ตอนที่ 11
แม้จะกลัวว่างานที่ทำครั้งนี้ถ้าพลาดอาจถูกแขวนคอ แต่เมื่อเข้าตาจนและมีผลประโยชน์ร่วมกัน เดชาตัดสินใจเข้าไปหาจรัญในห้องทำงาน เจอจรัญกำลังเก็บทรัพย์สินอยู่พอดี มีปืนวางอยู่บนโต๊ะทำงาน
แม้จะไม่ไว้ใจเดชา แต่ในยามนี้จรัญก็ยังหวังจะพึ่งได้ เขาถามเดชาว่าข้างนอกตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เดชาบอกว่ายังอึมครึม พวกทหารมาลาดตระเวนอยู่บ่อยๆ ท่าทางคงกลัวว่าเราจะเล่นไม่ซื่อ
“งานนี้ ฉันคงต้องถอยไปตั้งหลักแล้วจริงๆ ทรัพย์สินมีค่าทั้งหมดก็คงต้องขนไปเท่าที่จะขนได้ ส่วนกิจการกับที่ดิน ก็คงต้องยกให้พวกมัน” พูดแล้วหยุดมองหน้าเดชาถาม “ฉันไว้ใจแกได้ใช่ไหมเดชา”
เดชาย้อนถามว่าทำไมถามแบบนี้ มีคนใส่ร้ายตนหรือ
“ฉันอยากให้แกคุ้มกันฉันกับบุหลันจนกว่าจะหนีออกนอกเมือง แต่ว่า ไอ้ก้อนมันย้อนมาเตือนฉันเมื่อไม่กี่คืนก่อน มันหาว่าแกกับบุหลันแอบสวมเขาให้ฉัน”
ขณะพูดจรัญมองเดชาอย่างจับผิด เดชาระแวงขยับจะจับปืนตัวเอง แต่เห็นจรัญเหลือบมองปืนของเขาบนโต๊ะเช่นกัน มันเลยทำใจเย็นสู้เสือ บอกจรัญว่า ก้อนอิจฉาตน คงอยากได้ตำแหน่งคืนเลยยุให้เราแตกกัน
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น” จรัญยิ้มนิดๆ พลางหยิบปืนเก็บใส่ซองพก เดชาเห็นแล้วแอบโล่งใจ
พอออกจากห้องทำงานของจรัญ เดชาตรงไปหาบุหลันที่ห้องนอนของเธอผลักประตูเข้าไป บุหลันตกใจมากถามว่าจะบ้าหรือ ทำไมทำอย่างนี้
“เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วบุหลัน ไอ้จรัญมันไหวตัวแล้ว” เดชาเล่าอย่างตระหนก บุหลันถามว่ามีหลักฐานอะไร “เชื่อฉันสิ ฉันอ่านแววตาของมันออก มันกำลังระแวงฉัน”
บุหลันยังใจเย็นบอกว่าคนจนตรอกอย่างจรัญก็ระแวงทุกคนนั่นแหละ แต่เดชาถอดใจแล้ว ย้ำว่า เราต้องเปลี่ยนแผน ตนไม่เสี่ยงตายไปฆ่าจรัญตอนนี้เด็ดขาด
“แล้วเธอจะเอายังไง” บุหลันถาม เดชากลอกตาลอกแลก พอนึกอะไรได้ก็กระซิบบอกบุหลันทันที
ooooooo
สาลี่เป็นห่วงพลอยขวัญ วันนี้ก็ขึ้นไปเรียกเพราะเธอไม่ทานอาหารทั้งเมื่อคืนและเช้านี้ เรียกอยู่นานก็เงียบ เอะใจผลักประตูเข้าไป ไม่มีพลอยขวัญอยู่ในห้องแล้ว
สาลี่ตกใจรีบไปหาภูตะวันที่บ้านพักของการ์ด เมื่อรู้ว่าไม่มีใครเห็นพลอยขวัญตั้งแต่เมื่อคืน ภูตะวันสั่งการ์ดให้แยกย้ายกันออกตามหา ถ้าภายในครึ่งชั่วโมงยังไม่ได้ข่าวค่อยรายงานศักดา
สมใจถามว่าแล้วพวกทหารล่ะ สิงห์ห้ามบอกเด็ดขาดระแวงว่าเผลอๆ พวกนั้นอาจเป็นตัวการก็ได้
“อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย รีบไปกันเถอะ” ภูตะวันเร่ง
พลอยขวัญยังอยู่กลางป่าละแวกไร่ฟ้ารุ่ง สาโรจน์ไปหาผลไม้มาให้เธอรองท้อง แต่พอเขากลับมาถูกพลอยขวัญคว้าไม้ฟาดเต็มแรง โชคดีที่เป็นไม้ผุเลยไม่เป็นไร พอตั้งสติได้ เธอถามงงๆ
“เมื่อคืนนายเป็นคนช่วยฉันเอาไว้เหรอ”
สาโรจน์พยักหน้าบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปส่ง ถามว่าบ้านเธออยู่ไหน พอรู้ว่าอยู่ไร่ฟ้ารุ่ง สาโรจน์เปลี่ยนใจเป็นขอไปส่งแค่ครึ่งทางก็แล้วกัน
ooooooo
เพราะสาโรจน์เอาผ้าคาดหน้าไว้ทำให้พลอยขวัญคะเนอายุไม่ถูก ที่เห็นชัดๆก็แค่เขาเดินกะเผลก ครั้นถามว่าทำไมต้องคาดหน้าไว้อย่างนั้น สาโรจน์บอกว่าตนมีเจ้าหนี้เยอะเลยต้องหลบๆไว้ก่อน
พลอยขวัญอยากให้เขาไปส่งถึงบ้าน ล่อใจว่าพ่อตนรวยถ้าไปส่งถึงบ้านรับรองพ่อต้องตอบแทนเขาไม่อั้น ถามไปถามมาจึงรู้ว่าเธอคือลูกของศักดา สาโรจน์ถามชัดลงไปว่าเธอคือเพชรรุ้งหรือ
“เปล่า ฉันคือพลอยขวัญ ลูกสาวคนเล็กของนายใหญ่ศักดาต่างหาก”
นี่เอง ทำให้สาโรจน์นึกได้ว่าเคยเห็นเธอตอนไป เจรจากับศักดาที่โรงแรมสันติภาพ แต่พอพลอยขวัญถามว่ามีอะไรไหม เขาบอกว่าไม่มี แค่รู้สึกคุ้นหน้าเธอเท่านั้นเอง
ooooooo
ณรงค์หนีกลับมาถึงห้องพัก เรียวเข้ามารายงานว่าพลอยขวัญยังไม่กลับ พวกการ์ดกำลังตามหากันอยู่ ณรงค์แช่งให้ตายๆไปเสีย เพราะขืนเธอปากโป้งเรื่องเมื่อคืนมีหวังตนซวยแน่
เรียวถามว่าคนที่มาช่วยพลอยขวัญเป็นใคร ณรงค์เองก็ไม่รู้แต่เห็นใช้ปืนติดตราทหารสังกัดเดียวกับเรา พูดแล้ว เอะใจว่า น้ำเสียงของคนนั้นคงมีอายุพอสมควรแถมยังรู้จักชื่อตนด้วย เรียวสงสัยเป็นทหารเก่า
“บางที พ่อฉันอาจจะรู้จักกับมันก็ได้” ณรงค์ฉุกคิดขึ้นมาได้
ที่ชายป่าละเมาะ สิงห์ควบม้าตามหาพลอยขวัญป้องปากตะโกนเรียก จนเห็นเธอยืนมองอะไรอยู่ สิงห์กระโดดลงจากหลังม้า ถามว่าเกิดอะไรขึ้น หายไปไหนมาทั้งคืน
“ไม่มีอะไรหรอก เรากลับกันเถอะ” พลอยขวัญตอบเรียบๆแล้วเดินกลับไปที่ม้า
สิงห์อดไม่ได้มองตามสายตาเธอเมื่อครู่นี้ เห็นชายคนหนึ่งกำลังขี่ม้ากลับเข้าไปในป่า สิงห์มองอย่างแปลกใจ จังหวะนั้นเอง สิงห์ก็ต้องแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเมื่อได้ยินเสียงนกเหยี่ยวร้อง
ที่อีกมุมหนึ่ง ภูตะวันขี่ม้าตามหาพลอยขวัญเช่นกัน เขาเห็นนกเหยี่ยวบินผ่านไปมาแถวนั้น นึกเอะใจ จึงลองเป่าปากดู ปรากฏว่านกเหยี่ยวตัวนั้นได้ยินเสียงก็บินโฉบต่ำลงมาทักทายทันที
“อาสาโรจน์” ภูตะวันพึมพำอย่างตื่นเต้น
ooooooo
สาโรจน์มาถึงหน้าวิไลบาร์ตอนสายของอีกวัน รานียังนอนไม่ตื่น ได้ยินเสียงกุกกักเธอคว้าปืนลุกมา เห็นประตูถูกปิดอ้าอยู่ เธอเชื่อว่าต้องเป็นพวกหัวขโมย ร้องท้าให้มันออกมาเดี๋ยวนี้
พลันเธอก็รู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลัง พอหันไปก็ตื่นเต้น จนซ่านไปทั้งตัวเมื่อเห็นเป็นสาโรจน์ เธอปลดผ้าคาดหน้าเขาออก ความดีใจ เสียใจ ประดังประเดเข้ามา เธอตบหน้า เขาฉาดใหญ่
“สาโรจน์ ทำไมเพิ่งโผล่มาป่านนี้ ไหนคุณสัญญาว่าจะพาฉันไปจากที่นี่ แล้วคุณ...คุณทิ้งฉันไว้ทำไม คุณทิ้งฉันไว้ได้ยังไงสาโรจน์”
รานีสะอื้นอย่างอัดอั้น พูดเสียงเครือสะท้านอย่างสะเทือนใจว่า
“คุณรู้ไหมว่าฉันรอคุณมานานแค่ไหน ฉันรอคุณเหมือนคนบ้า แต่คุณไม่เคยส่งข่าวมาหาฉันเลย คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร...”
“ฉันอยากให้เธอลืมฉัน”
“ไม่มีทาง...ชาตินี้ทั้งชาติ ชีวิตนี้ทั้งชีวิต ฉันไม่มีวันลืมคุณเด็ดขาด” รานีร้องไห้จนพูดไม่ออก
สาโรจน์ได้แต่กอดเธอไว้ในวงแขนที่แข็งแรง...
ooooooo
วันนี้ จรัญเรียกศร กรณ์ และไกรมาหาที่ห้องทำงาน เขาดื่มจนเริ่มมึนๆ ถามความสัมพันธ์ของทั้งสามคนกับเดชาแล้ว พอรู้ว่าศรทำงานกับเดชา
มานานที่สุดคือสองสามปี ส่วนกรณ์กับไกรเพิ่งเจอกันไม่นาน จรัญถามทั้งสามว่า เป็นคนชอบหักหลังคนอื่นหรือเปล่า
ทั้งสามพากันตกใจ งง จนเมื่อจรัญบอกว่าถ้าจ้างพวกเขาเล่นงานเดชา จะตกลงไหม พูดพลางเอาเงินออกมาวางบนโต๊ะสามปึก ทั้งสามมองเงินแล้วสบตากันอย่างหนักใจ
ที่เรือนใหญ่ไร่ฟ้ารุ่ง พลอยขวัญกลับมาแล้ว ศักดาถามว่าเมื่อคืนหายไปไหน เธอบอกว่าแค่รู้สึกเบื่อๆ ออกไปเผชิญภัยนิดหน่อยเลยหลงป่า
“เอาเถอะ ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกละกัน ไม่งั้นจะต้องถูกพ่อทำโทษ” ศักดาเตือน เมื่อพลอยขวัญทำท่าจะ
เดินไป ยศรีบลุกถามว่าเมื่อคืนมีคนร้ายบุกไปลอบยิงณรงค์ที่เรือนเล็กพอทราบเรื่องไหม เธอตอบทันทีว่า “ไม่!”
ยศอ่านแววตาเธอออกจึงไม่ซักถามอะไรอีก แต่ศักดาได้ฟังได้เห็นท่าทีของพลอยขวัญแล้วเขาปะติดปะต่อเรื่องเมื่อคืนได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ooooooo
เมื่อพลอยขวัญลงบันไดบ้านมา ก็เจอณรงค์ยืนควงกุญแจมือท่าทางกวนๆ ถามว่าตกลงฟ้องพ่อแล้วหรือยัง เธอย้อนถามว่าคิดว่าฟ้องแล้วหรือยังล่ะ ณรงค์พูดขู่ว่า
“ไม่รู้สิ ฉันเองก็ลังเลอยู่ว่าจะจับเธอข้อหาพยายามฆ่าอยู่เหมือนกัน...จับซะดีไหม”
พลอยขวัญจ้องหน้าถามว่าคิดหรือว่าตนจะกลัวคนอย่างเขา ณรงค์ย้อนถามว่าเมื่อคืนยังไม่เข็ดหรือ รึว่าต้องให้ตนทำหน้าที่ผัวเธอจริงๆเสียก่อนถึงจะยอมเชื่อ
“แกไม่มีโอกาสนั้นหรอกไอ้ณรงค์ เพราะฉันต้องหาทางฆ่าแกอีกแน่...ฉันถึงไม่บอกใครเรื่องเมื่อคืนไงล่ะ”
พลอยขวัญทำหน้ากวนยื่นเข้าไปเย้ย
ณรงค์กระชากพลอยขวัญอย่างแรง เธอตบหน้าเขาเพียะ ทำให้เขาบันดาลโทสะจับเหวี่ยงไปกระแทกโซฟา จังหวะนั้นเอง สิงห์โผล่เข้ามาพอดี สิงห์รีบเข้าประคอง
พลอยขวัญถามว่าเป็นยังไงบ้าง เธอไม่ตอบ แต่มองหน้าณรงค์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
สิงห์มองณรงค์ถามว่าทำแบบนี้ทำไม ณรงค์โบ้ยให้ถามพลอยขวัญเอาเองว่าอยากแส่หาเรื่องก่อนทำไม พูดแล้วเดินกร่างไปอย่างไม่ไยดี สิงห์ไม่ยอมเดินตามไป เรียกให้กลับมาขอโทษคุณหนูของตนเดี๋ยวนี้
พลอยขวัญร้องห้ามสิงห์ แต่เขาเดินตามณรงค์ไปจนถึงหน้าเรือนเล็กไร่ฟ้ารุ่ง บอกให้ไปขอโทษคุณหนู ณรงค์ถามกวนๆว่า แล้วถ้าตนปฏิเสธล่ะ
“ผมจะลากคอคุณไปเอง!” สิงห์ปราดเข้าหาทันที ถูกณรงค์ยิงหมัดใส่ แต่ก็ถูกสิงห์ตอบโต้แล้วล็อกตัวไว้เพื่อลากกลับไปเรือนใหญ่ พลอยขวัญตามมาทันร้องบอกสิงห์ให้พอแล้ว ปล่อยเขาไป
แต่สิงห์เลือดขึ้นหน้าแล้ว เขาลากณรงค์ไปแม้จะถูกต่อยไปหลายหมัดก็ไม่ยอมปล่อย แต่ก่อนที่จะถึงเรือนใหญ่ สิงห์ก็ถูกเรียวโผล่มาซัดหมัดเข้าเต็มๆเข้าชิงตัวณรงค์ไป ซ้ำยังถูกณรงค์ใช้ด้ามปืนตบหน้าจนคว่ำแล้วเอาปืนเล็งพลอยขวัญขู่ไม่ให้ตาม
ขณะที่สิงห์พยายามลุกขึ้นนั้น ถูกณรงค์เล็งปืนใส่ตะคอก “ไอ้ลูกหมา มึงไม่กลัวตายใช่ไหม จะให้กูขอโทษผู้หญิงของมึงงั้นเหรอ ไม่มีทาง มึงต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษกู คุกเข่า กูบอกให้มึงคุกเข่า!”
สิงห์ยังคงยืนจ้องหน้ามันนิ่ง ณรงค์บอกว่าจะนับถึงสามถ้าไม่ยอมคุกเข่าก็ตายลูกเดียว แล้วเริ่มนับหนึ่ง...สิงห์ยังยืนไม่สะทกสะท้าน ณรงค์นับสอง...สิงห์ก็ยังคงยืนนิ่ง
“สาม!!” ณรงค์นับสามแล้วง้างนกปืนขึ้น สิงห์หลับตารอความตาย พลอยขวัญร้องห้ามอย่างตระหนก
สิงห์หลับตารอความตายอยู่นาน จนผิดสังเกตลืมตาขึ้น จึงเห็นภูตะวันถือปืนจ่อหลังณรงค์อยู่ ณรงค์หางตาไปทางข้างหลังพูดปรามๆว่า “เล่นแบบนี้ไม่สวยนะ คุณหัวหน้าการ์ด”
“นั่นลูกทีมผมนายอำเภอ ถ้าคุณยิงเขา ศพคุณก็คงไม่สวยพอกัน” เจอไม้แข็งของภูตะวันเข้าณรงค์ถามว่าแล้วจะเอายังไง “ทางใครทางมัน คิดเสียว่าไม่เคยเกิดเรื่อง”
“ก็ได้นายเสือ ตกลงตามนั้น”
ภูตะวันพยักหน้าให้พลอยขวัญพยุงสิงห์ไป ส่วนตัวเองคอยระวังหลัง ณรงค์กับเรียวมองตามอย่างแค้นใจ เรียวยุว่าน่าจะฆ่าพวกมันเสียให้หมด ณรงค์ขบกรามตอบว่า “ไม่ใช่ตอนนี้ ยังไม่ใช่ตอนนี้...”
ooooooo
เวลานี้ จรัญไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น แม้แต่บุหลันที่เขาบอกว่าเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิต วันนี้จรัญแกล้งทำเป็นเมาจนเดินสะดุดหกล้มหลับสนิท บุหลันรีบเข้ามาถอดกุญแจเซฟที่คอ แล้วรีบไปบอกเดชา
“เธอกลับไปขนสมบัติมาให้หมด ส่วนฉันจะไปเตรียมม้า เสร็จแล้วเรากลับมาเจอกันที่นี่” เดชาสั่ง
บุหลันกำชับเดชาว่าอย่าช้าเพราะไม่แน่ใจว่าจรัญจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไร แล้วก็รีบไปไขกุญแจเซฟ แต่พอเปิดตู้ออกเท่านั้น เธอก็ต้องสะดุ้งตัวเย็นวาบ เมื่อเสียงจรัญพูดขึ้นจากข้างหลัง
“แปลกใจมากเหรอบุหลัน”
ฝ่ายเดชาเตรียมม้าเสร็จก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นศรกับกรณ์ที่ตนสั่งให้ออกไปหาข่าวแต่กลับมายืนจ้องเขาอยู่อย่างรู้ทัน ศรบอกว่าขอโทษด้วยพวกตนจำเป็นต้องทำ แล้วหันไปยิ้มขำๆกับกรณ์
ooooooo
สิงห์ไปล้างเลือดบ้วนปากที่ลำธารในละแวกไร่ฟ้ารุ่งเพื่อใช้น้ำเย็นในลำธารห้ามเลือด พลอยขวัญถามว่าทำไมไปทำกับนายอำเภอแบบนั้น ถ้าพ่อตนรู้เขาต้องถูกไล่ออกแน่
“ผมทราบครับ แต่ผมทนเห็นมันรังแกคุณหนูไม่ได้ มันควรจะให้เกียรติคุณหนูของผมบ้าง”
“ของนายที่ไหน ของไร่ฟ้ารุ่งย่ะ” พลอยขวัญทำเสียงเข้ม บอกว่าเขาช่วยตนไว้หลายครั้ง แต่ตนไม่มีอะไรจะตอบแทนนอกจากคำขอบคุณ แต่ก็ย้ำว่า “ฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจรักนายหรอกนะ”
“เรื่องนั้นผมก็ทราบครับ” สิงห์ฝืนยิ้ม เธอถามว่าทราบแล้วทำทำไมเสียเวลาเปล่า “ผมรู้ แต่ว่าถ้าผมไม่ทำ ผมคงเสียใจมากกว่าครับ”
พลอยขวัญรู้สึกประทับใจ เธอเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดแผลให้ สิงห์อดใจไม่ได้กุมมือเธอไว้ เลยโดนด่า “อย่าทะลึ่ง ได้คืบจะเอาศอก คนผีทะเล” แต่เธอก็ปล่อยให้สิงห์คลายมือลงเอง
มันเป็นช่วงเวลาที่สิงห์มีความสุขมาก...จนเหมือนจะลืมทุกอย่างรอบตัวได้ชั่วขณะ...
ooooooo
สาโรจน์อยู่กับรานีที่ห้อง รานีเตรียมน้ำในถังไม้ให้เขาอาบ เธอจะอาบให้แต่เขาขออาบเอง บอกว่าอยากอยู่เงียบๆสักพัก แต่ที่แท้เขากังวลเรื่องขาเป๋ของตน ไม่ต้องการให้เธอเห็น คิดหนักว่าจะบอกรานีอย่างไรดี
รานีลงมาข้างล่าง เธอให้หลงขับรถม้าพาไปที่ปากทางเข้าไร่ฟ้ารุ่ง เจอพรกับสมใจที่เฝ้ายามอยู่ สมใจดีใจที่เห็นรานีเอาถุงข้าวโพดของตนมาด้วย แต่แล้วก็หน้าเหี่ยวเมื่อรานีบอกว่าเอาถุงข้าวโพดมาคืนแล้วจะไปหานายเสือหน่อย
ระหว่างผ่านแคมป์ทหาร รานีโบกมือทักทายพวกทหารที่เป่าปากโบกมือกันอย่างหื่นคะนอง เธอชวนไปเที่ยววิไลบาร์กัน จะเตรียมน้องสาวๆให้คอยบริการ
ณรงค์กับเรียวได้ยินเสียงกิ๊วก๊าวเดินออกมาดู ณรงค์จำรานีได้ว่าเป็นเจ้าของวิไลบาร์ เรียวบอกว่าเห็นเขาลือกันว่าแม่นี่เป็นขาประจำของนายเสือ ถึงขั้นเทียวไปเทียวมาหากันถึงในไร่
“คุณรานีกับนายเสือ ท่าทางชอบกลอยู่นะ” ณรงค์ยังไม่อยากเชื่อ หันมองเรียว แค่นั้นเรียวก็รู้ใจเขารีบปลีกตัวไปสังเกตการณ์
ที่ห้องพักสิงห์กับภูตะวัน รานีลากภูตะวันเข้าไปในห้อง ภูตะวันถามว่าสาโรจน์มาที่นี่หรือ
“ใช่ ตอนนี้เขาอยู่กับฉัน เธอรู้ได้ไง” รานีถาม ภูตะวันบอกว่านกเหยี่ยวนั่นจำตนได้ รานีพึมพำว่า “ภาวนาอย่าให้คนอื่นจำมันได้ก็แล้วกัน ตอนนี้เขารู้เรื่องการเจรจาระหว่างศักดากับจรัญแล้ว ก็เลยอยากปรึกษากับเธอเรื่องนี้”
ที่มุมลับตาข้างห้องพัก เรียวแอบดูภูตะวันกับรานีอยู่ ดูท่าทางทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันอย่างคนรัก มันเอะใจถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น...
ooooooo
เมื่อศักดารู้ว่ารานีมาหาภูตะวัน เขาแปลกใจ ตรงไปที่เรือนพักการ์ดไร่ฟ้ารุ่ง เจอรานีกำลังจะกลับพอดี ศักดาถามว่าจะกลับแล้วหรือ รานีปรับสีหน้ายิ้มแย้มพูดเชิงหยอกเชิงถามว่า
“คงไม่รังเกียจนะคะที่ฉันจะแวะมาเยี่ยม เอ่อ...น้องชายคนสนิทบ่อยๆ”
ศักดาตอบเป็นนัยว่าเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสาวสวยกับหนุ่มงาม ถามว่าเธอคงไม่รังเกียจใช่ไหมถ้าตนจะไปส่งกลับบ้าน รานีตอบว่า ยินดี แล้วหันไปลูบแก้มภูตะวันพูดหวาน ตาเยิ้ม “ไปนะจ๊ะสุดหล่อ”
ที่ปากทางเข้าไร่ฟ้ารุ่ง ศักดาขี่ม้าขนาบมากับรถม้าของรานี มีพรและสมใจขี่ตามหลัง ศักดาพูดเชิงมีความเห็นว่า ที่ไร่ฟ้ารุ่งก็มีกฎอยู่ มันไม่สมควรเลยที่เธอจะมาเยี่ยมลูกจ้างของตนในเวลาทำงาน
รานีทำเสียงอ้อนว่าตนคิดถึงนายเสือเขาก็ไม่น่าใจร้าย ศักดาได้ช่องถามว่าเธอกับนายเสือสนิทกันมากขนาดนั้นเลยหรือ คราวนี้รานีทำเป็นขำอย่างมีจริต บอกว่าช่วยไม่ได้จริงๆ
ในเมื่อวัวอ่อนอยากจะกินหญ้าแก่ขึ้นมาก็ไม่รู้จะห้ามยังไง
“แปลกนะ ตอนแรกผมนึกว่าสเปกคุณต้องเป็นแบบสาโรจน์เสียอีก เขาเคยเป็นขาประจำของคุณไม่ใช่เหรอ”
หลงถึงกับชะงักอดไม่ได้ที่จะมองศักดา เห็นว่าเขากำลังมองรานีอย่างจับผิด ส่วนรานีก็ทำเป็นเขินทำเป็นตัดใจว่า อย่าไปพูดถึงสาโรจน์เลยป่านนี้ไม่รู้ถูกยิงตายที่ไหนไปแล้ว แถมยังเชิญชวนว่าถ้าศักดาอยากเป็นลูกค้าประจำของตนบ้างก็เชิญได้เลย วิไลบาร์ยินดีต้อนรับ
ศักดาแค่นยิ้มตอบแบบท้าๆว่าสักวันคงได้เจอกัน แล้วบอกสมใจกับพรให้ไปส่งรานีให้ถึงบาร์เพราะตนมีธุระจะต้องรีบกลับไปดูงานในไร่ ว่าแล้วชักม้าหันกลับ รานีมองตามอย่างรู้ทันว่าศักดากำลังจับผิดตน
ooooooo
เรียวติดตามการเคลื่อนไหวและแอบดูการพบปะกันของรานีกับภูตะวันแล้ว กลับไปรายงานณรงค์ว่า สองคนนี้ไม่น่าจะเป็นคู่ขาธรรมดาเพราะตนเห็นทั้งสองคุยอะไรกันบางอย่างไม่ได้พลอดรักกันเลย
“แล้วยังมีอีกเรื่องนึง ผมได้ยินคนเขาพูดกันว่า รานีคนนี้มีความสนิทสนมกับมือสังหารคนหนึ่ง มันเคยเป็นทหารในสังกัดของเรา” ณรงค์ฟังแล้วถามอย่างสนใจว่าใคร พอเรียวบอกว่าชื่อสาโรจน์ ณรงค์ทวนชื่ออย่างรู้สึกคุ้นมาก “สาโรจน์...”
แล้วณรงค์ก็นึกออกว่าคือคนที่เจอกันในป่าแล้วบอกว่าไม่อยากฆ่าเขาตอนนี้นั่นเอง ยิ่งคิดทบทวนก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นคนเดียวกัน เรียวถามว่ารู้ได้ยังไง ณรงค์ตอบอย่างมั่นใจว่า
“มันเคยเป็นทหารคนสนิทของพ่อฉัน...เพราะแบบนี้ฉันถึงคุ้นเสียงมัน...”
ณรงค์ยังจำได้ถึงวันที่สาโรจน์แตกหักกับพ่อของเขาได้ดี วันนั้น สาโรจน์ในชุดเครื่องแบบรุ่ยๆกำลังจูงม้าออกไป ในขณะที่นายพลเรืองฤทธิ์พ่อของเขาเรียกให้กลับมารับปากว่าจะยกโทษให้ สาโรจน์หันกลับมาตอบว่า
“ผมไม่อยากฆ่าใคร มีคนบริสุทธิ์ตายเพื่อสังเวยความละโมบของท่านมาพอแล้ว ท่านนายพล ผมขอลาออก”
เวลานั้นพ่อเขาขู่สาโรจน์ว่ารู้ไหมว่าการหนีทหารมีโทษสถานหนัก แต่ก็ไม่อาจหยุดสาโรจน์ได้ พ่อเขาจึงส่งสัญญาณให้ทหารม้าที่ล้อมอยู่ ชักดาบออกมาประกาศก้อง
“ยิง!!”
สาโรจน์ถูกระดมยิงแต่เขาก็พลิกตัวหลบกระสุนเข้าหาที่กำบังได้อย่างว่องไวรวดเร็วและยิงตอบโต้อย่างชำนาญ จนในที่สุดพวกทหารม้าถูกยิงตายหมด สาโรจน์เองก็ถูกยิงที่ท้อง นายพลเรืองฤทธิ์เห็นดังนั้นโยนดาบทิ้งชักปืนออกมาจะยิงซ้ำ แต่สาโรจน์ไวกว่ายิงปืนนายพลกระเด็นไป พูดอย่างใจเย็นก่อนถอยไปว่า
“ไม่ต้องห่วงท่านนายพล ผมยังไม่อยากฆ่าเจ้านายของตัวเองตอนนี้ แต่ถ้าท่านยังขืนตามตื๊อผมอีกละก็ เราได้เห็นดีกัน”
ทบทวนอดีตแล้ว ณรงค์บอกกับเรียวว่า
“ในเมื่อรานีเป็นอดีตคู่ขาของสาโรจน์ ข่าวที่นังนั่นเอามาบอกนายเสือก็อาจจะเกี่ยวข้องกันได้”
ดังนั้น เพียงวันต่อมานายพลเรืองฤทธิ์ก็ได้รับโทรเลขจากณรงค์ อ่านแล้วบอกธนาว่า
“สาโรจน์...ในที่สุดมันก็โผล่หัวออกมาจนได้ โทรเลขกลับไปบอกณรงค์ให้ระวังตัวเอาไว้ ที่ไหนที่มีสาโรจน์ ที่นั่นต้องมีการตายเกิดขึ้นเสมอ”
ooooooo
เดชาถูกเฆี่ยนจนสลบ จรัญสั่งให้เอาน้ำเกลือสาดให้ฟื้น พอฟื้นขึ้นมาเดชากล่าวอาฆาตว่า ถ้าตนหลุดไปได้เมื่อไรจะฆ่าจรัญเป็นคนแรก แต่พอจรัญขู่ว่าอีกประเดี๋ยวเขาก็จะถูกส่งตัวไปไร่ฟ้ารุ่ง ที่นั่นศักดากับณรงค์กำลังรอคิดบัญชีเขาอยู่ เดชาก็กลับเครียดขึ้นมา
ส่วนบุหลันถูกขังอยู่ในห้องนอน เธออาละวาดทำลายข้าวของในห้องกระจุยกระจาย เมื่อจรัญเข้าไป ก็ท้าให้ฆ่าตนเสีย จรัญถามว่าตนจะใจร้ายกับเมียตัวเองได้ยังไง บุหลันถามว่าเขาจะยกโทษให้ตนหรือ จรัญโอบเธอไว้ พูดอย่างเลือดเย็นว่า
“แน่นอนบุหลัน ตราบใดที่เธอซื่อสัตย์ต่อฉัน”
ขณะจรัญโอบอยู่นั้น บุหลันแอบดึงปืนจากเอวเขาจ่อใส่ทันที แต่จรัญกลับหัวเราะเพราะรู้แก่ใจว่า ปืนนั้นไม่มีลูก บุหลันระบายความแค้นที่มีต่อจรัญว่า ตนไม่เคยรักเขาเลย ทั้งเกลียดและขยะแขยงที่สุด เพราะ...
“แกบังคับให้พ่อแม่ฉันขายที่ดินแล้วก็ฆ่าพวกเขา ทีนี้แกจำฉันได้รึยัง เด็กผู้หญิงคนที่แกคิดว่าหนีไปแล้วยังไงล่ะ”
จรัญจำได้ทันที เข้าไปจับมือบุหลันที่กุมปืนจะยิงเขาแต่ไม่มีลูกกระสุน ตบหน้าเธอฉาดใหญ่แล้วด่า
“เธอมันโง่บุหลัน เธอมันสมควรตาย ความแค้นคือของหวานสำหรับฉัน...บุหลัน เธอจะเป็นเหยื่อรายสุดท้ายที่ถูกฉันเชือดในภูพระกาฬ รับรองว่าฉันบรรจงสุดฝีมือแน่!”
ooooooo
หลังจากรานีกลับไปแล้วไม่นาน ภูตะวันก็เตรียมเดินทางเข้าเมือง ฝากสิงห์ให้ช่วยดูแลทางนี้ด้วย สิงห์เตือนว่า ที่รานีมาหาเขาตอนเที่ยงนั้น ดูท่าทางศักดาไม่พอใจกลัวเดี๋ยวจะตกงาน ภูตะวันบอกว่าไม่มีอะไรตนไปเดี๋ยวเดียวก็จะกลับ
แต่พอออกไปเจอเพชรรุ้ง เธอถามประชดว่า วันนี้ยังปรนเปรอกันไม่จุใจรึไง ถึงต้องไปต่อกันในเมือง ภูตะวันย้อนถามว่าเธอสนใจด้วยหรือ
“ไม่ ทำไมฉันต้องสนใจ กะอีแค่ชายชั่วหญิงโฉดสมสู่กันน่าขยะแขยง” พูดแล้วจะเดินหนี
คำด่าที่รุนแรงทำให้ภูตะวันฉุนกึก ตรงเข้ากระชากอย่างแรงทำให้เธอถลำเข้าในอ้อมกอด เขากำลังจะชี้แจงว่าตนกับรานีไม่มีอะไรกัน ก็พอดีศักดามาเจอ ตวาดถาม “นายเสือ ทำอะไร!”
ภูตะวันตกใจคลายกอด มองไปเห็นศักดาเดินมากับยศ เขาไม่ทันพูดอะไร เพชรรุ้งก็ช่วยแก้ให้ว่า
“ไม่มีอะไรค่ะพ่อ ตะกี้รุ้งหกล้มนายเสือก็เลยช่วยเอาไว้”
ศักดาไม่เชื่อแต่ไม่คาดคั้น ถามภูตะวันว่าจะไปไหน พอรู้ว่าจะเข้าเมืองเพราะนัดรานีไว้ ศักดาพูดอย่างผิดหวังว่าตอนแรกนึกว่าเขาจะเอาการเอางานเสียอีก ตกลงเขามาอยู่ที่นี่เพื่อทำงานหรือมีเป้าหมายอื่นกันแน่ ยศเห็นสถานการณ์ตึงเครียด กลัวภูตะวันจะทนไม่ได้และลงมืออะไรบางอย่าง จึงพูดไกล่เกลี่ยว่า
“อย่าโกรธเลยครับคุณศักดา นายเสือเขาก็ลำบากเพื่อไร่ฟ้ารุ่งมาเยอะแล้ว สมควรจะมีเวลาไปส่วนตัวบ้าง” แล้วบอกภูตะวัน “ไปเถอะนายเสือ รีบไปรีบกลับ”
ภูตะวันควบม้าไปแล้ว ศักดาหันมองหน้าเพชรรุ้งอย่างไม่พอใจ รู้ทันว่าลูกสาวปกป้องภูตะวัน
ooooooo
เมื่อกลับถึงห้องรับแขกเรือนใหญ่ ศักดากึ่งเตือนกึ่งปรามเพชรรุ้งให้วางตัวให้เหมาะสม เพราะจะแต่งงานกับณรงค์อยู่อีกไม่กี่วันแล้วไม่ควรใกล้ชิดกับคนงานอย่างนายเสือมากนัก
เพชรรุ้งตัดสินใจถามพ่อว่า จะไม่ถามความรู้สึกของตนบ้างหรือว่าคิดอย่างไรกับณรงค์
ศักดาส่ายหน้าช้าๆ พูดอย่างไม่เปิดโอกาสให้เพชรรุ้งว่า “เขาเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของลูก แล้วไอ้การที่เขาอยากครองสมบัติในไร่ฟ้ารุ่งของเราพ่อก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน ต่อให้เป็นผู้ชายคนอื่นก็ต้องคิดแบบเดียวกัน”
เวลาเดียวกัน ที่หน้าเรือนเล็กของยศ เรียวกับณรงค์กำลังจะออกจากเรือน ยศถามว่าใกล้ค่ำแล้วจะออกไปไหนกันอีก ณรงค์บอกว่าไปที่วิไลบาร์ เพราะอยากรู้ว่านายเสือไปพบใครที่นั่น
“พวกคุณสงสัยอะไรนายเสือเหรอครับ” ยศพึมพำ
ครู่เดียวก็มีเสียงทหารที่ตั้งแคมป์อยู่ในไร่พากันเฮโลลั่น เพชรรุ้งคุยอยู่กับศักดาถามว่าพวกนั้นจะไปไหนกัน ก็พอดียศเดินเข้ามารายงานว่า
“คุณณรงค์เขาสงสัยว่า สาโรจน์มาที่ภูพระกาฬครับ”
ศักดามองหน้าเพชรรุ้งอย่างประหลาดใจกับข่าวนี้
ooooooo
ภูตะวันไปถึงวิไลบาร์เป็นเวลากลางคืนพอดี หลงเห็นภูตะวันก็บุ้ยใบ้ให้รู้ว่าสาโรจน์อยู่ชั้นบน ภูตะวันจึงเดินขึ้นไป อาหลานโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ สาโรจน์ตบบ่าภูตะวันพูดอย่างภูมิใจว่า
“รานีเล่าเรื่องของแกให้ฉันฟังแล้ว แกทำได้ดีมาก ตอนนี้มันถึงเวลาที่เราจะปิดเกมเสียที” ภูตะวันมองหน้าสาโรจน์เชิงถาม เขาบอกว่า “ในวันนัดเจรจา เราจะเก็บศักดากับจรัญพร้อมกัน”
ฝ่ายจรัญที่ต้องออกจากภูพระกาฬ หารือกับศร กรณ์ และไกร ว่า “มะรืนนี้ฉันต้องเจรจากับพวกมัน ซึ่งฉันจะต้องเซ็นหนังสือมอบที่ดินและกิจการทั้งหมดให้พวกเสมาณรงค์ และเดินทางออกจากภูพระกาฬภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง” พูดแล้วมองสมุนทั้งสาม “ไม่ต้องห่วง สักวันฉันกลับมาอีกแน่ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความปลอดภัยของชีวิต”
จรัญบอกว่า ตนขายทรัพย์สินทุกอย่างและโอนเงินผ่านธนาคารไปแล้ว แบไพ่กับสมุนทั้งสามว่า
“ถ้ามะรืนนี้พวกแกสามารถคุ้มกันฉันข้ามเมืองไปได้ พวกแกและสมุนทุกคนจะได้รับรางวัลอย่างงาม แต่ถ้าไม่... ทุกคนก็คงต้องตายไปพร้อมกับฉัน” ศรถามว่าทำไมพ่อเลี้ยงพูดแบบนั้น “ก็ถ้าพวกมันมีแผนจะฆ่าฉัน แล้วแกคิดเหรอว่ามันจะปล่อยพวกแก”
บุหลันถูกนำตัวไปขังรวมกับเดชา ซึ่งถูกจับแขวนอยู่ในสภาพปางตาย เธอรอจนสมุนของจรัญห่างออกไปแล้ว รีบคลานไปปลุกเดชา เขาปรือตาขึ้นสะลึมสะลือ บุหลันรีบบอก
“ฟังฉันให้ดีนะ มะรืนนี้จะถึงวันนัดเจรจาแล้ว พ่อเลี้ยงจรัญกำลังจะไปจากที่นี่ และก่อนไปเขาต้องฆ่าเราแน่เดชา เราต้องหาทางหนีนะ เดชา เธอได้ยินที่ฉันพูดรึเปล่า...เดชา...”
ปรากฏว่าเดชาหมดสติไปอีกแล้ว บุหลันได้แต่คิดกังวลว่าจะหนีอย่างไร จะหนีรอดไหม...
ooooooo
ที่ห้องนอนของรานี สาโรจน์กำลังคุยกับภูตะวัน วางแผนจะเก็บทั้งจรัญและศักดาในคราวเดียวกัน เมื่อพวกนั้นมาเจรจากันที่โรงแรมสันติภาพในวันมะรืนนี้
ไม่ทันได้ข้อยุติ ก็มีเสียงรถบรรทุกกระหึ่มเข้ามาจอดที่หน้าวิไลบาร์ จากนั้นมีเสียงคนอึกทึกเหมือนจะออกศึกณรงค์นั่งรถจี๊ปมากับเรียว โดยมีศักดา ยศ เพชรรุ้ง นั่งมาข้างหลัง
“ล้อมวิไลบาร์เอาไว้ ตรวจตราทุกคนที่เข้าออก” ณรงค์สั่งเข้ม แล้วสั่งยศ “คุณยศผมอยากให้คุณยืนอยู่ตรงนี้คอยจับตาสาโรจน์”
ณรงค์เปิดฉากปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว พาทหารบุกเข้าไปในห้องโถงวิไลบาร์ จนแขกแตกตื่นกันอลหม่าน ประกาศว่าใครที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกไปให้หมด พวกตนกำลังจะมาจับตัวคนร้าย เสร็จแล้วสั่งเรียวให้ขึ้นไปเช็กข้างบน
เรียวถีบประตูห้องนอนรานีเข้าไป เจอภูตะวันนอนเอกเขนกอยู่บนเตียง ส่วนรานีนอนแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ พอเข้าไปในห้อง เรียวก็ให้ตรวจค้นทุกซอกทุกมุมในห้องอย่างละเอียด แต่ไม่เจอสาโรจน์ จนณรงค์ตามขึ้นมาพร้อมกับเพชรรุ้งและศักดา
ศักดาพูดกับรานียิ้มแซวๆ ว่า รบกวนด้วยนะครับ รานีบอกหน้านิ่งๆ ว่า อย่านานตนไม่ค่อยสะดวก ส่วนณรงค์กวาดตามองไปเห็นปืนของสาโรจน์วางซุกอยู่ มันหยิบขึ้นดูถามว่าปืนใคร รานีบอกว่าของตน
ณรงค์ถามอย่างจับผิดว่า แล้วทำไมถึงมีตราทหาร รานีตอบอย่างไร้พิรุธว่า
“พวกลูกค้าที่เป็นทหารขี้เมามีตั้งเยอะแยะไป อย่าว่าแต่ปืนเลย บางคนขนาดกางเกงยังลืมทิ้งไว้ด้วยซํ้า”
ณรงค์ไม่เชื่อส่งปืนให้ศักดาดูถามว่า เป็นปืนของ
สาโรจน์หรือเปล่า ศักดาตอบเรียบๆ ว่าตนเป็นแค่เพื่อนไม่ใช่เมียเขา รานีหัวเราะขำๆ พูดแทรกขึ้นว่า
“อย่าว่าแต่เมียเลยค่ะ ต่อให้เจ้าของปืนเอง เผลอๆ ก็คงจำไม่ได้เหมือนกันว่า กระบอกไหนเป็นกระบอกไหน”
ณรงค์ยังระแวงมองอ่างใหญ่ที่รานีนอนแช่น้ำอยู่
รานีปรามว่า ถ้าไม่จ่ายเงินห้ามดู ครั้นณรงค์ถามว่าเท่าไหร่ เธอกลับบอกว่าไม่ต้อง ให้เพชรรุ้งเข้ามาดูแทนก็แล้วกัน
เพชรรุ้งเดินเข้าไปดูอย่างไม่สบายใจ ปรากฏว่าไม่เจออะไร แต่ภาพที่เห็นในห้องนอนของรานีที่ตัวรานีนอนแช่นํ้าในอ่างในขณะที่ภูตะวันนอนดูอยู่ที่เตียง มันบาดความรู้สึกเธอมาก
เมื่อค้นจนทั่วแล้วไม่เจอตัวสาโรจน์ ศักดาจึงชวนกลับ เขาบอกภูตะวันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันทีหลัง เมื่อพวกณรงค์ออกไปหมดแล้ว รานีกับภูตะวันมองหน้ากันต่างถอนใจอย่างโล่งอก
ที่แท้สาโรจน์ซ่อนตัวอยู่ในช่องลับหลังโต๊ะเครื่องแป้ง เมื่อช่วยกันดึงตัวเขาออกมาแล้ว ภูตะวันขอตัวกลับไร่ฟ้ารุ่ง สาโรจน์พยักหน้าบอกว่า
“เรื่องแผนของเรา อาจะให้รานีไปแจ้งรายละเอียดทีหลัง”
ooooooo
เมื่อภูตะวันกลับมาแล้ว รุ่งขึ้นศักดาเรียกไปคุยบอกว่าต้องหักค่าจ้างเดือนนี้ของเขาเพื่อรักษากฎระเบียบของไร่ฟ้ารุ่ง แล้วถามว่ารู้จักกับรานีได้อย่างไร
“เจอกันตอนที่ผมเข้าเมืองภูพระกาฬมาใหม่ๆครับ เธอเป็นคนช่วยผมเอาไว้” ศักดาถามอีกว่าเคยได้ยินชื่อสาโรจน์บ้างไหม ภูตะวันส่ายหน้า ครั้นศักดายํ้าถามว่าแน่ใจหรือ ภูตะวันย้อนถามว่า “คุณศักดาสงสัยอะไรเหรอครับ”
“ท่าทางของนาย ลักษณะการใช้ปืนของนายเหมือนกับเขา แต่ว่าหน้าตานายกลับเหมือนเพื่อนของฉันอีกคน” พูดแล้วหันไปถามยศ “นายว่าฉันหมายถึงใคร”
เมื่อยศบอกว่าภูผา ศักดาหันมองภูตะวันอีกครั้ง พูดอย่างครุ่นคิด
“ใช่...นายดูเหมือนภูผา ก็แปลกดีนะ เวลาที่ฉันคุยกับนาย ฉันรู้สึกเหมือนคุยกับสาโรจน์แล้วก็ภูผาไปพร้อมๆกัน”
ภูตะวันฟังแล้วแค่ยิ้มรับเฉยๆ
ooooooo
เดชาถูกสมุนของจรัญมาเอาตัวออกไป บุหลันพยายามปลุกให้เดชารู้สึกตัว แต่เขาก็ถูกลากไปแล้ว
กรณ์กับไกรนำร่างของเดชาที่ถูกมัด เอาไปโยนทิ้งที่ปากทางเข้าไร่ฟ้ารุ่ง เดชารู้สึกตัวกัดฟันลุกขึ้นก็พอดีสมใจ พร และสิงห์มาเจอ ถูกเอาตัวกลับไปที่ไร่ฟ้ารุ่ง พอเหวี่ยงร่างเดชาลงพื้น บรรดาคนงานก็พากันสาปแช่งจะรุมเข้ามาเล่นงาน เสียงตะโกนด้วยความแค้น “ฆ่ามัน...ฆ่ามัน...” ดังกระหึ่ม
สิงห์กันพวกคนงานออกไปบอกให้รอศักดามาก่อนค่อยว่ากัน พอดีพลอยขวัญกับเพชรรุ้งได้ยินเสียงอึกทึกออกมาดู พอพลอยขวัญเห็นเดชาเท่านั้นก็แย่งปืนจากพรจะยิงเดชา เพชรรุ้งห้ามก็ไม่ฟัง จนกระทั่งศักดามาถึงร้องห้าม “หยุดก่อน พลอยขวัญ” พลอยขวัญจึงชะงัก
ศักดาเดินเข้ามากับยศและภูตะวัน พอยศเห็นสภาพ บอบชํ้าอย่างสาหัสของเดชาก็ถึงกับอึ้ง แต่เดชาไม่สะทกสะท้าน กวาดตามองทุกคนร้องท้าให้ฆ่าเลย คนอย่างตนไม่กลัวตายอยู่แล้ว คนงานเลยฮือกันเข้ามา จนศักดาต้องประกาศกร้าวว่า
“ทุกคนเงียบก่อน...ตอนนี้เรามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ นั่นก็คือ การเจรจาหย่าศึกกับพ่อเลี้ยงจรัญ ส่วนเรื่องเดชาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง” แล้วหันไปทางยศ “ฉันให้นายเป็นคน จัดการ ยศ”
ยศมองหน้าเดชาแล้วเบือนหน้าก่อนสั่ง “พาไปขังไว้” แต่พอสมใจกับพรเข้าไปพยุงตัวเดชาขึ้นมา เดชากลับระเบิดหัวเราะออกมา จนเพชรรุ้งถามว่าขำอะไร
“มันยังไม่จบแค่นี้หรอกคุณหนู เซนส์ของผมมันบอกว่า ความหายนะของไร่ฟ้ารุ่งมันยังไม่จบแค่นี้”
คำพูดของเดชาทำให้คนงานฮือกันขึ้นมาอีกรอบ แต่อีกหลายๆคน ก็มองหน้าเดชาอย่างสงสัย...
ooooooo