icon member

มัจจุราชสีน้ำผึ้ง

ตอนที่ 1

ท่ามกลางไร่ชาปลูกเป็นขั้นบันไดบนดอยสูง บรรดาชาวเขาเด็ดใบชาเป็นกิจวัตร เสียงควบม้าดังขึ้นจากอีกทางโดยปัทม์พ่อเลี้ยงหนุ่มสุดหล่อมาดเข้ม เจ้าของไร่ชาปัทมกุล ควบม้าด้วยท่วงท่าสง่างามผ่านไปอย่างเร่งร้อน

ณ มุมหนึ่งไม่ห่างกัน หน่อเอชาวเขาหนุ่มใหญ่แบกก๋วยหรือตะกร้าใบชา เดินนำลูกน้องจำนวนหนึ่งไปยังจุดนัดหมาย ปัทม์ขี่ม้ามาขวาง พร้อมชิลูกน้องคนสนิทและกลุ่มคนงาน หน่อเอมองกลุ่มพ่อเลี้ยงปัทม์ตีวงล้อมด้วยสายตาหวาดระแวง รีบบอกว่าต้องเอาใบชาไปส่ง ปัทม์ลงจากหลังม้า กระชากก๋วยเทลงพื้น ยาบ้าหลายมัดหล่นลงมา พ่อเลี้ยงหนุ่มหยิบขึ้นมา เหยียดยิ้มแล้วพูดแดกดัน

“ชาของพวกแกแปรรูปเป็นเม็ดใสสีน่ากินมาก ชาอัดเม็ดแบบนี้แหละที่ตำรวจต้องการ”

พวกหน่อเอสะอึก มองหน้ากันเลิ่กลั่กที่ถูกจับได้ ปัทม์ส่ายหน้าเหนื่อยใจ พยายามเกลี้ยกล่อมให้กลับตัว

“ตำรวจกำลังมาที่นี่ ฉันไม่อยากเห็นพวกแกหมดอนาคต คนเราหลงผิดกันได้ ทำลายยานั่นและกลับตัวใหม่”

หน่อเอทำท่าเหมือนยอม ทันใดนั้นก็ฉวยโอกาสควักปืนมาขู่

“คิดว่าแกเป็นใคร...เจ้าของไร่ชาที่ใหญ่ที่สุด เป็นเจ้าของชีวิตคนงานเกือบร้อย อย่าหวังเลยว่าคนอย่างหน่อเอจะยอมก้มหัวให้คนเมืองที่คิดเอาเปรียบพวกเรา”
ปัทม์หาจังหวะซัดหน่อเอจนคว่ำ แย่งปืนมาถือไว้ ประกาศกร้าว

“ลุกมาสู้กับฉัน ถ้าแกชนะ...ฉันจะปล่อยพวกแกให้เลือกชีวิตเอง แต่ถ้าแกแพ้...แกต้องใช้ชีวิตตามที่ฉันเลือก!”

หน่อเอฮึดสู้แต่โดนซ้อมจนแทบลุกไม่ขึ้น ปัทม์กระชากคอเสื้อและตะคอกเสียงดัง

“ต่อไปนี้ฉันคือเจ้าชีวิตพวกแก เลิกค้ายาบ้าซะ แกต้องไปทำงานไร่ฉัน โดยไม่มีค่าจ้าง”

หน่อเอไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ปัทม์ไม่ยี่หระสั่งให้ไปรายงานตัวที่ไร่เช้ารุ่งขึ้น แก๊งชาวเขาจำใจทิ้งก๋วยใส่ยาบ้า ผละออกไปด้วยท่าทางหัวเสีย ปัทม์รู้ทันตะโกนเตือนไล่หลังไม่ให้ผิดคำสัญญา เพราะตนไม่ปล่อยไว้แน่!

ปัทม์สั่งชิจัดการเผาหลักฐานทั้งหมด ไม่ให้ตำรวจสาวมาถึงตัวและพวกหน่อเอ

“พวกมันเป็นแค่เหยื่อ ถูกนายทุนหลอก ฉันเชื่อว่าจิตใจพวกมันรักดี ฉันต้องทำให้กลับมารักแผ่นดินเกิดให้ได้”

ชิทำตามคำสั่ง ส่วนปัทม์เป่าปากเรียกม้าและควบออกไปด้วยความชำนาญ

ขณะเดียวกันบนถนนขึ้นดอย กองกำลังตำรวจมุ่งหน้าไปจุดนัดพบซื้อขายยา ศักดิ์มือขวาคนสำคัญของพ่อเลี้ยงเจงสังเกตการณ์ด้วยสายตาระแวดระวัง รีบโทร.รายงานเจ้านายว่าอาจมีการดักจับ พ่อเลี้ยงเจงโกรธมาก สั่งถล่มไม่ให้เหลือซาก อย่าให้มาขวางการค้าขายยาได้เป็นอันขาด!

อีกด้านของดอย...รจนาไฉน  หรือ “เพื่อน” สาวสวยหวานชาวกรุงเดินเล่นท่ามกลางทุ่งดอกไม้ ทำมงกุฎและสวมให้ตัวเองราวกับเจ้าหญิง ทันใดนั้น...มีมือมาปิดตา เดาว่าเป็นปวุฒิแฟนหนุ่ม นายตำรวจอนาคตไกลจาก กรุงเทพฯ แกล้งทายผิดจนเขามันเขี้ยว ตั้งท่าจะจูบ เธอเขินเบี่ยงตัวหลบ ปวุฒิส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู

“ผมเป็นเจ้าชายมารับเจ้าหญิง ไปครองคู่ด้วยกันที่ปราสาทแสนสวย คุณคือดวงใจของผมนะ”

จบคำก็หยิบสร้อยพร้อมจี้รูปหัวใจมาสวมให้ ฉับพลันนั้น...เสียงวิทยุตำรวจดังขึ้น รายงานข่าวตำรวจถูกกลุ่มค้ายาบ้าโจมตี ปวุฒิอยากไปช่วยแต่เกรงใจแฟนสาว รจนาไฉนเข้าใจดี อนุญาตให้ไป ไม่ต้องห่วงเธอ นายตำรวจหนุ่มยิ้มปลื้ม อาสาไปส่งเธอที่รีสอร์ทก่อน สองหนุ่มสาวรีบออกจากทุ่งดอกไม้และขับรถออกไป

ooooooo

ปัทม์ได้ยินเสียงไซเรนตำรวจ ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางไม่กลับไร่ ขณะเดียวกัน...ปวุฒิติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อให้ความช่วยเหลือ ตัดสินใจลงระหว่างทางและไปพร้อมรถตำรวจ รจนาไฉนเป็นห่วงแต่เข้าใจความรักในหน้าที่ของแฟนหนุ่ม บอกว่าจะขับรถกลับรีสอร์ทเอง เธอรอส่งแล้วกลับขึ้นรถ ภาวนาให้เขาปลอดภัย

รจนาไฉนขับรถเหม่อๆ ปาดหน้าปัทม์ที่ควบม้าตามรถตำรวจ ส่งผลให้เขาลงไปนอนนิ่งกับพื้น รจนาไฉนไปดู ถูกเขาวีนใส่เมื่อรู้ว่าเธอขับเฉี่ยว หญิงสาวไม่พอใจแต่เก็บอาการ บอกว่ายินดีรับผิดชอบทุกอย่าง ปัทม์พยุงตัวและไปที่รถ รจนาไฉนเข้าใจว่าจะขโมยรถ โวยวายเสียงดัง ปัทม์เอื้อมมือมาปิดปากด้วยความรำคาญและลากไปนั่งในรถ สั่งให้หุบปากถ้าอยากไปด้วยกัน รจนาไฉนพูดไม่ออก สะดุ้งสุดตัวเมื่อเขากระชากรถออกอย่างเร็วและแรง

รจนาไฉนนั่งตัวแข็งตลอดทาง สูดหายใจลึก ตัดสินใจกล่อมให้ไปส่งที่รีสอร์ท ปัทม์ไม่ยอมพูดอะไร หญิงสาวหมดปัญญาจะหว่านล้อม เปลี่ยนมาขู่เสียงเครียด

“ปล่อยฉันลงนะ แฟนฉันเป็นสารวัตร ตระกูลตำรวจใหญ่ ใครๆก็รู้จัก เคยได้ยินตระกูลไตรพงษ์รัชตะไหม”

รจนาไฉนบ่นไม่หยุดแล้วชะงัก กระสุนปืนพุ่งมากระแทกกระจกรถหลายนัด ปัทม์หักเข้าข้างทาง กระชากปืนจากเอวและลากหญิงสาวไปหลบหลังต้นไม้ สั่งว่าอย่าเพ่น พ่านไปไหน รจนาไฉนรับปากมึนๆ เพราะกำลังตระหนก มองชายหนุ่มแปลกหน้าวิ่งเข้าป่า พลันนึกถึงปวุฒิด้วยความเป็นห่วง...แฟนหนุ่มจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้

ขณะที่รจนาไฉนกังวล...ปวุฒิช่วยกองกำลังตำรวจอย่างแข็งขัน คมผู้ช่วยพ่อเลี้ยงเจงเห็นนายตำรวจหนุ่มแปลกหน้าแม่นปืน ตัดสินใจล่อไปอีกทาง ปวุฒิวิ่งไล่ตามติดๆ ถูกยิงที่ชายโครงล้มลง คมปรากฏตัว แสยะยิ้มพร้อมเล็งปืนมาที่ชายหนุ่ม เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด ลูกน้องพ่อเลี้ยงเจงเป็นฝ่ายล้ม เผยให้เห็นปัทม์เป็นคนยิง

ทันใดนั้น...ศักดิ์มือขวาพ่อเลี้ยงเจงวิ่งเข้ามาจะ ล้างแค้นให้ลูกน้อง โดนปัทม์ยิงสวน จึงถอยร่นหนีไป ตำรวจคนอื่นมาถึง ฝากพ่อเลี้ยงหนุ่มดูแลปวุฒิแล้วผลุนผลันตามกลุ่มคนร้าย ปวุฒิพยายามลุกแต่เพราะเสียเลือดมากจึงล้มหมดสติ รจนาไฉนวิ่งหน้าตื่นจากอีกทางเพราะเป็นห่วงแฟนหนุ่ม ถลาเข้าประคอง ร่ำไห้น่าสงสาร

“คุณปวุฒิสัญญาแล้วไงคะ ว่าจะมารับเจ้าหญิง ลืมตาสิคะ...เจ้าชายของเพื่อน”

ปัทม์มองด้วยความอึ้งปนรำคาญ ตัดสินใจช่วยประคองปวุฒิขึ้นรถพาไปโรงพยาบาล

รจนาไฉนมองตามบุรุษพยาบาล เข็นรถพาปวุฒิที่ยังนอนหมดสติเข้าห้องฉุกเฉิน ถลาเข้าไปเกาะ พร่ำเรียกชื่อเขาไม่ขาดปาก ปัทม์ยืนมองด้วยความเวทนา พอเดาได้ว่าคงเป็นแฟนกัน ถึงทำท่าจะเป็นจะตาย เจ้าหน้าที่ที่ตามมาดูสถานการณ์ บอกว่าปวุฒิเป็นนายตำรวจหนุ่มไฟแรงจากกรุงเทพฯ ปัทม์ไม่สนใจ ถามความคืบหน้าเรื่องค้ายา เจ้าหน้าที่ส่ายหน้าเซ็งๆ เพราะยังไม่ได้เรื่องอะไรมาก บอกให้พ่อเลี้ยงหนุ่มรีบไปทำแผล

ปัทม์เพิ่งรู้สึกเจ็บแปลบน้อยๆที่รอยถลอก รีบเดินไปห้องพยาบาล เหลือบมองหญิงสาวที่ตนเจอโดยบังเอิญอีกครั้ง เห็นเธอนั่งเฝ้าหน้าห้องฉุกเฉินด้วยใจจดจ่อ แอบทึ่งปนหมั่นไส้นิดๆ...อะไรจะรักกันมากขนาดนั้น!

ฟากพ่อเลี้ยงเจงโกรธจัดที่การซื้อขายยาล่ม โดยเฉพาะเมื่อศักดิ์บอกว่าปัทม์ตามมาช่วย

“ไอ้ปัทม์อีกแล้ว ทำตัวเป็นพลเมืองดี แส่ไม่เข้าเรื่อง สักวันเถอะจะไม่ตายดี!”

“แล้วจะให้ทำยังไงกับพวกที่โดนยิงครับ”

“รีบพาพวกมันไปรักษาซะ ลูกน้องพ่อเลี้ยงเจง ต้องไม่มีคำว่าพลาด”

ศักดิ์รู้ว่าต้องทำอย่างไร พาคนเจ็บไปข้างนอก พ่อเลี้ยงแสยะยิ้ม พร้อมเสียงปืนดังลั่นหลายนัด...

ooooooo

ปัทม์จะกลับไร่หลังทำแผล เดินผ่านห้องที่ปวุฒิรักษาตัว เห็นหญิงสาวหน้าหวานคนเดิมกุมมือแฟนหนุ่มแน่น รจนาไฉนไม่รู้ว่าโดนแอบมอง ร้องไห้เสียใจ เป็นห่วงปวุฒิที่ยังไม่ฟื้น ปัทม์มองเธอร่ำรำพันแล้วสะเทือนใจมาก ไม่คิดว่าคนเราจะรักกันมากขนาดนั้น รจนาไฉนปาดน้ำตา พยายามทำใจให้เข้มแข็ง

“คุณปวุฒิ...รู้ไหมว่าเพื่อนเป็นห่วงมาก เพื่อนไม่เคยรู้เลยว่าคำว่ารัก มันยิ่งใหญ่แค่ไหนจนกระทั่งวันนี้...เพื่อนรู้ซึ้งแล้วว่าคำว่ารักมีความหมายกับเพื่อนมาก และมันเป็นยิ่งกว่าชีวิต”

ปวุฒิค่อยๆลืมตา ตื้นตันที่แฟนสาวเป็นห่วง ขอร้องให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่อยากให้ครอบครัวเธอคิดว่าเขาดูแลเธอไม่ได้ แถมอ้อนเสียงอ่อนให้จูบแก้ม รจนาไฉนยอมแต่โดยดีเพราะอยากเอาใจคนป่วย ปัทม์ยืนมองด้วยความรู้สึกประหลาด ผละจากไปพร้อมความหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

ปวุฒิยังกุมมือแฟนสาวไม่ปล่อย ถามถึงชายหนุ่มที่ช่วยชีวิต รจนาไฉนบอกว่าไม่รู้จักแต่จะถามให้ นึกถึงชายหนุ่มหน้าหล่อแต่มาดกวนสุดๆ...เขาเป็นใครกันแน่

ปัทม์สั่งคนนำรถมาที่โรงพยาบาล ขับกลับไร่ชาด้วยสีหน้าเหม่อลอย ในหัวเต็มไปด้วยคำรักแสนหวานของหญิงสาวแปลกหน้า พาลให้สะเทือนในอกเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต เมื่อครั้งแสงจันทร์ภรรยาเก่ายังมีชีวิต และพร่ำบอกรักเขาทุกวันก่อนนอน พ่อเลี้ยงหนุ่มดึงตัวเองออกจากภวังค์ เบรกรถตัวโก่ง สะบัดหัวไล่ความคิดเพ้อๆ

“ทำไมฉันต้องคิดถึงเธอด้วย...ความรักน้ำเน่า!”

ปัทม์กระชากรถออกอย่างแรง ปรับสีหน้าเป็นเคร่งขรึม กลายเป็นพ่อเลี้ยงหนุ่มเย็นชา ไม่แยแสความรักเหมือนเดิม...รักแท้ไม่มีอยู่จริงหรอก ผู้หญิงก็แพศยา หิวเงินทุกคน!

เวลาเดียวกันที่บ้านปัทมกุล...เปรมแม่ของปัทม์ ต้อนรับขับสู้นพรัตน์กับลำเพา สองสามีภรรยาเพื่อนผู้มีพระคุณในอดีต กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อลำเพาแสดงเจตจำนงค์ อยากให้ปัทม์แต่งงานกับลูกสาวเธอ

“พอร่ำรวยแล้ว คุณเปรมคงไม่ลืมความยากลำบากแต่หนหลังนะคะ ยังจำได้อยู่ใช่ไหมว่าใครยื่นมือมาช่วย จนทำให้ครอบครัวคุณรอดพ้นจากหายนะมาได้ ไร่ปัทมกุลเกิดขึ้นได้เพราะใคร”

ปัทม์เพิ่งมาถึง แอบได้ยินการสนทนา ชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ ส่วนเปรมมีสีหน้ากระอักกระอ่วน

“เราไม่เคยลืม แต่น่าจะให้เด็กๆได้ทำความรู้จักกันก่อนดีไหมคะ”

นพรัตน์พยักหน้าเข้าใจ เกรงใจเปรมไม่น้อย ต่างจากลำเพาที่ตอกกลับไม่ไว้หน้า ปัทม์โกรธที่แม่โดนลำเลิกบุญคุณและข่มขู่อย่างหยาบคายที่สุด เปรมพูดไม่ ออก ลำเพาถือโอกาสรวบรัด

“คนเราจะเจริญได้ ถ้าไม่ลืมกำพืดตัวเอง สิบกว่าปีที่แล้ว ถ้าคุณนพรัตน์ไม่ช่วย ลำพังคุณกับลูกชายไม่มีทางมาถึงวันนี้หรอก คุณเปรมคงไม่ติดขัดอะไร ถ้าดิฉันขอเดินหน้าสู่ขั้นเรียกสินสอด ดิฉันขอหนึ่งร้อยล้านบาท!”

ปัทม์เหลืออด ก้าวพรวดมาปฏิเสธกลางวง ปรายตามองสองสามีภรรยาด้วยสายตาดูถูก จูงแม่ไปคุยในห้อง โดยไม่สนใจรักษามารยาทใดๆ นพรัตน์มองตามหน้าเครียด ต่างจากลำเพาที่ขัดใจเพราะโดนมองอย่างเหยียดหยาม

เปรมต่อว่าลูกชายเสียงเขียวที่เสียมารยาท ปัทม์ไม่สะทกสะท้าน สวนกลับเสียงเคร่ง

“ผมให้เกียรติเฉพาะคนที่ให้เกียรติคนอื่นเท่านั้นครับ แต่นี่อะไร...ข่มขู่เหมือนคุณแม่เป็นลูกจ้าง บังคับให้ผมแต่งงาน เรียกสินสอดเป็นร้อยล้าน ขายลูกกินชัดๆ ลูกสาวคงใช่ย่อย รู้ว่าเรามีธุรกิจใหญ่โต คงหิวเงิน หวังรวยทางลัด”

“ปัทม์...ลูกพูดอย่างนั้นไม่ได้นะ เมื่อไหร่ลูกจะเลิกดูถูกผู้หญิงสักที”

“ผมเชื่อในสิ่งที่เห็นและสิ่งที่เคยพบครับ ความรักมันไม่มีอยู่จริง ก็แค่คำพูดสวยหรูที่ผู้หญิงใช้หลอกผู้ชายโง่ๆ”

เปรมอึ้ง รู้ดีว่าลูกชายยังฝังใจกับความเจ็บช้ำในอดีต พยายามเตือนสติ

“ลูกปิดกั้นตัวเองมากไป ควรจะให้โอกาสตัวเองบ้าง เชื่อแม่เถอะ...ลูกสาวคุณลำเพาอาจไม่เลวร้ายก็ได้”

“พอเถอะครับแม่ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเกิดรักแท้จากการบังคับแต่งงาน”

เปรมบอกว่าเธอกับพ่อของเขาเป็นตัวอย่างที่ดี พ่อเลี้ยงหนุ่มเถียงไม่ออกแต่ยังไม่ยอมรับ ยืนยันไม่แต่งงาน เปรมถอนใจหนัก เดินไปที่ภาพถ่ายครอบครัว เปรยเสียงเครียดน้ำตาคลอ

“พ่อเคยทำธุรกิจจนหมดตัว คุณนพรัตน์ยื่นมือมาช่วย เราถึงมีทุนทำไร่ชา ครอบครัวเรามีวันนี้ได้เพราะคุณนพรัตน์ แล้วลูกจะผิดคำสัญญาได้ยังไง ชีวิตพ่อให้ความสำคัญกับคำสัญญาที่สุด ปัทม์ทำเพื่อพ่อกับแม่ได้ไหม”

ปัทม์มองแม่เครียดๆ เข้าใจความรู้สึกแต่ไม่อยากฝืนใจตัวเอง น้ำเสียงและท่าทางเศร้าๆ ของแม่ทำให้เขาคิดหนัก ในที่สุดก็ตัดสินใจตกลง...แต่คงได้เห็นฤทธิ์พ่อเลี้ยงใหญ่แห่งไร่ปัทมกุลกันบ้าง!

ปัทม์ตามเปรมไปห้องรับแขกเพื่อตอบตกลง ลำเพาดีใจออกนอกหน้าแล้วชะงัก ปัทม์ปฏิเสธสินสอดร้อยล้าน

“เอ๊ะ...คุณปัทม์พูดอะไร การแต่งงานก็ต้องมีสินสอด ค่าเลี้ยงดู อย่าหาว่าอาขายลูกสาวกินเลย อาไม่ได้อยากให้ลูกแต่งงานหรอกนะ แต่มันเป็นสัญญา อาจำใจ”

“พ่อผมสัญญาแค่การแต่งงาน ไม่ได้ระบุจำนวนเงินสินสอดใช่ไหมครับ”

“แต่มันเป็นประเพณีนะจ๊ะ การแต่งงานก็ต้องมีสินสอดทองหมั้น”

ปัทม์เหยียดยิ้ม บอกว่าจะจ่ายในวันแต่งงาน ลำเพาไม่ทันจับน้ำเสียงแปลกๆ ดีใจเนื้อเต้นจะได้เงินก้อนโต

“จะจ่ายเช็คหรือเงินสดก็ได้ ทีนี้ตระกูลเราจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน ลูกสาวอาจะเป็นภรรยาที่ดีของคุณปัทม์”

“ผมก็ตื่นเต้น จะได้ภรรยามาเป็นแรงงานทำงานในไร่ชา ช่วงนี้หาคนงานยาก”

ลำเพาชักแปร่งหู ส่วนนพรัตน์ฉุนจัด เปรมแก้ตัวแทนลูกชายเสียงอ่อน ถามถึงว่าที่คู่หมั้นลูกชาย ลำเพาบอกว่าอยู่ที่รีสอร์ต ไม่พามาด้วยเพราะไม่อยากให้เข้าใจว่าขายลูกกิน ปัทม์แสยะยิ้ม...แล้วจะได้รู้กันว่าจริงหรือเปล่า!

ooooooo

หลังเจรจาสำเร็จ...ลำเพากลับรีสอร์ตอย่าง อารมณ์ดี รจนาไฉนมาต้อนรับ นพรัตน์ยิ้มให้ ต่างจากลำเพาที่ทำท่ารังเกียจรังงอน โวยวายหาเรื่องตั้งแต่เจอหน้า โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเธอออกไปเที่ยวเล่น นพรัตน์ออกรับแทน บอกว่าเป็นคนอนุญาต ลำเพาไม่ยอม ตวาดใส่ลูกสาวราวเป็นเจ้าชีวิต

“ถ้าฉันไม่อนุญาต แกก็ไม่มีสิทธิ์ออกไปไหนทั้งนั้น ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม จะทำอะไรต้องบอกฉันก่อน”

รจนาไฉนสลดลง ขอโทษเสียงอ่อย ลำเพาเชิดหน้าด้วยความโมโห สั่งให้ไปเตรียมข้าวเย็น นพรัตน์พยายามกล่อมให้ไปทานข้างนอก โดนลำเพาปรี๊ดกลับเสียงเขียว

“ไม่ได้...มันเปลือง! นี่ถ้าไม่ใช่เพราะหวังจะพึ่งเรื่องกับข้าวกับปลาล่ะก็ อย่าหวังเลยจะยอมให้มาด้วย ไปทำกับข้าวได้แล้ว เสร็จแล้วเอาเสื้อผ้าทุกคนไปซักด้วย”

รจนาไฉนไม่อยากมีปัญหา รีบไปจัดการตามคำสั่ง นพรัตน์มองตามด้วยความสงสาร ต่อว่าเมียที่ใช้งานลูกเกินกว่าเหตุ ลำเพาสวนกลับว่ารจนาไฉนไม่ใช่ลูกแท้ๆ นพรัตน์หน้าเสีย สั่งให้ลดเสียงกลัวใครมาได้ยิน ลำเพาไม่แคร์ นึกถึงเรื่องราวแต่หนหลัง สมัยก่อนที่ธุรกิจครอบครัวแทบสิ้นเนื้อประดาตัว หลังรับรจนาไฉนมาเลี้ยง

“มันไม่ใช่ลูกฉัน ตั้งแต่คุณรับมันมาเลี้ยง ชีวิตเรามีแต่ตกต่ำ มันเป็นตัวซวย ฉันเกลียดมัน!”

นพรัตน์ส่ายหน้าเอือมระอา ลำเพาไม่สนใจ พูดถึงลูกเลี้ยงด้วยน้ำเสียงเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ฉันก็ไม่มีวันรักมัน ฉันมีลูกคนเดียวคือโลมฤทัย ลูกที่เกิดจากฉัน ลูกที่จะทำให้ฉันสุขสบาย ได้เป็นแม่ยายคุณปัทม์ เศรษฐีไร่ชาปัทมกุล”

บ่ายวันเดียวกัน...โลมฤทัย หรือ “พบ” ปรี๊ดแตกเมื่อรู้ว่าต้องแต่งงานกับปัทม์ เพราะเข้าใจว่าชายหนุ่มเป็นเศรษฐีบ้านนอกไร้การศึกษาหน้าตาขี้เหร่ ลำเพาพยายามกล่อมว่าปัทม์เป็นคนหน้าตาดี การศึกษาพร้อม แต่ลูกสาวไม่เชื่อ

“คุณแม่คิดว่าพบโง่หรือคะ ยังไงพบก็ไม่ยอมเป็นเมียพ่อเลี้ยง หน้าดำเพราะเก็บใบชาตั้งแต่เช้ายันเย็น”

“ลูกพบขา...เป็นภรรยาเจ้าของไร่ ลูกพบไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น แค่นั่งเก็บเงินนับเงินอย่างเดียว คุณปัทม์สัญญาว่าจะดูแลหนูอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ไม่ให้ทำงานอะไรทั้งนั้น”

โลมฤทัยยังยืนกรานไม่ยอมแต่ง กระทืบเท้าเร่าๆ อย่างขัดใจ ลำเพาเหลืออดระเบิดอารมณ์ออกมา

“พบก็รู้ว่าครอบครัวเรากำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพบ มีปัญหา...คุณแม่ก็แก้เอาเองสิคะ”

“แต่แกต้องแต่ง! แกเป็นลูก ต้องทำตามคำสั่งฉัน ฉันจะจัดงานแต่งเร็วที่สุด เรากำลังจะหมดตัว แกเข้าใจคำว่าหมดตัวไหม ยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับคุณปัทม์”

โลมฤทัยโกรธจัดที่โดนบังคับ แกล้งล้มลงกับพื้น ส่งเสียงกรี๊ดและทำท่าชักดิ้นชักงอไม่หยุด ลำเพากับนพรัตน์ใจเสีย ตะโกนเรียกรจนาไฉนมาช่วยประคองโลมฤทัยส่งโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเล

ooooooo

โลมฤทัยฟื้นขึ้นที่โรงพยาบาล ลืมตาตื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นรจนาไฉนมาเฝ้า รู้ว่าพี่สาวแอบไปเที่ยวกับปวุฒิเมื่อกลางวัน คาดคั้นเสียงเขียว

“หนีไปเที่ยวกับคุณปวุฒิสองต่อสอง เห็นแก่ตัว ต่อไปนี้อย่าทำอย่างนี้กับพบอีกนะ”

“พี่ขอโทษจ้ะ ต่อไปนี้พี่จะไปไหนกับคุณปวุฒิ พี่จะชวนน้องพบไปด้วยทุกครั้ง”

รจนาไฉนจับมือปลอบใจ โลมฤทัยเห็นสร้อยพร้อมจี้รูปหัวใจ เดาว่าเป็นของขวัญจากปวุฒิ หมั่นไส้มาก กระชากมือกลับและเอ่ยปากขอ รจนาไฉนหาทางบ่ายเบี่ยง บอกจะซื้อเส้นใหม่ให้แทน โลมฤทัยไม่ยอม

“ถ้าไม่มีอะไรลึกซึ้ง พี่เพื่อนก็ต้องให้พบได้”

จบคำก็แย่งสร้อยจากคอ รจนาไฉนพยายามปัดป้อง โลมฤทัยกรีดร้องเสียงดังด้วยความโกรธ ด่าทอตัดพ้อพี่สาวว่าไม่รักน้อง รจนาไฉนใจอ่อน ยอมถอดให้ โลมฤทัยดึงมาสวมที่คอตนทันที

“สร้อยของคุณปวุฒิเหมาะกับพบมากกว่าพี่เพื่อน”

รจนาไฉนมองด้วยความเสียดาย เพราะเป็นของสำคัญที่แฟนหนุ่มเพิ่งให้มา โลมฤทัยเหลือบมองด้วยความเกลียดชังและริษยา สั่งให้เช็ดเท้าเพราะรู้สึกไม่สบายตัว รจนาไฉนอึ้งแต่ไม่อยากขัดใจ โลมฤทัยมองเหยียดๆ นึกถึงภาพความทรงจำวัยเด็ก เมื่อครั้งได้รู้สถานะแท้จริงของรจนาไฉน เป็นแค่ลูกบุญธรรมที่พ่อแม่เธอรับมาเลี้ยง ลำเพาคอยฝังหัวตั้งแต่เธอยังเด็กว่ารจนาไฉนเป็นแค่คนอาศัยในบ้าน

“ลูกพบเป็นลูกของแม่ คือเจ้าของบ้าน เป็นเจ้านายมัน มีหน้าที่ออกคำสั่งจิกหัวใช้มันได้ทุกอย่าง มันเป็นขี้ข้าของลูก อย่าไปคลุกคลีเมตตา มันจะทำให้ลูกเดือดร้อน”

วันเวลาผ่านไป...ตั้งแต่เด็กจนโต รจนาไฉนมักได้ความรักและความเมตตาจากคนรอบข้างเสมอ ทำให้โลมฤทัยเฝ้ามองด้วยความอิจฉา กลายเป็นปมฝังใจ ต้องคอยขวางและข่มพี่สาวบุญธรรมให้ดูด้อยกว่าตนอยู่เสมอ...

เย็นวันนั้นที่คอกม้าไร่ปัทมกุล...เปรมไปหาปัทม์ อยากให้ไปเยี่ยมว่าที่คู่หมั้นที่โรงพยาบาล ปัทม์กำลังอาบน้ำและแปรงขนให้ม้า ไม่สนใจสิ่งที่แม่ขอร้องแม้แต่น้อย เปรมเห็นใจลูกชายที่ต้องฝืนใจ แต่ไม่อยากให้เขาใช้ปมในอดีตมาตัดสินเรื่องในปัจจุบัน

“ไม่เอาน่าปัทม์ ลูกอย่าตั้งแง่รังเกียจเธอเลย เธออาจไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกคิดก็ได้”

“คุณแม่ก็เห็นว่าคุณลำเพาต้องการเงินมากกว่าต้องการลูกเขย แม่เป็นยังไง...ลูกก็ต้องเป็นอย่างนั้น”

“ไม่เอา...แม่ไม่คุยด้วยแล้ว แต่แม่ขอสั่งให้ลูกไปเยี่ยมลูกสาวคุณลำเพา”

เปรมมองแกมบังคับ ปัทม์เดินหนีดื้อๆ โดนแม่ดักหน้า พ่อเลี้ยงหนุ่มถอนใจยาว ตัดสินใจรับปาก

“ผมไปเยี่ยมก็ได้ ลูกสาวคุณลำเพาจะได้รู้จักกับพ่อเลี้ยงปัทม์ เจ้าของไร่ชาปัทมกุล”

เปรมดีใจ ส่วนปัทม์ยิ้มเจ้าเล่ห์ คิดวางแผนบางอย่างต้อนรับว่าที่คู่หมั้น...แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!

ooooooo

ปัทม์ดำเนินตามแผนเช้าวันรุ่งขึ้น แต่งตัวหล่อถือช่อดอกไม้ไปเยี่ยมว่าที่คู่หมั้นที่โรงพยาบาล ชิมาขับรถให้ มองตามพ่อเลี้ยงหนุ่มงงๆ นึกไม่ออกว่าปัทม์ต้องการอะไร

เวลาเดียวกันที่ห้องพักผู้ป่วย...รจนาไฉนปอกผลไม้ป้อนน้อง โลมฤทัยกินแต่อดบ่นไม่ได้ตามประสาคนช่างติลำเพาเปิดประตูพรวดเข้ามา ตามด้วยนพรัตน์ บอกว่าปัทม์จะมาเยี่ยมโลมฤทัย รจนาไฉนแปลกใจแต่อดยินดีกับน้องไม่ได้ ตั้งท่าจะเย้าแล้วหุบปากแทบไม่ทันโดนโลมฤทัยแหวเสียงเขียว

“หยุดเลยนะ มันไม่ได้เป็นคู่หมั้นพบ ถ้าโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็อย่าสู่รู้ พบเกลียดมัน!”

“ลูกพบ...ทำไมพูดกับพี่เพื่อนอย่างนั้น ไม่น่ารักเลย”

“คุณพ่อไม่ต้องมายุ่งได้ไหม คุณพ่อเข้าข้างพี่เพื่อนตลอด ไม่รักพบ...ก็ไม่ต้องมาสนใจเรื่องพบ”

นพรัตน์พยายามอธิบาย ลำเพาเห็นด้วยกับโลมฤทัย ปรายตามองรจนาไฉนแล้วยิ้มเหยียดๆ

“มันก็จริงอย่างลูกพูด เข้าข้างยายเพื่อนตลอด ส่วนยายเพื่อน...เพราะแกคนเดียว ทำให้น้องไม่สบายใจ”

รจนาไฉนหน้าเสีย นพรัตน์พาออกจากห้อง ส่วนลำเพาเกลี้ยกล่อมให้โลมฤทัยเจอปัทม์ ยื่นข้อเสนอว่าถ้าไม่ชอบจะไม่ฝืนใจ โลมฤทัยรับปากแบบขอไปที เบื่อที่แม่เซ้าซี้...จะได้จบๆกันไป

ลำเพาตามไปสมทบสามีกับลูกเลี้ยงที่ร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาล พร่ำเพ้อถึงรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติของตระกูลปัทมกุล เปรียบเทียบกับฐานะของปวุฒิ

“สมบูรณ์แบบ ทั้งหน้าตา การศึกษาและฐานะ คุณปัทม์ดีกว่าคู่รักแกเป็นไหนๆ นายปวุฒิก็มีดีแค่นามสกุล”

นพรัตน์แกล้งดักคอ หวังให้เมียหยุดโม้ ลำเพามองมาค้อนๆ รจนาไฉนติดใจเรื่องมารยาทพ่อเลี้ยงหนุ่ม ลำเพารีบตัดบท แก้ตัวแทนว่าเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว นพรัตน์ส่ายหน้าเอือมระอา ไม่ชอบใจที่เมียเพ้อเจ้อ แถมพูดจาถากถางรจนาไฉนตลอด...เบื่อแต่ก็ทนเพราะอยู่ด้วยกันมานาน

ฟากโลมฤทัยนอนคิดเรื่องว่าที่คู่หมั้น ลังเลจะเชื่อแม่ว่าเจ้าของไร่ชาบนดอยสูงจะหน้าตาและการศึกษาดี เสียงเคาะประตูดังขึ้น รีบหยิบกระจกมาส่อง เช็กสภาพหน้าตาและส่งเสียงเชิญ ผู้ชายร่างสูงใหญ่ แต่งตัวหล่อพร้อมดอกไม้ช่อโตเดินเข้ามาช้าๆ โลมฤทัยมองหน้าแล้วพูดไม่ออก ไม่คิดว่าว่าที่คู่หมั้นจะหน้าตาดูไม่ได้ขนาดนี้ ชิโดนปัทม์จับแต่งตัวให้มาเยี่ยมแทน แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ เล่นตามบทที่ซักซ้อมกับพ่อเลี้ยงหนุ่มก่อนหน้านี้

“ดอกไม้สวยๆสำหรับเมียจ้ะ”

“ฉันไม่ใช่เมียแก...ออกไป!”

“ไม่ต้องอายครับ ต่อไปเราก็เป็นผัวเมียกัน ไม่ต้องเขิน”

โลมฤทัยทำท่ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด ชิไม่สะทก สะท้าน เห็นจานผลไม้ หยิบมาตั้งท่าจะป้อนหญิงสาว โลมฤทัยเบือนหน้าหนี เอามือดันออกห่างด้วยความขยะแขยง กรี๊ดลั่นพร้อมคว้าข้าวของใกล้ตัวปาใส่ ชิแหย่ขำๆ

“ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก ชอบแบบตบจูบใช่ไหม ผัวจะจัดให้หนักๆเลย”

โลมฤทัยหน้าซีดกลัวโดนลวนลาม เอื้อมไปหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นขู่ ชิเห็นท่าเอาจริง เปลี่ยนใจเดินออกจากห้อง โลมฤทัยแทบดิ้นตายด้วยความโมโห...ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกเลย ฉันไม่มีวันแต่งกับชาวไร่ซกมกอย่างแกแน่!

ooooooo

ชิเดินปิดหูออกจากห้อง บ่นงึมงำถึงว่าที่คู่หมั้นปัทม์ เสียงกรี๊ดดังยิ่งกว่าลำโพงสิบแปดหลอด รีบเดินไปหาพ่อเลี้ยงหนุ่มที่รถ คลาดกับกลุ่มลำเพาที่เพิ่งกลับจากร้านกาแฟอย่างหวุดหวิด เสียงโลมฤทัยกรีดร้องบ้าคลั่ง ทำให้ผู้คนแตกตื่น กลุ่มลำเพาวิ่งไปดู โดนโลมฤทัยเอาเรื่อง ส่งนามบัตรที่ชายหนุ่มทิ้งไว้ให้ดู

“เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด ปากเหม็นฟันดำ มือสกปรกดำปิ๊ดปี๋ มารยาทต่ำ เกิดมาไม่เคยเห็นใครน่าเกลียดเท่านี้”

ลำเพาไม่อยากเชื่อ เสนอให้ไปหาพ่อเลี้ยงหนุ่มที่ไร่ปัทมกุลพรุ่งนี้ โลมฤทัยไม่ยอม ประกาศกร้าวจะกลับกรุงเทพฯ ลำเพากลัวลูกสาว รับปากพาไปอย่างเสียไม่ได้ นพรัตน์ส่ายหน้าปลงๆ เหนื่อยใจที่เมียตามใจลูกสาวจนเคยตัว แอบเครียดเพราะถ้าโลมฤทัยไม่แต่งงาน ครอบครัวคงล้มละลายเร็วขึ้น

ฝ่ายรจนาไฉนเลี่ยงไปเก็บสัมภาระน้องสาว ลำเพากับนพรัตน์เดินคุยกัน บ่นกระปอดกระแปดที่โลมฤทัยปฏิเสธการแต่งงาน ลำเพาเหลือบมองรจนาไฉนยกของออกจากห้องด้วยสายตาจับผิดเหมือนเคย พลันนึกอะไรขึ้นได้ นพรัตน์จับสังเกตท่าทางเมีย ตั้งท่าจะพูดแต่ไม่ทันเมียที่ปากไวกว่า

“ฉันคิดออกแล้ว ว่าจะแก้ปัญหาเรื่องการแต่งงานยังไง”

“คิดอะไรของคุณ แม่เพื่อนมีคู่รักแล้วนะ”

“มีแล้วไง...หรือคุณอยากโดนฟ้องล้มละลาย”

นพรัตน์พูดไม่ออก สงสารรจนาไฉนแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง...ตัวเองยังแทบเอาไม่รอด!

รจนาไฉนเอาของไปเก็บ แล้วไปเยี่ยมปวุฒิที่พักอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน นายตำรวจหนุ่มซึมลง ได้ยินว่าแฟนสาวต้องกลับกรุงเทพฯก่อนกำหนด สัญญาจะตามไปเมื่อหมออนุญาต รจนาไฉนยิ้มรับ โล่งใจที่แฟนไม่ใช่คนคิดมากปวุฒิถามถึงชายหนุ่มที่ช่วยชีวิต รจนาไฉนบอกว่าชื่อปัทม์ นึกถึงหน้าหล่อแต่ท่าทางเถื่อนแล้วไม่อยากเชื่อว่าเป็นคนมีน้ำใจ ปวุฒิพยักหน้าทวนชื่อปัทม์ซ้ำๆ...สักวันคงได้เจอและตอบแทนบุญคุณ

ปัทม์กลับมาบ้าน คิดอะไรเรื่อยเปื่อยริมระเบียง ชิเล่าเรื่องว่าที่คู่หมั้น ทำให้เขานึกถึงแสงจันทร์เมียเก่า ตอนกลับมาบุกเบิกไร่ชาเมื่อหลายปีก่อน แสงจันทร์กับว่าที่คู่หมั้นเขาเป็นคนสวยเหมือนกัน แต่นิสัยแย่ เห็นแก่เงิน

“เหมือนกันหมด พวกผู้หญิงสวยแต่รูป หัวสูงเห็นแก่เงิน มองไม่เห็นหัวคน บูชาเงินเป็นพระเจ้า!”

จบคำก็เหม่อมองไปเบื้องหน้า ชั่วอึดใจหนึ่งจึงหันกลับมา แหย่ชิยิ้มๆว่าคงโดนไล่ตะเพิดพร้อมกองข้าวของด้วยแน่ ชิทึ่งที่เจ้านายเดาเรื่องได้ ปัทม์ยิ้มเหยียดๆ นึกถึงภาพแสงจันทร์อาละวาดปาข้าวของเมื่อไม่ได้ดั่งใจ

“ผู้หญิงพรรค์นี้ ไม่เคยรักใครด้วยหัวใจ ชีวิตกลัวความลำบาก หวังแต่จะรวยทางลัด เห็นแก่เงิน!”

ชิแยกกลับบ้านพักไปแล้ว ปัทม์เดินไปที่หลุมฝังศพแสงจันทร์ เปรยขึ้นมาอย่างเจ็บแค้น

“ฉันเจอผู้หญิงจำพวกเดียวกับเธอแล้ว ผู้หญิงหิวเงิน ต้องการเงินมาปรนเปรอความสุขสบาย สำหรับผู้หญิงคนนี้ ฉันจะเป็นพญามัจจุราช พาไปลงนรกด้วยน้ำมือของฉันเอง!”

เสียงฟ้าร้องดังลั่น เสมือนเป็นสัญญาณของพญามัจจุราช ปัทม์แสยะยิ้มเหี้ยมๆ สัญญากับตัวเองจะจัดการสั่งสอนผู้หญิงหิวเงินอย่างว่าที่คู่หมั้นเขาให้หลาบจำ...แล้วเธอจะได้รู้จักผู้ชายอย่างพ่อเลี้ยงปัทม์!

ooooooo

ปัทม์คิดมากเรื่องแสงจันทร์กับว่าที่คู่หมั้นจนเก็บไปฝัน เห็นภาพแสงจันทร์นอนซบอก บอกรักด้วยถ้อยคำหวาน

“วันนี้ฉันรู้แล้วว่าคำว่ารักมีความหมายกับฉันมาก เพราะมันเป็นยิ่งกว่าชีวิต ฉันคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีคุณ”

ภาพแสงจันทร์ลงจากรถ มองไร่ชากว้างใหญ่ที่ดูแห้งแล้งทุรกันดารไม่เหมือนเวลานี้ เหล่าคนงานมองตามด้วยความชื่นชม แต่เธอกลับรังเกียจเหยียดหยามเพียงเพราะพวกเขาจน...ความฝันยังดำเนินต่อไป เขาจำได้ว่าแสงจันทร์เรียกร้องทรัพย์สินเงินทองและความสะดวกสบาย เขาได้แต่บอกให้อดทนรอคอย เธอไม่พอใจไขว่คว้าหาทางสบายจนเขาจับได้ว่าเธอแอบมีชู้ เขาควบม้าตามล่าสองหนุ่มสาว ยิงปืนขู่และทวงของคืน

“อยากจะไปก็ไปแต่ตัว เธอไม่มีสิทธิ์เอาเงินไปจากไร่ของฉัน”

“ฉันเป็นเมียคุณ ฉันมีสิทธิ์!”

“เมียฉันเหรอ ที่เธอรักมีอย่างเดียวคือเงิน ฉันจะให้โอกาสอีกครั้ง ถ้าไปก็ไปแต่ตัว หรือไม่ก็เข้าคุก”

แสงจันทร์โกรธมาก เขวี้ยงกระเป๋าทิ้ง ตะโกนใส่หน้าเขาอย่างเหลืออด

“แกมันใจดำ ฉันเกลียดแก รู้ไหมว่าฉันไม่เคยรักแกเลย ฉันเกลียดแก!”

จบคำก็ถลันเข้าทุบตีบ้าคลั่ง ปัทม์ยืนรับสภาพด้วยใจร้าวราน ไม่คิดมาก่อนว่าจะโดนคนที่รักหักหลัง

พ่อเลี้ยงหนุ่มสะดุ้งตื่นจากความฝัน เหงื่อแตกพลั่ก หอบหายใจถี่เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิด ทั้งที่เรื่องจบไปนานแล้ว นึกถึงเรื่องแต่งงานแล้วอารมณ์พลุ่งพล่าน เขาคงต้องจัดการกับผู้หญิงหิวเงินให้เด็ดขาดเสียที!

ปัทม์ตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯเช้าวันรุ่งขึ้น พร้อมแผนการร้ายบางอย่างเกี่ยวกับคู่หมั้นที่ไม่ยอมบอกให้แม่รู้ เปรมแปลกใจ ไม่คิดว่าลูกชายจะรีบร้อน ตั้งท่าจะถามแต่ไม่ทัน ปัทม์กระโดดขึ้นรถพร้อมชิลูกน้องคนสนิท เปรมส่ายหน้าหนักใจ แอบกังวลเล็กน้อย...กลัวลูกชายก่อเรื่อง

เวลาเดียวกันที่บ้านวิชนี...โลมฤทัยนั่งดูรูปที่ถ่ายกับรจนาไฉนและปวุฒิสมัยเรียนมัธยม แตะนิ้วบนหน้าปวุฒิ ทำท่าเคลิ้มฝัน นึกถึงวันแรกที่เจอเขา...เธอยืนรอหน้าโรงเรียน รจนาไฉนปรากฏตัวพร้อมปวุฒิ บอกว่าเจอโดยบังเอิญเพราะเขามาช่วยจับโจรขโมยของในบ้าน ปวุฒิส่งยิ้มหวานบาดใจมาให้ โลมฤทัยถึงกับผงะ หน้าแดงใจสั่นเหมือนเจอรักแรกพบ ตั้งแต่นั้นก็หลงรักเขามาตลอด เอื้อมมือไปหยิบกรรไกรตัดภาพรจนาไฉน เหลือเขากับเธอยืนคู่กัน...สักวันความรักและความฝันจะต้องเป็นจริง

ด้านรจนาไฉน...ทราบว่าปวุฒิกลับกรุงเทพฯจึงไปเยี่ยมที่บ้าน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เห็นระเบียงและตามทางเดินเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อก้าวเข้าข้างใน กลิ่นเทียนหอมกำจายไปทั่ว ภาพถ่ายเขากับเธอในอิริยาบถต่างๆ ถูกนำมาติดบนฝาผนัง เล่าเรื่องราวที่ผ่านมา รจนาไฉนยิ้มปลื้ม ทันใดนั้น...มีมือแข็งแรงมาปิดตา สองหนุ่มสาวทักทายและมองตากันด้วยความรัก ปวุฒิไม่รอช้าถือ โอกาสขอแต่งงาน

“นับจากวันนี้ และทุกวินาทีที่เหลืออยู่ ผมอยากเห็นคุณอยู่ข้างผมตลอดไป คุณมีความหมายที่สุดในชีวิตผม”

“เพื่อนภูมิใจมากที่ได้เป็นคนรักของคุณค่ะ”

“ผมก็ภูมิใจ ที่มีเจ้าหญิงแสนดีคอยเป็นกำลังใจให้เสมอ ปราสาทหลังน้อยของผม รอคอยเจ้าหญิงแสนดีมานานแล้ว เจ้าหญิงคนนี้จะกรุณาให้เกียรติ ให้ผมปกป้องและดูแลคุณ จากวันนี้และตลอดไปได้ไหมครับ”

“ค่ะ...ฉันจะเป็นเจ้าหญิงของคุณ เราสองคนจะดูแลซึ่งกันและกันตลอดไปค่ะ”

ปวุฒิค่อยๆบรรจงสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายพร้อมจุมพิตมือแผ่วเบา รั้งเธอมากอดแนบอก รจนาไฉนกอดตอบด้วยความรัก...วาดฝันสวยงามถึงอนาคตสดใส

ooooooo

รจนาไฉนกลับไปแจ้งข่าวดีกับพ่อแม่ที่บ้าน ลำเพาปรี๊ดแตกไม่ยอมเพราะมีแผนให้ลูกเลี้ยงสุดชังทำหน้าที่แทนลูกในไส้ รจนาไฉนไม่เข้าใจ ขอความช่วยเหลือจากนพรัตน์ น้ำตารื้นด้วยความน้อยใจที่พ่อหลบตา ละล่ำละลักปฏิเสธเพราะรักปวุฒิ โลมฤทัยเข้ามาทันได้ยินประโยคสุดท้าย มองพี่สาวนอกไส้ด้วยความไม่พอใจ

“ไหนเคยบอกว่าไม่คิดอะไรกับคุณปวุฒิไง จู่ๆไปแต่งงานกันได้ไง ที่ผ่านมาโกหกพบมาตลอดเลยใช่ไหม”

รจนาไฉนอึกอัก เปลี่ยนเรื่องถามแม่ถึงความตั้งใจแรก อยากให้ปัทม์แต่งงานกับน้องสาว โลมฤทัยประกาศกร้าว ไม่มีวันยอมแต่งงานกับเจ้าของไร่ชาสุดซกมก รจนาไฉนยืนยันขอแต่งงานกับปวุฒิ เพราะไม่อาจรักใครได้อีก โลมฤทัยโกรธมาก สั่งให้ยอมพร้อมทวงบุญคุณ

“ถึงเวลาที่นังเด็กกำพร้าไม่มีหัวนอนปลายตีน ต้องตอบแทนตระกูลวิชนีที่เลี้ยงมา”

นพรัตน์โกรธจัดที่โลมฤทัยพูดแรง ลำเพาเข้าข้างลูกสาวคนเล็ก โดนสามีปรามเสียงเครียด

“ลำเพา...เราเคยตกลงกันแล้วนะว่าจะไม่พูดเรื่องนี้”

“มันถึงเวลาแล้วค่ะ ถึงเวลาที่เพื่อนต้องตอบแทนบุญคุณที่เราเลี้ยงมันมา ทั้งที่มันไม่ใช่ลูกแท้ๆ”

นพรัตน์หน้าซีดเผือด รจนาไฉนตะลึง น้ำตารื้นด้วยความสะเทือนใจ ลำเพาได้ทีตวาดซ้ำ

“เพื่อน...แกควรสำนึกไว้ ถ้าไม่ได้พวกฉันชีวิตแกจะเป็นยังไง ถ้าไม่แต่งงานแทนก็อกตัญญู เลี้ยงเสียข้าวสุก!”

รจนาไฉนช้ำหนัก ทนฟังต่อไปไม่ไหว วิ่งหนีออกไปทั้งน้ำตา นพรัตน์มองตามด้วยความสงสาร ตำหนิเมียที่พูดไม่คิด ลำเพาเดินสะบัดออกไป ในขณะที่โลมฤทัยสะใจชะตากรรมของรจนาไฉน...แกไม่มีทางได้ดีกว่าฉันแน่นังเพื่อน!

รจนาไฉนทิ้งตัวบนเตียง ร้องไห้เสียใจที่ความจริงเปิดเผยว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ เหลือบเห็นรูปบนโต๊ะ ภาพตัวเองถ่ายกับครอบครัวตั้งแต่เด็ก เพิ่งสังเกตว่าลำเพาแสดงออกชัดว่ารักโลมฤทัยมากกว่าเธอ ความทรงจำในอดีตหลั่งไหล ลำเพาไม่เคยแสดงความรักหรือชื่นชมเธอสักครั้ง มีเพียงนพรัตน์คอยปลอบโยนและอยู่เคียงข้าง เติมเต็มวัยเด็กของเธอไม่ให้หดหู่เกินไปนัก หญิงสาวดึงตัวเองจากห้วงความคิด ปาดน้ำตาที่ไหลกลบหน้าด้วยความช้ำใจ นพรัตน์เข้ามาหา สงสารลูกสาวจับใจ รจนาไฉนผวากอดทั้งน้ำตา

“คุณพ่อ...เพื่อนเข้าใจแล้วว่าทำไมตั้งแต่เด็ก คุณแม่ถึงไม่เคยรัก ไม่เคยชื่นชมยินดีกับเพื่อนแม้แต่ครั้งเดียว”

“อย่าคิดมากสิ ทำไมแม่จะไม่รักหนู คนเราแสดงออกไม่เหมือนกัน ถ้าแม่ไม่รัก จะเลี้ยงเรามาจนป่านนี้หรือ”

รจนาไฉนร้องไห้ไม่หยุด นพรัตน์เสียใจไม่น้อย นิ่วหน้าเพราะเริ่มปวดตามร่างกาย รู้สึกโหวงๆเหมือนจะเป็นลม

“หนูยังมีพ่อทั้งคนนะลูก พ่อรักและหวังดีต่อหนู ไม่ต่างอะไรจากพ่อแท้ๆเลยนะจ๊ะ”

จบคำก็ทรุดลงหมดสติ รจนาไฉนตกใจ ถลาเข้าพยุง ตะโกนเรียกเสียงลั่นบ้านแต่นพรัตน์ยังแน่นิ่ง มีเพียงลมหายใจแผ่วเบาที่ทำให้รู้ว่ายังมีชีวิต

นพรัตน์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที หมอรีบฟอกไตให้อย่างเร่งด่วน รจนาไฉนยืนมองด้วยความเป็นห่วง ลำเพากับโลมฤทัยเดินมาสมทบ สีหน้าบ่งบอกถึงความไม่สบายใจที่รู้ว่าเสาหลักของบ้านไตวายกะทันหัน ความ เครียดและกังวลใจเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน ทำให้สองแม่ลูกพูดจาถากถางรจนาไฉน บีบน้ำตาตัดพ้อ กอดกันกลมเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ รจนาไฉนสะอึก คำพูดเหมือนทวงบุญคุณกลายๆทิ่มแทงใจแทบจุก ความรู้สึกผิดท่วมท้น

รจนาไฉนอาสาเฝ้านพรัตน์ นั่งมองด้วยความสงสารที่ต้องทรมานเพราะอาการเจ็บป่วย นพรัตน์เอื้อมมือไปลูบผมลูกสาวแผ่วเบา ขอโทษที่รักษาสัญญาจะปกป้องและดูแลต่อไปไม่ได้ รจนาไฉนน้ำตาคลอ สะเทือนใจที่พ่อต้องมีสภาพแบบนี้ คิดหนักเพื่อตัดสินใจบางอย่าง ลำเพากับโลมฤทัยแอบย่องเข้ามา ได้ยินเสียงสองพ่อลูกคุยกัน

“ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง จำไว้นะลูก พ่อยังรักหนูเหมือนเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อเอง”

“คุณพ่อเมตตาเพื่อนมาตลอด เพื่อนสัญญาว่าต่อไปนี้จะดูแลคุณพ่อให้ดี และทำทุกอย่างให้คุณพ่อมีความสุข”

รจนาไฉนตัดสินใจแน่วแน่ จนนพรัตน์ละอายใจ ต่างจากลำเพากับโลมฤทัย ดีใจที่ความต้องการจะเป็นจริง...

ขณะที่รจนาไฉนเสียสละเพื่อครอบครัว...ปวุฒิเปิดแคตตาล็อกงานแต่งดูด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข แม่ของเขาเดินมาเย้า ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และเร่งให้ไปขอรจนาไฉน

ปวุฒิยิ้มเขินๆ โทร.หาแฟนสาวด้วยความคิดถึงแต่ไม่มีคนรับสาย

รจนาไฉนเห็นชื่อแฟนหนุ่มบนหน้าจอมือถือ นั่งนิ่งไม่ยอมรับ คิดหนักว่าจะบอกเขาอย่างไร ปวุฒิชักกังวล เลือกโทร.เข้าบ้าน โลมฤทัยเป็นคนรับ หงุดหงิดที่เขาไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย เดินไปยื่นโทรศัพท์ให้พี่สาว เปรยเสียงเยาะว่าคงต้องบอกความจริงกับปวุฒิ รจนาไฉนลำบากใจที่เขาถามเรื่องแต่งงาน

“ปวุฒิคะ...เพื่อนมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ เรื่องการแต่งงานของเรา ค่ำนี้ออกมาพบเพื่อนได้ไหมคะ”

โลมฤทัยปักหลักไม่ยอมไปไหน ยิ้มสะใจที่เห็นพี่สาวนอกไส้ช้ำใจ

หลังวางสาย...รจนาไฉนเตรียมตัวไปเจอปวุฒิตามนัด มองหน้าตัวเองในกระจกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“การแต่งงานของเราจะไม่มีวันเกิดขึ้นค่ะ เพราะฉันไม่ใช่เจ้าหญิงแสนดีของเจ้าชายอย่างคุณอีกต่อไปแล้ว”

รจนาไฉนตัดใจหยิบเครื่องสำอางมาแต่งหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเปรี้ยวจี๊ดกว่าเคย บอกตัวเองหน้ากระจก

“ฉัน...รจนาไฉน กำลังจะแต่งงานกับคุณปัทม์ ปัทมกุล เจ้าของไร่ชาผู้ร่ำรวย!”

ooooooo

มัจจุราชสีน้ำผึ้ง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด