ตอนที่ 11
เช้าวันใหม่ อิงค์กี้กระดี๊กระด๊าที่จะได้เที่ยวน้ำตกกับแสน ฟองคำช่วยจัดตะกร้าอาหารให้ ปุ๊กลุกแต่งตัวเริ่ดเข้ามาหมายจะไปด้วย อิงค์กี้หันมาทวงสัญญากับหนานปิง ทำให้หนานปิงต้องห้ามปุ๊กลุกอ้างว่าที่แบบนั้นท้องโตจะเป็นอันตราย ปุ๊กลุกหน้างิกหน้างอไม่พอใจ
สิงห์มาเร่งอันยาให้รีบตาม อย่าปล่อยให้อิงค์กี้ใกล้ชิดแสน แต่อันยาปลงที่ยอมมาเพราะอยากพักผ่อน ใครจะทำอะไรใครตามสบาย...อิงค์กี้เริ่มทำตามแผน ร้องเอะอะขึ้นมาขณะเดินกับแสน ว่ามีตัวอะไรเข้าไปในเสื้อจะให้เขาช่วยดู ไม่ทันที่แสนจะช่วย เสียงคุณหญิงเหมือนขัดขึ้น
“นี่หล่อน! ทำอะไรหัดเกรงใจเจ้าป่าเจ้าเขาบ้างสิยะ”
อิงค์กี้ตกใจจัดเสื้อให้เข้าที่เขาทางก่อนจะโวย“นี่ป้ามาได้ยังไง ใครจุดธูปเชิญไม่ทราบ”
“ทำไม น้ำตกนี้เป็นสมบัติของชาติ ใครจะมาก็ได้ ฉันไม่ปล่อยให้หล่อนมาทำมารยาใส่แสนง่ายๆ หรอกย่ะ”
“ป้ารู้เรื่องน้ำตกได้ยังไง!”
“คนที่ไม่อยากให้หล่อนมีความสุข บอกมาน่ะสิ”
อิงค์กี้เจ็บใจต้องเป็นปุ๊กลุกแน่ๆ แสนเห็นสองสาวถกเถียงกันอยู่ จึงเมินหน้าหนีเอือมๆ พลันเห็นสิงห์เดินอยู่ เขารีบตามไปถามมาเหมือนกันหรือ
“เออ...มาดูแลความปลอดภัยของลูกพี่ลูกน้อง มีคนกลัวว่านายจะถูกทำมิดีมิร้าย”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า” แสนปัดเคืองๆ
สิงห์แกล้งเปรยไม่อยากรู้หรือว่าตนมากับใครแสนชะงัก วางฟอร์มไม่สนใจ ไม่เกี่ยวอะไรกับตน สิงห์ต่อว่าแสนใจดำ แสนยอมรับและไม่ต้องการให้ใครมาเสียเวลากับตน...ขณะที่อิงค์กี้หลอกคุณหญิงเหมือนให้เดินตกโคลนจนต้องมัววักน้ำล้างขา ตัวเธอมาฉุดแสนให้เดินไปทางอื่น สิงห์มองตามอย่างระอา
อิงค์กี้เริ่มแผนการแกล้งตกลงไปในน้ำ แล้วร้องให้แสนช่วย แสนมัวเก็บขวดขยะที่เกลื่อนกลาดไปทิ้งถัง ได้ยินเสียงตูม...แต่ไม่คิดว่าอิงค์กี้ตกน้ำ จึงเดินไปเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่กระโดดลงไปช่วยแทน พออิงค์กี้ลืมตามาเห็นก็ร้องโวยวายมองหาแสน
อันยาพยายามไม่คิดถึงแสนว่าจะอยู่กับใคร ปล่อยจิตใจให้เพลิดเพลินกับธรรมชาติ จนมาถึงจุดมีป้ายเตือนว่า...อันตราย ห้ามลงเล่นน้ำบริเวณนี้...อันยาหยิบถุงเมล็ดข้าวที่แสนให้มานั่งมองเศร้าๆ พลันคุณหญิงเหมือนเดินมาเห็นแย่งไปดู อันยาขอคืน
“ทำไมต้องทำท่าหวงซะขนาดนั้น ใครให้มางั้นเหรอ...แสน! แสนใช่ไหม”
“ใครให้มาก็ช่างเถอะ ฉันขอคืน”
คุณหญิงเหมือนไม่ยอมคืนให้ ชูไปเหนือน้ำ “ปากแข็งนักเหรอ จะตอบหรือไม่ตอบ”
“คุณหญิงอย่านะ เดี๋ยวหล่น!” อันยาหน้าเสีย
คุณหญิงเหมือนโมโห ทำท่าจะโยนทิ้ง อันยาเข้าแย่ง คุณหญิงสะบัดมือ ถุงเมล็ดข้าวร่วงจะหล่นในน้ำ อันยาตกใจเอื้อมคว้าสุดตัว จึงลื่นตกไปในน้ำจุดที่มีป้ายเตือนเขตอันตราย แสนเดินมาเห็นตกใจร้องเรียกอันยาลั่น คุณหญิงเหมือนหน้าตื่นปฏิเสธพัลวันไม่ได้ผลักอันยาตกน้ำ แสนถอดรองเท้ากระโดดตูมตามลงไปอย่างร้อนรน น้ำตรงนั้นไหลวนและแรงยากต่อการดำหา อิงค์กี้เดินตัวเปียกปอนมาเห็นแสนอยู่ในน้ำก็ถามคุณหญิงเหมือนว่าแสนลงไปทำไม
“น้ำวน! ไปตามเจ้าหน้าที่มาช่วยเร็ว...เร็วสิ” คุณหญิงเหมือนหันมาปรี๊ดใส่
อิงค์กี้ตาเหลือกวิ่งกลับไปอย่างงงๆ แสนว่ายไปดึงเถาวัลย์มาผูกเอวตัวเองก่อนจะดำลงไปหาอันยา เห็นรางๆว่าเธอหมดสติจมดิ่งอยู่ก็รีบเข้าไปรวบตัวเธอแล้วสาวเถาวัลย์กลับขึ้นมา แสนประคองร่างอันยาขึ้นมาด้วยสีหน้าห่วงใย แนบหูฟังเสียงหายใจของเธอดูแผ่วเบา จึงทำการผายปอด อิงค์กี้กลับมาพร้อมเจ้าหน้าที่ ตะลึงกับภาพบาดตาและท่าทางร้อนรนของแสน
“หายใจสิ อันยา หายใจ...” แสนเป่าลมเข้าปากอันยาแล้วกดที่เหนืออกเป็นจังหวะ
อันยาค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ แสนเหมือนยกภูเขาออกจากอกฟุบหน้าลงข้างบ่าเธอดีใจสุดๆ คุณหญิงเหมือนและอิงค์กี้มองภาพนั้นตาปริบๆ
หลังจากนั้น อันยามีเสื้อจากเจ้าหน้าที่คลุมแก้หนาว สีหน้าดีขึ้น เธอควานหาถุงเมล็ดข้าว พอเห็นว่ายังอยู่ก็ดีใจ แสนกลับโกรธขึ้นมา ต่อว่า
“คุณบ้าไปแล้วรึเปล่า! กระโดดลงไปเอาของแบบนั้นได้ยังไง”
คุณหญิงเหมือนร้อนตัวรีบบอกแสนว่าตนไม่ได้ตั้งใจทำของของอันยาหล่น แสนไม่ได้สนใจฟังยังต่อว่าอันยา ทำโง่ๆที่โดดลงไป อันยามองหน้าแสนเหวอๆ ไม่เคยเห็นเขาโกรธแบบนี้มาก่อน เธอเอ่ยปากขอโทษ เขาสวนทันควัน
“คุณพูดได้แต่ขอโทษ รู้ไหมว่าที่ดีกว่าคำขอโทษคืออะไร...คือเลิกทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนแบบนี้ซะที ผมถึงได้บอกไง ว่าให้คุณกลับไปซะ”
“คุณแสน!”
“ถ้าอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อผม ก็ช่วยกลับไป กลับไปที่กรุงเทพฯแล้วอย่ากลับมาอีก”
อันยากำถุงเมล็ดข้าวไว้แน่นน้ำตาซึม มองแสนเดินจากไปอย่างช็อกๆ
ooooooo
คนงานในร้านโกมลรู้จักเมขลาดีว่าเป็นคนของเพียงพอดี เมื่อเธอมาขอให้ช่วยตอบแบบสอบถามจึงให้ความร่วมมือ ระหว่างนั้นโกมลไม่อยู่ เมขลาแอบไปสมทบกับคิมหันต์ช่วยค้นหาหลักฐานในห้องทำงานโกมล
ระหว่างค้นหา ได้ยินเสียงรถโกมลแล่นเข้ามา เมขลารีบกลับออกมารับหน้า โกมลแปลกใจ เธอรีบบอกว่า อยากได้ความเห็นต่อการทำงานของบริษัทเพียงพอดี โกมลดึงเอกสารมากรอกอย่างสะใจว่าแย่มาก เมื่อเมขลาเก็บเอกสารคืนก็รีบลากลับ เธอเดินออกมาที่รถไม่เห็นคิมหันต์ก็เหลียวมองหา ลูกน้องโกมลหิ้วปีกคิมหันต์ที่หน้าตาบอบช้ำจากการถูกซ้อมเข้ามาถาม
“หามันอยู่ใช่ไหม”
เมขลาตกใจ ทั้งสองถูกพาตัวกลับมาหาโกมล เขาซักฟอก ลอบเข้ามาทำอะไร คิมหันต์นึกได้อ้างว่าเข้ามาขอส่วนแบ่งจากการขายข้าว
“กำนันก็น่าจะรู้ข่าวแล้วว่าด็อกเตอร์แสนไม่ยอมเซ็นสัญญากับวิชั่น เขาจับได้ว่าเจ๊หลอกเขา พวกผมก็เลยไม่ได้อะไรสักอย่าง เจ๊ก็เตลิดไปแล้วเพราะกลัวโดนฟ้อง เมล็ดพันธุ์พวกนั้นที่ผมให้คุณเอาไปขาย มูลค่าก็ไม่ใช่น้อยๆ ผมต้องการส่วนแบ่ง”
โกมลไม่พอใจที่มีหน้ากล้ามาทวง ลูกน้องจะเข้าอัดคิมหันต์ เมขลาตกใจขวาง โพล่งออกไปว่า ยังมีเมล็ดพันธุ์ข้าวมาให้ขายอีก เห็นโกมลชะงักจึงโกหกไปว่า
“ก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าพวกคุณคงไม่ยอมแบ่งเงินให้ พอด็อกเตอร์แสนลาออกไป โครงการก็หยุดชะงัก เมล็ดพันธุ์ที่เหลือ ก็ถูกทิ้งอยู่แบบนั้น ถ้าพวกคุณสนใจฉันจัดการให้ได้นะ”
โกมลลังเล คิมหันต์เสริม ถึงอย่างไรมันก็ขายได้ โกมลถามแล้วทำไมต้องลอบเข้ามา คิมหันต์อ้างว่าเกรงเขาไม่เห็นด้วย จึงคิดจะหาเมล็ดพันธุ์ที่เหลือเอามาแบล็กเมล์ โกมลฮึ่มๆที่บังอาจ เมขลารีบสรุปจะเอาอย่างไร ถ้ายังอยากได้เมล็ดพันธุ์ข้าว คนในอย่างตนช่วยได้ โกมลอึ้งสักพักก่อนจะตกลง...ลูกน้องโกมลพาเมขลากับคิมหันต์ออกทางด้านหลังร้าน เกรงมีใครมาเห็น
โกมลอดยิ้มเยาะไม่ได้ “เสียดายที่ไอ้แสนมันไม่ได้มารู้ ว่าตอนนี้คนรอบๆตัวมัน กลายสภาพเป็นหมาล่าเนื้อกันหมด หึ...พอเนื้อตกล่ะแย่งกันฉีกกินแทบไม่ทัน แกจำไว้นะไม่มีใครอยู่ข้างใครจริงๆ ผลประโยชน์เท่านั้นแหละวะที่มันเป็นใหญ่”
เมื่อเมขลาขับรถพาคิมหันต์ออกมาถึงที่ปลอดภัย ทั้งสองก็เอามือถือออกมาฟังเสียงโกมลที่อัดไว้ได้ ทั้งสองยิ้มให้กับความสำเร็จ เมขลาอดถามไม่ได้
“แล้วคุณเจ็บมากไหม”
คิมหันต์ลืมเจ็บไปเลย พอเธอพูดเลยนึกได้ร้องอูยๆ เมขลาหาซื้อยามาทำแผลให้เขาอย่างห่วงใย...ด้านเอกชัยรู้ดีว่าเมขลาหยุดงานไปทำอะไร เขาคอยรับหน้าเพียงดาวแทนเมขลา
ooooooo
เย็นวันนั้น คุณหญิงเหมือนกับอิงค์กี้เดินเซื่องซึมมาตามทางในไร่แสนรัก ปุ๊กลุกลูบท้องตัวเองหัวเราะอย่างสาแก่ใจ ที่อันยาโดนแสนเอ็ดตะโรใส่ แต่สองสาวไฮโซกลับนิ่งขรึมไม่สนุกด้วย ต่างเจ็บใจที่เห็นแสนเป็นห่วงอันยาขนาดนั้น
อันยาเดินระโหยโรยแรงกลับมาจะเข้ากระต๊อบ เห็นข้าวของตัวเองถูกโยนมากองอยู่ข้างนอกก็แปลกใจ อิงค์กี้เข้ามาเอ่ยปาก
“ทำตามคำสั่งเจ้าของบ้านได้แล้ว อย่าให้ด็อกเตอร์เขาต้องเดือดร้อนเพราะเธออีก”
ปุ๊กลุกส่ายหน้ายักไหล่ “ฉันท้องอยู่ ก็เลย....ช่วยอะไรไม่ได้”
อิงค์กี้แขวะว่าปุ๊กลุกเป็นคนช่วยเก็บของมากอง ปุ๊กลุกทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ คุณหญิงเหมือนยังรู้สึกผิดจึงนิ่งเฉย อันยาเหนื่อยอ่อนไม่อยากมีเรื่อง ก้มหน้าเก็บของ อิงค์กี้หมั่นไส้
“แน่ะ พอมาตากแดดตากลม ยิ่งด้านยิ่งหนากว่าเดิมอีกเหรอ...” อิงค์กี้ดึงกระเป๋าไว้
อันยาดึงกลับ ที่ชาร์จแบตหล่นออกมา อิงค์กี้คว้ามาปาทิ้งกระแทกก้อนหินแตก และว่าตนเตือนดีๆแล้ว ปุ๊กลุกแขยง ถ้าไม่เห็นกับตาไม่เชื่อว่านี่นางเอก...อันยาเจ็บจี๊ดแต่ข่มอารมณ์ไว้
“อยากทำอะไรก็ทำ ทำไปเลยถ้าอยากจะเสียแรงฟรี”
“นี่หล่อน ขนาดนี้แล้ว ยังจะหน้าด้านอยู่อีกงั้นเหรอ”
“ใช่! ฉันหน้าด้านหน้าทน ฉันมันเลวทำลายอนาคตคุณแสน แล้วฉันยังมีหน้ามาขอให้เขาให้อภัย เขาไล่ก็ไม่ไปอีกด้วย แล้วมีอะไรอีก อยากจะว่าอะไรอีก”
อิงค์กี้เหลืออด “อย่านึกว่าฉันจะหาคำมาว่าเธออีกไม่ได้ ยัย ยัยสารพัดพิษ ยัยตุ๊กแก กิ้งก่า ไส้เดือน กิ้งกือ แมลงเม่า หอยแมลงภู่...”
ปุ๊กลุกขัดใจ อิงค์กี้ด่าอะไร คุณหญิงเหมือนก็ไม่สนใจ นิ่งเฉยอยู่ได้...อิงค์กี้โวยว่าตนมาช่วยแสนไล่ ทำไมไม่รู้เรื่องเสียที อันยายืนกรานจะไม่ไปไหนทั้งนั้น คุณหญิงเหมือนทนไม่ไหว
“ทั้งๆที่ทำให้แสนเขาไม่สบายใจอย่างนี้น่ะเหรอ เธอน่าจะตื่นได้แล้ว ตัวเองทำกับเขาไว้ขนาดนั้น ยังไงเขาไม่มีวันให้อภัย ถึงพยายามให้ตาย ก็มีแต่ทำให้เขาเกลียดขี้หน้ามากขึ้น”
คำพูดคุณหญิงเหมือนแทงทะลุขั้วหัวใจ อันยาน้ำตาซึม “ใช่ คุณพูดถูก ไม่ว่าฉันจะพยายามแค่ไหนก็คงจะมีแต่...ทำให้เขาเกลียดฉันมากขึ้น”
“รู้แล้วยังด้านอยู่ทำไมอีก” อิงค์กี้สวน
“แล้วนึกเหรอว่าฉันไม่อยากไป บางที...ฉันอยากหนีไปให้พ้นๆ ทำไมฉันถึงต้องทนให้เขาว่า เขาไล่ฉันด้วย ถึงฉันจะทำผิดแค่ไหน แต่ฉันก็มีหัวใจ ฉันก็เจ็บ...เจ็บ จนบางครั้งก็แทบจะไม่อยากทน” อันยาน้ำตาไหลพราก
“งั้น...เธอก็ไปซะสิ จะมายืนบ่นอยู่ทำไม” อิงค์กี้ แขวะ
อันยาปาดน้ำตา “สำหรับพวกคุณ ถ้าไปจากคุณแสนวันนี้ ก็มีโอกาสได้เจอเขา เพราะถึงยังไงพวกคุณก็เป็นเพื่อนเขา แต่ฉัน...คนที่ทำร้ายเขาอย่างฉัน ถ้าวันนี้ฉันหันหลังเดินจากเขาไป ฉันก็จะไม่มีวันได้เจอเขาอีกเลย ฉันถึงหันหลังกลับไม่ได้ ฉันรู้ว่าพวกคุณเกลียดฉัน อยากให้ฉันไป แต่ถ้าฉันไปฉันต้องเสียเขาไปตลอดชีวิต พวกคุณไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง”
อันยาเดินผ่ากลางสามคนเข้าห้องไป ปุ๊กลุกโวย ทำเป็นเอาแสนมาอ้าง หันหาสองสาวเป็นพวก แต่ทั้งคุณหญิงเหมือนและอิงค์กี้กลับยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออก
ooooooo
ครอบครัวแสนนั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา สินกับสิงห์แซวเรื่องที่แสนช่วยอันยาเหมือนพระเอกช่วยนางเอก แสนอึดอัดใจแก้ตัวว่าตนไม่ใช่พระเอก แค่ปล่อยให้ใครตายต่อหน้าต่อตาไม่ได้ สิงห์หมั่นไส้ เพราะได้ยินว่าพยายามช่วยสุดชีวิต
แสนหน้าตึง รวบช้อน “แค่เขาต้องมาขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ที่นี่ ผมก็ดูใจร้ายมากอยู่แล้ว ถ้าต้องมาเป็นอะไรไปอีก ทีนี้ผมก็คงผิดเต็มประตู”
“พูดแต่เรื่องผิดๆถูกๆ จริงๆแล้วนายก็แค่เป็นห่วงเขา ถึงได้พยายามช่วยซะแทบแย่”
แสนเคืองลุกขึ้นขอตัวจะเดินไป หนานปิงเรียกหลานชายไว้ให้นั่งทานข้าวต่อ สิงห์สบถเห็นคนปากแข็งแล้วอดไม่ได้ ทั้งสินและฟองคำมองลูกชายอย่างเห็นด้วยกับสิงห์
แสนออกตัว “ทุกคนคิดอะไรอยู่ก็ตาม แต่ที่ผมอยากให้เขากลับไปเป็นความจริง แล้วเขายิ่งกลับไปเร็วเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีกับตัวเขาเองมากเท่านั้น”
สินถามลูกชาย แล้วมันดีกับเราไหม แสนตอบทันควันว่าแน่นอน...ในขณะที่อันยานั่งกอดเข่าอยู่ในห้องพัก ปุ๊กลุกนอนหลับกรนคร่อกๆแผ่หรากลางห้อง อันยารู้สึกไม่ค่อยสบายไอโครกๆ นึกได้เดินออกมาเก็บของที่นอกห้อง แต่ปรากฏว่าของของเธอมีคนเก็บใส่กระเป๋าให้หมดแล้ว แม้จะไม่เรียบร้อยเท่าไหร่
ร้านอาหารไม่ห่างจากไร่แสนรัก อิงค์กี้กับคุณหญิงเหมือนนั่งกระดกน้ำสตรอว์เบอร์รี่สีหน้าปลงๆ อุ๊บอิ๊บผู้จัดการของอิงค์กี้โทร.ตามให้เธอกลับกรุงเทพฯ เพราะรับงานอีเวนต์ไว้หลายงาน ถ้าไม่ไปจะถูกปรับเป็นแสน ประจวบกับอิงค์กี้เริ่มจะยอมรับว่าแสนมีใจให้อันยา คุณหญิงเหมือนแขวะว่าเธอทำตัวเป็นนางเอก ช่วยเก็บของให้อันยา อิงค์กี้เปรย
“ฉันฝืนธรรมชาติตัวเองไม่ได้ คนดียังไงก็ต้องทำดี...ว่าแต่ป้า ถอยคนแรกเลยไม่ใช่เหรอ”
คุณหญิงสำลักพรวด “ใครว่าฉันถอย ฉันแค่...” คุณหญิงนึกถึงภาพแสนช่วยชีวิตอันยา และนึกถึงคำพูดอันยาที่บอกว่า ถ้าวันนี้เธอหันหลังเดินจากแสนไป เธอจะไม่มีวันได้เจอเขาอีก
อิงค์กี้เองก็เริ่มยอมแพ้ใจอันยา “ยัยนั่นมันบ้า ถ้ารู้ว่ามันบ้าขนาดนี้ ฉันไม่เสียเวลามาแข่งปลูกสตรอว์– เบอร์รี่ให้แดดเผาฟรีๆหรอก นี่เพราะคิดว่าด็อกเตอร์จะใจอ่อนนะ ถึงได้ยอมเสียเวลา”
“ไม่ใจอ่อนยังพอทน แต่ต้องเห็นเขาเป็นห่วงผู้หญิงคนอื่นอยู่ตำตานี่สิ...”
อิงค์กี้หันมามองคุณหญิงเหมือน ท่าทางอาการหนักไม่แพ้ตน สองสาวชนแก้วร้องเพลงอย่างไม่อายสายตาใคร... ปล่อยให้ไหลไป ให้ลอยลงสู่ทะเลให้หายไป ให้มันอย่าคืนย้อนมา...
ooooooo
รุ่งเช้า ปุ๊กลุกรีบมาใส่ไฟกับหนานปิงและสินว่า เมื่อคืนสองสาวไปปาร์ตี้ข้างนอกกลับมาดึกดื่น ป่านนี้ยังนอนก้นโด่ง ขาดคุณสมบัติสะใภ้ที่ดีอย่างแรง ควรจะตัดสิทธิ์ออกไปเลย
ไม่ทันไร คุณหญิงเหมือนกับอิงค์กี้แต่งตัวเต็มที่ลากกระเป๋ามายืนเท้าสะเอว ถลึงตาโต้กลับ แล้วพวกที่เดินลอยชาย คอยยุคนอื่นไปวันๆ ดีตรงไหนไม่ทราบ ปุ๊กลุกไม่ทันรู้ตัวตอบ
“อุ๊ย ถ้ามีคนเลวๆอย่างนั้น เราก็ต้อง...” ปุ๊กลุกชะงักหันมอง เห็นสองสาวจะเอาเรื่อง รีบหลบหลังสิน “อ๊าย...คุณพ่อคะ พวกมันหาเรื่องปุ๊กลุก ว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณพ่อนะคะ”
อิงค์กี้โวย ยังกล้าพูด...สินปรามให้ทั้งสามสาวหยุดเถียงกัน หนานปิงถามสองสาวไฮโซแต่งตัวเต็มยศขนาดนี้แสดงว่าเลิกคิดเรื่องแข่งขันอะไรแล้ว สองสาวตาละห้อย...จากนั้นสองสาวก็มาล่ำลาแสน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะชวนเขากลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ โดยพวกเธอจะฝากงานให้ แสนขอบคุณในความหวังดีของพวกเธอและว่าทางโน้นคงเป็นห่วงพวกเธอแย่แล้ว
“คิดถูกแล้วล่ะครับ พวกเรายังเป็นเพื่อนกันเสมอนะครับ”
สองสาวละห้อยหนักกว่าเดิม รู้สึกสิ้นหวัง ปุ๊กลุกช่วยฟองคำถือตะกร้าของฝากมายื่นให้ อดเยาะไม่ได้ไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก ฟองคำเอ็ด คงต้องมีคนกลับเพิ่มอีกหนึ่ง ปุ๊กลุกสลดลง อันยาเดินตามมา เห็นแสนหน้านิ่งก็ชะงัก หันไปถามสองสาวทำไมจู่ๆจะกลับ
“อย่าเข้าใจผิดนะ ไม่ใช่เพราะเธอ แต่เพราะฉันไม่อยากรบกวนแสนเขาแล้ว อีกอย่างฉันยังมีงานสังคมรอให้ไปตัดริบบิ้นอีกเพียบ” คุณหญิงเหมือนวางฟอร์ม
“ฉันก็มีละครแห่งปีรอให้เล่นอีกหลายเรื่อง มันช่วยไม่ได้จริงๆ...ลาก่อนนะคะ อิงค์กี้จะจดจำแสนไว้ในใจตลอดไป” อิงค์กี้อดอาลัยอาวรณ์แสนไม่ได้
คุณหญิงเหมือนกล่าวลาแสน และย้ำตนจะรอเขาเสมอ แสนให้ได้เพียงคำอวยพรขอให้สองสาวเดินทางปลอดภัย สองสาวพยายามหักใจ คุณหญิงเหมือนเข้าไปกระซิบกับอันยา
“ระหว่างเธอกับยัยปุ๊กลุก ที่ไม่รู้ว่าท้องกับใคร ฉันยอมยกแสนให้เธอ...ถ้ามันได้แสนไปฉันคงต้องเอาปี๊บคลุมหัวบินไปเมืองนอก อย่าไปยอมมันเชียว”
อันยาชะงักสบตาคุณหญิงอย่างคาดไม่ถึง...สองสาวไฮโซเดินเชิดดุจนางพญา โบกมือลาแสนอย่างอาลัยไปขึ้นรถที่มารับ ท่าทางสองสาวจะปรองดองกันได้ดี
ooooooo
ทางเพียงพอดี บุรินทร์ได้ฟังเสียงโกมลที่คิมหันต์กับเมขลาอัดมาได้ ถึงกับทึ่งถามไม่กลัวต้องคดีไปด้วยหรือ คิมหันต์กลืนน้ำลายเอื๊อก...กลัว แต่มันทำให้ความรู้สึกผิดต่อแสนจบลงเสียที ตนกับอันยายินดีที่จะรับโทษนั้น บุรินทร์ไม่ถือโทษ แต่เรื่องมันเข้าสู่ขบวนการกฎหมายไปแล้ว
ออกมาจากห้องบุรินทร์ เมขลาปลอบใจคิมหันต์ เขากลับบอกว่า เจ้านายเธอใจดีมาก ตนเข้าใจความรู้สึกของอันยาแล้วที่เขาทำทุกอย่างอยากให้แสนยกโทษ เพราะมันรู้สึกแบบนี้นี่เอง
เมื่อบุรินทร์เอาหลักฐานมาให้พิลาสินีฟัง ว่าแสนไม่ใช่คนผิดเลย พิลาสินีอึ้งที่ตนโกรธแสนมาตลอดหลายเดือน ตนจะทำอย่างไรดี เพราะพูดจารุนแรงกับเขาไว้มาก
“แพม...คุณไม่รู้นี่ว่ามันจะมีการใส่ร้ายกันเกิดขึ้น” บุรินทร์ปลอบ
“แพมทำร้ายแสนได้ยังไง...” พิลาสินีร้องไห้ด้วยความร้าวรานใจ...
ด้านไร่แสนรัก พอสองสาวไฮโซไม่อยู่แล้ว สินรู้สึกไร่เงียบจนเหงาหู สินถามหนานปิงจะเอาอย่างไรต่อไป เหลืออันยาเพียงคนเดียวยังต้องแข่งอะไรอีก ปุ๊กลุกพยายามเสนอหน้าชี้ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่ามีตนอยู่อีกคน ฟองคำเสนอให้อันยาปลูกสตรอว์เบอร์รี่ต่อไป ถ้างอกงามดีพวกเราก็ยอมรับ ส่วนปุ๊กลุกไม่ต้องทำอะไร เด็กออกมาเมื่อไหร่ก็พิสูจน์ได้เอง ทุกคนเห็นด้วยยกเว้นปุ๊กลุกที่หน้างอ เจ็บใจเห็นอันยาได้หน้าอยู่คนเดียว
เย็นวันนั้น อันยาเห็นมิสคอลจากคิมหันต์เป็นสิบมิสคอลก็แปลกใจ จะโทร.กลับเผอิญแบตหมด เธอควานหาที่ชาร์จแบต ปรากฏว่ามันแตกเสียหายไปเพราะน้ำมืออิงค์กี้แล้ว
วันรุ่งขึ้น อันยามาขอติดรถสิงห์เข้าเมืองเพื่อไปซื้อที่ชาร์จแบตใหม่ สิงห์ยิ้มกริ่ม จัดแจงให้เธอไปกับแสนทันที อันยาหน้าเหวอๆ แสนก็ไม่กล้าปฏิเสธเพราะสิงห์เอาเรื่องการประหยัดพลังงานมาอ้าง...ระหว่างทาง อันยาพยายามชวนแสนคุยไม่ให้อึดอัด แต่กลายเป็นทำให้เขาเสียสมาธิ ขับรถเฉียดขอบทาง อันยาร้องกรี๊ดซบหน้าลงกับไหล่เขาหลับตาปี๋ จนรถจอดสงบ
“คุณไม่มีอะไรแล้ว เงยหน้าขึ้นมาได้แล้ว คุณ...” แสนก้มหน้าเรียก
อันยาเงยหน้าขึ้น จมูกชนกับหน้าแสน เธอผละออกหลบหน้าอย่างหวั่นไหว แสนเก้อๆ...พอฟองคำรู้จากสิงห์ว่าอันยาไปกับแสนก็เป็นห่วงอันยาคงอึดอัดใจน่าดู แต่สินว่าลูกชายต่างหากที่จะอึดอัด เพราะเก๊กใส่เธอไว้เยอะ พอต้องอยู่กันสองต่อสอง คงต้องเก๊กจนเมื่อย
จริงอย่างที่สินคาดเดา แสนเก๊กหน้าจอดรถส่งอันยาลงที่ห้างสรรพสินค้าในเมือง แล้วกำชับว่าจะกลับมารับตอนบ่ายสอง อันยาอมยิ้มดีใจที่เขายังเป็นห่วง
พออันยาได้ก้าวเข้ามาในห้าง เธอรู้สึกสดชื่นกับบรรยากาศที่คุ้นเคย ไม่ทันไรก็จามออกมาหลายที รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว แต่เธอยังสนุกกับการได้เดินดูของสวยๆงามๆ เธอรีบตรงไปยังร้านขายโทรศัพท์ เลือกซื้อที่ชาร์จแบต พลันพอจะชำระเงินก็รู้ตัวว่ากระเป๋าสตางค์หาย อันยาตกใจเพราะต้องรอแสนถึงบ่ายสอง หิวก็หิว เห็นเด็กวัยรุ่นสองคนเดินคุยกันมาแล้วกำลังจะทิ้งแซนด์วิชที่ยังไม่ทาน เพราะขี้เกียจถือ เธอตำหนิทันที
“นี่มันของดีๆทั้งนั้น น้องรู้ไหมคะว่า ชาวไร่ชาวสวนชาวนา กว่าเขาจะปลูกขึ้นมาให้เรากินได้ มันลำบากแค่ไหน อย่าทิ้งเลย”
สองวัยรุ่นมองอันยาอย่างสมเพชแล้ววางแซนด์วิชนั้นให้เธอ อันยาเหวอ นี่มันอะไรกันนี่ โกรธก็โกรธ เสียดายก็เสียดาย อันยาเอาแซนด์วิชนั้นมาให้สุนัขหน้าห้างกิน ฆ่าเวลาที่ต้องรอแสน
แสนมาทำธุระที่ธนาคาร เขาเอื้อมมือหยิบเอกสารในเก๊ะรถ ก็เห็นกระเป๋าสตางค์อันยาตกอยู่ที่พื้นรถ เขาเป็นห่วงเธอทันที...เสร็จธุระ เขารีบกลับไปหาเธอที่ห้าง เดินตรงไปยังแผนกขายโทรศัพท์ ถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ เธอบอกว่ามีผู้หญิงสวยเว่อร์ๆมาซื้อจริงแต่ลืมเอากระเป๋าสตางค์มา จึงฝากของไว้ก่อน แสนจัดการซื้อของนั้นให้เธอ แล้วเดินตามหาอันยาทั่วห้าง
อันยาเมื่อออกมายืนนอกห้าง อากาศร้อนทำให้เธอเริ่มจะหน้ามืด จึงคิดจะกลับเข้าห้างแต่มีรถแล่นมาคันหนึ่ง เขาบีบแตรให้เธอระวัง อันยาตกใจเป็นลมหมดสติลง...แสนกลับออกมาที่ลานจอดรถ เห็นคนมุงดูอะไรกัน จึงเฉียดเข้ามาดู พอเห็นว่าเป็นอันยาก็ตกใจ
จับตัวเธอร้อนจี๋เขารีบอุ้มพาเธอส่งโรงพยาบาลทันที
หมอบอกว่า อันยาอ่อนเพลีย มีไข้สูง อาจจะเพราะสภาพอากาศและร่างกายตรากตรำมามาก หมอให้นอนดูอาการสักคืน ถ้าไข้ลดก็กลับบ้านได้...แสนรู้สึกผิดนั่งเฝ้าอันยาไม่ห่าง
ooooooo
แม้ไม่มีใครสนใจ ปุ๊กลุกก็ไม่ย่อท้อ เข้ามาช่วยหยิบจับในบ้านให้ทุกคนเห็นความเป็นแม่บ้านแม่เรือนของตัวเอง พอได้ยินสินบอกคนอื่นๆว่าแสนนอนเฝ้าอันยาอยู่ที่โรงพยาบาล ก็ไม่พอใจ โวยวายว่าอันยาวางแผนหลอกแสนอีก หนานปิงติงอย่าคิดอกุศลกับหลานตน
“ทุกคน ไม่มีใครเห็นใจปุ๊กลุกเลยใช่ไหม ทั้งๆที่ปุ๊กลุกตั้งท้องลูกของพี่แสนอยู่แท้ๆ”
“ถ้าเธอแน่ใจในสิ่งที่ตัวเองพูด ก็ไม่ต้องกลัวไปหรอก แสนเขาไม่ใช่คนปัดความรับผิดชอบ เธอไม่จำเป็นต้องระแวงเกินเหตุ” ฟองคำเอือมระอา
ปุ๊กลุกน้อยใจ ที่ไม่มีใครเชื่อว่าแสนเป็นพ่อของลูกในท้อง ทำให้เคียดแค้นอันยามากขึ้น...ในขณะที่ โกมลเข้าประชุมในอำเภอ เพื่อนข้าราชการต่างชมเชยกับโครงการดีๆของเขาทำให้ได้งบประมาณก่อนใครโกมลยิ้มหน้าบานได้ไม่ทันไร มีตำรวจมาเชิญตัวไปสอบปากคำเรื่องขโมยเมล็ดพันธุ์บริษัทเพียงพอดี เขาทั้งอับอายและโกรธมาก
พอปรานีรู้ข่าว โกมลกลับมาเธอรีบซักถามเรื่องราวเป็นอย่างไร โกมลระเบิดอารมณ์เคียดแค้นจะเอาเรื่องอันยาให้ได้
ระหว่างเฝ้าไข้ แสนเฝ้ามองอันยาอย่างห่วงใยมันยากเหลือเกินกว่าจะทำใจมาถึงจุดนี้ได้ เขาเอื้อมมือจะลูบหัวเธอแต่ต้องกำมืออย่างหักห้ามใจ ดึงมือกลับ
วันต่อมา แสนขับรถพาอันยากลับมาถึงไร่แสนรัก ก่อนที่เธอจะลงจากรถ แสนส่งที่ชาร์จแบตและกระเป๋าสตางค์ของเธอให้ อันยาดีใจระคนแปลกใจ
“ฉันนี่...น่าจะชื่ออันโก๊ะมากกว่าจริงๆ เดี๋ยวฉันคืนเงินให้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอก”
“ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ แค่นี้ก็รบกวนคุณจะแย่อยู่แล้ว” อันยายื่นเงินให้
แสนจับมือเธอดันกลับ อันยามองมือแสนอึ้งๆ แสนปล่อยมือแล้วบอกให้เธอเข้าไปพักผ่อน และไม่ต้องห่วงไร่ มีคนงานไปรดน้ำให้แทน อันยาซาบซึ้งมองแสนเดินห่างออกไป ไม่ทันไร เขาหันกลับมา เธอชะงักรีบก้มหน้าเดินไปอีกทาง...แสนอมยิ้มบางๆ
อันยารีบชาร์จแบตโทรศัพท์ แล้วออกมาหาสัญญาณโทร.หาลดา เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นและฝากบอกคิมหันต์ว่า ตนได้รับมิสคอลเขาแล้ว แต่ติดต่อกลับไม่ได้
ตกเย็น อันยาอดไม่ได้ที่จะมาดูแลรดน้ำไร่สตรอว์เบอร์รี่ที่ตัวเองปลูก แม้จะรู้สึกง่วงหาวหวอดๆเพราะฤทธิ์ยาที่กิน หนานปิงกับสินแอบมอง รู้สึกเอ็นดูชื่นชมความตั้งใจของเธอมาก...ตกค่ำ ปุ๊กลุกย้ายออกจากกระต๊อบของอันยา อ้างเห็นว่าป่วย จะได้นอนคนเดียวสบายๆแต่อันยากลับเป็นห่วงที่ปุ๊กลุกท้อง เป็นอะไรขึ้นมาจะลำบาก จึงบอกมีอะไรเรียกได้
สายตาปุ๊กลุกไม่ได้ซาบซึ้งเลย อันยาจึงบอก “ช่างเถอะ ฉันมันนางมารไว้ใจไม่ได้ แต่ไม่โหดขนาดจะทำร้ายคนท้องคนไส้หรอกนะ ถือว่าเมื่อกี้ฉันไม่ได้เสนอตัวจะช่วยก็แล้วกัน”
“ขอบใจ แต่ฉันคงไม่มีเรื่องกวนเธอหรอก” ปุ๊กลุก เดินออกจากห้องสีหน้าครุ่นคิด
กลางดึก อันยาหลับไปเพราะฤทธิ์ยา ส่วนปุ๊กลุกนอนลืมตาโพลงเหมือนรอเวลา พอถึงเวลาเธอก็ลุกออกจากกระต๊อบ ลากแกลลอนยาฆ่าหญ้ามาที่แปลงสตรอว์เบอร์รี่ ของอันยา จัดแจงผสมน้ำยาแล้วเทราดลงบนต้นไม้ที่ปลิวไสวแววตาเหี้ยมโหด
จู่ๆ อันยาสะดุ้งตื่นเหมือนได้ยินเสียงบางอย่าง รู้สึกเป็นห่วงปุ๊กลุก จึงออกไปดูที่กระต๊อบไม่พบปุ๊กลุกแต่กลับเห็นเงาอะไรเคลื่อนไหวอยู่กลางนา อันยา แปลกใจเดินไปเพ่งมอง พอเข้าไปใกล้ เห็นปุ๊กลุกกำลังราดน้ำลงบนแปลงสตรอว์เบอร์รี่ มองไปเห็นแกลอนยาฆ่าหญ้าวางอยู่
“ทำอะไรของเธอ! หยุด...หยุดเดี๋ยวนี้นะปุ๊กลุก เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ” อันยาเข้าไปยื้อ
“ทำไมฉันจะทำไม่ได้ เธอมันดื้อ ตื๊อไม่เลิก พี่แสนเขาไล่แล้วก็ยังไม่ไป ถ้าต้นไม้พวกนี้ตายหมด ดูสิจะมีข้ออ้างอะไรอยู่ต่ออีก”
“นี่เธออยากให้ฉันกลับไปถึงกับต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ” อันยาแทบไม่อยากเชื่อ
“ถ้าไม่มีเธอสักคนฉันกับลูกก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้ พี่แสนเขาคงยอมรับเราแม่ลูกไปตั้งนานแล้ว เพราะเธอ... เพราะเธอคนเดียว...” ปุ๊กลุกต่อว่าและกระชากถังน้ำยามาราดไม่ยั้ง
อันยาร้องให้หยุดแต่สายไปเสียแล้ว น้ำยาไหลชุ่มฉ่ำไปทั่วแปลงสตรอว์เบอร์รี่ ปุ๊กลุกย้ำ
“แล้วอย่าคิดว่าจะฟ้องใคร ไม่มีใครสงสารเวลาที่คนชั่วโดนรังแกหรอก”
อันยาสุดทนอยากจะซัดซักป้าบ ปุ๊กลุกท้าถึงท้องก็สู้ อันยาเสียใจมาก รำพัน “ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ เธอรู้ไหม กว่าจะปลูกมันขึ้นมาได้ ไม่ใช่แค่ดินแค่น้ำที่ รดลงไป แต่ฉันใช้ทั้งใจของฉัน แล้วเธอก็มาทำลายมัน เธอ...เธอทำได้ยังไง” อันยาชะงักนึกถึงคำต่อว่าของแสน “คุณแค่อยากได้ผลประโยชน์ ถึงกับต้องหลอกลวงคนอื่น ทำลายเกียรติศักดิ์ศรีและความภูมิใจของคนคนนึง ทำให้เพื่อนไม่มองหน้าเขา แล้วยังทำลายโอกาสของเกษตรกรที่เขาดูแลอยู่ ทุกๆคนที่หวังจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แล้วมันต้องรอไปอีกนานเท่าไหร่ อันยา...คุณ...คุณทำได้ยังไง...”
เหมือนถูกฟาดเข้ากลางแสกหน้า มีความสว่างโพลงขึ้นมา ที่แท้แสนก็รู้สึกแบบนี้นี่เอง แต่เขาคงจะเจ็บกว่าตนหลายเท่า ปุ๊กลุกงงกับท่าทีของอันยา ถามน้ำยากระเด็นใส่จนบ้าไปแล้วหรือ อันยานิ่งอึ้ง หันมาเปรย
“ถ้าเราเข้าใจอะไรบางอย่าง มันเรียกว่าบ้า ฉันน่าจะบ้าไปตั้งนานแล้ว ไม่ว่าจะพูดยังไง อ้างเหตุผลกี่ร้อยกี่พันข้อ ว่าทำไมเราถึงต้องทำเรื่องเลวๆกับคนอื่น ไม่ว่าเหตุผลนั้นมันจะดีแค่ไหน มันก็ปิดความเห็นแก่ตัวไม่มิด”
“เธอนั่นแหละที่เห็นแก่ตัว!”
“ใช่ฉันเห็นแก่ตัว ก็เหมือนกับเธอไง เธอแทงข้างหลังฉัน เหมือนกับที่ฉันทำกับคุณแสนเขา” ปุ๊กลุก ส่ายหน้าไม่เหมือนกัน “นี่แหละ!ที่ใครๆก็ชอบอ้างว่าฉันเจอเรื่องเลวร้ายมา ฉันก็เลยต้องทำเพื่อความอยู่รอด...
ฉันเข้าใจแล้วว่าตัวฉันเคยเป็นยังไงมาก่อน เพิ่งจะเห็นตัวเองชัดก็วันนี้”
“แก...แกมันบ้าไปแล้ว!”
อันยาขอร้องปุ๊กลุก อยากไล่ตนวิธีไหนก็ได้ แต่อย่าทำร้ายต้นสตรอว์เบอร์รี่พวกนี้อีก จะให้ไหว้ก็ได้ อันยาจะเข้าไปใกล้ ปุ๊กลุกถอยกรูด หาว่าอันยาบ้าเพราะปลูกต้นไม้มาก รีบเก็บอุปกรณ์ทั้งหลายหนีไป อันยายังยืนอึ้งมองแปลงสตรอว์เบอร์รี่ที่เหี่ยวเฉาลงในทันทีน้ำตาซึม
ooooooo
เช้าวันต่อมา สิงห์ตกใจยืนมองแปลงนาของ อันยา ไม่อยากเชื่อว่าปุ๊กลุกจะใจร้ายทำลายต้นไม้เหล่านี้ได้ อันยาช่วยแก้ตัวแทนว่าปุ๊กลุกแค่อยากทำร้ายตนคนเดียว คงเป็นเวรเป็นกรรม
“อันยา...กรรมเกิมอะไรกัน”
“มันจะจริงหรือไม่จริง แต่มันทำให้ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณแสน ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเขารู้สึกยังไง”
สิงห์โต้ “ถึงคุณจะไม่เอาเรื่อง แต่ที่นี่เป็นไร่สตรอว์เบอร์รี่ปลอดสารพิษ อย่าว่าแต่ยาฆ่าหญ้าเลย ปุ๋ยเคมีเราก็ไม่เอาเข้ามา ผมคงปล่อยเรื่องนี้ไปเฉยๆไม่ได้”
“เรื่องนั้นก็แล้วแต่คุณ แต่คุณบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าฉันจะช่วยต้นสตรอว์เบอร์รี่พวกนี้ได้ยังไง”
สิงห์หนักใจเพราะยาฆ่าหญ้ามันแรงมาก ถึงจะย้ายดินที่ปลูก แต่สารพิษก็อยู่ในต้นแล้ว ต่อให้กู้ชีพมันขึ้นมาได้ เราก็ให้ใครกินสตรอว์เบอร์รี่ที่มีสารพิษตกค้างอยู่ไม่ได้...อันยาก้มมองแปลงนาอย่างสิ้นหวัง
มุมขายของฝาก ปุ๊กลุกกำลังช่วยจัดของขายขึ้นวางบนชั้น หันมาเห็นครอบครัวแสนหน้าเครียดเดินเข้ามา ก็เสียวสันหลัง ทำทีไม่สบายอยากไปนอนพัก จึงขอตัวกลับห้อง สินดักคอให้ไปตรวจโรงพยาบาล แล้วโทร.บอกญาติมารับกลับไปด้วย ปุ๊กลุกสะดุ้งรีบบอกว่าหายแล้ว
“ฉันก็ว่ายังงั้นแหละ ถ้าไม่แข็งแรง คงเอายาฆ่าหญ้าไปรดต้นไม้ไม่ได้หรอก” ฟองคำตำหนิ...ปุ๊กลุกผงะ เรื่องมาถึงตัวจนได้
“คุณแม่ คุณพ่อ คุณอุ๊ย ปุ๊กลุกขอโทษ อย่าโกรธเลยนะคะ ถือว่าเมตตาผู้หญิงบ้านนอกตาดำๆ หัวอกเมีย ใครจะทนเห็นผู้หญิงอื่นมาตื๊อผัวตัวเองไหว”
“แสนเขาเคยพูดเมื่อไหร่ว่าเขาเป็นสามีเธอ” สิงห์เหลืออด
“ถึง...ถึงทุกคนไม่เชื่อ แต่ปุ๊กลุกก็รักพี่แสนจริงๆและทำลงไปเพราะหวังดี อย่างน้อยถ้าไม่เห็นแก่ลูกสะใภ้คนนี้ ก็เห็นแก่เด็กตาดำๆ” ปุ๊กลุกลูบท้องตัวเองขอความเห็นใจ แต่สินเอ็ด
“พอที! อย่าเอาเด็กมาเป็นเกราะกำบังให้ตัวเองพ้นผิดเลย ทำผิดเองก็ต้องรู้จักรับเอง”
“แค่หนูอยากให้นังอันยามันออกไป ทำไมทุกคนต้องเข้าข้างมันด้วย”
“เธอเข้าใจผิดแล้ว อันยาเขาไม่เอาเรื่องเธอ แต่ที่พวกเรามา เพราะไม่พอใจที่เธอเอายาพิษเข้ามาในนี้” ฟองคำตำหนิ
“ยาพิษ! ยาฆ่าหญ้าเนี่ยนะ ใครๆเขาก็ใช้กัน แถวบ้านหนูซื้อกันทีเป็นคันรถ”
“ก็เพราะยังงี้ไง คนเดี๋ยวนี้มันถึงได้ป่วยได้ตายกันเป็น เบือ ที่อื่นเขาทำได้ รดยาฆ่าหญ้าลงไปบนแปลงอาหารสัตว์ อาหารคน แล้วคนก็กินมันเข้าไป แต่ไม่ใช่ที่นี่...ที่นี่เราเคารพในผืนดิน ป่าเขา สายน้ำที่บริสุทธิ์ เราไม่ทำลายมันเพราะความมักง่าย รีบ...อยากได้ผลประโยชน์เร็วๆจนยอมฆ่าคนทางอ้อมด้วยสารพิษ” หนานปิงทนไม่ไหว
ปุ๊กลุกยังไม่เข้าใจ หาว่าทุกคนเกลียดตน เพราะตนไม่ใช่นักเรียนนอกเหมือนอันยา ฟองคำสุดทน ต่อว่า “เธอรู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไรผิดแต่ไม่ยอมรับ นี่ถ้าไม่เห็นแก่เด็กที่ไม่มีความผิดนะ”
“คุณแม่จะไม่ไล่หนูไปใช่ไหมคะ ให้หนูกับลูกอยู่กับคุณแม่ อยู่กับพี่แสนเถอะนะคะ”
“เธอเอาเด็กมาอ้างให้พ้นผิดไม่ได้ แต่...เด็กก็ไม่ผิด และเขาไม่ควรจะมาเสี่ยง ถ้าเธอถูกไล่ไปตอนนี้”
หนานปิงเสริม ห้ามลบหลู่ธรรมชาติอีก ไม่อย่างนั้นจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ ครอบครัวแสนอบรมปุ๊กลุก ก่อนจะพากันเดินออกไป ทำเอาปุ๊กลุกจ๋อยสนิท
บ่ายวันนั้น สิงห์มาบอกทุกคนในบ้านเรื่องอันยาจะปลูกสตรอว์เบอร์รี่ที่โดนยาเหล่านั้นต่อ สินฟังแล้วอ่อนใจ ฟองคำเข้าใจความรู้สึกอันยาดี เพราะทำมากับมือ คงทำใจไม่ได้ที่จะปล่อยให้ตายไป แสนได้ฟังแอบถอนใจ
อันยาพยายามกู้ชีพสตรอว์เบอร์รี่ด้วยการย้ายแปลง เลือกต้นที่โดนยาไม่มากย้ายไปปลูกแปลงใหม่ ค่อยๆเซาะทีละต้นๆ น้ำตาซึมด้วยความสงสาร...แสนแอบมองอยู่ห่างๆ พอได้ยินเสียงคนมาก็จะผละไป แต่สิงห์ชิงถามก่อน
“รู้ไหม ทำไมอันยาถึงไม่ปล่อยให้สตรอว์เบอร์รี่ตาย...เพราะเขาอยากให้นายเห็นความตั้งใจของเขา สตรอว์เบอร์รี่นั่นน่ะ มันคือความเชื่อใจที่เขาอยากจะปลูกมันขึ้นมาใหม่ในใจของนาย แสน ในเมื่อนายช่วยเขาได้ ทำไมถึงไม่ทำ”
“ผมไม่รู้วิธีกู้ชีพสตรอว์เบอร์รี่จากยาฆ่าหญ้าหรอกนะครับ”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น หมายถึงช่วยให้อภัยน่ะ แค่นายยอมให้อภัย อันยาก็ไม่ต้องมาฝืนตัวเองอยู่แบบนี้”
“ผมบอกเขาแต่แรกแล้วว่าไม่ต้องทำ ไม่ต้องมายุ่ง ไม่ต้องอยู่ที่นี่ ให้กลับไปซะ แต่เขาก็ไม่ฟัง เขาทำตัวของเขาเอง” แม้จะปากแข็ง แต่สายตาแสนมีแววอ่อนไหว ทำทีไม่สนใจเดินไป สิงห์มองตามหลังญาติผู้น้องถอนใจในความใจแข็งของเขา...
ตลอดเวลาที่แสนพยายามอ่านหนังสือให้ลืมเรื่องอันยา แต่คำพูดของสิงห์ก็วนเวียนอยู่ในหัว ทำให้สมาธิกระเจิง ฟองคำเอาชาสมุนไพรมาให้ดื่ม แล้วนั่งข้างๆทำทีเป็นมองวิวนอกบ้าน
สักพักก็เอ่ยถาม รู้ไหมทำไมบ้านเราถึงไม่เลี้ยงนก แสนตอบว่าไม่อยากขังกรงพวกมัน
“ใช่ เราไม่อยากขัง ขังนกไว้ในกรง หรือว่าขังคนให้อยู่กับความรู้สึกผิด มันก็ไม่ต่างกันหรอกนะ...ถ้าแสนไม่ให้อภัยแล้วแสนมีความสุข แม่ก็จะไม่พูด เพราะสำหรับแม่ ความสุขของลูกสำคัญที่สุด แต่แม่กลับเห็นว่าแสนไม่มีความสุข เราขังเขาให้จมอยู่กับความรู้สึกผิด ก็เท่ากับเราขังตัวเราเองด้วย เหมือนเรายอมให้อดีตมันตามหลอกหลอนเราอยู่นะลูก”
แสนรู้สึกว่าคำพูดของแม่กระทบใจ “แล้วแม่ว่าผมควรเสี่ยงงั้นเหรอครับ เวลาที่คนเราทำพลาด ครั้งแรกเราอ้างได้ว่าเราไม่รู้ ครั้งที่สองเราอาจจะบอกได้ว่าเราเผลอ แต่ที่เขาหลอกผมมามันนับไม่ถ้วน โกหกตลอดเวลาที่มาเป็นเลขาให้ผม...ผมเสียงาน เสียความไว้วางใจ ความน่าเชื่อถือในสายตาของทุกคน และที่ยิ่งกว่านั้น ไม่ใช่แค่ผมที่ต้องเดือดร้อน ทั้งเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการก็ต้องมาลำบากไปด้วย แล้วอย่างนี้ผมควรจะเสี่ยงให้ตัวเองพลาดอีกงั้นเหรอครับ”
ฟองคำรู้ว่าลูกชายเจ็บปวดกับสิ่งที่ผ่านมาอย่างมาก
ooooooo
สองสามวันผ่านไป อันยายังคงค่อยๆรดน้ำให้สตรอว์เบอร์รี่ที่ย้ายมาปลูกแปลงใหม่อย่างเบามือ สิงห์เห็นแล้วสงสารอดเตือนไม่ได้ว่า ต้นหญ้าแข็งแรงกว่ายังตายเพราะยาฆ่าหญ้า แล้วสตรอว์เบอร์รี่จะรอดได้อย่างไร อันยาไม่ยอมแพ้ เชื่อว่าพวกมันเหมือนตัวเอง
“สตรอว์เบอร์รี่พวกนี้มีพิษตกค้าง มันแปดเปื้อนเหมือนฉัน ฉันไม่อยากให้มันตาย”
“อันยา คุณก็เห็นว่าสภาพมันตอนนี้เป็นยังไง”
“แต่มันก็ยังไม่ตาย บางที...มันอาจจะฟื้น พรุ่งนี้มะรืนนี้ก็ได้” อันยาขะมักเขม้นพรมน้ำ
ตกเย็น อันยาโทร.หาลดาเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองสู้ต่อ...วันรุ่งขึ้น สินกับหนานปิงคุมคนงานตัดแต่งใบสตรอว์เบอร์รี่อยู่ลมพัดโชยมา หนานปิงรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง
“อากาศมันแปลกๆนะ ต้องมีอะไรสักอย่าง”
สินกับคนงานงง...พอตกเย็น ทีวีรายงานข่าวไฟไหม้ป่าซึ่งเกิดจากฝีมือมนุษย์ ทำให้เกิดกลุ่มควันกระจายไปทั่ว สินทึ่งกับความหยั่งรู้ของพ่อตา สิงห์รีบถามว่าจะมีผลต่อไร่เราไหม...
รุ่งเช้า สิงห์มาบอกอันยาให้เลิกทรมานตัวเองเสียที เพราะควันหมอกจากไฟป่า มีผลกระทบต่อพืชไร่ที่ไม่แข็งแรง
“คุณจะบอกฉันว่ามันไม่มีประโยชน์ใช่ไหม ยังไงพวกมันก็จะตาย...” เห็นสิงห์นิ่งเป็นคำตอบ “ทำไม ทำไมต้องเป็นตอนนี้ เราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”
“เมื่อก่อนคุณอยู่ในเมือง คงไม่รู้สึกอะไรมาก แต่กับที่นี่ ทุกอย่างมันตรงไปตรงมา ถ้าธรรมชาติแย่เราที่อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ก็จะได้รับผลนั้นทันที...ธรรมชาติให้ทุกอย่างกับเรา แล้วก็เอาทุกอย่างคืนไปได้ตลอดเวลา”
“แต่ไฟป่าครั้งนี้ไม่ใช่ฝีมือธรรมชาติ มันเป็นเพราะคนบุกรุกป่า” อันยาแย้ง
สิงห์ตอบว่า การกระทำของคนส่งผลต่อธรรมชาติ อันยาเศร้าสลดลง พลันนึกได้ว่าแสนอาจจะช่วยได้ เธอต้องไปขอความช่วยเหลือจากเขา อันยาวิ่งพรวดพราดออกไป
ooooooo