icon member

อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่

ตอนที่ 13

เมื่อรู้สึกดีขึ้น อันยาพาลดากับคิมหันต์มาที่หน้าห้องผ่าตัด ไม่วายบ่นเป็นห่วงแสนที่เข้าไปนานแล้วไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง สินกับฟองคำเดินสวนมา

“หนูอัน เรากำลังตามหาหนูอยู่พอดี” สินมองลดาแปลกๆ

อันยาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน แล้วถามอาการแสน สินตอบว่า หมอทำเต็มที่แล้ว ตอนนี้ทำได้แค่รอดูอาการหลังผ่าตัด อันยาถามว่าพ้นขีดอันตรายหรือยัง ทั้งสินและฟองคำทำหน้าหม่น

“ฉันจะไปพบคุณหมอ มันต้องมีวิธีช่วยให้คุณแสนปลอดภัย” อันยาตื่นตระหนก

“หนูอัน สงบสติอารมณ์หน่อยเถอะลูก” ลดาเตือนสติหลานสาว

“แต่คุณแสนเขาจะเป็นอะไรไปไม่ได้ เขาโดนยิงก็เพราะอัน”

“เพราะตัวมันเองต่างหาก” เสียงหนานปิงขัดขึ้น ทุกคนชะงักหันมอง “มันเลือกที่จะปกป้องหนูเอง ไม่ได้มีใครบังคับ ฉันเสียใจที่หลานฉันโดนยิง แต่ก็จะเสียใจมากกว่า ถ้าหากมันไม่ปกป้องผู้หญิง”

อันยาอึ้ง แต่คนที่ตะลึงงันมากกว่าคือลดา ที่มองอย่างไม่เชื่อสายตา “คุณ...คุณหนานปิง”

“ละ...ลดา เป็นไปได้เหรอเนี่ย!”

สิน ฟองคำและสิงห์ประหลาดใจท่าทีของผู้อาวุโสทั้งสอง รวมทั้งอันยาและคิมหันต์...ลดาและหนานปิงแยกมานั่งคุยกันตามประสาคนที่รักและคิดถึงกันมานาน ลดาแสดงความเสียใจเรื่องแสนและดีใจที่ได้พบเขาหนานปิงเชื่อว่าคนดีอย่างหลายชายตน พระต้องคุ้มครอง

“ฉันเคยแปลกใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมเอ็นดูแสนเขามากขนาดนั้น เพิ่งจะได้คำตอบวันนี้เอง คงเพราะเขาเป็นหลานชายของคุณ”

“แต่ผมสิ กลับทดสอบหนูอันยาซะหัวปั่นเลย ขอโทษนะลดา”

“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ ฉันเองตอนที่หลานมาสารภาพว่าทำความผิดกับแสนเขาไว้ยังไงบ้าง ยังแทบไม่อยากเชื่อ เพราะฉันเป็นย่าที่ไม่ดี ปล่อยปละละเลยจนหลานเดินทางผิดแบบนี้” หนานปิงปรามแต่ลดาพร่ำต่อ “ฉันพอจะทำใจได้แล้วล่ะค่ะ ที่สำคัญตอนนี้ พวกเราจะต้องเข้มแข็งเอาไว้ ถูกไหมคะ” ลดาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตา

หนานปิงเห็นผ้าเช็ดหน้า จำได้ว่าเป็นผ้าที่เขากับเธอแลกกันไว้เมื่ออดีต ลดาบอกว่าตนเก็บไว้ตลอดเวลาต้องการกำลังใจจะเอาออกมาใช้ ไม่นึกว่าวันนี้จะได้พบเจ้าของผ้านี้...หนานปิงล้วงกระเป๋าเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช่นกัน ซึ่งเขาพกติดตัวตลอด ลดายิ้มด้วยความดีใจ สองคนกุมมือกัน ขอส่งกำลังใจให้แสนพ้นเคราะห์ร้ายในครั้งนี้...

สินและฟองคำยังงงงวยกับเรื่องระหว่างหนานปิงและลดา ซึ่งพวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน แต่ก็ยินดีถ้าพ่อจะมีคนรู้ใจ เพราะตั้งแต่แม่เสียไปเป็นสิบๆปี พ่อก็ไม่เคยมีใคร สิงห์ถามขึ้นว่า พ่ออุ๊ยมีคนให้กำลังใจแล้ว ทางนี้ยังไม่มีเลย สิงห์มองไปที่อันยาซึ่งเฝ้ามองหน้าห้องผ่าตัดอย่างเศร้าๆ

ในคืนนั้น อันยา ลดา และคิมหันต์ พักโรงแรมไม่ห่างจากโรงพยาบาลเท่าไหร่ ลดาเล่าเรื่องระหว่างตนกับหนานปิงให้อันยาฟังว่า คุณทวดไม่เห็นด้วยที่ย่ากับหนานปิงรักกัน คุณทวดเป็นท่านทูตจึงอยากได้ลูกเขยที่เป็นข้าราชการ และพอดีคุณทวดต้องไปรับราชการทางยุโรปจึงเอาตนไปด้วยเพื่อให้ห่างจากหนานปิง ย่าเสียใจที่ไม่ต่อสู้เพื่อได้อยู่กับหนานปิง

“คุณหนานปิงเสียใจมาก เราทะเลาะกันก่อนที่ย่าจะไป เขาน้อยใจไล่ให้ย่าไปแต่งงานกับคนที่เหมาะสม ย่าบอกว่าย่าไม่มีใคร จะรอเขาแล้วย่าก็ทำแบบนั้นจริงๆ พอกลับจากยุโรปย่าก็พยายามตามหาเขาแต่ไม่เจอ มันเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง บ้านเมืองยังไม่เรียบร้อย ผู้คนพลัดบ้านพลัดถิ่น ต้องอาศัยถามจากคนรู้จัก ซึ่งก็พลัดหลงพลัดหายไปกันเกือบหมด”

“แล้วนี่พ่ออุ๊ยเขาไม่ได้พยายามตามหาคุณย่าเลยเหรอคะ”

“ย่าก็เพิ่งจะรู้วันนี้ว่าเขาก็เข้ามาในพระนคร มาตามหาย่าในเวลาที่ย่าก็ไปตามหาเขาทางเหนือ เราสองคนคลาดกัน...ถึงปากจะปฏิเสธ แต่เขาบอกว่าจริงๆแล้ว ในใจเขารอย่าอยู่ รอมาตลอด วันนี้คุณหนานปิงขอโทษย่าขอโทษที่ก่อนจากกันไม่พูดกันดีๆ ถ้าเราไม่ทะเลาะกันก็คงจะไม่พลัดพรากจากกัน”

อันยาฟังแล้วทึ่ง เข้ากอดย่า ลดายังบอกอีกว่า แค่นี้ตนก็ดีใจ เพราะอย่างนี้ตนถึงบอกให้อันยาไปตามหาหัวใจของตัวเอง ตนรู้ว่ามันทรมานแค่ไหน ถ้าคนที่เรารักไม่รู้และไม่เข้าใจเรา

“หนูเข้าใจคุณย่า แต่บางทีถ้าหนูไม่ตามหาคุณแสน ไม่มาเจอเขา เขาอาจจะไม่ต้องโชคร้ายแบบนี้” อันยาอดเศร้าใจไม่ได้

“อันยา บางสิ่งบางอย่างมันอาจจะถูกกำหนดเอาไว้แล้วก็ได้นะ”

แต่อันยาส่ายหน้า โทษเป็นเพราะตัวเองไม่ดี ลดาปลอบให้คิดดู เราแก้อดีตไม่ได้ แต่สามารถนำมาเป็นบทเรียนทำสิ่งที่ดีในอนาคตได้ อันยาคิดตามมองย่านํ้าตาคลอเบ้า

ooooooo

วันรุ่งขึ้นครอบครัวแสนมาที่โรงพยาบาลแต่เช้า พยาบาลบอกว่าแสนยังไม่ฟื้น ฟองคำตั้งใจจะอยู่เฝ้าไข้ลูกชาย แต่พอเข้ามาในห้องได้ยินเสียงบางอย่างทุกคนต้องแปลกใจเมื่อพบว่าอันยานั่งอยู่ข้างเตียง พูดคุยราวกับว่าแสนรับรู้ ทั้งที่เขายังไม่ฟื้น

“คุณแสน ฉันมาอยู่กับคุณแล้วนะคะ รู้ไหม ถ้าคุณฟื้นขึ้นมา ต่อให้คุณโหดใส่ฉันยังไง ไม่สนใจฉันแค่ไหน ฉันก็จะไม่ว่าคุณ ไม่เถียงคุณอีกแม้แต่คำเดียว ขอแค่คุณฟื้นและกลับมาแข็งแรง...คุณต้องฟื้นนะ มีแต่เรื่องดีๆที่รอคุณอยู่ ทุกคนที่เพียงพอดีรู้แล้วว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดคุณ ฉันจะจัดการให้คุณได้ทุกอย่างที่ฉันเคยพรากมันไปจากคุณ กลับคืนมา”

อันยาไม่ได้สนใจใครที่เข้ามาให้ห้อง ยังคงพร่ำบอกแสนว่า ชาวบ้านรอด็อกเตอร์ของพวกเขาอยู่ และเล่าไปถึงเรื่องของลดากับหนานปิง...สินกระซิบถามฟองคำว่าอันยาจะรู้ไหมแสนยังไม่ฟื้น ลดาเข้ามาตอบแทน

อันยารู้ดีว่าแสนยังโคม่าแต่เธอเชื่อว่าผู้ป่วยที่ร่างกายไม่ตอบสนองยังรับรู้ทุกอย่างได้ เธอกลัวแสนเหงา และอีกอย่างจะได้พยายามตื่นถ้ารู้ว่ามีคนรอเขาอยู่ ทุกคน สงสารอันยาจับใจ

ลดาต้องขอร้องฟองคำและหนานปิง ขอโอกาสให้อันยาได้ดูแลแสน ฟองคำนิ่งอึ้ง อันยาเดินออกมาจึงรอฟังคำตอบ ฟองคำตอบว่า ตนอนุญาตไม่ได้ เพราะคนที่จะอนุญาตได้คือแสน แต่ตนรู้ว่าเขาต้องอนุญาต ไม่เช่นนั้นคงไม่เอาชีวิตไปปกป้องอันยา แสดงว่าเธอเป็นคนสำคัญ

“แสนเป็นคนที่ฉันรักมากที่สุด เธอต้องดูแลเขาให้ดีนะ”

อันยาตื้นตันใจ “คุณ...ป้า ขอบคุณค่ะ หนูไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี หนูจะดูแลเขาให้ดีที่สุด”

คิมหันต์เอากระเป๋าเสื้อผ้ามาให้อันยา เขาอดถามไม่ได้ว่า เธอจะคุยกับเขานานแค่ไหน ถ้าเขาไม่ตอบกลับมาแบบนี้ อันยาชะงัก แววตามุ่งมั่น

“คิมบอมบ์” แกก็รู้จักฉันดี ว่าฉันไม่ชอบเสียใจภายหลัง เพราะงั้นเวลาฉันต้องการอะไรก็จะไขว่คว้ามันมาให้ได้ แต่กับเรื่องคุณแสน ฉันเสียเวลาต่อสู้กับใจตัวเองอยู่นาน ตอนที่ฉันมีโอกาสใกล้ชิดเขา ฉันกลับไม่ได้บอกหลายสิ่งหลายอย่างกับเขา...ตอนนี้ฉันจะพูดทุกอย่างจริงๆ แล้วฉันมีเรื่องอยากจะบอกเขาอีกเยอะแยะเลย...” อันยาพูดเหมือนปลอบใจตัวเอง

พลันมีหญิงสาวท้องแก่เดินผ่านไป อันยานึกได้ว่าลืมอะไรไปบางอย่าง...อันยาซื้อของเยี่ยมแม่ลูกอ่อนมากับคิมหันต์ ขณะนั้นปุ๊กลุกกำลังอาละวาดจะไปหาแสน เพื่อบอกเขาว่าได้ลูกสาว ปรานีพยายามห้ามเห็นว่าลูกเพิ่งคลอดและที่สำคัญ โกมลเพิ่งทำร้ายแสนจนสาหัส

“แม่! มัวแต่รอแล้วเกิดนังอันยามันคาบพี่แสนไปล่ะ ลูกหนูก็ไม่มีพ่อน่ะสิ” ปุ๊กลุกบอกพยาบาลให้ใส่ชื่อแสนเป็นพ่อของลูก ทันใดคุณหญิงแม่และทวยเทพเปิดประตูเข้ามา

พอคุณหญิงแม่เห็นหน้าปุ๊กลุกก็เอ่ยกับลูกชายว่า “ฉันเชื่อแล้วว่าแกพลาดจริงๆ”

ปุ๊กลุกได้ยินโวย “ป้า...ฉันเนี่ยเทพีประจำหมู่บ้านนกกระเต็นนะรู้เอาไว้ซะด้วย นี่ฉันเพิ่งคลอดลูก จะให้แต่งหน้าแต่งตัวสวยได้ยังไงกันล่ะ แล้วป้าเป็นใครเนี่ย”

“ถามได้ ฉันก็มารับหลานฉันน่ะสิ”

ทั้งปรานีและปุ๊กลุกหน้าเหวอ...อันยากับคิมหันต์เดินมาถึงหน้าห้อง ได้ยินเสียงเอะอะ มองเข้าไปเห็นทวยเทพกับแม่กำลังปะทะกับปุ๊กลุกก็ตกใจ

ปุ๊กลุกโวยวายไม่ยอมให้ใส่ชื่อทวยเทพเป็นพ่อของลูก ทวยเทพโต้กลับตนก็ไม่ได้อยาก ถ้าคุณหญิงแม่ไม่บังคับ คุณหญิงแม่ยืนกราน ถ้าเขาทิ้งลูกจะไม่ให้มรดกแม้สตางค์แดงเดียว...อันยาเปิดประตูเข้ามา ทวยเทพต่อว่าทันที

“อัน! มาก็ดีแล้ว คุณโทร.บอกแม่ผมทำไมฮะ ดูสิวุ่นวายกันไปใหญ่แล้ว”

“นี่ ที่แท้ก็ฝีมือแกเองเหรอ แกจะขัดขวางฉันกับพี่แสนเขาไปถึงไหน นังอันสรพิษ”

ปุ๊กลุกอยากจะลุกไปตบตีอันยาแต่ปรานีรั้งไว้ อันยายืดตัว “ได้ เธอตบฉันแล้วก็ปล่อยคุณแสนไป...คุณแสนเขาต้องเดือดร้อนเพราะคนอื่นมามากพอแล้ว เขาต้องเดือดร้อนเพราะฉัน เพราะพ่อของเธอ จนตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้น อย่าให้เขาต้องมาเสียสละอะไรเพื่อใครอีกเลย...นะ ถือว่าฉันขอร้อง ฉันขอร้องนะปุ๊กลุก” อันยาคุกเข่าลงอ้อนวอน

ปุ๊กลุกอึ้ง นึกไม่ถึงว่าอันยาจะทำขนาดนี้ อันยาพร่ำบอกให้คิดดูดีๆ เด็กควรได้อยู่กับครอบครัวที่แท้จริง มากกว่าการตัดสินใจของแม่ ที่มากำหนดอนาคตเขา ถ้าเธอเลือกแสนแล้วเขาไม่เลือกเธอ ลูกเธอจะเป็นอย่างไร

“เขาพูดถูกนะลูก ผู้ชายที่ไม่ได้รักเรา แล้วเขาจะรักลูกของหนูเหรอ” ปรานีเกลี้ยกล่อม

“แม่! ทำไมแม่พูดแบบนี้”

“ลูกขึ้นไปหาครอบครัวด็อกเตอร์แสนตั้งหลายอาทิตย์ ถ้าเขาจะยอมรับ ก็คงยอมรับไปแล้ว แม่รักหนูรักลูกของหนู แม่ไม่อยากเห็นปุ๊กลุกรออย่างไม่มีความหวังนะลูก”

ปุ๊กลุกปล่อยโฮออกมาอย่างรันทด ปรานีกอดปลอบลูกสาว...อันยาหันมาบอกทวยเทพ

“ทวยเทพ คุณมาที่นี่เพราะแม่คุณ หรือเพราะอะไรก็ตาม แต่เด็กก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณ ต่อไปจะไม่ถูกกับแม่เด็กยังไง ก็นึกถึงใจคนเป็นลูกด้วย” ทวยเทพอึ้งละอายแก่ใจ อันยาหันมาคุยกับปรานี “ฉันเสียใจด้วยเรื่องกำนันโกมล สามีของคุณ แต่ถ้าแม่ของคุณทวยเทพรับอุปการะหลาน ยังไงพวกคุณสองคนก็จะไม่ลำบาก ตกลงกันดีๆนะคะ”

คุณหญิงแม่ของทวยเทพประกาศไม่ต้องห่วง สองคนนี้จะอยู่ด้วยกันหรือไม่ ตนไม่บังคับ ตนแค่อยากได้หลานไว้สืบสกุลเท่านั้น คุณหญิงแม่ให้พยาบาลกรอกชื่อทวยเทพเป็นพ่อเด็กทันที

ooooooo

คิมหันต์อดชื่นชมอันยาช่างเป็นลูกพี่ขั้นเทพจริงๆ ที่ทำให้เรื่องทุกอย่างลงล็อกได้ราบรื่น อันยานึกได้ถามหาลดา คิมหันต์บอกว่าหนานปิงมารับไปแต่เช้า เห็นว่าจะไปไหว้พระขอพรให้คุ้มครองแสน แล้วคิมหันต์ก็ถามว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไป อันยาสลดลง

“ก็อย่างที่ฉันบอก ว่ายังไม่มีโอกาสพูดอีกหลายอย่าง รวมทั้ง...ที่ฉัน รักเขาด้วย”

“โหย...ทีกล่อมให้คนเปลี่ยนงานล่ะทำได้ แต่ให้เขาเปลี่ยนใจเนี่ย ไม่มีน้ำยาเลย”

“นี่! ลองไปกล่อมเองไหมล่ะ จะได้รู้ว่ามันยากแค่ไหน ทั้งทำไร่ ทำอาหาร ทำทุกอย่างแล้ว ก็ยังโกรธอยู่เลย”

คิมหันต์เปรย ถึงโกรธก็ยังรัก ไม่รักจะเอาตัวเข้ารับกระสุนแทนหรือ นี่เรียกว่ายอมตายแทนเลย อันยาเลิกคิ้วแก้ตัวแทนว่า แสนอาจจะทำไปเพราะเป็นคนดี คิมหันต์ย้ำ คนดีอย่างเดียวทำไม่ได้ ต้องรักเต็มหัวใจด้วยถึงจะทำได้ เข้าใจไหม อันยาหัวใจฟูฟ่องขึ้น คิมหันต์เตือน

“เจ๊ วันที่มีโอกาสไม่พูด วันนี้ต้องมาพูดอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ไม่รู้ว่าเขาได้ยินไหม ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาก็บอกเขาเถอะ”

อันยาสบตา ใครลูกพี่ลูกน้องกันแน่...แต่อันยาก็มุ่งมั่นจะบอกความรู้สึกตัวเองกับแสนให้ได้ แต่ด้วยความประหม่า เธอจึงซ้อมพูดกับฝาผนังอยู่มุมหนึ่งพักใหญ่ ระหว่างนั้นแสนเริ่มกระดิกนิ้วรู้สึกตัว เขาค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นใบหน้า...พิลาสินีที่เฝ้าอยู่

“แสน! นี่คุณฟื้นแล้วเหรอคะ” พิลาสินีดีใจมาก

เมื่อพร้อมแล้ว อันยาเดินมาที่ห้องแสน เธอล้วงหยิบริบบิ้นสีหวานประจำตัวที่มักจะผูกสิ่งของให้เขาเห็น กำไว้ในมืออย่างมีความหมาย...ขณะที่พิลาสินีกุมมือแสนน้ำตาไหลด้วยความยินดีที่เขาฟื้น แสนกลับต้องเป็นคนปลอบเธอว่า ตนไม่เป็นอะไรแล้ว เธอพร่ำ

“ขอโทษนะคะ ที่ฉันไม่ได้อยู่ข้างๆคุณ ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว เรื่องที่คุณโดนใส่ร้าย...จริงๆฉันน่าจะรู้ว่ามันไม่ใช่ฝีมือคุณ แต่ฉันนึกว่าเราแข่งขันกันอยู่ ฉันเลยโกรธมาก จนมองพลาดไป ขอโทษนะคะแสน ฉันขอโทษ...”

“ไม่เป็นไรแพม ผมไม่เคยโกรธคุณ ผมเข้าใจ”

พิลาสินีเหมือนยกภูเขาออกจากอก เธอถามย้ำอีกครั้งว่าเขาไม่โกรธแน่ๆ แสนรับคำและขอบคุณที่เธอมาเยี่ยม พิลาสินีรวบรวมความกล้าสารภาพ

“จริงๆแล้ว ฉันอยากชดเชยให้คุณมากกว่านี้คุณ... อาจจะไม่เชื่อนะคะ ตั้งแต่เรามีเรื่องกันแล้วคุณต้องออกจากเพียงพอดี ฉันเสียใจมาก มันทรมานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...พอได้รู้ความจริงว่าคุณไม่ผิด ฉันก็รีบมาทันที เพราะฉันเก็บมันไว้ไม่ได้อีกแล้ว แสน...ฉันรักคุณค่ะ”

อันยาเปิดประตูเข้ามาเงียบๆ ได้ยินคำสารภาพของพิลาสินีพอดี  ถึงกับชะงักค่อยๆถอยออกไปยืนแอบฟังน้ำตาร่วง...แสนตะลึงกับคำสารภาพของพิลาสินี เธอยังกล่าวอีกว่า

“ฉันรู้สึกแบบนี้มาตั้งนานแล้ว อาจจะตั้งแต่เรารู้จักกันใหม่ๆ ทีแรกฉันตั้งใจจะรอจนทุกอย่างลงตัวก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องนี้กับคุณ แต่มันก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ฉันถึงได้รู้ว่าความเปลี่ยนแปลงมาถึงเมื่อไหร่ก็ได้  ถ้าฉันได้บอกคุณก่อนหน้านั้น ไม่มัวแต่รอ...ให้คุณเป็นฝ่ายพูดก่อน มันก็คงไม่เป็นแบบนี้”

แสนไม่คิดว่าพิลาสินีจะเก็บความในใจไว้มากมาย เขารู้สึกเห็นใจเธอ พิลาสินีขอให้เขากลับมาเริ่มต้นกันใหม่...

แสนไม่อยากให้อะไรมันคลุมเครืออีกต่อไป เขาบอกเธอว่า

“แพม  ผมไม่เคยรู้สึกกับคุณเปลี่ยนไปเลยนะ ไม่เคยเลยจริงๆ” พิลาสินีดีใจซบลงกอดแสน เขาลูบหลังเธอปลอบ “ไม่ร้องนะครับคนดี คุณไม่ต้องโทษตัวเองอีกแล้วนะ”

อันยาใจแทบขาด  ทรมานใจเหลือเกิน  เธอปิดประตูห้องเบาๆ ยืนร้องไห้สักพักก่อนจะตัดสินใจกล่าวอำลาแสนอยู่หน้าประตู  และจะผูกริบบิ้นไว้ที่ลูกบิด  พลัน...

พิลาสินีเปิดประตูออกมา ทั้งสองตะลึงมองกันชั่วอึดใจ ก่อนที่พิลาสินีจะเอ่ยถามว่ามาเยี่ยมแสนหรือ  อันยาอึกอัก

“คือ ฉัน...เอ่อ...ฉันคงเข้าไปเยี่ยมคุณแสนไม่ได้แล้ว พอดีฉันต้องรีบไป อยู่ต่อไม่ได้จริงๆ ยังไงคุณอย่าบอกคุณแสนนะคะว่าฉันมาเยี่ยม”

“ทำไมล่ะ มีอะไรรึเปล่า”

“คือ  ถ้าด็อกเตอร์รู้ว่าฉันมาถึงนี่  แต่ไม่เข้าไปเยี่ยม มันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

พิลาสินีพยักหน้าอย่างเข้าใจ  อันยาเปลี่ยนมาทักถามพิลาสินีสบายดีหรือเปล่า เธอยิ้มอย่างเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ไม่สบายใจเลย  แต่ตอนนี้เข้าใจกับแสนดีแล้ว ตนโล่งใจมากที่เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมต่อกัน  อันยาฟังแล้วสะท้อนใจว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับแสนเลยจริงๆ

“ค่ะ  ดีแล้ว  พวกคุณสองคนเหมาะสมกันมากจริงๆ”

พิลาสินีย้อนถามคิดอย่างนั้นจริงหรือ  อันยาจับมือพิลาสินีตอบอย่างเจ็บปวดว่า...จริงที่สุด

ooooooo

อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด