ตอนที่ 12
ศักดากลับไปนั่งเครียดในห้องทำงานที่เรือนใหญ่ ครู่หนึ่งณรงค์กับเรียวมาหา ณรงค์เสนอว่า เราควรฆ่าเดชาเสียเพราะเป็นตัวอันตราย
ศักดาบอกว่า เดชาเป็นลูกชายของยศคนสนิทของตน ตนทำแบบนั้นไม่ได้ ณรงค์ตัดบทว่างั้นไว้ให้เสร็จการเมื่อไรตนจะมาถามเรื่องนี้อีกที ศักดาเห็นด้วย แต่เรียวยืนขึ้นโพล่งออกมาว่า
“งูพิษยังไงก็คืองูพิษคุณศักดา ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่ใจอ่อน”
เดชาถูกเอาตัวไปขังในกรงที่โรงเลี้ยงม้า โดยมีพรกับสมใจคุมอยู่อย่างเข้มงวด
ครู่หนึ่งยศมาบอกพรกับสมใจให้ออกไปก่อน ตนมีเรื่องอยากคุยกับเดชาตามลำพัง เมื่อทั้งสองออกไปแล้ว ยศนั่งลงตรงหน้าเดชา เอาอาหารออกมาบอกให้กินเสีย คงหิวมากแล้ว
“ไม่ต้องมาเล่นละครหรอกน่า พ่อคงสะใจใช่ไหมล่ะที่เห็นผมเป็นแบบนี้” เดชาตวาด
ยศพูดอย่างสะเทือนใจว่าพูดอะไรออกมา ตนเป็นพ่อ เป็นห่วงเขามาก เดชาท้าว่างั้นก็ปล่อยตนไปเสีย ขืนอยู่ต่อไปมีหวังโดนประหารแน่
“ฉันทำไม่ได้” ยศเสียงอ่อย ถูกเดชาด่าว่าไม่รักตนจริง เพราะตนเป็นแค่ลูกติดแม่มาเท่านั้น ทำให้ยศโกรธขึ้นมาเสียงเข้มใส่ว่า “แกเลิกบ้าได้รึยังเดชา นี่แกดูไม่ออกรึไงว่าฉันเสียใจแค่ไหนที่เห็นแกมีสภาพแบบนี้...แกเป็นคนเก่ง แกมีฝีมือ ทำไมแกต้องทำร้ายตัวเองด้วย”
“ผมไม่อยากเป็นเหมือนพ่อ ที่ต้องก้มหัวให้คนอื่นไปชั่วชีวิต”
“แกมันไม่เคยรู้สำนึกจริงๆ แกมันกู่ไม่กลับแล้วลูกพ่อ...” ยศพูดอย่างปวดร้าวสะเทือนใจ
ooooooo
คืนนี้ เฮียเส็งกับครกพากันแปลกใจระคนตกใจ เมื่อเห็นสาโรจน์เดินขากะเผลกเข้ามาแล้วเดินขึ้นชั้นบนไปเงียบๆ เมื่อเฮียเส็งรีบตามขึ้นไปถามว่าบ้ารึเปล่า เข้ามาในนี้ได้ยังไง ทหารกำลังตามล่าอยู่ไม่รู้หรือว่าตัวเองเป็นตัวอันตราย
สาโรจน์พูดนิ่งๆว่าเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ ตนได้ข่าวมาว่าพรุ่งนี้จรัญกับศักดาจะเจรจากันที่นี่ เฮียเส็งถามว่า
“เอ็งต้องการอะไรวะ”
“ตามสไตล์เถ้าแก่ ฆ่าให้หมด” เฮียเส็งถามว่าเพื่ออะไร “ความยุติธรรม เพื่อให้แผ่นดินภูพระกาฬมันสูงขึ้น”
“เป๋แบบนี้ เอ็งยังคิดจะสู้อีกเหรอวะ” เฮียเส็งถามเห็นสาโรจน์ยิ้มเหี้ยม
เฮียเส็งจัดการให้สาโรจน์ไปพักที่ร้านเฮียจุ้ยที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับโรงแรม เมื่อพาไปพักที่นั่นแล้ว เฮียเส็งถามตรงๆว่าที่ทำครั้งนี้เพื่อภูผาใช่ไหม เตือนสาโรจน์อย่างเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนว่า
“ข้ารู้ว่าสิ่งที่ไอ้จรัญกับไอ้ศักดามันทำไว้ มันคือความผิดที่ต้องชดใช้ แต่ว่ามันจะได้อะไรขึ้นมาวะ สนองตัณหา สนองความแค้นของเอ็งงั้นเหรอ”
“ถามซอกแซกน่ะเถ้าแก่” สาโรจน์ทำเสียงรำคาญ
“ก็เอ็งไม่คิดจะอยู่อย่างสงบบ้างรึไงวะสาโรจน์ แต่งงานมีลูกมีเมียเหมือนชาวบ้าน เอ็งเคยคิดบ้างไหม...ถามจริงๆ เหอะ เอ็งเคยมีความรักกับเขาบ้างรึเปล่าวะ”
คำถามนี้ทำเอาสาโรจน์อึ้งไป จ้องหน้าเฮียเส็งตอบด้วยสายตาว่า...มีสิวะ...
ooooooo
เมื่อกลับไปที่วิไลบาร์เจอรานีที่กลางบันได รานีถามอย่างไม่สบายใจว่าหายไปไหนมา สาโรจน์บอกว่าไปดูลาดเลานิดหน่อย ครั้นเธอถามว่าจะลงมือพรุ่งนี้เลยหรือ เขาพยักหน้า เธอถามอีกว่าแล้วหลังจากนั้นจะหนีไปไหนจะพาตนไปด้วยหรือเปล่า หรือจะทิ้งไว้เหมือนเมื่อก่อน
สาโรจน์มองหน้ารานีนิ่ง พูดอย่างตรึกตรองว่า เธอควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงตายกับตน รานีอ้อนวอนอย่างเจ็บปวดให้พาตนไปด้วยอย่าทิ้งตนไปอีก คำตอบที่ทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าคือ
“ฉันทำไม่ได้รานี ฉันเป็นมัจจุราช ฉันเกิดมาเพื่อฆ่า ไม่ใช่เพื่อความรัก”
ความเสียใจทำให้รานีผลักเขาอย่างแรง ทำให้สาโรจน์เสียหลักและเพราะขาข้างหนึ่งเขาเสียจึงไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ เขาหงายหลังตกบันไดไปอย่างแรง รานีตกใจรีบลงไปประคองเขา ระล่ำละลักขอโทษ แต่แล้วเธอก็ชะงัก เมื่อขากางเกงข้างหนึ่งของสาโรจน์ถลกขึ้นมา ทำให้เธอเห็นว่า ที่แท้ขาข้างนั้นของเขาเป็นขาปลอม ทำด้วยไม้!
“ขา...ขาของคุณ...”
“ฉันเป็นคนพิการรานี ฉันไม่มีอะไรที่คู่ควรกับเธอ” สาโรจน์สลดจนน่าสงสาร
รานีนิ่งไปอย่างนึกเดาเรื่องราวของเขาได้ แต่เธอก็พูดอย่างมั่นใจว่าตนไม่ได้ต้องการแบบนั้น ตนรักเขาขอร้องให้อยู่ด้วยกัน ร้องไห้สะอึกสะอื้น ขอร้องเขาว่า
“คุณสู้กับศัตรูมามาก คุณเอาชนะได้เสมอ ทำไมคุณสู้เพื่อความรักสักครั้งไม่ได้ คุณสู้กับมันเพื่อฉันได้ไหมสาโรจน์ ฉันขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว...ทำเพื่อฉัน...ได้โปรด ได้โปรดเถอะสาโรจน์”
“รานี...ฉันรักเธอ ได้ยินไหม ฉันรักเธอรานี...ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ฉันไม่เคยมีใครนอกจากเธอ” รานีพยักหน้าทั้งน้ำตา สาโรจน์กอดเธอไว้แนบแน่น ด้วยความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ของความรัก...
ooooooo
ในที่สุด ยศก็ทนไม่ได้ เขาแอบไปช่วยพาเดชาหนี แต่ถูกศักดาตามมาจับได้ ยศอ้อนวอนขอให้ไว้ชีวิตเดชา หรือไม่ก็ฆ่าตนทิ้งเสีย ตนไม่ยอมให้ใครทำร้ายเดชาเด็ดขาด
“ก็ได้ยศ คนทุกคนเคยทำผิดพลาดกันทั้งนั้น ฉันจะไม่ฆ่าเดชาแต่จะให้โอกาสมันเหมือนในอดีตที่แกเคยให้โอกาสฉัน” ศักดาสบตายศอย่างจริงจัง สิงห์พยายามจะทักท้วง ศักดายกมือห้ามแล้วพูดต่อ “ฉันจะให้เดชาทำคุณไถ่โทษ
ถ้าทำสำเร็จเขาจะได้กลับมาอยู่ที่ไร่ฟ้ารุ่งอีกครั้ง แต่ถ้าไม่... นายจะต้องรับผิดชอบ”
ยศพยักหน้ารับอย่างเชื่อมั่นในคำพูดของศักดา แต่เดชายังสงสัย ถามว่า “คุณจะให้ผมทำอะไร”
ภูตะวันกลับมาปรึกษากับพรเรื่องวางแผนฆ่าจรัญกับศักดา พรถามว่าเขาจะทำจริงหรือ ภูตะวันตอบอย่างหนักใจว่าสาโรจน์วางแผนเอาไว้แล้ว ตนไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงยังไง
พรเตือนสติว่าสมควรแล้วหรือที่เราจะฆ่าศักดาแบบนี้ ถึงยังไงศักดาก็มีบุญคุณกับพวกเราชาวไร่ฟ้ารุ่ง ถ้าเขาตายไป ไร่ฟ้ารุ่งต้องโกลาหลแน่ ภูตะวันพูดอย่างแค้นใจว่าศักดาฆ่าพ่อแม่ตนมันเป็นหน้าที่ที่ตนต้องแก้แค้น แต่พอพรถามว่า แล้วเพชรรุ้งล่ะ เขาจะจัดการอย่างไรถ้าเธอรู้ว่าเขาฆ่าพ่อเธอ ภูตะวันก็ชะงักอึ้ง
ooooooo
เพชรรุ้งยังคิดหนักที่เห็นภูตะวันอยู่กับรานีในห้องนอนของรานีที่วิไลบาร์ พลอยขวัญตามมาแซวและเตือนสติพี่สาวว่า คนอย่างนายเสือไม่ใช่คนดี แต่เพชรรุ้งไม่อยู่ในสภาพที่จะฟังอะไรได้อีกแล้ว เธอห้าม แต่เมื่อพลอยขวัญไม่ฟังรั้นที่จะพูด เพชรรุ้งจึงเดินหนีไป
เพชรรุ้งขึ้นหลังม้าควบออกไปอย่างฉุนเฉียว พลอยขวัญบ่นว่าแค่นี้ก็งอน แหงนมองฟ้าพึมพำฝนก็ทำท่าจะตกแล้วด้วย
ขณะเพชรรุ้งขี่ม้าตะบึงไปนั่นเอง ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาที่ต้นไม้บริเวณนั้น ทำให้ม้าตกใจตื่นสลัดเธอตกจากหลังแล้ววิ่งเตลิดไป
พลอยขวัญเป็นห่วงเพชรรุ้ง บอกภูตะวันว่าฝนใกล้จะตกแล้วแต่เพชรรุ้งยังไม่กลับมา ภูตะวันถามทิศทางที่เพชรรุ้งไปแล้วจึงออกตามหา
ไปเจอม้าของเพชรรุ้งยืนอยู่ พอมองหาก็เห็นเธอนั่งพิงต้นไม้อยู่อีกด้านหนึ่ง ท่าทางขาเจ็บจนลุกไม่ได้ ภูตะวันรีบเข้าไปหา ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“ไม่ต้องยุ่ง ฉันดูแลตัวเองได้” เพชรรุ้งสะบัดเสียงงอนๆ ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อภูตะวันพยายามจะช่วย เธอก็พูดประชดว่า “นายไปตายที่ไหนก็ไป คนอย่างฉันไม่ต้องพึ่งนายหรอกนายเสือ ไปดูแลคุณรานีของนายเถอะ”
ครั้นภูตะวันชี้แจงว่าตนกับรานีไม่มีอะไรกัน ก็หาว่าเขาแก้ตัว ภูตะวันเลยถามอย่างอ่อนใจว่า แล้วจะให้ตนทำยังไง โต้เถียงกันไปมาจนภูตะวันถามว่า เธอโกรธตนทำไม
“เพราะนายหลอกฉันไงนายเสือ ที่ผ่านมานายแกล้งทำดีกับฉัน ทำให้ฉันไว้ใจ แต่พอถึงเวลาที่ฉันต้องการนายจริงๆขึ้นมานายกลับหักหลังฉัน...สิ่งที่นายต้องการมันก็ไม่ต่างกับคุณณรงค์นักหรอก ปอกลอกผู้หญิง ฉวยโอกาส นายมันแมงดา ได้ยินไหมนายเสือ นายมันน่าขยะแขยง”
“ไม่ใช่ผมไม่ต้องการคุณ...เพชรรุ้ง แต่ผมไม่ดีพอสำหรับคุณต่างหาก คุณพูดถูก ผมเป็นคนเลว ผมมาที่นี่เพราะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง แต่ไม่ใช่กับคุณ ผมไม่เคยต้องการให้ คุณผิดหวัง ไม่เคยต้องการให้คุณเสียน้ำตาแบบนี้...ผมเป็นแค่นายเสือ คนงานธรรมดา แต่ว่าคุณ...คุณคือคุณหนูเพชรรุ้ง ว่าที่เจ้าสาวของคุณณรงค์”
เพชรรุ้งสะเทือนใจมาก ตัดสินใจประชดภูตะวันว่าเมื่อเขาต้องการแบบนั้น ตนก็จะทำให้ดู ตนจะแต่งงานกับณรงค์ตามที่เขากับพ่อต้องการถ้าทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ถามว่าแบบนี้เขาพอใจหรือยัง
ภูตะวันรวบตัวเธอเข้าไปกอดด้วยความอัดอั้น เพชรรุ้งร้องไห้ในอ้อมกอดเขาอยู่ครู่หนึ่ง จึงผลักเขาออก พูดอย่างเจ็บปวดว่า
“ชาตินี้ทั้งชาติ นายจะไม่มีวันได้ถูกตัวฉันอีกแล้วนายเสือ มีแต่คุณณรงค์เท่านั้นที่จะเป็นเจ้าของร่างกายฉัน”
ภูตะวันได้แต่มองหน้าเพชรรุ้งท่ามกลางสายฝน
อย่างปวดร้าว...
ooooooo
ณรงค์แสดงความร้อนใจอย่างมากที่เพชรรุ้งยังไม่กลับมา แต่ไม่นานนักสิงห์ก็เข้ามารายงานว่า นายเสือพาเพชรรุ้งกลับมาแล้ว
ศักดาเดินอ้าวออกไปรับลูกสาวถามว่าเป็นยังไงบ้าง เพชรรุ้งบอกว่าแค่ข้อเท้าแพลงนิดหน่อย ดีว่านายเสือช่วยเอาไว้ ศักดาหันไปขอบใจนายเสือ ส่วนณรงค์กลับพูดแบบคาดโทษว่า ถ้าเจ้าสาวของตนหายไปตนเอาเรื่องแน่
เพชรรุ้งตำหนิตัวเองว่าควรดูแลตัวเองดีกว่านี้ ขอโทษณรงค์ที่ทำให้เขาเป็นห่วง สัญญาว่าต่อไปจะไม่ทำให้เขาต้องห่วงอีก
ณรงค์พาเพชรรุ้งไปพักผ่อน พลอยขวัญดูเหตุการณ์แล้วก็แอบหวังว่าโอกาสของตนมาถึงแล้ว เธออารมณ์ดีบอกสิงห์ว่า
“พรุ่งนี้นายช่วยไปส่งฉันในเมืองหน่อยนะ ฉันจะไปร้านตัดเสื้อ” พูดแล้วเห็นสิงห์ทำหน้าเศร้ากับความสุขของเธอ พลอยขวัญปลอบใจว่า “เอาน่า ฉันสัญญา ต่อไปจะแนะนำสาวๆ สวยๆ ให้นายรู้จัก เดี๋ยวนายก็ลืมฉันได้เองแหละ”
สิงห์ได้แต่ยิ้มเศร้าๆกับคำปลอบใจนั้น
ooooooo
จรัญให้โอกาสเดชา เวลาเดียวกันก็ดูแลบุหลัน วันนี้ก็เอาข้าวไปให้กิน บุหลันปฏิเสธไม่ยอมกินของที่จรัญเอามาซ้ำยังด่าว่า “ไอ้ชาติชั่ว” รื้อฟื้นความแค้นว่า ตนมาอยู่กับเขาที่นี่ก็เพื่อแก้แค้นแทนพ่อแม่ที่ตายไปเท่านั้น ไม่ได้เกิดจากความรักอะไรเลย ทั้งยังท้าครั้งแล้วครั้งเล่าให้ฆ่าตนเสีย
“ฉันไม่ฆ่าเธอหรอกบุหลัน ตรงกันข้าม ฉันจะช่วยเธอให้มีโอกาสได้ล้างแค้นต่อไป ฉันจะเก็บเธอไว้ทรมานข้างๆกายฉัน จนชั่วชีวิต...ขอย้ำ อยู่เหมือนสัตว์ และทรมานชั่วชีวิต”
จรัญยิ้มเหี้ยมเหมือนเสือร้ายที่จะขย้ำเหยื่อ แต่บุหลันก็ไม่หวั่นไหว จ้องหน้าเขาอย่างอาฆาตแค้น
เวลาเดียวกันนั้น ยศกำลังพาเดชาไปส่งที่ปากทางเข้าไร่ฟ้ารุ่ง ให้เดชาหนีไปจากที่นี่ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เดชาเป็นห่วงว่าถ้าตนหายไปศักดาต้องเอาเรื่องพ่อแน่ๆ
“ฉันซื่อสัตย์มาหลายปี ไม่เคยทำเรื่องเสียหาย ก็ให้มันรู้ไปว่าจะต้องตายเพราะเรื่องแค่นี้” ยศพูดพลางหยิบปืนและกระสุนส่งให้ “แกรักษาตัวด้วยนะเดชา กลับตัวเสีย แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่”
เดชารับปืนไปมองหน้ายศอึ้งๆ แต่เมื่อเขาควบม้าไปได้อึดใจใหญ่ก็หันกลับมองภูพระกาฬอีกครั้ง พูดอย่างแค้นฝังใจ “เริ่มต้นชีวิตใหม่ ฮึ ขี้แพ้สิไม่ว่า คนอย่างเดชาไม่ยอมจบเกมง่ายๆ หรอกเว้ย” คิดแล้วก็ควบม้ากลับสู่ภูพระกาฬอย่างฮึกเหิมสุดขีด
ยศกลับไปถึงไร่ เดินเข้าไปหาศักดาที่ยืนดูชาวบ้านทำไร่อยู่ ศักดาถามว่าเดชาไปแล้วใช่ไหม ยศตอบไม่เต็มเสียงว่าครับ แต่พอศักดาพูดว่าไม่ได้ไปทำงานตามที่ตนสั่ง แต่หนีไปนอกเมือง ยศก็อึ้งอุทาน
“คุณรู้?”
ศักดาหันมาตบบ่ายศพูดปลอบใจว่า “หัวอกคนเป็นพ่อฉันเข้าใจดียศ เดชามันเหมือนลูกเหมือนหลานคนนึงของฉัน ฉันจะลงโทษมันได้ยังไง” เมื่อยศขอบคุณ ศักดายํ้าว่า “แต่ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย เข้าใจนะ”
ooooooo
ที่ห้องชั้นบนร้านตรงข้ามโรงแรมสันติภาพ สาโรจน์ ภูตะวัน และรานี ยืนมองจากทางหน้าต่างไปยังโรงแรมสันติภาพ สาโรจน์เล่าแผนการขณะที่ตายังจับจ้องที่โรงแรมว่า
“เฮียเส็งบอกว่า จรัญกับศักดาจะเจรจากันที่โรงแรมสันติภาพ โดยมีณรงค์เป็นคนกลาง หลังจากตกลงกันแล้ว จรัญจะออกมากล่าวอำลาชาวเมืองภูพระกาฬที่ด้านหน้าโรงแรม ถึงตอนนั้นฉันจะฆ่ามันเสีย ส่วนแก พอเห็นว่าเกิดเหตุชุลมุนขึ้นเมื่อไหร่ ก็จัดการไอ้ศักดาได้ทันที”
รานีถามว่าไม่เสี่ยงไปหน่อยหรือ สาโรจน์เชื่อว่าศักดาต้องเผ่นแน่ ตอนนั้นคนที่อยู่ใกล้ศักดาที่สุด คือพวกการ์ดของไร่ฟ้ารุ่ง พูดแล้วหันมองภูตะวัน เห็นเขายืนเหม่อ สาโรจน์ถามว่า ฟังอยู่หรือเปล่า
ภูตะวันพูดอย่างกังวลว่า ถ้าเราใช้วิธีนี้อาจจะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง ชาวบ้านคงต้องเดือดร้อนแน่ แต่สาโรจน์กลับเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพื่อความร่มเย็นของภูพระกาฬงานนี้ต้องมีคนเสียสละกันบ้าง
เมื่อดูสถานที่นัดแนะกันแล้ว รานีเดินมาส่งภูตะวันที่หน้าประตูบอกว่า ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะส่งข่าว แต่พอภูตะวันไปแล้ว สาโรจน์ปรารภว่า ภูตะวันดูเปลี่ยนไปมากท่าทางเหมือนไม่อยากล้างแค้น พูดแล้วถามรานี
“มีอะไรที่ฉันควรรู้บ้างไหมรานี”
“คำตอบอยู่ที่คุณหนูเพชรรุ้ง ลูกสาวของศักดา เพราะภูตะวันกับเพชรรุ้งเติบโตมาด้วยกัน ก็ต้องมีความผูกพันเป็นธรรมดา” พูดแล้วมองหน้าสาโรจน์พูดเชิงขอ “นี่อาจจะเป็นลางดีก็ได้นะสาโรจน์ บางทีเราน่าจะยกเลิกแผนการ”
“ไม่ มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันไม่ยอมถอยเด็ดขาด” สาโรจน์ตอบอย่างมั่นคงเด็ดเดี่ยวจนรานีเงียบไป
ooooooo
เพื่อให้แนบเนียนและทำให้ทางเพชรรุ้งไม่อาจบ่ายเบี่ยงได้ นายพลเรืองฤทธิ์ส่งแหวนแต่งงานมาเป็นของขวัญให้เพชรรุ้ง เมื่อณรงค์เอาไปให้เธอ เขาพูดอย่างคาดหวังแกมผูกมัดเธอว่า
“แสดงว่าพ่อผมท่านคงมั่นใจมากว่าการเจรจาจะต้องลุล่วงไปด้วยดี ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่เราก็จะแต่งงานกัน” พูดแล้วกุมมือเพชรรุ้งไว้ถาม “คุณคิดว่ายังไง”
“ฉันยืนยันว่าจะแต่งงานกับคุณค่ะคุณณรงค์” พูดพลางค่อยๆดึงมือตัวเองออก “แต่ได้โปรดจำไว้อย่างนึง ที่ฉันแต่งงานก็เพราะพันธะระหว่างครอบครัวของเรา ไม่ใช่ความรัก”
ณรงค์ไม่พอใจ เมื่อออกไปพบเรียว ฝ่ายนั้นถามว่าเพชรรุ้งถูกใจหรือเปล่า ณรงค์ตอบแค้นๆว่า
“นังคุณหนูปากเก่งนั่นมันดูถูกฉัน ถ้าแต่งงานกันเมื่อไหร่ ฉันต้องสั่งสอนมันแน่”
เรียวเลยงง ที่เรื่องกลับมาลงเอยแบบนี้
ooooooo
เมื่อสิงห์พาพลอยขวัญนั่งไซด์คาร์มาส่งที่เมืองภูพระกาฬแล้ว เธอบอกสิงห์ว่าไปหาที่นั่งรอก่อน เสร็จแล้วตนจะรีบลงมา หรือจะไปหาอะไรดื่มก่อนก็ได้
สิงห์จึงไปที่โรงแรมสันติภาพ ขออะไรแรงๆที่แก้วเดียวจอดหน่อย เฮียเส็งแหย่ว่าคงอกหักมาล่ะซี แล้วรินแบบที่ดื่มแล้วพอกระชุ่มกระชวยให้ แต่สิงห์ดื่มเข้าไปสามแก้วก็ยังแค่สะลึมสะลือ เฮียเส็งพูดขำๆว่าไอ้นี่คอทองแดง เหล้าเถื่อนขนาดนี้สามแก้วแล้วยังไม่พับอีก
ขณะนั้นเอง พวกคนจรที่ดื่มอยู่ในห้องโถงโรงแรม คนจรคนหนึ่งบอกเพื่อนมันว่าเห็นพลอยขวัญเข้าเมืองแล้วบรรยายความสวยเซ็กซี่ของเธอ อีกทั้งยังพูดอย่างคะนองปากว่ามีโอกาสเมื่อไรรับรองตนฉุดแน่
สิงห์ทนฟังไม่ได้ลุกขึ้นถามว่าเมื่อกี้ใครพูดถึงคุณหนูพลอยขวัญ คนหนึ่งในกลุ่มคนจรบอกเพื่อนว่า เมาแอ๋ขนาดนี้ไม่ต้องกลัว อีกคนสะอึกออกไปรับว่าตนพูดเอง สิงห์ท้าให้ไปเจอกันตัวต่อตัวที่ทางเสือผ่าน
คนจรเห็นว่าสิงห์เมาขนาดนี้คงไม่มีพิษสงแน่ มันขอยืมปืนลุงชิดที่มีกระสุนเหลือแค่สามนัดถือไป ส่วนสิงห์ไปมือเปล่า ครกพยายามห้ามเพราะสิงห์ไปมือเปล่าจะไปดวลกับมันยังไง
“มันมีกระสุนแค่สามนัด ฉันไม่อยากเอาเปรียบมัน” แล้วสิงห์ก็ลุกเดินโงนเงนออกไป
เฮียเส็งกับครกมองแล้วพากันถอยห่างเชื่อว่างานนี้สิงห์ตายแน่ แต่เฮียเส็งก็ไปทำหน้าที่โยนขวดให้ตามเคย
ทันทีที่ขวดเหล้าที่เฮียเส็งโยนตกถึงพื้น คนจรก็ยิงใส่สิงห์ทันที แต่สิงห์ล้มตัวหลบทันพร้อมกับปามีดไปปักที่หน้าแข้งคนจรคาอยู่อย่างนั้น แล้วสิงห์ก็เงื้อมีดเล่มที่สองวิ่งพุ่งเข้าหา มันร้องจ๊ากปากคอสั่นยิงสวนมาอีกสองนัดแต่ไม่ถูก
สิงห์เข้าไปถึงตัว สั่งให้มันขอโทษพลอยขวัญ มันขอโทษปากคอสั่น สิงห์จึงเก็บมีดเล่มนั้นแล้วบุ้ยใบ้ให้คนจรดูมีดที่ปักที่แข้งมัน มันรีบดึงออกแล้วส่งคืนให้สิงห์อย่างนอบน้อม
สิงห์รับมีดเสียบเข้าฝักแล้วเดินแหวกฝูงคนที่มามุงดูออกไปอย่างสุดเท่
ooooooo
พลอยขวัญไปที่ร้านตัดเสื้อ ขณะกำลังเลือกผ้าเหลือบเห็นรานีหิ้วของเดินเข้าไปในร้านตรงข้ามกับโรงแรม เธอตามไปทันทีย่องตามไปถึงชั้นบนแล้วแอบฟังรานีกับสาโรจน์คุยกัน
รานีถามสาโรจน์ว่าไม่เปลี่ยนใจแน่นะ สาโรจน์ยืนยันว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตนก็ไม่เปลี่ยนใจ พูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “พรุ่งนี้ฉันต้องฆ่าไอ้จรัญกับศักดาให้ได้”
พลอยขวัญตกใจชะเง้อมองหน้าสาโรจน์ มือไปปัดถูกอะไรบางอย่างเกิดเสียงดัง สาโรจน์มองขวับเดินมาทันที ส่วนพลอยขวัญวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงลงมาไม่ทันถึงข้างล่าง ก็ถูกสาโรจน์ตามทัน
พลอยขวัญแก้สถานการณ์ด้วยการแผดเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ถูกสาโรจน์เอาคมมีดแตะที่คอขู่พร้อมกับใช้หัวแม่มือกดเส้นที่ต้นคอดังกรึ๊บ พลอยขวัญหลับผล็อยร่วงไปทันที
รานีรีบตามลงมาดู เฮียจุ้ยเจ้าของร้านก็วิ่งมาดู พอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เฮียจุ้ยตกใจถามสาโรจน์ว่าทำอะไรกัน สาโรจน์บอกว่าเรื่องนี้เขาไม่เกี่ยว
“ไม่เกี่ยวได้ยังไง ก็นี่มันร้านอั๊ว อั๊วได้ยินคนที่โรงแรมเขาคุยกันว่าพรุ่งนี้จะมีการเจรจากัน นี่พวกลื้อมีแผนร้ายใช่ไหม”
เฮียจุ้ยเจ้าของร้านตกใจกลัววิ่งหนีออกจากร้านไป สาโรจน์บอกให้รานีรีบปิดประตูแล้วแขวนป้าย “ปิด” ที่
หน้าร้าน
สิงห์จัดการกับคนจรแล้วก็รีบกลับมาที่ร้านตัดเสื้อ ช่างบอกว่าพลอยขวัญออกไปนานแล้ว
“อะไรนะ ออกไปแล้วเหรอ แล้วบอกรึเปล่าว่าจะไปไหน” ช่างตัดเสื้อส่ายหน้า สิงห์พึมพำ “ตายแน่ไอ้สิงห์ นี่เราทำคุณหนูหายเหรอวะเนี่ย!”
ooooooo
บุหลันหนีออกไปได้เมื่อเธอมารยาว่าเจ็บขาหลอกให้สมุนจรัญที่เอาข้าวมาให้ช่วยนวด แล้วคว้าขวดประเคนหัวจนมันมึน แม้มันจะตามล่าแต่เธอก็วิ่งไปเจอเดชาที่กลับมาช่วยไว้ทัน บุหลันบอกเดชาให้พาหนีไปด้วยกัน เดชาบอกว่าเขายังไปไม่ได้เพราะ “ยังมีเรื่องต้องสะสาง คือภารกิจของศักดา ฉันต้องทำให้สำเร็จ”
เมื่อสิงห์กลับมาบอกศักดาเรื่องพลอยขวัญหายไป ศักดาคาดโทษว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพลอยขวัญจะไม่ปล่อยเขาไว้แน่ ครู่หนึ่งภูตะวันเข้ามารายงานว่าพวกการ์ดกับทหารออกตามหาพลอยขวัญจนทั่วเมืองแล้วไม่เจอ
พรคาดว่าเป็นฝีมือของจรัญ เสนอให้ไปค้นบ้านกันเลยดีไหม
“ถ้าเป็นเรื่องจริง มันก็คงไม่ปล่อยให้เราค้นเจอง่ายๆ
หรอก พรุ่งนี้ในที่เจรจา ฉันจะถามมันต่อหน้าทุกคน” ศักดาพูดอย่างแค้นใจ
ฝ่ายจรัญกำลังโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง เมื่อรู้ว่าบุหลันหนีไปได้ ไม่ทันไรศรยังรายงานว่า มีข่าวว่าพลอยขวัญหายไป กรณ์เชื่อว่าพวกนั้นต้องคิดว่าเป็นฝีมือพวกเราแน่ๆ เกิดพรุ่งนี้ถูกถามขึ้นมาจะทำอย่างไร
“ไอ้บ้าเอ๊ย...หน้าสิ่วหน้าขวานแท้ๆ ใครมันยังแส่หาเรื่องอีกวะ” จรัญโมโหแทบจะคลั่ง
ฝ่ายพลอยขวัญทำเป็นหลับไม่ตื่น แอบได้ยินสาโรจน์คุยกับรานีว่าจะหนีไปด้วยกัน ก็ยิ่งแค้นใจ
ooooooo
ก่อนถึงวันเจรจา ณรงค์ส่งทหารไปค้นโรงแรมสันติภาพของเฮียเส็งอย่างละเอียดอ้างว่าต้องเคลียร์พื้นที่ก่อนเจรจา ระหว่างนั้น ผบ.หมวดชี้ให้ณรงค์ดู ห้องแถวฝั่งตรงข้ามบอกว่าใส่กุญแจไว้น่าสงสัย
“อ๋อ...ตึกนั่นของไอ้จุ้ยมันน่ะ แต่ว่าตอนนี้มันไม่อยู่ มันหนีหนี้ไปต่างเมืองตั้งหลายวันแล้ว” เฮียเส็งบอก เรียวถามอย่างจับผิดว่าไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ เฮียเส็งเลยทำใจกล้าท้า “ถ้าอยากค้นก็เชิญตามสบาย อย่าทำข้าวของเสียหายก็แล้วกัน ห้องนี้ผมกะว่าจะยึดปลดหนี้ให้ไอ้จุ้ยมันเสียหน่อย”
เรียวมองไปที่ห้องแถวฝั่งตรงข้าม สาโรจน์ที่แอบดูอยู่รีบหลบ ส่วนพลอยขวัญอยู่ข้างๆพยายามส่งเสียงอู้อี้เพราะถูกมัดปากอยู่ สาโรจน์ปามีดปักเสาขู่ว่า “ขืนส่งเสียงอีกละก็ ฉันปาดคอเธอแน่” พลอยขวัญเลยเงียบ
ส่วนศักดา เรียกประชุมคนงานประกาศว่าพรุ่งนี้ตนจะไปเจรจากับพ่อเลี้ยงจรัญ ถ้าสำเร็จภูพระกาฬก็คงสงบสุข แต่ถ้าตนไม่ได้กลับมาก็ขอให้ทุกคนร่วมใจกันช่วยเพชรรุ้งปกป้องไร่ฟ้ารุ่งแห่งนี้ต่อไป
จรัญหวั่นหวาดกับวันชี้ชะตาของตัวเอง หลังจากขู่ศร กรณ์ และไกรว่า ถ้าตนเป็นอะไรไปศักดาก็คงไม่ปล่อยพวกมันไว้แล้วยังไปบอกถาวรให้คอยดูแลความปลอดภัยให้ตนด้วย ถ้าตนหนีไปไม่รอดถาวรก็ต้องโดนด้วย
แต่จรัญหารู้ไม่ว่า ทั้งกรณ์ ไกร และศร ต่างเชื่อว่างานนี้จรัญหมดบารมีแน่ พวกมันสุมหัวกันปรึกษาโดยไม่รู้ว่าจรัญกับถาวรออกมาเห็นพอดี จรัญมองสมุนทั้งสามอย่างสังหรณ์ใจ
ศักดาเดินทางเข้าสู่เมืองภูพระกาฬเช่นกัน ศักดา ยศ และเพชรรุ้งนั่งในรถจี๊ปไปด้วยกัน ส่วนคนอื่นๆ ขี่ม้าตามไป ระหว่างทางภูตะวันคอยชำเลืองศักดาอย่างหาทางที่จะเล่นงาน ศักดาเองก็ระแวงภูตะวัน ต่างก็ลอบมองกันอย่างไม่ไว้ใจ
ooooooo
ที่หน้าโรงแรมสันติภาพ สองฝ่ายมาเผชิญหน้ากันแล้ว ณรงค์ในฐานะคนกลาง บอกทั้งสองฝ่ายให้วางอาวุธลงเสียแล้วตามตนเข้าไปข้างในจะได้เจรจากัน
ศักดาปลดอาวุธพลางบอกศร กรณ์ ไกร และถาวรว่า
“จำไว้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับข้าล่ะก็ ถล่มภูพระกาฬให้เละไปเลย”
ฝ่ายศักดาปลดอาวุธพลางบอกยศ เพชรรุ้ง และพวกการ์ดว่า
“ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลละก็ ให้รีบหนีกลับไปที่ไร่ เรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”
เมื่อมาเผชิญหน้ากันต่อหน้าณรงค์ ศักดาเอ่ยขึ้นก่อนว่า
“ก่อนที่จะตกลงกัน ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามคุณ” เมื่อจรัญให้พูด ศักดาถามว่า “พลอยขวัญลูกสาวผม ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
จรัญชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ ภูตะวันชำเลืองไปที่หน้าต่างฝั่งตรงข้าม เป็นเวลาที่สาโรจน์กำลังปรับปืนเล็งมาที่หัวของจรัญพอดี ส่วนพลอยขวัญก็พยายามแก้มัดเชือกที่มือออก เธอมองมีดที่ปักอยู่ที่เสาแล้วมองไปที่แผ่นหลังของสาโรจน์อย่างหมายมาด!
จรัญกับศักดาโต้เถียงด่าทอกันไม่นานก็ท้าดวลกัน ในขณะที่สาโรจน์ก็เล็งจนล็อกเป้าที่หัวจรัญเสร็จ แต่ขณะกำลังจะเหนี่ยวไกนั่นเอง ถูกพลอยขวัญที่แก้มัดตัวเองสำเร็จหยิบมีดปักเข้ากลางหลัง ทำให้กระสุนพลาดจากหัวจรัญไปถูกแขน สาโรจน์ด่าพลอยขวัญว่าโง่เพราะศักดาเป็นฆาตกร เป็นคนฆ่าพ่อแม่ของเธอ แต่เธอไม่เชื่อ
เมื่อมีเสียงปืนนัดแรกเปิดฉากแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ระดม ยิงกันอย่างระแวงว่าอีกฝ่ายหักหลัง กระสุนปืนถูกพวกทหารตายไปหลายคน ชาวบ้านก็พลอยถูกลูกหลงไปด้วย
ส่วนพลอยขวัญหลังจากปักมีดเข้ากลางหลังสาโรจน์แล้วก็วิ่งหนีลงมา สาโรจน์ติดพันกับการยิงพวกจรัญจึงไม่ได้ตาม พลอยขวัญหนีรอดไปได้จากช่องกำแพงที่เป็นรูหลังร้าน
เมื่อเรียวรู้ว่ามีคนดักยิงอยู่ที่ร้านฝั่งตรงข้าม ร้องเรียกพลแม่นปืนให้ขึ้นไปบนโรงแรม เฮียเส็งเป็นห่วงสาโรจน์ขึ้นมา มองไปตึกฝั่งตรงข้ามอย่างเป็นห่วง
หลงบอกรานีว่าตอนนี้กลายเป็นสงครามกลางเมืองไปแล้ว เร่งให้รีบไปช่วยสาโรจน์หนีเพราะขืนปักหลักสู้อยู่ที่นั่นมีหวังถูกกินโต๊ะแน่
สาโรจน์ถูกพลแม่นปืนยิงที่บ่า ที่หลังก็ถูกพลอยขวัญแทง แต่เขาไม่ยอมจำนนดึงมีดออกหยิบปืนไปคอยจังหวะ เมื่อพลแม่นปืนโผล่ออกมา ต่างฝ่ายจึงระดมยิงใส่กันหูดับตับไหม้ ปรากฏว่าพลแม่นปืนถูกยิงหัวกระจุย ส่วนสาโรจน์กระสุนเฉี่ยวปกเสื้อขาดรุ่งริ่ง
ศักดาถูกยิงบาดเจ็บ เขาบอกภูตะวันไม่ต้องห่วงตน ให้รีบพาเพชรรุ้งกับคนอื่นๆกลับไปที่ไร่ฟ้ารุ่ง แต่พอไปถึงรถ ปรากฏว่าถังน้ำมันรถถูกยิงน้ำมันรั่วหมด เพชรรุ้งสั่งภูตะวันให้พาศักดาหลบเข้าไปในโรงแรม ส่วนตัวเองจะยิงต้านอยู่ข้างนอก สั่งทุกคนให้ปักหลักที่หน้าโรงแรมอย่าให้ใครบุกเข้าไปเด็ดขาด
พลอยขวัญหนีมาจนถึงหน้าโรงแรมแต่ไม่อาจวิ่งเข้าไปได้ ตะโกนเรียกเพชรรุ้ง สิงห์เห็นดังนั้นวิ่งฝ่ากระสุนไปอย่างลืมตายเพื่อไปรับเธอ ทำให้พลอยขวัญซาบซึ้งใจในความรักภักดีของสิงห์มาก
ooooooo
พวกทหารพังประตูร้านฝั่งตรงข้ามโรงแรมเข้าไปได้สำเร็จ เรียวสั่งให้ไปลากมือปืนลงมา มันสั่งไม่ทันสิ้นเสียงก็ถูกสาโรจน์ยิงถล่มจากข้างบนจนทหารแตกกันกระเจิง
เรียวเห็นท่าควงปืนของสาโรจน์จำได้ทันทีว่าเจอตัวจริงเข้าแล้ว แต่มันไม่ทันทำอะไร รานีก็เป่าปากเรียกสาโรจน์ให้วิ่งไปที่ตรอกหลังร้าน กระโดดลงที่รถบรรทุกกองฟางแล้วกระโจนขึ้นหลังม้าที่รานีเตรียมไว้ พากันขี่ม้าหนีไป โดยมีหลงรั้งท้ายคอยคุ้มกัน เรียวขี่ม้าไล่ล่าทันที
หลงถูกยิงตกหลังม้า ในขณะที่เรียวควบม้าไปจนทันมันยกซามูไรจะฟัน ก็ถูกสาโรจน์ยิงจนร่วงจากหลังม้า ได้แต่มองสาโรจน์กับรานีขี่ม้าหนีไปอย่างเจ็บใจ
ส่วนหลง เห็นท่าไม่ดีก็เร้นตัวไปเงียบๆ ทั้งที่บาดเจ็บเพราะถูกยิง
เมื่อพลอยขวัญได้เจอกับเพชรรุ้ง เธอบอกว่าคนที่จับตนไปนั้นคือสาโรจน์ มันวางแผนฆ่าพ่อกับจรัญ เพชรรุ้งได้ยินชื่อสาโรจน์ถึงกับอึ้ง
ฝ่ายณรงค์บ้าดีเดือดขึ้นมา สั่งทหารให้เอาปืนกลออกมา ประกาศจะฆ่าพวกมันให้หมด ใครห้ามก็ไม่ฟัง กดกระสุนออกไปราวกับห่าฝน เพชรรุ้งพยายามเข้าไปห้าม แต่ณรงค์ไม่ฟังเสียง เขากระหน่ำยิงไปรอบๆอย่างบ้าคลั่ง
ooooooo
ภูตะวันกับเฮียเส็งช่วยกันหิ้วปีกศักดาขึ้นไปหลบบนห้องของโรงแรม ไปเจอห้องที่พลแม่นปืนถูกยิงตายอยู่ เฮียเส็งจะเปลี่ยนห้องให้ ศักดาบอกไม่เป็นไรแค่หลบพักชั่วคราวเท่านั้น ทั้งยังขอบใจเฮียเส็งที่ช่วยตนไว้ด้วย
ที่หน้าโรงแรม พวกจรัญช่วยกันยิงใส่ลูกน้องของศักดาหูดับตับไหม้ ศรกับกรณ์เสนอว่ากระสุนของฝ่ายโน้นราวกับห่าฝนเรารับมือไม่ไหว ต้านไม่อยู่แน่ ส่วนถาวรไม่พูดแต่คลานหนี ถูกจรัญลากตัวกลับมา ด่าว่าไอ้ขี้ขลาด จะยอมให้หนีแต่ต้องทำอะไรให้ตนอย่างหนึ่งก่อน พลางส่งระเบิดไดนาไมต์ให้ ถาวรมองระเบิดตาเหลือกด้วยความกลัว
ขณะที่ภูตะวันดูแลศักดาอยู่ที่ห้องชั้นบนของโรงแรมนั้น เขาตัดสินใจจะยิงศักดาทิ้งเสียตรงนั้น แต่บังเอิญสมุนของจรัญสองคนตามรอยเลือดมาเจอศักดาเข้า ภูตะวันจึงเบนปากกระบอกปืนไปสู้กับสมุนของจรัญ เขายิงมันด่าวดิ้นไปทันที
ณรงค์ยิงปืนกลอย่างบ้าคลั่งจนปืนขัดข้อง เป็นเวลาที่ถาวรถือไดนาไมต์วิ่งออกมาจากแนวกำบังจะบุกไปข้างหน้าก็เจอพวกทหาร จะถอยหลังก็เจอปืนของจรัญจ่ออยู่ สุดท้ายเลยตัดสินใจโยนขึ้นข้างบน
เสียงระเบิดกัมปนาทขึ้น ทุกคนต่างหาที่กำบัง ครกที่อยู่กับแก้วก็กอดแก้วไว้ เอาตัวบังให้ปลอดภัย ภูตะวันถูกแรงระเบิดถึงกับเซถลา
ครู่หนึ่งศักดาผงะตื่นขึ้นมา เพราะเสียงระเบิด เห็นภูตะวันจ้องปืนใส่อยู่ พอภูตะวันเห็นศักดาลืมตาเรียก
“นายเสือ” เขาตกใจ เบนปากกระบอกปืนไปทางสมุนของจรัญที่กำลังกรูกันเข้ามา ร้องบอกศักดาว่า
“คุณรออยู่ในนี้!”
ภูตะวันต่อสู้กับสมุนของจรัญสองต่อหนึ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย ศักดาพยายามจะลุกไปช่วยแต่ลุกไม่ขึ้น ส่วนที่หน้าโรงแรม ศรกับไกรบอกจรัญว่า เราสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ขืนสู้ต่อมีหวังตายหมดแน่
เมื่อจรัญพยักหน้าทั้งสองจึงช่วยกันหิ้วปีกพาเขาหนีไป ณรงค์เห็นดังนั้นสั่งทหารให้ตามไป แต่ ผบ.หมวดท้วงติงว่า เราเสียกำลังคนไปมากพอแล้ว พวกมันอาจวางกับดักรอเราอยู่ก็ได้ ทำให้ณรงค์ชะงัก หันมองศพของทหารที่ระเกะระกะอยู่อย่างแค้นใจ
เพชรรุ้งนำพลอยขวัญ สิงห์ พร และสมใจเข้าไปในโรงแรมนึกขึ้นได้รีบขึ้นไปดูศักดาข้างบน
ส่วนครกที่กอดแก้วไว้ บอกแก้วให้ลืมตาได้แล้ว แต่แก้วถูกสะเก็ดระเบิดปักคาร่างอยู่ ครกตกใจตะโกนลั่น “ฉิบหายแล้วใครก็ได้ตามหมอทีมีคนบาดเจ็บ”
แต่ไม่มีใครสนใจเสียงร้องของครกเลย เพราะรอบตัวครกมีแต่คนบาดเจ็บร้องครวญครางกันระงม
ooooooo
ภูตะวันยังต่อสู้กับสมุนของจรัญอย่างดุเดือด ศักดาพยายามมาช่วย สุดท้ายเขากลิ้งทิ้งตัวลงจากเตียงคลานไปหยิบปืนที่หล่นอยู่ยกขึ้นเล็ง ส่งเสียง “เฮ้ย...ทางนี้!” เรียกความสนใจ พอสมุนของจรัญหันมาเขายิงใส่เบ้าตามันแตกเลือดพุ่งกระฉูด
พอดีเพชรรุ้งกับพลอยขวัญขึ้นมาถึง ทั้งสองโผเข้ากอดพ่อด้วยความดีใจ ศักดากอดพลอยขวัญไว้ถามด้วยความเป็นห่วง “ลูกหายไปไหนมาพลอยขวัญ ลูกรู้ไหมว่าพ่อเป็นห่วงลูกแค่ไหน”
ภูตะวันมองภาพนั้นอึ้ง ซึ้งใจในความรักที่ศักดามีต่อพลอยขวัญที่เป็นน้องสาวตนส่วนเพชรรุ้งหันมาสบตาเขาถาม
“นายเสือ นายปลอดภัยนะ”
ทั้งสองสบตากันนิ่ง นาทีนั้น...ต่างก็ตีบตื้น พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองกันเงียบๆ...นิ่งๆ...
ooooooo