรู้เสียตัวให้วราห์หลายคืนก่อนภาพความทรงจำขมขื่นย้อนมาในหัวอย่างช่วยไม่ได้ เธอขยะแขยงตัวเองจนต้องกลับไปอาบน้ำเพื่อล้างสัมผัสน่ารังเกียจ และเมื่อเธอได้พบปลัดหนุ่มอีกครั้งในวันถัดมาก็ระบายอารมณ์ใส่ด้วยการตบหน้าเขาเต็มแรง

วราห์ไม่สะทกสะท้านแถมยังยิ้มเย้ย “นี่เป็นการทักทายตามประสาคนคุ้นเคยหรือครับ”

อุรารัตน์เลือดขึ้นหน้าตบซ้ำอีกครั้ง คราวนี้วราห์ชักฉุน

“ถ้ารู้ว่าคุณมีรสนิยมแบบนี้ คืนนั้นผมคง...”

“เลิกพูดถึงเหตุการณ์วันนั้น มันเป็นแค่ฝันร้ายและมันจะไม่เกิดขึ้นอีก!”

“อย่าปิดกั้นตัวเองสิครับ คุณก็รู้ว่าผมรักและหวังดี ผมอยากรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น”

“ไม่ต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษเพราะแกมันไม่ใช่...ฉันไม่ได้เสียอะไรทั้งนั้น ที่ผ่านมาคิดซะว่าให้ทาน” วราห์จะเข้ามาคลอเคลียแต่อุรารัตน์รู้ทันรีบขู่ “อย่ามาตอแยฉันอีก ไม่งั้นฉันเอาแกตายแน่!”

อุรารัตน์จ้ำอ้าวออกจากห้องไปแล้ว วราห์จะตามแต่ต้องชะงักเมื่อพ่อเลี้ยงเจงโผล่มาขวาง แม้ไม่รู้ความอัปยศของลูกสาวแต่ก็ไม่ชอบใจที่ปลัดหนุ่มคิดจะจีบ แกล้งพูดข่มให้เจียมเนื้อเจียมตัว

“ขอบใจที่มาหาแต่ลูกสาวฉันไม่ชอบทานของข้างทาง แอรี่มีรสนิยมพอจะเลือกแต่ของดีที่เหมาะสม”

วราห์ก้มหน้างุดออกจากบ้าน แต่เมื่อลับตาพ่อเลี้ยงก็แสยะยิ้มอาฆาต

“หยิ่งผยองทั้งพ่อทั้งลูก อย่าให้ถึงทีกูบ้างก็แล้วกัน!”

ฟากพูนทวีกำลังเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากชาวดอย เห็นรถวราห์ขับออกจากบ้านพ่อเลี้ยงเจงก็สงสัยว่าปลัดหนุ่มอาจมีลับลมคมในกับพ่อเลี้ยงเจง และแปลกใจกว่าเดิมเมื่อเห็นรถกระบะอีกคันแล่นผ่านไป คราวนี้เป็นศักดิ์มือขวาคนสำคัญของพ่อเลี้ยงเจงนั่งมากับลูกสมุนจำนวนหนึ่ง พูนทวีมึนตึ้บ คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไร...

ค่ำวันเดียวกัน...ปัทม์กับรจนาไฉนกลับถึงบ้านปัทมกุล เขาไล่เธอไปพักแล้วแอบตามไปดักรอในห้อง รจนาไฉนมองหาภาพถ่ายตัวเองกับนพรัตน์แต่หาไม่เจอ ปัทม์เข้ามาหาจากด้านหลังและยื่นภาพนั้นในกรอบสวยงามให้

“ภาพสำคัญของครอบครัวควรใส่กรอบจะได้ไม่ขาดหรือปลิวหาย”

รจนาไฉนถือกรอบรูปมาวางหัวเตียง ปลาบปลื้มมากที่ปัทม์ช่างเอาใจใส่ เธอเพ่งมองรูปถ่ายอีกครั้งแล้วเพิ่งสังเกตเห็นภาพการ์ตูนเจ้าชายที่ถูกตัดจากหนังสือนิทานแปะไว้ข้างๆภาพตัวเอง

“ต่อไปนี้ชีวิตเธอไม่ได้มีแค่พ่อที่รักเธอเท่านั้น แต่ยังมีเจ้าชายอยู่เคียงข้างเธออีกคน”

รจนาไฉนเขินในความโรแมนติกของสามี ปัทม์ได้ทีหยิบปากกามาเขียนชื่อตัวเองไว้ใกล้ๆภาพเจ้าชาย รจนาไฉนนึกสนุกแย่งปากกามาวาดเขาสองอันบนหัวเจ้าชาย

“คุณไม่เหมาะจะเป็นเจ้าชายหรอก...ท่านมัจจุราช”

ปัทม์สั่งให้ลบแต่รจนาไฉนไม่ยอม ถือกรอบรูปวิ่งหนีทั่วห้อง ปัทม์พยายามยื้อแย่งแต่ไม่สำเร็จ

“เห็นไหมล่ะ..คุณกำลังทำร้ายฉัน คนใจร้ายอย่างคุณต้องเป็นมัจจุราช”

สองหนุ่มสาววิ่งไล่กันรอบห้องจนเสียจังหวะล้มลงไปนอนบนเตียงด้วยกัน ปัทม์แกล้งคลานเข้าหาพลางแสยะยิ้ม รจนาไฉนค่อยๆถอยร่นหนี “อย่าเข้ามานะ...พญามัจจุราช”

ปัทม์ทำหูทวนลมแล้วเคลื่อนตัวมาใกล้เรื่อยๆ “ให้โอกาสแก้ตัวอีกครั้ง ถ้ายังว่าฉันอีกฉันจะจูบ”

รจนาไฉนอายหน้าแดงก่ำ ปัทม์ไม่รอช้าก้มลงขโมยจูบดื้อๆ ภรรยาวสาวคนสวยเขินจัดเพราะเป็นการจูบที่เต็มไปด้วยความรัก ปัทม์จ้องตาเธอนิ่งพร้อมอ้อนเสียงหวาน

“ฉันขอเป็นเจ้าชายของเธอได้ไหม”

รจนาไฉนประสานสายตาทั้งที่ใจเต้นแรง หวั่นไหวไปกับเขาจนไม่อาจฝืนใจตัวเอง “เพคะ”

ปัทม์ก้มลงจูบและโอบกอดเธอด้วยความรักล้นใจ รจนาไฉนเองก็ตอบรับสัมผัสอ่อนโยนจากเขาด้วยความเต็มใจ อบอุ่นในหัวใจที่ได้ใช้เวลาด้วยกันฉันสามีภรรยาเป็นครั้งแรก

ooooooo

พูนทวีมั่นใจว่าพ่อเลี้ยงเจงมีแผนบางอย่างเกี่ยวกับการค้ายา ตัดสินใจแจ้งเบาะแสทั้งหมดกับปวุฒิ สารวัตรหนุ่มแปลกใจที่หนึ่งในศัตรูหัวใจให้การช่วยเหลือ พูนทวีไม่สนใจเล่าเรื่องที่เห็นเมื่อวันก่อน

“ผมเห็นปลัดวราห์เข้าออกบ้านพ่อเลี้ยงเจงและตอนนี้พ่อเลี้ยงเจงก็นำคนต่างถิ่นเข้ามา ผมคิดว่าพวกเขากำลังสมรู้ร่วมคิดทำอะไรที่อาจเป็นภัยต่อชาติ”

ปวุฒิรับทราบและเชิญกลับเพราะไม่ค่อยชอบหน้า พูนทวีรีรอและหยิบกระเช้าสตรอว์เบอรี่มาวางบนโต๊ะ

“ผมเอามาฝากจากไร่เพื่อให้กำลังใจสารวัตรเพราะผมอยากได้ลูกค้ากลับคืนมา” ปวุฒิไม่เข้าใจพูนทวียิ้มน้อยๆและอธิบายอย่างใจเย็น “ถ้าตำรวจปราบปรามยาเสพติดหมดไปได้ก็จะไม่มีคนติดยา ชาวบ้านคงหันมาบริโภคผลไม้ในไร่ผมมากขึ้น เห็นไหมครับว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกัน”

ปวุฒิปฏิเสธไม่ลง ตั้งท่าจะชิมตามคำเชิญชวนแต่ต้องหมดอารมณ์เมื่อได้ยินพูนทวีพูดถึงปัทม์กับรจนาไฉนว่ากลายเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่น่าอิจฉา ควงกันไปเยี่ยมนพรัตน์ถึงกรุงเทพฯจนมีความรู้สึกที่ดีต่อกันมากขึ้น ปวุฒิชักสีหน้าจนพูนทวีเริ่มรู้ตัวว่าพูดมากเกินไป

“ผมขอโทษ...ลืมไปว่าสารวัตรเคยรักคุณเพื่อน ผมเข้าใจครับ คนเราเสียใจที่สุดเมื่อรู้ว่าคนรักมีใจให้คนอื่น”

“เวลาพูดอะไรน่าจะคิดสักนิดนะครับ มันไม่ใช่แค่ทำร้ายความรู้สึกผมแต่กลับมาทำร้ายตัวคุณเองด้วย”

พูนทวีอึ้งแต่ยังยิ้มสู้สวนกลับ “คุณเจ็บ ผมเจ็บเราเสมอกัน”

“ตราบใดที่เกมยังดำเนินอยู่ ผมก็มีสิทธิ์กลับเป็นผู้ชนะได้เสมอ”

ปวุฒิยังมุ่งมั่นเรื่องรจนาไฉน พูนทวีนับถือใจนักสู้แล้วเดินออกจากโรงพักเซ็งๆ นึกสงสารตัวเองที่ใจไม่ถึงพอจะแย่งรจนาไฉน แม้รู้ว่าเธอไม่เคยมีใจแต่ก็ตัดใจไม่ได้สักที...

ooooooo

รจนาไฉนตื่นเช้ามาสำรวจใบหน้าสามีด้วยความรัก ค่อยๆสัมผัสเขาและโน้มตัวจูบเบาๆที่แก้มก่อนลุกไปอาบน้ำและเตรียมเสื้อผ้าทำงานให้สามี นึกถึงเหตุการณ์ที่โลมฤทัยขอให้เธอหลีกทางแล้วรู้สึกผิดไม่น้อย ปัทม์เห็นภรรยาโดยพฤตินัยหมาดๆมีเรื่องกังวลใจก็เข้าไปสวมกอดจากด้านหลัง

“เธอกังวลใจเรื่องอะไร ผู้หญิงอ่อนโยนอย่างเธอปกปิดความรู้สึกไม่ได้หรอก มีปัญหาอะไรบอกฉันเถอะ ฉันพร้อมจะช่วยเหลือเธอเสมอ”

รจนาไฉนพยายามปฏิเสธแต่เขาไม่เชื่อจนเธอต้องแต่งเรื่องเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

“ฉันกังวลว่าสักวันหนึ่งถ้าฉันตื่นมาแล้วไม่เจอหน้าคุณ ฉันคง...”

“นั่นไม่ใช่เรื่องต้องทุกข์ใจเลยเพราะฉันจะเคียงข้างเธอเสมอทั้งยามหลับและตื่น”

ปัทม์ยิ้มให้เธอด้วยความรัก รจนาไฉนอบอุ่นใจมากแม้จะยังรู้สึกผิดกับโลมฤทัย พ่อเลี้ยงหนุ่มจุมพิตที่หน้าผากเธอและชวนออกไปข้างนอกเพราะมีแขกคนสำคัญรออยู่ รจนาไฉนออกไปเห็นนพรัตน์นอนบนเตียงในบ้านพักรับรองและมีพยาบาลพิเศษคอยดูแลไม่ห่างก็ดีใจมาก ปัทม์พลอยยิ้มตามไปด้วยที่เห็นเธอมีความสุข

“อากาศบริสุทธิ์และสิ่งแวดล้อมที่ดีน่าจะช่วยให้คุณพ่อมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น”

“แต่คุณพ่อต้องฟอกไตทุกอาทิตย์”

“ฉันประสานงานกับคุณหมอของโรงพยาบาลประจำจังหวัดแล้ว อยู่ที่นี่คุณพ่อจะมีพยาบาลส่วนตัวดูแล เธอเลิกกังวลได้แล้ว ส่วนคุณพ่อ...พักผ่อนตามสบายนะครับ ถือว่าเป็นบ้านของคุณพ่อเอง”

รจนาไฉนตื้นตันใจที่เขาให้ความรักและเคารพนพรัตน์เหมือนพ่อตัวเอง ส่งยิ้มหวานให้จนเขาแทบละลาย เฉไฉขอตัวออกไปทำงาน นพรัตน์มองตามพร้อมรอยยิ้มสุขใจ จับมือลูกสาวแนบอก

“พ่อมีความสุขที่สุด ไม่ใช่ว่าเพราะได้รับการรักษาหรือดูแลอย่างดีแต่เพราะหมดห่วงที่เห็นลูกได้คู่ครองที่รักและเป็นคนดีอย่างพ่อเลี้ยงปัทม์ ลูกต้องรักและดูแลเขาให้ดีนะ”

“ค่ะ...เขาเป็นเจ้านายที่ดีของลูกน้องและเป็นสามีที่ดีของหนู”

รจนาไฉนเห็นด้วยกับพ่อทุกประการ...คุณปัทม์ ฉันจะรักและดูแลคุณให้ดีที่สุด

ooooooo

รจนาไฉนซาบซึ้งในน้ำใจดีงามของปัทม์ ตัดสินใจไปปัดกวาดและตกแต่งสุสานแสงจันทร์ใหม่ ตกเย็นจึงพาเขาไปเยี่ยมและบอกว่าเป็นการขอบคุณที่ช่วยเหลือเธอกับพ่อ

“คุณพาคุณพ่อมาอยู่ด้วยแบบนี้ทำให้ฉันหมดห่วง ถึงเวลาที่ฉันจะช่วยคุณปลดปล่อยความทุกข์บ้าง”

ปัทม์ไม่เข้าใจ อารมณ์คุกรุ่นขึ้นมาเมื่อเห็นหลุมศพเมียเก่า เจ็บแค้นไม่หายที่เธอทรยศหักหลัง รจนาไฉนเข้าใจความรู้สึกเขาดีแต่อยากให้ทำใจเพราะทุกอย่างผ่านไปแล้ว

“ถึงเวลาที่คุณควรอโหสิกรรมให้คุณแสงจันทร์แล้วค่ะ การให้อภัยจะช่วยปลดพันธนาการ ทำให้วิญญาณของเธอหลุดพ้นจากความเกลียดชัง”

ปัทม์ยังรู้สึกแย่กับแสงจันทร์จนไม่อาจให้อภัยได้ หมุนตัวกลับจะเดินหนี รจนาไฉนรีบรั้งข้อมือไว้

“เชื่อฉันเถอะ...ไม่มีใครอยากเป็นคนเลวหรอกค่ะ ทุกคนมีเหตุผลในการกระทำเสมอ สิ่งที่เธอทำไปอาจไม่ถูกใจคุณแต่เธอก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีรัก โลภ โกรธ และหลง...”

“แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ เธอมีแต่ความโลภ ไม่เคยมีความรักให้ใคร”

“ยังไงเธอก็จากไปแล้ว อย่าเก็บเธอไว้ด้วยความเกลียดชังอีกเลย เพื่อเธอ...และเพื่อตัวคุณเอง”

ปัทม์ทึ่งในความดีของเธอแต่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องอภัยเพื่อตัวเอง รจนาไฉนยิ้มอ่อนๆพลางอธิบาย

“คุณจะก้าวไปหาความสุขในวันข้างหน้าได้ยังไงถ้าคุณยังแบกความทุกข์ใจไว้อย่างนี้ ความอาฆาตแค้นไม่เคยสร้างความสุขใจให้ใคร แต่ความรักและการให้อภัยจะทำให้โลกนี้มีแต่สันติสุข”

ปัทม์นิ่งไปอึดใจแล้วเดินตรงไปหน้าหลุมศพ “มันยากที่ฉันจะอภัยให้เธอ แต่ความรักของผู้หญิงตรงหน้าเธอยิ่งใหญ่พอจะลบล้างอคติในใจฉันให้หมดสิ้นไปได้ ขอให้เธอไปสู่สุขคติ ฉันอโหสิกรรมให้เธอ...แสงจันทร์”

รจนาไฉนภูมิใจในตัวสามีมาก ยื่นพานใส่ดอกไม้ให้เขาโปรยรอบหลุมศพแสงจันทร์ ปัทม์รู้สึกโล่งใจอย่างประหลาดเหมือนอะไรบางอย่างหนักอึ้งในใจถูกยกออกไป...ต้องขอบคุณรจนาไฉนจริงๆที่ทำให้เขาคิดได้

ooooooo

ปัทม์ตอบแทนความดีของรจนาไฉนด้วยการควบม้าพาชมทุ่งดอกไม้และเที่ยวน้ำตกในวันรุ่งขึ้น หญิงสาวมีความสุขมากกับบรรยากาศสวยงามโดยรอบ ปัทม์มองด้วยความเอ็นดูและนึกสนุกชวนเธอไปเล่นน้ำ รจนาไฉนก้าวไปยืนบนโขดหินโดยที่สามีหนุ่มตามประคองไม่ห่าง กลัวๆกล้าๆไม่กระโดดลงไปสักที

“น้ำเย็น...ฉันกลัวจะหนาวตาย”

“มีฉันอยู่ทั้งคน...ชีวิตเธอจะไม่หนาวอีกแล้ว ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ”

ปัทม์กอดเธอแน่นด้วยความรัก รจนาไฉนเขินจัดแกล้งผลักเขาจนตกลงไปในน้ำด้วยกัน

“คุณพูดเองนะคะว่าเราจะอยู่เคียงข้างกัน...”

ปัทม์ไม่ถือสายิ้มยั่ว “แต่ฉันหนาวนะ มาให้ฉันกอดซะดีๆ”

รจนาไฉนว่ายหนีมาหยุดที่กลางน้ำตก ปัทม์ค่อยๆ โผล่จากด้านหลังและโอบกอดเธอไว้ รจนาไฉนดิ้นขลุกขลักเพราะความอาย พยายามผลักตัวออกแต่ไม่ได้ผล เขายังกอดแน่นแถมขอจูบ เธอเบี่ยงหน้าหลบพัลวัน สองหนุ่มสาวยิ้มให้กันเขินๆ มีความสุขกับทุกนาทีที่ได้อยู่ด้วยกัน

รจนาไฉนเตรียมเครื่องหอมมานวดและทำสปาให้สามีหลังขึ้นจากน้ำ ปัทม์แกล้งไม่ยอม อ้างว่ากลัวเธอกดจุดทำร้ายเพราะเคยก่อคดีไว้มาก รจนาไฉนขำจินตนาการของเขา รีบขู่ยิ้มๆ

“ใช่แล้ว...ฉันเจ็บแค้นมาก อย่างนี้ต้องเอาคืน ฉันจะกดจุดให้กลายเป็นอัมพาตอัมพฤกษ์ไปเลย”

รจนาไฉนลงมือนวดอย่างแรง ปัทม์ไม่ถือสา “ฉันพร้อมยอมรับผิดที่ก่อไว้กับเธอ”

รจนาไฉนปลื้มที่เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดี ชโลมน้ำมันหอมทั่วหลังไหล่และนวดให้อย่างนุ่มนวล ปัทม์รู้สึกดีมากที่ได้อยู่กับคนรักท่ามกลางธรรมชาติแสนสวย นึกครึ้มใจถามเรื่องเธอไม่คิดแค้นใครก็ตามที่เคยทำร้าย

“การแก้แค้นมีแต่จะทำให้เกิดความสูญเสีย ทุกอย่างหยุดได้ด้วยตัวเรา”

“โดยที่เธอไม่คิดว่าศัตรูจะหาโอกาสมากลั่นแกล้งเธออีกน่ะหรือ”

“ฉันเชื่อว่าความรักและความดีจะเปลี่ยนใจคนได้ ตราบใดที่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีหัวใจ ไม่มีมนุษย์คนไหนจะฝืนต้านทานความรักหรือความดีได้”

“ถ้าฉันหลงทางมาเจอเธอกลางป่า ฉันคงคิดว่าเธอเป็นนางไม้ผู้อารีย์”

รจนาไฉนกดจุดแรงๆด้วยความหมั่นไส้ ปัทม์แกล้งเจ็บโอดโอยราวกับเด็กๆ

“โอ๊ย...เจ็บนะ ไหงนางไม้กลายร่างเป็นนางมารไปได้”

“ฉันแค่อยากยืนยันว่าฉันเป็นมนุษย์ที่มีความโกรธ”

ปัทม์เข้าใจความนัยที่เธอส่งมา คว้ามือเธอที่กำลังนวดมากุมไว้พร้อมบอกรักเสียงหวาน ค่อยๆดึงเธอลงมาใกล้และประทับจูบดูดดื่ม รจนาไฉนแทบสำลักความสุข ทวีความรักที่มีให้เขาจนหมดใจ

สองสามีภรรยากลับถึงบ้านช่วงบ่าย เซอร์ไพรส์มากที่เห็นโลมฤทัยปรากฏตัวพร้อมท่าทางอ่อนโยนผิดสังเกต ตัดพ้อต่อว่าพี่สาวบุญธรรมเสียงเครือที่แอบพานพรัตน์หนีมาโดยไม่บอกกล่าว

“พบเป็นห่วงคุณพ่อค่ะ ปกติพบต้องคอยป้อนยาป้อนอาหารให้ พอรู้ข่าวว่าท่านหายไปพบใจหายหมดเลย”

ปัทม์ไม่อยากเชื่อแกล้งเหน็บ “ไม่ยักรู้ว่าคุณพบคอยดูแลท่านด้วย เอาเป็นว่า...ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณ”

รจนาไฉนเห็นท่าไม่ดีพยายามชวนเปลี่ยนเรื่องแต่โลมฤทัยไม่ย่อท้อ บ่นน้อยอกน้อยใจพี่สาวว่าไม่ยินดีต้อนรับ แถมโอดครวญกับพี่เขยอยากขอดูแลพ่อที่นี่ด้วย ปัทม์รู้ทันมารยาแต่ไม่อยากโวยวายให้รจนาไฉนลำบากใจ

“บ้านนี้เป็นบ้านรจนาไฉนเหมือนกัน ในฐานะน้องสาวของภรรยา คุณโลมฤทัยจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้”

ปัทม์อนุญาตแบบขอไปทีและโอบรจนาไฉนเข้าห้อง โลมฤทัยมองตามด้วยความริษยา หมั่นไส้พี่สาวเต็มแก่ที่ได้ความรักจากพ่อเลี้ยงหนุ่ม...อย่าให้ถึงทีฉันบ้างแล้วกัน!

ooooooo

มัจจุราชสีน้ำผึ้ง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด