ตอนที่ 13
แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดกับลูกสาวไผ่ เมื่อเด็กหญิงค่อยๆลืมตาขึ้นขณะไผ่นั่งกุมมือลูกอยู่ ไผ่ดีใจมากรีบกดเรียกพยาบาลมาดู
พยาบาลบอกว่าอีกไม่นานน้องก็คงหายเป็นปกติ ยังบอกด้วยความยินดีว่า
“โชคดีจังนะคะ ลูกก็รู้สึกตัวแล้ว แถมยังมีคนคอยช่วยเหลืออีก” ไผ่ถามว่าใคร ช่วยอะไร “ไม่ทราบเหรอคะ มีนายทุนใจดีมาขอเป็นเจ้าของไข้ จ่ายค่ารักษาให้ทั้งหมดเลย แถมยังย้ำมาว่าให้รักษาน้องให้เต็มที่เลย”
ไผ่สงสัยว่าใครเป็นคนช่วยตน แล้วพุฒิเมธก็ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลกๆ ตัดสินใจกดรับ เขาตกใจเมื่อปลายสายคือไผ่โทร.มาขอบคุณที่เขาช่วยเหลือลูกสาวตน
“ไม่เป็นไรครับ ซินเล่าเรื่องคุณให้ผมฟัง ผมก็เลยอยากช่วยเหลือ ถ้ามีอะไรให้ช่วยอีกก็บอกได้”
ไผ่อยากเจอพุฒิเมธกับซินพรุ่งนี้ เขาตอบรับด้วยความยินดี
วันรุ่งขึ้นเมื่อมาพบกันไผ่สารภาพว่าตนเป็นคนขับรถชนมาร์คเอง พุฒิเมธบอกว่าเรารู้แล้ว ไผ่ถามว่าแล้วทำไมเขาจึงยังช่วยตนอีก ณฤทธิ์พูดว่าต่อให้เขามอบตัวตนก็ไม่ฟื้น ตนให้เวลาเขาอยู่กับลูกดีกว่า บุญสิตาพูดต่อให้ไผ่ฟัง
ไผ่ซึ้งจนน้ำตาคลอยอมรับว่าตั้งแต่เกิดเหตุตนไม่มีความสุขเลย ถึงตนจะหนีกฎหมายได้แต่หนีกฎแห่งกรรมไม่ได้ ลูกตนโดนรถชนในวันที่ตนกำลังจะหนีไปกบดาน ตนเลยไปไหนไม่ได้เพราะห่วงลูก ยอมรับว่า
“ถึงผมจะไม่ติดคุก แต่การที่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ หวาดระแวงจมกับความรู้สึกผิด มันก็ไม่ต่างกับการติดคุก หลายครั้งที่ผมอยากมอบตัว แต่ก็เลือกที่จะยื้อเวลาเอาไว้เพราะลูก ตอนนี้ลูกผมอาการดีขึ้นแล้ว... ผมเลยอยากมอบตัว แต่ผมขอเวลาจัดการชีวิตตัวเอง ให้อาการลูกดีกว่านี้อีกนิดแล้วผมจะไปมอบตัวทันที ผมอยากขอขมาสิ่งที่ทำไว้กับคุณมาร์ค”
ณฤทธิ์ฟังอยู่ด้วยจึงฝากบุญสิตาบอกไผ่ว่าตนไม่ติดใจอะไร แต่ถ้าเขารู้สึกผิดจริงแค่ช่วยสารภาพว่าใครเป็นคนบงการก็พอ บุญสิตาถ่ายทอดคำพูดของณฤทธิ์ให้ไผ่ฟัง ไผ่นิ่งไปอึดใจจึงบอกว่า
“ผมจะสารภาพความจริงทั้งหมดเองว่าใครเป็นคนจ้างวานผม”
พุฒิเมธ บุญสิตา และณฤทธิ์ยิ้มให้กันอย่างมีความหวังว่าทุกอย่างกำลังจะจบและกำจัดกันต์ได้สำเร็จ
พุฒิเมธกับบุญสิตาไปส่งไผ่ที่โรงพยาบาล แต่พอทั้งสองออกไป กันต์ที่ได้ข่าวเรื่องลูกของไผ่เชื่อว่า พุฒิเมธกำลังจะเล่นงานตน จึงมาดักพบไผ่ เห็นพุฒิเมธกับบุญสิตามาส่งไผ่ก็ยิ่งตกใจ
ooooooo
เมื่อพุฒิเมธกับบุญสิตากลับไปถึงบริษัท บุญสิตาถามว่าเขาจะบอกเรื่องนี้กับพ่อมาร์คไหม พุฒิเมธบอกว่าไม่ดีกว่าไม่อยากให้ท่านฟังเรื่องไม่สบายใจ ณฤทธิ์เห็นด้วยให้ท่านรู้ทีเดียวตอนไผ่มอบตัวเลยดีกว่า
พอดีเอมาบอกว่าคุณธีมามาหา รออยู่ในห้องรับแขก ทั้งสองจึงรีบไปพบ
ธีมาขอบคุณเมธกับซินที่ทำให้ตนคิดได้ ยอมรับว่า
“ลุงทำบริษัทประสบความสำเร็จ แต่ครอบครัวกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า ลุงละเลยคนที่ตัวเองรักจนเกือบพลาดเหตุการณ์สำคัญๆในชีวิตไป” พุฒิเมธกับบุญสิตายินดี ให้กำลังใจว่ายังไม่สายเกินไป “ใช่ เราไม่มีทางรู้เลยว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิต แม้แต่สมบัติที่ทิ้งไว้ให้ลูก สุดท้ายพอตายไป เราก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง แม้แต่สมบัติที่ทิ้งไว้ให้ลูก”
พุฒิเมธรำพึงเบาๆว่า “ใช่ครับ...เงินทองที่ทิ้งให้ลูกสักวันก็หมดไป แต่ความทรงจำดีๆระหว่างคุณลุงกับลูกต่างหากไม่มีทางหมดไปแน่นอนครับ”
ในขณะที่ธีมาพูดปลงๆว่า “สงสัยผมคงต้องปรับเวลาให้ช้าลงแล้วล่ะ จะได้อยู่สร้างความทรงจำดีๆกับคนที่รักไปนานๆ” เอ่ยแล้วมอบนาฬิกาให้ทั้งสอง “นี่เป็นของขวัญเพื่อขอบคุณทุกคน เป็นนาฬิการุ่นพิเศษรุ่นของขวัญครับ”
ทั้งสองรับไปเปิดดูถามว่าไม่เห็นมีเลขบอกเวลาเลย
“นาฬิกาเรือนนี้มีแต่คำว่าปัจจุบัน เอาไว้เตือนสติ ให้เราอยู่กับปัจจุบันไง”
ทั้งสองฟังแล้วยิ้มชอบใจ เมื่อบุญสิตากับณฤทธิ์กลับไป บุญสิตาเอ่ยอย่างสบายใจว่า
“มีแต่เรื่องดีๆนะคะ คุณธีมาก็มีความสุขกับครอบครัว ไผ่เองก็จะมอบตัวเร็วๆนี้”
“อืม...หวังว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดนะ ฉันจะได้หมดห่วงซะที”
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ เดี๋ยวไผ่ก็มอบตัวแล้ว”
ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความหวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
ooooooo